ถ้าไปเที่ยวเฉยๆ หาโรงแรมอยู่ไป ไม่ต้องวางแผน คิดอะไรมาก มันก็คือ ดี สนุก แต่ถ้าต้องอยู่นานๆ ไปเรียน ไปทำงาน หรือย้ายถิ่นฐาน ถ้าตัวคนเดียว ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องแฟน โหดมากนะประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ต้องวางแผนละเอียดยิบ จะอยู่ยังไง กินยังไง ป่วยแล้วต้องทำยังไง เคยนอนป่วยท้องเสีย คิดถึงบ้านมาก ถ้าอยู่ไทยแม่คงขับรถพาไปหาหมอแล้ว แต่เยอรมันเข้ารพ.ไม่ได้ทันที ต้องคุยกับหมอ Hausarzt ก่อน วินิจฉัยเบื้องต้น ถึงยอมจ่ายยา หรือส่งรพ. ภาษาเยอรมันก็ง่อยมาก ช่วง 6 เดือนถึง 1 ปีแรก เป็นช่วงวัดใจที่ต้องถามตัวเองว่าจะสู้ต่อหรือกลับ

สังคม การยอมรับ อยู่ที่ภาษาด้วย แต่คนเยอรมันค่อนข้างเปิดนะ ถึงบางส่วนจะยังเหยียดผิวก็ตาม หน้าดี หุ่นดี ควยใหญ่ ก็มีคนตอม เจอบ่อยๆเกย์เกาหลี ฟิลิปปินส์ หล่อๆหุ่นดีๆ ก็คบเกย์เด็กๆเยอรมัน

ค่าใช้จ่าย แพง แพง แล้วก็แพง โดยเฉพาะค่าที่อยู่ 2 ปีหลังนี้ รายได้ต่อโปรเจคท์ก็โอเค ไม่ถึงกับรวย แต่อยู่ได้ ไม่เหลือเยอะหรอก ภาษีโหด แต่ก็ไม่ได้อยู่ลำบากอะไร

มีแค่ 2-3 อย่างเท่านั้นที่ดีกว่าอยู่เมืองไทย คือ worklife balance ในการทำงาน ความรู้สายวิชาชีพด้านที่เรียนกับโอกาสที่เปิดกว้างกว่า กับ กฎหมายและcultureของเกย์ ถ้าไม่มี 3 อย่างนี้ก็ไม่รู้จะมาทำไมเหมือนกัน ชีวิตในเมืองไทยไม่ได้แย่ขนาดนั้น อาหาร งานบริการ รพ. ในเมืองไทย ถ้าเทียบกับราคาที่ต้องจ่าย คือ สุดยอดมากแล้ว ผู้คนก็มีทั้งดีและเลวพอๆกันทุกที่ ขึ้นกับสังคมที่เราจะเลือกไปคลุกคลี ในไทยสังคมดีๆก็มี แต่คนอาจไม่ชอบมั้ง มันคงดูจืดชืด น่าเบื่อ ไม่มีสีสัน ที่เยอรมันสังคมดีๆเอาจริงเอาจังก็มี เด็กที่เอาแต่เที่ยว เล่นยา ก็เพียบ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการความรู้ระดับสูงต่อยอด ต้องการประสบการณ์ ก็คงเลือกว่าอยู่ไทยดีกว่า

ไทยเป็นหนึ่งในเมืองที่วิปริตผิดเพศที่สุด ไม่ยอมรับก็ต้องยอมเพราะมีกันเยอะ สุขสบายหรือป่าว อยู่ที่ว่ามีเงินหรือป่าวอ่ะค่ะ อยู่ไทยเริซสุดถ้าเธอทำงานบ.ข้ามชาติได้งด.ฝรั่งแต่ค่าครองชีพแบบไทยๆถูกแพงมีให้เลือก แต่งด.หมื่นห้าโอ๊ยชีวิตบัดซบค่ะมึง อยู่โลกที่หนึ่งถ้าเธองดแสนสองแสน = คนทั่วไปหาเช้ากินค่ำ ค่าครองชีพมีให้เลือกแค่แพงกับแพงมาก เธอไม่ได้วิเศษไปกว่าคนอื่นโดยรอบ แต่เธอจะได้อภิสิทธ์โลกที่หนึ่งที่มาตรฐานการใช้ชีวิตอยู่ระดับบนของโลก งานบริการธรรมดาๆเธอก็สามารถเก็บเงินไว้ออกไปแรดที่อื่นได้ง่ายกว่าในไทยที่งานงด.แบบนั้นมันหายาก

