We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดลับเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR (บอร์ดรูป Devil), (บอร์ดวีดีโอ Zombie) ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

PalmPlaza.us

Subject: "ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"     Previous Topic | Next Topic
Printer-friendly copy     Email this topic to a friend    
Conferences Story Club Topic #291
Reading Topic #291
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

"ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
 
14-Jun-11, 10:11 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ตามสัญญาครับ ตอนที่ผมเอามาโพสต์ใหม่นี้มีการแก้คำผิด ปรับการเขียนให้สละสลวยขึ้น รวมทั้งปรับบทใหม่ด้วยครับ ตั้งแต่ตอนที่ 20 เป็นต้นไป ซึ่งก็หมายความว่าผมอาจจะต้องเขียนใหม่เกือบทั้งหมดหลังจากนั้นอีกครับ 555 ต้องลำบากอีกแล้วเรา แต่ก็เต็มใจครับ อยากทำให้เรื่องแรกที่เขียนนี้เป็นเรื่องที่ดีและพอใจที่สุดครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TRAILER - ต้นสน - มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่?


ต้นกับสนคือเพื่อนรักกัน เขาทั้งสองบังเอิญมาพบกันเมื่อตอนเรียนชั้นประถมเพราะสนย้ายจากจังหวัดหนึ่งมาอยู่หมู่บ้านเดียวกับต้น ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดี ทำให้สนประสบปัญหาชีวิตหลายอย่าง ต้นคือคนที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ แม้กระทั่งยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยสนซึ่งครั้งหนึ่งถูกกะเทยล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายจนเป็นเหตุให้สนเกลียดกะเทยหรือเกย์มานับแต่นั้นมา และด้วยความรักที่จริงใจของเพื่อนก็ทำให้เกิดเป็นมิตรภาพและความผูกพันที่ยากจะตัดให้ขาดได้ ต้นกับสนจึงกลายเป็นเพื่อนที่รักกัน ไปไหนไปด้วยกัน เรียนชั้นมัธยมด้วยกันตลอดทั้ง 6 ปี

จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้นพยายามอย่างยิ่งที่จะให้สนได้เรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกับเขา จนกระทั่งได้มาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ ต้นกับสนเช่าบ้านพักอยู่ด้วยกันพร้อมกับเพื่อนใหม่อีกสองคนคือ นิกกับปั้นจั่น เพื่อนใหม่ร่วมชายคาสองคนนี้เองที่ได้สังเกตเห็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของต้นกับสน ภายหลังนิกกับปั้นจั่นจึงได้รู้ว่าต้นไม่ได้รักสนอย่างเพื่อนเท่านั้น ความรักของต้นที่มีให้เพื่อนรักนั้นเกิดขึ้นโดยที่ต้นเองไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้ตัวก็รู้ว่าไม่มีทางจะเลิกรักเพื่อนคนนี้ได้อย่างแน่นอน เขาเสียสละและทำเพื่อเพื่อนเสมอทั้งต่อหน้าหรือแม้จะต้องปิดทองหลังพระ ใช่แต่ต้นเท่านั้นที่รักเพื่อนมาก สนเองก็รักเพื่อนของเขาไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาสำนึกเสมอว่าต้นคือคนที่ช่วยให้เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นมากเพียงใด ต้นคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่เขาจะหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว แต่เขาก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีความรักและความต้องการเหมือนผู้ชายทั่วไป

สนเองมีความฝันที่จะมีภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดีของลูก แต่เขาก็รู้สึกเสมอว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน รักใครหรือทำอะไร ต้นคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาบังเอิญได้รู้ว่าต้นเป็นเกย์และไม่ได้รักเขาแค่เพื่อนเพียงอย่างเดียว บวกกับเหตุการณ์ที่เคยสนถูกกะเทยล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายตอนเด็ก จึงทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ความรักและความผูกพันกับเพื่อนที่มีมาตลอดสิบกว่าปีนั้นจะช่วยให้เขาเข้าใจต้นได้หรือไม่ แล้วสุดท้ายต้นและสนจะลงเอยอย่างไร จะตัดขาดจากกันไปเลย จะเป็นเพียงเพื่อนที่ยังคงรักกันมากเช่นเดิม หรือแปรเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นอย่างอื่น โปรดติดตาม
------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1: เพื่อนใหม่ของต้น

วันนี้เป็นวันแรกที่โรงเรียนเริ่มเปิดเทอม พอกินข้าวเช้าเสร็จ ต้นก็วิ่งไปสวัสดีพ่อกับแม่แล้วก็รีบฉวยจักรยานคู่ใจปั่นออกไป เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้ขึ้นชั้นเรียนใหม่แม้ว่าเพื่อนๆ ในห้องก็คงจะมีแต่หน้าเดิมๆ เช่นเคย เมื่อปั่นจักรยานมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ต้นก็รู้สึกแปลกใจเพราะเห็นมีคนกำลังขนย้ายข้าวของเข้าไปในบ้านเหมือนเพิ่งจะย้ายมาอยู่ใหม่ แต่บ้านหลังนี้ต้นปั่นจักรยานผ่านทุกวันจึงรู้ดีว่ามันถูกปิดตายมานานแล้วเพราะเจ้าของไปอยู่เมืองนอก หรือว่าเจ้าของเขาจะกลับมาแล้ว ต้นสงสัยในใจแต่ก็ปั่นจักรยานผ่านเลยไป อีกไม่นานทุกคนก็จะรู้เองเพราะในชุมชนแห่งนี้ข่าวสารรู้ทั่วถึงกันหมดภายในไม่กี่วัน

โรงเรียนที่ต้นเรียนนั้นก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก อยู่ในระยะกิโลเมตรเศษๆ ตลอดระยะทางจนถึงโรงเรียนจะมีคลองส่งน้ำที่ผันน้ำมาจากแม่น้ำนครไชยศรีเพื่อใช้ทำเกษตรกรรม ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนั้นต้นกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านมักจะมากระโดดเล่นน้ำคลายร้อนกันในคลองส่งน้ำนี้เป็นประจำ เขารู้สึกผูกพันกับคลองส่งน้ำนี้มากเพราะเป็นสถานที่ที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาสนุกมากทีเดียว

เปิดเรียนวันแรกก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนักเพราะต้องเริ่มตารางการเรียนใหม่ ครูที่สอนก็ใหม่ จึงต้องมีการแนะนำแผนการเรียนการสอนกันก่อน หลังจากนั้นอีกสองสามวัน ครูประจำชั้นก็ได้พาเพื่อนใหม่คนหนึ่งมาให้ทุกคนรู้จัก เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่และจะมาเรียนห้องเดียวกับต้น เขาแนะนำตัวว่าชื่อ "สน" ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดน่าน สนมีผิวขาวแบบคนเหนือ แต่ดูจากชุดนักเรียนที่ใส่แล้วเหมือนจะมอมแมมเล็กน้อย จึงพอจะเดาได้ว่าทางบ้านอาจจะมีฐานะไม่ดีนัก สนได้ที่นั่งคนละกลุ่มกับต้น เขาดูเงียบๆ ไม่ค่อยพุดค่อยจากับเพื่อนนัก แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งมาใหม่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ก็ดูจะให้ความสนใจเขาพอสมควรเพราะเข้าไปถามนั่นถามนี่กันใหญ่

ถึงเวลาพักเที่ยง เด็กๆ ก็ปรี่ลงไปที่โรงอาหารกัน บางคนที่ห่อข้าวมากินเองก็จะเอาห่อข้าวลงไปด้วย วันนี้ต้นก็ห่อข้าวมากินเหมือนกัน เขาวิ่งตามเพื่อนๆ ไปแล้วสักพักก็หยุดเมื่อนึกได้ว่าลืมเอาช้อนที่เก็บไว้ใต้โต๊ะเรียนลงมาด้วย ต้นจึงต้องวิ่งกลับขึ้นมาเอา แต่แล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าสนนั่งอยู่ในห้องอยู่คนเดียว ไม่ลงไปกินข้าวกับเพื่อน ด้วยความสงสัยต้นจึงเข้าไปถาม

"นายไม่ไปกินข้าวเหรอ" ต้นเรียกเขาว่า "นาย" เนื่องจากยังไม่สนิทกันนั่นเอง แต่ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ ก็จะเรียกมึง-กู

สนหันมามองหน้าเพื่อนใหม่ เขายิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า "ไม่หรอก เราไม่ค่อยหิว" สนตอบ ต้นรู้สึกว่าน้ำเสียงเขาดูน่าสงสารชอบกล

"แล้วนายไม่ได้ห่อข้าวมาด้วยเหรอ" ต้นถามอีกด้วยความสงสัย พลางชำเลืองดูว่าเขามีกล่องข้าววางไว้ตรงไหนหรือเปล่า

"เราไม่ได้เอามา แต่ไม่เป็นไรหรอก เราไม่หิว นายไปกินข้าวเถอะ" สนตอบอึกๆ อักๆ เหมือนกลัวว่าต้นจะรู้ความจริงว่าเขาไม่มีเงินซื้อข้าวกิน

"เราว่าไปกินข้าวดีกว่านะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะหิว เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ห่อข้าวมาก็ซื้อที่โรงอาหารได้ ไม่แพงหรอก" ต้นบอกด้วยความเป็นห่วง แต่สนก็ยังดูอึกอักและสายตามีพิรุธ

"นายไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินเหรอ" ต้นถามไปตามประสาเด็ก แต่ก็ทำให้สนหน้าเจื่อนลงทันที

"ไม่เป็นไร เราไม่หิวหรอก เราไม่ค่อยชอบกินข้าวกลางวัน" สนแก้ตัว แม้ว่าความจริงจะรู้สึกหิวข้าวมากพอสมควรก็ตาม

"เดี๋ยวเราแบ่งข้าวให้นายกินด้วย เอาไหม วันนี้แม่เราตักข้าวให้เยอะเลย เรากินไม่ค่อยหมดหรอก" ต้นเสนอ เขารู้สึกถูกชะตากับเพื่อนใหม่คนนี้อย่างบอกไม่ถูก สนมองหน้าเขาด้วยความไม่แน่ใจ จะปฏิเสธก็หิว จะตอบรับก็รู้สึกอายที่ตัวเองไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน

"นะ เดี๋ยวเราแบ่งข้าวให้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก" ต้นคะยั้นคะยอพลางส่งยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตรและความจริงใจ โดยนิสัยแล้วต้นเป็นคนที่มีน้ำใจกับเพื่อนๆ มากเพราะพ่อกับแม่สอนต้นเสมอว่าให้รู้จักช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า เขาถูกปลูกฝังแบบนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก สุดท้ายสนก็ยิ้มตอบรับไมตรีจิตจากเพื่อนใหม่

"นายมีช้อนมาด้วยหรือเปล่า" ต้นถาม สนส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหาเอาที่โรงอาหารก็ได้ ไปกันเถอะ" ต้นบอกพลางขยับเท้านำ สนลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามต้นไป

พอมาถึงโรงอาหาร ต้นเลือกที่จะแยกมานั่งต่างหากจากเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ เพราะคิดว่าสนอาจจะอายถ้าเขาแบ่งข้าวให้แล้วมีคนอื่นมอง เขาบอกให้สนนั่งรอก่อนแล้วก็เดินไปขอจานกับช้อนมาจากแม่ครัวที่เขาค่อนข้างรู้จักและสนิทสนมดีมาให้สน จากนั้นก็แบ่งข้าวจากกล่องใส่ข้าวของตัวเองให้เพื่อน วันนี้แม่ทำหมูทอดกับกุนเชียงให้ซึ่งเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ และต้นก็ชอบกิน

"วันหลังนายมากินข้าวกับเราได้นะ เดี๋ยวเราจะให้แม่เราทำมาเผื่อนายทุกวันเลย" ต้นบอกขณะที่แบ่งข้าวให้เพื่อน เขารู้สึกว่าสนดูเป็นมิตรและเขาก็ถูกชะตาด้วย สนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนใหม่อย่างบอกไม่ถูก จริงๆ สนเป็นคนขี้เกรงใจ เขาสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้เขาเรียนหนังสือและกินอยู่ ที่บ้านเขาไม่ได้ฐานะดีนัก สนจึงไม่ค่อยกล้าขอเงินพ่อกับแม่ เขามักจะอดข้าวตอนกลางวันเสมอ ยกเว้นว่าพ่อกับแม่จะนึกได้ก็จะให้เงินสนไว้ใช้บ้างแต่ก็ไม่มากนัก แต่วันนี้เขาไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว

"ขอบใจมาก" สนบอกพลางยิ้มด้วยความตื้นตันใน เขาสัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ลืมบุญคุณเพื่อนใหม่ของเขาครั้งนี้เลย ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องตอบแทน

"ไม่เป็นไร หิวแย่ละ กินดีกว่า วันนี้แม่เราทำหมูทอดกับกุนเชียง นายคงกินได้นะ แม่เราทำอร่อย" ต้นบอกเพื่อนอย่างภูมิใจ สนยิ้มตอบ เขารู้สึกผ่อนคลายและคุยได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเช้าที่เขาเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เลิกเรียนแล้ว พอจะกลับบ้านต้นก็นึกถึงเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักกันวันนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ สนกำลังจะเดินออกไปจากห้องพอดี ต้นจึงรีบวิ่งไปถามว่า "นายกลับยังไงล่ะ"

สนหันมายิ้มให้แล้วตอบสั้นๆ ว่า "เดิน"

"เดินเหรอ” ต้นทำสีหน้าตกใจ “บ้านนายอยู่ตรงไหน ไกลหรือเปล่า เดี๋ยวเราไปส่ง"

"อยู่ใกล้ๆ สระบัว เป็นบ้านญาติเราเอง แต่เขาไปอยู่เมืองนอกนานแล้ว"

"อ๋อ...เรารู้ละ บ้านที่ไม่มีคนอยู่ ที่ปิดไว้หลายๆ ปีใช่ไหม"

สนพยักหน้า

"นายเดินไหวเหรอ เป็นกิโลเลยนะ" ต้นถามด้วยความเป็นห่วง สนพยักหน้ายืนยัน

"เราชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนที่เราอยู่น่าน เราเดินไกลกว่านี้อีก"

"ไปกับเราไหม เดี๋ยวเราไปส่ง เราขี่จักรยานผ่านบ้านหลังนั้นทุกวันเลย" ต้นเสนอ

สนมีท่าทางลังเลเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมเพื่อนใหม่คนนี้จึงมีน้ำใจแม้กระทั่งกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่เขาก็ตกลงในที่สุด เขาเดินตามต้นลงไปที่บริเวณด้านหลังโรงเรียนซึ่งทำแนวจอดรถจักรยานของนักเรียนไว้ ดูเพื่อนๆ ในห้องของเขาแปลกใจทีเดียวที่เห็นต้นสนิทกับเพื่อนใหม่ได้เร็วขนาดนั้น

ระหว่างทางกลับบ้าน ต้นก็ชวนสนคุยไปตลอดทางเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น "ญาตินายเขาไปอยู่ที่ไหนเหรอ เราเห็นบ้านหลังนั้นปิดตายมานานมาก ตั้งแต่เรายังเด็กๆ แน่ะ"

"อ๋อ... เขาเป็นน้าเราเองแหละ พอดีเขาแต่งงานใหม่กับฝรั่ง ก็เลยพากันย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่เขาก็ไม่ได้ขายบ้านเพราะเขาบอกว่าอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่อีก"

"เหรอ แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ แล้วถ้าน้านายกลับมา นายจะไปอยู่ไหนล่ะ"

"ก็...เรื่องมันยาว... พอดีบ้านของเราที่น่านถูกธนาคารยึด น้าก็เลยให้พ่อกับแม่เรามาอยู่ที่นี่แทน ถ้าน้ากลับมา เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปอยู่ที่ไหน" สนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนต้นสามารถสัมผัสได้

"เหรอ... แล้วทำไมน้าของนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ละ"

"พอดีน้าเขยเราคนก่อนเป็นคนนครปฐม พอแต่งงานแล้วน้าเราก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีน้าเขยเราก็ถูกรถชนตาย น้าก็เป็นหม้าย ตอนหลังก็แต่งงานกับฝรั่งแล้วก็ย้ายไปอยู่เมืองนอก"

ต้นพยักหน้าเข้าใจ เขาเคยได้ยินคนในหมู่บ้านพูดอยู่เหมือนกันว่าเจ้าของบ้านคนก่อนถูกรถชนตาย ต่อมาเมียก็แต่งงานใหม่กับฝรั่งแล้วก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ญาติๆ เจ้าของบ้านฝ่ายชายก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่กัน ก็เลยไม่มีใครมาอยู่ บ้านหลังนั้นจึงถูกปิดไว้นับตั้งแต่นั้น ต้นกับคนในหมู่บ้านไม่ค่อยกล้าเข้าไปเล่นในบ้านหลังนั้นเท่าไรนักเพราะกลัวผีเจ้าของบ้านที่ตายไปแล้ว

"พรุ่งนี้เรามาจะมารับนายนะ" ต้นบอกเมื่อมาส่งสนถึงบ้านแล้ว ต้นพยามมองเข้าไปในบ้านก็ไม่เห็นพ่อกับแม่สนเลยเพราะออกไปรับจ้างดายหญ้าในสวนมะม่วงอีกหมู่บ้านหนึ่งตั้งแต่เช้าแล้ว เย็นกว่านี้อีกสักหน่อยจึงจะกลับ

"ขอบใจมากนะเพื่อน" สนบอกด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพื่อนใหม่ของเขาคนนี้ช่างเป็นคนดีมีน้ำใจ แม้ว่าเพิ่งรู้จักกันแต่เขาก็สัมผัสความจริงใจได้

ต้นหันมายิ้มแล้วก็ปั่นจักรยานกลับบ้านไป บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านสนมากนัก สามารถเดินถึงกันได้

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP |
|
| boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน
Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top

 

Conferences | Topics | Previous Topic | Next Topic
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

1. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:13 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 2: มิตรภาพที่เริ่มเบ่งบาน

พอต้นกลับบ้านไปแล้ว สนก็จัดการหุงข้าวรอพ่อกับแม่กลับมาจากทำงาน สนเป็นเด็กที่ขยันและชอบทำงาน ทำงานบ้านเป็นแทบทุกอย่างตั้งแต่หุงข้าว ทำกับข้าว ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน เรียกได้ว่าพ่อกับแม่แทบไม่ต้องบ่นในเรื่องนี้เลย ส่วนวันหยุดสนมักจะไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานข้างนอก บางทีก็รับจ้างดายหญ้า ตัดกิ่งไม้ รดน้ำผักในสวนและอีกสารพัดอย่าง แล้วแต่ว่าจะมีใครจ้างให้ทำอะไร เขาเต็มใจทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เงินค่าจ้างที่ได้มาก็จะให้พ่อกับแม่หมด แต่ช่วงนี้โชคไม่ดีนักที่บ้านเขาเป็นหนี้ธนาคารจนต้องถูกยึดบ้านและแทบจะไม่มีเงินติดบ้านกันเลย สุดท้ายก็ต้องระหกระเหเร่ร่อนมาอยู่ที่นี่ ดีที่น้าสาวเมตตาให้บ้านหลังนี้ไว้ซุกหัวนอน

เสียงรถจักรยานเข้ามาจอดในบ้าน สนรู้ว่าพ่อแม่กลับมาแล้วก็รีบวิ่งออกมารับ แม่ซื้อกับข้าวจากตลาดมาด้วย เป็นแกงเลียงหนึ่งถุงที่จะต้องกินกันทั้งบ้านสามคนพ่อแม่ลูก สนช่วยพ่อกับแม่ถือของไปเก็บในบ้าน บ้านของเขามีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มันดูเก่ามากพอสมควรเพราะถูกทิ้งไว้นาน ข้างหลังบ้านยังพอมีที่ว่างๆ อยู่บ้าง แม่บอกว่าจะหาผักมาปลูกเพื่อใช้กินและเอาไปส่งขายที่ตลาด วันนี้ สนเล่าเรื่องเพื่อนใหม่ให้พ่อกับแม่ฟังด้วย ดูท่านทั้งสองสนใจทีเดียว จริงๆ พ่อกับแม่ก็ห่วงสนอยู่เหมือนว่ามาแล้วจะไม่มีเพื่อนเล่นเพราะสนเป็นลูกชายเพียงคนเดียว แต่ได้ยินว่าสนเริ่มมีเพื่อนจึงค่อยรู้สึกอุ่นใจขึ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันต่อมา ก่อนต้นจะไปโรงเรียน ต้นก็วิ่งเข้าไปในครัวแล้วบอกแม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า

"แม่ครับ วันนี้ต้นขอข้าวเยอะๆ นะครับ แม่ใส่ให้ต้นเยอะๆ ทุกวันเลยก็ได้"

