We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดลับเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR (บอร์ดรูป Devil), (บอร์ดวีดีโอ Zombie) ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Subject: "กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ" Archived thread - Read only
 
  Previous Topic | Next Topic
Printer-friendly copy     Email this topic to a friend    
Conferences ThE LoveR Topic #207182
Reading Topic #207182
tongkeepma
Member since 2-Aug-18
7 posts, Rate this user

"กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
 
19-Aug-18, 01:07 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail tongkeepma Click to send private message to tongkeepma Click to view user profileClick to add this user to your buddy list  
   ชั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ พี่ๆ เพื่อนคนไหนใครเชื่อว่ามีจริงไหมคะ ชั้นจะได้นอนตายตาหลับค่ะ


 
|
| boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน
Printer-friendly page | Top

กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ [View All], tongkeepma, 01:07 PM, 19-Aug-18, (0)  

Conferences | Topics | Previous Topic | Next Topic
เป็นวิมานอยู่บนดิน
Guest

1. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #0
 
19-Aug-18, 01:37 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เชื่อค่ะ เคยไป
เด็กไทใหญ่ควยใหญ่ร้านนวดพาไปประจำ


  Printer-friendly page | Top
ส่ากู
Guest

15. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #1
 
21-Aug-18, 07:59 AM (SE Asia Standard Time)
 
   >เชื่อค่ะ เคยไป
>เด็กไทใหญ่ควยใหญ่ร้านนวดพาไปประจำ
อูยยยย ต้องเปย์กี่บาทคะ? ถึงจะได้ไปสวรรค์
ดั๊นอยากไปบ้าง พาดั๊นไปหน่อยสิคะ


  Printer-friendly page | Top
ขอหล่อที่ใจ
Guest

2. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #0
 
19-Aug-18, 02:19 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >ชั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ พี่ๆ
>เพื่อนคนไหนใครเชื่อว่ามีจริงไหมคะ ชั้นจะได้นอนตายตาหลับค่ะ
ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆแล้วไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์
ถือว่าคุณยังไม่ถึงแก่นของพุทธศาสนาและอาจจะเป็นชาวพุทธแต่ในนามเท่านั้นครับ
ถ้าคุณยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆคุณก็จะรู้ว่าท่านได้สอนเรื่องนี้ไว้ชัดเจนครับ
ลองหาหนังสือธรรมะดีๆ สักเล่มอ่านจะเข้าใจเองครับ ในเพจธรรมดีๆก็มีหลายแหล่งครับ
อ่านหนังสือคำสอนของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา พระสังฆราช ใน youtube ก็ได้ครับ
บางทีเราหลงทางกับคำพูดของคนที่มีกิเลสหนา คุณจะไปยึดถือตามเขาไม่ได้นะครับ
เพราะมันไม่ใช่คำสอนตามแนวทางของพระพุทธเจ้าและไม่ใช่คนที่มีสัมมาทิฏฐิ
เช่น ถ้าคุณพยายามมาถามในบอร์ดที่คนส่วนใหญ่ในนี้เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้คุณก็จะเขว เพราะหลายคนคนประเภทมิจฉาทิฏฐิ
หากเราได้ฟังข้อมูลจากคนแบบมิจฉาทิฏฐิเราก็จะหลงทาง เรื่องนี้สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ธรรมครับ
คุณต้องมีจิตแบบสัมมาทิฏฐิก่อนแล้วก็ศึกษาจากหลายๆแหล่งและให้ถูกแหล่งด้วยครับ
ถ้าในบอร์ดคนที่พอจะตอบได้ดีก็มีอยู่บ้าง คุณต้องสังเกตเองครับว่าใครเป็นยังไง แต่แนะนำให้ศึกษาให้ถูกแหล่งจะได้ความคมชัดมากกว่าครับ
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เป็นความจริงทุกอย่าง
ถ้าคุณจะเชื่อเรื่องกรรมกับนรกสวรรค์ก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียหายอะไร
เพราะจะทำให้คุณเดินในเส้นทางที่ปลอดภัยและระวังการใช้ชีวิต
เมื่อคุณจากไปแล้วมีแต่เรื่องไม่ดีติดตัวไป ถ้านรก-สวรรค์มีจริงคุณจะทำยังไง จะไปทำตอนตายแล้วคงสายไปแล้วนะครับ
สิ่งที่เราทำไว้ในปัจจุบันไม่ว่ากรรมดี-กรรมชั่ว จะเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ
นี่แหล่ะครับกำหนดว่าเรามีจิตอยู่ในสวรรค์หรือนรกจะดูจากตรงนี้ครับ


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ปรีดาภรณ์
Guest

3. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #2
 
20-Aug-18, 07:03 AM (SE Asia Standard Time)
 
   @ ตามความคิดเห็นที่ 2 เลยค่ะ

สัมมาทิฏฐิ และ มิจฉาทิฏฐิ คือหัวใจสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนาและหลักธรรม

ความหลงในมิจฉาทิฏฐิ คือเอาใจวางผิดที่ ก็เปรียบเสมือนคนเดินหลงทางแล้วมีคนบอกทางถูกต้องก็ไม่สนใจ แล้วก็จะไปเรื่อย ๆ เช่นนี้จะยากมากที่จะเข้าใจธรรมะที่ถูกต้องค่ะ

บุคคลที่มีลักษณะมิจฉาทิฏฐิ จะทำให้ตีความธรรมะผิดตามวิธีการคิดของตนเอง แบบใช้กิเลสและอัตตาตัวเองแทน ไม่ได้ยึดหลักคำสอนที่ถูกต้อง

ลักษณะของผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ คือ ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ ไม่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม 3 ประการนี้สำคัญมากค่ะ โดยเฉพาะข้อสุดท้าย

หากไม่เชื่อเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม จะทำให้สร้างกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นนิสัย เป็นอาจิณกรรมจนไม่สามารถหยุดได้

กรรม เป็นคำกลาง ๆ มีทั้งกรรมดี (กรรมขาว) และกรรมไม่ดี (กรรมดำ) เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญที่สุดในบรรดาธรรมะของท่าน

กรรม สร้างได้ 3 ทาง คือ กรรมทางใจหรือกรรมทางความคิด (มโนกรรม) กรรมทางการพูด เขียน (สื่อสารแทนพูด (วจีกรรม) และกรรมที่ลงมือกระทำ (กายกรรม)

ในบรรดาอกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นเส้นทางของการสร้างบาปนั้น พบว่า เรื่องวจีทุจริต มีถึง 4 ประการ เกือบครึ่งหนึ่งเป็นวจีกรรม ซึ่งหลายคนไม่พึงระวัง

หลาย ๆ ครั้งเราจะพบว่ามีคนสร้างวจีกรรมทางโซเชียล และเว็บบอร์ดมากมาย ที่เป็นวจีทุจริต ทั้งหยาบคาย เสียดสี เพ้อเจ้อ หรือแม้แต่การใส่ร้ายประทุษร้ายทางคำพูด (ข้อเขียน)

แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นการสร้างกรรมที่ไม่ดีต่อตัวเอง เป็นบาปที่เกิดขึ้นได้ง่ายและสะสมเรื่อย ๆ ได้ แต่เราจึงจะเห็นว่าคนที่มีมิจฉาทิฏฐิ เขาก็จะไม่สนใจเรื่องนี้

จิตสุดท้ายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการไปภพภูมิใหม่ จะไปอบายภูมิ หรือ ไปสุขคติภูมิ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของคน ๆ นั้น มีอาจิณกรรม (หมั่นทำกรรมอะไรไว้)

ถ้าหมั่นทำกรรมดี สร้างบุญกุศล ตามแนวทางบุญกิริยาวัตถุ 10 และการเจริญสติ เจริญภาวนาได้ ย่อมไปในทางที่ดีและสว่าง นี่เรียกว่า คือทางไปสวรรค์ค่ะ

ส่วนถ้ามีแนวทางชีวิตไปในการสร้างกรรมดำเป็นอาจิณกรรม ก็จะย่อมมีจิตที่ดึงไปสู่สุขคติภูมิค่ะ

จิตช่วงท้าย ๆ ของชีวิตนั้นเราจะควบคุมไม่ได้นะคะ ต่อให้สะกดจิตตัวเองให้คิดแต่เรื่องดี ๆ แต่ถ้าส่วนในชีวิตมักสร้างแต่อาจิณกรรมที่ไม่ดีไว้ มันก็จะเกิดหลงตายเพ้อไปในทางไม่ดีค่ะ

ถ้าลองไปสังเกตคนที่ใกล้ตายดูสิคะ หรือคนที่ป่วยหนัก มักจะมีอาการเพ้อต่าง ๆ เช่นนี้เรียกว่าภาวะหลงตาย และจิตมักจะคิดถึงในสิ่งที่ตนเองเคยทำไม่ดีไว้ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

หมอบางคนทำงานกับคนไข้ก็จริง แต่ไม่ได้มีโอกาสเห็นคนไข้ช่วงระยะท้าย ๆ มีการเพ้อหรือหลงตาย จึงทำให้หมอบางคนไม่เชื่อเรื่องการมีจิตไปเวียนว่ายตายเกิดและสวรรค์นรก

คนที่ไม่ประมาทในธรรมจะต้องสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ มีสติสัมปชัญญะ ปัญญาทางธรรมในการศึกษาเรื่องภาวะของจิตค่ะ เพราะจิตเป็นนามธรรม ไม่เหมือนร่างกายที่เป็นรูปธรรมะ

เมื่อเราทุกข์ใจมาก ๆ สังเกตได้ใช่ไหมคะว่ามันคือความทุกข์ที่ไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่สามารถวัดได้เป็นหน่วยทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์ใด ๆ

แต่เรารู้ได้ว่ามันทุกข์ นี่แหละค่ะคืออำนาจของจิต และมักเป็นผลกระทบของมโนกรรม (กรรมทางใจ) เสียส่วนใหญ่ด้วยค่ะ

เมื่อเรามองแค่ตรงนี้ก็พอจะบอกได้แล้วใช่ไหมคะว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ไม่ใช่แค่คำพูดที่เอามาใช้เปรียบเปรยเท่านั้น แต่จิตนั้นจะไปสวรรค์ หรือ นรกอยู่ที่มโนกรรมนี่แหละค่ะ

ดังนั้น มโนกรรม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากใครมีมโนกรรมที่คิดร้าย มุ่งร้าย พยาบาท อาฆาต หรือ จิตอกุศลจากวจีทุจริตและการกระทำไม่ดีต่าง ๆ ก็จะพาจิตไปอบายภูมิได้

ส่วนคนที่มีมโนกรรมด้านกุศลเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือใบเบิกทางที่จะพาไปในภพภูมิที่ดีค่ะ พรหมภูมิ สุขคติภูมิ อะไรทำนองนี้ แต่ต่อให้พลาดไปตกอบายภูมิก็น่าจะกลับมาเร็ว

ในพุทธกาลมีเรื่องราวที่พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปเกิดใหม่เป็นสัตว์ก็มีค่ะ เพียงเพราะมโนกรรม หรือกรรมทางใจนั้นไปยึดมั่นถือมั่นในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต

แต่หากผ่านช่วงการใช้ชีวิตในภพชาตินั้นไปแล้ว เมื่อร่างสัตว์ตายลง ก็ได้ไปเสวยผลบุญที่ได้เคยทำมาค่ะ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าการดูแลจิตใจเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ

ดังนั้น หากเรายังมีแนวทางการทำจิตให้ไม่บริสุทธิ์ ยังหมกมุ่นในอบายมุข หมั่นเติมกิเลสให้จิตตนเองเรื่อย ๆ หนทางจะไปไหนในภพชาติหน้า ก็น่าจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมคะ

แต่ถ้าไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีก ก็ต้องฝึกจิตให้มาอยู่ในแนวทางของวิปัสสนากรรมฐานให้ได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ดิฉันก็พยายายามฝึกเช่นกัน ค่อนข้างยากแต่ก็พยายามทำ

แล้วก็คิดว่าจะค่อย ๆ ห่างจากเว็บบอร์ดปาล์มนี้ เพื่อให้จิตตัวเองอยู่ในทางสงบ แม้ว่าบอร์ดจะมีโอกาสให้ตอบคำถามช่วยเหลือคนอื่น แต่หลาย ๆ อย่างก็กระตุ้นให้เราเกิดกิเลสด้านมืดได้

ดิฉันคงต้องใช้เวลาสักพักค่ะ แต่ก็เอาใจช่วยให้ จขกท. และคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมไปอยู่ในจุดที่ใจสงบ เย็นสบาย และก็ไปสู่ทางเจริญสติ เจริญวิปัสสนากรรมฐานได้

แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ขอให้ยึดหลักพรหมวิหาร 4 เจริญเมตตาได้เป็นสำคัญ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ แล้วค่ะ

สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า ขอให้ จขกท. ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก โดยจะต้องหมั่นฟังเทศน์ ฟังธรรม รวมถึงอ่านหนังสือธรรมะจากพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ถ้าหนังสือเขียนโดยบุคคลปุถุชน ก็ให้ดูว่าเขาได้ยึดหลักแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ซึ่งก็มีหลายท่านเขียนได้ดีค่ะ

ข้อสังเกตคือจะต้องมีความเป็นสัมมาทิฏฐิ จะต้องมีพูดถึงเรื่องกรรม ศีล สมาธิ การเจริญสติ การเจริญวิปัสสนาด้วย ไม่ใช่เน้นแต่การทำทานเท่านั้นค่ะ

หากขาดการพูดเรื่องกรรม แสดงว่ายังไม่มาถึงแก่นสารของพระพุทธศาสนา เพราะจะทำให้คนหลงในมิจฉาทิฏฐิได้ค่ะ

แต่แนวทางในการพ้นทุกข์ คือ พระหรือหนังสือเหล่านั้นจะต้องมีการรพูดเรื่องการเจริญสติ การทำสมาธิ (รวมถึงการแผ่เมตตา) วิปัสสนากรรมฐาน อะไรทำนองนี้ด้วยค่ะ

ดิฉันแนะนำให้อ่านหนังสือ อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม และ ชีวิตนี้น้อยนัก ของสมเด็จพระญาณสังวรนะคะ แล้วคุณจะได้พื้นฐานสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องค่ะ

เมื่อได้จุดนี้แล้วค่อยขยายไปฟังเทศน์ ฟังธรรมและหนังสือธรรมะเล่มอื่น ๆ ค่ะ


  Printer-friendly page | Top
Bussaba click here to view user rating
Member since 11-Apr-11
1318 posts, 13 feedbacks, 26 points

4. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #3
 
20-Aug-18, 09:33 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail Bussaba Click to send private message to Bussaba Click to view user profileClick to add this user to your buddy list  
เมื่อก่อนเชื่อมากค่ะ
เชื่อว่าทำดีต้องได้ดี เลยไม่กล้าทำบาป
ไม่ทำชั่ว เชื่อว่ากงกรรมกงเกวียนมันมีจริง

โตขึ้นมา เลยเข้าใจว่า
คำว่าสวรรค์ จริงๆ มันแล้วแต่คนตีความค่ะ
สวรรค์ คือความสุข ที่อยู่ในใจ ความสุขที่ใช้ในการดำเนินชีวิต
เมื่อตายไปก็ไม่มีพันธะ ไม่มีความห่วงให้ต้องทุกข์

เรื่องของเทวดาเจ้าที่ผีเรือน
คือกุศโลบายที่ทำให้ตัวให้ใจรู้สึกมีที่พึ่งมากกว่าค่ะ


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ป้าดอก พร้อมเปย์
Guest

5. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #4
 
20-Aug-18, 10:35 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ถ้าถามว่า
เชื่อมั้ยที่นอกโลกมีมนุษย์ต่างดาวอยู่
คนส่วนใหญ่คงตอบว่า
มันก็น่าจะมีแหละเนาะ
จักรวาลออกกว้างใหญ่
ดาวเคราะห์มีตั้งมากมาย
มันคงไม่มีแค่โลกนี้หรอก
ที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่

แต่พอถามเรื่องสวรรค์ นรก ภพภูมิอื่นๆ
คนจำนวนไม่น้อยที่มั่นใจว่าไม่มี

เออ ! มันก็น่าแปลกใจเนาะว่า
ทำไมตอนนี้ถึงคิดว่าไม่มีวะ

สมมุติมีดาวดวงนึง
ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์
คนบนนั้นไม่ต้องแก่งแย่งกัน
ทุกบ้านมีสวนลาเวนเด้อร์ขนาดใหญ่มาก
ชีวิตมีแต่ความสุขสบาย

คนบนโลกที่มีโอกาสไปเห็น
เลยเรียกที่นั่นว่าสวรรค์

และก็มีดาวอีกดวง
อากาศร้อนเหี้ยๆ
คนที่นั่นสันดานบาปหยาบช้า
ปล้นฆ่า จับคนอื่นไปเป็นทาส
ทุบตี ทรมาน เป็นซาดิ๊สกันค่อนดาว

คนไปเห็นเลยเรียกว่านรก

ถ้าเป็นแบบนี้ จขกท คิดว่า
สวรรค์ นรก มันน่าจะมีมั้ยล่ะคะ ?

หรือทั้งจักรวาลอันกว้างใหญ่
จะมีแต่โลกและกะเทยหิวควยอยู่แค่นี้

บ่ ?!?

ปล. อันนี้พยายามคิดให้ติดโลกหน่อย
ไม่มีแสงสี อภินิหารย์ใดๆ
ความจริงสวรรค์ นรก มันเป็นภพภูมิที่
มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรอก
เหมือนรอบตัวเรามีผีเยอะแยะไปหมด
แต่เราก็มองไม่เห็นนั่นแหละ


  Printer-friendly page | Top
แม่ชีตัวปลอมคร่ะ
Guest

6. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #5
 
20-Aug-18, 10:41 AM (SE Asia Standard Time)
 
   แม่ติดแอดมินมั้ยคะลูก เทสๆๆๆ


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
แม่ชีตัวปลอมคร่ะ
Guest

7. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #6
 
20-Aug-18, 10:45 AM (SE Asia Standard Time)
 
   อะไรที่เราไม่เคยพบเห็น แต่คนอื่นเขายอกเห็น ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเถอะค่ะลูก

แต่ที่เห็นจะๆ คือ ที่โลก มีสองภพภูมิแบ่งกันชัดเจน คือ ภูมิมนุษย์ กับ ภูมิเดรัจฉาน
นี่ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุปัจจัยที่นำเกิดแตกต่างกันตามกรรมนะคะลูก

ทำดี ผลของกรรมดี ทำให้เกิดในภพภูมิดี
ทำชั่ว ก็นำเกิดตามผลของกรรมชั่ว
ระหว่างที่ยังไม่ตาย ก็รับผลของกรรมดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ปะปนกันไปในแต่ละวัน


  Printer-friendly page | Top
พุทธรักษา
Guest

8. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #3
 
20-Aug-18, 12:31 PM (SE Asia Standard Time)
 
