ถ้าทำเพื่อประชดชีวิต หรือคิดว่ามันจะทำให้ตัวเองลืมความเจ็บปวด อย่าทำนะคะเพราะจะยิ่งสร้างความทุกข์ให้กับตัวเองและยังลากเอาคนอื่นมาทุกข์ด้วยนะคะ
อย่าสร้างบาปต่อตัวเองและสร้างบาปต่อคนอื่น เรื่องนี้ต้องพึงระวังและใช้สตินำทางชีวิตค่ะ
ถ้าทำตัวดี คิดดี พูดดี ทำดี เป็นหลักที่พระพุทธเจ้าสอนเสมอ จะทำให้เกิดกุศลธรรม นำพาชีวิตไปในทางสว่างและสุขสดใส และอาจจะดึงดูดคู่ที่เป็นคู่บุญต่อเรามาจริงๆ
การหาคู่ จะต้องเน้นหลักมองหาคนที่เป็นคู่บุญต่อเรา ไม่ใช่เน้นคนที่เป็นแค่คู่นอนหรือมีเซ็กส์ด้วยกันเร้าใจเท่านั้น เช่นนี้อาจจะทำให้เราไม่ได้มีโอกาสมีความสุขที่แท้จริง
แต่จะเริ่มต้นยังไง ให้เริ่มจากการฝึกให้ตัวเองมีศีลพื้นฐานและมีชีวิตที่มั่นคงต่อทางกุศลธรรม แล้วพลังบุญและกุศลกรรมที่สร้าง (กรรมดี) จะพาให้ไปเจอคนที่ดีๆ ได้เอง
คนที่จะเป็นคู่บุญของเรานั้น มักจะเป็นคน ๆ ที่มีศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญา (ที่ดี) ใกล้ ๆ เคียงกัน นี่คือพื้นฐานของการครองคู่แบบที่พระพุทธเจ้าท่านแนะนำค่ะ
หลักของการครองคู่กันให้ไปจนบั้นปลายหรือแม้ว่าเขาตายจากเราไป แต่ก็จะตราตรึงแบบไม่เจ็บปวดมาก คู่การอยู่กันแบบคู่บุญ หมั่นชวนกันทำบุญกุศลด้วยกัน
และพากันคิดและทำในทางกุศลธรรม พากันไปในทางสว่าง ไม่ใช่ทางมืดค่ะ ไม่เช่นนั้นก็จะกอดคอกันลงเหว ลงนรกไปด้วยกัน ไม่มีคู่ไหนที่อยู่ในทางมืดได้นานค่ะ เชื่อได้เลย
การที่ผิดหวัง จากคนเก่า ไม่ใช่ว่าเป็นหนทางสิ้นสุดความรัก แต่เป็นหนทางให้เราได้ทบทวนและเริ่มต้นใหม่ที่จะทำสิ่งดี ๆ ใหม่ ๆ ให้ตัวเอง
ถ้าเขาทำไม่ดีไว้เช่นไร เรายิ่งต้องทำให้ดีตรงกันข้ามกับเขาเช่นนั้น เช่น เขาปากร้ายมาก ด่าคนเก่ง เราก็ต้องพูดจาให้ดี ให้ตรงกันข้าม
ถ้าเขาเจ้าชู้สำส่อน เราก็จะต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนจริงใจและซื่อสัตย์ต่อความรัก
การรักษาศีลมีธรรมะในใจ และทำตัวเองให้ดี เป็นคนที่มั่นคงจริงใจ ก็จะทำให้เราเป็นคนที่น่าคบหา และอย่างน้อยเราก็เป็นคนหนึ่งในโลกที่จริงใจจริง ๆ (แม้จะเป็นคนเดียวก็ตาม)
เราก็จะได้ไม่ต้องไปถามหาว่ามีใครอีกไหมในโลกที่จริงใจ ก็เรานี่ไงที่จริงใจคนหนึ่ง แม้จะเป็นเกย์ก็ตามนะคะ
เมื่อเรามีศีลและธรรมะในใจที่ฝึกตนให้มีสติ ปัญญา และรู้เท่าทันกิเลสในใจตัวเอง ไม่หลงไปในทางเสื่อม ทางมืด ที่จะล่อให้เราไปทำเรื่องไม่ดี เราก็จะอบอุ่นใจค่ะ
