เรื่องนี้เห็นควยด้วยค่ะ

เธอคะ เขาเจริญมานานแล้ว สมัยเรายังไม่มีหนังสือในประเทศ บ้านเขาพิมพ์หนังสือด้วยระบบคอมพิวเตอร์แล้วนะคะ

แต่ความเจริญทางวัตถุไม่ได้บ่งชี้ว่าจิตใจจะสูงกว่านะคะ

ทุกวันนี้อเมริกาเจริญมากแล้วไงรู้ไหมคะ เอาปืนมาไล่ยิงคนตายเป็นว่าเล่น นี่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเจริญทางวัตถุเร็วและดีกว่า จะทำให้คนสงบสุขและมีคุณภาพชีวิตดีตาม

มันต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน

ใช่ค่ะ

.

.

.

.

ไปค้นมาให้ดูกัน ที่อเมริกาเขานิยมเรียกกันว่า health club ชื่ออื่น ๆ ก็มีเช่น fitness club, fitness center, health spa หรือ gym เฉย ๆ ซึ่งเริ่มแรกมีขึ้นที่ปารีสเรียก public gymnasium ปี 1847 ไปมีที่อเมริกาในรูปแบบตล้าย ๆ กันปี 1936

เทียบดูแล้วกันระหว่างสินค่าเกษตรที่ผลิตกันได้ทั่วโลกกับสินค้าอย่างพวก แร่เหล็ก แร่ทองคำ ฯลฯ อะไรมันขายได้ราคาดีกว่ากัน

ยิ่งนางทันยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมระรอกแรกๆด้วยแล้ว ยุคนี้แหล่ะ ที่ทำให้ตะวันตกทิ้งห่างเอเชียไปหลายช่วงตัว ประเทศเดียวในเอเชียที่ทันยุคนั้นคือญี่ปุ่นค่ะแต่ก็ตามมาช่วงท้ายๆแล้ว.

ลุงแซมเจริญมานานแล้ว ตึกนิวยอร์คเป็นร้อยปี ขณะบ้านเรายังอยู่เรือนแพ
หมอปลัดเลนำการพิมพ์และผ่าตัดเข้ามาสมัยร.3-ร.4 ก็มาจากเมกา
แต่คนผิวขาวอพยพมาจากอังกฤษและยุโรปเพราะโดนนิกายตรงข้ามเนรเทศ ไม่แปลกที่เขาเจริญเร็ว ถ้าเป็นฝีมือคนอินเดียนแดงค่อยน่าทึ่งหน่อย

สมัยปฎิวัติ​เมจิ รู้จักป่ะ

ญี่ปุ่นยกระดับอุตสาหกรรม​ในประเทศก่อนหลายประเทศในยุโรปซะอีก ก่อนพวกสแกนดิเนเวีย ก่อนฝรั่งเศสด้วยซ้ำ

ไปศึกษามาใหม่นะจ๊ะรีบน

อันนี้ขอแก้นิดนึง ที่บอกว่าในเอเชียมีญี่ปุ่นทันยุคปฎิวัติ​อุตสาหกรรม​ประเทศเดียวอ่ะใช่ แต่นางไม่ได้มาช่วงท้ายๆจ้าาา อันที่จริงญี่ปุ่นนางปฎิวัติอุตสาหกรรมในประเทศก่อนหลายๆประเทศในยุโรปอย่าง ฝรั่งเศส​ ​ด้วยซ้ำ ไม่งั้นญี่ปุ่นนางไม่สามารถยิ่งใหญ่เกรียงไกลเป็นมหาอำนาจทัน ตอนสงครามโลกครั้งที่สองได้หรอก

เรียงลำดับการปฎิวัติ​อุตสาหกรรม​

อังกฤษ นำมาก่อนใคร ช่วง ค.ศ. 1770

เยอรมันนี​ ตามมาทีหลัง ช่วง ค.ศ. 1850

ญี่ปุ่น ตามมาติดๆ ช่วง ค.ศ. 1868 สมัยฟื้นฟูเมจิ หรือที่โลกเรียกว่า Meiji Restoration เป็นการปฎิบัติ​อุตสาหกรรมภายในประเทศครั้งใหญ่ ที่เปลี่ยนญี่ปุ่นไปตลอดการ

กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ประมาณช่วง ค.ศ. 1860-1910

ส่วนประเทศมหาอำนาจในยุโรป อย่างฝรั่งเศส เอาจริงเพิ่งจะมาปฎิบัติ​อุตสาหกรรม เอาช่วง 1945-1975 แต่ก็ตามประเทศยุโรปอื่นๆทันแหละ

https://youtu.be/4bhdsevxnQ8

ลองเข้าไปดูสารคดีสองชุดนี้ได้ยุคนั้นเค้าไปไกลขนาดไหนแล้ว

มาเสริมข้อมูลเรื่องการปฎิวัติอุตสาหกรรม ที่จริงมันมีสอนในม.ต้นมั้ง คงลืมกันไปแล้ว โรงเรียนไม่ได้เน้นเรื่องนี้มากเท่าไรทั้งๆที่มันสำคัญสุดๆ แสดงให้เราเห็นว่า การคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆ ออกนอกกรอบ อะไรที่ยังไม่มีใครทำอย่างจริงจัง มันสำคัญต่อประเทศชาติมากแค่ใหน มันอาจพลิกประเทศนั้นไปเลยก็ได้

การปฎิวัติอุตสาหกรรมเริ่มที่อังกฤษก่อนค่ะมันทำให้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ส่งให้อังกฤษกลายเป็นจุดศูนย์กลางของโลกอย่างเต็มตัว ถีบคู่แข่งอย่างฝรั่งตอนนั้นออกไปไกลกว่าฝรั่งเศศจะตั้งตัวได้ก็เกือบสายไปแล้ว โรงงานผุดขึ้นทั่วเกาะอังกฤษ ฝุ่นควันจากการเผาถ่านหินคลุ้งไปทั่ว มลพิษควันอากาศเลวร้ายยิ่งกว่าจีนช่วงแย่ๆอีก แต่ไม่มีช่วงนั้นอังกฤษก็อาจไม่มีวันนี้ จีนก็เหมือนกัน ไม่มีโรงงานก็ ไม่มีงานให้คนจีนทำ ไม่มีงานก็ไม่มีเงินไปต่อยอดทำอย่างอื่น รัฐบาลจีนก็ยอมแล้วค่อยไปตามแก้ปัญหาไป

หลังจากที่อังกฤษเริ่มการปฎิวัติ อเมริกาไหวตัวทันก็เริ่มตามมาติดๆ ส่งให้ประเทศเกิดใหม่สามารถชูคอเข้ามาตีเสมอกับยุโรปและแซงไปได้ในที่สุด ส่วนยุโรปภาคพื้นดิน ไม่ใช่เยอรมันหรือฝรั่งเศสเริ่มเป็นที่แรก มันคือแควนวัลลูนค่ะเริ่มเร็วมากไม่กี่ปีหลังอังกฤษ

ขอเล่าเรื่องเบลเยี่ยมให้ฟังก่อน

ในยุโรปประเทศอื่นๆเกือบทั้งหมดจะมีชนชาติเป็นชื่อประเทศตัวเอง มีแต่เบลเยี่ยมนี่แหล่ะ ประเทศนางเป็นลูกครึ่ง หลักๆเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส กับ ดัชท์ นอกนั้นก็เยอรมันบ้างประปราย ประเทศแบ่งเป็นสองแค้วนใหญ่ๆคือวัลโลเนียอยู่ติดกับฝรั่งเศศและฟลามอยู่ติดกับฮอลแลนด์ รวมกันเป็นประเทศเอกราชด้วยการมีกษัตริย์เป็นของตัวเอง

ประเทศแรกที่ในยุโรปภาคพื้นดินที่เริ่มทำการกฎวัติอุตสาหกรรมไม่ใช่เยอรมันหรือฝรั่งเศศ แต่คือแค้วนวัลโลเนียเนียของเบลเยียมค่ะ ยุคนั้นโรงงานหนักเกิดขึ้นมากมาย แค้วนนี้ร่ำรวยโดดขึ้นมาเพราะมีวัตุดิบอย่างเหล็กกล้าในการทำอุตสาหกรรม ส่วนพวกฟลามยังค้าขายทั่วไปอยู่และยากจนกว่าวัลลูนอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเทรนของโลกเปลี่ยนไป ที่ใหนก็มีโรงงาน โรงงานสามารถสร้างได้ที่ประเทศที่ค่าแรงถูกเพื่อลดต้นทุนส่งให้เจ้าของกิจการร่ำรวยนำเงินเข้าประเทศต้นทาง