   > @ ตามความคิดเห็นที่ 2 เลยค่ะ
>
>สัมมาทิฏฐิ และ มิจฉาทิฏฐิ
>
คือหัวใจสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนาและหลักธรรม
>
>ความหลงในมิจฉาทิฏฐิ คือเอาใจวางผิดที่
>ก็เปรียบเสมือนคนเดินหลงทางแล้วมีคนบอกทางถูกต้องก็ไม่สนใจ
>แล้วก็จะไปเรื่อย ๆ
>เช่นนี้จะยากมากที่จะเข้าใจธรรมะที่ถูกต้องค่ะ
>
>บุคคลที่มีลักษณะมิจฉาทิฏฐิ
>จะทำให้ตีความธรรมะผิดตามวิธีการคิดของตนเอง
>แบบใช้กิเลสและอัตตาตัวเองแทน ไม่ได้ยึดหลักคำสอนที่ถูกต้อง
>
>ลักษณะของผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ คือ ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์
>ไม่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม
>3 ประการนี้สำคัญมากค่ะ โดยเฉพาะข้อสุดท้าย
>
>หากไม่เชื่อเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม จะทำให้สร้างกรรมต่าง ๆ
>อย่างเป็นนิสัย เป็นอาจิณกรรมจนไม่สามารถหยุดได้
>
>กรรม เป็นคำกลาง ๆ มีทั้งกรรมดี (กรรมขาว) และกรรมไม่ดี
>(กรรมดำ)
>เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญที่สุดในบรรดาธรรมะของท่าน
>
>กรรม สร้างได้ 3 ทาง คือ กรรมทางใจหรือกรรมทางความคิด
>(มโนกรรม) กรรมทางการพูด เขียน (สื่อสารแทนพูด (วจีกรรม)
>และกรรมที่ลงมือกระทำ (กายกรรม)
>
>ในบรรดาอกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นเส้นทางของการสร้างบาปนั้น
>พบว่า เรื่องวจีทุจริต มีถึง 4 ประการ
>เกือบครึ่งหนึ่งเป็นวจีกรรม ซึ่งหลายคนไม่พึงระวัง
>
>หลาย ๆ ครั้งเราจะพบว่ามีคนสร้างวจีกรรมทางโซเชียล
>และเว็บบอร์ดมากมาย ที่เป็นวจีทุจริต ทั้งหยาบคาย เสียดสี
>เพ้อเจ้อ หรือแม้แต่การใส่ร้ายประทุษร้ายทางคำพูด (ข้อเขียน)
>
>แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นการสร้างกรรมที่ไม่ดีต่อตัวเอง
>เป็นบาปที่เกิดขึ้นได้ง่ายและสะสมเรื่อย ๆ ได้
>แต่เราจึงจะเห็นว่าคนที่มีมิจฉาทิฏฐิ เขาก็จะไม่สนใจเรื่องนี้
>
>จิตสุดท้ายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการไปภพภูมิใหม่
>จะไปอบายภูมิ หรือ ไปสุขคติภูมิ
>ขึ้นอยู่กับว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของคน ๆ นั้น มีอาจิณกรรม
>(หมั่นทำกรรมอะไรไว้)
>
>ถ้าหมั่นทำกรรมดี สร้างบุญกุศล ตามแนวทางบุญกิริยาวัตถุ 10
>และการเจริญสติ เจริญภาวนาได้ ย่อมไปในทางที่ดีและสว่าง
>นี่เรียกว่า คือทางไปสวรรค์ค่ะ
>
>ส่วนถ้ามีแนวทางชีวิตไปในการสร้างกรรมดำเป็นอาจิณกรรม
>ก็จะย่อมมีจิตที่ดึงไปสู่สุขคติภูมิค่ะ
>
>จิตช่วงท้าย ๆ ของชีวิตนั้นเราจะควบคุมไม่ได้นะคะ
>ต่อให้สะกดจิตตัวเองให้คิดแต่เรื่องดี ๆ
>แต่ถ้าส่วนในชีวิตมักสร้างแต่อาจิณกรรมที่ไม่ดีไว้
>มันก็จะเกิดหลงตายเพ้อไปในทางไม่ดีค่ะ
>
>ถ้าลองไปสังเกตคนที่ใกล้ตายดูสิคะ หรือคนที่ป่วยหนัก
>มักจะมีอาการเพ้อต่าง ๆ เช่นนี้เรียกว่าภาวะหลงตาย
>และจิตมักจะคิดถึงในสิ่งที่ตนเองเคยทำไม่ดีไว้
>เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
>
>หมอบางคนทำงานกับคนไข้ก็จริง
>แต่ไม่ได้มีโอกาสเห็นคนไข้ช่วงระยะท้าย ๆ มีการเพ้อหรือหลงตาย
>จึงทำให้หมอบางคนไม่เชื่อเรื่องการมีจิตไปเวียนว่ายตายเกิดและสวรรค์นรก
>
>คนที่ไม่ประมาทในธรรมจะต้องสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
>มีสติสัมปชัญญะ ปัญญาทางธรรมในการศึกษาเรื่องภาวะของจิตค่ะ
>เพราะจิตเป็นนามธรรม ไม่เหมือนร่างกายที่เป็นรูปธรรมะ
>
>เมื่อเราทุกข์ใจมาก ๆ
>สังเกตได้ใช่ไหมคะว่ามันคือความทุกข์ที่ไม่มีตัวตน
>ไม่สามารถจับต้องได้
>ไม่สามารถวัดได้เป็นหน่วยทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์ใด ๆ
>
>แต่เรารู้ได้ว่ามันทุกข์ นี่แหละค่ะคืออำนาจของจิต
>และมักเป็นผลกระทบของมโนกรรม (กรรมทางใจ) เสียส่วนใหญ่ด้วยค่ะ
>
>เมื่อเรามองแค่ตรงนี้ก็พอจะบอกได้แล้วใช่ไหมคะว่า
>สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
>ไม่ใช่แค่คำพูดที่เอามาใช้เปรียบเปรยเท่านั้น
>แต่จิตนั้นจะไปสวรรค์ หรือ นรกอยู่ที่มโนกรรมนี่แหละค่ะ
>
>ดังนั้น มโนกรรม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
>หากใครมีมโนกรรมที่คิดร้าย มุ่งร้าย พยาบาท อาฆาต หรือ
>จิตอกุศลจากวจีทุจริตและการกระทำไม่ดีต่าง ๆ
>ก็จะพาจิตไปอบายภูมิได้
>
>ส่วนคนที่มีมโนกรรมด้านกุศลเป็นส่วนใหญ่
>นั่นคือใบเบิกทางที่จะพาไปในภพภูมิที่ดีค่ะ พรหมภูมิ
>สุขคติภูมิ อะไรทำนองนี้
>แต่ต่อให้พลาดไปตกอบายภูมิก็น่าจะกลับมาเร็ว
>
>ในพุทธกาลมีเรื่องราวที่พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปเกิดใหม่เป็นสัตว์ก็มีค่ะ
>เพียงเพราะมโนกรรม
>หรือกรรมทางใจนั้นไปยึดมั่นถือมั่นในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต
>
>แต่หากผ่านช่วงการใช้ชีวิตในภพชาตินั้นไปแล้ว
>เมื่อร่างสัตว์ตายลง ก็ได้ไปเสวยผลบุญที่ได้เคยทำมาค่ะ
>เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าการดูแลจิตใจเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
>
>ดังนั้น หากเรายังมีแนวทางการทำจิตให้ไม่บริสุทธิ์
>ยังหมกมุ่นในอบายมุข หมั่นเติมกิเลสให้จิตตนเองเรื่อย ๆ
>หนทางจะไปไหนในภพชาติหน้า ก็น่าจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมคะ
>
>แต่ถ้าไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีก
>ก็ต้องฝึกจิตให้มาอยู่ในแนวทางของวิปัสสนากรรมฐานให้ได้ค่ะ
>ซึ่งตรงนี้ดิฉันก็พยายายามฝึกเช่นกัน ค่อนข้างยากแต่ก็พยายามทำ
>
>แล้วก็คิดว่าจะค่อย ๆ ห่างจากเว็บบอร์ดปาล์มนี้
>เพื่อให้จิตตัวเองอยู่ในทางสงบ
>แม้ว่าบอร์ดจะมีโอกาสให้ตอบคำถามช่วยเหลือคนอื่น แต่หลาย ๆ
>อย่างก็กระตุ้นให้เราเกิดกิเลสด้านมืดได้
>
>ดิฉันคงต้องใช้เวลาสักพักค่ะ แต่ก็เอาใจช่วยให้ จขกท.
>และคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมไปอยู่ในจุดที่ใจสงบ เย็นสบาย
>และก็ไปสู่ทางเจริญสติ เจริญวิปัสสนากรรมฐานได้
>
>แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ขอให้ยึดหลักพรหมวิหาร 4
>เจริญเมตตาได้เป็นสำคัญ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ แล้วค่ะ
>
>สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า ขอให้ จขกท.
>ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก โดยจะต้องหมั่นฟังเทศน์
>ฟังธรรม รวมถึงอ่านหนังสือธรรมะจากพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
>
>ถ้าหนังสือเขียนโดยบุคคลปุถุชน
>ก็ให้ดูว่าเขาได้ยึดหลักแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่
>ซึ่งก็มีหลายท่านเขียนได้ดีค่ะ
>
>ข้อสังเกตคือจะต้องมีความเป็นสัมมาทิฏฐิ
>จะต้องมีพูดถึงเรื่องกรรม ศีล สมาธิ การเจริญสติ
>การเจริญวิปัสสนาด้วย ไม่ใช่เน้นแต่การทำทานเท่านั้นค่ะ
>
>หากขาดการพูดเรื่องกรรม
>แสดงว่ายังไม่มาถึงแก่นสารของพระพุทธศาสนา
>เพราะจะทำให้คนหลงในมิจฉาทิฏฐิได้ค่ะ
>
>แต่แนวทางในการพ้นทุกข์ คือ
>พระหรือหนังสือเหล่านั้นจะต้องมีการรพูดเรื่องการเจริญสติ
>การทำสมาธิ (รวมถึงการแผ่เมตตา) วิปัสสนากรรมฐาน
>อะไรทำนองนี้ด้วยค่ะ
>
>ดิฉันแนะนำให้อ่านหนังสือ อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม และ
>ชีวิตนี้น้อยนัก ของสมเด็จพระญาณสังวรนะคะ
>แล้วคุณจะได้พื้นฐานสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องค่ะ
>
>เมื่อได้จุดนี้แล้วค่อยขยายไปฟังเทศน์
>ฟังธรรมและหนังสือธรรมะเล่มอื่น ๆ ค่ะ


ขอบคุณสำหรับข้อคิดที่ดีค่ะ ยังไงก็แวะมาให้อะไรแบบนี้ช่วยจรรโลงใจบ้างนะคะ เพราะน้องไม่ค่อยชอบเข้าบอร์ดธรรมะ เว็บธรรมะ เพจธรรมะค่ะ แต่เวลาได้อ่านอะไรแบบนี้ก็รู้สึกดีค่ะ แต่น้องยังมีกิเลสหนาอยู่ ยังตัดเรื่องเพศรสไม่ได้ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับธรรมะบ้าง ที่น้องทำได้เป็นประจำน่าจะเป็นแค่การสวดมนต์เท่านั้นแหล่ะค่ะที่ช่วยให้ใจสงบได้บ้าง


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
คนธรรมดา
Guest

9. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #8
 
20-Aug-18, 02:55 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ค่อยๆ ฝึกสติไว้บ่อยๆ ครับ
เริ่มต้น หมั่นคอยรู้สึกตัวไว้บ่อยๆ โดยไม่ต้องตัดสิน ดีไม่ดี เอาแค่รู้ อยู่กับวินาทีปัจจุบัน

เรื่องตัดเพศรส อย่ากังวลนัก ถึงเวลา เห็นความจริงของมัน จะตัดได้เอง


  Printer-friendly page | Top
พุทธรักษา
Guest

10. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #9
 
20-Aug-18, 11:39 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >ค่อยๆ ฝึกสติไว้บ่อยๆ ครับ
>เริ่มต้น หมั่นคอยรู้สึกตัวไว้บ่อยๆ โดยไม่ต้องตัดสิน ดีไม่ดี
>เอาแค่รู้ อยู่กับวินาทีปัจจุบัน
>
>เรื่องตัดเพศรส อย่ากังวลนัก ถึงเวลา เห็นความจริงของมัน
>จะตัดได้เอง

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ภาวิณี หีภาวนา
Guest

11. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #2
 
21-Aug-18, 05:22 AM (SE Asia Standard Time)
 
   >ชั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ พี่ๆ
>เพื่อนคนไหนใครเชื่อว่ามีจริงไหมคะ ชั้นจะได้นอนตายตาหลับค่ะ
ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆแล้วไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์
ถือว่าคุณยังไม่ถึงแก่นของพุทธศาสนาและอาจจะเป็นชาวพุทธแต่ในนามเท่านั้นครับ
ถ้าคุณยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆคุณก็จะรู้ว่าท่านได้สอนเรื่องนี้ไว้ชัดเจนครับ
ลองหาหนังสือธรรมะดีๆ สักเล่มอ่านจะเข้าใจเองครับ ในเพจธรรมดีๆก็มีหลายแหล่งครับ
อ่านหนังสือคำสอนของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา พระสังฆราช ใน youtube ก็ได้ครับ
บางทีเราหลงทางกับคำพูดของคนที่มีกิเลสหนา คุณจะไปยึดถือตามเขาไม่ได้นะครับ
เพราะมันไม่ใช่คำสอนตามแนวทางของพระพุทธเจ้าและไม่ใช่คนที่มีสัมมาทิฏฐิ
เช่น ถ้าคุณพยายามมาถามในบอร์ดที่คนส่วนใหญ่ในนี้เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้คุณก็จะเขว เพราะหลายคนคนประเภทมิจฉาทิฏฐิ
หากเราได้ฟังข้อมูลจากคนแบบมิจฉาทิฏฐิเราก็จะหลงทาง เรื่องนี้สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ธรรมครับ
คุณต้องมีจิตแบบสัมมาทิฏฐิก่อนแล้วก็ศึกษาจากหลายๆแหล่งและให้ถูกแหล่งด้วยครับ
ถ้าในบอร์ดคนที่พอจะตอบได้ดีก็มีอยู่บ้าง คุณต้องสังเกตเองครับว่าใครเป็นยังไง แต่แนะนำให้ศึกษาให้ถูกแหล่งจะได้ความคมชัดมากกว่าครับ
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เป็นความจริงทุกอย่าง
ถ้าคุณจะเชื่อเรื่องกรรมกับนรกสวรรค์ก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียหายอะไร
เพราะจะทำให้คุณเดินในเส้นทางที่ปลอดภัยและระวังการใช้ชีวิต
เมื่อคุณจากไปแล้วมีแต่เรื่องไม่ดีติดตัวไป ถ้านรก-สวรรค์มีจริงคุณจะทำยังไง จะไปทำตอนตายแล้วคงสายไปแล้วนะครับ
สิ่งที่เราทำไว้ในปัจจุบันไม่ว่ากรรมดี-กรรมชั่ว จะเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ
นี่แหล่ะครับกำหนดว่าเรามีจิตอยู่ในสวรรค์หรือนรกจะดูจากตรงนี้ครับ

1. ผมไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ เพราะไม่เคยเจอตามหลักกาลามสูตร และเป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นอจินไตย ไม่มีประโยชน์ต่อการดับทุกข์
2. แก่นแท้ของศาสนาคือการรู้จักทุกข์ ดับทุกข์ และอยู่กับปัจจุบัน
3. ไม่มีปาฏิหารย์ใด ๆ มีแค่เห็นทุกข์ แล้วดับทุกข์

ยิ่งปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ก็ห่วงว่าอัตตาจะพองโต แล้วใช้สำนวนยกตนข่มท่านแบบไม่รู้ตัว
คณควรระลึกเสมอว่าไม่ว่าศาสนาใด กิเลสเขาจะหนามากน้อยขนาดไหน เขาก็ไม่ได้สูงหรือต่ำกว่าคุณเลย แทนที่จะส่งเสริมให้เขารู้จักวิธีการดับทุกข์ กลับมาให้เขาเร่งปฏิบัติ เพราะ "เผื่อว่า" มีนรก-สวรรค์จริง มันถูกต้องแล้วหรือครับ นิกายในโลกนี้มีเป็นแสน มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหนอีดอกว่าพระพุทธเจ้ามีจริง มึงไปอัดเทปมาหรอตอนพระพุทธเจ้าพูดหน่ะอีดอก มโนเพ้อพกยกตนข่มนั่นข่มนี่ อีดอก ศาสนาอื่นเค้าไม่ลงนรกตายห่าไปหมดหรือไง 55 อีเวร อีบ้า หน้าหนังหี

ขอให้มีความสุขสงบกับปัจจุบันนะอีหน้าหี


  Printer-friendly page | Top
ภาวิณี หีภาวนา
Guest

12. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #2
 
21-Aug-18, 05:24 AM (SE Asia Standard Time)
 
   >>ชั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ พี่ๆ
>>เพื่อนคนไหนใครเชื่อว่ามีจริงไหมคะ ชั้นจะได้นอนตายตาหลับค่ะ
>ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆแล้วไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด
>ไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์
>ถือว่าคุณยังไม่ถึงแก่นของพุทธศาสนาและอาจจะเป็นชาวพุทธแต่ในนามเท่านั้นครับ
>ถ้าคุณยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆคุณก็จะรู้ว่าท่านได้สอนเรื่องนี้ไว้ชัดเจนครับ
>ลองหาหนังสือธรรมะดีๆ สักเล่มอ่านจะเข้าใจเองครับ
>ในเพจธรรมดีๆก็มีหลายแหล่งครับ
>อ่านหนังสือคำสอนของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา พระสังฆราช ใน
>youtube ก็ได้ครับ
>บางทีเราหลงทางกับคำพูดของคนที่มีกิเลสหนา
>คุณจะไปยึดถือตามเขาไม่ได้นะครับ
>เพราะมันไม่ใช่คำสอนตามแนวทางของพระพุทธเจ้าและไม่ใช่คนที่มีสัมมาทิฏฐิ
>เช่น
>ถ้าคุณพยายามมาถามในบอร์ดที่คนส่วนใหญ่ในนี้เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้คุณก็จะเขว
>เพราะหลายคนคนประเภทมิจฉาทิฏฐิ
>หากเราได้ฟังข้อมูลจากคนแบบมิจฉาทิฏฐิเราก็จะหลงทาง
>เรื่องนี้สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ธรรมครับ
>คุณต้องมีจิตแบบสัมมาทิฏฐิก่อนแล้วก็ศึกษาจากหลายๆแหล่งและให้ถูกแหล่งด้วยครับ
>ถ้าในบอร์ดคนที่พอจะตอบได้ดีก็มีอยู่บ้าง
>คุณต้องสังเกตเองครับว่าใครเป็นยังไง
>แต่แนะนำให้ศึกษาให้ถูกแหล่งจะได้ความคมชัดมากกว่าครับ
>สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เป็นความจริงทุกอย่าง
>ถ้าคุณจะเชื่อเรื่องกรรมกับนรกสวรรค์ก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียหายอะไร
>เพราะจะทำให้คุณเดินในเส้นทางที่ปลอดภัยและระวังการใช้ชีวิต
>เมื่อคุณจากไปแล้วมีแต่เรื่องไม่ดีติดตัวไป
>ถ้านรก-สวรรค์มีจริงคุณจะทำยังไง
>จะไปทำตอนตายแล้วคงสายไปแล้วนะครับ
>สิ่งที่เราทำไว้ในปัจจุบันไม่ว่ากรรมดี-กรรมชั่ว
>จะเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ
>นี่แหล่ะครับกำหนดว่าเรามีจิตอยู่ในสวรรค์หรือนรกจะดูจากตรงนี้ครับ


1. ผมไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ เพราะไม่เคยเจอตามหลักกาลามสูตร และเป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นอจินไตย ไม่มีประโยชน์ต่อการดับทุกข์
2. แก่นแท้ของศาสนาคือการรู้จักทุกข์ ดับทุกข์ และอยู่กับปัจจุบัน
3. ไม่มีปาฏิหารย์ใด ๆ มีแค่เห็นทุกข์ แล้วดับทุกข์

ยิ่งปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ก็ห่วงว่าอัตตาจะพองโต แล้วใช้สำนวนยกตนข่มท่านแบบไม่รู้ตัว
คณควรระลึกเสมอว่าไม่ว่าศาสนาใด กิเลสเขาจะหนามากน้อยขนาดไหน เขาก็ไม่ได้สูงหรือต่ำกว่าคุณเลย แทนที่จะส่งเสริมให้เขารู้จักวิธีการดับทุกข์ กลับมาให้เขาเร่งปฏิบัติ เพราะ "เผื่อว่า" มีนรก-สวรรค์จริง มันถูกต้องแล้วหรือครับ นิกายในโลกนี้มีเป็นแสน มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหนอีดอกว่าพระพุทธเจ้ามีจริง มึงไปอัดเทปมาหรอตอนพระพุทธเจ้าพูดหน่ะอีดอก มโนเพ้อพกยกตนข่มนั่นข่มนี่ อีดอก ศาสนาอื่นเค้าไม่ลงนรกตายห่าไปหมดหรือไง 55 อีเวร อีบ้า หน้าหนังหี

