เงินเก็บใกล้หมด แล้วคะ ตอนนี้เหลืออีก ประมาณ 3-4 แสนคะ ก้อนสุดท้ายคะ
เรื่องหางาน ลืมไปได้เลยคะ จะเข้าเลข 4 แล้ว
ภาระไม่มีคะ บ้านอยู่กับ พ่อแม่คะ แก่แล้วทั้งคู่
ตอนนี้ฉันแบ่งเงินเป็นสองส่วน
ส่วนแรก ลงทุนให้หุ้นคะ ประมาณเกือบๆ 3 แสนคะ ซึ่งก็ขาดทุนอยู่คะ กูติดหุ้น CPALL คะ
ตัวนี้อย่างน้อย สบายใจได้ว่าอย่างไง มันก็ไม่น่าจะขาดทุน ถ้าไม่รีบใช้เงิน จนต้องขายนะคะ
อีกส่วน ประมาณ 1 แสน ที่ฉันกันเงิน เอาออกมาไว้กินไว้ใช้
แล้วก็อยู่ที่ลูกหนี้ อีกประมาณ 4 หมื่น อันนี้ มันทยอยคืน เดือนละ 2000 - 3000 คะ
ฉนั้นคิดเฉพาะ 1 แสน ที่กันไว้กินไว้ใช้นะคะ
ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลย จะใช้ได้ประมาณ 1 ปีคะ แบบไม่อดยากมากนะคะ
แต่นะ อยู่บ้านเฉยๆ เห็นเงินหมดไปเรื่อย มันก็ใช่ที่คะ
ตอนนี้ฉันเลยกะ จะเอามาลงทุนคะ
ตอนนี้ ที่ฉันคิดออก มีอยู่ 3 อย่างคะ ของกินหมดเลย
1. หมูปิ้งนมสด อันนี้ไม่ต้องใช้ฝืมือ ไปรับเขามา ปิ้งขายอย่างเดียว หาทำเลขายแค่นั้น
ข้อเสียคือ ตอนนี้กระแส มันหมดไปแล้ว + หาทำเล ยากด้วย ที่ดูจะโอ ดันมีคนอื่นขายอยู่ก่อนแล้ว
ข้อดีคือ
1.1.ไม่ต้องใช้ฝืมือ มากนัก ปิ้งขายอย่างเดียว รับมาขายไป ไม่ต้องสต๊อกของ เพราะร้านส่ง อยู่ไม่ไกลจากบ้านคะ แว๊นมอไซย์ ไม่เกิน 10 นาที ถึง
ที่สนใจ เพราะเพื่อนแนะนำมา มันว่ากำไรดี ตกไม้ละ 3 มันขายอยู่ชลคะ มันว่าต่อเดือนมันอย่างไม่ได้ คือกำไร ตก 3 หมื่น แต่มันขายอย่างอื่นด้วยนะคะ ทั้งแหนม ทั้งใส้กรอกอีสาน
แต่รับเขาหมดไม่ต้องทำเอง แค่ปิ้ง กับเก็บร้านแค่นั้น แต่มันได้ทำเลดี ในตลาด เลยคะ เลยโชคดีไป มันเลยแนะนำมา
1.2. ลงทุนไม่เยอะ คิดว่า ใช้เตาไฟฟ้า ซัก 1 พัน เคาเตอร์ ไม่เกิน 4 พัน นอกนั้นก็แค่ อุปกรณ์นิดๆหน่อยๆ 1 หมื่นน่าจะอยู่ รวมทั้งหมดนะคะ ใช้เงินหมุน ถ้าขายวันละ 100 ไม้ ขายส่งอยู่ 640-670 คะ ประมาณนี้
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนรู้จัก ห้าม บอกมันกระแส มันหมดแล้ว ขายได้นะคงได้ แต่จะพออยู่ได้หรือเปล่า
............