"ได้สิลูก ว่าแต่ทำไมถึงกินข้าวเยอะขึ้นล่ะ" แม่หันมาถามในขณะที่กำลังตักข้าวและกับใส่กล้องข้าวให้ต้น

"ก็ต้นโตแล้ว ก็เลยอยากกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ ไงแม่" ต้นบอกพลางยิ้ม

พอได้กล่องข้าวแล้วต้นก็รีบปั่นจักรยานมาที่บ้านสนทันที ใช้เวลาไม่นานนักเพราะอยู่ห่างกันไม่กี่ร้อยเมตร พอมาถึงต้นก็ตะโกนถามจากข้างนอกรั้วบ้านว่า

"สน พร้อมหรือยัง เรามาแล้ว"

ไม่นานนัก สนก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมพ่อกับแม่ของเขา ต้นพอจะเดาได้ว่าเป็นใครก็เลยยกมือสวัสดี พ่อกับแม่สนรับไหว้ ดูๆ แล้วพ่อกับแม่สนก็น่าจะอายุใกล้เคียงกับพ่อแม่ของต้นนั่นเอง

"ฝากสนด้วยนะลูก" แม่ของสนบอกขณะที่สนเดินมานั่งซ้อนท้ายจักรยานของต้น จริงๆ ที่บ้านสนก็มีจักรยานเก่าๆ อยู่คันหนึ่ง แต่เป็นจักรยานของผู้ใหญ่ พ่อกับแม่ของสนเอาไว้ไปทำงานนอกบ้าน

"ได้ครับแม่" ต้นตอบ เขาเรียกแม่ของสนว่าแม่ได้อย่างสนิทใจทั้งที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก พอสนขึ้นซ้อนท้าย ต้นก็พาเพื่อนปั่นจักรยานออกไป

"วันนี้เรามีข้าวมาเผื่อนายเยอะเลย นายต้องช่วยเรากินให้หมดนะ" ต้นบอกขณะที่ปั่นจักรยานไปตามถนนเล็กๆ เลียบคลองส่งน้ำ

"รบกวนนายหรือเปล่าต้น เดี๋ยวที่บ้านนายจะว่าเอา" สนบอกด้วยความเกรงใจ

"ไม่หรอก พ่อกับแม่เราใจดีจะตาย ไว้วันหลังเราจะพาไปเที่ยวบ้านเรา แล้วนายจะเห็นว่าพ่อกับแม่เราใจดีจริงๆ" ต้นบอกพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ โดยทั่วไป เด็กๆ ก็มักจะภูมิใจอยู่แล้วที่มีพ่อแม่เป็นคนใจดี
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ต้นกับสนก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเสียแล้ว ต้นจะมารับสนที่บ้านทุกวัน ตอนเที่ยงก็แบ่งข้าวให้ ยกเว้นวันไหนที่สนพอจะมีเงินมาซื้อข้าวกินเองบ้าง แต่อย่างน้อยก็แบ่งกับข้าวกันกิน จากคนที่ตัวผอมๆ ไม่ค่อยมีเนื้อมีหนัง สนก็เริ่มมีหน้าตาที่สดใสมากขึ้นจนพ่อกับแม่ของสนแปลกใจ แต่ก็ดีใจที่เห็นลูกชายมีความสุข

"ที่บ้านเราปลูกผักแล้วนะต้น กลับไปเราจะไปรดน้ำแปลงผักของเรา อีกไม่นานเราก็จะมีผักกินแล้ว" สนบอกขณะที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานต้นกลับบ้านในวันหนึ่ง

"เหรอ นายปลูกผักอะไรล่ะ เราไปช่วยได้ไหม"

"ได้สิ ตอนนี้เราเพิ่งปลูกผักกาด นายเคยปลูกผักหรือเปล่าล่ะ"

"ไม่เคยเลย แม่เราซื้อผักจากตลาดมากิน ไม่ได้ปลูกเอง"

"เหรอ งั้นต่อไปนายมาเอาผักที่บ้านเราไปกินได้นะ เดี๋ยวแม่เราจะปลูกอีกหลายอย่างเลย พ่อกับแม่เราชอบปลูกผักกับผลไม้ ตอนอยู่ที่น่านเราก็ปลูก แต่ที่นั่นอากาศดี ผักชอบอากาศหนาว แต่ไม่รู้ว่าพอปลูกที่นี่แล้วมันจะเป็นไงเหมือนกัน"

พอมาถึงบ้าน ต้นกับสนก็กุลีกุจอช่วยกันรดน้ำแปลงผัก เด็กน้อยสองคนเอาบัวรดน้ำไปตักน้ำจากสระบัวข้างบ้านของสนซึ่งมีน้ำตลอดปีเพื่อเอามารดน้ำแปลงผักกาด ดูท่าทางสนจะทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วกว่าต้นหลายเท่าเวลาที่ต้องทำงานใช้แรง ต้นไม่ค่อยได้ทำงานแบบนี้นักเวลาอยู่บ้าน พ่อกับแม่ของต้นเป็นครูสอนอยู่อีกตำบลถัดไปจึงมีเงินเดือนใช้อย่างไม่ต้องลำบาก ต้นจึงไม่ต้องทำงานหนักนอกจากถูบ้าน ล้างจานหรืออย่างมากก็ซักผ้า รีดผ้า แต่ต้นก็ดูสนุกกับการรดน้ำต้นไม้ที่เขาไม่เคยทำมาก่อนทีเดียว พอรดเสร็จแล้ว ก่อนกลับบ้านต้นก็ชวนสนว่า

"พรุ่งนี้นายไปไหนหรือเปล่า ไปเที่ยวบ้านเราไหม เอาการบ้านไปทำด้วยก็ได้ เดี๋ยวเราช่วยสอนเลขให้"

สนดูลังเลเมื่อเพื่อนชวน แล้วก็ปฏิเสธไปว่า "เราว่าจะไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานในไร่ส้มโอน่ะต้น คงไปไม่ได้หรอก"

ต้นทำหน้าเสียดาย เขารู้สึกชอบเพื่อนใหม่คนนี้มากทีเดียว ถ้าชวนไปที่บ้าน พ่อกับแม่ของเขาต้องชอบสนด้วยอย่างแน่นอน แต่เขาก็พอเข้าใจว่าสนต้องช่วยพ่อกับแม่หาเงิน

"ว้า เสียดายจัง" ต้นหน้าม่อยเล็กน้อย

"เป็นเพื่อนกับคนจนๆ อย่างเรานายก็ต้องทำใจหน่อยนะ เราคงไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับนายช่วงวันหยุดเท่าไรหรอก" สนบอกด้วยน้ำเสียงปนเศร้า ต้นมองดูเพื่อนด้วยความสงสาร เขาสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเพื่อนเขาอายุแค่นี้เองแต่ก็ต้องทำงานหนักราวกับผู้ใหญ่ บางทีเด็กๆ อย่างเขาก็อาจไม่เข้าใจหรอกว่าความยากจนเป็นยังไง

"เฮ้ย... ไม่เห็นต้องทำใจอะไรเลย นายก็เป็นเด็กดีออก มีเพื่อนเป็นเด็กดีของพ่อแม่ไม่เห็นจะต้องทำใจเลย" ต้นแย้งเพื่อให้กำลังใจเพื่อน เขาไม่อยากให้สนรู้สึกว่าเขารังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับคนจน

"ไปเถอะสน ไปทำการบ้านกับเพื่อนเถอะลูก จะได้เรียนเก่งๆ ลูกจะได้พักบ้าง เหนื่อยมาหลายอาทิตย์แล้ว" เสียงแม่ของสนดังมาจากข้างหลัง เด็กทั้งสองคนหันไปมองตาม ต้นรีบยกมือสวัสดี แม่ของสนรับไหว้แล้วถามต้นว่า

"มาช่วยสนรดน้ำแปลงผักด้วยหรือลูก"

ต้นพยักหน้า "ครับ สนุกดีครับแม่ ผมไม่เคยปลูกผักเลย เดี๋ยวผมจะมาช่วยรดทุกวันเลยครับจะได้ปลูกผักเป็น" ต้นบอกด้วยท่าทางตื่นเต้น

"โถลูก แม่เกรงใจจังเลย ไหนจะมารับมาส่งสนทุกวัน แล้วยังมาช่วยสนรดน้ำต้นไม้อีก พรุ่งนี้ สนต้องช่วยเพื่อนทำงานบ้านด้วยนะลูก" แม่หันไปบอกสน

ได้ยินแม่บอกอย่างนั้นสนก็ไม่กล้าขัด "ครับแม่"
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้สนจึงได้มาเที่ยวบ้านต้น พ่อกับแม่ของต้นก็อยู่ด้วย วันนี้แม่ของต้นทำกับข้าวไว้ให้กินสองสามอย่าง อร่อยๆ ทั้งนั้นเลย แถมด้วยของหวานเป็นกล้วยบวชชี เด็กสองคนจึงทำการบ้านกันเพลินเพราะมีของให้กินไม่ขาดปาก ต้นช่วยสอนวิชาเลขให้สนเพราะสนไม่ถนัด หรือจะว่าไปแล้วก็คือไม่ชอบเอาเสียเลย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่คราวนี้ ต้นช่วยสอนจนเขาทำได้และรู้สึกดีกับวิชาเลขขึ้นมาก พอทำการบ้านเสร็จ สนก็ช่วยพ่อกับแม่ของต้นทำงานบ้านหลายอย่างตามที่เขาสัญญากับแม่ไว้ เช่น ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้านและล้างห้องน้ำ พร้อมกับมีต้นคอยเป็นลูกมือ สนเป็นคนอาสาช่วยทำเองเพราะเขาอยากตอบแทนต้นและครอบครัวของต้นซึ่งดีกับเขามาก พ่อกับแม่ของต้นเองก็รู้สึกเอ็นดูสนมากทีเดียวเพราะเห็นว่าเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งและรู้จักช่วยเหลือคนอื่น

ตอนบ่ายๆ ต้นขออนุญาตพ่อกับแม่พาสนไปเล่นน้ำในคลองส่งน้ำหน้าบ้านและได้รับอนุญาตแต่โดยดีเพราะต้นว่ายน้ำเก่ง จริงๆ แล้วเด็กๆ แถวนี้ก็ว่ายน้ำเก่งแทบทุกคนเพราะโตมากับแม่น้ำลำคลอง จึงไม่ค่อยมีใครเป็นห่วงมากนัก เด็กสองคนใส่กางเกงขาสั้นคนละตัวเดินออกมาจากบ้านของต้น ข้างหน้ามีสะพานเหล็กเล็กๆ ไว้สำหรับข้ามคลองส่งน้ำอยู่ บางจุดจะมีสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่เพื่อให้รถยนต์ข้ามได้ด้วย ต้นมาถึงคลองก็กระโดดตูมลงไปเลย แต่สนยังยืนอยู่บนฝั่ง

"อ้าวสน ทำไมไม่ลงมาล่ะ" ต้นถามด้วยความสงสัย

"ลึกหรือเปล่าล่ะ เราว่ายน้ำไม่เป็น" สนมีสีหน้าตื่นกลัวเพราะเขาโตมากับภูเขาและความหนาวจึงไม่ค่อยชอบเล่นน้ำ

"ประมาณอกเราเอง ลงมาเลย ไม่ต้องกลัวหรอก เราว่ายน้ำเป็น ช่วยนายได้ เดี๋ยวเราช่วยสอนนายว่ายน้ำ เอาไหม"

ได้ยินดังนั้นสนจึงค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เขาค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในคลอง ต้นว่ายน้ำเข้ามาช่วยดูใกล้ๆ พอเห็นว่าสนเริ่มปรับตัวได้ก็ค่อยๆ พาสนมาเล่นบริเวณกลางคลอง พร้อมกับสอนให้เขาว่ายน้ำด้วย ใช้เวลาไม่นานนักสนก็เริ่มไหว้น้ำอย่างง่ายๆ ได้ ทำให้เขาเล่นน้ำได้สนุกขึ้น พอเล่นน้ำจนหนำใจ ทั้งสองคนจึงขึ้นมานั่งเล่นบนสะพาน ต้นกับสนหย่อนขาลงไปพร้อมกับตีน้ำเล่น ความสุขของเด็กๆ ก็คงไม่มีอะไรมาก แค่ได้เล่นได้ทำตามจินตนาการก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่

"โตขึ้นนายอยากเป็นอะไร" ต้นถามเพื่อน

"อะไรก็ได้ แค่มีเงินเยอะๆ พ่อกับแม่เราจะได้ไม่ต้องลำบาก" สนตอบโดยไม่ลังเลเพราะเป็นสิ่งที่เขาคิดตลอดเวลา

"แล้วนายล่ะ" สนถามกลับบ้าง

ต้นครุ่นคิดสักพักแล้วก็ตอบว่า "เราอยากเป็นวิศวกร"

แน่ล่ะ อาชีพที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกหลานของตนเองเป็นก็คงไม่พ้นตำรวจ ทหาร หมอหรือวิศวกร เพราะนอกจากรายได้ดีแล้วยังทำให้พ่อแม่มีหน้ามีตาในสังคมอีกด้วย สามารถอวดใครต่อใครในหมู่บ้านได้นั่นเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่ไปบ้านต้นครั้งนั้นแล้ว ต้นกับสนรวมทั้งครอบครัวก็รู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งสองคนสามารถไปมาหาสู่และเข้านอกออกในทั้งสองบ้านได้เพราะเด็กทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจ บางทีสนก็ไปนอนบ้านต้น บางครั้งต้นก็มานอนบ้านสน ผู้ปกครองของทั้งสองคนจึงรู้สึกดีใจที่ลูกชายมีเพื่อนสนิทที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลและไว้ใจกันได้ เพราะทั้งสองบ้างต่างก็มีลูกชายเพียงคนเดียวเหมือนกัน เด็กทั้งสองจึงเป็นเหมือนลูกชายอีกคนของอีกบ้าน เวลาไปบ้านต้น สนจะได้กับข้าวหรือขนมจากบ้านต้นมาฝากพ่อกับแม่เสมอ ในขณะเดียวกันพ่อกับแม่ของสนก็พยายามหาของมาฝากบ้านต้นเช่นเดียวกัน บางทีก็เป็นกับข้าวแบบชาวเหนือที่พ่อกับแม่ของสนทำเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็พืชผักที่ปลูกหลังบ้าน ตอนหลังๆ พ่อกับแม่ของสนเริ่มเก็บเงินได้บ้างทั้งจากการรับจ้างทำงานต่างๆ และขายพืชผักที่ปลูกเอง จึงซื้อจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ให้สนคันหนึ่งเผื่อไว้ขี่ไปโรงเรียน แต่ต้นกับสนก็ยังคงชอบซ้อนท้ายจักรยานกันอยู่ บางครั้งสนก็ไปรับต้นที่บ้าน สลับกันไปมา แทบจะเรียกได้ว่าเห็นต้นอยู่ตรงไหนก็จะเห็นสนอยู่ตรงนั้น เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนเด็กทั้งสองคนเรียนจบชั้นประถม

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

2. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:14 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 3: จุดเริ่มต้นของความรู้สึกแปลกๆ

ต้นกับสนอายุ 13 แล้ว กำลังจะเข้าเรียนชั้น ม.1 ผลจากการสอบปรากฏว่าต้นกับสนไม่ได้เรียนห้องเดียวกันเหมือนเดิม แต่ก็ยังเป็นโรงเรียนเดียวกันอยู่ โรงเรียนมัธยมนั้นไม่ไกลจากโรงเรียนประถมมากนักจึงสามารถขี่จักรยานไปโรงเรียนได้เหมือนเดิม

ช่วงก่อนเข้าเรียน ม.1 ต้นกับสนปล่อยผมให้ยาวขึ้นเพื่อจะได้ไปตัดรองทรงเพราะเป็นทรงที่โรงเรียนอนุญาตให้ตัดได้ เด็กวัยรุ่นมักจะเริ่มตัดผมทรงนี้ตอนที่เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งต้นและสนเองก็ใฝ่ฝันอยากไว้ผมทรงนี้มานาน วันแรกที่ไปตัดรองทรงมาก็ทำให้คนทั้งหมู่บ้านแซวกันไปหลายวัน ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือต่างดูหล่อขึ้นกันทั้งสองคน ต่างกันที่ต้นดูหน้าหวานนิดๆ แต่สนจะหน้าเข้มหน่อยๆ นอกจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปบ้างแล้ว เสียงของต้นกับสนก็เริ่มห้าวขึ้นด้วย สัญญาณแห่งวัยหนุ่มกำลังเริ่มขึ้นนั่นเอง

พอเข้าเรียน ต้นได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องเพราะมีผลการเรียนดีและที่ผ่านมาต้นก็เป็นหัวหน้าห้องเสมอ จึงค่อนข้างได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆ ส่วนสนนั้น การเรียนของเขาก็ดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่มีต้นคอยช่วยสอน เขาเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีขึ้น เทอมสุดท้ายของ ป.6 สนได้เกรด 3 ซึ่งเป็นเกรดที่สนไม่เคยได้เลยในวิชานี้ ผลจากการที่สนเรียนดีขึ้นก็ยิ่งทำให้สนรู้สึกว่าต้นคือเพื่อนที่มีบุญคุณกับเขามาก แม้ว่าในอีกห้องหนึ่งสนจะไม่ได้เป็นหัวหน้าชั้นหรือมีตำแหน่งใดๆ เลย แต่ต่อมาสนก็ได้รับเลือกให้แสดงละครวันแม่โดยเล่นบทเป็นพ่อ มีนักเรียนหญิงร่วมชั้นอีกคนเล่นเป็นแม่

ด้วยเหตุนี้ สนจะต้องมาซ้อมการแสดงกับเพื่อนๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันงานทุกเย็นก่อนกลับบ้าน ต้นจะมานั่งดูและรอกลับบ้านพร้อมกับสนเกือบทุกเย็นเช่นกัน ทุกครั้งที่เห็นสนเล่นบทพ่อกับ "น้อย" นักเรียนหญิงห้องเดียวกันที่เล่นบทแม่ ต้นรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเวลาที่เห็นสนกับน้อยหัวเราะสนุกสนานหรืออยู่ใกล้ๆ กัน แต่ต้นก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
------------------------------------------------------------------------------------------------
มีอยู่วันหนึ่ง ต้นต้องทำของประดิษฐ์จากไม้เป็นการบ้าน แต่ต้นเองก็ไม่ค่อยมีหัวทางช่างมากนักซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รู้แต่ว่าไม่ค่อยชอบ พอเลิกเรียน ต้นจึงต้องขอตัวกลับบ้านก่อนเพื่อจะไปทำของประดิษฐ์ส่งครู เขาเดินไปบอกสนซึ่งกำลังซ้อมการแสดงว่า

"สน วันนี้เรากลับก่อนนะ พอดีเราต้องไปเลื่อยไม้ทำของประดิษฐ์ส่งครู เดี๋ยวเรากลับกับเอกก็ได้" เอกหมายถึงเพื่อนร่วมห้องของต้นนั่นเอง บ้านเขาอยู่ไม่ห่างจากบ้านของต้นนัก

"เหรอ เสร็จแล้วเดี๋ยวเราจะไปช่วยนะ" สนมองเพื่อนด้วยอาการลังเล ใจจริงเขาอยากจะกลับไปพร้อมกับต้นเลย

"ไม่เป็นไรหรอก เราพอทำได้อยู่ นายซ้อมละครเถอะ อีกไม่กี่วันก็จะแสดงแล้วนี่" ต้นปฏิเสธไปเพราะไม่อยากกวนเพื่อน

แต่สนก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะรู้ว่าต้นไม่ค่อยได้ทำงานแบบนี้ ต่างจากสนที่ทำได้หลายอย่าง "แน่ใจนะ"

"เราทำได้น่า นายไม่ต้องห่วงหรอก" ต้นบอกพลางยิ้ม สนจึงไม่รบเร้า

เมื่อมาถึงบ้านต้นก็พบว่าพ่อกับแม่ยังไม่กลับจากโรงเรียนเลย ต้นเดินไปหาเลื่อยจากกล่องใส่เครื่องมือช่างของพ่อหลังบ้านแล้วก็เอามาเลื่อยตัดไม้ที่เขาหาไว้แล้วจำนวนหนึ่ง เป็นไม้ที่เหลือจากการสร้างบ้านแล้วทิ้งไว้ไม่ได้ใช้นั่นเอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อยมากนัก แต่ต้นก็เลื่อยไม้ได้ไม่ค่อยถนัด ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะเลื่อยมีขนาดเล็กมากไป แถมต้นก็ไม่ค่อยได้ทำงานแบบนี้ พอเลื่อยไปสักพักก็เจ็บมือจนมือแดง ต้นจึงเริ่มกังวลว่าจะทำงานเสร็จไม่ทันส่ง ในระหว่างที่คิดกังวลอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีจักรยานมาจอดหน้าบ้าน พอเห็นว่าสนมา ต้นก็ยิ้มด้วยความดีใจจนออกนอกหน้าเพราะเขารู้ว่าสนช่วยเขาได้อย่างแน่นอน