เทรนด์เปลี่ยนมาเป็นด้านการเงิน logistic ซึ่งอังกฤษสามารถปรับตัวได้ โรงงานย้ายออกจากอังกฤษเกือบหมดเปลี่ยนมาเป็นธนาคารแทน ทุกวันนี้ลอนดอนคือหนึ่งในศูนย์กลางการเงินของโลก ย้อนกลับมาที่เบลเยียมแควนวัลลูนยากจนลงงานอุตสากรรมที่ถนัดไม่มีให้ทำ ขณะที่ฟลามเจริญขึ้นมาแทนที่ นางค้าขายเก่งมีท่าเรือเป็นศูนยก์กลางการเงินที่สำคัญของประเทศเป็นของพวกฟลามทั้งนั้น ประเทศนี้เลยมีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำเพราะนอกเหนือจากเรื่องเชื้อชาติและภาษาที่ต่างกันคนละขั้วแล้ว เรื่องรายได้ก็เป็นอีกเรื่องให้ต้องน้อยเนื้อต่ำใจจนอยากจะแยกประเทศให้มันรู้แล้วรู้แรด

เห็นใหมว่าการปฎิวัติมีมาเป็นระรอกๆ การปฏิวัติอุตสาหกรรมมันหมดยุคไปนานแล้ว แน่นอนว่าไทยไม่ทัน การปฏิวัติอื่นๆก็ตามมาอย่าง Digital ผ่านไปแล้ว ยุคนี้คือ Robot ซึ่งเราก็ไม่ทัน

เรื่องง่ายๆอย่างการเลิกใช้เงินธนบัติที่ทำให้ประเทศประหยัดงบประมาณค่าพิมพ์แบงค์ได้หลายพันล้านต่อปี แถบ scandinevia เริ่มทำและประสบความสำเร็จมาหลายสิบปีแล้วสามารถเก็บเงินเข้าคลังระยะเวลากว่า 10-20 ปีที่ผ่านมาหลายพันล้าน ไม่รวมอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เราเพิ่งจะไหวตัวจากการที่เห็นจีนทำเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ละประเทศมันก็แตกต่างกันตรงนี้ เราอาจจะมีอะไรหลายอย่างเหมือนกับที่ประเทศพัฒนาแล้วมี แต่เราเป็นผู้ตามซะส่วนใหญ่ เรื่องบางเรื่องที่ง่ายๆในยุโรปที่เป็น common sense แต่สำหรับคนไทยมันเป็นอะไรที่ยากพอสมควรเลยค่ะ

ปล. คาดการณ์ด้วยยุคต่อไปจะเป็นอะไรจะทำให้ประเทศที่ทำก่อนก้าวกระโดด ผิดถูกไม่ว่ากัน วิเคราะห์เล่นความเห็นส่วนตัว ขอบคุณครับ รออ่านรออ่าน

แต่มันยัสเริศไม่พอ มันถึงเวลาที่เราจะขุดคลองได้ค่ะ
อย่างน้อยก็ควรทำประชาวิจารย์ แน่นอนมันจะมีผลด้านสิงแวดล้อม มันราคาที่เราต้องแลกเมื่อคิดจะทำการใหญ่ ถ้าทำแบบเดิมๆผลลัพธ์มันก็ได้แบบเดิม

คลองจะเป็นตัวดูดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าประเทศค่ะ ทั้งค่าผ่านทาง สัมปทาน การจ้างงาน คือเริซ
นนน. ซักวันมันก็จะเลิกมากันค่ะ เพราะข้าวของแพงขึ้นมันก็หาที่ใหม่เที่ยว แต่ท่าเรือเราจะได้เงินตลอดนะคะ

เชิญอภิปราย กระทู้สร้างสรรค์ครับ อย่าด่ากัน

สิงค์โปร์กับฮ่องกงไม่ ไม่ได้ค่าผ่านทาง แต่พวกนางมีท่าเรือที่ดีทำเลที่ดีทำให้เรือจอดนางได้ค่าเทียบเรือและค่าโอกาสที่มารับเรือสินค้า นางสามารถจัดการโอกาสตรงนั้นและเปลี่ยนเป็นรายได้กระจายไปให้ประชากรของนางได้
เราสู้ไม่ได้เพราะท่าเรือเราไม่ได้ดีแบบนั้น ทำเลเราถือว่าดี แต่เราก็สู้สิงค์โปร์ไม่ได้เพราะสิงค์โปร์ก็ทำเลดีเหมือนกันจะสู้ได้เราต้องมีท่าเรือที่ดีกว่า และทำเลที่ดีกว่า ถ้าเรามีคลองต่อให้ท่าเรือเราสู้ไม่ได้แต่ทำเลเราดีกว่าแน่นอน เรือจะเทียบเราก็ได้เงิน เรือจะผ่านคลอง เราก็ได้เงินอีก omg อะไรจะดีไปกว่านี้อีกคะ
ปานามากับอียิปห์ สองประเทศที่คนชอบยกมาพูด แต่กลับไม่ได้บอกลงลึกไปในรายละเอียดเรื่องประวัติศาสตร์
ปานามาไม่ได้เป็นประเทศเอกราชมาแต่ต้นแต่เป็นรัฐในอารักขาของอเมริกา คลองก็เป็นของอเมริกาไม่ใช่ของรัฐบาลปานามา อเมริกาเสียเงินค่าขุดเองและอเมริกาก็เก็บผลประโยชน์จากคลองเอง รัฐบาลปานามาเพิ่งได้คลองกลับมาอยู่ในความดูแลไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ปานามาได้มาตลอดก็คือการที่เรือผ่านมากขึ้น จากประเทศขนาดเล็กที่ไม่มีอะไรเลยแยกตัวมาจากโคลอมเบีย หลายประเทศพยายามแทบตายให้คนผ่านเข้ามาแต่ปานามาไม่ต้องทำอะไรเลยมันอยู่ที่คนปานามาเองว่าจะหาประโยชน์จากคลองที่อเมริกาขุดไว้ให้อย่างไง