อย่างที่สอง คือกาแฟโบราณ คะ อันนี้เคยไปอบรม กับ สารพัดช่างมา แต่ยังไม่เคยลองทำจริงนะคะ เคยแค่ลองทำให้ ญาติๆกิน ก็บอก ว่าอร่อยดี
ข้อดีคือ
1. อบรมมา พอทำได้ แต่อาจจะลืมๆสูตรไปบ้าง ฟื้นได้ไม่ยาก เพราะมีสูตรอยู่คะ
2. ลงทุนไม่มาก คือประมาณ 1 หมื่น พอๆกะ หมูปิ้งคะ
3. ของไม่เน่าไม่เสีย ไม่ต้องเสียเวลาเตรียม เวลาล้างก็นิดๆหน่อยๆ เปิดร้านมาขายได้เลย
จะมีทิ้งบ้างก็น้ำแข็ง ถ้าสั่งมาเยอะเกิน
ข้อเสีย
1. มีคนรู้จักขายอยู่ สนิทกัน เขาบอกหมด ว่าวันๆ ขายได้เท่าไร เขาขายมานาน มี ลค ประจำ เขาบอกว่า ถ้าขายดีๆ จะได้ประมาณ 70 แก้ว ขายแบบไม่ดี 40 ทั่วๆไป ประมาณ 50 คะ
2. เขาบอก ถ้าคิดกำไร ถัวเฉลี่ย บอกจะตกแก้วละ 8 บ.คะ ใช้แก้วใหญ่จัมโบ้นะคะ ขาย 25 บ.คะ แถวนี้เขาขายกันเท่านี้คะ
เขาบอก ค่าแก้ว + ฝา + หลอด เกือบ 5 บ. น้ำแข็ง 2 บ. ที่เหลือเป็น คชจ วัตถุดิบ ตกประมาณ 10 บ. คะ ถ้าพวก โซดา จะแทบไม่ได้กำไร เพราะ โซดา ก็ขวดละ 7 บ. แล้ว
สรุป อย่างของเขา ในวันที่ขายไม่ได้ จะได้ 40 * 8 = 320 บ. คะ ยังไม่หักค่าทีนะคะ
เขาบอก ของเขา ขอว่างหน้าบ้านคนอื่น จ่ายเขาเดือนละ 2200 คะ ตกวันละ 70 เท่ากับว่า ในวันที่ขายไม่ดี อย่างวันนี้ เขาได้กำไร 250 บ.คะ
แต่ถ้าวันขายดี ที่ได้ 70 แก้ว ก็จะได้กำไร 70*8 = 560 บ. หักค่าที 70 เหลือกำไร 490 บ.คะ
เขาบอกว่า ถ้าฉันหาที่ได้เกิน 3000 ถือว่าไม่คุ้ม มีแต่ตายกับตาย หักมาแทบไม่เหลืออะไร แถมขายใหม่ ลค ยังไม่มี จะแย่เอา
ของเขา ใช้ทุนหมุนต่อวันประมาณ 800 อัพ คะ คือเป็นค่าน้ำแข็งแน่ๆ 100 บ. ลงยืนพื้น 2 กระสอบคะ ที่เหลืออีก 6-700 เป็นค่าของซื้อมาเติม ตอนเย็นคะ สำหรับขายวันใหม่คะ
3. ต้องเปิดเช้ามากๆๆๆ คือมาขายดักคนไปทำงานเช้าคะ อย่างของเขา เขามาเปิดร้านพร้อมขาย 7 โมงเช้าคะ เขาบอกว่า ช่วงเช้า เขาขายได้ เกือบ 10 แก้วเลยคะ ส่วนระหว่างวัน ก็มีมาเรื่อยๆ แต่ถ้ามาสาย นี้คือแทบไม่ได้กำไรคะ
สรุปคือ กำไรน้อย เมื่อเทียบกับ ชม ทำงาน แต่ข้อดีคือ ไม่ต้องเตรียมของ เก็บของคะ
.........................