"นายไม่ซ้อมละครแล้วเหรอ" ต้นถามด้วยความแปลกใจ สนจอดจักรยานแล้วก็เดินมาหาต้น

"ไม่เป็นไรหรอก เราอยากมาช่วยนายมากกว่า เรารู้ว่านายไม่ถนัดงานพวกนี้" สนบอกพลางยิ้ม รอยยิ้มของสนทำให้ต้นรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด

"อ้าว แล้วคนอื่นไม่ว่าเอาเหรอ"

"นิดหน่อย แต่ช่างเถอะ มา... ให้เราช่วยดีกว่า จะให้เราทำอะไรก็บอกมาได้เลยเพื่อนรัก"

สนนั่งลงข้างๆ แล้วก็ยื่นมือไปรับเลื่อยมาจากต้น ต้นส่งให้สนแต่โดยดีแล้วก็บอกสนว่าต้องทำอะไรบ้าง ดูเหมือนว่าพอสนมาแล้วทุกอย่างก็ดูง่ายไปเสียหมด ต้นก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทำแบบสนไม่ได้ เขาจึงได้แต่นั่งมองและให้กำลังใจเพื่อน ในระหว่างที่สนกำลังเลื่อยชิ้นไม้อย่างขะมักเขม้น ต้นก็คอยแอบมองหน้าเพื่อนอยู่บ่อยๆ เขารู้สึกว่าสนมีเสน่ห์อะไรบางอย่าง มีพลังดึงดูดและคลื่นความอบอุ่นที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย

"มองอะไร" สนถามด้วยความสงสัย เพราะเขารู้สึกว่าต้นนั่งมองเขาแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว ต้นเหมือนจะได้สติแล้วก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

"อ๋อ เปล่านี่" ต้นยิ้มเขินนิดๆ "เราแค่ชื่นชมนายว่านายเก่งเท่านั้นเอง ช่วยเราได้ตั้งเยอะแน่ะ เรานั่งทำตั้งนานยังทำได้ไม่กี่อัน"

สนขำแล้วก็หันมาทำงานต่อ

"วันนี้นายกินข้าวบ้านเรานะ เดี๋ยวพ่อกับแม่เราก็มาแล้วล่ะ" ต้นชวน สนเงยหน้ามามองแล้วพยักหน้า

กว่างานจะเสร็จก็เกือบสามทุ่ม พ่อกับแม่ของต้นบอกให้สนนอนค้างกับต้นที่บ้านเพราะเห็นว่าดึกแล้ว สนตอบตกลงโดยไม่รีรอเพราะเขาก็มานอนที่บ้านต้นเป็นประจำอยู่แล้ว ก่อนมาที่นี่สนแวะบอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะมาช่วยต้นทำงาน ถ้าเขาไม่กลับ พ่อกับแม่จะรู้เองว่าเขามาค้างที่บ้านต้นและไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไร สนรู้สึกมีความสุขมากทีเดียวที่เห็นต้นดูจะพอใจและชอบของประดิษฐ์ที่เขาช่วยทำ
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนยังไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ในโรงเรียนมากเพียงใด ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีคนมองเขาเสมอ ไม่ใช่แต่สาวๆ เท่านั้น บรรดากระเทยทั้งรุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกันต่างก็ชอบมองเขาด้วย เพราะความที่สนทำงานใช้กำลังมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาดูเป็นหนุ่มมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีกล้ามเนื้อแขนขาที่ดูแข็งแรงไม่ต่างจากเด็กหนุ่มอายุ 15-16 สนไม่รู้หรอกว่าบางครั้งการมีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์ก็อาจนำอันตรายมาให้เขาได้เหมือนกัน

วันหยุดวันหนึ่ง มีคนมาจ้างสนไปช่วยดายหญ้าที่บ้านตรงท้ายๆ หมู่บ้าน คนที่มาจ้างเป็นผู้ชายอายุราวๆ 30 ที่สนรู้สึกว่าดูท่าทางไม่ค่อยเหมือนผู้ชายเท่าไร พอคุยตกลงราคากันแล้วเขาก็พาสนซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้าน เขาบอกว่าถ้าเสร็จแล้วก็จะขับมอเตอร์ไซค์มาส่งอีกที บ้านหลังที่สนมาทำงานนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากบ้านหลังอื่นๆ อยู่พอสมควร วันนี้บ้านดูเงียบๆ เพราะคนอื่นๆ ไปทำไร่กันหมด เหลือแต่ผู้ชายคนนี้ที่สนรู้สึกว่าเขาชอบมองสนแปลกๆ เวลามองก็ชอบมองดูส่วนกลางลำตัวของเขาบ่อยๆ เขามายืนคอยคุมงานสน บางทีก็ยิ้มพร้อมกับแววตาแปลกๆ ที่สนก็ไม่เข้าใจ พองานเสร็จชายคนนั้นก็ถามว่า

"เสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวมีงานให้ทำอีกชิ้นหนึ่ง" ชายคนนั้นบอกด้วยน้ำเสียงมีจริตจะก้านต่างจากผู้ชายทั่วไป

"อะไรครับ" สนถามด้วยความสงสัย

"เดี๋ยวมานวดให้พี่หน่อยสิ พี่เมื่อย"

"ผมนวดไม่เป็นครับ" สนรีบปฏิเสธ เพราะเขารู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้

"ลองดูก่อนไหม เดี๋ยวพี่สอนให้ว่านวดยังไง พี่ให้ 200 เลย" ชายคนนั้นเอาเงินมาล่อ

พอได้ยินว่าเขาจะได้ค่าจ้างถึง 200 บาท สนก็เริ่มลังเลใจเพราะมันเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่ สุดท้ายก็เลยตกลง ชายคนนั้นพาสนขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เขาบอกให้สนเข้าไปนั่งรอในห้องๆ หนึ่งซึ่งมีฟูกปูไว้อยู่ เข้าใจว่าน่าจะเป็นห้องนอนแต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร สักพักชายคนนั้นก็ตามเขาข้ามา เขาเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามคล้ายกับต้องการจะอวดรูปร่าง เขานอนคว่ำหน้าลงบนฟูกแล้วบอกให้สนนวดหลังให้ สนนวดด้วยความประหม่า ชายคนนั้นเป็นคนคอยบอกว่าสนต้องนวดตรงไหนอย่างไร สักพักเขาก็นอนหงายแล้วบอกให้สนช่วยนวดต้นขา พอนวดได้ไม่นานชายคนนั้นก็เริ่มถามคำถามแปลกๆ เช่น มีแฟนหรือยัง เคยมีอะไรกับผู้หญิงไหม เคยช่วยตัวเองหรือเปล่า และอีกหลายคำถามในทำนองนี้จนสนรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เขาจึงตัดสินใจหยุดนวดและบอกว่าจะกลับบ้าน แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายค่าจ้าง 200 บาทอยู่ก็ตาม

"พี่ ผมนวดไม่ค่อยเป็น ผมไม่นวดดีกว่า ผมจะกลับบ้านแล้ว ไม่เอาตังค์ก็ได้"

ชายคนนั้นมองสนด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ม สนรู้สึกอึดอัดจนอยากจะลุกหนีไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย

"จะรีบไปไหนล่ะ เดี๋ยวช่วยพี่อีกอย่างสิ" ผู้ชายคนนั้นไม่พูดเปล่า เขาฉวยมือต้นไปวางบนเป้ากางเกงของเขา สนพยายามดึงมือหนีแต่ก็สู้แรงผู้ใหญ่กว่าไม่ไหว

"พี่จะทำอะไรผมน่ะ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ" สนร้องเสียงดัง ชายคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุขึ้นมาทันทีจนสนรู้สึกกลัว

"เดี๋ยวก็รู้น่า เดี๋ยวแกก็จะชอบเองแหละ"

สนเริ่มโตพอที่จะรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามดิ้นหนี ทั้งเตะ ทั้งถีบ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเด็กอย่างเขาไม่มีทางสู้แรงผู้ใหญ่ได้อยู่แล้ว ชายคนเตรียมผ้าขาวม้าไว้จำนวนหนึ่งในห้องนั้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ สนถูกจับมัดมือ มัดเท้าและมัดปาก ชายคนนั้นถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงในของเขาออก สนร้องลั่นแต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เขารู้สึกกลัวมากเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกผู้ชายข่มขืน แม้ว่าเขาจะร้องให้น้ำตาไหลพรากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนั้นเกิดความสงสารแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนั้นพยายามกดตัวเขาลงและพยายามเอาส่วนนั้นของเขาสอดใส่เข้าไปในปราการด้านหลังของเขา สนรู้สึกเจ็บมาก เขาพยายามร้องและดิ้นหนี

"อยู่เฉยๆ สิวะ อยากเจ็บตัวหรือไง" ชายคนนั้นตะคอกใส่และไม่ละความพยายามที่จะกระทำชำเราเขาให้ได้

ในขณะเดียวกัน ต้นก็ไปหาสนที่บ้านเพราะตั้งใจว่าจะชวนสนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน พ่อกับแม่ต้นบอกว่าสนไปดายหญ้าที่บ้านของตาเที่ยงตรงท้ายหมูบ้านได้สักพักแล้ว ต้นจึงรีบปั่นจักรยานไปหาเพื่อนที่บ้านหลังนั้นทันที พอถึงบ้านหลังนั้น ต้นเห็นอุปกรณ์ดายหญ้าของสนวางอยู่แต่ไม่เห็นตัวของสน เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นรองเท้าของสนถอดวางไว้อยู่ข้างล่างตรงบันไดที่จะขึ้นบ้านซึ่งมีลักษณะเป็นใต้ถุนสองชั้น

"สน นายอยู่นี่หรือเปล่า" ต้นตะโกนเรียกซ้ำกันอยู่ 2-3 ครั้ง

ชายคนนั้นหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงคนเอะอะอยู่ข้างล่าง เขามีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด สนได้ยินเสียงเพื่อนเรียกแล้วก็ดีใจ เขาพยายามส่งเสียงอู้อี้ตอบแต่ต้นก็ไม่ได้ยิน

ชายคนนั้นลุกขึ้นใส่กางเกงแล้วก็เดินออกมาตรงบันได พอเห็นต้นก็ถามต้นด้วยเสียงดุว่า "มาหาใครวะ"

"มาหาสนครับ สนมาดายหญ้าที่นี่หรือเปล่า" ต้นถามพลางพยายามเมียงมองหาเพื่อนของตนเอง

"มันกลับไปแล้ว" ชายคนนั้นตอบแต่สีหน้าดูมีพิรุธจนต้นสังเกตได้

"แต่นี่รองเท้าสนนี่ครับ เครื่องมือก็ยังอยู่" ต้นแย้ง ชายคนนั้นจึงตะคอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า

"ก็กูบอกว่ามันกลับไปแล้ว จะมาเซ้าซี้ทำไม ไป๊ คนจะหลับนอนพักผ่อน อย่ามากวน" เขาพูดพร้อมทำมือไล่ให้ต้นไป

อีกด้านหนึ่ง สนรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะตะโกน จึงใช้เท้าสองข้างที่ถูกมัดอยู่ทุ่มลงพื้นดังๆ ให้ต้นได้ยิน แล้วก็ได้ผล พอต้นได้ยินเสียงดังตึงๆ ก็พอจะเดาได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเพื่อนเขาอย่างแน่นอน ชายคนนั้นหน้าเสียลงทันที เขาเดินลงมาหวังจะลากต้นออกไปจากบ้าน ต้นถอยร่นมาตั้งหลักเล็กน้อย พอชายคนนั้นลงมาถึงพื้น ต้นก็รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีกระโดดถีบตรงเข่าของชายคนนั้นจนล้มตึงลงกับพื้น เขาร้องโอ๊ยด้วยความเจ็บปวด ต้นรีบใช้โอกาสนี้วิ่งขึ้นไปบนบ้านหลังนั้นทันทีแล้วตรงไปยังห้องที่มีเสียงตึงตังๆ อยู่ ต้นแทบช็อกเมื่อเห็นว่าสนถูกจับมัดมือ มัดเท้าและมีผ้ามัดปิดปากอยู่ สนมีสีหน้าหวาดกลัวและมีรอยคราบน้ำตาอยู่บนใบหน้า ต้นรีบใส่กลอนล็อกห้องนั้นทันทีก่อนที่ชายคนนั้นจะตั้งหลักได้และวิ่งมาถึง ต้นช่วยแก้มัดให้เพื่อน เขารู้สึกสงสารเพื่อนจนน้ำตาไหลและรู้สึกโกรธแค้นชายคนนั้นที่ทำกับเพื่อนเขาซึ่งยังเป็นเด็กได้ถึงเพียงนี้ พอเป็นอิสระแล้วสนก็รีบใส่เสื้อผ้าทันที เสียงชายคนนั้นทุบประตูปังๆ และตะโกนด่าเพื่อที่จะเข้ามาในห้อง ต้นกับสนจึงต้องรีบตัดสินใจว่าจะหนีอย่างไร

"ลงทางหน้าต่างก็แล้วกัน" ต้นบอกแล้วรีบพาสนวิ่งไปที่หน้าต่าง ทั้งสองคนปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่างแล้วก็กระโดดลงไป ชายคนนั้นได้ยินเสียงตุ๊บก็รู้ว่าเด็กสองคนหนีไปทางหน้าต่างแล้ว เขาวิ่งไปคว้ามีดแล้ววิ่งตามลงไปทันทีเพราะกลัวว่าเด็กสองคนจะไปบอกตำรวจ ตอนนี้เขาหน้ามืดแล้ว แม้จะต้องฆ่าเด็กสองคนนี้เขาก็ต้องทำ

ต้นกับสนพอตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งไปที่จักรยานที่ต้นจอดไว้ตรงหน้าบ้าน ชายคนนั้นถือมีดขนาดสั้นวิ่งตามมา พร้อมตะโกนว่า "พวกมึงสองคนจะหนีไปไหนพ้น" เขาตวัดมีดฉวัดเฉวียนไล่ตามมาจนปลายมีดกรีดไปถูกตรงบริเวณต้นแขนของต้น ต้นร้องโอ๊ยแล้วทรุดตัวลงกับพื้นทันที เขาใช้มือกุมต้นแขนตรงบริเวณที่โดนมีดฟันไว้

"ต้น" สนร้องเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีด

"ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย" สนร้องเรียกให้คนช่วย ชายคนนั้นหยุดชะงักเมื่อเห็นต้นถูกมีดเขาฟันจนเลือดไหลอาบ เขารีบทิ้งมีดแล้ววิ่งหนีไปทางหลังบ้านทันที โชคดีที่ในจังหวะนั้นมีชาวบ้านผ่านมาพอดีจึงช่วยกันพาต้นไปส่งที่บ้านและโรงพยาบาล

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

3. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:16 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 4: คำสัญญาของสน

ระหว่างที่รอหมอทำแผลให้ต้นอยู่นั้น สนก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของต้นฟัง พ่อกับแม่ของต้นดูจะเป็นเดือดเป็นแค้นมากทีเดียว

"ทำไมมันถึงได้เลวอย่างนี้ คอยดูนะผมจะให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุกให้ได้ ทำได้แม้กระทั่งกับเด็กไม่มีทางสู้ จิตใจมันทำด้วยอะไร" พ่อของต้นพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

"เอาเลยพี่ ให้ต้นมันทำแผลเสร็จก่อนเดี๋ยวเราไปโรงพักกัน" แม่ของต้นว่า เธอเรียกพ่อกับแม่ของสนว่าพี่เพราะทั้งคู่มีอายุมากกว่า แต่ก็ไม่ห่างกันมากนัก

"คนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้หรอก อยู่ไปก็คงไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก นี่ดีนะที่ต้นกับสนมันไม่เป็นอะไรมาก" แม่ของสนเห็นด้วยแล้วก็หันมากำชับกับสนว่า

"ต่อไปแม่ไม่ให้สนไปทำงานคนเดียวอีกแล้วนะลูก คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ไอ้เราก็คิดว่ามีลูกชายก็ไม่น่าจะมีปัญหาแบบนี้ ที่ไหนได้"

สนนิ่ง เขาดูเงียบและไม่พูดอะไรเพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมากกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้ เฝ้ารอแต่ว่าเมื่อไรหมอจะทำแผลให้ต้นเสร็จเสียที เขาอยากเห็นหน้าเพื่อน อยากขอบคุณเพื่อนที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วยเขาไว้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาก็คงถูกผู้ชายโรคจิตคนนั้นกระทำชำเราไปแล้ว แค่คิดเขาก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที ตอนนี้สนเองก็ยังคงรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนและเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่หาย เหตุการณ์นั้นได้สร้างความรู้สึกหวาดระแวงในจิตใต้สำนึกของเขาไปเสียแล้ว

สักพักหมอก็ออกมาบอกว่าทำแผลให้ต้นเสร็จแล้ว แต่ต้องให้ต้นนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนเพราะแผลลึกพอสมควร อาจจะบวมอักเสบได้ ฟังจบแล้วสนก็ปรี่เข้าไปในห้องเพื่อดูอาการเพื่อนก่อนใคร เขานั่งลงข้างเตียง เห็นเพื่อนเจ็บแทนแล้วก็ทำให้สนถึงกับน้ำตาซึม

"ต้น นายเป็นไงบ้าง” สนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ขอบใจมากนะที่มาช่วยเรา แถมยังต้องมาเจ็บตัวเพราะเราอีก"

"ไม่เป็นไรหรอกสน เราเป็นเพื่อนนายเราก็ต้องช่วยนาย แล้วนายล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า ไอ้นั่นมันทำอะไรนายบ้าง" ต้นถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อนเช่นกัน

"เราไม่เป็นอะไรมากหรอก โชคดีที่นายมาช่วยได้ทันเวลา ว่าแต่นายเจ็บมากหรือเปล่าล่ะ" สนมองดูบริเวณต้นแขนข้างขวาของต้นที่มีผ้าพันแผลอยู่ด้วยความสงสาร

"ไม่เป็นไรหรอก พอทนได้" ต้นตอบพลางยิ้มและหัวเราะเบาๆ เขาไม่อยากให้สนต้องกังวลกับเขามากนัก

"สน...เพื่อนเขามีบุญคุณกับเรานะลูก ต่อไป สนต้องคอยดูแลเพื่อน ช่วยเพื่อน ที่สำคัญ ถ้าเพื่อนมีปัญหาก็อย่าทิ้งเพื่อนเป็นอันขาดนะลูก" พ่อของสนบอกพลางย่อตัวลงข้างๆ และใช้มือแตะไหล่ลูกชายเบาๆ สนเงยหน้าขึ้นมองพ่อและทุกๆ คนที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วตอบว่า

"ครับพ่อ ผมสัญญาครับ ผมจะคอยดูแลต้น ผมจะไม่ทิ้งต้นครับ" สนพูดด้วยความมั่นใจ แม้จะไม่มีใครบอกเขา เขาก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะดูแลเพื่อนคนนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการตอบแทนที่ต้นได้ช่วยชีวิตเขาไว้และยังเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาตลอดมา สนหันกลับมามองเพื่อนตามเดิม สายตาของเขาฉายแววมาดมั่นที่จะทำอย่างที่สัญญาไว้

พอถามไถ่อาการกันพอสมควรแล้ว พ่อแม่ของสนและพ่อของต้นก็พาสนไปแจ้งความที่โรงพัก ส่วนแม่ของต้นอาสาอยู่เป็นเพื่อนต้นที่โรงพยาบาลเอง

ก่อนออกไปจากห้อง สนหันมาบอกต้นว่า "เดี๋ยวเรามานะต้น เราจะมานอนเป็นเพื่อนนาย"

ต้นยิ้มเป็นเชิงตอบรับ
------------------------------------------------------------------------------------------------
พอมาถึงสถานีตำรวจ ครอบครัวของสนได้แจ้งข้อหาพยายามข่มขืนผู้เยาว์แก่ชายโรคจิตคนนั้นซึ่งอาจถูกลงโทษจำคุกนานถึง 20 ปี พอเสร็จธุระแล้ว สนก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขี่จักรยานไปโรงพยาบาลอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนต้น พอไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นแม่ของต้นนั่งอ่านหนังสืออยู่ ส่วนต้นหลับไปแล้ว เขาจึงเข้าไปคุยกับแม่ของต้นและเล่าให้ฟังว่าเขาไปแจ้งความอะไรไว้บ้าง ตอนนี้ตำรวจกำลังออกตามหาตัวชายโรคจิตคนนั้นอยู่ คาดว่าจะจับตัวได้ไม่ยากเพราะรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร คุยกันได้สักพักต้นก็ตื่น

