Baby, I want you to cave me in
So maybe I won't have to admit it
Baby, I want you to cave me in
So maybe I won't ask to forget it
ที่รัก ยอมรับฉันเข้าไปหน่อย ฉันยอมหมดแล้ว
แม้ว่าฉันจะไม่อยากยอมรับมัน
ที่รัก ยอมรับฉันเข้าไปหน่อย ฉันยอมหมดแล้ว
ฉันจะได้ไม่ต้องขอให้ลืมมันไป
อารมณ์ผู้ชายซึนค่ะ ยังพยายามเป็น winner in a losting game อยู่ จากท่อนที่ที่ว่าในความรู้สึกที่ซ่อนไว้ของฉัน ฉันอยากให้เธอยอมรับฉันเข้าไป แม้ยังปากแข็งไม่ยอมรับ แต่จริงๆ ก็อยากให้เธอยอม เป็นผู้ชายซับซ้อนค่ะ แต่งเพลงก็เข้าใจยาก พอท่อนฮุกทำเป็นซึนอีก สงสาร
3. ท่อง rap ของทาโบล
ทาโบลบอกว่าแต่งท่อนของตัวเองตอนที่ได้คำว่า cave me in ซึ่งก็ยังคงธีมผู้ชายสายซึนไว้ได้อย่างครบถ้วนค่ะ และที่สำคัญคือเพลงสีสันให้เพลงนี้ด้วยการเล่นคำภาษาอังกฤษที่โคตรรรรเก่ง ทำให้เพลงรักที่เต็มไปด้วย metaphor และความ greek เพลงนี้ครบถ้วนสมบูรณ์กว่าเดิม ตอนนี้ไม่ต้องตีความอะไรขอแปลรัวๆเลยนะคะ หวังว่าทุกคนจะเห็นทักษะการเล่นคำของพี่เขาค่ะ
Love has either got you over heels
or overdosed
ความรักจะทำให้คุณเป็นบ้า
ไม่ก็เหมือนได้ยาเกินขนาด
(*head over heels - หัวไปก่อนเท้า
เป็นสำนวนว่ากลับหัวกลับหางไปหมด บ้าแล้ว เล่นคำเหมือน Over)
Its got you off your feet
or on your toes
มันทำให้คุณพุ่งตัวไปหา
ไม่ก็จะบังคับให้ยืนนิ่งงัน
(*เล่นกับสำนวนความหมายตรงข้ามแต่พูดถึงเท้าทั้งคู่
off your feet - พุ่งตัวออกไปด้วยความตกใจ
on your toes - ถูกบังคับทำให้อยู่ที่เดิม อารมณ์ทำตามคำสั่ง )
Its got you out your seat
or in your place
มันทำให้คุณลุกจากที่นั่ง
หรือไม่ก็ยังอยู่ที่เดิม
Its got you digging it
or your grave
มันทำให้คุณขุดหา
หรือไม่งั้นก็จะทำให้คุณขุดหลุมศพให้ตัวเอง
(*เล่นคำว่าจะขุดหลุมรักหรือหลุมศพ)
Love has just got you mad about
or just about mad
รักทำให้คุณบ้าบอไปกับมัน
ไม่งั้นก็ทำให้คุณเป็นบ้าได้พอดี
(ชอบท่อนนี้ด้วยเอา mad about กับabout mad
มาสลับกันแล้วความหมายมันใช่มาก)
got you in a crush
or it has got you in a crash
ทำให้คุณสะดุดตกหลุมรัก
ไม่ก็ทำให้คุณโดนกระแทกจนหล่นไปเอง
(เล่นคำ crush กับ crash ที่จริงๆแปลกว่าโดนกระแทกเหมือนกัน
แต่ a crush แปลว่าตกหลุมรัก
ส่วน crash นี่รถชน car crash ตลาดหุ้นล้ม financial crash ไปเลย)
What used to make you heart sing a hit
sing a smash
will make you wanna hit, wanna smash
everything that you had into pieces
สิ่งที่เคยทำให้หัวใจคุณร้องเพลงฮิตๆที่เป็นที่นิยม
คือสิ่งที่จะทำให้คุณอยากทำลายทุกอย่างที่คุณมี
ให้กลายเศษซากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
(ตรงนี้เล่นคำเหมือนค่ะ a smash คือเพลงที่ฮิตมาก
ถึงขั้นทำลาย (smash)ทุกชาร์ตเพลง แล้วทั้งทำว่า hit กับ smash ก็เเปลว่าทำลาย
ท่อนสองเอาสิ่งที่โคตรดี โคตรฮิตมาทำลายตัวเองกลับ โอ้ยย )
But love becomes clear when in pieces
แต่ความรักก็จะชัดเจนขึ้นเมื่อมันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ต่อจากท่อนที่แล้วที่ความรักทำลายทุกอย่างลง เป็นตอนที่ทุกอย่างพังเป็นชิ้นๆนั่นแหละที่คุณจะมองเห็นความรักชัดเจนที่สุด ตั้งแต่ท่อนแรกของแรป ทาโบลก็พูดถึงความย้อนแย้งของความรัก ว่าถ้าไม่ทำให้เราสุขก็เศร้า ถ้าไม่ทำให้ทุกอย่างดี ก็บ้าและพังไปเลย แล้วรักมันดีหรือว่าไม่ดีกันแน่ ?
