จริงๆ คงไม่ใครคิดว่ากลัวเสียหน้าหรอกดีซะอีก เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและคนไข้โดยตรง
แต่ปัญหามีคือการจัดการโดยองค์รวม กว่าจะผลิตยาชนิดหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ประเด็นคือ
1. การหาสารออกฤทธิ์ (active ingradient) หน่วยงานไหนทำดี???? กว่าจะ isolate และวิเคราะห์ว่าเป็นสารตัวใด ออกฤทธิ์ต้านมะเร็งด้วยขบวนการใด ใครจะมาทำ ใช้เวลากี่ปี
http://lh6.ggpht.com/-3AY3WNWGTCQ/UZCDJBG9eaI/AAAAAAAAGH4/JdMnKwtZddM/mode%252520of%252520action%252520of%252520anticancer%252520drus_thumb%25255B4%25255D.gif?imgmax=800
2. Animal model ต่อไปทดสอบความเป็นพิษ
3. Clinical study ในมนุษย์ กว่าจะผ่าน Ethic committee กว่าจะผ่าน Phase I, II, III, IV ใช้เวลาอีกซัก 10 ปี ใครเป็นเจ้าภาพในการทำ?? ทำเป็นแบบไหนดี?? Radomized double blind study ??
https://www.fda.gov/ForPatients/Approvals/Drugs/ucm405622.htm
4. งบประมาณของทั้งโครงการ กี่ร้อยล้านดี
5. แง่ของ Production ให้ใครผลิต?? สร้างโรงงานผลิตอีกเท่าไหร่
ส่วนแง่อื่นๆ ขอชี้แจงให้เข้าใจดังนี้
ุ1. เรื่องยาต้านไวรัส ไทยไม่ได้เป็นคนคิดค้นยา แต่อาศัย Compulsory License เพื่อทำการผลิต โดยการซื้อ active compounds มาจากอินเดีย กว่าจะต่อสู้กับบริษัทยาข้ามชาติได้ แทบตาย
ตอนต่อสู้กับบริษัท Abbott เรื่อง CL ของ Kaletra ก็อ่วมมาทีนึงละ ยังไม่รวมยาอื่นๆ อีก มากมาย คราวต่อไปต้องขอแรงคนในปาล์มไปช่วยประท้วงด้วยนะ
2. คนบางคนอาจยังไม่รู้ว่าบริษัทยามีอิทธิพลขนาดไหนระดับโลก มี Lobbyist ในการเมืองระดับโลก ไม่ใช่ระดับประเทศ ดังนั้นการที่ประเทศเล็กๆ อย่างเราจะไปต่อกร คงเป็นเรื่องแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
3. การใช้สมุนไพรในการรักษาโรค จัดเป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องทราบด้วยว่า สารใดในสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ในการรักษาโรค ต้องใช้โดสเท่าไหร่ มีสารเป็นพิษตัวไหน ทานกี่วัน วันละกี่ครั้ง ก่อนอาหารหลังอาหาร มี contraindication อะไร อีกอย่างสมุนไพร ในแต่ละฤดูก็ให้สารออกฤทธิ์ที่ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นในต้องทำให้มั่นใจว่าปลอดภัยและสามารถรักษาโรคได้จริงๆ ก็นำมาใช้จริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาบอกว่าหาย โดยขาดประจักษ์พยานและหลักฐานทางการแพทย์
4. Patent ยาของบริษัทยาข้ามชาติ โดยเฉพาะยามะเร็ง โหดร้ายจริงๆ บางตัว 60 กว่าปี กว่าจะหลุด Patent ได้ กว่าจะเป็นยา Generic เรื่องราคาก็โหดร้ายมากๆ ยิ่งยาตัวใหม่พวก Immunotherapy ที่กำลังจะออก ทั้ง course ก็หลายล้าน แล้วจะมีใครบ้างสามารถเข้าถึงการรักษาได้
5. การที่ตำหนิรัฐบาลว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทยา ขอบอกตามตรงเลยว่าไม่จริง คงไม่มีประเทศไหนหรอกที่โง่ ยอมซื้อยาแพงมหาศาลจากบริษัทยา
แค่นี้งบประมาณการทางด้านสาธารณสุขก็อ่วมอยู่แล้ว พอบอกจะยกเลิก 30 บาท แน่นอนคนต้องมารุกต่อต้าน รวมทั้งเกย์ในนี้ด้วย
ดังนี้การผลิตยาได้เอง จึงเป็นเรื่องดี แต่เป็นความฝันอันห่างไกลของคนไทยต่อไป
