รู้จักทฤษฎี กาลาปากอส ซินโดรม ป่ะ? มันคือการอุปมาอุปไมย ถึงวิถีทางที่ลักษณะทางภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของประเทศแห่งหนึ่ง ได้มีส่วนร่วมก่อรูปให้ผู้คนของประเทศแห่งนั้นเกิดความรักหลงใหลในเทคโนโลยีบางอย่าง ซึ่งถูกผู้คนทั้งโลกละทิ้ง ในกรณีนี้คือ CD และรวมถึงแผ่นเสียง Vinyl ซึ่งผลักดัน-หล่อหลอมให้ตลาดดนตรีญี่ปุ่นมี วิวัฒนาการเฉพาะ ในแบบฉบับของตนเอง จนสามารถต่อต้านความเปลี่ยนแปลงและยืนหยัดรูปแบบการบริโภควิถีเดิมได้อย่างน่าเหลือเชื่ออย่างที่บอก คนญี่ปุ่นเขาหลงใหล (ที่จริงใช้คำว่า ผูกพัน จะเหมาะสมกว่า) กับ CD มาก เพราะ CD เกิดมาจากประเทศญี่ปุ่นไง เป็นมรดกโลก ที่คนญี่ปุ่นได้มอบให้โลกในยุค 80s เป็นต้นมา
CD ผลักดันโดย Sony บริษัทญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นมาตรฐานโลกจนถึงทุกวันนี้ Sony ยอมซื้อค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Columbia Records (ต่อมาเปลี่ยนเป็น Sony Music) เพราะต้องการจะผลักดันเทคโนโลยี CD ให้เกิดในอุตสาหกรรมเพลงโลกให้ได้ และทำสำเร็จในที่สุด
ประเทศญี่ปุ่นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการผลิตแผ่น CD เพลงที่ดีที่สุดในโลกเสมอ อยู่ในกลุ่มท็อปสามของโลก เคียงคู่ เยอรมันนี กับ สหรัฐอเมริกา
เมื่อดูจากประวัติศาสตร์แล้ว มันจึงไม่แปลกใจที่คนญี่ปุ่นจะยังคงยึดมั่นในการฟังเพลงผ่าน CD เป็นหลัก จนถึงทุกวันนี้ แม้ราคาแผ่น CD ในญี่ปุ่น จะมีราคาแพงกว่า CD ของประเทศอื่นๆ เช่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เกินสองเท่าตัวก็ตาม
ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนกำหนดอุปสงค์-อุปทานแผ่น CD เพลงในตลาดญี่ปุ่นอย่างสำคัญ กลับกลายเป็น ข้อกฎหมาย
ตั้งแต่ปี 1953 เป็นต้นมา ระบบกฎหมายญี่ปุ่นได้เปิดโอกาสให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เพลง, หนังสือ และนิตยสาร สามารถกำหนดมาตรฐาน ราคาขายปลีกขั้นต่ำสุด ให้แก่สินค้าที่พวกตนผลิตขึ้น โดยที่ร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ไม่สามารถกด/ลดราคาสินค้าให้ต่ำลงกว่านั้นได้อีก
ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นส่งผลให้ผู้บริโภคต้องซื้อซีดีในราคาที่ถูกกำหนดไว้โดยผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์มานานหลายทศวรรษ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในระบบอุตสาหกรรมก็ยังต้องการขายผลิตภัณฑ์ประเภทที่เป็นวัตถุจับต้องได้ ด้วยเหตุผลว่าการคงสภาพสินค้ารูปแบบนี้เอาไว้ จะนำไปสู่การควบคุมกระบวนการผลิต, ตั้งราคา และจัดจำหน่ายที่สะดวกง่ายดายกว่า
อีกหนึ่งลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรมดนตรีญี่ปุ่น ก็คือ ธุรกิจให้เช่าแผ่น CD เพลง
แม้รูปแบบบริการประเภทนี้จะเอื้อต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ (ผู้บริโภคเช่าแผ่น CD ไป แล้วก็อบปี้เพลงทั้งหมดลงในดิสก์เปล่า) แต่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นก็ค้นพบวิธีแก้ปัญหาแบบประนีประนอมได้ตั้งแต่ยุคต้น 1980 ผ่านข้อตกลงว่าบริษัทเจ้าของร้านให้เช่าแผ่นซีดี ต้องจ่ายค่าอนุญาตให้ใช้สิทธิ์แก่ผู้ผลิตสินค้า เพื่อชดเชยส่วนแบ่งรายได้ที่พร่องหายไปจากการละเมิดลิขสิทธิ์โดยผู้บริโภค
ธุรกิจให้เช่าแผ่น CD ถือเป็นแหล่งปลูกฝังอบรมบ่มเพาะบรรดาลูกค้าชาวญี่ปุ่น ให้มีรสนิยมในการเลือกบริโภควัตถุบันทึกเสียงที่จับต้องได้ ดังจะเห็นว่าร้านเช่า CD ในญี่ปุ่น มักจัดตั้งโซนจำหน่ายแผ่น CD ออกใหม่เอาไว้ควบคู่กัน
ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดอีกชนิดหนึ่งในตลาดดนตรีญี่ปุ่น ก็คือ ซีดีซิงเกิล ที่ล้มหายตายจากไปเรียบร้อยแล้วในโลกตะวันตก (และแทบไม่เคยประสบความสำเร็จในไทย) กลับดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งบนดินแดนอาทิตย์อุทัย
กระทั่งปัจจุบัน ซีดีซิงเกิลของวงดนตรีดังๆ ในญี่ปุ่น ยังคงมียอดจำหน่ายเกินล้านแผ่น!
ยิ่งเมื่อวัฒนธรรมแฟนคลับของวงดนตรีแนวเกิร์ลแบนด์-บอยแบนด์ในญี่ปุ่นนั้นมีความเข้มข้นเป็นอย่างสูง บริษัทต้นสังกัดก็ยิ่งแสวงกลยุทธ์ในการผลิตแผ่นซีดี ลิมิเต็ด เอดิชั่น ออกมาป้อนตลาดและความต้องการของผู้บริโภค
กลยุทธ์การขายเพิ่มเติมยังถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา เช่น แฟนๆ จะสามารถลงคะแนนโหวตศิลปินคนโปรดกี่หนก็ได้ แต่ซีดีหนึ่งแผ่นมีค่าเท่ากับบัตรลงคะแนนเสียงเพียงหนึ่งใบเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ถ้าคุณอยากทุ่มคะแนนโหวตให้ไอดอล คุณก็ต้องลงทุนซื้อซีดีจำนวนมาก ถึงระดับหลักพันแผ่นหมื่นแผ่น ก็เคยมีปรากฏมาแล้ว
แม้ในท้ายสุด คนญี่ปุ่นจะต้องปรับตนเองเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ แม้ถึงที่สุด อุตสาหกรรมดนตรีในระบบดิจิตอลจะสามารถกร่อนเซาะทำลายฐานที่มั่นสุดท้ายของแผ่นซีดีลงได้สำเร็จ
แต่ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้แสดงให้เราเห็นมาตลอดว่า ประเทศนี้มักมีวิวัฒนาการอันเป็น แบบฉบับเฉพาะ ของตนเองอยู่เสมอ