1 ปากบ่นพร่ำว่าอยู่ลำบาก แต่ไม่ยอมกลับ

2 พยายามหาทางให้พี่น้องคนที่รัก คนสนิท ไปอยู่ไปทำงานด้วย

แล้วก็วนอยู่สองข้อนี้แหละ

ถ้าเป็นกะเทยไม่เนียนนี ก็อาจจะหางานยากนิดนึง จะโดนปฏิเสธ ส่วนมากก็เลยเอาสบายตั้งแผงขายหอยขายปูไป ในเมกาสามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามได้ กะเทยก็เนียนๆเป็นชะนีไปสมัครงานออฟฟิศสบายๆ ไม่มีใครรู้

ถ้าหล่อนคบเพื่อนดี มีเพื่อนมากพอก็ไม่เหงา แต่ที่หลายคนเป็นคือ เหงา เพื่อนที่มาเจอก็ไม่สนิทใจเท่ากับเพื่อนในไทยที่คบกันมานาน (กรณีที่ย้ายมา ตอนโต หรือแต่งงาน ตามผัวมานะคะ) ก็เป็นปัญหาของหลายคน คนไทยด้วยกัน ตัวดีเลยค่ะ เพื่อนเราเผาเรือนมาเยอะแล้ว

เรื่องผัส หาได้ง่ายหรือไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับฝีมือและดวงด้วย ถ้าดวงจะไม่มีผัว หล่อนพลิกหา ถวายตัวถึงที่ก็ไม่มีค่ะ แต่ถ้านัดยิ้ม ล้างหีรอทุกเช้าได้เลย มีมาไม่ขาด

แน่ใจหรอคะ คำนำหน้ายังเปลั่ยนไม่ได้เลยเนี่ยนะ กฏหมายแต่งงานคนเพศเดียวกันก็ไม่มี สบายยังไงในประเทศที่ทำเหมือนยอมรับแต่จริงๆแล้วก็เหยียด ประเทศที่เป็นกะเทยแล้วบอกว่ากะเทยหรือเกย์ต้องทำตัวดีๆ แต่ถ้าทำแย่มาจะดูเหี้ยกว่าชญแท้ถึงสิบเท่า สรุปเขามองกะเทยเท่ากับชญจริงๆใช่มั้ยคะเนี่ย

ตอบเจ้าของกระทู้ เคยไปอยุ่ประเทศนึงในยุโรปรู้สึกว่ามนุษย์ขี้เหม็นอยู่ประเทศไหนก็เหมือนกันหมด แล้วไปอยุ่นู้นได้ยินแว๊นทุกคืน อยู่ไทยนี่นานๆที ที่ชอบสุดคือเรื่องผังเมืองกับการเดินทางสะดวกสบาย และมีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะดีค่ะ แต่ยังไม่เคยไปลองทำงานนะคะแค่ไปเรียน

>ชีวิตที่อยู่เป็นไงคะ สังคม การยอมรับ
-- ถ้าได้วีซ่าถาวร คุณภาพชีวิตดีกว่าอยู่ที่ไทยมาก ทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล การศึกษา และเงินชดเชยต่างๆ
-- สังคมก็อยู่ที่ตัวเรา นี่ยังรู้สึกว่ามีเพื่อนทั้งฝรั่งทั้งเอเชียนเพื่อนบ้าน แต่ไม่มีเพื่อนคนไทยเลย มีเพื่อนเยอะเกินไป มีแต่ชวนไปเสียตังค์ 😭
-- เรื่องการยอมรับ ส่วนตัวก็ยังไม่เจอใครมาทำท่าทีรังเกียจ ส่วนใหญ่ก็ friendly จูงหมาเดินผ่านก็ยังยิ้มยังทัก (ทักหมาก่อนแล้วค่อยทักเรางี้ 😆 แม้ไม่รู้จักกัน บุคลิก หน้าตา ภาษา และ ความมั่นใจในตัวเองคือสิ่งสำคัญ ถ้าขาดความมั่นใจแบบมัวแต่อาย เงียบ ด้อมๆ มองๆ เป็นเราก็กลัวนะ ไม่อยากเข้าใกล้