การอบอุ่นใจแม้อยู่คนเดียวก็จะอบอุ่นใจ ไม่อยากดิ้นรนไปหาสิ่งไม่ดีหรือคนไม่ดีเข้ามาในชีวิตอีก แต่หากมีบุญร่วมกันจริง ๆ จะมีคนที่เป็นคู่บุญโคจรมาหาเราแน่ ๆ ค่ะ
ขอให้ศรัทธาและมีความเชื่อและจริงใจ ปฏิบัติและฝึกทำให้ได้ จะรู้ได้ด้วยตัวเองค่ะ กรรมดี (บุญ) หรือ กรรมชั่ว (บาป) ที่เราก่อไว้ จะมีผลต่อการดึงดูดคนมาหาเราค่ะ
ถ้าเราทำกรรมดำ หรือกรรมไม่ดี (ด้านบาป) ไว้เยอะ ก็จะดึงเอาคนไม่ดีเข้ามาหาเราได้ง่าย หรือทำให้เราจิตใจไขว้เขวไปอยู่กับทางเสื่อม ทางอกุศลธรรมต่าง ๆ ได้ง่าย
แต่ถ้เราทำกรรมขาว เริ่มตั้งแต่คิดดี (มโนกรรมที่ดี) พูดดี (วจีกรรมที่ดี) และทำสิ่งดี ๆ (กายกรรม) ต่อตัวเองและคนอื่น ๆ ทั้งเพื่อนและคนรอบข้าง โดยเฉพาะพ่อแม่
จะทำให้เกิดแรงกุศลดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามา
ก่อนเราจะทำดีกับใคร เราต้องทำดีกับพ่อแม่ให้ดีมากพอก่อนนะคะ เพราะท่านคือบุพการีที่เลี้ยงดูและให้กำเนิดเรามา แม้ท่านอาจจะเคยดุด่าว่าบ้าง
แต่หากเราเข้าใจในมุมมองการใช้ชีวิตของแต่ละคนว่ามีบุญกรรมมาต่างกัน เราก็จะยอมรับว่าเราไม่ต้องไปหวังให้พ่อแม่เข้าใจเราทุกเรื่อง แต่เราควรตอบแทนพระคุณท่านให้ดีที่สุด
การให้พาพ่อแม่ไปทำบุญหรือคุยธรรมะกันได้ ก็เป็นบุญกุศลระดับสูงเช่นกัน ก็ชวนท่านไปทำบุญ หรือคุยเรื่องธรรมที่เป็นประโยชน์ได้ ก็จะทำให้เราได้บุญกุศล
แรงบุญจากการทำดีกับพ่อแม่มากพอจะทำให้เราไปเจอคนที่ดี ไม่ว่าจะเพื่อนที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ดี คนแปลกหน้าที่ดี และอาจจะรวมถึงคู่ชีวิตที่ดีด้วยค่ะ
น้อยคนมากที่จะเข้าใจตรงนี้ เพราะเรามักจะคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวและมักลืมนึกถึงผลกระทบของการกระทำเราว่าจะมีผลต่อคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัวเราด้วย
เมื่อเราดีมากพอ คือดีในแง่คุณภาพ (ไม่ใช่ปริมาณ) มันจะเหมือนมีแรงผลักให้เราออกห่างจากคนไม่ดี และไม่คิดเสียใจเลยที่แยกออกมาจากคนไม่ดีได้
เหมือนน้ำกับน้ำมันค่ะ จะเข้ากันไม่ได้ คนศีลด่างพร้อย ศีลต่ำ จะไม่มีโอกาสมาใกล้เรา หรือหากเราเจอ เราก็จะไม่อยากยุ่งด้วย เพราะเราจะรู้สึกไม่อบอุ่นทางใจ
ต่อให้เราอยู่คนเดียว เมื่อเรามีศีลมีธรรมที่ดี เราก็จะเป็นสุขและไม่อยากไปก่อความเดือดร้อนให้ใครและตัวเราเอง เราก็จะอิ่มอกอิ่มใจ
ยิ่งหมั่นทำบุญ เสียสละทรัพย์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ไม่ว่าจะทำบุญกับพระ กับวัด หรือกับผู้ด้อยโอกาสต่าง ๆ ในสังคม (ตามศรัทธาหรืออัตภาพ)
