ในเอเชีย ประเทศที่ถ้าเรียกเป็นโลกที่1 จริงๆ กูให้แค่ 2 ประเทศคือ ญี่ปุ่น กับ สิงคโปร์

ญี่ปุ่นคงไม่ต้องพูดไรมาก เขาเจริญใานานแล้ว ตีคู่เป็นมหาอำนาจก่อนสงครามโลก ตั้งแต่สงครามรัสเซียแล้ว

สิงคโปร์​ เพิ่งมาเจริญ แต่ก็สามารถพัฒนาได้ถึงรากจริงๆ สมเป็นโลกที่1 ไร้ข้อกังขาใดๆ

เอาจริงๆนะ ประเทศที่ฆ่าตัวตายเยอะที่สุดในโลกคือจีน แต่ประเทศจีนไม่เก็บสถิติ และไม่เคยออกมาเผยข้อมูลพวกนี้แบบตรงไปตรงมา เพราะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์​

แนวทางการฆ่าตัวตายหลายๆวิธี มีคนจีนและฝรั่งเป็นผู้นำนะ อย่างเทรนด์ฆ่าตัวตายด้วยการรมควันตัวเองในที่ปิดตาย ก็มาจากเมืองจีนหลายปีก่อน

เกาหลีใต้นี่ก็ฆ่าตัวตายหนักกว่าญี่ปุ่นซะอีก เพราะโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้ามันลุกลามไปทั่วโลก พวกฝรั่งตะวันตกเขาก็เป็นกันเยอะ พวกฝรั่งเขาเผชิญหน้า​กัยโรคซึมเศร้า​มา 2 ทศวรรษ​แล้ว เขาก็ยอมรีบว่ามันเป็นโรคชนิดนึงที่คู่กับมนุษ​ชาติ​มาแต่ไกนแต่ไร คนตะวันตกเขาไปปรึกษาแพทย์ เขามีวัฒนธรรม​พบจิตแพทย์​เอะอะก็พบจิตแพทย์​ การพบจิตแพทย์​ไม่ได้แปลว่าบ้า การฆ่าตัวตายจึงต่ำ ทั้งๆที่ฝรั่งเขาเป็นโรคซึมเศร้า​กันเยอะมากกกกกกกก ผิดกับคนเอเชียอย่างจีน กับคนเกาหลี ต่อต้านการพบแพทย์ เพราะคิดว่าการพบแพทย์คือคนบ้า เป็นเรื่องน่าอาย

คนญี่ปุ่นก็เช่นกัน แต่ญี่ปุ่นมีความยูนิคไปอีก level คือวัฒนธรรม​ญี่ปุ่น วัฒนธรรม​ญี่ปุ่นคือทำผิด ทำอะไรไม่สำเร็จ ก็โทษตัวเอง โทษๆๆๆๆๆแต่ตัวเอง ชอบมีคำพูดติดปากว่า ฉันไม่ดีพอ ฉันยังทำดีไม่พอ ยังทำงานหนักไม่พอ โทษตัวเองจนเป็นโรคซึมเศร้า​ มันเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ที่พวกซามูโร ยอมคว้านท้อง​ตัวเอง เมื่อทำผิดต่อบ้านเมือง หรือทำภาระกิจไม่สำเร็จ ก็จะฆ่าตัวเองทิ้ง ยิ่งลัทธิ​ชินโต เขาไม่ได้เชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาป ญี่ปุ่นไม่ได้บังคับให้คนในประเทศเขานับถือศาสนาอะไรเลย คนส่วนมาก ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย มันเลยไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

ประเทศญี่ปุ่นอาชญากรรม​ต่ำมากกกกกกก อุบัติเหตุ​บนท้องถนนก็น้อยจนแทบไม่มี คนก็ไม่ค่อยป่วยเป็นโรค อายุยืนยาวที่สุดในโลก จนเป็นประเทศที่มีคนแก่ล้นประเทศ ภัยธรรมชาติก็เจอสาระพัด กลับเป็นประเทศที่การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุหลีกของการตายในประเทศซะงั้น

อย่างน้อยคนญี่ปุ่นก็ตายแบบไม่ได้เป็นภาระสังคมเท่าไรนะ ไม่เหมือนไทย คนไทยตายเพราะอาชญากรรม ฆ่า ปล้น ข่มขืน ขับรถประมาท​ คนป่วยเป็นโรคเยอะ

