(ดูคลิบเอง)

https://www.youtube.com/watch?time_continue=16&v=S4UHq_4jAGM

Huawei P30 Pro

ดีไซน์ของ Huawei P30, P30 Pro

ตามรายงานระบุว่า Huawei P30, P30 Pro จะปรับดีไซน์ใหม่โดยเปลี่ยนไปใช้หน้าจอแสดงผลในรูปแบบทรงหยดน้ำค้างคล้ายกับรุ่นพี่อย่าง Huawei Mate 20, Mate 20X โดยจะเป็นการขยายพื้นที่จอให้ชิดกับขอบทั้งสี่ด้าน ส่วนที่ด้านบนของหน้าจอจะเว้นพื้นที่หน้าจอเอาไว้เพียงเล็กน้อยคล้ายกับหยดน้ำค้าง เพื่อติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ รวมไปถึงเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นจะได้ใช้แผงหน้าจอแบบ OLED ซึ่งมีจุดเด่นด้านการแสดงสีสันได้อย่างสดใส แสดงสีดำได้แบบดำสนิทเพราะหน้าจอจะไม่เปล่งแสงในส่วนนั้น ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันที่มีฟังก์ชัน Dark Mode

ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างในเรื่องของขนาดหน้าจอ โดยในรุ่น Huawei P30 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้ว ส่วนรุ่น Huawei P30 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแบบขอบโค้งขนาดใหญ่กว่าที่ 6.47 นิ้ว บนความละเอียดคมชัดระดับ Full HD+ เหมือนกันทั้งคู่ อีกทั้ง หน้าจอของทั้งสองรุ่นยังรองรับการแสดงผลมาตรฐาน HDR10 ตอบโจทย์การรับชมคอนเทนต์ในปัจจุบันที่เริ่มแสดงผลตามมาตรฐานนี้แล้ว อย่างเช่น Netflix เป็นต้น แต่ต่างกันตรงที่ในรุ่น P30 Pro จะใช้ลำโพงสนทนาแบบใหม่ที่สามารถเปล่งเสียงออกมาจากตัวหน้าจอได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเว้นพื้นที่ขอบด้านบนเพื่อติดตั้งลำโพงสนทนาเหมือนกับรุ่น P30 แต่อย่างใด ส่วนทางด้านลำโพงเสียงนั้น ทั้งสองรุ่นจะได้ใช้ระบบลำโพงคู่แบบ Stereo Speakers พร้อมเทคโนโลยีเสียงแบบ Dolby Atmos เหมือนกันทั้งคู่

กล้องถ่ายภาพของ Huawei P30, P30 Pro

ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือว่ามีการอัปเกรดครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน โดยในส่วนของกล้องหน้าเพิ่มความละเอียดเป็น 32 ล้านพิกเซล จากเดิมในรุ่น P20, P20 Pro ที่มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังยังคงพัฒนาร่วมกับ Leica เช่นเดิม แต่เปลี่ยนเซ็ตอัพกล้องพร้อมเพิ่มจำนวนกล้องให้มากขึ้น โดยในรุ่น Huawei P30 มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบไปด้วยกล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8, กล้องเลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และกล้องเลนส์ซูม Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

mg]

ในรุ่น Huawei P30 Pro เลือกใช้ระบบกล้อง 4 ตัว (Triple Camera) แบ่งเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล แบบ Super Spectrum ที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Quad Bayer ตัวใหม่จากค่าย Sony อย่าง IMX650 ที่มีการจัดเรีงเม็ดพิกเซลแบบ RYYB (สีแดง, สีเหลือง, สีเหลือง และสีน้ำเงิน) ข้อดีจะช่วยให้ P30 Pro สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดี และเก็บสีสันได้อยางเป็นธรรมชาติ ส่วนกล้องตัวทีสองเป็นแบบเลนส์ Ultra Wide Angle ที่มีองศาในการรับภาพกว้าง 120 องศา ด้านกล้องตัวที่สามจะเป็น Periscope หรือกล้องเลนส์ซูมแบบปริทรรศน์ สามารถซูมภาพด้วยชิ้นเลนส์ (Optical Zoom) ได้ 5 เท่า, ซูมภาพแบบ Hybrid Zoom ได้ 10 เท่า และซูมภาพแบบ Digital Zoom ได้ไกลสุดถึง 50 เท่า ส่วนกล้องตัวที่สี่เป็นแบบ ToF (Time-of-Flight) สำหรับช่วยตรวจจับระยะชัดตื้นได้อย่างแม่นยำ ช่วยถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่มีความเนียนตามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Huawei P30 Pro จะมาพร้อมกับความสามารถใหม่ด้านการดันค่าความไวแสง (ISO) ได้สูงสุดถึง 409600 ต่างจากรุ่น Huawei P20 Pro ที่สามารถดันค่า ISO ได้สูงสุดที่ 102400

สเปก, CPU, RAM, ROM, แบตเตอรี่ ของ Huawei P30, P30 Pro

ทางด้านสเปกก็ยกเครื่องใหม่หมดจด โดยรอบนี้จะปรับไปใช้ขุมพลัง Kirin 980 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตร ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแยกสำหรับงาน AI แบบ Dual-NPU และยังเป็นชิปตัวเดียวกันกับที่ใช้บนรุ่น Huawei Mate 20 Series โดยจะทำงานควบคู่กับ RAM สูงสุดขนาด 8GB และหน่วยความจำภายในความจุสูงสุด 512GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ nano memory Card ได้ โดยจะรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.1 เวอร์ชันใหม่ตั้งแต่แกะกล่อง ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างในเรื่องของรุ่นย่อย โดย Huawei P30 จะมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือรุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ส่วนรุ่น Huawei P30 Pro มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB, รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB และรุ่น RAM 8GB + ROM 512GB

ส่วนทางด้านแบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยในรุ่น Huawei P30 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3650mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 22.5W ส่วนทางด้าน Huawei P30 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 40W Fast Charging และรองรับการชาร์จไร้สายแบบเร็ว (15W Fast Charging) อีกทั้ง ยังรองรับฟีเจอร์ Reverse Charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้แบบไร้สาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกันกับที่มีอยู่ในรุ่น Huawei Mate 20 Pro นั่นเอง

ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Huawei P30, P30 Pro

นอกเหนือจากสเปก และกล้องถ่ายภาพที่อัปเกรดขึ้นแล้ว ฟังก์ชันอื่นๆ ที่ Huawei P30 และ P30 Pro จะได้รับการอัปเกรดด้วยนั่นก็คือ ระบบยืนยันตัวตนแบบใหม่ที่ใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้ตัวเครื่อง คล้ายกับที่ใช้บนเรือธงรุ่นพี่อย่าง Huawei Mate 20 Pro แต่จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน นอกจากนี้ Huawei P30 Pro ตามรายงานล่าสุด เปิดเผยว่า จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68 สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที ส่วนในรุ่น Huawei P30 มาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำระดับ IP53 (สามารถกันน้ำกระเซ็น ไม่นับรวมการนำไปจุ่มในน้ำ)