หรืออาจจะใช้แรงกาย แรงใจช่วยคนอื่น เราก็จะได้บุญ เป็นการฝึกตนอย่างหนึ่งค่ะ เพื่อเสียสละตัวเองต่อการทำอะไรสักอย่างเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน
เมื่อฝึกทำประจำ เราจะรู้สึกเหมือนเสียสละสิ่งที่เป็นอะไรเห็นแก่ตัวออกจากในใจเราได้ และจะรู้สึกภูมิใจและมีความรักต่อตัวเองว่าเราก็เป็นคนที่มีคุณค่าคนหนึ่ง
เมื่อพัฒนาต่อไปได้ ก็ค่อย ๆ ฝึกมาทำกุศลธรรมระดับสูงขึ้น เช่น การฝึกสมาธิ การสวดมนต์ภาวนา (จริง ๆ สวดมนต์ทุกวันก็เป็นการฝึกสมาธิ ช่วยการเรียนและสุขภาพได้นะคะ)
เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ค่ะ เมื่อคุณฝึกทำไปเรื่อย ๆ คุณจะรู้สึกภูมิใจและรักตัวเอง และจะไม่ดิ้นรนไปอยากมีความรักที่ไม่คู่ควรกับคุณค่ะ
ถึงเวลาที่เหมาะสม กรรมดีจะพาคนดี ๆ มาเจอคุณเอง หรืออาจจะไม่เจอใคร แต่คุณก็จะไม่อยากไปต่อว่าใครหรือทำร้ายใคร
และจะมีความสุขกับการสร้างกุศลธรรมเป็นทางเดินให้ตัวเองไปตลอดชีวิต
แค่อย่าใช้ชีวิตในทางเสื่อมไปเรื่อย ๆ หรือปูทางไปในทางอกุศลกรรม ไม่เช่นนั้นคุณจะยิ่งเจอวิบากกรรมในชีวิตที่ทำให้ชีวิตในด้านความรัก หรือด้านอื่น ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ ค่ะ
เรื่องแบบนี้ใครทำก็ได้เอง ฝึกเองได้เอง ไม่มีใครจับยัดให้ได้ค่ะ เมื่อทำไปสัก 1 เดือน คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองค่ะ เหมือนจะมีอะไรสักอย่างเป็นเซนส์บอกได้
เช่น คนไม่ดีในชีวิตคุณเขาจะหายไปเอง หรือ มาก่อกวนคุณน้อยลง
คิดง่าย ๆ ค่ะ การที่คุณจะถูกดึงไปในทางดี หรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับกรรม (การกระทำ) ที่คุณได้ทำไว้ในอดีตและปัจจุบันนี้ค่ะ
อยากให้ตัวเองเจอทางแบบไหน ก็ต้องเริ่มต้นทำไว้ตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ อดีตมันแก้ไขไม่ได้แล้วก็ช่างมันค่ะ
อาจจะเจอกรรมเก่ามาทำให้รู้สึกแย่บ้าง แต่ก็ต้องอดทนและสร้างกรรมใหม่ให้ดี เพื่อให้เราไปอยู่ในเส้นทางที่มีความสบายใจและไม่ทุกข์ใจระยะยาวค่ะ
เมื่อถึงจุดที่กุศลธรรมนำทางชีวิตคุณ คุณจะรู้เองค่ะว่าจะอยากมีคู่แบบใด
หรือ อาจจะอยากอยู่คนเดียวแบบมีกุศลธรรมนำทางชีวิตแบบมีความสุขและอบอุ่นใจตัวเอง แบบไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร
ลองดูนะคะ ได้ผลยังไงก็มาเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