ขอให้มีความสุขสงบกับปัจจุบันนะอีหน้าหี


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
รุ่นหลาน
Guest

17. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #12
 
21-Aug-18, 02:10 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >>>ชั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งค่ะ พี่ๆ
>>>เพื่อนคนไหนใครเชื่อว่ามีจริงไหมคะ ชั้นจะได้นอนตายตาหลับค่ะ
>>ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆแล้วไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด
>>ไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์
>>ถือว่าคุณยังไม่ถึงแก่นของพุทธศาสนาและอาจจะเป็นชาวพุทธแต่ในนามเท่านั้นครับ
>>ถ้าคุณยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆคุณก็จะรู้ว่าท่านได้สอนเรื่องนี้ไว้ชัดเจนครับ
>>ลองหาหนังสือธรรมะดีๆ สักเล่มอ่านจะเข้าใจเองครับ
>>ในเพจธรรมดีๆก็มีหลายแหล่งครับ
>>อ่านหนังสือคำสอนของหลวงปู่มั่น หลวงพ่อชา พระสังฆราช ใน
>>youtube ก็ได้ครับ
>>บางทีเราหลงทางกับคำพูดของคนที่มีกิเลสหนา
>>คุณจะไปยึดถือตามเขาไม่ได้นะครับ
>>เพราะมันไม่ใช่คำสอนตามแนวทางของพระพุทธเจ้าและไม่ใช่คนที่มีสัมมาทิฏฐิ
>>เช่น
>>ถ้าคุณพยายามมาถามในบอร์ดที่คนส่วนใหญ่ในนี้เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้คุณก็จะเขว
>>เพราะหลายคนคนประเภทมิจฉาทิฏฐิ
>>หากเราได้ฟังข้อมูลจากคนแบบมิจฉาทิฏฐิเราก็จะหลงทาง
>>เรื่องนี้สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ธรรมครับ
>>คุณต้องมีจิตแบบสัมมาทิฏฐิก่อนแล้วก็ศึกษาจากหลายๆแหล่งและให้ถูกแหล่งด้วยครับ
>>ถ้าในบอร์ดคนที่พอจะตอบได้ดีก็มีอยู่บ้าง
>>คุณต้องสังเกตเองครับว่าใครเป็นยังไง
>>แต่แนะนำให้ศึกษาให้ถูกแหล่งจะได้ความคมชัดมากกว่าครับ
>>สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เป็นความจริงทุกอย่าง
>>ถ้าคุณจะเชื่อเรื่องกรรมกับนรกสวรรค์ก็ไม่ได้ทำให้คุณเสียหายอะไร
>>เพราะจะทำให้คุณเดินในเส้นทางที่ปลอดภัยและระวังการใช้ชีวิต
>>เมื่อคุณจากไปแล้วมีแต่เรื่องไม่ดีติดตัวไป
>>ถ้านรก-สวรรค์มีจริงคุณจะทำยังไง
>>จะไปทำตอนตายแล้วคงสายไปแล้วนะครับ
>>สิ่งที่เราทำไว้ในปัจจุบันไม่ว่ากรรมดี-กรรมชั่ว
>>จะเป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ
>>นี่แหล่ะครับกำหนดว่าเรามีจิตอยู่ในสวรรค์หรือนรกจะดูจากตรงนี้ครับ
>
>
>1. ผมไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ เพราะไม่เคยเจอตามหลักกาลามสูตร
>และเป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นอจินไตย
>ไม่มีประโยชน์ต่อการดับทุกข์
>2. แก่นแท้ของศาสนาคือการรู้จักทุกข์ ดับทุกข์
>และอยู่กับปัจจุบัน
>3. ไม่มีปาฏิหารย์ใด ๆ มีแค่เห็นทุกข์ แล้วดับทุกข์
>
>ยิ่งปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ก็ห่วงว่าอัตตาจะพองโต
>แล้วใช้สำนวนยกตนข่มท่านแบบไม่รู้ตัว
>คณควรระลึกเสมอว่าไม่ว่าศาสนาใด กิเลสเขาจะหนามากน้อยขนาดไหน
>เขาก็ไม่ได้สูงหรือต่ำกว่าคุณเลย
>แทนที่จะส่งเสริมให้เขารู้จักวิธีการดับทุกข์
>กลับมาให้เขาเร่งปฏิบัติ เพราะ "เผื่อว่า" มีนรก-สวรรค์จริง
>มันถูกต้องแล้วหรือครับ นิกายในโลกนี้มีเป็นแสน
>มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหนอีดอกว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
>มึงไปอัดเทปมาหรอตอนพระพุทธเจ้าพูดหน่ะอีดอก
>มโนเพ้อพกยกตนข่มนั่นข่มนี่ อีดอก
>ศาสนาอื่นเค้าไม่ลงนรกตายห่าไปหมดหรือไง 55 อีเวร อีบ้า
>หน้าหนังหี
>
>ขอให้มีความสุขสงบกับปัจจุบันนะอีหน้าหี

คุณป้าตนนี้ เป็นตัวอย่างของคนบาปหนาของแท้ แบบนี้แหล่ะที่เรียกว่ามิจฉาทิฏฐิของแท้
ดูจากคำพูดก็รู้เลยว่าไม่ใช่ที่มีจิตใจดี กระทู้นี้เขาคุยกันดีๆ ทุกคน ยกเว้นคุณป้าคนเดียว
นี่ปฏิบัติมาดีแล้วเหรอเนี่ย ถึงได้มีแต่คำพูดต่ำๆ ออกมาแบบนี้ เป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ


  Printer-friendly page | Top
เทส
Guest

13. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #0
 
21-Aug-18, 06:27 AM (SE Asia Standard Time)
 
   เทส


  Printer-friendly page | Top
Evidence based
Guest

14. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #0
 
21-Aug-18, 06:38 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ลองดู great minds in science ให้ความเห็นกันนะคะ

https://youtu.be/W7VcLCwnpt4

ส่วนตัวคิดว่า นิยายของคนโบราณก็จรรโลงใจดี แต่วิทยาศาสตร์และเหตุผลไปไกลมากแล้วจริงๆ
เรามีมนุษยศาสตร์ ศึกษาเรื่องสังคมและจริยธรรม มีกฎหมายที่ถูกกลั่นกรองและปรับปรุงเรื่อยๆ ตามยุคตามค่านิยมและวัฒนธรรม ไม่ต้องใช่นิยายหรอกค่ะ


ปล. เดี๊ยนเป็นสายชีวะโดยตรง ตอนนี้ว่างๆเลยพยายามอ่านastrophysicsงูๆปลาๆ ได้แต่อึ้งว่าพวกนักวิทยาศาสตร์นางค้นพบทฤษฎีเกี่ยวกับจักรวาลมาได้ไง พวกนี้แบบฉลาดผิดมนุษย์มนา ถ้าอยากเจอเอเลี่ยนก็พวกนักฟิสิกส์พวกนี้แหละค่ะ ไม่รู้สมองทำด้วยอะไร


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ป้าดอก พร้อมเปย์
Guest

16. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #14
 
21-Aug-18, 02:03 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >ส่วนตัวคิดว่า นิยายของคนโบราณก็จรรโลงใจดี

สมกับเป็นตุ๊ดบอร์ดปาล์มนะคะ
ถือเป็นนิยายเพราะไม่มีรูป ไม่มีคลิพเหรอคะ

หาเวลาไปแสวงหาความรู้
เปิดหูเปิดตาบ้างเถอะคร้าาาา

>แต่วิทยาศาสตร์และเหตุผลไปไกลมากแล้วจริงๆ

ไกลมากค่ะ
ทะเลมหาสมุทรอยู่ใต้ตีนแท้ๆ
ยังไม่รู้เลยว่าตรงนั้นมีอะไรบ้าง

ไม่ต้องพูดถึงห้วงจักรวาลข้างนอก
กว่าจะมียานควบปุเลงๆไปถึงพลูโต
ใช้เวลาตั้ง 9 ปี

ความสามารถขนาดนี้
เทคโนโลยี่ขนาดนี้
กล้าพูดได้ไงว่าเรื่องพวกนี้เป็นนิยาย

วันนี้มีใครส่องเห็นมิติอื่นๆ
ที่วิทยาศาสตร์พูดถึงบ้างมั้ย
เห็นบอกมีตั้งหลายมิตินี่คะ
ไหนล่ะไหน ?

>ปล. เดี๊ยนเป็นสายชีวะโดยตรง

ปล.ป้าเป็นสายเพียวร์เคมโดยตรง



  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
หนุ่มหล่อวิศวะ
Guest

18. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #14
 
21-Aug-18, 02:31 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >ลองดู great minds in science ให้ความเห็นกันนะคะ
>
>https://youtu.be/W7VcLCwnpt4
>
>ส่วนตัวคิดว่า นิยายของคนโบราณก็จรรโลงใจดี
>แต่วิทยาศาสตร์และเหตุผลไปไกลมากแล้วจริงๆ
>เรามีมนุษยศาสตร์ ศึกษาเรื่องสังคมและจริยธรรม
>มีกฎหมายที่ถูกกลั่นกรองและปรับปรุงเรื่อยๆ
>ตามยุคตามค่านิยมและวัฒนธรรม ไม่ต้องใช่นิยายหรอกค่ะ
>
>
>ปล. เดี๊ยนเป็นสายชีวะโดยตรง
>ตอนนี้ว่างๆเลยพยายามอ่านastrophysicsงูๆปลาๆ
>ได้แต่อึ้งว่าพวกนักวิทยาศาสตร์นางค้นพบทฤษฎีเกี่ยวกับจักรวาลมาได้ไง
>พวกนี้แบบฉลาดผิดมนุษย์มนา
>ถ้าอยากเจอเอเลี่ยนก็พวกนักฟิสิกส์พวกนี้แหละค่ะ
>ไม่รู้สมองทำด้วยอะไร

ผมก็เรียนวิศวะและมีเพื่อนเรียนสายชีวะเรียนวิทย์สุขภาพ เรียนหมอ ไม่เห็นมีใครประสาทแบบป้าเลยครับ
ผมเห็นคนเรียนสายชีวะพวกแพทย์ดีๆเค้าสนใจเรื่องจิตกันทั้งนั้น เขาเปิดกว้างสนใจค้นข้อมูลหา
สงสัยป้าเป็นเคสแรกที่ป่วยจนไม่รู้ตัวเองว่าเพี้ยนแล้วยังเฝ้าบอร์ดนี้อีก
รู้ป่าวว่าพวกฝรั่งเขาสนใจเรื่องจิตมากกว่าป้าคิดเยอะเลยครับ
ขนาดที่ Harvardยังมีวิจัยเรื่องนี้เลยครับ ทำใน รร.แพทย์เลยครับ นักชีวะก็ยังสนใจ
แต่มีซากสิ่งมีชีวิตแบบป้านี่แหล่ะที่คงไม่มีจิตแบบเค้า ก็เลยมโนว่าตัวเองเป็นนักชีวะไปอวกาศ
ป้าคิดแบบคนไม่เคยไปเรียนเมืองนอกไม่เคยไปใช้ชีวิตนอกจากบ้านตัวเองเลยอ่ะครับ

จิตเป็นเรื่องมนุษย์และสัตว์มีแต่มันไม่ได้เป็นเรื่องที่อธิบายได้ง่ายๆเพราะมันจับต้องไม่ได้
ลองอ่านอะไรให้เยอะๆจะได้ไม่เป็นแบบนี้ เพราะป้ากำลังอวดสรรพคุณตัวเองแบบคนโลกแคบนะครับ
ไม่มีใครคิดแบบป้า แต่ผมเดาว่าป้าคงเป็นผู้ป่วยที่เพี้ยนไม่กี่คนที่มีอยู่
ทำไมกินยาแล้วรักษาจิตที่เป็นทุกข์ไม่ได้ล่ะครับ อธิบายได้ไหม
คิดอีกที ป้าลองนึกสภาพตัวเองตอนป้าไม่มีใครเหลียวแลไม่มีใครสนใจจนป้ามีความทุกข์มากๆๆดูสิครับ
ตอนนี้ป้าก็เป็นทุกข์อยู่ไม่สุข ป้าถึงเป็นแบบนี้ไง
ยิ่งถ้าคุณป้าไม่มีคนที่รักป้าและป้าก็ไม่รักใครรักแต่ตัวเอง ป้าก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป
วันหนึ่งที่ป้าทุกข์จนไม่มีใครเหลียวแลป้าจริงๆ
ป้าจะเข้าใจเองว่าจิตที่ทุกข์ทรมานของป้า มันไม่มีใครช่วยได้เลย
นอกจากเรื่องการดับทุกข์ด้วยธรรมที่ถูกวิธี แต่ผมเดาว่าป้าคงอีกนานครับ สู้ๆนะครับกับความคิดตัวเองที่ฟุ้งซ่าน


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
แม่ชีตัวปลอมคร่ะ
Guest

19. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #18
 
21-Aug-18, 02:57 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ตีกันอีกแล้วคะลูก แม่เหนื่อย
กะเทยสายวิทย์ กับ กะเทยสายธรรม
ยากที่จะลงรอยกันจริงๆ

ถ้าพูดตามมารยาท กระทู้นี้ เขาถามกะเทยสายธรรมนะคะ
แม่ว่า ลูกไปตั้งกระทู้ดีเบตใหม่เถอะค่ะ
กระทู้นั้นจะลุกเป็นไฟ จขกท. เขาคงไม่เดือดร้อน เชื่อแม่ค่ะ


  Printer-friendly page | Top
Astrobiologist
Guest

20. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #14
 
21-Aug-18, 02:59 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >ลองดู great minds in science ให้ความเห็นกันนะคะ
>
>https://youtu.be/W7VcLCwnpt4
>
>ส่วนตัวคิดว่า นิยายของคนโบราณก็จรรโลงใจดี
>แต่วิทยาศาสตร์และเหตุผลไปไกลมากแล้วจริงๆ
>เรามีมนุษยศาสตร์ ศึกษาเรื่องสังคมและจริยธรรม
>มีกฎหมายที่ถูกกลั่นกรองและปรับปรุงเรื่อยๆ
>ตามยุคตามค่านิยมและวัฒนธรรม ไม่ต้องใช่นิยายหรอกค่ะ
>
>
>ปล. เดี๊ยนเป็นสายชีวะโดยตรง
>ตอนนี้ว่างๆเลยพยายามอ่านastrophysicsงูๆปลาๆ

รู้แล้วว่าทำไมชีวิตหร่อนถึงไปไม่ถึงไหน เพราะรู้งูๆปลาๆนี่เอง


  boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ปรีดาภรณ์
Guest

21. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #20
 
22-Aug-18, 07:08 AM (SE Asia Standard Time)
 
  

อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องสวรรค์และนรกก็ได้ค่ะ สำหรับคนที่ยังไม่ศรัทธาเพียงพอและคิดว่าเป็นแค่ความเชื่อ

เอาแค่ตอบคำถามนี้ก่อนค่ะ ทุกคนอยากมีความสุข และปราศจากทุกข์จริงหรือไม่คะ

ถ้าคำตอบคือใช่ ก็ค่อยอ่านรายละเอียดต่อไปค่ะ ถ้าไม่ใช่ก็ข้ามไปได้เลยค่ะ


แล้วเคยรู้ไหมคะว่า จิตของคนที่ทำบุญ สร้างแต่กรรมดีมาเยอะ กับ จิตของคนที่ทำบาป หรือสร้างกรรมไม่ดีมาเยอะ ตอนจะจากโลกนี้ไป มันต่างกันยัไงง

หลายคนที่มีอคติบังตา และมีลักษณะของอวิชชาทางธรรม จะพูดว่า ขนาดพระกับผู้ปฏิบัติธรรมดี ๆ ยังตายเลย

ดิฉันก็อยากจะบอกว่า พระพุทธเจ้าท่านก็ปรินิพพานค่ะ ธรรมะของท่านตรัสไว้ชัดเจนว่า ทุกคนทียังเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเกิดมาแล้ว ต้องโต แก่ เจ็บป่วย แล้วก็ตายค่ะ

ถ้าไม่ตายด้วยอุบัติเหตุหรือตายก่อนวัย ก็ต้องแก่ตายอยู่ดี ไม่มีใครไม่ตายค่ะ

เพียงแต่ว่า คนที่มีธรรมะยึดเหนี่ยวจิตใจ จะมีจิตสุดท้ายก่อนตายที่ไปทางสว่าง แตกต่างจากคนที่มีจิตอกุศลสะสมมาเรื่อย ๆ

ดิฉันทำงานและเคยเห็นที่จะจากโลกนี้ไป เห็นมาพอสมควรจึงรู้ค่ะว่า คนที่ป่วยหนัก ๆ หรืออยู่ในช่วงวาระสุดท้ายชีวิต จะมีจิตเป็นยังไง

เขาจะเพ้อ และก็เริ่มนึกถึงภาพอดีตที่ตนเองเคยทำอะไรไว้ จะระลึกย้อนกลับคืนมาให้ได้เห็น ได้รับรู้ แม้ไม่อยากรับรู้ แต่จิตมันจะดึงออกมาเอง

เรื่องของจิต จึงเป็นสิ่งที่ทางการแพทย์ไม่สามารถเอามาอธิบายได้ทั้งหมด แต่จะต้องเป็นเรื่องของธรรมะทางพุทธศาสนาจะเอามาอธิบายได้ค่ะ

คนที่เคยสร้างกรรม ไม่ว่าจะกรรมดี หรือ กรรไม่ดี กระทำอะไรก็ตามไม่ว่าจะคิด พูด และลงมือกระทำโดยเจตนา จิตจะดึงเอาสิ่งที่เกิดเป็นอาจิณกรรมออกมาช่วงท้าย ๆ ชีวิตค่ะ

บางคนอาจจะเคยเห็นคนใกล้ตัว หรือคนรู้จัก ที่ช่วงท้าย ๆ ของชีวิตเขาจะพูดความจริง พูดในสิ่งที่เขาปกปิดเอาไว้ออกมา

บางคนก็อาจจะเพ้อพูดในสิ่งที่ตนเองเคยก่อกรรมไม่ดีเอาไว้ นี่แหละค่ะ จะเป็นตัวกำหนดว่าคน ๆ นั้นจะไปภพภูมิไหนในทางพุทธศาสนาของเรา

ไม่ใช่แค่คนไทย คนนับถือพุทธนะคะที่จะเหตุการณ์จิตระลึกอดีตที่ผ่านมาของชีวิตขึ้นมา แต่คนชาติอื่นก็เป็นแบบนี้ค่ะ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนค่ะ

พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงค้นพบ ท่านถึงได้มาบัญญัติเป็นหลักธรรมไว้สอนค่ะ เพราะธรรมะก็คือกฎแห่งธรรมชาติที่ค้นพบค่ะ

ดังนั้น การที่ท่านตรัสถึงนรกและสวรรค์ ก็เพราะท่านเข้าใจและตรัสรู้เห็นมาแล้ว แต่เราไม่ต้องไปพูดไกลถึงเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ

แค่คุณรู้ว่าจิตใจของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนให้จับต้องได้ แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง และใจก็คือสิ่งที่กำหนดตัวตนเราหลาย ๆ อย่าง

ดังนั้น หากใครทำกรรมอะไรไว้ กรรมดี หรือ กรรมไม่ดีสะสมไว้เยอะ ๆ นั่นแหละค่ะ จะเป็นตัวกำหนดว่าจะไปด้านไหน ด้านมืด หรือ ด้านสว่าง ตอนวาระสุดท้ายของชีวิต

จุดนี้จึงแตกต่างกันค่ะ แม้ทุกคนจะตาย แต่การตายของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันนะคะ

จะมีฝั่งคนจากไปแบบสงบ หรือจากไปแบบสบายใจ ไปสบาย ไปสว่าง (แบบนี้เรียกว่ามาทางสุขคติภูมิ)

กับฝั่งคนที่จะไปแบบไม่สงบ ไปแบบไม่สบายใจ ไปแบบมืด มีจิตที่ขุ่นมัว แม้จะบังคับให้ตัวเองยังไงก็ทำไม่ได้ เพราะจิตมันไม่เป็นตามใจ (แบบนี้เขาเรียกว่าทางไปอบายภูมิ)

เพราะฉะนั้นคนที่พูดว่าขนาดพระ ขนาดคนปฏิบัติธรรมะยังตาย คือคนที่พูดแบบอวิชชาไม่เข้าใจถ่องแท้ค่ะ

หมอก็ยังตายค่ะ แต่หมอจะตายแบบสว่างหรือตายแบบมืดนี่ก็ต้องดูค่ะว่าตลอดชีวิตของหมอคนนั้นหมกมุ่นทำกรรมอะไรไว้ กรรมดี หรือกรรมไม่ดี

ถึงเป็นหมอรักษาคน เป็นหมอทำหัตถการอะไรก็ตามที่ช่วยคน ก็ใช่ว่าจะไปสว่างนะคะ เพราะจิตอาจจะไม่กุศล ไม่ใช่คนที่ทำด้วยใจรัก

บางคนทำเพราะหน้าที่และอยากได้เงินนี่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้จิตเกิดกุศลจิตได้นะคะ

ดังนั้น หากชีวิตหมอส่วนใหญ่ไม่ได้หมั่นทำบุญกุศลด้านอื่น ไม่สร้างกรรมดีด้านอื่นๆ ก็ไม่ได้การันตีว่าจะไปสว่างนะคะ


สรุปว่าใคร ๆ เกิดมา รวมถึงสรรพสัตว์ที่เราเห็นเนี่ย หมา แมว นก ไก่ เป็ด ปลา หนอน กิ้งกือ ไส้เดือน และสัตว์อีกนับแสนสปีชีส์เกิดมาแล้วก็ต้องตายค่ะ

ไม่มีใครอยู่ค้ำโลก เพียงแต่ว่าจะตายแบบจิตสงบ จิตสว่าง หรือตายแบบในสภาวะจิตมืด นี่อีกเรื่องค่ะ ต้องดูผลจากการที่เขาทำกรรมอะไรไว้บ้าง

ดังนั้น อยากให้พ่อแม่ตัวเอง รวมถึงตัวเองไปทางสว่าง (ทางกุศลกรรม) หรือไปทางมืด (ทางอกุศลกรรม) ก็ขึ้นอยู่ว่าตอนนี้จะเริ่มสร้างกรรมแบบไหนไว้ค่ะ

จะเลือกทำกรรมดี (กุศลกรรม) หรือจะเลือกทำกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม) มากกว่ากันละคะ

จริง ๆ กรรมหลาย ๆ อย่างไม่ต้องรอเวลาถึงบั้นปลายชีวิต ก็ทำให้รู้แล้วค่ะว่าชีวิตจะเป็นยังไง บางคน ก็รอดูได้เลยค่ะว่าจะเป็นยังไง

ลองถามตัวเองดูก่อนนะคะว่าเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตหรือไม่

