. . . . เป็นประโยชน์มากนะคะ ใครอยากหน้าแบบ V-Shape ไม่พึ่งหมอ ไม่มีเหยียง และ เอวไม่มีพุงไขมันรอบเอว แบบไม่ต้องบ้าออกกำลังกายให้ตายห่า เป็นเดือนๆๆ แต่ การทำ คีโต ไม่ถึง 2อาทิตย์ หน้าที่บวมๆอ้วนไขมัน มัน ลงคะ ยังไงก็ลง ขนาดป้าแก่จะตายห่าปูนี้ ยังลงเลยขนาดไม่หักโหม แบบ ลักสูตรโกงบ้าง555 เพราะไม่ไหวคะ ร่างกายขาดน้ำตาล (เบลอๆๆมากคะ เหมือนคนโง่เลย) เพราะน้ำตาลเป็นส่วนประกอบพลัง คือ จากแป้ง กลายเป็น กลูโคส เข้าสู่เซลล์ในร่างกาย ทุกคนน่าจะเรียนมา หลักง่ายๆๆ หลายคน เสียเงินมากมาย และเสียเวลามากมาย เพื่อการ ออกกำลังกาย แต่ๆๆๆๆๆ เป็นไหมคะ มีกล้าม แต่พุงแม่งไม่ยุบ แต่ตัวหนา แบบตุ๊ดก้ามปู ตันๆๆ นั้นแหละคะ คือการออกกำลังกายที่ผิด เน้นแต่ออก จนกลายเป็นกล้ามเนื้อ แต่ไขมันมันไม่ลง แถมจะลงคือ แม่งยากกกกมาก โอเคคะ ป้าจะอธิบายให้คร่าวๆๆดังนี้นะคะ
ทนๆๆอ่านหน่อยคะ มีสาระ จะได้เข้าใจ มันคืออะไร ไม่ใช่ บ้าๆๆบอๆๆ เห่อตาม
........................................................................................................................................ เมื่อปี 2017 นักแสดงสาวคนดังอย่างฮัลลี เบอร์รี ทำให้คนฮือฮาเมื่อเธอประกาศในรายการ Live! with Kelly and Ryan ว่าเธอรักษาหุ่นให้ฟิตและแลดูดีขนาดนี้ในวัย 51 ด้วยการกินแบบคีโตเจนิก ที่ช่วยปรับระบบในร่างกายของเธอให้กลายเป็นเครื่องเบิร์นไขมันชั้นยอด และเมื่อเร็วๆ นี้ หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ เป็นอีกคนที่บอกว่าเขาลดน้ำหนักด้วยวิธีเดียวกันนี้ในรายการ นารีกระจ่าง ช่องไทยพีบีเอส ตลอดจนกลายเป็นเทรนด์ที่ถูกพูกถึงในหมู่คนทำงานในเทคฮับของโลกอย่างซิลิคอนแวลลีย์
กินคีโตเริ่มมาจากไหนละ (History of Ketogenic Diet) ประวัติของการกินแบบคีโต ตามที่บันทึกไว้ มีมานานตั้งแต่ปี 1920s แล้วล่ะ โดยช่วงนั้นแพทย์ออกแบบการกินแบบนี้เพื่อจำลองภาวะที่คนเรากำลังอดอาหาร หรือที่เรียกว่า Fasting เพื่อใช้รักษาโรคลมชักในเด็กขั้นรุนแรง ที่พยายามฆ่าตัวตาย และยารักษาโรคเอาไม่อยู่แล้ว..