"สน...เราปวดฉี่น่ะ พาเราไปห้องน้ำหน่อยสิ" ต้นบอกด้วยเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

สนรีบกุลีกุจอไปช่วยประคองเพราะต้นใช้แขนข้างหนึ่งไม่ได้จึงทำให้ลุกไม่สะดวก เขาพาต้นไปที่หน้าห้องน้ำแล้วก็ถามว่า "ให้เราเข้าไปช่วยข้างในไหม"

"ไม่เอา เราทำเองได้น่า" ต้นบอกพลางหัวเราะ แม่ของต้นก็พลอยหัวเราะไปด้วย

สนช่วยเปิดประตูให้ต้นเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างระมัดระวัง สายตาคอยมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง "เสร็จแล้วบอกเรานะ เดี๋ยวเราช่วยเปิดประตูให้"

สนกำชับก่อนที่จะช่วยปิดประตู พอได้ยินเสียงลูกบิดประตูดังอีกครั้งเขาก็รีบบอกต้นว่า "นายไม่ต้องเปิดเองหรอกเดี๋ยวเราเปิดให้" สนบอกพลางใช้มือเปิดประตูให้ต้นอย่างระวัง

เขาพาต้นกลับมานอนบนเตียงตามเดิมแล้วก็นั่งคุยกับต้นอยู่ข้างๆ คุยกันได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แม่ของต้นเดินไปเปิดก็เห็นเพื่อนชายหญิงของต้นหกเจ็ดคนยืนออกันอยู่ เพื่อนๆ ที่ทราบข่าวมาเยี่ยมต้นนั่นเอง เด็กๆ เดินเข้ามาข้างในห้องแล้วก็กรูเข้าไปถามต้นกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นยังไงบ้าง หนึ่งในนั้นมีเพื่อนชายของต้นคนหนึ่งที่มีท่าทางกระตุ้งกระติ้ง พอรู้ว่าต้นไปช่วยสนไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกชายคนนั้นข่มขืน เขาก็พุ่งมือมาเกาะแขนสนเพื่อจะถามว่าสนเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วก็เลยเกิดเรื่องขึ้น สนสะบัดมือออกโดยอัตโนมัติและผลักเพื่อนของต้นคนนั้นจนกระเด็นล้มลงก้นจ้ำเบ้า

"อย่ามาถูกตัวกูนะเว้ย" สนว่าด้วยเสียงดังลั่น เขาดูไม่พอใจอย่างมาก ทุกคนทำหน้างงและมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สนหวาดกลัวและระแวงผู้ชายกระตุ้งกระติ้งเป็นอย่างมาก และเขาก็เป็นอย่างนั้นนับตั้งแต่นั้นมา กะเทยคนไหนก็ตามที่เข้ามาทำก้อร่อก้อติกหรืออยู่ใกล้เขาจะถูกเขาไล่เตะจนวิ่งหนีแทบไม่ทัน หลายครั้งสนก็สบถด่าด้วยคำพูดแรงๆ ที่แสดงอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ไม่มีกะเทยคนไหนกล้าเข้าใกล้สนอีกเลย

"เฮ้ย ไอ้สน อีรุ่งมันก็ถามมึงดีๆ มึงไปผลักมันทำไมวะ" เพื่อนคนหนึ่งของต้นถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาเรียกเพื่อนชายที่กระตุ้งกระติ้งว่า "อีรุ่ง" เพราะทุกคนก็เรียกแบบนี้กันทั้งโรงเรียน

"กูเกลียดไอ้พวกกะเทยผิดเพศพวกนี้ มันทำไม่ดีกับกู แถมยังทำให้เพื่อนกูต้องมาเจ็บตัวอีก" สนตอบกลับไปอย่างฉุนเฉียว ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ ต้นกับสนจะพูดมึง-กูซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ระหว่างต้นกับสนแล้ว ทั้งสองไม่เคยพูดมึง-กูด้วยกันเลย จะเรียกว่า “นาย-เรา” เสมอ

ต้นเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบปรามเพื่อน "สน...ใจเย็นๆ ก่อน" แล้วต้นก็หันไปบอกเพื่อนๆ ว่า "เดี๋ยวพวกมึงกลับไปก่อนนะ กูไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวกูจะไปเล่าให้ฟังที่โรงเรียน"

พอเห็นบรรยากาศไม่ดี เพื่อนๆ ของต้นจึงต้องพากันกลับ ต้นก็ฉลาดพอที่จะไม่ต่อว่าเพื่อนเพราะเขาพอเข้าใจความรู้สึกของสนซึ่งกำลังเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่ จึงชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อให้สนสบายใจขึ้น ความเข้าใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นี่เองที่ทำให้สนรักเพื่อนของเขามาก
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สนจะคอยดูแลต้นเป็นอย่างดี ไม่มีใครสามารถรังแกเพื่อนเขาได้เลย และก็เป็นอันรู้กันทั้งโรงเรียนว่า "เพื่อนสน ใครอย่าแตะ" ในช่วงหลังๆ นั้นสนไม่ค่อยได้ออกไปทำงานช่วยพ่อแม่บ่อยนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่ของสนอยากให้สนมีเวลาเรียนมากขึ้นเนื่องจากเห็นว่าผลการเรียนของสนดีขึ้นมาก เกรดเฉลี่ยสามกว่าๆ แล้ว นอกจากนี้ น้าสาวของสนที่อยู่เมืองนอกก็ส่งเงินมาให้ใช้บ้าง แม้จะไม่ทุกเดือนแต่ก็ทำให้ครอบครัวเขาลำบากน้อยลงกว่าเดิม สนจึงมีเวลามากขึ้น ตอนเย็นๆ เขามักจะเล่นเตะบอลกับเพื่อนๆ ก่อนกลับบ้าน บางทีต้นก็ไปนั่งดูหรือไม่ก็ลงไปเล่นด้วย การเล่นกีฬาทำให้สนมีรูปร่างที่แสดงถึงความเป็นหนุ่มมากขึ้น เขาเป็นคนที่หุ่นดีมาก สูงและผิวขาวตามแบบฉบับของคนเหนือ บางครั้งเวลาต้นนั่งดูสนเล่นฟุตบอล พอเห็นสนถอดเสื้อแล้วก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ต้นเริ่มสงสัยตัวเองแล้วว่าตัวเขาอาจจะเป็นเกย์ แต่เขาแทบจะไม่มีท่าทางใดๆ ที่ดูเหมือนผู้หญิงเลย นอกจากหน้าตาที่ออกหวานหน่อยๆ และนิสัยที่ไม่ชอบเล่นกีฬาหรือทำงานที่ต้องใช้กำลัง แต่อย่างไรก็ดี ต้นก็พอทำได้ในระดับหนึ่งเพราะต้นก็ยังเล่นเตะบอล บาสเกตบอลหรือทำงานที่ใช้กำลังอยู่บ้าง จึงไม่มีใครสงสัยรวมถึงครอบครัวของเขาเองด้วย แม้ว่าต้นจะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาเป็นอะไรแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้นตระหนักดีก็คือ ถ้าหากต้นเป็นเกย์จริงๆ แล้ว ต้นจะไม่มีวันบอกสิ่งนั้นกับสนอย่างเด็ดขาดเพราะเขากลัวต้องเสียเพื่อนไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
แม้ว่าต้นกับสนดูจะเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน แต่ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ยั่วยุและล่อแหลม บางครั้งก็ทำให้ไขว้เขวไปได้เหมือนกัน พอเริ่มขึ้น ม.3 สนก็ถูกเพื่อนชวนไปกินเหล้าและสูบบุหรี่ แต่สนก็แอบทำไม่ให้ครู พ่อกับแม่หรือต้นเห็น บางทีก็แอบไปสูบหลังโรงเรียน ในห้องน้ำหรือนอกรั้วโรงเรียน ส่วนเหล้านั้น บางทีเพื่อนก็จะเอามาให้สนลองกินเวลาที่เจอกันในหมู่บ้านบ้าง ส่วนต้นจะไม่แตะสิ่งเหล่านี้เลยเพราะการปลูกฝังของครอบครัวที่ค่อนข้างมีระเบียบ จะเห็นได้ว่าต้นถูกสอนให้เก็บหอมรอบริบเงินตั้งแต่เด็ก ถ้ามีเงินเหลือต้นจะต้องเอาเงินมาหยอดกระปุก พอเต็มแล้วก็จะเอาไปฝากธนาคารเป็นประจำ

ไม่นานนักต้นก็เริ่มระแคะระคายกับพฤติกรรมนอกลู่นอกทางของสนจากคำบอกเล่าของเพื่อนคนอื่นๆ ที่เคยเห็น แม้ต้นจะรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของเพื่อน แต่เขาก็คงจะไปห้ามปรามสนตรงๆ ไม่ได้ ต้นรู้ว่าถ้าเขาพูดดีๆ และมีเหตุผล สนจะฟังเขาเสมอ ที่สำคัญ ต้นก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนจะยอมรับฟัง

วันหนึ่ง ในขณะที่ต้นซ้อนท้ายจักรยานสนกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน ต้นได้กลิ่นบุหรี่ตอนสนคุยด้วยจึงตัดสินใจถามว่า "สน นายสูบบุหรี่หรือเปล่า"

สนอึ้งและเงียบไปสักพัก เขาไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยโกหกเพื่อนเขาจึงต้องตอบตามตรง "ใช่"

"แล้วนายกินเหล้าด้วยหรือเปล่า" ต้นถามอีก

"ใช่" สนยอมรับแต่โดยดี ต่างคนต่างเงียบไปพักใหญ่เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง

"นายอย่าบอกพ่อกับแม่ของเรานะต้น" สนขอร้องเพื่อน

"ทำไมล่ะสน" ต้นถามเสียงเรียบ

"เรากลัวพ่อกับแม่เราเสียใจ" สนบอกเพื่อนเสียงอ่อย

"ถ้านายกลัวพ่อกับแม่เสียใจ แล้วนายทำอย่างนั้นทำไมล่ะสน" คำถามง่ายๆ จากต้นช่วยทำให้สนคิดได้ เขาจึงเงียบไปพักใหญ่

พอถึงบ้าน ต้นลงจากรถจักรยานแล้วก็เดินมายืนด้านหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม "เราไม่ห้ามนายหรอกนะสน แต่เราอยากให้นายคิดดีๆ ถึงผลที่จะตามมาในวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตและครอบครัวของนายด้วย นายเป็นความหวังของพ่อแม่นะสน” ต้นเว้นจังหวะ “จริงๆ เราก็ไม่ชอบคนที่กินเหล้าสูบบุหรี่หรอกนะ แต่นายเป็นเพื่อนเรา ไม่ว่านายจะเป็นยังไงนายก็จะเป็นเพื่อนเราเสมอ เราเป็นห่วงนายนะสน เป็นห่วงจริงๆ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อน เราไม่สบายใจเลยที่เห็นเพื่อนที่เรารักกำลังเดินทางผิด ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง เราคงจะเป็นเพื่อนที่แย่มาก"

สนเริ่มสำนึกได้ เขาดึงมือต้นมาจับไว้แล้วตบเบาๆ สองสามที "เราสัญญาต้น เราจะไม่ทำแบบนี้อีก ขอบใจนายมากที่เตือนสติเรา นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรานะต้น" สนบอกเพื่อนจากใจจริง สองหนุ่มน้อยยิ้มให้กัน มันคือรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความเข้าใจที่ไม่สามารถจะหาจากใครอื่นได้ง่ายนักในโลกใบนี้ที่มีแต่การแข่งขัน

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
slowman
Guest

155. "ตอนพิเศษหนุ่มคนนี้ จะถอด.....ร้อนแรงขนาดไหน ขอความคิดเห็นคับ"
In response to message #3
 
17-Jan-12, 06:47 PM (SE Asia Standard Time)
 
   http://www.youtube.com/watch?v=YngU02zhUJE
พบกับการถอด…นายแบบหนุ่มที่ได้รับฉายาว่าแซ่บเวอร์ เกมส์ สรพงษ์ กับการก้าวครั้งยิ่งใหญ่ของเขา กับเรื่องราวชีวิตแบบหมดเปลือก อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ใหนมาก่อน ที่นี่ที่เดียว ไลค์ทีวี วันอังคารที่ 17 มกราคม 2555 20.00-21.00 น.
ที่ www.liketv.co.th
ลิ้งค์วิดีโอตัวอย่าง
http://youtu.be/YngU02zhUJE


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

4. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:17 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 5 <1>: สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก

แม้ว่าต้นจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมาก แต่ก็ถือว่าพอมีฐานะและอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน แตกต่างจากสนที่ครอบครัวของเขาต้องถือว่าอยู่ในฐานะที่ไม่ค่อยดีนัก พ่อแม่ของสนยังคงรับจ้างทำงานในไร่และขายส่งผักอยู่เช่นเดิม แต่ตอนหลังๆ ก็ดีขึ้นพอสมควรเนื่องจากน้าสาวของสนส่งเงินมาให้ใช้บ้าง บางครั้งฐานะที่ต่างกันก็ทำให้มีช่องว่างอยู่บ้างไม่มากก็น้อยแม้ว่าต้นจะไม่ได้คบเพื่อนที่ฐานะก็ตาม พอจะขึ้น ม. 4 พ่อแม่ของต้นก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ต้นคันหนึ่งสำหรับขี่ไปโรงเรียน แน่นอนต้นให้สนขี่ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่บางครั้งต้นก็กังวลว่าเพื่อนจะคิดมาก โดยเฉพาะยิ่งวันนี้ที่พ่อกับแม่จะพาต้นไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ในกรุงเทพ เป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่จะให้ต้นซื้อกางเกงยีนส์มาใส่เท่ห์ๆ เหมือนกับเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ต้นคิดถึงสนขึ้นมาทันที ถ้าต้นชวนสนไปด้วยเขาคงไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ แล้วถ้าต้นใส่เสื้อผ้าแบบนี้ให้สนเห็น ต้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสนจะคิดยังไง เขาเองก็อยากให้เพื่อนได้แต่งตัวแบบนี้บ้างตามประสาวัยรุ่น ต้นคิดกังวลอยู่นานแต่ก็หาทางออกไม่ได้เพราะต้นเองก็ยังเด็ก ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อของพวกนี้มาให้เพื่อนได้หรอก

ที่ต้นต้องคิดมากเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของสนนั่นเอง ที่ผ่านมาสนไม่เคยจัดงานวันเกิดเลย ต่างจากต้นซึ่งจัดงานวันเกิดทุกปีตั้งแต่เด็กๆ อย่างไรก็ตาม ต้นก็รู้ว่าสนเกิดวันไหน พอถึงวันเกิดของเพื่อน ต้นทำได้แค่เพียงบอกเพื่อนว่า "สุขสันต์วันเกิดนะสน" พร้อมกับพาสนไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารแถวๆ บ้าน แค่นั้นสนก็ดีใจแล้วล่ะ แต่ปีนี้ต้นอยากซื้อเสื้อผ้าดีๆ สักชุดให้เพื่อน แต่มันก็แพงน่าดูเหมือนกันสำหรับเด็กๆ อย่างเขา

เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ต้นจึงวิ่งไปปรึกษาพ่อเผื่อพ่อจะช่วยได้บ้าง พ่อของต้นกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ชั้นล่าง รอแม่ที่กำลังแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอกอยู่

"พ่อครับ" ต้นเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

พ่อเขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็วางหนังสือพิมพ์ลง "อ้าวต้น พร้อมแล้วเหรอลูก แม่เขายังแต่งตัวไม่เสร็จเลย" พ่อถามพลางสังเกตท่าทางแปลกๆ ซึ่งต้นมักจะทำเวลาจะขออะไรจากพ่อแม่เสมอ

"พ่อครับ วันจันทร์นี้เป็นวันเกิดสนครับ" ต้นบอกแค่นั้นก่อนเพื่อหยั่งเชิงความสนใจจากพ่อ

"เหรอลูก จริงด้วยสิ พ่อก็ไม่เคยถามเลยว่าสนเขาเกิดวันไหน แล้วต้นจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนล่ะ"

"สนไม่มีเงินจัดงานวันเกิดหรอกครับพ่อ แต่ว่าต้นอยากซื้อกางเกงยีนส์กับเสื้อให้ต้นสักชุดหนึ่ง พ่อว่าดีไหมครับ"

"เอาสิลูก เดี๋ยวพ่อช่วยซื้อให้ จะให้สนไปกับเราไหมล่ะ"

พอพ่อพูดจบ ต้นก็ร้องดีใจพร้อมกับโผกอดพ่อ "พ่อใจดีจังเลยครับ ต้นรักพ่อที่สุดเลย"

พ่อของต้นยิ้มด้วยความเอ็นดู ครอบครัวของต้นไม่เคยเห็นสนเป็นคนอื่นคนไกล สนมาทีไรก็ช่วยทำงานให้หลายอย่าง บางทีก็มาช่วยซ่อมหลังคา ท่อน้ำ ตัดหญ้าและอีกสารพัด ที่สำคัญ สนไม่เคยรับเงินที่พ่อกับแม่ของต้นให้เลย ครอบครัวของต้นเห็นว่าสนกับต้นเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและช่วยเหลือกันและกันมาตลอด เด็กสองคนนี้ไม่เคยทะเลาะกันเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เลย เพราะฉะนั้นถ้าจะซื้อของขวัญดีๆ ให้สน ที่บ้านของเขาจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

"แล้วจะให้สนไปด้วยไหมลูก ถ้าจะให้ไปต้องรีบไปบอกสนนะ" พ่อต้นถามย้ำอีกครั้ง

"ไม่ต้องหรอกครับ ผมอยากจะเซอร์ไพรส์สนครับ" ต้นบอกพ่อด้วยรอยยิ้มอย่างดีใจเป็นที่สุด
------------------------------------------------------------------------------------------------
คิดไปคิดมาที่บ้านต้นก็ตกลงกันว่าจะจัดงานวันเกิดให้สน แม่ของต้นซื้อเค้กวันเกิดมาเตรียมไว้พร้อมกับขนมและอาหารเย็น ส่วนต้นก็เตรียมของขวัญที่เลือกเองกับมือ เขามั่นใจว่าสนจะต้องใส่ได้และชอบของที่เขาซื้อให้อย่างแน่นอน พอเตรียมของเสร็จแล้ว ต้นก็ไปชวนสนพร้อมกับพ่อและแม่ของเขาให้มากินข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงวันเกิดให้สน เขาบอกแต่เพียงว่าพ่อกับแม่อยากเลี้ยงขอบคุณในโอกาสพิเศษ แม้ที่บ้านของสนจะดูงงๆ อยู่เพราะไม่รู้ว่ามีโอกาสพิเศษอะไร แต่ก็ยอมมาแต่โดยดี

เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมดแล้ว พ่อกับแม่ของต้นก็เชิญให้ทุกคนร่วมกินข้าว เย็นนี้มีกับข้าวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้มยำไก่บ้าน ยำวุ้นเส้น หมูทอดกระเทียมพริกไทยและน้ำพริก ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารบ้านๆ ที่ทำกินกันง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มยอดฮิตอย่างน้ำอัดลมสำหรับเด็กๆ ด้วย

พอทุกคนกินข้าวเสร็จ แม่ของต้นก็บอกให้ทุกคนอยู่รอก่อนเพราะจะมีของหวานตามมา ต้นกับแม่ขอตัวเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมของหวาน คนที่เหลือจึงนั่งคุยกันไปพลางๆ แต่คุยกันอยู่ดีๆ ไฟก็ดับพรึบลง ในขณะที่สนกับครอบครัวของเขากำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงคนร้องเพลง Happy Birth Day มาจากข้างหลัง พอเขาหันไปดูก็เห็นแม่ของต้นถือเค้กวันเกิดพร้อมเทียนสว่างไสวเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับต้น พอเริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทุกคนก็พร้อมใจกันร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้เขา สนได้แต่ตะลึงงันด้วยความคาดไม่ถึง เขาไม่เคยจัดงานวันเกิดมาก่อนเลยในชีวิต และไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้จัดงานวันเกิดของตัวเองกับเขาบ้าง แม่ของต้นเอาเค้กวันเกิดมาวางไว้ตรงหน้าเขา เขาเห็นทุกคนร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข เขามีความสุขและตื้นตันใจเป็นที่สุด จริงๆ แล้วเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันมีอะไรแปลกๆ เพราะปกติเมื่อถึงวันเกิดเขา ต้นก็มักจะพาเขาไปเลี้ยงข้าว แต่ปีนี้ต้นทำเหมือนจำไม่ได้ แถมอยู่ดีๆ ก็ชวนครอบครัวเขามากินข้าวที่บ้านด้วย เขาเพิ่งมาถึงบางอ้อก็ตอนนี้นี่เอง