>การใช้จ่าย รายได้บลาๆๆๆ
-- ภาษีแพงอ่ะ เหมือนทำงานฟรี 2 วัน ถ้ายังต้องผ่อนบ้านหรือเช่าอพาร์ตเม้นท์นี่เงินแทบจะไม่เหลือเก็บ
-- การจ่ายเงิน สะดวก แทบจะไม่ต้องพกเงินสดเลย พกแต่มือถือกับใบชับขี่ ที่เหลือทิ้งไว้ที่บ้าน เหรียญ สองเหรียญก็แตะบัตรได้ ยิ่งมี Apple Pay, Google Pay ก็ยิ่งสะดวก

>การหาผัว บลาๆๆๆ
-- อยู่ที่บุคลิก รูปร่าง หน้าตา ภาษา การแต่งตัว และมีอารมณ์ขัน

>อื่นๆๆอีกมากมาย
-- การคมนาคมสะดวก รถเมล์ รถไฟ ตรงเวลา บริหารจัดการเวลาเดินทายได้ง่าย
-- การรักษาพยาบาลไม่สะดวกเหมือน รพ.เอกชนที่ไทย ถ้าไม่ใช่อุบัติเหตุฉุกเฉิน ก็ต้องไปหา GP ก่อน แล้ว GP จะส่งไปหาผู้เชี่ยวชาญโรคนั้นๆ อีกทีนึง เดินดุ่มๆ ไปหาเลยก็ไม่ได้นะ ต้องมีการนัดเวลาเข้าพบ บางทีกว่าจะไปถึงผู้เชี่ยวชาญก็ปาไปเป็นเดือน เพราะต้องนัดกับ GP เสร็จก็ไปจองวันตรวจเลือด เสร็จแล้วก็ไปนัดวัน X-ray, สแกนต่างๆ แล้วก็นัดผู้เชี่ยวชาญ นัดวันผ่าตัด ก่อนถึงวันผ่าตัดก็ต้องมีเจาะเลือด+การสัมภาษณ์ กว่าจะได้ผ่าตัดนี่ 2 เดือน
-- ห้างขายของที่ไทยดีกว่า ไปแล้วครบ ได้ทุกอย่างที่อยากได้เสร็จในวันเดียว บางอย่างต้องสั่งออนไลน์เอาแล้วก็รอไป
-- คุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงดีกว่าที่ไทยมากๆๆๆๆๆ มีประกันชีวิต นี่จ่ายเดือนละประมาณ 1,000 บาท ค่ารักษาแพงกว่าคน

>สรุปคือ ดีกว่าอยู่เมืองไทยไหมคะ
-- ถ้ามีเงิน อยู่ที่ไหนก็ดีทั้งนั้น แต่ถ้าต้องการคุณภาพชีวิตโดยรวม อยู่ต่างประเทศที่เจริญแล้วจะดีกว่า

ในไทยไม่ให้เปลี่ยนคำนำหน้าแต่ในทางปฏฺิบัติใช้ชีวิตเลียนแบบชะนีได้เต็มที่ กฏหมายไม่ยอมรับแต่สังคมยอมรับเต็มที่แบบโอเพ่นสุดแล้ว เข้าห้องน้ำหญิงก็ได้ อยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างปกติ คนขำแต่ไม่ได้มองเป็นสัตว์อีกสปีชี่ส์ ผู้ชายสมัยนี้เย็ดสาวสองได้เหมือนเย็ดชะนี ถ้ามีความรู้ความสามารถจริงก็ได้รับการยอมรับสูง แต่มึงต้องอยู่ให้ถูกที่ถูกทางมีกาลเทศะด้วยเท่านั้น กะเทยซวยไปเจอถูกเหยียดมีอยู่แต่น้อยมากถ้าเทียบกับประเทศอื่น และสืบไปสืบมาอีดอกส่วนใหญ่จะกะเทยเยอะสิ่งเกินเบอร์กันไปเองเลยหงายเงิบกลับมาแล้วฟ้องสัคมว่าโดนเหยียด

ใครกันแน่ที่ไม่ยอมรับตัวตนของตัวเอง ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิง
ลองคิดแบบมีเหตุมีผลนะคะ

ปล. ถ้าเอาการตั้งครรภ์ได้มาเป็นเกณฑ์นาง-นาย สตรีที่เป็นหมันก็ควรใช้คำว่านายสิค่ะ
แพทย์+จิตแพทย์ลงความเห็นว่ายังไง สรุปว่ายังไง ก็น่าจะตามนั้นสิค่ะ