มองอีกมุม ธรรมชาติคงพยายามปรับสมดุลละมั้ง มนุษย์​ต้องตาย ประชากรมนุษย์​ต้องลด โดยเฉพาะคนเอเชีย ประชากรเยอะเกินไปแล้ว ไม่งั้นโลกใบนี้จะพัง โรคซึมเศร้า​ก็เหมือนระเบิดเวลา มันก็เหมือนโปรแกรมทำลายตัวเอง ที่ฝังอยู่ใน DNA มนุษย์​มาตั้งแต่ไหนแต่ไร รอวันโดนปลุกขึ้นมาทำงาน ด้วยแรงกระตุ้นบางอย่างเท่านั้นเอง

ถ้ามีพญานาคให้นับถือ
มีต้นไม้ให้ขูดเลข
มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ขอหวย
บลาาๆๆๆๆๆแบบไทยแลนด์
ปัญหาก็จะลดลงเองแหละค่ะ

ปล.งวดนี้ยังไม่มีเลขจะซื้อเลยค่ะ
ใครมีทีเด็ด อย่าลืม อย่าลืม
บอกกันด้วยนะ

# ความหวังใหม่กลางเดือนต้นเดือน

1 : ถ้าเป็นโรงแรมตึกๆ หน้าต่างโรงแรมเปิดไม่ได้ค่ะ
หรือเปิดได้ก็เปิดได้แค่คืบเดียว แบบพอให้อากาศเข้าได้
และจะไม่มีระเบียง เพราะป้องกันคนไปกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

2 : ถึงรถไฟญี่ปุ่นจะตรงเวลาแค่ไหน แต่อย่าฝากความหวังถ้าต้องทำเวลา
เพราะมันมีคนกระโดดรางรถไฟตายทุกวัน อยู่ที่ว่าจะไปโดดสายไหนเท่านั้นเอง
และถ้ามีคนกระโดดรถไฟ เลทแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วง

........................................................................................................................

แอ๋วมาเดินตามฝันค่ะ

น่ากลัวมากข่ะะะขุ่นพลี่ ทำไมอีตุ๊ดจิตเภทไบโพล่าห์บางตัวไม่ฆ่าตัวตายบ้างข๊ะะะ

//เตรียมใส่ซอง

ญี่ปุ่น เป็นเกย์ได้ไม่ใช่ปัญหา มีปัญหาเรื่องเรียน ต้องสอบเข้าให้ได้มหาลัยที่มีชื่อเสียง พอจะได้งานในอนาคต เนื่องจากค่าครองชีพสูง และคนญี่ปุ่นทำงานเอาเป็นเอาตาย ไม่ได้ค่าโอที ได้รับแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย ถึงไม่อยากทำก็ต้องทำ กลับบ้านดึก นอนไม่พอเครียด ต้องไปทำงานไกล ๆ นั่งรถไฟ แถมส่วนมากถ้าได้งานทำแล้วก็จะทำไปจนตาย ไม่ค่อยเปลี่ยนที่ทำงานตามใจชอบแบบไทย ยิ่งต้องเปลี่ยนที่ทำงานตอนแก่ยิ่งเป็นไปได้ยากสำหรับคนญี่ปุ่น

​ เว่อร์ โคตรเว่อร์ กระโดดรางรถไฟทุกวันนี่ไม่ใช่ละ

กูอ่ะ ขรรมทุกครั้ง ที่คนไทยชอบเวอร์หีแตด อวยญี่ปุ่นกันเว่อร์ พอพูดถึงแง่ร้าย ก็พูดถึงแง่ร้ายของเขาจนเว่อร์ พูดเว่อร์ทั้งด้านดี ด้านร้าย

พูดถึงเรตการฆ่าตัวตาย เกาหลีใต้​อันดับ3 ของโลก มีการฆ่าตัวตาย 27 คน ต่อประชากร 1 แสนคน

ญี่ปุ่นอันดับ14 ของโลก มีการฆ่าตัวตาย 18 คน ต่อประชากร 1 แสนคน

ในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว ลัตเวีย กับ เบลเยี่ยม เรตสูงกว่าญี่ปุ่นอีก อยู่ที่ 21 และ 20 คนต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน ตามลำดับ

ฝรั่งเศส ก็ใกล้เคียงญี่ปุ่น มีการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 17 คน ต่อ 1 แสนคน