ทุกคนปรบมือเมื่อร้องเพลงจบและบอกให้สนเป่าเทียนวันเกิด ในระหว่างนั้นต้นก็วิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดไฟและเอาของขวัญที่เขาเตรียมไว้มาให้เพื่อน

"สุขสันต์วันเกิดนะสน แม่ขอให้สนมีความสุขมาก คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนานะลูกนะ ขอให้เรียนเก่งๆ มีงานดีๆ ทำ จะได้ดูแลพ่อแม่ได้ พวกเราต้องขอบใจสนมากที่ช่วยดูแลต้น ต้นโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ อย่างสน พ่อกับแม่เองก็รู้สึกสบายใจและดีใจที่ต้นมีเพื่อนดีๆ อย่างสน พวกเราไม่เคยมองสนเป็นคนอื่นคนไกลนะลูก พวกเราชื่นชมและรักสนเหมือนเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเรา สนเป็นเด็กดีและขยัน มาบ้านของเราทีไรก็มาช่วยทำงานให้ตั้งหลายอย่าง ครั้งนี้นอกจากจะเลี้ยงวันเกิดให้สนแล้ว ก็ถือเป็นการเลี้ยงขอบคุณสนและครอบครัวด้วยก็แล้วกันนะ" แม่ของต้นอวยพรให้สน สนยกมือไหว้ขอบคุณ ถัดจากนั้นคนอื่นๆ ก็อวยพรให้สนบ้าง ทั้งพ่อของต้น พ่อและแม่ของสนซึ่งต่างก็ตื้นตันใจด้วยกันทั้งคู่เพราะใจจริงนั้นก็อยากจัดงานวันเกิดให้ลูกชายเหมือนครอบครัวอื่นๆ เขาบ้างมานานแล้ว

แล้วก็มาถึงตาของต้นซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่จะอวยพรให้เพื่อน เขาหยิบการ์ดใบหนึ่งซึ่งเขาเขียนอวยพรวันเกิดให้เพื่อนด้วยตัวเองขึ้นมา แล้วก็อ่านตามสิ่งที่เขาได้เขียนไว้

"ขอให้วันนี้เป็นวันที่สนมีความสุขมากๆ สำหรับเรา นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา เราอยากจะขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายคอยช่วยเหลือและดูแลเราเป็นอย่างดี เราจะเป็นเพื่อนที่ดีของนายเสมอ และหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป"

สนมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก เขาซาบซึ้งในทุกคำพูดที่เพื่อนของเขาได้กลั่นกรองและเขียนไว้ในการ์ดใบนั้นอย่างล้นเหลือ

"เรามีของขวัญให้สนด้วยนะ เราเลือกเองกับมือเลย" ต้นบอกพลางเดินไปหยิบกล่องของขวัญที่ห่ออย่างสวยงามมาแล้วส่งให้เพื่อนพร้อมกับพูดว่า "สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก"

สนรับกล่องของขวัญมาจากเพื่อน เขามองดูกล่องนั้นด้วยสายตาชื่นชมแม้จะยังไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ก่อนที่เขาจะเปิดดู สนวางกล่องของขวัญไว้บนโต๊ะอาหารแล้วก็เดินมากอดต้น

"ขอบใจมากเพื่อน ขอบใจจริงๆ ที่นายเป็นเพื่อนที่ดีกับเรามาตลอด"

ต้นกอดตอบเพื่อนเบาๆ สนไม่เคยกอดเขาแบบนี้มาก่อนเลย อย่างมากก็แค่กอดคอเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ต้นจึงรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอ้อมกอดของเพื่อนเขาจะอบอุ่นถึงเพียงนี้

"แกะของขวัญดูสิสน เรารู้ว่านายต้องชอบแน่ๆ เลย" ต้นบอกเพื่อนอย่างตื่นเต้น สนปล่อยอ้อมแขนออกแล้วก็เดินมาแกะกล่องของขวัญ ทุกคนมองด้วยสายตาคอยลุ้นว่าข้างในจะเป็นอะไรแม้ว่าบางคนจะรู้แล้วก็ตาม นอกจากนี้ก็ยังลุ้นด้วยว่าสนจะชอบหรือไม่ พอสนเห็นว่าของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในชีวิตของเขาเป็นกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีขาวมีลวดลายเท่ห์ๆ แบบวัยรุ่นที่เขาอยากได้มานาน เขาก็ยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เข้มแข็งมากเพียงใดก็ตาม แต่วันนี้เขาไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจเอาไว้ได้เลย

"ขอบคุณทุกคนมากครับ ผมชอบที่สุดเลยครับ" สนหันไปบอกพ่อกับแม่ของต้น แล้วก็หันมาทางต้นที่ยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ "ขอบใจมากเพื่อน เราจะไม่มีวันลืมวันนี้และของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในชีวิตของเราเลย"

สนเดินมากอดเพื่อนอีกครั้ง ในชีวิตนี้เขาจะหาเพื่อนที่ดีกับเขาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เขารู้สึกดีใจและโชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอต้นและได้เป็นเพื่อนกัน ชีวิตเขามีแต่สิ่งดีๆ ได้ก็เพราะมีเพื่อนคนนี้ที่คอยช่วยและให้กำลังใจเขาเสมอมา

ทุกคนมองดูภาพที่เพื่อนรักสองคนกอดกันด้วยความตื้นตันใจจนถึงกับน้ำตาซึมกันทุกคนเลยทีเดียว

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

5. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:19 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 5 <2>: ไปเที่ยวทะเล

ช่วงปิดเทอมก่อนที่จะขึ้น ม. 4 ครอบครัวของต้นถือโอกาสนี้พาต้นรวมทั้งสนและครอบครัวไปพักตากอากาศด้วยกันที่อ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นเวลา 3 วันด้วยกัน ตอนแรกสนกับครอบครัวจะไม่ไปเพราะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย แต่พ่อกับแม่ของต้นก็เกลี้ยกล่อมจนสำเร็จโดยให้ครอบครัวของสนออกเงินช่วยเท่าที่จะช่วยได้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พ่อกับแม่ของสนต้องตอบตกลงนั้นเป็นเพราะเห็นว่าสนหน้าจ๋อยมาหลายวันแล้วตั้งแต่รู้ว่าจะไม่ได้ไป สนอยากไปทะเลมากเพราะเขาไม่เคยไปเลย พอรู้ว่าจะได้ไปเท่านั้นแหละ สนก็ยิ้มออกและกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม
------------------------------------------------------------------------------------------------
ระหว่างที่เดินทาง ต้นกับสนคุยกันอย่างสนุกสนานไปตลอดทาง ดูพวกเขาทั้งสองคนตื่นเต้นกันมากทีเดียว ต้นอาจจะไม่เท่าไรเพราะเขาเคยไปเที่ยวทะเลมาแล้วครั้งหนึ่งตอนอยู่ ป. 4 คนที่ตื่นเต้นกว่าใครเพื่อนก็คือสนนั่นเอง เขาเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้ถึงอ่าวมะนาวไวๆ

เกือบบ่ายสาม รถตู้ก็พาทุกคนมาถึงอ่าวมะนาว แต่ก่อนจะได้ไปเล่นน้ำทะเลนั้นก็ต้องเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บบนห้องพักก่อน ต้นกับสนรีบช่วยพ่อกับแม่เอาของไปเก็บอย่างเร็วไวเพราะอยากจะเล่นน้ำทะเลกันเต็มแก่

พอเก็บของเสร็จ เด็กๆ ก็ปรี่วิ่งลงไปที่ทะเลกันอย่างรวดเร็ว ไม่ฟังเสียงเรียกให้รอของบรรดาพ่อแม่เดินตามมาอย่างช้าๆ ดูต้นกับสนจะสนุกมาก โดยเฉพาะเวลาที่มีคลื่นลูกโตๆ มา พวกเขาจะวิ่งเข้าใส่อย่างสนุกสนาน ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันบ้าง เดินเล่นน้ำบ้าง ไม่ได้เล่นโลดโผนเหมือนกับเด็กๆ

“ต้น สน มาถ่ายรูปกันเร็วลูก” แม่ของต้นกวักมือเรียกเด็กๆ ให้ขึ้นจากทะเล เด็กสองคนวิ่งขึ้นมาอย่างไม่รอช้า

รูปที่ถ่ายก็มีทั้งถ่ายเดี่ยวบ้าง ถ่ายหมู่บ้าง ถ่ายเป็นครอบครัวบ้าง หรือไม่ก็ถ่ายเป็นคู่ แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่ต้นกับสนชอบมากเป็นพิเศษ เป็นรูปที่ต้นกับสนถ่ายขณะกอดคอกันอยู่ริมทะเล สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข ทั้งสองคนชอบมากถึงขนาดให้พ่อกับแม่เอาไปอัดใส่กรอบรูปเลยทีเดียว ต้นกับสนจึงมีรูปนี้เก็บไว้กับตัวคนละใบ

หลังจากที่เล่นน้ำกันหนำใจแล้ว ต้นกับสนก็เริ่มเหนื่อยจึงขึ้นมาเดินเล่นบนชายหาดบ้าง ตะวันกำลังใกล้จะตกดินพอดี สำหรับเด็กๆ แล้ว เดินเล่นเฉยๆ คงไม่สนุก ต้นกับสนจึงผลัดกันขี่หลังแล้วก็วิ่งเล่นบนชายหาด มีอยู่ตอนหนึ่งที่สนขี่หลังต้น ต้นวิ่งไปแล้วก็สะดุดกับอะไรบางอย่างจนล้มลง จริงๆ ต้นก็ไม่เจ็บอะไรมาก แต่ด้วยความนึกสนุกจึงแกล้งทำเป็นนอนนิ่งๆ สนตกใจจนหน้าซีด เขาเขย่าตัวเพื่อนแล้วถามด้วยน้ำเสียงตกใจระคนเป็นห่วงว่า

“ต้น นายเป็นอะไร”

สักพักต้นก็ลืมตาขึ้น ยักคิ้วหลิ่วตาด้วยความสนุกที่สามารถแกล้งเพื่อนได้ แต่ปรากฏว่าสนกลับไม่สนุกด้วย เขารู้สึกโกรธมากทีเดียวเพราะเมื่อกี้เขาตกใจจนแทบสิ้นสติเพราะนึกว่าต้นเป็นอะไรไปเสียแล้ว สนลุกขึ้นแล้วก็เดินหนีไป ต้นเห็นเพื่อนโกรธอย่างนั้นก็หน้าเสีย เขาวิ่งตามแล้วไปดักหน้าเพื่อน กางแขนกั้นไว้

“สน เราขอโทษ อย่าโกรธเราสิ เราไม่ได้ตั้งใจ”

สีหน้าของสนดูบึ้งตึงมากทีเดียว แต่พอเห็นเพื่อนสำนึกผิดแล้วสนก็คลายอารมณ์โกรธเมื่อสักครู่นี้ลงมาบ้าง “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะต้น เมื่อกี้เราตกใจมากรู้หรือเปล่า” สนพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ

ต้นหน้าจ๋อยลงอีก เขาคิดไม่ถึงว่าเพื่อนจะตกใจและโกรธขนาดนั้น “เราขอโทษ เราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เราสัญญา”

เห็นต้นทำหน้าจ๋อยแบบนั้นสนก็นึกขำ ปกติเขาไม่ค่อยเห็นต้นทำหน้าแบบนี้นัก สนค่อยๆ ยิ้มให้เพื่อน ต้นจึงเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจในที่สุด ปกติเขาสองคนไม่เคยโกรธกันแบบนี้เลย นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“เมื่อกี้เราตกใจมากรู้ไหมต้น เรานึกว่านายเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก อย่าทำแบบนี้อีกแล้วกัน” สนพูด้วยเสียงอ่อนลง

ต้นพยักหน้ารับคำ “เราเข็ดแล้ว เราไม่ทำอีกแล้ว”

“ไปหาพ่อกับแม่ดีกว่า เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกัน” สนตัดบท แล้วก็เดินกอดคอต้นไปหาพ่อกับแม่ซึ่งกำลังรอที่จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกันอยู่

อาหารที่สั่งมากินเย็นนี้เป็นอาหารทะเลล้วนๆ แต่เด็กๆ ดูจะชอบกุ้งและปูนึ่งตัวโตๆ เป็นพิเศษ จึงกินกันอย่างเต็มที่ อิ่มจนแทบจะเดินกันไม่ไหว

ต้นกับสนพักห้องเดียวกัน ส่วนพ่อกับแม่ก็แยกพักเป็นครอบครัวๆ ไป ก่อนนอน ต้นกับสนออกมานั่งรับลมเย็นๆ ที่ระเบียงห้อง วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสเพราะเป็นหน้าร้อน ไม่มีฝน จึงเห็นดาวเกลื่อนอยู่เต็มท้องฟ้า สนจึงช่วยสอนต้นดูดาวต่างๆ บนท้องฟ้า

“นายเห็นไหมต้น ดาวหมีใหญ่ ตรงทิศเหนือ” สนว่าพลางชี้ให้เพื่อนดู ต้นก็มองตาม

“ไม่เห็นจะเหมือนหมีตรงไหนเลย เราว่ามันเหมือนจระเข้มากกว่า” ต้นแย้ง

“ถูกเผงเลย มันเป็นกลุ่มดาวเดียวกันนะ” สนบอกอย่างตื่นเต้น “นายเห็นสามเหลี่ยมฤดูร้อนนั่นไหม”

“อยู่ตรงไหน” ต้นถามอย่างอยากรู้

“นั่นไง มันเป็นดาวสามดวงที่มาจากดาวสามกลุ่ม ดาวที่สว่างที่สุดเรียกว่าดาวเวก้า อยู่ในกลุ่มดาวพิณ” สนบอกพลางชี้มือเลื่อนสูงขึ้นมาเกือบกลางฟ้า

ต้นมองเพื่อนด้วยสายตาทึ่ง “ทำไมนายรู้จักดาวตั้งหลายดวงแน่ะ”

“ก็เมื่อก่อนที่เราอยู่น่าน เราชอบดูดาวไง ตอนอยู่ ป. 4 เราเคยไปเข้าค่ายที่ดอยอินทนนท์แล้วครูก็สอนให้พวกเราดูดาว ใช้กล้องดูดาวด้วยนะ ก็เลยพอจำได้” สนอธิบาย

“โห นายเคยไปดอยอินทนนท์ด้วยเหรอ สูงไหม หนาวมากหรือเปล่า” ต้นถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“สูงสิ แล้วก็หนาวมากด้วย เราไปตอนหน้าหนาวพอดี หนาวจนแทบจะเดินไม่ออกเลยล่ะ น้ำเย็นอย่างกะน้ำแข็งแน่ะ” สนบอกพลางทำท่าทางไปด้วย

ต้นเห็นแล้วก็ขำ แล้วทั้งคู่ก็บังเอิญสบตากัน มีแววประหม่าที่พอจะสังเกตเห็นได้จากทั้งสองคน โดยเฉพาะต้น เขารู้สึกว่าสนมีพลังดึงดูดบางอย่าง ต้นเริ่มรู้สึกถึงสิ่งนั้นได้มากขึ้นทุกทีๆ ในช่วงหลังๆ มานี้

“ต้น วันนี้เรามีความสุขมากนะ ขอบคุณนายกับครอบครัวมากที่พาเรามาจนได้ ไม่งั้นเราก็คงไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวทะเลแน่ๆ แบบนี้หรอก” สนพูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่เขารู้สึกว่ามันแปลกไป

“อ๋อ...ไม่เป็นไรหรอก เราอยากให้นายมาด้วยอยู่แล้ว ถ้านายไม่มาเราก็มาเที่ยวไม่สนุกหรอก เผลอๆ จะไม่มาด้วย” ต้นบอก “ไม่รู้สิ ตั้งแต่รู้จักกับนาย ถ้าไปไหนแล้วไม่มีนายไปด้วยก็ไม่สนุกหรอก”

“นายก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันเหรอต้น เรานึกว่าเราเป็นคนเดียวเสียอีก”

“อืม...ใช่...สงสัยชีวิตนี้เราจะขาดนายไม่ได้เสียแล้วล่ะ” ต้นว่าพลางหัวเราะเบาๆ

สนเขยิบมากอดคอเพื่อนไว้ เขามองหน้าต้นพลางยิ้ม “เราก็เหมือนกันแหละ” สนบอกและหัวเราะเบาๆ เช่นกัน

ทั้งสองคนคุยกันอยู่จนดึกดื่นกว่าจะได้เข้านอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว การมาเที่ยวทะเลด้วยกันสามวันนี้เป็นประสบการณ์ชีวิตที่สนุกและน่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง นึกถึงทีไรก็มีความสุข

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

6. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:21 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 6: น้อยใจแล้วนะ

พอขึ้นชั้น ม.4 สนก็เริ่มมีบทบาทในด้านการเป็นนักกีฬามากขึ้นเพราะความสามารถที่โดดเด่นทางด้านนี้ของเขานั่นเอง เขาเริ่มแข่งจริงๆ จังๆ ตอนงานกีฬาสีของโรงเรียน ทุกครั้งที่สนลงแข่งจะมีสาวๆ คอยตามไปเชียร์ตลอดเพราะเขามีหน้าตาที่หล่อเหลาและรูปร่างที่ดูเป็นหนุ่มเกินวัย เวลาที่เขายิงประตูได้ก็จะมีคนส่งเสียงกรี๊ดสนั่น พอแข่งเสร็จก็จะมีสาวๆ เอาน้ำ เอาขนมและอะไรต่อมิอะไรมาให้เขามากมาย นอกจากนี้ สนมักจะได้รับจดหมายบอกรัก ช็อกโกแลตหรือดอกไม้จากสาวๆ ในโรงเรียนอยู่เสมอๆ ทั้งเอามาให้เอง ฝากเพื่อนมาให้ หรือไม่ก็แอบเอามาวางไว้ที่โต๊ะเรียนของสน แต่สนเองก็ยังไม่ได้คบหากับใครเป็นพิเศษ ส่วนต้นเองก็พอมีเช่นกัน มีสาวๆ มาแอบชอบต้นหลายคนอยู่ แต่ต้นก็ดูเฉยๆ กับสาวๆ เหล่านั้น

เช้าวันหนึ่ง สนเดินมาบอกต้นซึ่งกำลังคุยกับเพื่อนที่หน้าห้องเรียนว่า "ต้น เรามีอะไรจะคุยด้วยหน่อย"
ต้นหันมามองเพื่อน แล้วจึงปลีกตัวออกมาคุยกับสนตามลำพัง "มีอะไรเหรอ" ต้นถามด้วยความอยากรู้

"นายรู้จักดาใช่ปะ น้องที่อยู่ห้อง ม.3/1 ไง"

ต้นพยักหน้าและเริ่มสงสัยในท่าทางแปลกๆ ของเพื่อน

"ดีเลย เราชอบดา เราอยากให้นายช่วยเป็นพ่อสื่อให้เราหน่อย ถ้านายพอมีเวลา นายช่วยเอาจดหมายที่เราเขียนไปให้ดาได้หรือเปล่า ช่วยเราหน่อยนะเพื่อน" สนขอร้องพลางส่งจดหมายให้ต้น

ต้นรับไว้อย่างหวั่นใจ สงสัยเพื่อนของเขาคงจะตกหลุมรัก "ดา" หรือ "นันทิดา" ซึ่งเป็นรุ่นน้องแน่ๆ ต้นพยักหน้ารับคำอย่างเสียไม่ได้