หมี่ก็ไม่ทราบนะคะว่าในชีวิตจริงจะมีคนหลอกสามีว่าเป็นผู้หญิงจริงๆบ้างหรือเปล่า
แล้วเค้าต้องไปแอบซื้อผ้าอนามัยมาแกล้งใช้ด้วยหรือเปล่าคะ

ป้าหมี่หน้าแมนมีหนวดกรธเดือกปูดถือพาสเป็น MR ป้าก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบาก ที่เค้าเปลี่ยนคำนำหน้านามกัน เพราะมันขัดกับรูปลักษณ์ไงคะ ส่วนหนึ่งคือการเดินทาง การติดต่ออะไร มันติดขัดและเป็นปัญหา เพื่อนสนิทหญิงเอง มาจากไทยเจอ ตม ที่ LAX ถามว่า Are you male? เสียงดัง แล้วก็ไปเรียก เพื่อน จนท ตม มารุมดูอีก 3 คน ก่อนจะเดินไปบอกหัวหน้าว่ามีตุ๊ดมา โดนให้ยืนรอตรงนั้น จนคนสุดท้าย ลองคิดว่า ป้ามีน้องที่เป็นกะเทย แล้วน้องกะเทยของป้าโดนแบบนี้สิคะ ผิดอะไร? ทำไมโดนดูถูกให้เจ็บช้ำใจขนาดนี้ ทั้งๆที่นางก็ทำตัวสุภาพเรียบร้อยกับเจ้าหน้าที่มาก

โลกของป้าก็เหมือนชายไทยทั่วไป ที่มัวแต่คิดว่า เปลี่ยนแล้วจะต้องไปหลอกคนอื่นแต่งงาน มันมีคนที่เค้าต้องการเปลี่ยนเพราะให้ตรงกับอัตลักษณ์ หลอกลวงหีแตดอะไร ป้าไม่ต้องไปกังวลแทนผู้ที่เค้าโดนหลอกหรอกคะ

กะเทยหลายคนแต่งงานไปก็บอกสามี สามีก็รับได้เยอะแยะ รับไม่ได้ก็มี เลิกกันไป เป็นปกติเรื่องของคนสองคน หญิงว่าป้าเอาเวลาที่กังวลตรงนี้ ไปเรียกร้องสิทธิ แต่งงานเพศเดียวกันในไทยดีกว่านะคะ เผื่อวันนึงจับพลัดจับพลูป้ามีโอกาสแต่งงาน จะได้สิทธิประโยชน์ ที่พึงมีพึงได้

ถามป้าน้องแทนสิคะ ว่ามีคำนำหน้าเป็น Miss มันดีข้อดียังไง คงต้องให้เซเลปบอร์ดมาช่วยคอนเฟิร์มแง้มกะลาให้

รู้สึกว่าเกย์ที่ไทยก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เปิดเผยได้มากขึ้น แค่นี้ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก
และอาจจะดีขึ้นเรื่อยๆด้วย

สากลโลกยุคสมัยนี้รับรู้เข้าใจกันหมดแล้วว่าเห็นเพศสภาพเป็นผู้หญิงอาจจะมีคำนำหน้าเป็นมิสเตอร์หรือเห็นเป็นผู้ชายอาจจะเป็นมิสก็ได้ ขนาดรับปริญญาขานชื่อว่านายแต่ใส่ชุดหญิงขึ้นไปรับก็กลายเป็นเรื่องปกติแล้ว

แต่ที่ไปเจอเจ้าหน้าที่สงสัย เค้าถามไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นหน้าที่ของเค้าที่จะต้องตรวจสอบ มันคือการทำงานของเค้า หล่อนก็แค่ให้ความร่วมมือ ถ้าหล่อนไม่ได้ทำความผิดอะไรก็ไม่มีปัญหา

ไปคิดเองว่าเค้าดูถูก หล่อนต่างหากกำลังตั้ง mindset ว่าถ้าคนรู้ว่าเป็นกะเทยแล้วทักจะเป็นการดูถูก ที่แท้หล่อนแหละกำลังดูถูกตัวตนของตัวเอง สาวสองที่มีวุฒิภาวะสมัยนี้เค้ารู้จักยอมรับและภูมิใจกับการเป็นเพศที่สามของตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่การไปยืนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับชะนี

การที่เค้าสงสัย ถามว่าเป็นเพศไหนเพื่อให้รู้ข้ดมูลว่าจะต้องปฏิบัติกับหล่อนยังไง มันคนละประเด็นกับการรู้แล้วรังเกียจ รู้แล้วเหยียดหยาม รู้เพื่อฉวยโอกาสละเมิดสิทธิ บางทีถึงขั้นประทุษร้ายร่างกายและชีวิตแบบการ racism ที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในต่างประเทศนะคะ

เพศที่สามในไทยสบายขนาดไหนก็ดูได้จากจำนวนเยอะมาก เยอะแบบมีทุกโรงเรียนทุกหมู่บ้านยิ่งกว่าโอทอป แต่แทบไม่เคยมีการประท้วงเรียกร้องอะไรเลยนั่นแหละค่ะเว้นพวกวัลลาบีอยากดัง แถมกลายเป็นเรียกร้องอะไรแล้วโดนกะเทยด้วยกันเองด่าซะมากกว่า
เพราะเราสบายอยู่แล้วไง แม้แต่ที่บอกว่าควรจดทะเบียนกันได้เพื่อสิทธิดูแลรักษา รับมรดก ถึงเวลาจำเป็นจริงเราก็เอื้ออาทรกันได้โดยไม่จำเป็นต้องไปถึงกฏหมายซะมากกว่า และกูว่าอีกไม่นานกฏหมายนี้ก็จะผ่านแน่นแนเพราะโลกมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แต่ที่ต่างประเทศเห็นเดี๋ยวเรียกร้องจะเอานั่นเอานี่ ไม่ใช่ว่าเค้าเสรีภาพสูง มีความตระหนักในสิทธิกว่าเรานะคะ แต่เพราะโดนกดดันจากความไม่เท่าเทียมในสังคมสูงจนเกินจะทนต่างหาก ถึงต้องออกมาเรียกร้อง

คือมึงคะ แค่เรื่องเพศสภาพขัดกับคำนำหน้าชื่อกะเทยสมัยนี้ไม่ได้รันทดขนาดนั้นเลยเอาจริงๆ แม้แต่ตะวันออกกลางที่ไม่ค่อยยอมรับกะเทย มึงจำเป็นต้องไปก็เข้าไปได้นะคะ แต่เค้าเข้มงวดหน่อย มีข้อห้ามข้อปฏิบัติเยอะกว่าชาวบ้าน ซึ่งก็ดีกับมึงเองเพราะสังคมเค้าไม่เหมือนบ้านเรา มึงให้เค้าเข้มงวดแต่มึงปลอดภัย ไม่ได้ทำผิดอะไรทำตามกฏเค้าไว้มันก็ดีต่อตัวมึงเองทั้งนั้น

มันไม่ได้รันทนค่ะ แต่ถ้าเลือกเปลี่ยนได้ มันดีกว่า หล่อนอ่านที่หญิงเขียนดีๆค่ะ เพื่อนหญิงที่โดน คือ โดนถามเสียงดัง แล้ว ตม ก็ไปเรียก เพื่อน จนท ตม อีก สาม คนมา รุมดู แล้ว ก็บอกว่า เนี่ยกะเทยมาจากไทย เฮ้อ มันใช่เหรอ คือ ตม มันพูดอังกฤษนะคะ ไม่ใช่สเปนิช เพื่อนหญิงมันก็ฟังออกสิคะ ว่ามันดูแคลนขนาดไหน มันไม่ใช่ว่าเค้าต้องตรวจสอบ เพราะนางก็ไปเรียนเมกามา เข้าออกมาหลายรอบ ไม่เคยมีประวัติ แต่ที่โดน เพราะ discriminate ชัดๆ

หล่อนไปดู ป้าเอ๋ใส นางพูดตลอดในไลฟ์ นางว่า อยากให้เปลี่ยน เพราะนางเดินทางเยอะนางรู้อุปสรรคปัญหา

เห็นชัดๆอีคนก็ป้าส้มโอ ประเทือง นางบอกเองเลย นางถือพาสเยอ ถ้านางไปเมกาหรือยุโรป นางใช้พาสเยอเข้า เพราะนางเป็น miss แต่ถ้าเมื่อไหร นางไปประเทศด้อยพัฒนา นางก็จะใช้ พาสไทยเข้า เพื่อให้ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นว่า มันเป็นอุปสรรค นางโดนกักตัวตั้งเท่าไหร่ ไปตามไล่ดูคลิปเก่าๆนางค่ะ หล่อนจะไม่มาเถียงกับหญิงเลย ถ้าหล่อนลองแต่งหญิง แล้วเดินทาง เอาแค่ใกล้ๆ ฮ่องกง ดูค่ะ ลองดูแล้วมาบอกหน่อยว่า ชะตาชีวิตมันลำบากมั้ย