1. ที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตที่เป็นธรรมสำหรับตัวเองและคนอื่นแล้วหรือยัง

2. เราเคยแค้นใจ พยายาท หรือเคียดแค้นใคร จนปล่อยวางไม่ได้ไหมคะ

3. เราเคยทุกข์ใจมาก แต่คนอื่นไม่รู้ หรือถึงเขารู้เขาก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ บางครั้งเราก็ไม่รู้จะระบายออกไปยังไง

4. บางครั้งรู้สึกทุกข์ใจมาก ทั้ง ๆ ที่ร่างกายเราแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร แต่ทุกข์ในใจเหลือเกิน กินยาก็ไม่หาย เหตุการณ์เช่นนี้เรียกว่าอะไร

5. ที่ผ่านมาเคยฟังเทศน์ฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะเป็นประจำหรือไม่ แล้วลงมือปฏิบัติธรรมบ้างไหม

6. รู้หรือไม่ว่า การให้อภัยทางธรรมแตกต่างจากการให้อภัยทางโลกอย่างไร มันไม่เหมือนกันนะคะ การให้อภัยทางธรรมเป็นเรื่องที่ต้องฝึกและจะเป็นกุศลต่อตัวเองอย่างมากค่ะ

7. ทำไมบางคนถึงมีบุญวาสนาดี แต่ทำไมบางคนถึงทำอะไรก็ไม่ขึ้น ไม่เจริญเลย มีสาเหตุจากอะไรบ้าง

8. เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงเกิดมาเป็นคนไทย มีหลักฐานระบุในทะเบียนบ้านว่านับถือพุทธศาสนา (กรณีคนที่ได้นับถือพุทธนะคะ) แต่ทำไมไม่ไปเกิดที่ประเทศอื่น

9. เหตุใดเราถึงไม่ประสบความสำเร็จในด้านความรัก หรือด้านการงาน หรือด้านชีวิตบางอย่าง

10. บางคนท่องจำธรรมะได้ขึ้นใจ รู้ว่าศีล 5 คืออะไร แต่ทำไมคนยังทำไม่ได้ มีปัญหาต่าง ๆ ในสังคมเพราะคนขาดศีลที่ดี

11. คบกับคนมีศีลธรรมดี (กลุ่มคนบัณฑิต) กับ คบกับคนที่ศีลธรรมบกพร่อง (ถือว่าเป็นกลุ่มคนพาล) คิดว่าแบบไหนจะสบายใจกว่ากันและได้มิตรภาพที่ดีกว่ากันคะ

12. จากข้อ 11 ถ้ามีแฟนที่เป็นคนทุศีลหรือกลุ่มคนพาล ไม่มีหลักธรรมะยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่หลงคิดว่าตนเองเป็นบัณฑิต เธอคิดว่าจะคบคนแบบนี้ยืดยาวไหม จะทุกข์ใจไหมที่คบกัน

ลองนึกภาพว่า เราคิดอะไรทุก ๆ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นระบบทางการแพทย์เสียหมด มันจะตอบคำถามข้างต้นได้หรือไม่คะ

หลาย ๆ อย่างที่ถามตรงนี้ ก็เพื่อให้คนได้ลองมาสนใจการดูแลจิตใจให้เป็นธรรมะค่ะ

ถ้าคนไม่มีจิตใจเป็นธรรมะบ้างเลย หรือไม่ศึกษาธรรมะให้ถ่องแท้ เอาแค่ผิวเผินหรืออ่านผ่าน ๆ ไม่จับใจ แล้วไม่ปฏฺิบัติ ก็จะไม่เกิดความสว่างของจิตดีพอนะคะ

แต่ก่อนดิฉันก็เป็นค่ะ คือศึกษายังไม่ถ่องแท้และไม่ปฏิบัติดีพอ ก็คือยังไม่มีสัมมาทิฏฐิทางธรรมดีพอ ก็จะทำให้หลงทางเช่นกันค่ะ

เมื่อเราเริ่มสนใจศึกษาฟังเทศน์ฟังธรรมะจากพระอาจารย์ หลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสอน และเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาอ่านดี ๆ เราก็จะได้ความสว่างขึ้น

เมื่อได้พื้นฐานจากตรงนี้ เราก็เริ่มปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง ไม่ตีความธรรมะตามอัตตาของตนเอง ไม่คิดตามความต้องการของตนเอง แต่ยึดหลักธรรมะและลองปฏิบัติ

เช่น การหมั่นทำบุญกุศลผ่านการทำทาน การช่วยเหลือคนอื่น การรักษาศีล การสวดมนต์ การทำสมาธิ การแผ่เมตตา การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เป็นต้น

การปฏิบัติต่าง ๆ เช่นนี้ จะช่วยให้เรามีความสุขและลดทุกข์ได้จริง แล้วก็เป็นหนทางให้เราไปช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขด้วยค่ะ


เคยได้ยินไหมคะคำพูดที่ว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน

ใจคือตัวกำหนดทุก ๆ อย่าง กำหนดแม้กระทั่งกายเรา ถ้าใจห่อเหี่ยว ใจเป็นทุกข์ ใจฝ่อ เราก็แทบไม่อยากทำอะไร เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงจริงไหมคะ

ทั้ง ๆ ที่ร่างกายก็แข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้าย แต่แค่ใจเป็นทุกข์ ใจห่อเหี่ยว ทำไมถึงกลับทำให้ร่างกายแทบไม่มีเรี่ยวแรง

ในขณะที่บางคนพอป่วยไข้ หรือแม้กระทั่งเป็นโรคร้าย เช่น มะเร็ง เอดส์ แต่หันหน้ามาปฏิบัติธรรมแบบเข้าใจธรรมชาติชีวิต ดูแลจิตใจด้วยธรรมะ

กลับกลายเป็นว่ามีชีวิตยืนยาวขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น มันต้องมีสาเหตใช่ไหมคะว่าทำไมถึงดีขึ้นและไม่ตายเร็วเท่าคนกลุ่มที่ไม่สนใจมาทางธรรมะ

จากประสบการณ์ชีวิตและการทำงานดิฉัน พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งที่หันมาสนใจปฏิบัติธรรมะแบบปฏิบัติจริง ๆ ในช่วงก่อนและหลังการผ่าตัดและรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม)

พบว่าผู้ป่วยมีโอกาสรอดสูงและในระยะเวลา 5 ปี ก็มีโอกาสเสียชีวิตต่ำกว่าผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีการแพทย์สมัยใหม่แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม

ทำไมคนเราถึงยังทุกข์ใจและมีปัญหาทะเลาะกันมากมายก็เพราะความไม่มีธรรมในใจที่ดีพอ

ซึ่งธรรมจะเป็นสิ่งที่จะทำให้จิตใจของคน ๆ หนึ่งมีความสุข ปราศจากทุกข์ หรือมีทุกข์น้อยลง แล้วก็อยู่กับธรรมชาติด้วยการเข้าใจกฎธรมชาติ

เพราะธรรมะคือการเรียนรู้กฏธรรมชาติค่ะ ถ้าเราไม่เรียนรู้กฎธรรมชาติ เราก็จะอยู่ในธรรมชาติได้แบบไม่ราบรื่นค่ะ การเรียนรู้ธรรมะจึงทำให้เราอยู่ในธรรมชาติได้อย่างราบรื่นและสงบสุขค่ะ

ทุกคนไม่ว่าจะคนรวย คนจน คนสวย คนหล่อ คนหน้าตาธรรมดา คนไม่สวย ไม่หล่อ คนพิการ คนปกติ แล้วแต่อยากมีความสุขและไม่อยากมีความทุุกข์จริงไหมคะ

ซึ่งธรรมะในทางพุทธศาสนาสามารถช่วยให้เรามีความสุขและปราศจากทุกข์ หรือ อย่างมีทุกข์ก็ทุกข์น้อยลง และอยู่กับทุกข์ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ

ธรรมะพื้นฐานในทางพุทธของเราท่านให้เราเน้นความเมตตา กรุณา ยินดีกับผู้อื่น การปล่อยวาง ลดการเบียดเบียนผู้อื่น

แล้วก็ฝึกการให้อภัยผู้อื่น เพื่อให้ใจเราสบายเป็นสุข ไม่ให้เกิดความพยาบาท จองเวร จองกรรมต่อกัน เพราะมันหนทางแห่งความทุกข์ได้

แม้เป้าหมายสำคัญที่สุดของทางพุทธศาสนา คือ อยากให้ผู้ปฏิบัติไปจนถึงนิพพาน แต่นั่นอาจจะไกลเกินไปสำหรับคนทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้สนใจปฏิบัติธรรม

แล้วก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีอะไรน่าเป็นจริง จึงทำให้การอธิบายให้กับคนที่มีธรรมะพื้นฐานน้อยเข้าใจนั้นเป็นเรื่องยากมากค่ะ

แต่ถ้าเราคิดแบบลึกซึ้งและแยบคาย เราก็จะเข้าใจค่ะว่านิพพานนั้นทำไมถึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะจะได้ไม่มาเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีภพชาติอีกต่อไป

ซึ่งตรงนี้คือทำไมถึงดีที่สุด ก็เพราะไม่กลับมาเบียดเบียนใครอีกเลยไงคะ เพราะการมีชีวิตอยู่ ต่อให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดีเลิศแค่ไหน ก็ต้องมีการเบียดเบียนอยู่ดี

อย่างน้อยที่สุดก็มาเบียดเบียนสรรพสัตว์ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ แล้วก็กระทบกระทั่งกับคนอื่น ไม่มากก็น้อย จนเกิดเป็นการเบียดเบียน พยาบาท จองเวร จองกรรมกันได้อีก

อย่างไรก็ดี ดิฉันจะไม่พูดเรื่องหนทางไปสู่นิพพานใด ๆ เพราะดิฉันเองก็คงไม่ได้มีคุณงามความดีขนาดจะพูดเรื่องเช่นนี้ได้

แล้วก็เป็นเรื่องที่มันต้องไปศึกษาและปฏิบัติสำหรับคนมีจิตศรัทธาในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนค่ะ

แต่เราจะคุยกันในระดับเรื่องที่จะทำให้ชีวิตเราสงบสุข ลดทุกข์ และทำให้เรามีจิตใจเบิกบาน

คือเรื่องการสร้างกรรมดี (สร้างบุญ) และกรรมไม่ดี (ก่อบาป) กรรมและผลของกรรมที่เราสามารถจับต้องได้ในภพนี้ ชาตินี้ค่ะ

แบบว่ายังเป็นมนุษย์เป็น ๆ อยุ่เนี่ย คือเป็นโอกาสอันดีเลยค่ะที่เราจะทำบุญกุศลได้ เราไม่เหมือนภพภูมิสัตว์ที่แม้จะอยู่ในโลกเดียวกับเราตอนนี้

เขามีโอกาสยากมากที่จะทำบุญกุศลและปฏิบัติธรรมแบบเราได้ค่ะ แล้วทำไมในเมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์ที่เรียนรู้ได้

ทำไมเราถึงจะไม่อยากสนใจกฎธรรมชาติ (ธรรมะ) ที่จะพาเราไปทางสว่างละคะ



  Printer-friendly page | Top
ปรีดาภรณ์
Guest

22. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #21
 
22-Aug-18, 07:45 AM (SE Asia Standard Time)
 
  
สิ่งที่ดิฉันจะพูดถึงต่อไปคือ เรื่องบุญและบาป และกรรมและผลของกรรมแบบให้เข้าใจว่ามันมีอยู่จริงและเราสัมผัสได้ทางใจเราค่ะ

บุญและบาปนั้นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ทางใจ แม้ว่าจะไม่มีหน่วยวัดออกมาเป็นรูปธรรม ไม่มีการชั่งตวงได้ ไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และระบบแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์วัดออกมาได้

แต่มันมีผลต่อความรู้สึกทางใจเราจริง ๆ แล้วก็มีผลจริงต่อการดำรงชีวิตของตัวเราและคนรอบข้างเราค่ะ (รวมถึงพ่อแม่ คนในครอบครัวเราด้วยค่ะ)

ก่อนเราจะไปพูดเรื่องบุญและบาป และการมีบุญและบาปติดตัวเรา เราต้องเข้าใจเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรมก่อนค่ะ

กรรม เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญมากค่ะ เป็นกฎธรรมชาติที่พระองค์ทรงค้นพบว่ามีจริงและมีความสัมพันธ์กับเรื่องบาปและบุญค่ะ

การเข้าใจเรื่องกรรมจะเป็นพื้นฐานที่จะนำพาชีวิตเราไปสู่ความสุขหรือจะเป็นทุกข์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ดังนั้น เราจะต้องสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อเราจะได้มีสุขและไม่ทุกข์ หรือทุกข์ก็ทุกข์น้อยและหายจากทุกข์เร็วนะคะ

เพราะเราจะไม่สร้างกรรมไม่ดีขึ้นมาเพิ่มอีก แต่จะสร้างกรรมดี ๆ ขึ้นมาแทนและสะสมเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้แต้มบุญมากกว่าแต้มบาปค่ะ

กรรมนั้น เป็นคำกลาง ๆ มีทั้งกรรมดี (กรรมขาว) และกรรมไม่ดี บางท่านก็เรียกกรรมชั่ว (กรรมดำ)

กรรม คือ การกระทำของคนเราที่มีเจตนาเป็นส่วนประกอบ ดังนั้น กรรมจึงเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวคนเรา ตั้งแต่กำเนิดออกมาแล้วค่ะ

กรรม สามารถสร้างได้ 3 ทาง คือ

1. มโนกรรม เป็นกรรมทางความคิดหรือกรรมทางใจ

2. วจีกรรม หรือ วาจากรรม เป็นกรรมที่เกิดจากการพูด (นับรวมการเขียนแทนคำพูดด้วยค่ะ)

3. กายกรรม คือ กรรมที่เกิดจากการลงมือกระทำหลังจากที่คิดหรือพูดหรือวางแผนไว้ หรือ มีเจตตาลงมือทำลงไป

โดยความเข้าใจคร่าว ๆ กรรม คือสิ่งที่เรากระทำผ่านทั้งความคิด คำพูด การลงมือทำโดยมีเจตนาเป็นสำคัญ ซึ่อาจจะเป็นกรรมดี (กุศลกรรม) และกรรมไม่ดี (อกุศลกรรม)

ดังนั้น กรรม จึงเป็นเส้นทางที่กำหนดชะตาชีวิตคนเรานี่แหละค่ะ

ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำสิ่งดี ๆ ย่อมการันตีว่าเราจะไม่เจ็บตัวเยอะ และก็จะเป็นหนทางแห่งความสุขมากกว่าทุกข์แน่นอนค่ะ

การทำกรรมดีมีมากมายหลายทางค่ะ ซึ่งในหมวดธรรมะ การสร้างบุญสามารถทำได้ 10 ทาง เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ 10 คุณลองไปค้นหาดูได้ค่ะ

เราสามารถทำกรรมดีแบบง่าย ๆ เช่น ช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่หวังผล มีจิตเมตตากับคนอื่น เราชอบพูดดี ๆ ให้กำลังใจคนอื่น การทำทานช่วยเหลือคนด้อยโอกาส

ถ้ามีจิตศรัทธาในทางพุทธศานาก็อาจจะไปทำบุญที่วัดเพื่อให้มีพระสงฆ์ท่านได้อยู่สืบทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไปได้

การสร้างกรรมดี เป็นหนทางที่จะไปทางแห่งความสุข ไปทางสว่าง เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าเราจะทุกข์น้อยกว่าสร้างกรรมไม่ดีค่ะ

ในทางตรงกันข้าม หากเราเน้นทำกรรมไม่ดี ทำอะไรที่ผิดศีลธรรม คิดไม่ดี มีคำพูดที่ไม่ดีและลงมือทำสิ่งที่ไม่ดี มันก็จะเป็นโทษต่อตัวเราเองและครอบครัวเราค่ะ

ตัวอย่างง่าย ๆ คือ หากเราพูดโกหกหลอกลวงเก่ง ใช้คำพูดหยาบคายด่าว่าผู้อื่น ไม่มีสัจจะ ชอบพูดกระแนะกระแนเสียดสีคนอื่นเก่ง เราจะเจอคนพูดไม่ดีกลับคืน

นี่ถ้าคน ๆ นั้นเป็นคนมีธรรมะในใจดีมากแล้วเขามีจิตเมตตา เขาก็จะไม่มายุ่งกับเรา เขาก็จะค่อย ๆ หายไป ไม่อยากมาสุงสิงกับคนชอบพูดไม่ดีกับคนอื่น

บางคนมีความคิดที่มุ่งร้ายพยาบาท เคียดแค้น การลงมือกระทำในสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ มันก็เป็นอะไรที่ชัดเจนเลยว่ามันเป็นการสร้างบาปและเป็นหนทางไปสู่ความทุกข์แน่ ๆ ค่ะ

เพราะเขาก็จะครุ่นคิดอยู่กับวิธีการคิดอกุศล อยากล้างแค้น หรืออยากเอาชนะศัตรู อยากเอาชนะคนนั้นคนนี้ ใจก็ไม่เป็นสุข ก็ทำให้สุขภาพกายไม่ดีตามไปด้วย

เพราะอย่างที่บอกค่ะว่าใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจไม่กุศล สุขภาพภายในก็มักจะไม่ดีตามไปด้วยนะคะ

บางคนเครียดและทุกข์ใจจากการที่ตัวเองก่อกรรมไม่ดีไว้ มีจิตขุ่นมัวบ่อย ๆ มันก็กระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนและสารเคมีที่ไม่ดีออกมามากขึ้น สุขภาพก็ไม่ดีตามไปด้วยค่ะ

นี่คือกรรมและผลของกรรมแบบง่าย ๆ ที่เราจะรู้สึกได้และสังเกตได้เองค่ะ

คราวนี้เรามาพิจารณาแบบละเอียดขึ้น แบบยังไม่ต้องไปพูดถึงนรกและสวรรค์นะคะ

เอาแค่ถามตัวเองว่า หากเราคบกับแฟนหรือเพื่อนที่มีลักษณะเป็นคนทุศีล (ศีลบกพร่องหรือศีลไม่ดี) ไม่มีธรรมะในใจดีพอ เราจะอยู่กับเขาได้นานไหม

คิดว่าเราคบคนนิสัยเจ้าเล่เป็นแฟน คนชอบโกหก คนไม่ซื่อสัตย์ คนไร้สัจจะ คนมักมากในการ (เหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆ ลักษณะร่วมกัน) เราจะมีความสุขไหมคะ

สมมุติว่าแฟนเราบอกว่ารักเราคนเดียว จะซื่อสัตย์และจริงใจกับเรา แต่ลับหลังก็แอบไปคุยกับคนนั้นคนนี้ คือ เข้าข่ายนอกใจ

เช่นนี้เป็นลักษณะของคนที่ขาดศีลธรรมที่ดี ไม่มีสัจจะ (สัจจะก็เป็นธรรมะข้อหนึ่งนะคะ) แล้วเขาก็ผิดศีลมุสา (โกหกแล้วก็ไม่จริงใจ)

ถามว่า เธอจะทุกข์ใจไหมคะที่เจอคนแบบนี้ แม้กระทั่งถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วโกหกกัน พูดว่าเราลับหลังในทางไม่ดี เช่นนี้ เป็นวจีทุจริต (ก็คือไม่ใช่คนศีลธรรมดี)

จะเห็นว่าคนที่มีลักษณะทุศีล หรือไม่มีธรรมะยึดเหนี่ยวจิตใจดีพอและปฏิบัติไม่ได้ เขาจะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนรอบข้างหรือคนที่เขาไปคบหาด้วยใช่ไหมคะ

นี่ก็เป็นสิ่งที่บ่งชี้ชัดเจนแล้วว่า ธรรมะกับคนที่มีศีลธรรมดี จะเป็นหนทางให้เกิดความสัมพันธ์ดี ๆ ทำให้สังคมสงบสุขได้ และทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้

แม้ว่าเราเห็นว่าเขาสร้างบาปให้ตัวเอง แต่เราก็ทุกข์ใจด้วย เพราะเราไปยึดมั่นกับตัวเขาว่าเขาใช่ไหมละค่ะ เราก็ต้องทุกข์ด้วย เพราะเราอาจจะลืมธรรมะข้ออุเบกขา

ไม่เข้าใจเรื่องของอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา คือ ความไม่ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่ไม่เที่ยง มันไม่มีตัวตน แล้วสุดท้ายก็ไม่มีอะไร ๆ เป็นตัวตน

เห็นไหมคะว่าแค่ธรรมะตรงนี้เราก็ได้เห็นอะไรมากพอที่จะตัดสินได้ว่า โลกแห่งความสุข กับ โลกแห่งความทุกข์ มันต่างกันยังไง

ยังไม่ไปถึงขนาดนรกสวรรค์ เรายังแยกแยะเห็นได้แล้วว่ามันมีจริงยังไงในตอนนี้ ภพนี้นะคะ