"ขอบใจนะต้น เดี๋ยวเราจะมาฟังคำตอบจากนาย" สนขอบคุณด้วยท่าทางตื่นเต้น แต่ต้นกลับรู้สึกใจหายชอบกล
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากนั้นไม่นานนัก สนกับดาก็กลายเป็นแฟนกัน สนจึงไม่ค่อยมีเวลามาคลุกคลีกับต้นเหมือนเมื่อก่อน ตอนเที่ยงสนก็กินข้าวกับแฟน กลับบ้านก็พาไปส่งหรือไม่ก็ไปเดินเที่ยวแถวๆ ตลาดใกล้โรงเรียนซึ่งบางวันก็จะมีตลาดนัด มีของขายมากมาย วันหยุดสนก็มาบ้างไม่มาบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะเขาต้องซ้อมกีฬา แต่เขาก็ต้องพาแฟนไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปดูหนังในตัวอำเภอเมืองหรือไม่ก็เข้ากรุงเทพ ตอนนี้สนเริ่มรู้จักเดินทางด้วยรถเมล์แล้วจึงสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้มากขึ้น บางทีต้นก็สงสัยเหมือนกันว่าสนไปเอาเงินมาจากไหนพาแฟนไปเที่ยว แต่ก็เดาเอาเองว่าสนก็คงมีวิธีของเขานั่นแหละ หรือไม่เขาก็คงจะมีเงินเก็บไว้บ้าง แต่ต้นก็รู้สึกเริ่มน้อยใจเพื่อนที่ไม่ค่อยมาหาเขาแล้วล่ะ หลังๆ ต้นจึงเป็นฝ่ายหลบหน้าหลบตาเพื่อนเสียเองเพราะไม่อยากไปกวนใจเพื่อน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าต้นไม่ชอบเวลาที่เห็นสนอยู่กับแฟนนั่นเอง เห็นทีไรก็อึดอัดใจและไม่รู้จะคุยอะไรด้วย บางทีก็ทำหน้าไม่ถูก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคุยกับสนน้อยลง ตอนเช้าเวลาไปโรงเรียนหรือตอนกลับบ้าน ต้นก็มักจะไปหรือกลับคนเดียวด้วยมอเตอร์ไซค์ของเขา ส่วนสนก็ไป-กลับด้วยรถสองแถวรับจ้างหรือไม่ก็กลับกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่บางทีต้นก็อดสงสัยว่าสนไม่คิดถึงเขาบ้างเลยหรือไง เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน อยู่ๆ ก็หายไปเสียอย่างนั้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
"ทำไมเดี๋ยวนี้พ่อไม่ค่อยเห็นสนมาบ้านเราเลยล่ะต้น" พ่อของต้นเอ่ยถามขณะอ่านหนังสือพิมพ์ในวันหยุด ต้นเงยหน้าจากการทำการบ้านแล้วหันมาคุยกับพ่อ

"สนเขาต้องซ้อมกีฬาครับพ่อ พอดีเขาเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน แล้วเดือนหน้านี้สนก็จะต้องไปแข่งระดับจังหวัดด้วยครับ" ต้นตอบคำถามพ่อ แต่ก็เป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่ง

"อ๋อ ถึงว่าล่ะ สองสามเดือนนี้พ่อไม่ค่อยเห็นหน้าสนเลย" พ่อว่าแล้วก็หันกลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

ต้นเดินมานั่งใกล้ๆ กับพ่อเพราะอยากจะถามอะไรบางอย่าง "พ่อครับ ตอนสมัยเด็กๆ พ่อเคยมีเพื่อนสนิทไหมครับ"

พ่อของต้นเงยหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยความสงสัย "มีสิลูก มีหลายคนเลยทั้งสมัยประถม มัธยมหรือตอนเรียนมหาลัย"

"เหรอครับ แล้ว...ตอนเรียน พ่อเคยมีแฟนไหมครับ" ต้นถามต่อ

"มีสิลูก เรื่องธรรมดาของผู้ชาย เมื่อก่อนพ่อก็หล่อพอๆ กับต้นนี่แหละ มีสาวๆ ในโรงเรียนมาชอบเยอะเลย" พ่อบอกด้วยสีหน้าภูมิใจแต่ก็เริ่มสงสัยว่าต้นถามทำไม "มีอะไรหรือลูก ถามพ่อเรื่องนี้ทำไม หรือว่าต้นมีแฟนแล้ว"

"เปล่าครับ" ต้นรีบปฏิเสธ "ต้นแค่อยากรู้ว่าตอนที่พ่อมีแฟน พ่อยังสนิทกับเพื่อนๆ เหมือนเดิมหรือเปล่าครับ"

"อ๋อ...ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ลูก แต่ก็เป็นธรรมดาที่พ่อต้องให้เวลากับแฟนมากหน่อย อย่างตอนที่พ่อเริ่มจีบแม่ของต้น พ่อก็ไม่ค่อยได้ไปหาเพื่อนเท่าไรหรอก แต่เพื่อนพ่อมันก็เข้าใจ พวกมันเองเวลามีแฟนมันก็ทำเหมือนพ่อนั่นแหละ เพราะว่าแฟนเป็นคนที่เราคาดหวังว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต เพราะฉะนั้นเราก็จำเป็นต้องให้เวลากับเขา เรียนรู้และศึกษากันมากหน่อย"

"แล้ว... ตอนนี้พ่อยังสนิทกับเพื่อนๆ เหมือนเดิมหรือเปล่าครับ"

"มันเป็นเรื่องธรรมดานะลูก คนเราพอแต่งงาน มีครอบครัว ก็เริ่มห่างจากเพื่อนฝูงเป็นธรรมดา บางทีก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ก็เลยไม่ค่อยสนิทกันเหมือนเดิม ด้วยสภาพชีวิตที่เปลี่ยนไป อย่างเมื่อก่อนพ่อเคยสนิทกับเพื่อนคนหนึ่งมากสมัยมัธยม แต่พอไปเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยได้เจอมัน ก็เริ่มห่างกันไป ไม่ค่อยสนิทกันเหมือนเดิม พ่อก็มีเพื่อนใหม่ สนิทกับเพื่อนใหม่ ส่วนเพื่อนพ่อคนนั้นก็เหมือนกัน แต่ก็มีเจอกันบ้าง คุยกันบ้าง อย่างเวลาเลี้ยงรุ่น พ่อก็ไป ก็ได้เจอเพื่อนๆ สมัยเรียน ก็ยังเจอกับมันเลย ก็ยังคุยสนิทกันดี"

ต้นพยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ แล้วก็ตัดสินใจบอกพ่อว่า "สนเขามีแฟนแล้วนะพ่อ"

พ่อหันหน้ามามองต้นทันที เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าลูกชายเขาเป็นอะไร เพราะหลังๆ ดูต้นหงอยๆ ไม่ค่อยร่าเริง

"อืม...อันนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งใช่ไหมลูกที่สนไม่ค่อยมาบ้านเรา" พ่อถาม ต้นพยักหน้าน้อยๆ พ่อเอามือมาแตะไหล่ต้นพลางปลอบว่า

"อย่าคิดมากน่ะต้น ตอนนี้สนเขาเพิ่งมีแฟน เขาอาจจะเห่อมากหน่อย สักพักเขาก็จะปรับตัวได้ ถ้าสักวันต้นมีแฟน ต้นก็อาจจะเป็นเหมือนสนก็ได้"

ต้นได้แต่พยักหน้าเข้าใจเพราะเขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า

"พ่อเชื่อว่ายังไงสนมันก็ไม่ทิ้งต้นหรอก พ่อดูออกว่าสนเขารักและเป็นห่วงต้นนะ พ่อว่าต้นโชคดีด้วยซ้ำที่มีสนเป็นเพื่อน พ่อเองก็ไม่เคยมีเพื่อนแบบสนเลย ไม่กี่คนหรอกนะลูกที่จะมีเพื่อนดีๆ แบบนี้ ให้เวลาสนเขาหน่อย อย่างที่พ่อบอก สนเขาอาจจะเห่อเพราะเพิ่งมีแฟน สักพักเขาก็จะมาหาต้นเหมือนเดิม แต่อันนี้ก็ต้องดูกันไปนะลูก เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง"

คำปลอบใจของพ่อทำให้ต้นใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดีว่ามันจะเป็นอย่างที่พ่อบอกไว้หรือไม่
------------------------------------------------------------------------------------------------
"ต้น" เสียงของสนดังมาจากข้างหลัง ต้นวางช้อนส้อมลงแล้วหันไปมอง

"เราได้ยินเพื่อนนายบอกว่าต้องทำงานประดิษฐ์ส่งอาจารย์เหรอ เดี๋ยวเย็นนี้เราไปช่วยนะ" สนว่าพลางเดินมาแตะไหล่เพื่อน สีหน้าท่าทางของเขาก็ดูเหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทางที่ห่างเหินแต่อย่างใด แถมสนยังดูอารมณ์ดีอีกด้วย ต้นพยักหน้ารับ

"โอเค นายกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวเราจะไปหาดาก่อน เดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน" สนบอกแล้วก็เดินรี่ไปหาดาซึ่งนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหารตัวหนึ่งแถวๆ มุมโรงอาหาร ต้นมองดูเพื่อนที่เดินไปหาแฟนด้วยสายตาละห้อย สนมาแป๊บเดียวแล้วก็ไป เขาก็อยากคุยกับสนเหมือนกัน แต่ทำไมสนถึงไม่มีเวลาให้เขาบ้างเลย วันๆ ก็ไปหาแต่แฟน ต้นได้แต่ตัดพ้อในใจเพราะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

"เฮ้ย ไงวะต้น เดี๋ยวนี้กูเห็นมึงนั่งกินข้าวคนเดียวแทบทุกวันเลยว่ะ แล้วไอ้สนเพื่อนรักของมึงไปไหนวะ" เอกซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของต้นถามพลางวางจานข้าวที่เขาเพิ่งไปซื้อมาแล้วนั่งลงข้างๆ ต้น จริงๆ เอกก็พอรู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็แกล้งถามไปเสียอย่างนั้น ต้นพยักพเยิดไปทางมุมโรงอาหาร เอกมองตามแล้วก็หัวเราะ

"อ๋อ มันมีแฟนนี่เอง มิน่าล่ะ เราไม่ค่อยเห็นมันมาหานายเลย ไอ้นี่ใช้ไม่ได้จริงๆ มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน" เอกว่าด้วยสีหน้าที่ไม่จริงจังนัก "เดี๋ยวกูกินข้าวเป็นเพื่อนมึงก็แล้วกัน"

ต้นยิ้มเศร้าๆ กับเพื่อน แต่ในใจของเขาก็รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เอกพูดอยู่ไม่น้อย
------------------------------------------------------------------------------------------------
พอเลิกเรียน สนก็มาหาต้นตามที่สัญญาที่ใต้ถุนอาคารเรียนหลังหนึ่งซึ่งเด็กนักเรียนจะเอารถมาจอดไว้ ยังไม่ทันที่จะได้ขึ้นรถ ดาก็วิ่งกระหืดกระหอบตามสนมา

"พี่สน วันนี้มีตลาดนัดแน่ะ ดาอยากไปซื้อของ พี่สนไปกับดาหน่อยสิ"

ต้นกับสนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สนมีท่าทีลังเลเพราะเพิ่งสัญญากับเพื่อนไว้ แต่อีกคนก็เป็นแฟนที่เพิ่งคบกัน

"พี่ต้นไปด้วยกันไหม" ดาหันมาชวนต้นด้วย ต้นส่ายหน้าแล้วตอบว่า

"ไม่ดีกว่า วันนี้พี่ต้องทำงานส่งอาจารย์ให้เสร็จ ดาไปกับสนเถอะ" ต้นบอกแล้วก็เดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ เขาสตาร์ทรถแล้วก็ขี่ออกไปโดยไม่รอฟังว่าสนจะพูดอะไรแม้แต่น้อย ต้นน้อยใจนั่นเอง

"เฮ้ยต้น เดี๋ยวก่อนสิ" สนร้องเรียกเพื่อนแต่ต้นก็ไม่ให้ความสนใจใดๆ

"ไปกันเถอะพี่สน เดี๋ยวกลับบ้านช้าแม่จะว่าเอา" ดารบเร้า

สนมองหน้าแฟนด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาไม่อยากผิดสัญญากับเพื่อนเลย แต่สุดท้ายก็ต้องเดินตามแฟนไป ในใจก็นึกเป็นห่วงเพื่อนเพราะรูว่าต้นทำงานพวกนี้ไม่ค่อยเป็น ที่ผ่านมาเขาจะช่วยต้นทำตลอด ต้นมีหน้าที่แค่นั่งดูและบอกเขาว่าจะทำอะไรเท่านั้น ต้นมันเป็นอะไรของมันนะ โกรธอะไรเขาหรือเปล่า ทำไมเขาเรียกแล้วต้นไม่หันมามองเขาแม้แต่นิดเดียว สนคิดสงสัยในใจ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เนื่องจากต้นเรียนสายวิทย์-คณิต จึงต้องทำงานประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ส่งครูอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่สนไม่ได้มาช่วยเขาทำ ต้นนั่งอยู่หลังบ้านด้วยสีหน้าเศร้า สนมันไม่สนใจเขาจริงๆ ด้วย ขนาดสนรู้ว่าเขาทำงานพวกนี้ไม่เก่ง และที่ผ่านสนต้องช่วยเขาทำตลอด สนกลับไม่สนใจที่จะมาช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ น้ำตาไหลลงโดยไม่รู้ตัว แต่ต้นก็ต้องรีบเช็ดน้ำตาเมื่อได้ยินเสียงคนสามสี่คนเอะอะอะไรบางอย่างอยู่หน้าบ้าน
"ต้น อยู่หรือเปล่า เราจะมาช่วยนายทำงานส่งอาจารย์น่ะ" เสียงเพื่อนๆ ต้นร้องตะโกน ต้นเดินออกมาดูก็เห็นว่าเอกกับเพื่อนร่วมห้องเขาอีกสองสามคนมาด้วย ต้นยิ้มด้วยความดีใจแต่ก็ยังแอบน้อยใจที่คนที่เขาอยากให้มาช่วยกลับไม่มาเลย

ต้นกับเพื่อนช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน เมื่อมีหลายคนงานจึงไปได้ค่อนข้างไว ทำไปจนใกล้เสร็จ สนก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา พอเห็นว่ามีคนมาช่วยต้นอยู่หลายคน สนก็ได้แต่ทำหน้าเหรอหราเหมือนไม่รู้จะทำอะไรเพราะเพื่อนๆ ของต้นหันมามองเขาด้วยสายตาเหมือนกับจะถามว่าเขามาทำไม

"ไอ้สนมึงไปไหนมาวะ แหม เดี๋ยวนี้พอมีแฟนแล้วก็ลืมเพื่อนเลยนะมึง" เอกต่อว่า

สนหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ต้นเองก็ตกใจที่เอกพูดอย่างนั้นกับสน สนหันมามองหน้าต้นเหมือนอยากให้ต้นช่วยพูดอะไรสักอย่าง ต้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันเพราะสนก็มาตอนที่งานใกล้จะเสร็จแล้ว เขายิ้มน้อยๆ แล้วบอกสนว่า "ใกล้เสร็จแล้วล่ะสน" ต้นบอกแค่นั้น

"ใช่ ไม่ต้องมาช่วยแล้ว ทีหลังพวกกูจะมาช่วยต้นเอง เบื่อว่ะพวกมีแฟนแล้วลืมเพื่อนเนี่ยะ" เอกกระแนะกระแหนอีก

สนหน้าเจื่อนสนิท รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการเพราะความตั้งใจที่จะมาช่วยเพื่อนถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ต้นเองก็ทำสีหน้าไม่ถูกและก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน เห็นสีหน้าสนแล้วต้นก็ไม่สบายใจเพราะรู้ว่าเขาคงเสียใจที่ถูกปฏิเสธเหมือนกัน

"โอเค งั้นเรากลับก่อนนะต้น" สนบอกเพื่อนพลางหันหลังเดินออกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง สิ่งที่เอกว่าเขาเมื่อสักครู่นี้ดังก้องอยู่ในหัว สนเริ่มคิดทบทวนว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า แต่เขาก็ยอมรับว่าช่วงหลังๆ นี้เขาไม่ค่อยได้มาหาหรือคุยกับต้นเลย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักหรือไม่ห่วงเพื่อนนี่นา อย่างไรก็ตาม เขาดูออกว่าต้นน้อยใจเขาแน่ๆ สนจะปล่อยให้เพื่อนรู้สึกอย่างนี้กับเขาไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนกับต้นมาหลายปีและนี่ต้องไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายของการเป็นเพื่อนกัน มันจะต่างอะไรกับการเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า เขาคงจะเจ็บปวดใจมากหากต้นเข้าใจว่าเขาทิ้งเพื่อนเพราะมีแฟนแล้ว ต้นจะคิดอย่างนั้นกับเขาไม่ได้ สนเริ่มเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อน เขารู้ตัวแล้วว่าที่ผ่านมาเขาทำตัวห่างเหินกับเพื่อนเอง ถ้าต้นน้อยใจก็คงไม่แปลก แล้วเขาจะทำอย่างไรดีเพราะไม่ว่าจะอย่างไร ต้นก็คือคนที่เขาแคร์ความรู้สึกมากกว่าใครทั้งนั้น

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

7. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:22 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 7: เพื่อนแท้หรือแค่เหงา

"สน มานี่หน่อยสิ กูอยากคุยอะไรด้วย" เสียงใครคนหนึ่งเรียกสนขณะที่เขากำลังจะเอากระเป๋าเรียนไปเก็บในห้องเรียน วันนี้สนมาโรงเรียนคนเดียวเช่นเคย เป็นอย่างนี้มาสองสามเดือนแล้ว เขาแทบจะได้มาโรงเรียนกับต้นเลยเพราะต้นคอยหลบหน้าเขาตลอดเวลา

"อ้าว! เอก มีอะไร เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อนได้ไหม" สนมองเพื่อนของต้นด้วยความแปลกใจ ปกติเขาก็ไม่คุยได้กับเอกเท่าไรนัก

เอกพยักหน้า พอสนเก็บกระเป่าเสร็จแล้วเอกก็พาต้นไปนั่งที่ม้าหินอ่อนซึ่งยังไม่มีใครนั่ง ตอนนี้เพิ่ง 7 โมงเช้า คนยังน้อยอยู่จึงไม่มีใครมากวน

"สน กูไม่ว่าเลยนะเว้ยถ้ามึงจะมีแฟน แต่มึงก็ต้องให้เวลากับไอ้ต้นมันบ้างสิวะ" พอนั่งลงแล้ว เอกก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เข้าประเด็นทันที เล่นเอาสนอึ้งไปอีกรอบหลังจากที่เมื่อวานโดนเอกต่อว่ามาหยกๆ

"ไอ้ต้นมันเหงานะเว้ย กูสังเกตดูมาหลายวันละ ตอนกลางวันมันก็นั่งกินข้าวคนเดียว กลับบ้านมันก็กลับคนเดียว แถมเมื่อวานมึงก็ไม่มาช่วยมันทำงาน มันก็ทำไม่ค่อยจะเป็น มึงไม่สงสารมันบ้างหรือไงวะ ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักของมันเหมือนกับมึง กูยังสงสารมันเลย"

สนถึงกับจุกในลำคอ เขาไม่เคยรู้เลยว่าการที่เขาห่างเหินไปจะทำให้ชีวิตของต้นเป็นแบบนั้นได้

"ไม่ได้พูดเล่นนะเว้ยไอ้สน ที่กูมาบอกมึงเนี่ยเพราะกูทนสงสารมันไม่ได้ มันเป็นเพื่อนกับมึงมานาน ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น ที่จริงกูก็ไม่ต้องบอกมึงก็ได้ มึงก็รู้ดีอยู่แก่ใจเพราะมึงสนิทกับมันมากที่สุด มึงก็น่าจะรู้ดีว่าไอ้ต้นมันติดมึงมากแค่ไหน แต่นี่มึงเล่นทำตัวห่างเหินไปซะอย่างนั้น ไอ้ต้นมันปรับตัวไม่ได้นะเว้ย มึงต้องให้เวลามันบ้าง มีแฟนแล้วก็อย่าทิ้งเพื่อนสิวะ" ตอนท้ายเอกพูดเชิงตำหนิ

"กูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะเอก กูจะทิ้งต้นทำไม ต้นมันเป็นเพื่อนรักของกูนะเว้ย" สนแก้ตัว แต่ใจก็รู้สึกผิดไปแล้ว

"ไม่รู้เว้ย แต่สิ่งที่มึงทำเนี่ย ถ้ากูเป็นเพื่อนมึงกูก็คงน้อยใจเหมือนกันแหละวะ ระวังนะเว้ย ถ้านายไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ ไป ก็ดูแลจิตใจมันบ้าง ไม่งั้นนายจะต้องมาเสียใจทีหลัง ไอ้ต้นมันเป็นคนดี มึงก็รู้จักมันดีกว่ากูเสียอีก หาไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะเว้ยเพื่อนอย่างไอ้ต้นน่ะ"

สนเงียบ ไม่เถียงเอกแม้แต่คำเดียว เพราะมันเป็นความจริงที่เขาเผลอมองข้ามไปโดยไม่รู้ แต่เขาไม่มีเจตนาอย่างนั้นเลย

"เอางี้ เที่ยงนี้มึงไปกินข้าวกับมันหน่อย ไม่ได้กินข้าวกับแฟนวันเดียวคงไม่ตายหรอกใช่ไหม ได้ไหม" เอกเสนอทางออกให้ สนพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ

"ให้มันได้อย่างนี้สิ ให้สมกับที่ไอ้ต้นมันรักมันห่วงมึงหน่อย อย่าลืมสัญญานะเว้ย ถ้าเที่ยงนี้มึงไม่ไปกินข้าวกับมัน กูจะแย่งไอ้ต้นมันมาเป็นเพื่อนรักกูเอง แล้วอย่ามาขอคืนนะเว้ย" เอกแซว ทำให้สนพอขำได้บ้าง
------------------------------------------------------------------------------------------------พอถึงเวลาเที่ยง สนก็มาตามที่สัญญาไว้กับเอก ใจจริงเขาก็ตั้งใจจะมาอยู่แล้วเพราะเขาเองก็คิดถึงต้นเหมือนกัน ไม่ได้คุยกับต้นหลายวันเขาก็รู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไป แต่ปัญหาก็คือวันนี้เขายังไม่เจอดาเลย ยังไม่ได้บอกแฟนเลยว่าจะมากินข้าวกับต้น แต่คิดไปคิดมาสนก็เห็นว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ทำไมเขาจะกินข้าวกับเพื่อนเขาบ้างไม่ได้

พอมาถึงโรงอาหาร ก็เห็นต้นนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวเหงาๆ อย่างที่เอกบอกจริงๆ สนรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ทำร้ายจิตใจเพื่อนเขาได้ขนาดนี้ เขาเดินเข้าไปหาเพื่อนซึ่งนั่งหันหลังให้เขาอยู่ วันนี้ดูท่าทางอากาศจะร้อนเพราะต้นถกแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยปากเรียกเพื่อน สนก็เหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นที่ต้นแขนของต้นซึ่งโผล่พ้นแขนเสื้อมาเล็กน้อย รอยแผลนั้นเขาจำได้ดี มันเกิดขึ้นตอนที่ต้นเสี่ยงชีวิตไปช่วยเขาให้พ้นจากการถูกชายโรคจิตข่มขืน สนถึงกับจุกในลำคอและพูดไม่ออก คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือเพื่อนที่รักเขามาก ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตไปช่วยเขา แต่พอเขามีแฟนเขากลับปล่อยให้เพื่อนนั่งเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้ สนรู้สึกผิดและสำนึกอย่างแท้จริงในเวลานี้ เขาได้แต่ขอโทษเพื่อนในใจ สนรู้ว่าต้นติดเขามาก มีอะไรก็จะถามหาหรือนึกถึงเขาตลอด เขารู้ว่าต้นคิดถึงเขาแต่เขากลับไม่ค่อยได้มาหาเพื่อนเลย สนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ถือจานข้าวเดินไปนั่งลงข้างๆ ต้น

"เรานั่งด้วยได้ไหม" สนถามเพื่อน ต้นเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ แต่เขาคิดว่าสนคงแค่มาทักแล้วก็คงจะไปนั่งกินข้าวกับแฟนตามเดิม ต้นพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบๆ

"ไม่ไปกินข้าวกับแฟนเหรอวันนี้" ต้นถาม สนสะอึกเล็กน้อย เขาเขยิบไปนั่งชิดๆ แล้วกอดคอต้นไว้

"ก็เรามาหานาย จะไปถามถึงคนอื่นทำไม" สนใช้คำว่า "คนอื่น" กับแฟนของเขาเอง ทำให้ต้นแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"ไม่อยากให้เรามากินข้าวด้วยหรือไง" สนถามด้วยเสียงคล้ายน้อยใจก่อนปล่อยมือออกจากเพื่อน

ต้นรีบปฏิเสธทันที "เปล่านี่ ก็แค่เห็นนายมีแฟนแล้ว ก็เลยสงสัยว่าทำไมไม่ไปกินข้าวกับแฟนแค่นั้นแหละ" ต้นบอก น้ำเสียงเขาฟังดูเหมือนน้อยใจอยู่หน่อยๆ

"ก็เราคิดถึงนายนี่นา ก็เลยอยากมาคุยด้วย อยากมากินข้าวกับเพื่อนรักของเรา มีแฟนแล้วก็มากินข้าวกับเพื่อนได้ไม่ใช่เหรอ" สนบอกเชิงสัพยอก

ต้นรู้ตัวว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเพื่อนอีก เพราะเดี๋ยวจะกระทบใจกันเสียเปล่าๆ ก็เลยเงียบ

"เราขอกินอันนี้ของนายหน่อยนะ เดี๋ยวเราแบ่งอันนี้ให้" สนไม่พูดเปล่า แต่ตักเอาอาหารจากจานข้าวของเพื่อนมาใส่ของตัวเอง แล้วก็ตักของเขาแบ่งให้ต้นไป

"นายกินข้าวคนเดียวทุกวันหรือเปล่า" สนถามเมื่อกินข้าวไปได้สักพัก

ต้นหยุดมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย "ก็ไม่ทุกวันหรอก บางวันเอกก็มากินเป็นเพื่อน" ต้นตอบไปตามความจริง

"เหรอ...เหงาไหม" สนถามพลางมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกสงสาร

ต้นเงียบไปพักหนึ่งแล้วก็ตอบไปตามตรงว่า "ก็มีบ้าง... แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เราก็ยังมีเพื่อนๆ อยู่ตั้งหลายคน"

สนมองเพื่อนด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ ต้นคงเหงาและคอยที่จะคุยกับเขามาหลายวันแล้วสินะ "นายว่า... เอกเป็นเพื่อนที่ดีไหม" สนถามคำถามที่ชวนสงสัยอีก

"ก็ดีนี่ มันก็ดีกับเราจะตาย มีอะไรเหรอ" ต้นถามพลางขมวดคิ้ว

สนจึงขำที่เห็นเพื่อนสงสัย "เปล่า... แค่อยากรู้ว่านายสนิทกับเอกแค่ไหนแค่นั้นแหละ" สนแก้ตัว แม้จะรู้ว่าเอกพูดเล่น แต่ถ้าต้นหันไปสนิทกับเอกมากกว่าที่สนิทกับเขา สนก็คงแย่เหมือนกัน

"เย็นนี้ เราอยากจะคุยอะไรกับนายหน่อยได้ไหม" สนถาม ต้นเลิกคิ้ว วันนี้สนดูแปลกๆ ทำให้เขาสงสัยหลายอย่าง

"ได้สิ" ต้นรับคำ

สนยิ้ม ต้นเป็นคนดีตรงที่ไม่เคยต่อว่าอะไรเขาเลย แม้ว่าเขาจะทำผิดแต่ต้นก็ไม่เคยพูดซ้ำเติมหรือกระแนะกระแหนให้เจ็บใจ อาจจะมีงอนนิดๆ หน่อยๆ บ้างบางครั้ง ถ้าไม่สังเกตหรือเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก็จะดูไม่ออกเลยว่าต้นน้อยใจ เขาจึงรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่คุยกับเพื่อนคนนี้ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงไม่เคยทะเลาะกับต้นเลย ต่างจากเพื่อนทั่วๆ ไปที่มักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ดาดูจะไม่พอใจเท่าไรนักที่วันนี้สนไม่ยอมมากินข้าวด้วย แถมยังไม่บอกอีกว่าไปไหน ทำให้เธออายเพื่อนมากเพราะเพื่อนๆ เข้ามาถามด้วยความสงสัยว่าเป็นแฟนกันประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าแฟนตัวเองไปไหน ดาจึงมาดักรอสนตรงบริเวณบันไดที่สนจะต้องเดินขึ้นห้องเรียน พอเห็นสนมา ดาก็รีบปรี่เข้าไปถามทันที

"พี่สนไปไหนมา ทำไมวันนี้ไม่มากินข้าวกับดาล่ะคะ" ดาทำเสียงกระเง้ากระงอด

"อ๋อ พี่ไปกินข้าวกับต้นมา" สนตอบด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา แต่ดากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น

"แล้วทำไมพี่ไม่บอกดาล่ะคะ ปล่อยให้ดาตามหาอยู่ได้ แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกับพี่ต้นด้วย พี่ต้นเขากินข้าวเองไม่ได้หรือไง" ดาต่อว่า

สนเริ่มขมวดคิ้ว ถ้าเกิดว่าเป็นเพื่อนผู้ชายแล้วมาว่าต้นแบบนี้ สนคงเอาเรื่องแน่ๆ คนที่เดินผ่านไปมาก็เริ่มมอง

"ดา...ต้นเป็นเพื่อนพี่ พี่ก็ต้องให้เวลากับเพื่อนพี่บ้างสิ" สนอธิบาย แต่สีหน้าดาก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี

"ไม่รู้ล่ะ ถ้ายังคิดจะเป็นแฟนกับดาอยู่ ก็ต้องมากินข้าวกับดาทุกวัน ดาอายเพื่อนรู้ไหมเวลาที่พวกมันถามว่าพี่สนไปไหนถึงไม่มากินข้าวกับดา" ดาไม่ยอมลดละ

สนถึงกับอึ้งไปไม่คิดว่าแฟนเขาจะตั้งเงื่อนไขอะไรมากถึงขนาดนี้ เขารีบตอบกลับทันทีว่า พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกดา พี่ทิ้งเพื่อนพี่ไม่ได้ ดาต้องเข้าใจพี่บ้างสิ" สนพูดเชิงขอความเห็นใจ

แต่ดากลับทำเสียงเขียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก "โอ๊ย ก็แค่เพื่อนคนเดียวจะอะไรกันนักกันหนา พี่ก็คิดดูเอาละกันว่าจะเลือกเพื่อนหรือจะเลือกแฟน" ดาพูดทิ้งท้ายก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับห้องเรียนของตัวเองไป เธอค่อนข้างมั่นใจว่าวิธีนี้จะต้องได้ผลเพราะผู้ชายส่วนมากก็ต้องเลือกแฟนอยู่แล้ว

สนถอนหายใจด้วยความหนักใจ มองดูแฟนที่เดินสะบัดหน้าหนีไปด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาจะต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน เพื่อนก็คือเพื่อน แฟนก็คือแฟน ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้
------------------------------------------------------------------------------------------------
เลิกเรียน สนก็กลับบ้านพร้อมกับต้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เขาดูมีความสุขมากทีเดียวที่ได้มีโอกาสทำแบบนี้อีกครั้ง ส่วนแฟนเขานั้น ตอนนี้งอนตุ๊บป่องไปแล้ว ยิ่งเขาไม่ไปส่งที่บ้านวันนี้เธอก็คงจะงอนหนักเข้าไปอีก แต่สนก็ต้องตัดใจ เขาคิดว่าเขาน่าจะจัดการกับแฟนเขาได้อยู่ แต่วันนี้เขาอยากมีเวลาให้เพื่อนเขาบ้าง อีกอย่างหนึ่ง เขาก็ยอมรับว่าเขาคิดถึงเพื่อน อยากกลับบ้านกับเพื่อนเหมือนเคย ถ้าเกิดเขาไม่มาหาต้นวันนี้แล้วเกิดเสียเพื่อนไป เขาจะต้องเสียใจยิ่งกว่าเลิกกับแฟนเป็นแน่

พอถึงบ้าน สนก็ชวนต้นมานั่งคุยกันตรงสะพานเล็กๆ ที่พาดข้ามคลองส่งน้ำหน้าบ้านของต้น หกปีแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เขารู้สึกผูกพันกับมันมากทีเดียว ตะวันยามเย็นกำลังตกดิน ดวงอาทิตย์ดูกลมโตกว่าเดิมหลายเท่ากว่าตอนที่มันอยู่กลางท้องฟ้า รอบๆ บริเวณนี้มีหมู่บ้าน ทุ่งนาและไร่ส้มโอเห็นอยู่ทั่วไป ความสวยงามตามธรรมชาติเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ต้องซื้อหามาเลย

"ต้น... เราขอโทษนะ" สนเริ่มต้นด้วยการขอโทษ

"เฮ้ย ขอโทษเรื่องอะไรกัน" ต้นหันมาถามด้วยความสงสัยพร้อมกับหยุดเอาขาตีน้ำ

"ก็..." สนถอนหายใจยาวก่อนพูดต่อว่า "ก็ที่เรามีแฟนแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาให้นายไง เรามาคิดๆ ดูแล้ว เราเป็นคนที่ห่างเหินไปเอง ไม่ค่อยมาคุยกับนาย ไม่มากินข้าวเที่ยงกับนาย ไม่กลับบ้านกับนาย ปล่อยให้นายเหงาอยู่คนเดียว"

"ไม่ต้องขอโทษเราหรอกสน เราเข้าใจ เราก็ยอมรับว่าเราอาจจะมีน้อยใจบ้าง แต่พ่อเราบอกว่า มันก็เป็นธรรมดาที่เราต้องให้ความสำคัญกับแฟน เพราะแฟนคือคนที่จะอยู่เป็นคู่ชีวิตของเรา เราต้องเรียนรู้ ต้องศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกันให้มากที่สุด ที่นายทำอย่างนั้นก็ไม่ผิดอะไรหรอก เราเข้าใจนะสน เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ" ต้นอธิบาย แล้วก็พูดต่อว่า "สนไม่ต้องกังวลกับเราหรอก เราก็อาจจะเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งทีผ่านมา แล้วก็อาจจะผ่านไป แต่คนที่จะอยู่กับนายตลอดไปจริงๆ ก็คือแฟนของนายนั่นแหละ ถ้านายจะใช้เวลากับแฟนมากกว่าเรา เราก็เข้าใจ"

สิ่งที่เพื่อนเขาอธิบายมาแต่ละอย่าง ล้วนแต่ทำให้สนมั่นใจมากขึ้นว่าเขาเลือกคบเพื่อนไม่ผิดคนจริงๆ ต้นเข้าใจเขาและไม่ต่อว่าเขาแม้แต่คำเดียว

“แต่เราก็ทำให้นายน้อยใจใช่ไหมล่ะ” สนถามกลับ

“ช่างเถอะสน มันผ่านไปแล้ว” ต้นรีบตัดบท

“แต่เรารู้สึกผิดไงต้น เราสนิทกัน เจอกัน คุยกันทุกวัน แต่อยู่ๆ เราก็หายไป เรารู้ว่านายต้องคิดถึงเรามาก ใช่ไหมต้น แต่เรากลับทำเหมือนไม่สนใจใยดี” สนพูดได้แค่นั้นเพราะต้นก็ตัดบทอีกครั้ง

“ไม่เอาสน อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิ เราบอกว่าเราเข้าใจแล้วไง เราจะเหงาบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก นายต้องให้เวลากับแฟนมากหน่อยเป็นธรรมดา แต่เราก็รู้อยู่ว่านายไม่เคยคิดที่จะทิ้งเราหรอก”

สนเงียบ มองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ แม้เขาจะยอมรับผิดแต่ต้นกลับบอกเขาตลอดว่าเข้าใจ "ต้น นายรู้ไหมว่าทำไมเราถึงได้เป็นเพื่อนกับนายมาได้นานจนถึงหกปี" สนถามด้วยสีหน้ายิ้มละไม "เพราะนายเข้าใจเราไงต้น เราอยู่กับนายแล้วเราสบายใจ จริงๆ นายจะด่าเราก็ได้ แต่นายก็ไม่ทำอย่างนั้น เราขอดูรอยแผลที่ต้นแขนนายหน่อยสิต้น" สนบอกพลางใช้มือเขาถกเขนเสื้อต้นขึ้นโดยไม่รอให้เพื่อนตอบรับเสียก่อน

"รอยแผลที่อยู่บนแขนของนาย จะเป็นเครื่องเตือนใจเราเสมอว่านายคือคนที่ให้ชีวิตเรา เรามีข้าวกินก็เพราะนาย เราเรียนหนังสือเก่งขึ้นก็เพราะนาย เรารอดพ้นจากคนโรคจิตบ้ากามก็เพราะนาย เรามีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ก็เพราะนาย เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไปก็เพราะนาย นายจำไว้นะต้น เรามาถึงวันนี้ได้ นอกจากพ่อกับแม่เราแล้ว ก็มีนายอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเรา นายคือคนที่มีบุญคุณกับเรามากรู้ไหม"

ต้นส่ายหน้าแล้วรีบบอกเพื่อนว่า "อย่าคิดอย่างนั้นสิสน นายก็ช่วยเหลือเราทุกอย่างเหมือนกันนะ นายก็มีบุญคุณกับเราเหมือนกัน"

"นั่นแหละ ที่เราอธิบายยืดยาวนี่ก็เพราะอยากให้นายรู้ว่าทำไมเราถึงต้องขอโทษนายไง นายอาจจะไม่โกรธก็ช่าง แต่เรารู้ว่าเราทำไม่ดีกับนายเราก็ต้องขอโทษ เราไม่ได้รู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีตรงไหนเลย ถ้านายไม่ถือโทษโกรธเคืองก็แล้วไป แต่ถ้านายโกรธ เราก็อยากจะให้นายอภัยให้เรา เราสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เราจะมีเวลาให้นายมากขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้มากแค่ไหนนะ แต่ก็จะพยายามมาหานายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ละกัน" สนบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"ขอบใจนะสนสำหรับความตั้งใจของนาย เราจะไม่บังคับอะไรนายหรอก ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น เราก็จะพยายามเข้าใจนาย วันหนึ่งถ้าเรามีแฟนเราก็อาจจะเป็นเหมือนนายก็ได้ ใครจะรู้" ต้นบอกพลางขำ

"จะเอาคืนเหรอ" สนถามพลางขำ "ขอบใจสำหรับความเข้าใจของนาย จะให้พูดอีกกี่ครั้งเราก็พูดได้เสมอว่านายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา" สนหยุดแล้วพูดต่อ "บางทีเราก็ใจหายนะต้น เรายังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะได้เรียนต่อไหม หรือจะไปอยู่ที่ไหนหลังจากจบ ม.6 แล้ว"

"ทำไมล่ะสน นายจะไม่เรียนต่อเหรอ หรือว่านายจะย้ายไปอยู่ที่อื่น" ต้นถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วก็ตาม

"ตอนนี้เราก็ยังบอกอะไรไม่ค่อยได้ พ่อกับแม่เราไม่รู้ว่าจะหาเงินให้เราเรียนต่อมหาลัยได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เรียนหนังสือก็อาจจะต้องออกมาหางานทำช่วยพ่อกับแม่ อาจจะทำที่นี่หรือไม่ก็อาจจะย้ายไปอยู่ที่อื่น เราไม่รู้อนาคตของเราเลย แต่นายไม่ต้องกังวลหรอกนะต้น เราลำบากมาเยอะแล้ว จะลำบากอีกสักแค่ไหนเราก็ไม่กลัวหรอก เรากลัวแค่อย่างเดียวเท่านั้นตอนนี้" สนหยุดไว้แค่นั้น

"อะไรล่ะ" ต้นถามด้วยความอยากรู้

"ก็...กลัวว่าเราจะต้องไปจากนายแล้วไม่ได้เจอกันอีกไงล่ะ" สนบอกด้วยเสียงเศร้า

"นายก็มาหาเราได้ตลอดเวลานะ เรายินดีต้อนรับนายอยู่แล้ว จะให้เราช่วยอะไรนายก็บอกเราได้ ถ้าทำได้เราก็ทำ เหมือนที่ผ่านมาไง นายจะไปอยู่ที่ไหนนายก็มาหาเราได้เสมอ" ต้นปลอบเพื่อน

สนยิ้มด้วยความรู้สึกอุ่นใจ คิดแล้วก็นึกโมโหตัวเองที่เขามัวแต่ให้เวลากับแฟนมากไปจนลืมเพื่อนของตัวเอง เพื่อนดีๆ แบบนี้จะไปหาที่ไหนอีก ดีนะที่ต้นมันไม่น้อยใจแล้วก็เลิกคบกับเขาไปเลย ถึงตอนนั้นมีแฟนสิบคนก็คงทดแทนเพื่อนคนนี้ของเขาไม่ได้

"ไปกินข้าวกันเถอะ แม่ออกมาเรียกแล้ว" ต้นบอกเพื่อน แล้วเด็กหนุ่มสองคนก็เดินกอดคอกันเข้าไปในบ้าน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้าย ดากับสนก็คบกันไปไม่ได้นานเพราะสนไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของดาได้ ไม่ว่าจะอธิบายอย่าไรดาก็ไม่ฟัง แต่สิ่งที่ทำให้สนไม่พอใจมากก็คือการที่ดาไประรานต้นเพื่อนของเขา เธอไปต่อว่าต้นว่า "พี่ต้นกินข้าวเองไม่ได้หรือไงคะ ทำไมจะต้องให้พี่สนมากินข้าวด้วยบ่อยๆ คนเขาเป็นแฟนกันก็อยากจะมีเวลากินข้าวด้วยกันบ้าง" ต้นได้แต่งงงันไม่ได้ตอบโต้อะไร เขารู้สึกอายมากเพราะดามาว่าเขาต่อหน้าเพื่อนๆ อีกหลายคน ดาไม่รู้ว่านี่คือสิ่งที่ผิดมหันต์สำหรับสน เพราะคนทั้งโรงเรียนนี้นอกจากจะรู้ว่าสนไม่ชอบกะเทยแล้ว ทุกคนก็จะรู้อีกว่าต้นคือ "เพื่อนสน ใครอย่าแตะ"