ซึ่งกระบวนการที่ว่าทำไมการกินแบบคีโต หรือไขมันสูง+คาร์โบไฮเดรตต่ำ สามารถซ่อมโรคที่เกี่ยวกับสมองได้หลายอย่าง เช่น โรคลมชัก, โรคซึมเศร้า, ไบโพล่าร์, และโรคความจำเสื่อม/อัลไซเมอร์ ได้ จะพูดถึงต่อๆ ไป เกี่ยวกับเรื่องสมองและ Mitochrondriaในบทความหน้าๆ รวมถึงโรคกลุ่ม NCDs หรือโรคไม่ติดต่อยอดฮิตของคนในยุคปัจจุบันด้วย เช่นใช้รักษาโรคเบาหวานประเภทที่สอง ดังนั้น ในช่วงแรกๆ การกินแบบคีโต ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นโภชนาการสำหรับลดน้ำหนัก หรือใช้ลดไขมันส่วนเกิน.. แต่เป็นโภชนาการแบบพิเศษ ที่ใช้รักษาโรค! โดยกินสูตรอาหารที่มีสัดส่วนโภชนาการแบบ HFLC เพื่อให้เกิดภาวะคีโตซิส ภาวะคีโตซิส..................... คือภาวะที่ ร่างกายไม่มีน้ำตาลกลูโคสให้ใช้เป็นพลังงาน ร่างกายเลยสลับ ไปดึงไขมันที่สะสมอยู่ มาใช้เป็นพลังงานแทน และเกิดสารที่เรียกว่า คีโตน ขึ้นในเลือด.. โดยปกติการจะเกิดภาวะคีโตซิสได้นี่ต้องอดอาหารสัก 1224 ชม. ขึ้นไป หรือใช้วิธีการกินแบบ กินคีโต เพื่อจำลองภาวะคีโตซิสขึ้นมานั่นเอง พูดให้เข้าใจง่ายๆๆ คือ การเปลี่ยนระบบร่างกายเราที่คุ้นเคย เมื่อระบบร่างกายเรา ถูกเปลี่ยน การที่เราไม่กินแป้งและน้ำตาลเลย ระบบร่างกาย เรา จะเข้าสู่ที่เรียกว่า (กลัวตาย) ซึ่งจากเดิมที่เคยนำกลูโคส ในเลือดที่มาจากอาหาร จำพวก คาร์โบไฮเดรต เอย น้ำตาล เอย มาใช้เป็นพลังงาน ร่างกายจำต้องหา แหล่งพลังงานมาแทนที่ นั่นคือ มาจากไขมันนั่นเอง กระบวนการนี้ก่อให้เกิดสภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่า คีโตสิส (Ketosis) ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า คีโตน (Ketone) ในตับ ซึ่งนำมาใช้เป็นพลังงาน
ต้องกินอย่างไร
หากคุณอยากเริ่มต้นการกินแบบคีโตเจนิก สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำมากๆ นั่นหมายความว่าเราสามารถเน้นรับประทานอาหารเหล่านี้แทนที่ข้าวแกงร้านป้า หรือข้าวกะเพราไก่สุดอร่อย ไขมันและน้ำมัน ข่าวดีของคนชอบกินมัน เพราะการกินคีโตอนุโลมให้กินจนปากมันแผล็บเป็นหลัก แต่ต้องเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสัตว์ โดยพยายามกินไขมันต่างชนิดควบคู่กันไป เช่น ไขมันจากเนื้อสัตว์ จากพืช อาหารจำพวกถั่ว เป็นต้น และรับประทานอาหารทอดได้หากไม่ได้ชุบแป้งทอด และคุณรู้ว่าสิ่งนั้นทอดด้วยน้ำมันที่ดีต่อร่างกาย ดังนั้นการกินนี้ไฟเขียวให้กับเนื้อติดมัน อะโวคาโด เนย ชีส น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก (*สวัสดีหมูสามชั้น
