สวีเดนตั้งอยู่แถบยุโรปเหนือ อยู่ติดกับประเทศนอร์เวย์ และใกล้กับฟินแลนด์
ประเทศนี้มีทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม และภูมิอากาศไม่หนาวเย็นเท่าประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในแนวละติจูดเดียวกัน เนื่องจากได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม
สวีเดนมีพื้นที่ 449,964 ตร.กม. โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศประกอบด้วยป่าไม้ และ ภูเขาสูง
มูลค่า GDP ของสวีเดนคือ 17 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศไทย ที่มี GDP มูลค่า 15 ล้านล้านบาท
แต่ที่ไม่ใกล้เคียงก็คือประชากรชาวสวีเดน มีเพียง 10 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งทำให้คนสวีเดนมี GDP ต่อหัวอยู่ที่ 1.7 ล้านบาทต่อปี สูงกว่าประเทศไทย 7 เท่า
การที่สวีเดนมีประชากรไม่มาก ทำให้ตลาดการบริโภคภายในประเทศมีจำกัด ดังนั้นเศรษฐกิจของประเทศจึงต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
โดยผลผลิต และการส่งออกกว่าครึ่งจะเกี่ยวข้องกับภาควิศวกรรม อุตสาหกรรมสำคัญๆ ได้แก่ ไม้ เหล็ก รวมถึงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น รถยนต์ อากาศยาน ยา เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอาวุธ
ซึ่งอุตสาหกรรมการเกษตรกรรมคิดเป็นเพียง 2% ของ GDP
ที่น่าสนใจคือ สวีเดนเป็นระบบรัฐสวัสดิการ ทำให้ภาครัฐบาลมีบทบาทอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ
โดยอัตราภาษีที่เรียกเก็บ ถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เช่น อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะสูงถึง 50-60% ของเงินได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนได้เป็นสิ่งตอบแทนกลับมา อาจมากกว่าเงินที่เสียไป
เนื่องจากรัฐบาลได้จัดหาสวัสดิการที่ดีเยี่ยมให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน บ้านเมืองที่สะอาด เนื่องจากมีการบริหารจัดการขยะที่ดี
ซึ่งปริมาณขยะที่ต้องฝังกลบ มีไม่ถึง 1% ของปริมาณขยะทั้งหมด ทำให้ถึงขั้นต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศ เพื่อนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้า
มีระบบบำนาญครอบคลุมประชากรถึง 100% และมีอัตราความยากจนในผู้สูงอายุที่ต่ำกว่าประเทศอื่น
ส่วนระบบการศึกษาก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลสวีเดนปฏิบัติต่อโรงเรียนของรัฐ และเอกชนอย่างเท่าเทียมกัน
โดยจะจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงเรียนเอกชนในจำนวนพอๆ กับโรงเรียนรัฐ ทำให้ค่าเทอมของโรงเรียนเอกชนไม่สูงจนเกินไป และนักเรียนสวีเดนต่างก็ได้รับอาหารเช้า และอาหารกลางวันฟรีที่โรงเรียน
สวีเดนยังติดอันดับต่างๆ ดังนี้ ประเทศที่เหมาะแก่การทำธุรกิจ เป็นอันดับที่ 4 ของโลก
ได้ดัชนีความเท่าเทียมทางเพศ เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
มีปัญหาการคอร์รัปชันต่ำ เป็นอันดับที่ 3 ของโลก