กูว่าไม่ใช่ปัญหาเรื่องความเป็นกะเทยหรอกค่ะ แต่ตม.มันคงคิดว่าเป็นกะหรี่เข้าไปขายหีหนังไข่มากกว่า
กะเทยไทยไปก่อวีรกรรมต่ำตมไว้ทั่วโลกเยอะ บางนางที่มึงพูดถึงก็ใช่ย่อย กะเทยดีๆ ซวยไปด้วย

โดนหล่อหลอมด้วยคำว่ามีการยอมรับเพศทางเลือกของกะลาแลนด์แค่นี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของกะลาแลนด์ได้หรอกนะ

จริงๆมันก็ไม่ได้จะยอมรับอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แค่เป็นสิ่งที่เห็นจนชินในทุกๆวันอยู่แล้วคนมันก็เฉยๆกันไปเอง แต่ถ้าลงรายละเอียดลึกจริงจังหล่อนจะได้เห็นสื่งแย่ๆที่หล่อนไม่เคยเจอมาค่ะ
หล่อนไม่เคยสัมผัสความเป็นอยู่ของคนกลุ่มLGBTในโลกที่1หล่อนก็จะพูดแค่สิ่งที่อยูาในคอมฟอร์ดโซนของหล่อน
คนที่นี่แต่งงานกันได้มีลูกกันได้มีสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีได้ มีสิทธิเสรีภาพที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ มีสวัสดิการที่ดีคุ้มครองเราไปจนวันสิ้นลมหายใจ มีกฎหมายคุ้มครองที่ถูกต้อง มีสิทธิของกันและกันในการใช้ชีวิตคู่ มีองค์กรสำหรับชาวLGBTช่วยช่วยเหลือแก้ปัญหาสังคมโดยเฉพาะสำหรับชาวสีม่วง ไม่ใช่อยู่ไปวันๆแล้วอ้างว่ามีการยอมรับแบบประเทศด้อยพัฒนาแถวนี้
ลองหารายละเอียดลึกๆของสังคมประเทศนี้ดูซะนะคะแล้วหล่อนจะได้เลิกเห็นกงจักรเป็นดอกบัวสักทีค่ะ ช่องโหว่ของสังคมLGBTมันมีอยู่อีกเยอะสำหรับประเทศนี้ค่ะ ไม่ได้เหมาหมดนะคะดีๆก็มีค่ะ มองให้ลึกๆค่ะ ลองออกจากคอมฟอร์ทโซนดูค่ะจะได้เห็นมุมมองความเป็นอยู่ใหม่ๆที่หลากหลายบนโลกนี้ค่ะ

เมื่อวานเห็นข่าวของจีนเรื่องกะเทยไทยเนี่ยแหละจั่วหัวว่า กะเทยไทย ในประเทศที่เหมือนจะยอมรับแต่จริงๆแล้วไม่ แต่ชั้นไปกดอะไรก็ไม่รู้หายไปเลยไม่ได้อ่านต่อ

ถ้าจะเป็นจะตายเพราะอยากเปลี่ยนถึงขนาดนั้นก็ไปอยู่เมืองนอกจะได้เปลี่ยนสมใจ แนะนำทางเลือกแล้วเดี๋ยวก็มางอแงอีกสิว่ากูไล่ออกนอกประเทศ จะเอาให้ได้ดังใจทุกอย่างที่ต้องการให้เป็น โลกนี้ไม่ได้หมุนรอบมึงนะคะ

จะให้มาอิจฉาอะไรกับกฎหมายยอมรับเพศที่สาม คือไม่ได้ต้องการเลยจริงๆ
ทุกวันนี้แค่มีเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ตลอดชีวิตก็มีความสุขล่ะ
อยู่กับแฟนเกย์แบบไม่ต้องแต่งงานจดทะเบียนสมรสก็ยังคิดว่าอยู่ได้เลย