ฮัลโหลกากหมู!) โปรตีน เน้นเนื้อสัตว์ออร์แกนิก ซึ่งโดยมากเนื้อสัตว์มักไม่มีการใส่สารให้ความหวานเพิ่ม (งดความหวานหมู หมูหวานไปก่อนนะ) ดังนั้นเราสามารถเลือกกินเนื้อสัตว์และไข่ได้ แต่ในปริมาณที่เหมาะสม ทีนี้คุณสามารถเดินเข้าร้านสเต๊กได้อย่างสบายใจ แต่อย่าได้แตะเฟรนช์ฟรายส์เสียก่อนล่ะ
พืชผัก เน้นการกินผักที่โตบนดิน โดยเฉพาะจำพวกผักใบเขียว ดังนั้นเลี่ยงจำพวกเผือกมันไว้ก่อน แม้เราจะรู้ว่าคุณโหยเผือกทอดมากเพียงใดก็ตาม
อาหารจากนม สามารถรับประทานอาหารที่ทำจากนม (แต่ควรเลี่ยงนม) โดยเน้นจำพวกที่ไม่พร่องมันเนย ดังนั้นเราสามารถสั่งกาแฟใส่ครีมแท้ (ครีมจริงๆ ที่ไม่ใช่คอฟฟีเมตนะ) หรือหม่ำชีสอย่างพาร์เมซานกับสลัดจานโตจนอิ่มหนำได้อย่างไม่รู้สึกผิด แต่ที่ว่ามานี้ไม่รวมชีสเค้ก ชานมไข่มุก ชาเย็น หรืออะแฮ่ม
ชากุหลาบยอดฮิตหรอกนะ ถั่วและธัญพืช สามารถรับประทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ และยิ่งอร่อยเด็ดเมื่อใส่เข้าไปในครีมหรือสลัดราดน้ำมันมะกอกและเบคอน แนะให้เน้นถั่วจำพวกที่ความหวานมันอย่างแมคคาเดเมีย หรืออัลมอนด์ ทั้งมัน ทั้งอร่อย #มันดีจริงๆ เครื่องดื่ม โบกมือลาแอลกอฮอล์แก้วโปรดไปเสียก่อนหากคุณต้องการลดน้ำหนัก แล้วหันมาดื่มน้ำเปล่าเป็นดีที่สุด สามารถเป็นน้ำมะนาว (ที่ไม่ใส่น้ำตาล) หรือน้ำโซดาเปล่าๆ ที่ไม่มีความหวานใดๆ ส่วนใครที่โหยหาความหวาน สามารถใช้หญ้าหวาน หรือความหวานจากสตีเวีย (Stevia) แทนได้ ....................................................................................................................... (คำเตือน ผลที่ตามมาจากการทำ คีโต ในระยะช่วงแรก)
2 ถึง3วัน แรก ที่เราคุมอย่างดี แน่นอน ร่างกายเรากำลังปรับตัว ดังนั้น ระบบร่างกายเราจะโหยหา น้ำตาล มากกกกกกกกกกกกกกกก จนทำให้บางทีเรา เบลอๆๆ หรือ เรียกว่า โง่ๆๆ ไปซักพัก เพราะโครงสร้างระบบที่เราเคยชิน กำลังจะถูกเปลี่ยน ดังนั้น ช่วงเวลานี้ คือ (การวัดใจ) ต้องผ่านไปให้ได้ แต่เดี้ยนไม่ไหวคะ เลยใช้หลักสูตรคือ
ช่วงที่ อยากกินน้ำตาลมากกก ให้เปลี่ยน เป็นการ ชิมคะ ............ไม่ใช่การกิน ก็คือ ซื้อไอศครีม มา1ถวยคะ กิน1ช้อนชาเล็กๆ (พอกินแล้ว เหมือนร่างกายเรา ได้รับน้ำตาล เราจากที่เบลอๆๆโง่ๆๆ จะรู้สึก กะปรี้กะเปร่า แบบทันที ++++ สมองโล่ง (แต่อย่าหลงนะคะ เพราะเหมือนใจเรามันจะต่อต้าน วัดใจตัวเอง ดังนั้น อย่าตะบะแตก ไปแดกจนหมดถ้วย คือกิน 1ช้อนชา เล็กๆๆ (แล้วอัดน้ำตามเยอะๆๆ ให้น้ำ ไปละลายน้ำตาลคะ เราจะได้รับ น้ำตาลที่ไม่มาก แบบถูกชะล้างไป) ทำแบบนี้คะ กินแค่3ช้อน (อัดน้ำเปล่าตามเยอะๆ) คืออิ่มคะ (เหมือนเป็นการ หลอกว่า กูอิ่มแล้ว) คือ อิ่มน้ำคะ ยังดีกว่า อิ่มน้ำ ที่มาจากไอศครีมล้วนๆๆ ปริมาณที่สูงเลยนะคะ แล้วก็กลับมาทำเหมือนเดิม เอาที่เดี้ยน ทำนะคะ ไม่แคร่งครัด ง่ายๆๆ แต่เปลี่ยนสันดานเดิมที่ แดกชิบหายวายวอด