สหรัฐอเมริกา​อยู่ที่ 15 คนต่อ 1 แสนคน

ส่วนประเทศไทยมีการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 14 คนต่อ 1 แสนคน

บวกลบกับจำนวนประขากรในประเทศของแต่ละประเทศดูนะ เรตมันเอาจริงๆ ไทยก็ไม่ใช่ว่าจะอาการดีไปกว่าญี่ปุ่นเท่าไร​

ป้ากะเทยแก่รีนี้ท่าจะตรรกะป่วยนะคะ ทำไมจะต้องไปพูดถึงรัสเซียค่ะ เขาพูดถึงประเทศที่เจริญพัฒนาแล้วค่ะ อ่านคีย์เวิร์ดดีๆ สิคะ รัสเซียนี่ความเจริญยังไม่ถึงโลกที่ 1 เลยนะคะ และก็ไม่เทียบเท่าญี่ปุ่นค่ะ ประเด็นคือทำไมเจริญพัฒนาแล้วแบบโลกที่ 1 แต่กลับมีสถิติฆ่าตัวตายสูงค่ะ แล้วเขาก็อยากเปรียบเทียบกับคนที่เป็นเอเชียด้วยกันด้วยค่ะ

ทำไมจะพูดถึงญี่ปุ่นไม่ได้คะ ในเมื่อรัฐบาลเขาเองยังออกข่าวเลยค่ะว่าคนรุ่นใหม่เขามีสถิติฆ่าตัวตายสูงในรอบ 30 ปี ด้วยซ้ำ พวกรัสเซีย เบลเยี่ยมอะไรนั่น ป้าก็ไปตั้งกระทู้เองสิคะ ไม่ใช่มาตอบไม่ตรงคำถามประสาทหรือเปล่าคะ

จริง คนญี่ปุ่นก็ด้วย ไม่มีศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจเสียส่วนใหญ่

มายาคติตอแหลทั้งนั้น ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เกี่ยวไรกับการมีศาสนาหรือไม่มีค่ะ โรคซึมเศร้ามันคือความผิดปกติของสารเคมีในสมอง มีศาสนายึดเหนี่ยวยังแพ้ให้โรคซึมเศร้าเลย กี่เคสแล้ว ที่คนเข้าใจมันผิดๆ คิดว่าเพราะโรคเครียด คิดมาก เก็บกดบ้าบออะไรต่างๆนาๆ พาคนเป็นโรคซึมเศร้าเข้าวัด นั่งสมาธิ​ หวังว่าศาสนาพุทธจะช่วย แต่สุดท้ายก็ไม่ ฆ่าตัวตายสำเร็จทุกราย ป่วยเป็นซึมเศร้าก็ต้องไปรักษานะ อย่ามั่วเสียเวลา ไร้สาระ มันมียาปรับสารเคมีในสมอง ไอเรื่องเข้าวัด นั่งสมาธิ ค่อยทำหลังที่ได้พบจิตแพทย์ ได้ยามากินแล้วเหอะจ๊ะ

ได้จิตแพทย์​เก่งๆ ทานยาตามสั่ง คนรอบข้างใส่ใจเข้าใจ ผู้ป่วยซึมเศร้า​หายเป็นปกติได้ทุกคนค่ะ แต่ถ้ายังดื้อด้านดักดานงมงาย ก็เชิญค่ะ รอฟังข่าวร้ายได้เลย ไม่ช้าก็เร็ว

หล่อนสิป่วย แบบไม่รู้ตัว
ก่อนจะมีความผิดปกติทางสมองมันต้องมีสาเหตุมาก่อนนะคะ

ไม่เห็นข่าวเหรอคะ คนปกติดีๆ จู่ๆ สูญเสียคนสำคัญหรือมีความเครียดสูงจากสภาวะเศรษฐกิจสังคม เด็กที่โดนล้อเลียน โดนแกล้งประจำ ก็ถึงป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมา

ถามว่ามันจะป่วยมีสารเคมีผิดปกติก่อนได้ยังไงคะ ถ้าไม่เผชิญปัญหาที่กระทบอารมณ์ทางจิตใจมาก่อน

การที่คนมีศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจคือศึกษาและปฏิบัติจริงๆ นะคะ ไม่ใช่แค่มโนว่าตัวเองมีศาสนาแบบหล่อน
เขาก็จะเอาหลักคำสอนมาปฏิบัติและป้องกันไม่ให้จิตใจตัวเองป่วย จนพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าหรือฆ่าตัวตาย