มีปัญหาอะไรกับประเทศไทยเหรอ จะกดจะชนะให้ได้
เมื่อหลายเดือนก่อนเห็นพวกเกย์โดนยิงในผับ
ที่อเมริกาป่ะ นี่คืออะไรอะ ไหนบอกยอมรับเพศที่สาม
เรื่องแบบนี้ไม่ทางเกิดในไทยแน่ๆ

ไม่ต้องมาพูดให้รู้สึกว่าการอยู่ในประเทศโลกที่หนึ่ง เกย์ได้รับการยอมรับมากมาย
ดีกว่าไทย บลาๆ เอาตรงๆ กูไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรืออะไรเลยว่ะ
เพราะที่เป็นอยู่ปกติมันก็ดีมากๆแล้วอ่ะ มึงไม่รู้สึกดีก็เรื่องของมึงเหอะ

อีกอย่างประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมาเดินประท้วงนู้นนี่ให้เกย์ด้วย

คนไทยถือคติต่างกัน มองว่าการเงียบนิ่ง คือ คนฉลาด เพลย์เซฟ ส่วนคนเสียงดัง ออกตัวแรง คือ คนมั่นหน้า จอมเรียกร้อง ฉะนั้นมุมมองที่เกย์ไทยมีต่อเกย์ที่เมืองนอกเลยออกมาเป็นว่า พวกนี้เรียกร้องจัง อยู่เงียบๆดีๆไม่เป็นรึไง ส่วนคนที่ไม่ใช่ LGBT นั้น ก็มีทั้งส่วนที่สนับสนุนและต่อต้านเหมือนเมืองนอกนั่นล่ะ เพียงแต่สังคมไทยไม่ค่อยกล้าออกหน้า ไม่กล้าพรีเซ้นท์ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม คนสนับสนุน LGBT เมืองไทยจึงเลือกสนับสนุนเงียบๆ ให้กำลังใจห่างๆอย่างห่วงๆ แต่พวกต่อต้านเกลียดก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเหมือนเมืองนอกเช่นกัน ก็แอบด่าเงียบๆในกลุ่ม หรือ discriminate เงียบๆนั่นล่ะ

ส่วนตัวเคยเจอ trans ที่โดน hate crime ในเมืองไทยเหมือนกัน เพียงแต่มันไม่เป็นข่าวดัง และไม่ถึงชีวิต ส่วน hate crime ในเมืองนอก มีซักคดีนึงจะโดนปั่นเป็นกระแสทันทีโดยกลุ่ม LGBT และพันธมิตรทั้งหลายแหล่นั่นล่ะ ของเรามันไม่มีองค์กรจริงจังขนาดนั้นไง กระแสเลยจุดไม่ค่อยติด จำได้ว่าถึงขนาดมีเกย์ฝรั่งคนนึงแกล้งทำเป็นว่าตัวเองโดนทำร้ายแล้วลงข่าวปลอมด้วยซ้ำ คือ กะให้เป็นกระแสแต่โป๊ะแตกซะก่อน

ยังไงก็แล้วแต่ เกย์ในเมืองไทยไม่ได้แย่เลยนะ ไทยเรายอมรับความหลากหลายดีกว่าแทบทุกประเทศในเอเชียด้วยกันด้วยซ้ำ ถึงมี hate crime บ้างก็มักไม่ถึงชีวิต เราไม่มีพวกบ้าศาสนา ลัทธิสุดโต่งแบบในอเมริกา ยุโรป ซึ่งพวกนี้แหละทำให้สิทธิของเกย์ในประเทศพัฒนาแล้วมันดูไม่ 100% จริงๆซะที เหตุการณ์ยิงกันใน Pulse ก็เกิดจากพวกมุสลิมสุดโต่งนี่ล่ะ ประเทศพัฒนาแล้วดันรับพวกนี้เข้าไปเยอะ ก็รู้ๆอยู่ว่าพวกนี้ยอมรับอะไรใครที่ไหน กฎหมายเค้าเลยต้องจริง ต้องแรง ส่วนของไทยเราไม่เคยเกลียดใครจริงจัง ไม่รักใครจริงจังเหมือนกัน คือ ไม่เคยจริงจังกับห่าไรซักเรื่องนั่นล่ะ ก็เลยคิดว่าไม่ต้องการกฎหมายอะไรจริงจังกับตรงนี้เหมือนกัน ก็อาจจะเป็นเรื่องดีไปอีกแบบก็ได้นะ