1. เพื่อช่วยคน

2. เพื่อเงิน

#ตอบตรงนี้ให้ได้ก่อน

ข่าวซินหัว​ : แพทย์จีนใช้​ AI จ่ายยาแทน​ "เภสัชกร"

https://today.line.me/TH/article/qgv97D?utm_source=copyshare

.

ถ้าอยากทำงานกึ่งวิจัยก็ไปสายวิทยาศาสตร์เภสัช ไม่ชอบจ่ายยา ไม่ชอบขายยาตามร้าน ลองสมัครกับบริษัทพัฒนายา
อันนั้นก็รายได้ดี แต่ต้องขยันอ่านขยันอัพเดตความรู้ แม่นเรื่องแล็บวิจัย วัคซีน

ส่วนเราคงเก็บเงินไปก่อน หาประสบการณ์ไปก่อน เพิ่งจบมาสองปี ยังไม่เบื่อกรุงเทพฯ
เดี๋ยวอีกหน่อยว่าจะไปเปิดร้านยาของตัวเองที่ต่างจังหวัด ดูลู่ทางแล้วพออยู่ได้ ร้านยาก็ทรงๆ ไม่ดีไม่แย่

สายวิชาการ ไปสายอาจารย์ ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข อย. แต่อันนี้เราไม่มีข้อมูล ลองไปตามบอร์ดดูได้

.

หรือจะวิ่งเป็นเซลล์บริษัทยา

ไปตามร้านขายยาแล้วก็ตามโรงพยาบาลก็ได้นะ

ค่าคอมเยอะเหมือนกันเพราะเห็นเพื่อนที่จบเภสัชมันทำอยู่

.

.

.

.

โอ๊ววววว....หม่ายยยยยย......ก๊อดดดดดดด......เพิ่งจะเห็นตอบเป็นผู้เป็นคน ดูมีสาระก็วันนี้นี่แหละ

ตอแหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล

อย่างมึงเนี่ยนะอีแก่จะมีเพื่อน ใครเพื่อนมึงหราาาาาาาาาาาา ผีเฝ้าบอร์ดแบบมึงนี่ไม่มีใครคบหรอกมั้งค่ะ

||||||||||จะเป็นใครได้ล่ะคะ....เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันได้ขนาดนี้(เรื่องการศึกษาปรึกษาพี่จีสนะคะ)||||||||||

แล้วอย่าลืมเงินเดือนมันเริ่มต่างกัน ฐานเงินเดือนต่างกัน เภสัชมันเริ่มสูงกว่าเพราะเป็นวิชาชีพเรียนมา 6 ปี
คงไม่มีใครเรียนมาเพื่อไปเบ่งมีอำนาจในโรงพยาบาลหรอก เบ่งไปก็เท่านั้น ก็โดนผู้มีอำนาจเล่นงานอยู่ดี ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
หมอบางทีไม่ถูกกัน พยาบาลก็ต้องเลือกข้าง เอาใจกันไม่ไหว บางทีพยาบาลทะเลาะกัน เขม่นกัน
ก็ต้องย้ายวอร์ด บางทีไปเจออินชาร์จโหดกว่าเดิมก็มี เมื่อก่อนพยาบาลบางคนโดนส่งไปเวชระเบียนก็เยอะ

จะบอกว่าเภสัชนี่มันเป็นแดนเอกเทศ หมอไม่ค่อยมายุ่ง พยาบาลไม่ค่อยมายุ่ง มีอาณาเขตตัวเอง
หมอจะมายุ่งก็ต่อเมื่อมีบริษัทมาเสนอขายยา อีหมอตัวดีมันจะต้องมายุ่มย่ามเพราะได้เปอร์เซ็นต์จากยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี่
แต่โดยรวมๆ เภสัชไม่ต้องไปวุ่นวายเหมือนพยาบาลแน่นอน เภสัชแค่คอยคุมผู้ช่วย แต่ไม่ค่อยมีอะไรหรอก
ยาที่ผู้ช่วยจ่ายก็ยาสามัญทั่วไป ยาพารา ยาแก้ปวดบวม ยาทา ไม่ใช่ยาอันตราย
เภสัชจะยุ่งตอนตรวจสต็อกยา ต้องคอยคุมไม่ให้ผู้ช่วยพลาด กับจ่ายยาอันตรายที่ต้องรีเช็กกับหมอ
กับงานขึ้นเยี่ยมคนไข้ ส่วนใหญ่เป็นห้องพิเศษตอนจะกลับบ้าน ไปอธิบายยาแต่ละตัว ไม่ใช่งานยากหรือหนักอะไรเลย