1. ตื่นเช้ามา (แดกน้ำตามคะ) หรือ แดก น้ำมะนาว เพื่อร้างสารพิษในร่างกาย 2. แดก ใข่ต้ม 1ลูก (หรือ ใข่ดาวก็ได้ 1ฟอง) อย่าใส่ซอสมาก เพราะซอฟมันมีน้ำตาลผสมอยู่ ใส่ได้ แต่อยากที่บอก (กินปุ๊ป แดกน้ำตาม อัดไปเลยคะ เพื่อสลาย) แดก ข้าวเช้าได้คะ แต่ ข้าวต้อง 15 % (เดี้ยนโกงสูตรคะ แต่ เดี้ยนต้องการสารอาหาร เพราะ คาร์โบ ยังไงกว่าที่มันจะเป็น กลูโคส มันใช้เวลานานกว่า การแดกน้ำตาลเพียวๆๆ (อันนี้รับเต็มๆๆคะ การกินน้ำตาล มันทำให้อร่อย แต่พออร่อย จะหิวอีก แดกไม่หยุด) ผัก เบคอน1ชิ้น บลาๆๆๆ ให้มีพลังงาน 3. มื้อ กลางวัน ซื้อเซเว่นคะ (อกไก่พริกไทยดำ) ไม่มีหนัง ขายดีมากคะ เพราะคนซื้อแดกใช้ลดน้ำหนัก อร่อยด้วยคะ สลับไปแต่ละวัน แดกปลาทูน่า(ในน้ำแร่) 35บาทเอง อิ่มคะ ตอนแรกนึกว่าไปอิ่ม อักใข่ต้มไปอีก1ลูก อิ่มคะ ตามด้วย ฝรั่งเลยคะ (ผลไม้แนะนำ แดกได้อย่างเดียว ที่มีน้ำตาลน้อย คือ ฝรั่ง แต่สรรพคุณล้านแปด มิตามินสูงกว่าน้ำส้ม เพราะฝรั่ง วิตามันซี สูงถึง ถึง 160 มิลลิกรัม มากกว่าส้มอีก (ผลไม้หวาน งดแดกทุกชนิด) จบแล้วคะมื้อเที่ยง 4. เย็น กินปลา ผักมากๆๆ งดข้าว เพราะช่วงเย็นร่างกายเราต้องมีเวลาเผาผลาญน้อยกว่า เช้า และเที่ยง งดข้าวคะ หรือ กิน เกี้ยวน้ำก็ได้เ ผสมๆๆ (ไม่หวาน)
ย้ำนะคะ ช่วงที่ทำ กินได้หมดแหละ ไขมันที่กินก็ควรเป็นไขมันที่เป็นประโยชน์ ปลาเซลม่อน ถั่วอัลมอนด์ น้ำเต้าหู้ไม่ใช่น้ำตาล บลาๆๆๆ ถ้ากินอะไรที่รู้สึกว่า หวาน (นั้นให้ตบน้ำเปล่าอัดตามไปทันทีคะ สูตรเดี้ยน) ทำแบบนี้ไป1 อาทิตย์คะ ลดคะอีดอก ลดแน่ๆๆ ถ้าอาทิตย์ที่2 (ถ่ายรูปตั้งแต่วันแรกไว้เลย เก็บไว้ แล้วมาเทียบคะ) ลดทันตา หน้าV-Shape ออกแล้วคะ
ส่วน อีค่ะรีบน ที่บอกว่า (ผอมแบบคีโต) อีโง่ หล่อน ไม่ได้ศึกษามา คือ เราไม่ได้งดอาหารนะคะ แดกเหมือนเดิมเลย แต่ แดกแบบมีสติคุมอาหาร แล้วแดกแต่ไขมันดีเท่านั้น ผัก ผลไม้ ครบ กินให้ครบ5หมู สลับไปเลย ปลา หมู ไก่ ได้หมด ออกกำลังกายบ้าง เดิน วิ่งได้หมด ยิ่งเร็ว เสริมกล้ามเนื้อ ไม่ได้งดอาหารคะอีง้าว เราต้องกินให้มีค่า คำนวณการเผาผลาญพลังงาน Basal Metabolic Rate (BMR) เท่ากับร่างกายเราต้องได้รับในแต่ละวัน ใครอยากรู้ค่าคำนวญ กดเว็ปนี้ คำนวญเลยคะ เราต้องแดกวันนึงเท่าไหร่ให้มีค่ามีแรง https://www.fatnever.com/bmr/ ส่วนแดกอะไรบ้าง ไปโหลดแอพชื่อว่า (ตารางแคลอรี่) ใน android หรือ ios ได้ง่ายมีนบอกหมด ง่าย อยากกินอะไรกดดูคำนวญค่าเอง มีกี่เคล
|