แต่พูดไปคนประเภทหล่อนคงไม่มีวันเข้าใจหรอกค่ะ เพราะเกิดมาเป็นคนยึดถือความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งแบบผิดๆ
แต่ชั้นเชื่อว่าวันหนึ่งบทเรียนชีวิตจะสอนให้หล่อนได้ลิ้มรสความป่วยทางจิตจนต้องหันหน้าไปพึ่งศาสนาให้ถูกทางเองค่ะ

หล่อนนี่แหละค่ะ คือตัวอย่างของคนโง่ดักดาน อธิบายไปแล้วยังดื้อด้าน ไม่ยอมเข้าใจ แล้วยังด่าว่าร้ายคนอื่น สันดานแบบนี้น่ารังเกียจมาก

โง่แท้ๆ ยังมีความเข้าใจเกี่ยวโรคซึมเศร้าผิดๆนะคะ ไปแยก “อาการเศร้า”​ กับ “โรคซึมเศร้า”​ ออกจากกันให้เป็นก่อน แล้วค่อยพล่ามยืดยาวค่ะ อ่านแล้วเพลีย

แยกให้ออกก่อนนะคะ สาเหตุที่หล่อนพูดมา เข่น เสียคนรัก โดนแกล้ง ตกงาน พวกนี้คือแรงกระตุ้นให้เกิดความเศร้า หดหู่ ไม่อยากทำอะไร ซึ่งอาการพวกนี้ในคนปกติทั่วไป เศร้ามันหายได้ค่ะ หายได้เอง ใน 7-14 วัน สามารถใช้วิธีทางจิตวิทยาในการบรรเทาได้ เช่นให้กำลังใจ พูดคุยรับฟัง ให้คำปรึกษา หรือจะเข้าวัด ทำบุญให้จิตใจผ่อนคลายก็ได้

แต่คนเป็นโรคซึมเศร้า มันต่างกันนะคะ อย่าหลงประเด็น จับแพะชนแกะโง่ๆ แต่คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มันซับซ้อนกว่านั้นมาก คนพวกนี้มีอาการเศร้า หดหู่ ไม่อยากทำอะไร "โดยไม่ได้มาจากสิ่งเร้าภายนอก" คือมันไม่ได้มีเรื่องอะไรให้เศร้า แต่เศร้า ซึม หดหู่ แล้วควบคุมไม่ให้เศร้าไม่ได้ มาจากสมอง/ระบบประสาท ทำงานผิดปกติ กลุ่มนี้ใช้วิธีทางจิตวิทยาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้วิธีทางจิตเวชด้วย เพราะต้นตอมาจากการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติ(โรคทางจิตก็คือโรคทางกายนั่นแหละ) ต้องไปหาหมอรับยา ไม่ต้องแนะนำให้ไปวัด นั่งสมาธิอะไรพวกนั้นเลย เพราะอาการจะยิ่งแย่

คิดว่าที่อเมริกา ยุโรป และที่ญี่ปุ่น เขาไม่มีการศึกษาเรื่องพวกนี้หรอคะ เขาสรุปออกมาตั้งนานแล้วว่าหลักคำสอนของศาสนาชนะโรคซึมเศร้าไม่ได้ค่ะ

มันมีหลายๆเคสแล้ว ที่กลุ่มตัวอย่างที่เขาไม่ได้นับถือศาสนาอะไรนะคะ เจอเหตุการณ์​ร้ายแรงต่างๆ แต่ก็ยังอยู่ได้ ไม่คิดฆ่าตัวตาย ไม่จำเป็นต้องเข้าบำบัด เพราะโรคซึมเศร้าไม่เกิดกับคนเหล่านี้ค่ะ แต่กับคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต่อให้เกิดและโตในวัด ในโบสถ์​ ก็ปริชีพตัวเองมาแล้วหลายราย

คนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ใช่เพราะเครียด ย้อมแพ้แล้วฆ่าตัวตายนะคะ อย่าควายค่ะ คนพวกนี้ไม่ใช่เพราะเขาขี้แพ้ ยอมแพ้ ไม่ใช่ค่ะ แต่เขาควบคุมความเศร้าเหมือนคนปกติไม่ไดี เพราะสารในสมองไม่สมดุล อยู่ดีๆก็ซึมเศร้าหดหู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ซึมเศร้ากับเรื่องเล็กน้อยบ้างล่ะ หรือเรื่องใหญ่โต ซึมเศร้าเฉพาะหน้าหนาวก็มี ผู้หญืงบ้าวคนซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์​ หรือหลังคลอดก็มี แล้วเขาควบคุมมันไม่ได้ หยุดมันไม่ได้