เพราะฉะนั้น การมีธรรมะหรือไม่มีธรรมะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จะเป็นตัวกำหนดเลยค่ะว่าคน ๆ นั้นจะมีชะตาชีวิตในวันข้างหน้า กาลหน้ายังไงบ้าง

หากคนเราขาดธรรมะพื้นฐาน ก็จะทำให้เกิดความไม่ชอบธรรม ทำให้ตัวเราเองและคนอื่นเดือดร้อนทุกข์ใจได้


อย่าลืมว่าคนที่มีลักษณะทุศีล ขาดศีลธรรมที่ดี เขาก็จะไม่สนใจในเรื่องบาปและบุญใด ๆ ทั้งนั้น เขาก็จะทำของเขาโดยไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะเสียใจหรือทุกข์ใจเพราะเขานัก

แต่กฎแห่งกรรมนั้นมีจริงค่ะ เพราะเป็นกฎธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว เขาก็จะโดนธรรมชาติ โดนสังคมลงโทษเอง ถ้าเขาทำตัวไม่ดีไปเรื่อย ๆ

เช่น คนที่ไม่จริงใจ ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีสัจจจะ ใครเขาจะอยากคบด้วยนาน ๆ จริงไหมคะ แค่เรามีเพื่อนแบบนี้ เราก็อยากออกห่างแล้วใช่ไหมคะ

ถึงเขาจะไปเฟคสร้างภาพ ทำเป็นคนดีหรือเข้าใจว่าตนเองดี แต่ตัวตนจริง ๆ เขายังเป็นแบบนี้ คือทำอะไรที่ขาดศีลธรรม เราจะไปคบกับเขาได้นานไหมละคะ

นี่เป็นกฎแห่งกรรมที่ให้ผลในระยะแรก ๆ แค่นั้นเองนะคะ ที่เราก็รู้สึกและจับต้องได้

แต่กฎแห่งกรรมที่จะให้ผลในระยะต่อ ๆ ไปนั้นมันก็มีอีก ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำอะไรไว้มากน้อยแค่ไหน พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาสะสมบาป หรือ สะสมบุญไว้มากน้อยกว่ากัน


ทีนี้คุณพอจะเริ่มเข้าใจความหมายของบุญและบาป ที่พอจะจับต้องได้หรือยังคะ

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็ให้นึกถึงข่าวที่สาวคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองท้องกับนักแสดงวัยรุ่นคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเธอไม่ได้ท้องจริง ๆ (อันนี้ัว่าตามข่าวนะคะ)

เธอทำผิดศีล (เป็นบาปต่อตัวเอง) ด้วยการโกหกใหญ่ หลอกลวงคนอื่น แล้วก็ยังไม่ยอมรับความจริง จนทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาต่อชีวิตเธอและครอบครัวเธอ

สุดท้ายเธอก็ทำให้ตัวเองเสื่อมเสีย คนก็จะไม่ไว้ใจอีก พ่อแม่ก็เสียหาย นี่ก็เป็นผลกรรมชัดเจนของการโกหกใหญ่และหลอกลวงผู้อื่น

การที่พ่อแม่และคนที่รักเธอจะต้องมาเดือดร้อนไปด้วยเพราะความผูกพัน ทำให้คนในครอบครัวต้องทุกข์ใจไปด้วย เดือดร้อนไปเพราะบาปที่ลูกก่อไว้

จริงอยู่ว่ากรรมที่เราสร้างนั้น ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมไม่ดีล้วนจะมีผลต่อตัวเราเอง 100% ที่รับไปเต็ม ๆ

แต่ในทางพุทธศาสนานั้น ท่านมองว่าคนที่เป็นพ่อ แม่ ลูก นั้นคือบุคคลที่เคยมีกรรมร่วมกัน (เคยทำกรรมระดับเดียวกันไว้) มานะคะถึงจะเกิดมาเป็นลูกของพ่อ แม่ คู่นั้นได้

พ่อ แม่ หรือคนรักกัน ก็เหมือนเรานั่นแหละค่ะ จะเข้าคู่กันได้ ก็ต้องมีระดับศีลธรรมใกล้กัน มีความศรัทธา จาคะ และปัญญาใกล้ ๆ กัน ถึงลงรอยกันได้

เพราะเราจะสังเกตได้ชัดเจนว่า หากเราไปก่อเรื่องไม่ดีไว้ พ่อแม่เราก็จะทุกข์หรือเสียใจไปด้วย แม้แค่ว่าเราไปด่าใครสักคนผ่านโลกโซเชียล แม้พ่อแม่ไม่เห็นกับเรา

แต่คนก็ย่อมไปตัดสินว่า คน ๆ นี้น่าจะถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวแบบนั้นแบบนี้ หรืออาจจะพูดพาดพิงไปถึงพ่อแม่เราได้ ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบคิดลบมากกว่าคิดบวก

แล้วถ้าเราไปก่อเรื่องแย่ ๆ ไว้เยอะ คนก็ย่อมมองว่าพ่อ แม่ คู่นี้ทำไมเลี้ยงดูเราแบบนี้ เหมือนข่าวที่เวลามีลูกคนมีอิทธิพลไปก่อเรื่องนั่นแหละค่ะ คนก็ว่าไปถึงพ่อแม่

ดังนั้น ข้อเท็จจริงทีว่าพ่อ แม่ ลูก มีกรรมร่วมกันมา จึงเป็นความจริง แล้วการกระทำใด ๆ ของลูก หรือ ของ พ่อ แม่ ถ้าทำไปในทางไม่ดี ก่อกรรมไม่ดี สร้างบาปไว้

ก็จะส่งผลกระทบให้คนในครอบครัวทุกข์ใจ เดือดเนื้อร้อนใจไปด้วยเป็นแน่แท้ค่ะ เพราะความผูกพันที่มีอยู่ในครอบครัวจริงไหมคะ

ดังนั้น ข้อเท็จจริงนี้ก็เป็นหนึ่งในข้อเท็จจริงที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้ค่ะ เห็นไหมคะว่าธรรมะทุกหมวดจะเชื่อมโยงกันได้หมดค่ะ

ท่านจึงได้เตือนให้เราสร้างแต่กรรมดี ทำบุญกุศลเข้าไว้ เพื่อให้พ่อแม่สบายใจ แล้วท่านก็จะอิ่มอกอิ่มใจกับการกระทำของเรา

แต่หนทางการทำบาปนั้นมันเป็นหนทางที่ทำให้ทั้งตัวเราและครอบครัวเดือดร้อนจริง ๆ
ยกเว้นว่า ลูกคน ๆ นั้นจะไม่รักพ่อ ไม่รักแม่เอาเสียเลย

แบบไปสร้างเรื่องไว้ แต่ก็ไม่แคร์ว่าพ่อแม่จะทุกข์ยังไง เพราะเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง รักแต่ตัวเอง แต่ไม่รักคนอื่นจริง ๆ จากใจ ก็จะทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจแบบเหมือนรับกรรมไปแทนค่ะ

แล้วเมื่อมีข้อเท็จจริงนี้ ข้อเท็จจริงเรื่องการทำบุญ การทำบาป ผ่านการก่อกรรมดีและกรรมไม่ดี ก็ย่อมมีจริงที่เราจับต้องได้จริงไหมคะ



  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ปรีดาภรณ์
Guest

23. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #22
 
22-Aug-18, 08:22 AM (SE Asia Standard Time)
 
  

เมื่อเราเข้าใจเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรมดีพอแล้ว

เราก็จะรู้ว่าการกระทำใด ๆ ที่มีเจตนาของเราและให้เกิดขึ้นผ่านความคิด คำพูด หรือการลงมือกระทำนั้นล้วนมีผลต่อชีวิตเราจริง ๆ

แม้กระทั่งเพื่อนที่จะมารายล้อมตัวเรา ก็ล้วนมาจากผลของการกระทำของเราที่เคยทำไว้ในอดีต (ไม่ต้องไปพูดไกลถึงอดีตชาตินะคะ)

เอาแค่อดีตตั้งแต่เราเรียนหนังสือมา เราเป็นคนประเภทไหน ก็จะดึงดูดเพื่อนแบบนั้นแหละค่ะมาอยู่ด้วย ถ้าชอบนินทา ชอบจิกกัดว่าคนอื่น

ก็มักจะดึงดูดเพื่อนประเภทนี้มาคบด้วย ส่วนเพื่อนดี ๆ ที่เขาไม่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น ไม่ชอบนั่งจิกกัด แขวะว่าคนอื่น เขาก็จะไม่มาคบด้วยค่ะ เขาจะไปอยู่สังคมของเขา

นี่ก็เห็นได้ชัดแล้วใช่ไหมคะว่ากรรมดำ (บาป) หรือ กรรมขาว (บุญ) ที่เราสร้างไว้แม้แค่ระดับการพูดการจา ก็จะมีผลต่อการกำหนดคนมาอยู่ใกล้ ๆ ตัวเราและชะตาชีวิตเรายังไง

บางคนอยากได้แฟนดี ๆ อยากมีคนดี ๆ มาอยู่ด้วย อยากได้คนคุณภาพสูง แต่ลืมดูว่าตนเองได้มีคุณภาพต่ำเพียงใด

เช่น ชอบด่าว่าคนนั้นคนนี้ โกหกเก่ง ไม่มีสัจจะ ไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจกับใคร ล้วนแล้วแต่หนทางสร้างบาปให้ตัวเอง แล้วคนดี ๆ คุณภาพสูงเขาจะมาคบหาได้ยังไง

ต่อให้สร้างภาพหลอกเขาได้ แต่แรงกรรมจากที่เคยกระทำบาปหรือทำเรื่องไม่ดีไว้ ก็จะทำให้คนได้เห็นสิ่งที่เคยก่อไว้อยู่ดีค่ะ ภาษาบ้าน ๆ เขาถึงเรียกว่ากรรมตามทันไงคะ


อย่างหลาย ๆ คนมีพฤติกรรมนอกใจแฟน หรือชอบสำส่อน นอกใจแฟนหลายคนก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลข้อ 3

แต่เรื่องสำส่อน อาจจะคิดว่าไม่ผิด จริง ๆ ตรงนี้มันเป็นเรื่องของการผิดศีลละเมิดบุคคลที่มีบิดามารดาหรือบุคคลที่เป็นอันที่รักปกป้อง ไม่อนุญาตด้วยค่ะ

ดังนั้น เราไปนอนกับคนอื่นไปทั่ว มันจึงเป็นหนทางละเมิดศีลข้อ 3 ของตนเองและคนอื่น เพราะบางครั้งพ่อแม่เราก็อาจจะหวงแหน และไม่อยากให้เราไปทำแบบนี้

เมื่อเราทำเป็นประจำ ในเรื่องทางโลกก็เสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ในทางธรรมจิตใจก็จะหม่นหมอง หดหู่ลง หรือ ทำให้คน ๆ นั้นดูไร้ค่ามากขึ้น

อาจจะพัฒนาเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้ เพราะจิตเศร้าหมอง จากการกระทำที่ทุศีลไปเรื่อย ๆ เพราะการจะไปนัดเจอใคร มีอะไรกับใคร อาจจะต้องฝึกโกหกเก่ง

ทำให้ศีลขาด ศีลบกพร่อง แล้วก็ไปนอนกับคนที่เขาอาจจะมีแฟนแล้ว ทำให้ยิ่งหนักข้อขึ้นไปใหญ่ ผลของการสร้างบาปแบบนี้ไปนาน ๆ ก็จะมีชีวิตที่เศร้าหมอง

ไม่ประสบความสำเร็จในด้านความรักแล้วก็ไม่ค่อยมีคนอยากคบด้วยนาน ๆ หรือ อาจจะไม่มีใครจริงใจด้วยอีกต่อไปเลยค่ะ

แค่นี้ก็เริ่มทำให้คนกระทำทุกข์ใจแล้วใช่ไหมคะ เพราะเมื่อเขาไม่มีใครอยากคบด้วยนาน ๆ ไม่มีคนจริงใจด้วย เขาก็จะเริ่มทุกข์ใจ

เพราะหากเขายังต้องการใครสักคนมาอยู่ด้วย แต่ไม่เจอใครที่ดีและจริงใจด้วย เขาก็ย่อมทุกข์ใจ นี่ก็เป็นผลแห่งการทำกรรมไม่ดี หรือสร้างบาปไว้ที่เราจับต้องได้ค่ะ

เพราะกรรมมักแสดงผลให้เรารู้สึก เป็นมโนกรรม เป็นกรรมทางใจ เรารู้สึกได้ รับรู้ได้ แต่ไม่มีหน่วยวัดเป็นรูปธรรมทางวิทยาศาสตร์ แต่มันเกิดขึ้นจริงและรู้สึกได้

ทีนี้ เราพอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า บาป ทำให้จิตใจไม่สดใส จิตใจเป็นทุกข์ รู้สึกหดหู่ เศร้าหมองได้ แล้วก็ทำให้เกิดความทุกข์ทางใจในระยะยาวได้ค่ะ

เอาแค่นี้เราก็พอจะรู้แล้วว่าข้อเท็จจริงเรื่องบาป มันเป็นจริงเท็จแค่ไหน จะปฏิเสธความจริงได้ไหมคะว่าบาปไม่มีอยู่จริง แม้ยังไม่ไปไกลถึงระดับนรกสวรรค์นะคะ

ส่วนการสร้างกุศลกรรม ทำกรรมดี ก็คือหนทางสะสมบุญ แล้วก็จะทำให้เราไปในทางสว่าง ทางที่สดใส ทำให้ชีวิตเราไม่มีอะไรที่ต้องมามัวหมอง ให้น่าทุกข์ใจนัก

ต่อให้มีเรื่องร้าย ๆ ผ่านเข้ามา แต่สิ่งที่เราทำดี ๆ ไว้ ทั้งการคิด การพูด การกระทำที่ดี ๆ ของเราต่อคนอื่นที่ผ่านมา ก็จะเป็นเกราะคุ้มครองเราให้เราอบอุ่นใจ

เพราะเราเบียดเบียนคนอื่นน้อยมาก แล้วก็มักมีแต่ทำสิ่งดี ๆ ให้คนอื่น มันเป็นการสร้างบุญที่ทำให้เราอิ่มเอมใจ รู้สึกเป็นสุข มากกว่าจะเป็นทุกข์

เอาแค่ระดับนี้ เราก็จะพอรู้แล้วว่าทำไม บุญ บาป ถึงจะมีแนวโน้มว่าเป็นจริงในระดับภพชาติและนรกสวรรค์ค่ะ

คราวนี้มาพิจารณาสิ่งที่บางคนคาใจหรือเคยสงสัยว่า คนเราเกิดมาทุกคนก็ย่อมทำบาปมากน้อยแตกต่างกันบ้าง แบบนี้จะไปนรกหมดไหม

แน่นอนว่าทุกคนต้องเกิดมาเคยสร้างบาปและสร้างกรรมไม่ดีไว้ค่ะ พระพุทธเจ้าก่อนจะมาเกิดในชาติที่ท่านจะตรัสรู้ก็เคยสร้างกรรมไม่ดีไว้ ท่านก็ต้องชดใช้กรรมเก่าด้วยค่ะ

แต่ถ้าเราค่อย ๆ ลดการสร้างกรรมไม่ดี แล้วสร้างแต่กรรมดีไว้เยอะ แล้วปฏิบัติธรรมะในการสร้างบุญบารมีระดับสูงขึ้น ก็จะไม่ต้องไปนรกค่ะ

(ถ้าเชื่อเรื่องว่ามีนรกจริงๆ คุณจะรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะไปนรกแม้จะเคยสร้างกรรมไม่ดีไว้ค่ะ)

การที่เราทำอะไรไว้ มันจะมีผลติดตัวเราไว้เสมอ เหมือนมีป้ายแปะทับ มีสีมาป้าย สีขาว สีดำ อะไรทำนองนี้ค่ะ จึงเป็นที่มาของเรื่องคำว่า กรรมเก่า บุญเก่าค่ะ

ถ้าเราศึกษาอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องของกรรมและวิบากกรรม กฎแห่งกรรม บุญบาปที่เราสร้างไว้ มันจะเป็นตัวกำหนดทางไปของชีวิตเราในชาติปัจจุบันนี้และอนาคตชาติค่ะ

คุณอาจจะเคยได้ยินว่าทำบุญเก่ามาดี หรือ เขายังมีบุญเก่า นี่แหละค่ะ เป็นที่มาว่าทำไมบางคน ทำชั่ว แล้วยังได้ดี ก็เพราะอาจจะเคยทำดีมาบ้าง แล้วบุญนั้นยังประคองให้อยู่ได้

แต่ถ้าเมื่อไหร่ บุญเก่า หรือสิ่งที่เคยทำดีมามันหมดฤทธิ์แล้ว มันไม่มีใครจะจดจำสิ่งดี ๆ นั้นให้แล้ว แม้แต่บุญเก่าจากอดีตชาติก็หมดแล้ว แต่ขยันสร้างแต่กรรมไม่ดีไว้ เป็นบาปเยอะ

คราวนี้แหละค่ะ ก็จะทำให้ผลของกรรมไม่ดีเริ่มแสดงผลขึ้นมาแทนค่ะ บางคนถึงกลับมีชีวิตพลิกผัน หน้ามือเป็นหลังมือก็มีค่ะ ลองไปสังเกตดูสิคะ มีหลายคนเป็นแบบนั้น

ส่วนบางคนที่ชาตินี้ ภพนี้ ทำสิ่งดี ๆ มาตลอด ทำเรื่องกุศลผลบุญไว้ แต่ยังเหมือนไม่ได้ดีนัก ต้องมาวิเคราะห์ดู อย่างน้อย 5 อย่างค่ะ

1. อาจจะเพราะเคยทำชั่วมาก่อน แล้วเพิ่งมาเริ่มทำดี

แบบว่าชีวิตคุณเธอทำบาปมาหลายปีหรือค่อนชีวิต แต่เพิ่งมาเริ่มทำดี ทำบุญกุศลไม่นาน จะให้ผลดีแสดงทันทีก็อาจจะยาก

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อคิดริเริ่มทำดี คิดดี พูดดี นั่นก็จะเป็นหนทางสว่างแล้วค่ะ แค่เริ่มทำแรก ๆ ก็จะรับรู้ได้ถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในใจเราและเข้ามาในชีวิตแล้วค่ะ

แต่ถ้าหวังผลสูงมาก นั่นก็จะทุกข์นะคะ เพราะว่าทำดีแล้วหวังผล นี่ไม่ใช่หนทางการสร้างความสุขที่ถูกต้องและไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืนด้วยค่ะ (เรื่องนี้ค่อยคุยกันในโอกาสหน้าค่ะ)

2. อาจจะทำดีผิดที่ ผิดคน ผิดเวลา แน่นอนว่าบางทีไปทำดีกับคนที่ไม่มีความดีเอาเสียเลย เราก็จะไม่ได้สิ่งดี ๆ จากคนแบบนี้หรอกค่ะ

บางทีก็ไปทำผิดสถานที่ ผิดคน ก็อาจจะไม่ได้ผลดีตอบกลับมา แต่อย่างไรก็ดี เหมือนที่ดิฉันพูดไว้ค่ะว่า ไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังผลของการทำดี

ถ้าคุณทำดีแล้วไปคาดหวังมันจะทุกข์ แต่ที่แน่ ๆ คือ ถึงเราจะทำดีผิดคน ผิดที่ผิดทาง แต่เราก็มีความอบอุ่นใจการันตีว่า เรานี่แหละค่ะทำดี จริงใจ และไม่ได้สร้างทุกข์ให้คนอื่น

ถึงเขาไม่เห็นความหวังดีของเรา แต่เราก็จะเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่และจะไม่เสียใจ ไม่เสียดายที่เราได้กระทำสิ่งดี ๆ ด้วยค่ะ

ถ้าลองทำตรงกันข้ามสิคะ ไปก่อเรื่องไม่ดี ไปสร้างบาป หรือทำให้คนอื่นเสียใจ ทุกข์ใจเพราะเรา เราจะมีความสุขได้จริง ๆ เหรอคะ

ต่อให้เราหลอกตัวเองได้ว่า เราไม่ผิด เราไม่แคร์หรอก แต่ลึก ๆ มันจะมีเหตุการณ์มาทบทวนจิตใจให้เราเห็นภาพสิ่งที่เราเคยทำไม่ดีกับคนอื่นไว้ (เขาเรียกกรรมให้ผลค่ะ)

ยิ่งไม่ต้องไปนึกถึงมโนกรรมที่จะเกิดตอนบั้นปลายชีวิตนะคะ อันนี้จะมาเยอะเลยค่ะ ถ้าหมั่นทำกรรมไม่ดีไว้เยอะ สมองและจิตมันจะเรียกออกมาเอง แบบไม่อยากคิดก็มาเองค่ะ

ดังนั้น การทำดี สร้างบุญต่าง ๆ จึงเป็นเครื่องการันตีความสบายใจในระยะยาว ไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตค่ะ