อิยิปห์ก็เหมือนกัน คลองสุเอซขุดโดยฝรั่งเศสรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมดก็เป็นของฝรั่งเศศ หลังจากนั้นก็ถูกอังกฤษยึด รัฐบาลอิยิปห์เพิ่งจะมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากคลองช่วงหลังๆนี่เอง

ทั้งสองประเทศมีปัญหาด้านการประชากร และการเมืองเป็นหลัก สินค้าส่งออกสำคัญที่นำเงินเข้าประเทศมีไม่กี่ทาง ต่างกับบ้านเรา
เรามีรายได้มหาศาลจากการส่งออก การท่องเที่ยว การใช้จ่ายในประเทศที่เราก็เก็บภาษีได้มาก แต่มันก็ยังไม่พอต่อการจัดสรรค์งบประมาณที่เป็นได้ด้วยความยากลำบาก เเรามีปชก 70 ล้านคน เวลาจะสร้างอะไรทีต้องรอจัดสรรค์งบประมาณแต่ละรอบ ต้องแบ่งไว้ใช้หนี้สมัย IMF เก็บเงินเข้าธนาคารโลก ซื้อทองเพื่อเป็นหลักประกันค่าเงินบาท ซื้ออาวุธไว้ป้องกันประเทศ เวลาเราจะสร้างอะไรที ถ้าต้องการความรวดเร็ว เราก็เลือกที่จะกู้เงินที่หามาได้ก็ใช้หนี้วนไป เวลาประมูลงาน เราก็ดูที่ราคาเป็นหลักฟังค์ชั่นเป็นรอง เงินเป็นตัวฉุดรั้งวิสัยทัศน์อย่างหนึ่ง
ลองจินตนาการว่า เรามีแหล่งเงินทุนจากภายนอกไหลเข้ามา อย่างตอนที่ก่อนฟองสบู่แตก เงินที่ทุนที่เป็นจุดเปลี่ยนให้ เกาหลีใต้ สิงค์โปร์ ใต้หวัน กลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วมาถึงตอนนี้
การสร้างคลองมันจะทำให้เกิดการสร้างงาน มีเมืองใหม่เกิดขึ้น มีอู่ต่อเรือ รัฐสามารถเอาเงินรายได้ตรงนี้ไปอุดหนุนภาษียังได้เลย ถ้าไม่มีแรงดึงดูดที่ดีพอเงินทุนมันก็ไม่ไหลเข้ามา
มาเลย์นางแทบไม่มีดีอะไรกว่าไทยเลย แต่ปชกนางน้อย นางใช้น้ำมันน้อยกว่าที่ผลิตได้นางก็เอาเงินกำไรจากน้ำมันที่ขายได้มาอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศให้คนมีเงินเหลือใช้มากขึ้น เอาไปจับจ่ายสินค้าพัฒนาประเทศได้มากขึ้น แต่ไทยไม่มีแหล่งพลังงานแบบนั้น ทุกวันนี้เงินที่หาได้ก็เอาไปซื้อไฟฟ้าเพื่อนบ้านมาใช้หมด เงินก็ต้องเก็บครั้งคลังเอาไปฝากธนาคารเพราะเราเสียเครดิทไปเยอะจากการล้มครั้งก่อน
ถ้าคลองจะเป็นเงินทุนตรงนี้ให้เราหล่ะ มันจะดีแค่ใหน คิดดู

ย้อนกลับมาที่ไทยสมัยนั้นรัชกาลที่ 6 เอง ชาวบ้านยังถีบสามล้อ พายเรือกันอยู่มั้ง ในขณะที่ อเมริกานั้นตามรูป

คิดว่าเราตามอยู่กี่ปีละคะ