ในเมื่อ เป็นกรดไหลย้อนในกระเพราะ เข้าวัดไม่หาย
เป็นความดัน เข้าวัดไม่หาย
เป็นไทรอยด์ เข้าวัดไม่หาย
เป็นเบาหวาน เข้าวัดไม่หาย
เป็นไซนัส เข้าวัดไม่หาย
เป็นบ้านหมุน คนอยู่วัดยังหมุนอยู่เลย

อาการของโรคซึมเศร้าก็เหมือนกัน เข้าวัดไม่หาย

อาการอื่นๆข้างต้น มันเป็นอาการที่ร่างกายหลั่งสารเคมี บางอย่างออกมามากเกินไป ไม่สมดุลเกิดการเจ็บป่วยเป็นโรค อาการของโรคซึมเศร้าก็เหมือนกัน ร่างการหลั่งสารบางอย่างในสมองไม่สมดุล

คือมึงเข้าใจโรคซึมเศร้าดีแค่ไหน ถึงมาแนะนำให้คนป่วยเขาศึกษาศาสนาแล้วจะหาย ไอ่ตุ๊ดหัวควย สมองหมาปัญญาควาย ส้นตีนเหอะ มา เดี๊ยวกูจะอธิบายให้มึงหายโง่ อาการเศร้าหดหู่ กับ โรคซึมเศร้า มันคนละอย่างกันโว้ยยยย แยกสองอย่างนี้ออกจากกันก่อน

จะอธิบายง่ายๆนะ กลัวควายแบบมึงไม่เข้าใจ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ก็เหมือนคนเป็นโรคเบาหวานอะแหละ คือ คนเป็นเบาหวานต้องกินยาเติมสารอินซูลินใข่ป่ะ
เนื่องจากร่างกายผลิตสารตัวนี้ไม่เพียงพอ .. จึงต้องกินยาเติมสารตัวนี้เข้าไป

โรคซึมเศร้า ก็เหมือนกัน คือต้องกินยาเติมสารเคมีบางตัว ที่สมองผลิตได้ไม่เพียงพอหรือ ไม่สมดุล ... จึงต้องกินยาเติมสารเคมีเข้าไป

แล้วอยากจะบอกว่า สารเคมีเป็นตัวคุมความรู้สึกมนุษย์​เรานะจ๊ะ..ไม่ใช่จิต มึงเลิกงมหงายไอ่สัตว์​

ถ้า สารเคมีในสมองไม่สมดุล คุณจะคุมสภาวะจิต ไม่ได้เลย มัน out of control ไปเลย
ต้องกินยา ...รอให้มันมีสภาพ สมดุล ค่อยๆลดยา แล้วใช้คุมจิต ไรก็ว่าไป

อย่างที่เม้นท์บนบอกอ่ะ โรคซึมเศร้าอ่ะมึงไปหาหมอเหอะ เอายามาแดก หายชัวร์ ฝรั่งเขาผ่านมาหมดแล้ว เขาเป็นกันเยอะมาก มีแต่อีพวกหัวดำเอเชียนี่แหละ โง่ดักดาน ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าผิดๆอยู่อีกเยอะมากมายเลย ตัวอย่างเช่นก็อีพวกเกาหลีอ่ะ คนเกาหลีปฎิเส​ธการรักษาโรคซึมเศร้าเพราะเข้าใจโรคนี้ผิดๆ กลัวสังคมนินทาตัวเอง ตายห่ากันสูงเป็นอันดับสี่ของโลก เป็นไงล่ะ คนไทยถ้ายังมีพวกโง่ดักดานบ้าศาสนาแบบตุ๊ดควายๆบ้างตัวในกระทู้นี้เยอะๆ ต่อไปก็คงไม่แคล้วเกาหลีหรอก

🔟 🔟 🔟 ครับ

จขกท.เขาถามว่า ทำไมกว้างๆ ไม่ได้ระบุว่าซึมเศร้า ไม่ซึมเศร้าก็ฆ่าตัวตายได้
หมอยังเข้าวัด ศาสนามีคุณกว่าที่มึงคิดค่ะ

