รู้ไหมครับว่า วันนี้ทั้งสวิตเซอร์แลนด์และนอร์เวย์นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะทำสัญญาการค้าต่างๆ ไว้กับ อียู แล้ว เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้จะไม่สามารถอยู่รอดชีวิตมาได้อย่างทุกวันนี้ลองพิจารณา facts ต่อไปนี้จะเห็นภาพชัดเจน
- สวิสนำเข้าสินค้าจากประเทศสมาชิกอียูมูลค่าต่อปี 108 พันล้านยูโร หรือ คิดเป็น 74.4% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด
- สวิสเป็นคู่ค้าที่สำคัญของ อียู เป็นอันดับ 4 ตามหลัง อเมริกา จีน และ รัสเซีย
- เยอรมนีถือว่าเป็นประเทศลูกค้านำเข้าสินค้าจากสวิส และอัตราการนำเข้า 1 ใน 5 ของสวิสนั้นนำเข้าสินค้าจากเยอรมนี
- ปัจจุบันมีชาวเยอรมันจำนวน 290,000 คนอาศัยอยู่ในสวิส ซึ่งเป็นคนทำงานในระดับฝีมือทั้งหมด นั่นหมายถึงว่าสวิสเองขาดแรงงานระดับความรู้และฝีมือสูงอย่างมาก การที่ต้องนำเข้าคนเยอรมันเข้าไปจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้าไปทำความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้แก่สวิสอยู่ทุกวันนี้
เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่รอด จึงมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่ทั้งนอร์เวย์และสวิสให้แก่ อียู ที่จะชี้ให้เห็นอย่างคร่าวๆ ก็คือ การที่ต้องเปิดประเทศให้กับประชาชนในประเทศสมาชิก อียู เข้าไปทำงานได้ ต้องเปิดด่านเข้ากลุ่ม เชงเก้น และที่สำคัญที่สุดคือต้องจ่ายเงินเข้าร่วมสมทบในงบประมาณของอียูด้วย ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ อย่างนอร์เวย์นี่จ่ายล่าสุดอยู่ที่ปีละ 1.8 พ้นล้านยูโร สวิสก็จ่ายใกล้เคียงกัน
แถมนอกจากนั้นแล้ว กฏหมายที่ อียู กำหนดออกมาในหลายๆ เรื่องที่ทั้งสวิสและนอร์เวย์เกี่ยวข้องด้วยนั้น มีแต่สมาชิก อียู เท่านั้นที่มีสิทธิออกเสียงเห็นด้วยหรือคัดค้าน แต่สวิสและนอร์เวย์ไม่มีสิทธิแอะเลยได้แต่ต้องทำตามกฏหมายอย่างเดียว
นอร์เวย์นั้นพยายามยื่นเรื่องเข้าเป็นสมาชิก อียู มาแล้วถึง 4 ครั้ง ( ปี 1962, 1967, 1970 ปี 1992) แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญของทั้งนอร์เวย์และสวิสนั้นการตัดสินใจจะต้องผ่านการลงประชามติ การลงประชามติครั้งหลังสุดก็คาบเกี่ยวแพ้ชนะกันอย่างหวุดหวิดราว 49 ต่อ 51
ตั้งแต่การลงมติล่าสุดของชาวสวิสที่ต้องการ "จำกัด" จำนวนผู้อพยพจากประเทศสมาชิก อียู เข้าไป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง อียู กับ สวิส ในปัจจจุบันนี้อยู่ในภาวะ "เย็นชา" ซึ่งตามขั้นตอนของกฏระเบียบแล้ว สวิสจะต้องออกกฏหมายมาให้แน่ชัดว่าจะลงมือปฏิบัติการอย่างไร
ถึงตอนนั้นเอง อียู ก็จะบอกว่า "ผิด" ข้อตกลงที่เคยทำกันไว้หรือไม่ ซึ่ง อียู ประกาศไว้แล้วว่าจะไม่มีการเจรจาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขแน่นอน
นั่นหมายถึงว่า สวิสต้องตัดสินใจว่า จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่มี อียู หรือ ต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกในที่สุด
นี่คือสถานะการณ์ปัจจุบันระหว่าง สวิส กับ อียู
ส่วน นอร์เวย์นี่ ต้องบอกว่าในแง่ความสัมพันธ์กับ อียู แล้ว นอร์เวย์เข้าไปใกล้ชิดกับ อียู เสียยิ่งกว่าสวิส อีก ดูได้จากการที่นอร์เวย์นั้นทำสัญญา European Economic Area แล้วในขณะที่ สวิส เพิ่งจะเริ่มต้นเข้าไปในส่วนแรกเท่านั้น
สำหรับอังกฤษนั้น ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ทำให้อังกฤษจะอยู่ใน อียู ไม่ได้ก็เพราะ การที่จะต้องเสียฐานธุรกิจการเงินในลอนดอนจากที่เป็นอยู่ เนื่องจาก อียู จะต้องออกกฏเกณฑ์มาในอนาคตที่จะควบคุมธุรกิจการเงินและธนาคารของ อียู มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะควบคุมภาวะเศรษฐกิจและการเงินให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ในทางด้านการค้าขายแล้ว การที่อังกฤษออกจาก อียู ก็จะซวนเซเหมือนๆ กับการที่ สวิสและนอร์เวย์จะออกจาก อียู เหมือนกัน