3. ทำดีนิดหน่อย แต่หวังผลไว้สูงเกินตัว

บางคนทำดีแค่นิดเดียว แต่หวังตัวเองได้คุณภาพชีวิตสูงเกินสิ่งที่ทำ

แบบนาน ๆ ทีทำสิ่งดี ๆ บุญกุศลก็ไม่เคยสร้าง ทานก็ไม่ค่อยให้ จะให้ทีก็ตระหนี่ เหนียว ไม่ให้ด้วยใจ แบบนี้ก็ไม่ค่อยเกิดบุญค่ะ

มีน้อยก็ทำน้อย มีเงิน 100 บาท ไม่ใช่ไปทำทานทำบุญหมด เอาไปทำบุญแค่ 10 บาท แต่ทำด้วยใจก็ได้บุญกุศลค่ะ

แต่เอาไปทำบุญหมด 100 บาท แล้วตัวเอง พ่อ แม่เดือดร้อน อะไรแบบนี้ไม่ได้บุญเท่าไหร่ แถมจะได้บาปเสียอีกนะคะ เพราะทำให้ชีวิตครอบครัวและตัวเองเดือดร้อนค่ะ

แต่ประเภททำบุญระดับรักษาศีล (ซึ่งถือว่าเป็นบุญระดับสูงกว่าการให้ทานและทำบุญแบบบริจาคทรัพย์) ไม่เคยรักษาศีลเลย แต่จะไปหวังบุญโชคลาภดี ๆ ความก้าวหน้าดี ๆ

แบบนี้จะเป็นไปได้ยังไงคะ แบบยังชอบโกหกคนอื่น ยังมีชีวิตที่ขาดศีล 5 ธรรมะพื้นฐานที่ดี ๆ ก็ไม่มี แต่นาน ๆ ทำบุญนั่นนี่

แบบนี้ทำดีเลยยังไม่เห็นผลทันทีหรอกค่ะ เพราะศีลบกพร่องนะคะ


4. ทำบุญและทำบาปไปในเวลาพร้อม ๆ กันหรือไล่เลี่ยกัน

บางคนก็แปลกค่ะ ทำบุญและทำบาปในเวลาใกล้ ๆ กัน เช่น ไปวัดไปทำบุญ ไปถวายสังฆทาน ไปบริจาคทรัพย์ แต่กลับมาแล้วก็มานั่งนินทาด่าว่าคนอื่น

เช่นนี้ก็เรียกว่าได้บุญและบาปในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน ก็ทำให้ไม่มีกุศลบุญแรงพอจะทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ในชีวิตมากพอจะตัดกำลังบาปออกไปได้

หรือบางคนไปวัดทำบุญ ตักบาตร ไปทำบุญเพื่อให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นคนดี ไปวัดก็ไปเมาท์ชวนคนนั้นคนนี้ให้เสียสมาธิ ชวนเขาพูดจาไม่ดีหยาบคายให้เสียศีล นี่ก็เป็นบาปอีกทาง

บางคนทำบุญเสร็จ (อาจจะทำบุญกับคนอื่นที่ไม่ใช่พระและวัด) ก็ไปก่อเรื่องนอกใจแฟน (สร้างบาป) หรือไปอ่อยคนนั้นคนนี้ เป็นการสร้างบาปจากการหลอกให้ความหวัง (มุสาวาท)

เช่นนี้ก็ทำให้ไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นนะคะ เผลอ ๆ แรงบาปจะมากกว่าแรงบุญ ก็เมื่อไหร่แรงบาป (กรรมไม่ดี) มันแรงกว่า ก็จะได้รับผลกรรมแบบทุกข์ใจไม่น้อยเลยละคะ


5. กรรมไม่ดีจากอดีตชาติยังแรงอยู่ ทำให้ทำดีในชาตินี้ยังไม่ได้ดีทันที

เรื่องนี้เป็นระดับกรรมเก่าจากอดีตชาติ คุณอาจจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ ก็ต้องใช้เวลาศึกษาและสังเกตดูนะคะ มันสังเกตได้ค่ะ (ถ้าศึกษาธรรมดี ๆ จะมีปัญญาทางธรรมรับรู้ได้ค่ะ)

แต่ก็อย่าย่อท้อในการทำบุญกุศลและความดีค่ะ เพราะมันจะเป็นเกราะคุ้มครองใหคุณอบอุ่นใจและมีความสุขมากขึ้นเอง แล้วเรื่องร้าย ๆ จะค่อย ๆ หมดไป

การมีบุญ หรือ บาปติดตัวมาจากอดีตชาตินั้น มันเป็นเรื่องที่เรารู้ไม่ได้ด้วยความเป็นปุถุชน ไม่ได้มีดวงตาพิเศษที่จะเห็นบัญชีกรรมตัวเองได้ว่า ทำบุญ ทำบาป มามากน้อยแค่ไหน

แต่สิ่งที่เราจะรู้ได้ว่า หากชาติหน้ามีจริงล่ะ ภพหน้ามีจริง คุณจะทำยังไง ในเมื่อยังสร้างบาปไว้อีกเยอะ แต่บุญมีน้อยกว่า คุณก็จะไม่เจอชีวิตที่แย่กว่าเดิมเหรอเนี่ย

สิ่งที่คนเรามักเป็นกันคือ ทำบุญและบาป พอ ๆ กันค่ะ เป็นแบบนี้มันก็เลยให้ผลกรรมดีแสดงออกไม่ชัดเจน กลายเป็นลุ่ม ๆ ดอน ๆ ชีวิตไม่รุ่ง ไม่เจริญเท่าไหร่

ถ้ามีกรรมไม่ดีสะสมไว้เรื่อย ๆ แม้จะพยายามทำดีขึ้น แบบนี้จะไปเอาดีได้ไหมคะ เพราะมีตัวถ่วงมาติดตัวด้วย ใครมาอยู่ด้วยก็จะงง ๆ เอ๊ะ นี่ดีหรือร้ายกันแน่ จะอบอุ่นใจไหมละคะ

ในเรื่องของพุทธศาสนาจริง ๆ ที่ว่าด้วยเรื่องมีภพชาติ ลองคิดดูว่า ถ้าทำบุญไว้เยอะ บุญติดตัวไปด้วย ถึงไม่บรรลุนิพพานก็จะได้ไปเสวยผลบุญในชาติหน้าด้วยค่ะ

แต่ถ้าทำบาป สร้างกรรมไม่ดีไว้เยอะ พอหลุดอบายภูมิมาแล้ว เราก็เอาบาป เอากรรมไม่ดีติดตัวไปด้วยแบบนี้จะทำให้เราเกิดใหม่ไม่สวยงามแน่ ๆ ค่ะ

ต้องไปเจออุปสรรคอะไรอีกเยอะเลย นี่ขนาดว่าชาตินี้ยังเจออะไรแบบนี้ แล้วชาติหน้าจะเป็นยังไงละคะ มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที ไม่ได้เป็นสัตว์ ทำกรรมดีได้ก็ทำเถอะค่ะ

ไม่งั้นหากต้องเกิดใหม่มาอีกทีจะไม่แย่เลยเหรอคะ มีบาปกรรม มีกรรมไม่ดีตามติดตัวมาเยอะ คราวนี้จะไม่หนักข้อกว่าเดิมอีกเหรอ

แต่ถ้าเรามีจิตศรัทธาจนอยากปฏิบัติธรรมะให้บรรลุเลย คือไม่ต้องบวชค่ะ

แค่รักษาศีลได้ เจริญภาวนา (วิปัสสนากรรมฐาน) ได้ (บางท่านเรียกเจริญสติ) แบบนี้ก็ไปสุขคติภูมิทางสวรรค์ค่ะ


การมีศรัทธาสว่างในด้านการสร้างบุญกุศล และระวังเรื่องการสร้างกรรมไม่ดี (สร้างบาป) จึงน่าจะเป็นหนทางที่เราไม่เจ็บตัว อย่างน้อยที่สุดก็เท่าทุนใช่ไหมคะ

เพราะเราไม่เสียหายอะไรเลย มีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น เพราะใคร ๆ ก็ชอบคนดี ชอบอะไรที่มันสว่างไสว ชอบอยู่กับคนที่ทำให้เราอบอุ่นใจ สบายใจ ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียนคนอื่น


ตรงกันข้าม คือ ถ้ามีศรัทธามืด ไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษ ไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่ออะไรหรอก เชื่อแต่ตัวเอง ไม่มีจิตยึดเหนี่ยวกับธรรมะดี ๆ สักหมวด แบบนี้จิตไปไม่ดีแน่ค่ะ

แค่นี้เราก็รู้ว่าผลกรรมเขาจะเป็นยังไง เช่น ข่าวต่าง ๆ ที่ออกมาจนเป็นคดีต่าง ๆ ทั้งคดีเล็ก คดีน้อย กรรมทางใจอีกที่ไม่เป็นคดี แต่ทุกข์ในใจเหลือเกิน

นั่นก็เป็นผลมาจากการกระทำที่ไม่ดีของตัวเอง เพราะขาดศรัทธาทางสว่าง แล้วผลกรรมมันย้อนกลับคืนมายังไงละคะ

ถ้าทำอะไรที่เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบคนอื่น สร้างบาปต่าง ๆ ไว้เยอะ ใครจะอยากอยู่ด้วยนาน ๆ แค่นี้ยังไม่ต้องไปชาติหน้าเลยค่ะ ก็แทบจะไม่มีใครเห็นหัวล่ะ

แรก ๆ อาจจะมีคนมาคบหาด้วยเพราะผลประโยชน์ หรือ เพราะเขาไม่รู้บางอย่างของเรา แต่เมื่อกรรมให้ผลขึ้นมา คนที่เคยเข้าหาเขาไม่สนใจเราแบบเดิม

แน่นอนว่าเราจะทุกข์ใจแบบที่คิดไม่ออกเลยค่ะว่า นี่คือกรรมเล่นงานหรอกหรือ นี่หรือคือผลของบาปที่เราเคยก่อไว้

ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมายในข่าวสารบ้านเมืองและคนรอบข้างเราจริงไหมคะ

ดังนั้น ธรรมะจึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราปฏิบัติตัวให้อยู่ในธรรมชาติ อยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น แล้วก็มีทุกข์น้อยลง

การมีบุญติดตัว แม้จะไม่ได้ไปสวรรค์ ถ้าไปอบายภูมิ ก็จะหลุดออกมาเร็วค่ะ

แต่ถ้าคุณทำบุญกุศลมาก แล้วมีจิตที่มีมโนกรรม (กรรมทางใจและความคิด) ที่เป็นกุศลมากๆ แม้จะเคยทำบาปมาบ้าง แต่คุณสร้างกรรมดีไว้เยอะกว่ามาก ๆ

แล้วก็ลดการสร้างกรรมไม่ดี ถือศีล 5 ได้ครบ แล้วก็เริ่มชีวิตใหม่แล้ว ทำแต่บุญกุศล ทำกรรมดีเยอะขึ้น กรรมไม่ดีก็จะไล่ตามคุณยากค่ะ

แต่คุณต้องทำให้ได้จริง ๆ นะคะ ไม่ใช่มโนเองว่าฉันดี แต่ยังขยันทำกรรมไม่ดีออกมาอีก แบบนี้ก็จะไม่ได้ช่วยอะไรเลยค่ะ

แล้วสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ (เหมือนพระอรหันต์หลายท่าน รวมถึงพระพุทธเจ้าท่านด้วยนะคะ) ต้องยอมรับผลของกรรมที่เราเคยก่อไว้ เมื่อกรรมไม่ดี (บาป) นั้นไล่ทัน

แต่กรรมดี บุญกุศลที่เราเคยทำไว้มากนั้น ก็จะช่วยให้เราไปภพภูมิที่ดีค่ะ ถึงไม่ไปถึงนิพพานก็อาจจะได้ไปสุขคติภูมิ หรือสวรรค์ได้ค่ะ

แต่หลายคนมักจะท้อใจในการทำดี คิดดี พูดดี พอจู่ ๆ กรรมไม่ดีมาให้ผล ทำให้ชีวิตลำบาก ติดขัดนั่นนี่ หรือทุกข์ใจมาก ก็เลยกลายเป็นสติแตก ไม่เจริญสติต่อไป

กลายเป็นทำอะไรประชดชีวิต จนชีวิตแย่ ๆ ไปกว่าเดิม เช่นนี้คือเป็นหนทางเสื่อมแล้วเราก็จะยิ่งได้รับผลกรรมไม่ดีเพิ่มขึ้นอีก เพราะไปก่อกรรมไม่ดีเพิ่มขึ้น

ดังนั้น คนที่เชื่อกฎแห่งกรรมและเข้าใจเรื่องกรรมดีพอ เขาจะยอมรับผลกรรมไม่ดีที่อาจจะเคยก่อไว้ในอดีต (เอาแค่ชาตินี้ก็พอค่ะ) เมื่อกรรมไม่ดีให้ผล

แต่เขาจะทำบุญกุศลมากขึ้น สร้างกรรมดี เพื่อสะสมบุญไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งชีวิตดีขึ้น หนีพ้นจากกรรมไม่ดีได้

แล้วสิ่งสำคัญคือ ถ้ากรรมได้รับการชดใช้ไปแล้ว แล้วไม่สร้างเพิ่มเราก็จะเจอแต่สิ่งดี ๆ ค่ะ

ดังนั้น หากกรรมเล็กกรรมน้อยที่เคยสร้าง ถูกชดใช้ไปหมดในชาตินี้ แต่ทำแต่กรรมดี ทำบุญ (ตามแนวทางบุญกิริยาวัตถุ 10) ก็จะไม่มีกรรมไม่ดีติดตัวไปค่ะ

เมื่อกรรมไม่ดีถูกชดใช้ไปเกือบหมด หรือ เราชดใช้ไปหมดแล้วในชาตินี้ เราก็จะไปเสวยผลบุญในสุขคติภูมิ ในสวรรค์ (หากคุณเชื่อว่ามีจริงค่ะ)

ดังนั้น การก่อกรรมไม่ดี (ทำบาป) ที่เคยทำมา ถ้าหยุดลงได้ตั้งแต่บัดนี้ หรือตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะไม่ทำเรื่องไม่ดีให้คนอื่นเดือดเนื้อร้อนใจ ไม่ให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น

แค่นี้คุณก็จะเริ่มได้บุญกุศลจากการคิดกุศลแล้วค่ะ แล้วกรรมไม่ดีก็จะไม่เพิ่มขึ้นมา ต่อไปก็เริ่มศึกษาธรรมพื้นฐาน

อย่างน้อยมีจิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็น ตามหลักพรหมวิหาร 4 คุณก็จะเริ่มอบอุ่นใจต่อตัวเอง

เมื่อเริ่มช่วยเหลือคนนั้นคนนี้บ้าง ทำบุญกับคนหลากหลายรวมถึงพระสงฆ์และวัดด้วย (เพราะทำบุญกับผู้มีศีลสูงจะได้บุญเยอะกว่า) คุณก็จะเริ่มมีบุญ (กรรมขาว) สะสมมากขึ้น

ต่อมา หากเข้าใจเรื่องการถือศีลว่าเป็นบุญที่สูงกว่าการให้ทานและบริจาคทรัพย์ คุณก็จะเริ่มอยากถือศีล 5 ให้ครบ

ทำไมการถือศีลถึงเป็นบุญที่สูงขึ้นกว่าการให้ทานและบริจาค เพราะการถือศีล เป็นการลดการเบียดเบียนและทำร้ายจิตใจคนอื่นไงคะ เป็นการไม่สร้างบาป

การไม่สร้างบาปนี่เป็นบุญที่ทำได้ยากมากกว่าการเดินไปทำทาน หรือบริจาคเงินทองช่วยเหลือคนนั้นคนนี้นะคะ

อย่างโจรเนี่ย เขาไปขโมยของมา หรือพวกคนโกงระดับใหญ่โต ไปทำบุญก็แค่ถวายสังฆทาน หรือบริจาคเงินทำบุญกับวัด ก็ทำได้ง่าย ๆ

ในความจริงคนพวกนี้จะได้บุญน้อยค่ะ เพราะเป็นเงินที่ไม่สุจริตนะคะ แค่ต้องการให้รับทราบว่าการทำบุญแบบการให้ทานนั้นจะทำได้ง่ายกว่าการรักษาศีลค่ะ

มาดูว่าการรักษาศีลนั้นมันยากมากกว่าแค่ไหน แค่เราไม่อยากโกหกคนอื่น ไม่อยากพูดจาที่เป็นวจีทุจริต หยาบคายด่าว่าใคร หรือไปเบียดเบียนใครด้วยคำพูดไม่ดีของเรา

มันก็ยากมาก ๆ สำหรับหลาย ๆ คนที่ชอบพูดโกหก และพูดจาหยาบคายในชีวิตประจำวันแล้วนะคะ เห็นไหมคะแค่ศีลข้อ 4 ยังยากสำหรับหลาย ๆ คนเลย

แล้วไปศีลข้ออื่น ๆ ล่ะ อย่างหลายคนมีพฤติกรรมชอบนอกใจแฟน เจ้าชู้ หรือประพฤติผิดในกามที่ไม่ดี ชอบนอนกับคู่ครองคนอื่นบ้าง หรือพ่อแม่ไม่อนุญาตให้สำส่อนก็ทำ

นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะที่คนเคยทำบาปแบบนี้จะหยุดทำได้ง่าย ๆ แล้วการที่เขาจะรักษาศีลระดับนี้ได้ เขาต้องมีจิตใจเข้มแข็งมาก ๆ แล้วก็ต้องรักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง

เขาจะต้องคิดว่าคนอื่นจะต้องทุกข์ใจยังไงกับผลของการกระทำของเขา เพราะเรื่องทางใจจากความรัก ความสุขจากกามนั้นมันเป็นเรื่องที่หากทำให้อีกคนทุกข์มันจะบาปหนักมากค่ะ

ทีนี้ คุณพอจะเข้าใจไอเดียการสร้างบุญที่สูงขึ้นแล้วใช่ไหมคะว่ามันจะทำให้คุณปลอดภัยและอบอุ่นใจยังไง

เพราะคนมีศีลดี คนก็จะชื่นชอบ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่า เอ๊ะ คนนี้จะต้องนอกใจไปคุยกับใคร ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะโกหก หลอกลวงอะไรเรา

ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะพาไปฆ่าสัตว์ หรือประทุษร้ายใคร ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะพาไปสำมะเรเทมา กินเหล้า แล้วเมาแล้วขับรถชนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

แค่รักษาศีลได้ ก็ได้บุญเยอะมากแล้ว ก็การันตีได้ว่าคุณจะมีโอกาสไปทางสวรรค์ (แม้คุณจะยังไม่เชื่อเรื่องว่ามีสวรรค์นรกก็ตาม)

แล้วถ้าอยากได้บุญที่สูงขึ้น ก็ต้องปฏิบัติระดับการเจริญสติ การสวดมนต์ เจริญภาวนา (วิปัสสนากรรมฐาน) ซึ่งเป็นการสร้างบุญระดับสูงที่สุดค่ะ

เพราะทำยากกว่าการทำทานและรักษาศีลด้วย แต่จะมาถึงจุดนี้ได้ต้องทำทาน รักษาศีลให้ดีด้วยค่ะ คือการทำบุญก็ต้องทำให้หลากหลายทาง ทั้ง ทาน ศีล สมาธิ (เจริญภาวนา)

ดิฉันจะไม่พูดถึงตอนนี้เพราะมันจะหนักไป เพราะก็ค่อนข้างยาวแล้วค่ะ

เราจะเห็นว่าการพูดถึงบุญและบาปที่เราเห็นได้ในชาติปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตาและสัมผัสได้ตอนที่เรากำลังมีชีวิตอยู่นี่เอง

แล้วหากบาปและบุญสามารถติดจิตเราไปได้ต่อไปในภพใหม่ล่ะ นั่นจะเกิดอะไรขึ้น

ดังนั้น หากเราทำบุญกุศลเยอะ สร้างกรรมดีเยอะ แล้วรู้จักหลักปฏิบัติให้ได้บุญกุศล บุญบารมีระดับสูงขึ้นมา แม้ว่าคุณจะเคยทำบาป สร้างกรรมไม่ดีมาบ้าง

แต่เมื่อคุณตั้งใจหยุดการสร้างกรรมไม่ดี หยุดทำบาปได้ แม้บาปเล็กบาปน้อยก็ไม่อยากทำแล้ว ก็หันมาสร้างบุญบารมี กุศลธรรมที่ดี ปฏิบัติธรรมแบบถูกวิธี

คราวนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลค่ะว่าตายไปจะไปนรกเสียอย่างเดียว เพราะต่อให้นรกมีจริงคุณก็จะไม่ไปนรกค่ะ คุณยังไม่ถึงขั้นได้ฌาณ ไม่ถึงขั้นไปนิพพาน คุณก็จะไปสวรรค์ค่ะ

อย่างน้อย ๆ คุณก็จะมีสวรรค์ในจิตใจตัวเอง เมื่อจิตจะดับลง (คือตอนจะตาย) คุณจะเห็นแต่ทางสว่างว่าตัวเองเคยทำแต่บุญกุศลมากกว่าเคยก่อบาปไว้เยอะ