แต่อีกแง่ ก็แคร์คนอื่น ว่าคนอื่นจะคิดยังไง จะดูถูกเราไหม เลยต้องใส่หน้ากากหากัน

ด้วยวัฒนธรรม แล้วคนญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้แสดงออกเยอะ และเงียบๆ

เพราะถูกสอนมาว่า การรบกวนคนอื่น ด้วยการวาจา มันเป็นสิ่งไม่ดี ดังนั้น คนญี่ปุ่นจะเกรงใจคนอื่นมาก

แม้แต่หายใจเสียงดัง ยังต้องขอโทษ

นี่แหละพอทุกคนเกรงใจกันมากๆ ก็กลายเป็นว่าไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง ทำโน่นนี่ก็ผิดไปหมด

พอกรอบเยอะๆ มนุษย์ที่อยู่ในกรอบ ก็อยากจะแหกกฎบ้างบางครั้ง

โดยหลักๆแล้ว คนญี่ปุ่นเย็นชา เก็บกด มีอะไรก็ไม่พูด กลัวคนว่าไม่ดี แต่ลับหลังก็นินทา ว่าร้าย

ถ้าลองไปอยู่สัก เดือนสองเดือน กับคน local จะรู้ว่า ทุกคนขี้เกรงใจ และเย็นๆ

แต่บางคนก็สนุก ตลก เฮฮาก็มี

แต่ยุคหลังๆมา พวกเด็กๆวัยรุ่น ไม่เหมือนกับพวกผู้ใหญ่ ยุคก่อน ต่างโดยสิ้นเชิง เริ่มเละเทะ

ไม่ได้มีระเบียบมาก ช่วงเย็น ตอนเลิกเรียน นรถไฟ คุยเจี๊ยวจ๊าว ข้ามหัวไปมา มาก

หลังๆ ญี่ปุ่นน่าจะเครียดน้อยลง ยกเว้นพวกอยู่ในวังวน สุดท้าย ชีวิตก็เข้าระบบ

ทำงาน มีลูก ใช้ชีวิต ตาย ไม่ค่อยมีด้านอื่น

จิตแพทย์เขาก็เอาหลักการทางศาสนาต่างๆ นั่นแหละค่ะมาใช้บำบัดคนไข้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามดูสิคะ จิตแพทย์ฝรั่งก็ใช้หลักคำสอนดีๆ จากศาสนาเค้าหรือศาสนาอื่นนั่นละค่ะ

การกินยามันก็แค่ประคับประคองอาการเท่านั้นนะคะ เพื่อรักษาสรีรวิทยาสมองไม่ให้เสื่อมไป แต่คนเราจะมีสารเคมีผิดปกติในสมองเกิดขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ หรอกค่ะ

สารเคมีในสมองมันจะผิดปกติได้มันต้องมีสาเหตุค่ะ เช่น ถ้าจิตใจคนเราไม่มีอะไรไปกระตุ้นด้วยชุดข้อมูลซ้ำๆ ย้ำๆ มันก็ไม่มีวันผิดปกติด้วยความคิดนั้นนะคะ

แต่คนที่ป่วยสภาพทางจิตใจย่ำแย่ต่อเนื่อง เพราะยึดติดและไม่ปล่อยวาง ก็เอาคำพูดนั้นๆ หรือโดนการกระทำแย่ๆ นั้นตอกย้ำเสมอ

สังเกตไหมคะว่าบางคนเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ลำบากมาก แต่ก็ไม่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีปัญหาทางจิตใจรุนแรง เพราะเขาใช้วิธีการคิดที่ปรับตัวได้ มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดี

แต่บางคนเกิดมาฐานะดี มีชีวิตดีกว่าคนอื่น แต่กลับมีโอกาสป่วยทางจิตสูง เป็นซึมเศร้าง่ายเพราะว่ามีความยึดมั่นถือมั่นสูง หลงในตัวเอง หลงในอารมณ์ ไม่ปล่อยวาง

จิตใจคนเรามันเป็นตัวควบคุมร่างกายเราด้วยนะคะ ต่อให้ร่างกายเคยแข็งแรงแต่ถ้าจิตใจได้รับผลกระทบกระเทือน เช่น เบื้องต้นได้รับข่าวร้ายว่าคนสำคัญเสียชีวิต เราก็ทรุดเลยใช่ไหมคะ