เป็นตุ๊ด ถ้าไม่ได้เรียนหมอหรือหมอฟัน อย่างน้อยๆ ก็เรียนเภสัช ถึงจะอยู่ง่ายในโรงพยาบาล
เอาจริง บางทีหมอตุ๊ด หมอออกสาว ยังโดนพยาบาลกับเนิร์สเอดนินทาเลย
เภสัชนี่ล่ะอยู่เป็นสุด ส่วนพยาบาลตุ๊ดบอกเลยหล่อนโตยากในสายบริหาร มันเป็นเรื่องจริง
วอร์ดพยาบาลเป็นแดนชะนี ชะนีเป็นใหญ่ พยาบาลตุ๊ดไม่ค่อยมีในหอผู้ป่วย
ส่วนใหญ่จะได้อยู่ ER OR ICU หรือวิ่งตาม OPD ยิ่งแก่ยิ่งอยู่ยากเพราะตำแหน่งไม่โต
หล่อนจะเป็นตุ๊ดแก่ในนั้นหรือจะย้ายตัวเองไปที่อื่นก็ต้องคิดดู
ในชีวิตฉัน ฉันเห็นพยาบาลชายเป็นหัวหน้าวอร์ดแค่สองครั้ง เป็นผอ.ฝ่ายการพยาบาลครั้งเดียว
นอกนั้นกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ แล้วก็ทยอยหายไปๆ แถมเดินๆ อยู่ ญาติคนไข้มาตามไปเข็นรถอีก
เพราะนึกว่าเป็นเวรเปล เห็นชุดขาวๆ เหมือนกัน อีห่าเอ้ย ชีวิตไม่ได้มีอำนาจเป็นซังกุงเหมือนที่ใครคิด
จะโตในสายงานก็ยาก หมอมันชอบพยาบาลผู้หญิงมากกว่า ในวอร์ดผู้ป่วยมันยากที่จะมีตุ๊ดหรือผู้ชาย
จะไปทำอะไรให้คนไข้ก็ยาก คนไข้ไม่ยอม ต้องตามพยาบาลชะนีมาทำ
ยกเว้นหล่อนจะไปทำงานในโรงพยาบาลสงฆ์นั่นแหละ
วันดีคืนดี ต้องออกไปฉีดวัคซีนให้แรงงานตามโรงงานเพราะชะนีจองเฝ้าวอร์ด ก็นั่งรถตู้ออกไป
กว่าจะกลับก็ลำบากลำบน
เทคนิคฯ บางทีก็ต้องออกไปบริษัทเอกชน ไปโรงงาน ไปเก็บตัวอย่าง ไปตรวจกลุ่มเลือด
เดี๋ยวนี้โรงบาลมันหาเงินแบบนี้ เหนื่อยจะตาย
เอาหมอ GP ไปคุมคนเดียว
เภสัชไม่ต้องไป

ตุ๊ดลูกเจี๊ยบทั้งหลายฟังเหอะ ถ้าเรียนหมอไม่ได้ หมอฟันไม่ได้ อย่างน้อยก็เภสัช อยู่ง่ายสบายใจ
ถ้าไม่ชอบงานโรงพยาบาลก็มีสายงานอื่นตั้งเยอะ

ตี่เรากลับมองว่าทันตะน่าจะสบายสุดนะ ไม่ต้องขึ้นเวรดึก เข้าเช้าเลิกเย็น ไม่ต้องไปวุ่นวาย ตบตีกับแผนกไหน เภสัชนี่ยังมีสู้รบกับพยาบาล คนไข้ หมออยู่นะ โดยเฉพาะเภสัช IPD

แต่ถ้าย้อนเวลาได้ก็จะเรียนเภสัชนี่แหละ แต่ไม่เอาสายโรงบาล โรงงาน ร้านยา บริษัทยาอะไรทั้งนั้น ขอเรียน cosmetics ดีกว่า ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร

เทคนิคฯ มีเคสที่ติดเชื้อจากสารคัดหลั่งเพราะมีเชื้อสารพัด ทั้งไวรัส รา แบคทีเรีย บางทีมีโปรโตซัวแปลกๆ
ที่ต้องระวังเลยคือไวรัสตับ ไวรัส HIV หรือพวกพยาธิที่มากับขี้ในตลับ บางทีมันเป็นไข่พยาธิ มันเบาแล้วเข้าไปในร่างกายได้
กายภาพบำบัดนี่ก็เสี่ยง เพราะไปคลุกคลีกับคนไข้ หายใจแทบจะรดหน้ากัน

สังเกตดูสิ เภสัชน่ะเสี่ยงน้อยสุด พวกที่แจกยานั่นก็ผู้ช่วย เภสัชมีหน้าที่รับออเดอร์แพทย์แล้วมาจ่ายยาให้กับผู้ช่วยอีกที
เภสัชมันยืนคุมหลังผู้ช่วยอีกที แล้วก็มีเคานเตอร์กั้นอีก เภสัชแทบไม่สัมผัสผู้ป่วยเลย
จะไปเยี่ยมคนไข้ก็เฉพาะห้องพิเศษ ไม่ได้ไปเยี่ยมห้องรวมคนไข้อนาถา

หมอฟันใครว่าสบาย เจอคนไข้เป็นโรคปริทันฑ์แล้วจะเฟียสไม่ออก หินปูนเกาะจนเงือกร่น ฟันโยก หนองซึมออกมาจากซอกเหงือก
ปากเหม็น ฟันแทบไม่เหลือสภาพใช้งานได้ บางคนหินปูนเกาะจนมองไม่เห็นฟัน ไม่ยอมขูดหินปูนมาเป็นสิบๆ ปี
หมอฟันไม่ใช่งานสบายเลย หมอฟันหลายคนมีปัญหาปวดไหล่เรื้อรังเพราะออกแรงดึงฟัน มันปวดลามมาถึงหัวด้วย

คนไทยไม่ชอบมาหาหมอฟัน คือจะมาหาหมอฟันต่อเมื่อปวดจนทนไม่ไหว นอนไม่ไหว ปวดจนหัวจะระเบิดถึงมา
ซึ่งกว่าจะมาถึง ปากมันสภาพไม่ไหวแล้ว แค่เอานิ้วกด หนองก็ทะลึกออกมาอย่างกับฝี ต้องมาดูอีกว่าซี่ไหนรากยังดี ซี่ไหนฟันตายแล้ว
จะบูรณะฟันยังไง จะถอนออก จะทำสะพาน จะครอบฟัน จะทำรากเทียมคนไข้บางคนก็ไม่มีเงิน
บางคนไปทำฟันปลอมกับหมอชาวบ้าน ทำให้ฟันซี่ที่ยังดีก็พังไปด้วย
บางคนไม่ยอมขูดหินปูนเพราะคิดว่าหินปูนช่วยพยุงฟันไม่ให้โยก เวลาปวดก็อมน้ำเกลือ น้ำเกลือคือน้ำวิเศษ
บางคนฟันทะลุไม่ยอมมาอุด จนเชื้อมันลงไปถึงรากฟัน ฟันกลายเป็นรู เศษอาหารลงไปค้างจนเน่า ปากเหม็น
เวลาเปิดปากมาแทบสลบ ไม่รู้คนใกล้ตัวทนได้ไง

ไปเห็นที่ไหนมาที่หมอฟันเดินร่อนสวยๆ อย่ามามโน เจอคนไข้ปริทัณฑ์เข้าไปสักสองสามคน ข้าวเที่ยงก็ไม่หิวแล้ว
จะมาถือชานมอะไรร่อนไปมา เห็นแล้วก็คิดถึงหนอง สีคล้ายๆ กัน

พูดซะเห็นภาพเลย 5555
แต่ขอแก้นิดนึงตรงที่บอกว่า เภสัชแจกยาให้ผู้ช่วยจ่าย ไม่จริงครับ
ผู้ช่วยจัดยามา เภสัชเช็คจ่ายครับ คนไข้ต้องรับยาผ่านมือเภสัชเท่านั้น
นอกเสียจากคนไม่พอ อย่างโรงบาลรัฐ รพ.ชุมชน เภไปพักเที่ยง ก็อาจจะให้เจ้าพนักงานเภสัชจ่ายแทนงี้