ที่แน่ ๆ คือตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่คุณจะรู้สึกว่าฉันเป็นคนที่มีความสุขจากภายในนะ ฉันไม่ได้ไปทำร้ายจิตใจใครให้เขาทุกข์ใจหรือเดือดร้อนเพราะฉัน

คุณจะรู้สึกว่าคุณไม่อยากไปเอาความรักจากภายนอก แต่คุณมีความรักตัวเองที่ถูกต้องจากภายในแล้ว

แม้จะมีผลกรรมมาสนองจากการที่เคยก่อกรรไม่ได้เอาไว้ จนรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ใจกับกรรมนั้น แต่หากเรายอมรับมันซะแล้วไม่หนีทุกข์ที่เกิดขึ้น

ยอมรับแล้วก็ใช้ธรรมะช่วยในการดับทุกข์ แบบไม่เติมกิเลสไปดับทุกข์ คุณก็จะมีสุขขึ้นมาเร็วและดับทุกข์ได้เร็ว จากนั้นก็หมั่นทำแต่สิ่งที่ดีและเป็นบุญกุศลต่อตัวเองและครอบครัว

เมื่อคิดแบบนี้ได้ เราจะเป็นสุขใจมาก ๆ ค่ะ เมื่อถึงเวลาจะจากโลกนี้ไป คุณก็จะมีสติทางธรรมที่ดี (สติทางธรรมไม่เหมือนทางโลกนะคะ) จิตคุณจะรู้แล้วว่าจะไปภพภูมิไหน

หลังจากที่เราได้ข้อสังเกตว่า ข้อเท็จจริงในหลักธรรมต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้เป็นข้อเท็จจริงที่จับต้องได้ เราก็ควรจะเริ่มต้นและหมั่นศึกษาปฏิบัติให้เพิ่มมากขึ้น

เอาแค่ธรรมะพื้นฐาน เรื่อง ศีล พรหมวิหาร 4 การมีสัจจะ วิริยะ และกฎแห่งกรรม แค่นี้ก็รู้แล้ว่าเป็นเรื่องที่มีผลต่อชีวิตเราจริง และจับต้องได้จากความรู้สึกแน่ ๆ

สังเกตคนได้ว่า คนที่จิตเมตตาคนอื่น จะแสดงออกแตกต่างจากคนที่ไม่มีเมตตาคนอื่น อันนี้คุณก็สังเกตได้ค่ะว่าต่างกันยังไงจากคนรอบ ๆ ตัวเอง

คนที่มีธรรมะยึดเหนี่ยวใจจริง ๆ แบบไม่ใช่ว่าสร้างภาพ ไม่ใช่ว่าเข้าวัดทำบุญเพื่อให้ได้ป้ายแปะติดว่าตนเป็นคนดี คุณจะเห็นแตกต่างว่าเขาจะไม่อยากไปด่าว่าทะเลาะกับใคร

เขาจะมีจิตเมตตาและมักให้อภัยคนอื่นจริง ๆ แบบไม่ได้ทำเพื่อสร้างภาพใด ๆ

แล้วถ้ามีคนอยากชวนทะเลาะด้วย เขาก็จะไม่อยากทะเลาะ เขาจะปล่อยวางและผ่านไป เพราะมันเป็นการทำให้เสียสุขภาพจิตและเป็นการสร้างบาปทางหนึ่งค่ะ

เราจึงมักไม่เห็นคนเหล่านี้ไปเสียเวลาทะเลาะกับใครนักในชีวิตจริงและโลกออนไลน์ เพื่อให้ได้ป้ายคำว่า ผู้ชนะมาครอบครอง เพราะการชนะใจตนเองก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง

ถ้าสังเกตให้ดีมากขึ้น จะพบว่าคนที่มีธรรมะพื้นฐานดี เขาก็จะช่วยเหลือคนนั้นคนนี้ในสังคม หรืออาจจะช่วยเหลือเราเวลาเราทุกข์ใจ

ซึ่งที่ผ่านมา เรามักมองคนแค่ผิวเผิน อาจจะไม่เคยรู้ว่คนที่ดีกับเราแบบเป็นคนที่ดีจากใจ พื้นฐานแล้วเขาสนใจธรรมและมีธรรมะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

ต่างจากคนที่คิดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว หรือคนที่ไม่มีธรรมะยึดเหนี่ยวใจ

บางคนในชีวิตจริงที่เราพบเจอเขาอาจจะคิดว่าตนเองมีธรระ แต่จริง ๆ ไม่เคยปฏิบัติ ไม่เคยฟังเทศน์ ฟังธรรม ไม่สนใจอ่านและทำจริง อันนี้คุณก็จะสังเกตได้ว่าแตกต่างยังไง

เพราะเขาจะพูดดี แต่ไม่ปฏิบัติ หรือดีแต่พูด แต่การกระทำสวนทางกับสิ่งที่ทำ หรืออาจจะเป็นคนประเภทไม่มีสัจจะ พูดอะไรเชื่อถือไม่ค่อยได้

บางคนอาจจะไม่มีความละอายต่อบาป แอบคุยกับคนอื่นแต่ก็ยังคุยกับเราไปด้วยแบบคนที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนี้ก็คือคนไม่มีหิริโอตัปปะ (ไม่ละอายต่อบาป)

เมื่อเราศึกษาธรรมะดีพอและลึกซึ้งมากขึ้น เราจะมีความสามารถทางจิตและมีสติปัญญาที่จะแยกแยะคนได้มากขึ้น (แต่เราไม่ต้องไปด่าว่าเขานะคะ มันจะบาปปากเราค่ะ)

เราจะเห็นว่าใครเป็นยังไง เป็นคนแบบไหน เราจะระวังไม่คบคนแบบไหน หรือจะเลี่ยงอยู่ห่างคนประเภทไหน แล้วก็รู้วิธีการอยู่กับคนอย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ

จริง ๆ กฎธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าท่านนำมาบันทึกเป็นพระธรรมคำสอน คือสิ่งพระองค์ค้นพบจากกฎธรรมชาติที่มีอยู่แล้วค่ะ

เราเองเคยสงสัยไหมละคะว่าทำไมถึงเกิดมาเป็นคนไทยและอยู่ในประเทศที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลัก เอาแค่นี้ก็น่าจะได้คำตอบแล้วนะคะว่าเรื่องบังเอิญไม่มีในโลก

ถ้าเราไม่ศรัทธาแล้วก็ด่าว่าพุทธศาสนา ลามปามไปไกล ถ้ามีบาปติดตัวจริง แล้วมีชาติหน้าจริง จะไม่ได้เกิดใหม่ไปที่อื่นหรอกหรือคะ แล้วอาจจะทุกข์หนักกว่าที่เคยเป็นเสียอีก

ลองค่อย ๆ ศึกษาแล้วจะได้คำตอบเองค่ะว่าควรจะเลือกเดินทางกุศลธรรม หรือ อกุศลธรรม

ไม่ต้องไปคิดเรื่องสวรรค์ นรก ตอนนี้ก็ได้ค่ะ เอาแค่ความเป็นธรรมที่ดีต่อตัวเองและคนอื่นก่อนก็พอค่ะ

ดูว่าในอดีตจนถึงตอนนี้ทำสิ่งที่เป็นธรรมหรือยัง อย่าให้มันสายเกินไปค่ะ

คนบางคนตลอดชีวิตไม่เคยเข้าใจธรรมะ แต่หลงว่าตนเองเข้าใจและมีธรรมะ จึงใช้ชีวิตแบบมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น

กว่าจะรู้ตัวว่าที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรที่เป็นธรรมกับใคร เมื่อจิตสุดท้ายใกล้จะดับหรือตอนทุกข์ทางใจหนัก ๆ จนแก้ไม่ทันเสียแล้ว

ขอให้คนอ่านจนจบตรงนี้มีความสุข ปราศจากทุกข์ และมีธรรมะเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตนะคะ


  Printer-friendly page | Top
Harvard Medical School
Guest

24. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #23
 
22-Aug-18, 09:22 AM (SE Asia Standard Time)
 
   เรื่องนี้ผมเชื่อครับ
แต่ก่อนไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีเวลาศึกษาและพิจารณาตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผมเชื่อสนิทใจ
ที่ Harvard จะมีสำนักพุทธ (ฝรั่งเรียก) อยู่รอบบริเวณมีไม่ต่ำกว่าร้อยสำนักครับ
และนักศึกษา Harvard และ MIT ระดับหัวกะทิหันมานับถือพุทธกว่า 80 %
ที่นี่เค้าจะพูกกลับกันว่า เอาหลักพุทธศาสนามาพิสูจน์วิทยาศาสตร์ว่าถูกหรือผิดครับ
ไม่ใช่เอาวิทยาศาสตร์ไปพิสูจน์ศาสนาพุทธ
ไม่ว่าดวงดาวหรือจักรวาลพุทธก็พูดอยู่ในพระไตรปิฏกมาก่อนแล้ว
วิทยาศาสตร์มาทีหลัง และเป็นแค่ทฤษฎี ไม่ใช่หลักความจริงเหมือนศาสนาพุทธ
แม้กระทั่งห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เชื่อหรือไม่ว่า
พระไตรปิฏกถูกยืมอ่านมากที่สุดครับ
จขกท ลองศึกษาดูครับ มีโอกาสมากกว่าฝรั่ง
แต่ลองไปคุยกับฝรั่งที่ศึกษาพุทธดูครับ เขาไปไกลมากๆ
และปัจจุบันนิกายเถรวาทกำลังได้รับความนิยมในยุโรปเอามากๆครับ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
เลเล่
Guest

26. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #24
 
23-Aug-18, 02:22 PM (SE Asia Standard Time)
 
   กระทู้ดีมีสาระคับ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
lala
Guest

27. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #26
 
23-Aug-18, 09:21 PM (SE Asia Standard Time)
 
   คำสอนของพระองค์มีหลายระดับ
สอนชาวบ้านต้องใช้ตัวอย่าง เรื่องราวมาประกอบอธิบาย
สอนเทวดา สอนพรหม สอนด้วยธรรมขั้นสูง ไม่ต้องมีเรื่องประกอบ
เลือกอ่านฟังตามจริต ระดับจิตของตัวเอง สำคัญคือลองปฏิบัติตาม เพื่อเรียนธรรมขั้นสูงยิ่งขึ้นไป
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ โลกของเรากว้างคืบ ยาวศอก แค่นั้น


  Printer-friendly page | Top
พุทธรักษา
Guest

28. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #26
 
23-Aug-18, 09:24 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ยาวมากเลยค่ะคุณพี่ปรีดาภรณ์ 5555 น้องอ่านผ่านๆ คร่าวๆ แล้ว มีบางหัวข้อที่คุณพี่ตอบข้อสงสัยที่น้องไปตั้งคำถามลอยๆ ไว้อีกกระทู้นึงเมื่อเร็วๆ นี้ด้วย ขอบคุณค่ะ ไว้คุณน้องจะย้อนกลับมาอ่านแบบละเอียดๆ อีกรอบนะคะ

ปล. คุยกันดีๆ เถอะค่ะ ใครเชื่อ ใครไม่เชื่อ ก็อย่าทะเลาะกันเลย ลองเปลี่ยนถ้อยคำต่อว่ากันรุนแรง เป็นการตั้งคำถามดีมั้ยคะ น่าจะมีผู้ที่มีความเข้าใจมาช่วยกันตอบ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนคติดีกว่า คนที่ผ่านเข้ามาอ่านก็ได้รู้ ได้ประโยชน์ไปด้วย


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
เครื่องเสริม
Guest

29. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #28
 
23-Aug-18, 10:31 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอแตกแขนงออกเป็นเรื่องเทพ เทวดา ภูติผี วิญญาณ ว่ามีจริงๆๆ บนโลกเรานี่แหละ
แต่อยู่คนละ ภพภูมิ ซึ่งทับซ้อนกันอยู่ การฝึกจิต ฝึกสมาธิ สร้างบุญ ถือศีล เมื่อถึงเวลาจะสัมผัสได้ด้วยตัวเอง

พูดเฉพาะ บางคน(ที่ไม่มโนไปเอง) จะได้รับหน้าที่พิเศษ ที่แตกต่างกันออกไป
เช่นเห็นผี สื่อสารกับเทวดา ภพภูมิอื่นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจได้มาตั้งแต่เกิด หรือบางคน
ผ่านพ้นความตายมาอย่างหวุดหวิด ใครที่มีเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ ให้หมั่นบำเพ็ญเพียรต่อไป
แล้วคุณจะรู้ว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่าง ที่รอคุณอยู่

บางคนอาจจะแย้งว่า เห็นผี เทวดาไปแล้วเกิดประโยชน์อะไร อย่างน้อยที่สุด ทำให้เรารู้ว่า
ทำความดี สร้างบุญ ย่อมได้รับสิ่งที่ดี ไปเกิดในภพภูมิที่ดี และมีความเกรงกลัวที่จะทำความชั่ว
เพราะจะได้รับผลกรรม อย่างเช่นผีวิญญาณ เปรต อสูรกาย ตกนรก


  Printer-friendly page | Top
ปุถุชน
Guest

30. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #23
 
24-Aug-18, 07:54 AM (SE Asia Standard Time)
 
   สาธุในธรรมนะคะ สะดวกเมื่อไหร่ เข้ามาอัพเดทอีกนะคะ ตามอ่านอยู่ค่ะ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ปรีดาภรณ์
Guest

31. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #30
 
11-Sep-18, 07:18 AM (SE Asia Standard Time)
 
  
ขออนุญาตตอบกระทู้นี้ต่อไปนะคะ พอดีเห็นว่ายังไม่ได้ตกไป ตอนแรกว่าจะเขียนแต่พอพิมพ์ ๆ ไปแล้วตอบไม่ได้ก็เลยไม่ได้กลับมาตอบอีก

ขอตอบสั้น ๆ ไว้ก่อนนะคะ พอดีต้องไป รพ.

มีข้อมูลบันทึกทางการแพทย์ไว้เกี่ยวกับประสบการณ์ผู้ป่วยที่เฉียดตาย หรือ ใกล้ตาย แล้วเขารอดเขาเล่าเหตุการณ์ว่าเห็นแสงบางอย่างตอนใกล้จะตาย

ถ้าทางพุทธศาสนาเรา พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสรู้เกี่ยวกับปรากฎการณ์จิตดับมาเกือบสามพันปีแล้วนะคะ

แต่วิทยาศาสตร์เพิ่งเริ่มศึกษาและอธิบายปรากฎการณ์คนใกล้ตายในช่วงแค่ร้อยปีมานี่เอง แล้วก็ยังไม่ได้คำตอบชัดเจน

เธอคิดว่าเธอจะรอวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นปรากฎการณ์ทางสมอง เป็นกลไกทางจิต เป็นผลจากสรีรวิทยาของสมอง ที่ได้แค่คาดคะเนไว้ก่อนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือเปล่าคะ

เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ในขณะที่มี Professor Stevenson (เป็นคุณหมอและทำงานที่ U of Virginia) ได้เคยศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับคนใกล้ตาย

และก็เก็บข้อมูลเด็ก ๆ และคนที่อ้างว่าระลึกชาติได้จากทั่วโลก และเผยแพร่ตีพิมพ์ แม้จะมีนักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่างานของท่านเป็น pseudoscience

แต่ในความเป็นจริงก็ยังพิสูจน์ไม่ได้เช่นกันว่าสิ่งที่ท่านเก็บข้อมูลวิจัยจากคนใกล้ตายและคนที่ระลึกชาติได้หลายพันคนนั้นไม่จริงยังไง

โดยเฉพาะปรากฎการณ์เห็นแสงบางอย่างก่อนตาย บางคนเห็นเหมือนไปสวรรค์ บางคนเห็นเหมือนจะไปอบายภูมิ ที่มืดมิด ที่น่ากลัว

ถามว่าจะต้องรอให้วิทยาศาสตร์พิสูจน์อีกกี่ร้อยปีคะ

แล้วถ้าสมมุติอีกหลายร้อยปี ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ออกมาแล้วว่าเป็นแบบที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แจ้งว่าคือภพภูมิมนุษย์ที่ยังละกิเลสไม่ได้ และยังยึดมั่นถือมั่น (ยังไม่นิพพาน)

แบบนี้เธอตายไปแล้วจะไม่ทุกข์ทรมานเหรอคะ เพราะเผื่อทำบาป ทำกรรมไม่ดีไว้เยอะ ไม่มีโอกาสสร้างบุญกุศลดี ๆ ติดตัวไปหลังตาย

ชีวิตแบบนี้น่าเสียดายนะคะ เพราะตอนมีชีวิตอยู่ในโลกเวลานี้ ภพนี้ ชาตินี้ ไม่คิดทำบุญกุศล ไม่คิดสร้างกรรมดีไว้เยอะ ๆ ตอนจิตใกล้ดับจะเห็นแสงอะไรดีละคะ

แล้วจะเห็นภาพหลอนต่าง ๆ ใกล้ตายนี่น่าสยองนะคะ มีงานวิจัยเขาบันทึกปรากฎการณ์คนใกล้ตาย ที่เรียกว่า near death experiences (NEDs) ไว้เยอะแล้วนะคะ

ถึงจะพยายามหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ ทางจิตเวชศาสตร์ ทางจิตวิทยา ทางวิทยศาสตร์สมองและ neurosciences แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบชัดเจน

ดิฉันขอเลือกเชื่อพระพุทธเจ้าค่ะ เพราะว่าเกือบ 3 พันปีก่อน ยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรขนาดนี้ ท่านยังตรัสสิ่งที่เป็นจริงที่ยืนยันได้มากมาย โดยเฉพาะหลักธรรมะของท่านที่เป็นสัจธรรม

ขอย้ำว่า จิตนั้นมีอยู่จริงและเราก็รับรู้ได้ว่าจิตเรามี แต่เครื่องมือวิทยาศาสตร์วัดจิตเราไม่ได้เลย แต่เวลาเราทุกข์ใจมาก เราไม่สามารถวัดออกมาเป็นหน่วยใด ๆ ได้

เช่นนี้แหละค่ะ ถ้าทำกรรมไม่ดีไว้เยอะ ๆ ตามกฎแห่งกรรมจะพาจิตเราไปไหน ลองคิดดูละกันนะคะ มโนกรรมสำคัญมากต่อชีวิตปัจจุบันและวาระสุดท้ายของชีวิตค่ะ

แม้แต่จะให้ยากินให้หลับ แต่ก็ใช่ว่าจะช่วยให้จิตที่ก่อแต่อกุศลกรรมพาไปพบภูมิที่ดีได้ค่ะ ถ้าหมั่นแต่ทำอกุศลกรรม ฝากเอาไว้คิดนะคะ

ไว้คราวหน้าจะเอางานวิจัยที่ฝรั่งเขาฝึกทำสมถสมาธิ (สมถกรรมฐาน) วิปัสสนาสมาธิ (กรรมฐาน) และการแผ่เมตตา จนช่วยรักษาสุขภาพจิตที่เผชิญเรื่องเลวร้ายได้

รวมถึงช่วยให้ผู้ป่วยโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น มะเร็งมีสุขภาพดีขึ้นด้วยมาพูดถึงค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นประเสริฐเหลือเกินค่ะ

เพราะผ่านมาจะ 3 พันปี ทางการแพทย์เพิ่งมาศึกษาและยืนยันว่าการทำสมาธิช่วยบำบัดโรคต่าง ๆ และช่วยเรื่องจิตใจได้มากมาย

แต่ถ้าศึกษาลึกซึ้งทางพุทธจะพบว่าสมาธิของพุทธนั้นไม่ใช่แค่ช่วยรักษาโรคภัยต่าง ๆ ได้ แต่ยังทำให้บรรลุธรรมจนพาจิตเราไปสวรรค์ หรือไปนิพพานได้ (ไม่มีตัวตนอีกต่อไป)

ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป จะเอายังไงดีคะ จะเลือกเชื่อไว้ก่อนแบบผู้มีปัญญาทางธรรมและหากจะตายไป ก็ไม่เสียหายอะไร ไม่ขาดทุน มากสุดก็เสมอตัว

หรือจะเลือกเป็นฝ่ายช่างมันฉันไม่แคร์ ไม่เชื่อนรกสวรรค์ ไม่เชื่อเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้วดับสูญไปเลย แต่พอจิตสุดท้ายพาไปทางมืด อบายภูมิจริงจะไม่ทุกข์ทรมานแย่เหรอคะ

เสบียงบุญหรือบุญกุศลแทบไม่มีเลย เพราะเลือกใช้ชีวิตตามกิเลสตัวเองและก็พาตัวเองจมดิ่งไปทางมืดเองนะคะ ชีวิตฝ่ายนี้แบบนี้มีแต่ขาดทุนเท่านั้นค่ะ


  Printer-friendly page | Top
นู๋หน่อย
Guest

32. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #31
 
11-Sep-18, 11:41 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ป้ารีบนคะ สรุปสั้นๆ ได้มั๊ยคะ หนูขี้เกียจอ่านค่ะ แต่ก็อยากรู้ว่าป้าพูดอะไรเหมือนกันค่ะ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
น้องไชหี
Guest

34. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #32
 
11-Sep-18, 12:37 PM (SE Asia Standard Time)
 
   กะเทยทั้งหลาย ตอนเรียนประถม มัธยม มึงไม่เคยสวดมนต์หน้าเสาธงกันรึไงคะ

บทสวดธรรมคุณก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วค่ะ ว่าธรรมมะทั้งหลายเป็นปัจจัตตัง คือเป็นเรื่องเฉพาะตน ตนรู้ได้ด้วยตัวเอง ให้คนมาบอกมาพร่ำมาสอนยังไง มันก็ไม่รู้เท่ากับมึงรู้ด้วยตัวเองค่ะ

นรก สวรรค์ คือเสี้ยวหนึ่งของชาติธรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วเผยแผ่แก่สรรพสัตว์ เป็นหนึ่งในธรรมของท่าน

วิธีพิสูจน์ว่านรกมีมั้ยน สวรค์มีมั้ย มีทางเดียวค่ะ คือมึงต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามหลักธรรม ไม่จำเป็นต้องเป็นพุทธธรรมก็ได้ค่ะ ขอให้เป็นธรรมอันดีอันชอบ เป็นพอ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
น้องทราย
Guest

33. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #0
 
11-Sep-18, 12:11 PM (SE Asia Standard Time)
 
   นรก สวรรค์ วิญญาณ ไม่มีจริงทั้งนั้นแหละค่ะ เป็นความอ่อนแอของจิตใจมนุษย์ที่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวและไม่ปล่อยวาง กลัวความไม่มีตัวตน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ก้าวไปสู่ระดับ macro คือระดับจักรวาล หรือ micro คือระดับ quantum แม้เราจะไม่รู้ทั้งหมด เราก็รู้ว่ามันมีอยู่จริงเจ้าค่ะ ผิดกับ นรก สวรรค์ ชาตินี้ชาติหน้า ภูต ผี วิญญาณ พิสูจน์ไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่อ้างว่าเห็นกับตากันทั้งนั้น อย่าไปใส่ใจเรื่องพวนี้มากเลยค่ะ เอามาเป็นสาระบิดเบียนการใช้ชีวิต คงไม่ต่างจากคนบ้า fyi คริคริคริ


  Printer-friendly page | Top
ป้าดอก พร้อมเปย์
Guest

35. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #33
 
11-Sep-18, 02:50 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >นรก สวรรค์ วิญญาณ ไม่มีจริงทั้งนั้นแหละค่ะ
>เป็นความอ่อนแอของจิตใจมนุษย์
>ที่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวและไม่ปล่อยวาง
>กลัวความไม่มีตัวตน

อ้าว ! ที่พูดๆมานี่
ตกลงไม่รู้หรือว่า
แก่นของศาสนาพุทธ
คือการปฏิบัติเพื่อให้สิ้นตัวตน

แล้วจะมาบอกว่าชาวพุทธ
"กลัวความไม่มีตัวตน" ได้ไง

OMFG



  Printer-friendly page | Top
+++
Guest

36. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #35
 
11-Sep-18, 04:12 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอเรียนปรึกษาหน่อยครับ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะครับ

หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธเจ้ายังอยู่มั้ยครับ

หายไปเลยไปจากทั้งสสารและพลังงานจากสาระบบ

หรือว่ายังคงอยู่ครับในสภาวะใดสภาวะหนึ่งครับ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
น้องขี้
Guest

37. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #36
 
11-Sep-18, 05:14 PM (SE Asia Standard Time)
 
   อยู่สิค่ะ ถ้าให้พูดแบบภาษาชาวบ้าน แดนนิพพานคือสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร์ค่ะ ไม่ได้หายสาบสูญไปไหน ที่ชอบพูดกันบ่อย ๆ ว่าสูญน่าจะหมายถึงสูญกิเลสค่ะ อย่างเรื่องเล่าหลวงปู่มั่น ก็มีเล่าตอนที่พระพุทธเจ้าและสาวกเสด็จมาหาด้วยนะค่ะ


  Printer-friendly page | Top
น้องทราย
Guest

40. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #36
 
11-Sep-18, 05:53 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >ขอเรียนปรึกษาหน่อยครับ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะครับ
>
>หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธเจ้ายังอยู่มั้ยครับ
>
>หายไปเลยไปจากทั้งสสารและพลังงานจากสาระบบ
>
>หรือว่ายังคงอยู่ครับในสภาวะใดสภาวะหนึ่งครับ


เปลี่ยนรูปสสารไปค่ะ พลังงานก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหนตามกฏ thermodynamics


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
น้องทราย
Guest

38. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #35
 
11-Sep-18, 05:49 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >>นรก สวรรค์ วิญญาณ ไม่มีจริงทั้งนั้นแหละค่ะ
>>เป็นความอ่อนแอของจิตใจมนุษย์
>>ที่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวและไม่ปล่อยวาง
>>กลัวความไม่มีตัวตน
>
>
>
>อ้าว ! ที่พูดๆมานี่
>ตกลงไม่รู้หรือว่า
>แก่นของศาสนาพุทธ
>คือการปฏิบัติเพื่อให้สิ้นตัวตน
>
>แล้วจะมาบอกว่าชาวพุทธ
>"กลัวความไม่มีตัวตน" ได้ไง
>
>OMFG


มัน contrast กันนะคะ ปฏิบัติให้สิ้นตัวตน แต่ก็ยังโยงความเชื่อ นรก สวรรค์ ชาตินี้ ชาติหน้าใส่เข้าไป น้องทรายงงไปหมดแล้วค่ะ คริคริคริ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
น้องสั้น
Guest

39. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #38
 
11-Sep-18, 05:52 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ไม่เชื่อค่ะ


  Printer-friendly page | Top
nuisat click here to view user rating
Member since 11-Oct-16
524 posts, 2 feedbacks, 4 points

41. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #39
 
11-Sep-18, 06:18 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail nuisat Click to send private message to nuisat Click to view user profileClick to add this user to your buddy list  
   ขอให้เชื่อนะครับ เชื่อและศรัทธาก่อน เรื่องนี้เปนปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ถ้าคุณอยากสัมผัสด้วยตัวเองนะคับ
1.เริ่มต้นรักษาศิล5
2.สวดมนตืเป็นประจำ
3.ทำสมาธิสมำ่เสมอ
และ4 .เป็นคนดี
ทำตัวเป็นปกติ แล้วคุนจะรู้ได้ด้วยตัวเอง


  Printer-friendly page | Top
ปรีดาภรณ์
Guest

42. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #39
 
11-Sep-18, 06:27 PM (SE Asia Standard Time)
 
  
ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ทางสมองและประสาทวิทยาศาสตร์ (neuroscience) ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนและยืนได้ว่า

กระแสรับรู้ความรู้สึกที่เรารับรู้ได้อยู่ตอนนี้ เวลานี้ จิตที่รู้สึกว่าทุกข์ สุข เศร้าหมอง หรือเบิกบานอะไรก็ตาม มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

เรารู้ได้เพียงแค่ว่าสมองส่วนใดทำหน้าที่อะไร มีกระแสประสาทส่งเข้าออกในชุดเซลล์ประสาท แต่ไม่สามารถค้นหาได้เลยค่ะว่า ภาวะจิตนั้นเกิดขึ้นได้จากกระบวนการใดในสมอง

ในเมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้เลยและอาจจะอีกยาวนานนับร้อยหรือนับพันปี คงต้องเผื่อใจคิดถึงปรากฎการณ์ที่คนป่วยใกล้ตายเกิดนิมิต

ปรากฎการณ์ที่คนเฉียดตายหรือใกล้ตาย แล้วไม่ตายกลับมาเล่าให้ฟังว่าได้เกิดนิมิตเห็นแสงอะไร เห็นภาพอะไร แล้วมีคนบันทึกไว้เป็นรายงานทางการแพทย์หลายชิ้น

สิ่งเหล่านี้ผู้มีปัญญาจะต้องไม่ปฏิเสธไปเลยว่ามันจะไม่มีจริง หรือจะไม่เป็นเช่นนั้น ในเมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนได้เลย

ก็คงต้องเผื่อใจให้คิดในเรื่องจิตวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดด้วยนะคะ

เพราะหากไม่สามารถปฏิบัติธรรมจนจิตไปนิพพาน คือ ไม่มีตัวตนอีกต่อไป (เพราะละกิเลส ละตัวตนได้หมดแล้ว)

จิตจะยังต้องกลับมายึดมั่นถือมั่นในตัวตน กลับมาเวียนว่ายตายเกิดเข้าไปอีก ซึ่งก่อนจะกลับมาเป็นคนได้นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะจิตที่ยึดมั่นถือมั่น ก็จะไปเวียนว่ายตามกรรมดีหรือกรรมไม่ดีที่ตนเคยก่อไว้ก่อน

สังเกตไหมคะว่า เซลล์ที่ใช้ในการทดลอง เป็นเซลล์มนุษย์ต่าง ๆ เช่น stem cells, embryonic cells, cancer cell lines และอื่น ๆ

เป็นเซลล์มนุษย์ เป็น living cells ที่มีชีวิต มีออร์แกเนลล์ โครโมโซมที่อยู่ภายในนิวเคลียส มี DNA สมบูรณ์ แต่ทำไมไม่มีชีวิตแบบมนุษย์เรา

หลาย ๆ ครั้งทำการผสมเทียม ไข่และอสุจิ เข้ากันได้ พัฒนาเป็นตัวอ่อน แต่เมื่อถ่ายฝากเข้ามดลูกฝ่ายหญิง แต่กลับไม่พัฒนาเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ได้ หรือไม่เกิดเป็นคน

ถ้าเผื่อใจเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าการจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้น นอกจากจะมีปัจจัยด้านสรีรวิทยาคือไข่และสเปิร์มมาผสมกันในเวลาที่พร้อม ในสิ่งแวดล้อม (มดลูก) ที่เอื้ออำนวยแล้ว

จะต้องมีอีกปัจจัยคือ วิญญาณ หรือ จิตที่พร้อมจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์กลับมา ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถมีทารกกำเนิดมาได้

เรื่องนี้เราได้เห็นกันมากมายว่า บางคู่สามี ภรรยา มีเงินทองมากมาย ไปทำเด็กหลอดแก้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ก็สมบูรณ์พันธุ์

อะไรคือตัวกำหนดเรื่องนี้ ต้องเผื่อใจในเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสด้วยค่ะ คือ คนที่มีบุญและกรรมระดับเท่า ๆ กันเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสมาเกิดเป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่ง ๆ ได้

แล้วกรรมเก่าที่เคยทำไว้ในอดีตชาตินั่นแหละค่ะ เป็นตัวกำหนดด้วยว่าจะให้มาลงล็อกกับพ่อแม่คู่ไหน

ให้จิตที่กลับมาเกิดใหม่นั้นมีพันธุกรรม DNA ที่วางแผนระเบียบไว้ให้แล้วว่าจะมาเป็นคนหน้าตา ผิวพรรณยังไง

จะมีโรคร้าย หรือไม่มีโรคร้ายใด ๆ ติดเป็นพันธุกรรมมาด้วยหรือไม่ เรื่องนี้มีนักวิจัยและหมอฝรั่งเขาทำวิจัยกันนะคะ เพราะเขาไม่เข้าใจเหตุผลไงคะว่าทำไมอะไรเป็นตัวกำหนดจิตมนุษย์

เขาถึงได้เริ่มมีคนเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด จนกว่าจะละทิ้งความเป็นตัวตน ไม่ยึดมั่นถือมั่น ละทิ้งกิเลสได้หมด

ไม่คิดว่าแม้แต่ลมหายใจเรา ร่างกายหยาบเรา จิตใจเราเป็นคนของ ๆ เรา แล้วปฏิบัติเช่นนี้ยากมาก ๆ นะคะ เพราะเป็นธรรมะระดับสูง จึงน้อยคนนักจะไปนิพพานได้

ก็ต้องฝึกฝนนะคะ แต่ก่อนจะมาจุดนี้ได้ก็ต้องศึกษาธรรมะพื้นฐานต่าง ๆ เสียก่อน โดยเฉพาะเรื่องกรรม กฎแห่งกรรม หลักพรหมวิหาร 4 อริยะสัจ 4 มรรค 8 เป็นต้น

โดยจะต้องมีสัมมาทิฏฐิทางธรรม หากมีมิจฉาทิฏฐิ วางใจผิด เอาความคิดตนมาแทรกพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีเช่นนั้นเช่นนี้ก็จะไม่มีวันไปถูกทางค่ะ

เป็นลักษณะของการหลงในอวิชชา คือ รู้แบบไม่ถ่องแท้ รู้แบบผิวเผินแล้วก็ตีความตามสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ มีศรัทธาสวนทางกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส แต่กฎแห่งกรรมนั้นก็ทำงานเช่นเดิมค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นสัจนิรันดร์

แล้วเรื่องภาวะท้าย ๆ ของชีวิตที่ใกล้จะจากโลกนี้ไป เขาจะเข้าใจเอง หรือ ก่อนจะถึงจุดนั้น หากมีภาวะทุกข์ทางใจอย่างมาก คือกรรมเล่นงานให้เกิดมโนกรรมทุกข์ใจ

เขาจะตระหนักเองค่ะ เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเชื่อทันที มันต้องใช้เวลาและประสบการณ์เขา เราเองก็ต้องถือหลักอุเบกขา

เมื่อปฏิบัติธรรมแล้ว หากเขาไม่สนใจ ไม่เชื่อ มีมิจฉาทิฏฐิที่สวนทางกับสัจธรรมของพระพุทธเจ้า เราก็ต้องอุเบกขาเป็นค่ะ

อุเบกขาคือการที่เราทำใจได้ว่า เราเมตตาเขาแล้ว กรุณาเขาแล้ว มุทิตาเขาแล้ว หวังให้เขาดีขึ้น มีชีวิตที่ดี ปราศจากทุกข์ มีสุขจากธรรม และก็เห็นทางสว่าง

แต่เมื่อเขาไม่ต้องการ เราก็ต้องวางเฉยได้แบบสติ (สัมมาสติ) คือไม่ไปตัดพ้อต่อว่าใด ๆ เขา ให้ถือซะว่าเขาเป็นเช่นนั้นเอง เขามีชีวิตแบบนั้นเอง เขาเป็นคนแบบนั้นเอง

ทุกคนล้วนเกิดมามีกรรมติดตัวมาและสร้างกรรมใหม่ในชาตินี้ เขาและเราก็มีกรรมคนละแบบ สรรพสัตว์ล้วนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน เขามีกรรมเช่นนั้น ก็ต้องให้เขาใช้ชีวิตเช่นนั้นค่ะ

ถ้าเชื่อมั่นในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม เราก็วางใจอุเบกขาได้ค่ะว่า ทุกสรรพสัตว์ล้วนมีกรรมเป็นของ ๆ ตนเองนะคะ



  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
กวน อิม ล้าน ล้าน ภาค
Guest

43. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #42
 
11-Sep-18, 10:43 PM (SE Asia Standard Time)
 
  


  Printer-friendly page | Top
น้องกรวด
Guest

44. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #43
 
11-Sep-18, 10:57 PM (SE Asia Standard Time)
 
   น้องทรายรู้ดีถึงขนาดนำกฏของวิทยาศาสตร์ไปเชื่อมโยงชีวิตหลังตายซึ่งเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ของน้องทรายมักจะปฏิเสธความเป็นไปของภพภูมิอื่นตามที่ศาสนาแสดงจริงๆเชียวนะคะ

ว่าแต่สสารก่อนจะมาเป็นตัวตนของน้องทรายชาตินี้ มันเป็นสสารที่เกี่ยวข้องกับชาติก่อนมั้ย เหมือนหรือไม่เหมือนกับกรณีพระพุทธเจ้า แล้วเป็นเป็นไปกฏของวิทยาศาสตร์อะไรบ้างล่ะคะ


  1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Top
ป้าดอก พร้อมเปย์
Guest

45. "RE: กะเทยสายธรรมคะ เธอเชื่อเรื่องสวรรค์ไหมคะ"
In response to message #44
 
12-Sep-18, 10:32 AM (SE Asia Standard Time)
 
   >ขอเรียนปรึกษาหน่อยครับ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่นะครับ
>หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธเจ้ายังอยู่มั้ยครับ
>หายไปเลยไปจากทั้งสสารและพลังงานจากสาระบบ
>หรือว่ายังคงอยู่ครับในสภาวะใดสภาวะหนึ่งครับ

เนื่องจากป้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า
และไม่ใช่พระอรหันต์ที่มีความรู้มากกกกก
ที่จะตอบเป็นความเห็นส่วนตัว
จากที่ได้ยินได้ฟังมาบ้าง

>หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธเจ้ายังอยู่มั้ยครับ

ไม่อยู่แล้วค่ะ
หาไม่เจอในทั้ง 3 ภพ

เคยมีพราหมณ์คนนึง
เรียนวิชาที่เคาะกะโหลกคนตาย
แล้วรู้ว่าไปเกิดอยู่ที่ไหน
นางมาเคาะพระอรหันต์ที่ตาย
กลับไม่รู้อะไรเลย
หาไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน
เลยสนใจเข้ามาบวช

>หายไปเลยไปจากทั้งสสารและพลังงานจากสาระบบ
>หรือว่ายังคงอยู่ครับในสภาวะใดสภาวะหนึ่งครับ

ถ้าสสารที่ว่า
หมายถึงแร่ธาตุในโลก
อันนี้มันก็ยังอยู่ในโลก
เหมือนสัตว์อื่นๆตาย

สิ่งที่เหลืออยู่นั้นคือพลังงาน
การที่ใครสามารถเห็นพระพุทธเจ้า
หรือพระอรหันต์ที่ปรินิพพานไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าท่านมาให้เห็นจริงๆ
เป็นแค่จิตผู้เห็นสามารถสัมผัสกับ
พลังงานที่ท่านเหลือทิ้งไว้
แล้วจิตมันปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นมา
ให้เห็นหน้าตาอย่างนี้
ยังสามารถสื่อสาร
พูดคุย หรือสอนได้ด้วย

(ป้านึกถึงพ่อซุปเป้อร์แมนที่ตายแล้ว
แต่ยังมาสอน มาช่วยพระเอกได้
ในหนังอันนั้นคือเท็คโนโลยีที่ล้ำมาก)

อีกอย่างที่เหลือคือ "จิตเดิม"
(จิตก่อนที่จะถูกกิเลส
ล่อลวงมาเกิดในสังสารวัฏ)

ซึ่งจิตเดิมนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้
ท่านบอกประกอบจากธาตุ 4
(ดิน น้ำ ไฟ ลม
แต่ต้องเข้าใจนะคะว่า
มันไม่ใช่ดิน น้ำ ไฟ ลม
แบบที่เข้าใจกัน
ดินไม่ใช่ที่เราเหยียบอยู่
น้ำก็ไม่ใช่แค่น้ำ บลาๆๆๆ)

และจิตเดิมนี้
สร้างขึ้นใหม่ก็ไม่ได้
ทำลายก็ไม่ได้

สรุปก็คือ
คงเป็นสารมูลฐานที่แท้ทรูอะนะ
แต่จะจัดมันให้อยู่ในสถานะอะไร
ป้าก็สุดปัญญา


>มัน contrast กันนะคะ
>ปฏิบัติให้สิ้นตัวตน
>แต่ก็ยังโยงความเชื่อ นรก สวรรค์
>ชาตินี้ ชาติหน้าใส่เข้าไป
>น้องทรายงงไปหมดแล้วค่ะ

น้องทรายตัวจริงหรือเปล่าคะ
ทำไมแลดูโง่จัง
มัน contrast ตรงไหน

สวรรค์ นรก ภพภูมิอื่นๆมันมีอยู่ของมัน
พระพุทธเจ้าท่านเห็นก็มาเล่าให้ฟัง
แต่ท่านไม่ได้หวังให้กะเทย
ทำดีเพื่อหวังสวรรค์
เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จีรัง
อยู่สวรรค์หมดอายุก็อาจตกนรกได้
หรือเกิดเป็นสัตว์เป็นอะไรๆ
อีกก็ได้ไม่สิ้นสุด

เกิดเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้น

การจะดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง
มีแต่ปฏิบัติจนสิ้นความยึดถือในตัวตน
สิ้นความยึดถือในจิตใจตัวเอง
คำสอนตลอด 45 ปี
84,000 พระธรรมขันธ์ของพระพุทธเจ้า
ก็สรุปลงในบรรทัดเดียวนี้แหละว่า

"สิ่งทั้งหลาย ไม่ควรยึดถือ"

เมื่อใจสิ้นความยึดถือจริงแล้ว
มันหมดเหตุที่จะทำให้เกิดอีก
ตายแล้วเลยจบ

แก่นมันอยู่ตรงนี้
ปฏิบัติสู่ความไม่มี ไม่เหลือ
สวรรค์ นรกมันมีอยู่จริง
แล้วจะให้ท่านตอแหลเพื่อ ?


  Printer-friendly page | Top

Conferences | Topics | Previous Topic | Next Topic

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com

Our Sponsor


Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.


 free counters