นี่คือตัวอย่างของจิตควบคุมร่างกาย ส่วนตรงกันข้ามคือจิตบ้าคลั่ง นั่งด่าชาวบ้าน โคลนเปลี่ยนชื่อแล้วก็ด่าคนนั้นคนนี้ อันนี้คือคนไม่ปกติเพราะจิตยึดติดว่าต้องด่าคนในนี้

จิตไม่ปกติคอยคิดซ้ำเติมตัวเอง วางไม่เป็นและมองโลกแง่ร้ายหมดร่างกายก็จะผิดปกติตาม สารเคมีในสมองมันก็เลยผิดปกติตามด้วยไงคะ

ใครจะบอกยังไงก็ตาม ถ้าคนๆ นั้นไม่ยอมคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยตัวเอง ก็ไม่มีวันช่วยเขาได้สำเร็จหรอกค่ะ

ถ้าจะมองว่ามันก็เป็นเวรเป็นกรรมของคนๆ นั้นด้วยก็ได้ค่ะ เพราะเขายึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเอง จนไม่ยอมคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร ต่อให้หมอเก่งแค่ไหนมาบอกเขาก็ไม่เชื่อค่ะ

ก็เลยถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของแต่ละคนไป ก็ต้องปล่อยให้เขาเป็นแบบนั้นต่อไปค่ะ

หลายคนที่เขารักษาตัวเองหาย เพราะมีคนแนะนำแนวทางสมาธิบำบัด ร่วมกับการกินยา ใช้ธรรมชาติบำบัดช่วยด้วย ทั้งอาหารการกิน การออกกำลังกาย

การกินยา และแนวทางศาสนาแบบพุทธ นั้นช่วยได้แน่นอน คนที่เขาทำตามแล้วหายก็มีมากมายค่ะ เขายังเอามาเขียนวิธีบอกเลย

อย่างไฮโซสาวที่ผ่านชีวิตมรสุมซึมเศร้าจนอยากฆ่าตัวตายเพราะคลิปหลุด เธอก็ใช้แนวทางธรรมะจากพุทธ จนเยียวยาจิตใจตัวเองจนดีขึ้น

แต่คนประเภทยึดมั่นถือมั่น เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด แบบนี้ต่อให้เจอหมอเก่งแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ค่ะ

เพราะเขาก็จะไม่เชื่อใครค่ะ เขาจะเชื่อว่ากินยาเท่านั้นจะรักษาได้ สุดท้ายก็ต้องกินยาไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ต้องตายไปตามธรรมชาติหรืออาจจะชิงฆ่าตัวตายไปก่อน

ผู้ป่วยหลายคนกินยาหมอแต่ก็ยังฆ่าตัวตาย นี่มีสาเหตุมาจากอะไรละคะ ไม่ใช่ว่าหมอไม่เก่งเลยค่ะ แต่เป็นเพราะผู้ป่วยยึดมั่นถือมั่นไม่ปล่อยวาง ไม่เอาแนวทางดีๆ จากศาสนามาใช้

สังเกตเลยว่าคนพวกนี้มักจะมีจิตใจต่อต้านศาสนาเป็นทุนเดิม เลยปฏิบัติแบบไม่เข้าถึง หรือเข้าใจหลักศาสนาผิดๆ คิดเองมโนเอง และต่อต้านด้วย มันจะไปเข้าถึงได้ยังไงนะคะ

ยิ่งประเภทมี คห.แปลกๆ แบบ คห.20 นั่นแหละค่ะ เขาก็เลยจะไม่มีวันหายป่วยค่ะ เพราะยึดมั่นถือมั่นผิดๆ ตามความคิดตัวเองมาตลอดเวลาค่ะ

ยัง ยัง ยังไม่หยุดโง่ 5555555555555555

จะแตกร่าง เปลี่ยนชื่อมากี่ชื่อ แต่ความโง่ดักดานของคุณป้าก็ยังเด่นชัดออกมาอยู่ดีนะคะ

ก่อนจะตอแหลว่าเป็นจิตแพทย์สาว ป้าเอาเวลาไปรักษาอาการจิตเภทของตัวเองให้หายดีก่อนดีกว่านะคะ คุณป้าจิตเภท โง่ดักดาน

ตอแหลว่าตัวเองศึกษาธรรมมะ แต่สันดานกล่าวหาคนอื่นมั่วๆแบบนี้หรอคะ คนศึกษาธรรมมะ ว๊ายยยย

ว่าแล้วก็อดเป็นห่วงหนุ่มๆ
ที่โดนอีแว่นดำกระทำชำเรามาก