อย่างที่สาม ที่ฉันสนใจ คือ ยำมะม่วงคะ ออกแนว ของเจ๊ เบียร์ เลยคะ
ฉันไปลองดูของแต่ละคน สร้อยข้อมือกันเส้นใหญ่เวอร์ ทั้งป้ากบ เจ๊เบียร์ ป้าน้อย แต่ละคน ขายดีเวอร์ๆ
เอาข้อดีก่อนนะคะ
1. ฉันเห็นว่าเตรียมของน้อย เพราะส่วนใหญ่ เป็นของสด
2. ขายง่าย แค่เตรียมทุกอย่างให้พร้อม
3. ทำง่าย เพราะดูๆมา ส่วนใหญ่ ใช้วัสดุ แทบไม่ต่างกัน น้ำปลา น้ำเชื่อม น้ำมะนาว ผงชูรส น้ำปลาร้า
ส่วนฝืมือ ฉันว่า ซื้อมาลองฝึก ซักวันสอง วัน ให้รู้ปริมาณ ก็น่าจะไปรอด
เท่าที่ฉันนึกออกนะคะ
ข้อเสีย
1. ดูแล้ว ถ้าจะต้องใช้เงินหมุนต่อวันสูงมากกกกก เพราะทั้งปูม้า กุ้ง หมึก หอย
แต่ทางแก้ ฉันคิดว่า จะขายเป็นบ้างอย่าง ที่พอลงทุนไหว เช่น กุ้ง อาจจะเอามาลองก่อนซัก โล ส่วนหมึก อย่างไงก็ต้องลวดก่อน ฉันกะใช้หมึกสำเร็จ แช่แข็ง ถูกกว่ากันครึ่งๆ
หอยนางรม ก็ลองลงก่อน 2-3 กระปุ๊กพอ ดูตลาดก่อน ที่สองใจว่าจะเอาไม่เอาคือ ปูทะเลคะ
อย่าง มีเพื่อนเจ๊เบียร์คนหนึ่ง มาทำขาย ที่เพชรบุรี นางขายยำปูม้าตัวใหญ่ 150 บ. คะ
ซึ่งถ้าขายขนาดนั้นได้ ฉันก็ว่ากำไรพอได้อยู่ เอาแบบ 3-4 ตัวโบ โลละ 300 - 400 นะคะ
แต่ติดที่ว่า ลค จะสู้ราคาหรือเปล่านี้ซิคะ เพราะเท่าที่สำรวจตลาด เจ้าดัง ในจังหวัด เขาใช้ปูตัวเล็กคะ ขายอยู่ 100 - 120 บ. ต่อถึงคะ
2. วัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นของสด ถ้าขายไม่ออก ซัก 2 วันนี้ ก็ไปแล้วมังคะ
อย่าง กุ้ง ปู หมึก เก็บได้อย่างมาก ก็วัน - 2 วัน ถ้าขายไม่ออก ก็ต้องทิ้ง
อีกอย่าง ดูแล้ว ต่อวัน นี้คงต้องใช้เงินทุนหมุน นี้คง 1000 ++ แน่ๆคะ
.................
นี้แหละคะ 3 อย่างที่ ฉันสนใจ เธอว่าเอาไรดีคะ
แต่ใจ ก็เอียงมาทำ ยำนะคะ ดูถ้าคนจะซื้อง่าย สุด แถมคนมาเลี่ยนแบบยากด้วย ถ้าเราทำอร่อย หรือติดแล้ว คนก็เปลี่ยนใจไปกินเจ้าอื่นยาก
ที่สำคัญ ฉันไปดู แต่ละคนที่ขาย รวยเวอร์มากๆ อย่างบางคนมาขายไม่นาน ทองเต็มตัวเลยคะ
กาแฟ ก็ดี แต่คือ กำไร ต่อหน่วยน้อย แถมคู่แข่งเยอะ อีกอย่างเหมือนเคยมี ชาวเราเอามาแชร์ว่าเคยเจ๊งกับ กาแฟโบราณมาก่อน เลยกลัวๆนะคะ
หมูปิ้ง ก็ดี ง่ายดี แต่ติดที่ต้องตื่นมาทำแต่เช้า แล้วก็อีกอย่าง ฉันว่าคู่แข่งมันเยอะ หมดสมัยแล้วด้วย
นี้ก็กะว่าจะหาเวลา ลองซื้อของมายำ เล่นดูคะ แล้วให้คนอื่นชิม ฉันว่า 1000 น่าจะลองได้ครบ ทั้ง หมึก กุ้ง ปู และวัตถุดิบอื่นๆ ซื้อมาลอง ดูก่อนนะคะ ปรับสูตร จำนวน ปริมาณให้ได้ก่อน
เรื่องทำเล ก็ดูๆอยู่คะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ หรือโทรถามราคาคะ ถ้าทำเลดี 1 หมื่นขึ้น ฉันคิดว่าไม่ไหวแน่ๆคะ
ใจอยากได้ซัก 5-6 พัน พอลุ่นคะ คือถ้าไม่ดี ก็ถอย ไม่จมคะ
กลัวเงินหมด อย่างน้อยลงไปซัก 1 หมื่น ค่าของ + ค่า มัดจำต่างๆ ซัก 1 หมื่น รวม 2 หมื่น ซื้อ ปสก
ฉันว่ายังดี กว่ากอดเงินไว้ แล้วดูมันหมดไป โดยไม่ทำอะไรว่าไหมคะ
เอออีกอย่าง มะม่วง ฉันไปดูตลาดที่เขาไปเอามากันแล้วคะ มีหลายพันธ์มาก เขาใช้พันธ์อะไร มาทำย้ำ แบบเจ๊เบียร์คะ
................
ถ้าเป็นพวกเธอ พวกเธอจะเลือกอะไรคะ หรือมีอะไรเสนอ ฉันยินดีรับฟังคะ เพื่อนเป็นลู่ทางอื่นๆ