ท่อนนี่ทาโบลบอกว่าเราไม่รู้หรอกว่าความรักมันดียังไงจนเราเสียมันไปแล้วนั่นแหละ
what you could not see and hear during peace
is why a heart becomes ears in two pieces
สิ่งที่คุณไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินในช่วงเวลาที่สงบ
คือเหตุผลที่ทำให้หัวใจกลายเป็นหูทั้งสองข้างของคุณ
(เล่นคำพ้องเสียง peace กับ piece ค่ะ)
สิ่งที่คุณไม่เคยเห็นและได้ยินช่วงที่สงบ ช่วงที่สงบนี่น่าจะหมายถึงช่วงที่มีความรัก ต่อจากท่อนที่แล้ว
ที่บอกว่าไม่เสียรักไปก็ไม่เข้าใจว่ารักมันดียังไง ท่อนนี้เลยบอกเราว่าเพราะงั้นเวลาที่เราตกหลุมรัก(ชีวิตสงบ) เราอาจจะไม่มองเห็นข้อดีของมัน ดังนั้น ในช่วงเวลาสงบๆ ที่ยังรักกันดี ให้เปลี่ยนหัวใจให้กลายเป็นหู มองข้อดีของความรักผ่านหัวใจ อย่าตัดสินจากสิ่งที่ดวงตาเรามองเห็นเท่านั้น ไม่อย่างนั้น love becomes clear when in pieces เราจะเข้าใจความรักขึ้นมาตอนที่เสียมันไปแล้วนั่นเอง
ท่อนแรปเข้ากับเนื้อหาของเพลงที่ผ่านมาค่ะ ปรบมือ ชอบมากกกก
4. ท่อนร้องของ Eric nam
Gravity makes wonders
On us it doesn't seem to weight
Float like clouds on water
Or waves across an open plane
แรงดึงดูดทำให้เกิดเรื่องอัศจรรย์
แต่มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับพวกเราเลย
เคลื่อนไปเรื่อยๆเหมือนก้อนเมฆเหนือสายน้ำ
ไม่ก็แผ่กระจายเหมือนคลื่นไปในพื้นที่โลงๆ
อันนี้คิดว่าคงพูดถึงความรักระหว่างกันและกันค่ะ แรงดึงดูดระหว่างกันทำให้เกิดสิ่งอัศจรรย์ แต่กลับพวกเราไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนั้นเลย (ประโยคนี้อาจแปลไม่ตรงทุกคำนะคะ) แรงดึงดูดไม่เคยดูดเราไว้เลย แต่ระหว่างเรามันก็เหมือน ก้อนเมฆเคลื่อนที่เหนือสายน้ำ ไปพร้อมๆกันแต่ไม่เคยได้รวมกันเป็นหนึ่ง ไม่ก็เหมือนกับคลื่นที่แผ่ไปทั่วๆที่ว่าง ไม่ได้ถูกดูดมาไว้รวมกัน จากนั้นก็เข้าคอรัสได้พอดีค่ะ 'Cause you and me live like birds on a power line เพราะเธอกับฉันก็เหมือนนกบนสายไฟฟ้า ไม่ได้ถูกดูดไว้ด้วยกันผูกพันกัน ประมาณนี้ค่ะ
5. Outro
ท่อน outro สรุปทุกอย่างค่ะ เลิกซึน เลิกพูดจาเปรียบเปรยอะไรวุ่นวายไม่รู้เรื่อง อยากได้เขามากก็พูดไปเลยตรงๆ
I want it, I do
(Girl, cave me in, I won't say it again, I want you)
I want it, I do
I want it, I do, do, do, do
(Girl, cave me in, I won't say it again, I want you)
เป็นเพลงที่ค่อนข้างย้อนแย้งค่ะ เปรียบเปรยจนปวดหัว แต่ลึกซึ้งและสวยงามมากจริงๆ ค่ะ รักกันมากและรักก็ทำให้เจ็บมาก ห่างกันมีความสุขพอพยายามก็พังไปหมด ย้อนแย้งทั้งเพลง แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่า ยังไงก็รักเธอนะ cave me in หน่อย ได้โปรดเถอะ คิดว่า main idea คงประมาณนี้ค่ะ
สำหรับเราเพลงนี้ไ่ม่ใช่เเค่เพลง เป็นบทกลอนดีๆ เป็นนิยาย เป็นเหมือนหนังที่ฟังแล้วภาพลอยขึ้นมาในหัวได้เลย มีส่วนผสมของความ geek ความ literature เข้ากันได้อย่างลงตัว