พอต้นรู้ข่าวเข้าก็เริ่มไม่สบายใจเพราะคิดว่าตัวเขาเองเป็นเหตุให้สนกับแฟนต้องเลิกกัน ตอนเลิกเรียนก่อนที่สนจะลงซ้อมกีฬาในสนาม ต้นก็รีบเข้าไปคุยกับเพื่อนเรื่องนี้ทันที

"สน เราได้ยินเพื่อนๆ มันพูดกันว่านายเลิกกับดาเหรอ"

สนเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังผูกรองเท้าผ้าใบอยู่ข้างสนามหญ้าหน้าโรงเรียน เขาพยักหน้าและตอบสั้นๆ ว่า "อือ"

ต้นออกจะงงหน่อยๆ ตรงที่สนไม่ได้แสดงท่าทางเสียใจอะไรเลย "ทำไมล่ะสน เพราะเราหรือเปล่าล่ะ" ต้นถามด้วยความกังวลใจ เขารู้สึกไม่ดีเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเหตุทำให้เพื่อนเลิกกับแฟน สนทำท่าครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่ตอบคำถามทันที

"เราขอโทษนะสนถ้าเราเป็นต้นเหตุ แต่เราไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้นายต้องเลิกกับแฟนเลยนะสน" ต้นอธิบาย

สนยิ้มน้อยๆ แล้วบอกเพื่อนไปว่า "นายไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้หรอกต้น เรารู้ว่านายไม่เคยมีเจตนาที่ไม่ดีกับเราอยู่แล้ว" สนเว้นจังหวะไปแล้วพูดต่อว่า "ที่เราเลิกกับดาเพราะดาไม่เข้าใจเราเลยต่างหาก เราต้องมีเวลาให้กับเพื่อนบ้าง เราจะทิ้งนายไปได้อย่างไรล่ะต้น เราไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน คนที่จะเป็นแฟนกับเราก็ต้องเข้าใจเราบ้าง ที่ผ่านมา เรารู้สึกผิดมากที่ทอดทิ้งนายให้เหงาอยู่คนเดียว แต่วันนี้ เรารู้แล้วว่า คนที่สำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือนาย” สนหยุดเว้นจังหวะ “เราไม่รู้หรอกว่าหลังจากจบ ม. 6 แล้วเรายังจะได้เจอกันอีกไหม ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้เราอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในโรงเรียนนี้ ในหมู่บ้านนี้ อยู่เป็นเพื่อนที่ดีกับนายให้มากที่สุดนะต้น"

สนลุกขึ้นมากอดคอเพื่อน ต้นกอดคอเพื่อนตอบพร้อมกับรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความเข้าใจ ‘เพื่อนรัก นายจะรู้ไหมว่า ยิ่งนายดีกับเรามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เรารักนายมากขึ้นเท่านั้น’

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

8. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:24 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 8: เพื่อนผู้เสียสละ

ต้นเก็บเงินสี่หมื่นบาทใส่กระเป๋าเป้ของเขาอย่างช้าแล้วก็เดินออกมาจากธนาคาร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถอนเงินจากบัญชีนี้หลังจากที่เก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เด็กๆ หลายปี แต่เขาก็ไม่เสียดายมันหรอกถ้าหากมันจะช่วยทำให้เพื่อนเขาคนหนึ่งมีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้ได้ สิ่งที่ต้นกำลังหนักใจก็คือเขาจะบอกสนอย่างไรดีต่างหาก ถ้าอยู่ดีๆ ถือเงินไปให้สน เขาต้องไม่รับอย่างแน่นอน ต้นรู้นิสัยเพื่อนดี แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะต้องเกลี้ยกล่อมสนให้ได้ ก่อนหน้านี้ต้นเฝ้าเกลี้ยกล่อมสนและครอบครัวให้เห็นความสำคัญของการศึกษาอยู่นานหลายเดือนกว่าจะสำเร็จ เขาพาสนไปสมัครขอทุนจากรัฐบาลซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะคนที่ไปสมัครก็ได้กันเกือบทุกคน จึงไม่น่าจะต้องห่วงเรื่องค่าเทอม ก่อนสอบเอนทรานซ์ต้นก็มาช่วยติวให้เพื่อนแทบทุกวัน แล้วสนก็สอบติดในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศที่เขาอยากเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้นเองก็สอบติดด้วย แต่ค่าใช้จ่ายที่จะใช้สำหรับการเข้าเรียนก็มีอยู่มากพอสมควร ที่บ้านสนมีเงินไม่พอ น้าสาวของสนก็ประสบปัญหาด้านการเงินช่วงนี้พอดีเนื่องจากสามีป่วยออดๆ แอดๆ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทำให้หมดเงินไปมากจึงไม่ได้ส่งเงินมาให้เช่นเคย สนจึงงอแงที่จะไปไม่ไปเรียนอีกเพราะไม่อยากให้ครอบครัวลำบาก ทั้งๆ ที่เขาก็สอบได้แล้ว ครั้นต้นจะให้พ่อกับแม่ช่วย ต้นก็รู้สึกเกรงใจเพราะตอนนี้พ่อกับแม่ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยสำหรับการศึกษาของเขา วิธีนี้จึงเป็นวิธีสุดท้ายที่ต้นพอจะนึกออก แต่เขาก็ไม่ได้บอกให้พ่อกับแม่รู้เลย

ต้นมาหาสนที่บ้านด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น เขากังวลมากว่าสนจะปฏิเสธการช่วยเหลือของเขาในครั้งนี้ พอมาถึง สนก็พาเขามานั่งคุยที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านใต้ต้นมะม่วง ดูท่าทางสนเครียดๆ อยู่เหมือนกัน

“สน... นายเรียนต่อเถอะนะ อดทนลำบากอีกแค่สี่ปีเอง จบแล้วนายก็จะมีงานดีๆ ทำ พ่อแม่ของนายจะได้สบาย” ต้นบอกเพื่อนด้วยประโยคเดิมที่เขาพูดมาแล้วหลายครั้งแล้ว

สนถอนหายใจ เขารู้ว่าต้นหวังดีกับเขา แต่ครอบครัวเขาจะต้องลำบากมากขึ้นอีกหลายเท่าถ้าเขาเรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าจะไม่ต้องจ่ายค่าเทอมแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกหลายอย่าง สนสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องเหน็ดเหนื่อย ถ้าสนออกมาทำงานตอนนี้ พ่อแม่ก็จะได้เหนื่อยน้อยลง

พอเห็นเพื่อนเงียบ ต้นก็พูดต่อ “เรารู้ว่านายกังวลเรื่องเงิน รู้ว่านายเป็นห่วงพ่อแม่ที่จะต้องลำบาก แต่สนคิดให้ดีๆ นะ พ่อแม่ของสนจะลำบากไปอีกไม่กี่ปีเท่านั้น แล้วเราหรือพ่อแม่ของเราก็จะช่วย นายไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอกสน เราจะช่วยให้สนเรียนจนจบให้ได้”

สนถอนหายใจอีกครั้ง “ต้น...เรารบกวนนายและครอบครัวนายมามากแล้ว เราเกรงใจนะต้น เรารู้ว่าตอนนี้ครอบครัวนายก็ต้องใช้เงินมากเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายของนายเองก็ไม่ใช่น้อยๆ นะต้น นายอย่าห่วงเราเลย เราเคยบอกนายแล้วไงว่าเราไม่กลัวความลำบากหรอก เราลำบากมาเยอะแล้ว” สนยังคงยืนกราน

“สน นายไม่ต้องเกรงใจหรอก เราเต็มใจนะสน พ่อแม่เราก็เต็มใจที่จะช่วย ถ้าสนเรียนจบมีงานดีๆ ทำ สนจะใช้คืนตอนนั้นก็ได้” ต้นพยายามอ้อนวอน สนดูเงียบไปเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ต้นพูดสืบไปว่า “นายจะบอกให้เราไม่ต้องห่วงนายไม่ได้หรอก นายเป็นเพื่อนของเรา ยังไงเราก็ห่วงนาย เราอยากเห็นนายมีอนาคตที่ดี มีการศึกษา มีงานทำ สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ มันอาจจะลำบากตอนนี้ แต่มันจะคุ้มค่าเมื่อนายเรียนจบนะสน เรายินดีช่วย เราทำได้ทุกอย่างเลย”

สนมองหน้าเพื่อนด้วยความตื้นตันใจ เขารู้ว่าต้นห่วงเขามาก ที่ผ่านมาต้นได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้เขาเรียนต่อ จนทุกวันนี้ต้นก็ไม่เคยลดความพยายามลง เขาเองก็อยากเรียนต่ออย่างที่ต้นขอร้อง แต่มันติดตรงที่ว่าพ่อกับแม่เขาจะต้องลำบากมากขึ้นเท่านั้นเอง

“สน” ต้นเรียกเพื่อนแล้วหยุดไปเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ต้นหยิบห่อเงินออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าสนอย่างช้าๆ สนมองตามอย่างไม่วางตาด้วยความสงสัยว่าในนั้นมีอะไรอยู่

“อะไรเหรอต้น” สนถามด้วยสีหน้าสงสัย

ต้นกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นก่อนจะบอกเพื่อนว่า “นี่คือเงินที่เราพอมีอยู่ คิดว่าคงพอจะช่วยให้นายเข้าเรียนได้ นายรับไว้นะสน”

แล้วก็เป็นอย่างที่ต้นคิด สนปฏิเสธทันที “ไม่ เราไม่รับอย่างเด็ดขาด ต้นอย่าทำแบบนี้ นายช่วยเรามามากแล้ว อย่าให้เราต้องละอายใจไปมากกว่านี้เลย เก็บเงินนายไว้ต้น เราไม่เอาอย่างเด็ดขาด” พูดจบแล้วสนก็ผลักเงินคืนมาให้ต้น

“สน...เราขอร้องล่ะ นายต้องรับเงินก้อนนี้ไป เราจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเลยถ้ารู้ว่าเราพอจะช่วยนายได้แต่เราก็ไม่ทำ เราจะไม่มีความสุขเลยถ้ารู้ว่านายจะไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องทำงานหนัก ไม่มีอนาคต เราทนเห็นนายเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกนะสน” ต้นพูดเสียงดังขึ้นด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอย่างที่สนไม่เคยเห็นมาก่อน

“เราขอนะสน ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะขอนาย แล้วเราจะไม่ขออะไรจากนายอีกเลย ถือว่าเราขอร้องละกัน นายจะเอามาคืนเราเมื่อไรก็ได้ที่นายพร้อม เราไม่เสียดายเงินนี้เลยถ้ามันจะช่วยให้เพื่อนที่เรารักมีอนาคต เราสัญญานะสน เราจะไม่ขออะไรนายอีกเลยในชีวิตนี้ ขอแค่ให้นายรับเงินก้อนนี้ไปแล้วเรียนต่อ นายทำให้เราได้ไหมสน”

เมื่อเจอไม้นี้เข้าไป สนก็พูดแทบไม่ออก

“ได้ไหมสน” ต้นย้ำคำถามเดิม

สนไม่ตอบแต่ดึงเพื่อนมากอดแทนคำตอบ เขายอมแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบให้กับความดีของเพื่อน เขารู้ว่าต้นเหนื่อย เครียดและใช้ความพยายามอย่างมากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อที่จะทำให้เขาเรียนต่อให้ได้ ที่สำคัญ ต้นก็ได้แสดงให้เขาเห็นแล้วว่าต้นทำอะไรก็ได้เพื่อให้เขาได้เรียนต่อ ต้นยอมเหนื่อยและเสียสละเพื่อเขาขนาดนี้ ทำไมเขาจะทำตามที่เพื่อนขอไม่ได้ “เอาวะ อะไรมันจะเกิดก็คงต้องเกิด พ่อกับแม่ทนเหนื่อยเพื่อสนอีกหน่อยก็แล้วกัน แล้วสนจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังเลย สนจะตอบแทนคุณของพ่อแม่ให้ได้อยู่อย่างสุขสบายเมื่อสนเรียนจบและมีงานทำ” สนคิดในใจ

“ขอบใจนายมากต้น เราไม่รู้ว่าเราขอบคุณนายเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วตั้งแต่รู้จักกันมา” สนพูดพร้อมกับน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ เขาไม่มีนิสัยเป็นคนขี้แยเลย แต่ก็ต้องร้องให้ด้วยความซาบซึ้งใจกับเพื่อนคนนี้หลายครั้งแล้ว

“แค่นายตั้งใจเรียนให้จบ มีงานดีๆ ทำก็พอแล้วสน แค่นั้นเราก็พอใจแล้ว ไม่ต้องขอบคุณอะไรเราก็ได้ ถึงวันนั้นเราก็จะไม่ห่วงนายแล้ว เราจะไม่ขอให้นายทำอะไรเพื่อเราอีกเลย”

พอต้นพูดจบ สนก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นไปอีกจนต้นหายใจไม่ถนัด “สน เราหายใจไม่ออกแล้วนะ” ต้นว่า

สนก็ขำ เขารีบปล่อยเพื่อนทันที “โทษทีต้น”

ต้นขำบ้าง “ไม่เป็นไร” ต้นหยุดแล้วพูดต่อ “สน...นายอย่าบอกพ่อแม่เรานะ บอกพ่อกับแม่นายด้วย อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ”

สนพยักหน้ารับคำ เขาควรต้องเลิกดื้อและฟังต้นบ้าง เพื่อนช่วยเขามาเยอะแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขาอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร สนรู้ดีว่าเขาโชคดีที่ได้มาเจอกับ “กัลยาณมิตร” ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้เท่านั้นที่จะได้เจอมิตรที่จริงใจแบบนี้ “เพื่อนรัก แม้แต่ชีวิตเราก็ให้นายได้” สนบอกตัวเองในใจ

เมื่อสนเอาเรื่องนี้มาบอกกับพ่อแม่ในตอนเย็น แม่ของสนถึงกับร้องให้ ส่วนพ่อก็น้ำตาซึม ทุกคนต่างซาบซึ้งใจในความดีของต้น พ่อกับแม่ของสนได้แต่กำชับสนว่าให้รักเพื่อน ช่วยเพื่อนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ อย่าทิ้งเพื่อนและอย่าทำให้เพื่อนผิดหวัง สนก็รับคำพ่อกับแม่เป็นอย่างดี
------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้นกับสนได้มาเจอกับเพื่อนใหม่สองคนที่ชื่อ “นิก” และ “ปั้นจั่น” โดยบังเอิญในวันแรกที่มามอบตัวที่มหาวิทยาลัย เมื่อคุยกันจึงได้รู้ว่านิกกับปั้นจั่นเช่าบ้านอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่เพื่อนรุ่นพี่ที่นิกกับปั้นจั่นรู้จักและเพิ่งจบไป นิกกับปั้นจั่นก็เลยขอเช่าต่อ ตอนนี้ยังมีห้องว่างอยู่อีกสองห้อง จึงอยากให้มีคนมาอยู่ด้วยอีกเพื่อช่วยกันแบ่งเบาค่าเช่าบ้าน ต้นกับสนจึงรีบตอบตกลงทันทีเพราะทั้งสองคนต่างก็ไม่ชอบอยู่หอพัก เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยชอบอยู่ในที่แคบๆ เพราะบ้านในต่างจังหวัดนั้นมีพื้นที่ใช้สอยมากมายไม่เหมือนในกรุงเทพ

วันรับน้องใหม่วันแรก สนก็แสดงฤทธิ์เดชให้คนในมหาวิทยาลัยรู้เสียแล้วว่า “เพื่อนสน ใครอย่าแตะ” เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะว่าสนกลับมาถึงบ้านพักที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับนิกและปั้นจั่นแล้วปรากฏว่าต้นก็ยังไม่กลับ พอโทรศัพท์ไปหาต้นก็ไม่รับสาย ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน สนจึงกลับไปมหาวิทยาลัยอีกครั้งเพื่อไปตามหาเพื่อน สนถามคนในมหาวิทยาลัยแล้วก็เลยรู้ว่าคณะของต้นนั้นยังรับน้องกันไม่เสร็จเลย สนจึงตามไปดูว่าคณะนั้นเขารับน้องแบบไหนกันถึงต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เมื่อไปถึง สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ต้นกำลังกระโดดโหนราวที่พาดไว้ค่อนข้างสูงมากอยู่ ใครที่สามารถกระโดดโหนราวได้ก็จะผ่านด่าน ส่วนคนที่ไม่ผ่านก็ถูกบังคับให้กระโดดจนกว่าจะผ่าน ในคณะของต้นนั้นมีแต่ผู้ชาย คนอื่นๆ กระโดดผ่านกันไปหมดแล้วเหลือแต่ต้นคนเดียว ต้นต้องกระโดดแล้วกระโดดอีกจนแทบจะไม่มีแรง พอต้นล้มลงเขาก็ถูกด่าว่าอ่อนแอและถูกหัวเราะเยาะ จากนั้นก็ถูกบังคับให้กระโดดอีก สนเริ่มกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโหที่เห็นต้นถูกบังคับทารุณเกินกว่าความจำเป็น แม้จะรู้ว่านี่คือการรับน้อง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป พอต้นล้มลงอีกครั้ง เขาก็ปรี่เข้าไปหาเพื่อนและต่อว่ารุ่นพี่อย่างไม่เกรงกลัวใคร

“พอได้แล้ว พวกพี่จะให้เพื่อนผมกระโดดจนตายเลยหรือไง ไม่เห็นหรือไงว่าเพื่อนผมเขากระโดดไม่ไหวแล้ว ทำไมจะต้องบังคับอะไรกันขนาดนั้นด้วย” แล้วสนก็หันมาบอกเพื่อนว่า “ต้น นายไม่ต้องกระโดดแล้ว กลับบ้าน”

“เฮ้ย มึงเป็นใครวะ มายุ่งอะไรเนี่ยหา” หนึ่งในรุ่นพี่ของต้นตะคอกถามแล้วเดินเข้ามาหาสนด้วยท่าทางหาเรื่อง

สนลุกขึ้นยืน ขึงหน้าใส่คนที่เดินเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรง “ผมเป็นเพื่อนต้น ถ้าพวกพี่ไม่หยุดแกล้งเพื่อนผม ผมจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องมหาลัย” สนขู่และก็ได้ผลเพราะเพื่อนรุ่นพี่ของต้นมีสีหน้ากลัวสิ่งที่เขาพูดอย่างเห็นได้ชัด

“มึงกล้าเหรอ” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับผลักอกสน แต่สนเป็นคนที่แข็งแรงมากจึงไม่ล้มง่ายๆ ที่สำคัญคือสนดูตัวโตและแข็งแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางสู้สนได้อย่างแน่นอนแม้จะอายุมากกว่าก็ตาม

“นึกว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ” สนว่าพร้อมกับแสดงท่าทีให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะสู้ถ้าหากชายคนนี้ไม่หยุด

“เฮ้ย สนอย่ามีเรื่องกันเลย” ต้นร้องบอก เสียงเขาดูเหมือนคนที่ติดอยู่ในทะเลทรายมาเป็นแรมเดือน

เพื่อนรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็รีบมาห้ามทั้งสองคนไว้ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย “เฮ้ย ไม่เอาน่า อย่ามีเรื่องกันเลย” เพื่อนรุ่นพี่ที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นที่ยำเกรงของคนอื่นๆ เข้ามาห้ามด้วย

“เดี๋ยวเถอะมึง” ชายคนนั้นหันมาอาฆาตสน

งานรับน้องของคณะต้นจึงต้องหยุดลงกลางคันหรือ “วงแตก” นั่นเอง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ารุ่นพี่ของต้นกลัวว่าสนจะเอาเรื่องไปฟ้องทางมหาวิทยาลัยจริงๆ เพราะทางมหาวิทยาลัยเข้มงวดเรื่องการรับน้องมากและไม่ต้องการให้มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการรับน้องเผยแพร่ออกไปอีก รุ่นพี่คนไหนทำเกินกว่าเหตุก็อาจเจอโทษไล่ออกได้

“ลุกไหวไหมต้น” สนหันมาถามเพื่อน ต้นส่ายหน้าเพราะเขารู้สึกเหนื่อยมากจนเหมือนขาจะหลุดออกจากกัน ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าเพราะรุ่นพี่ไม่ให้กิน สนจึงต้องช่วยพยุงต้นให้ค่อยๆ ยืนขึ้น

“ขี่หลังเราไหม” สนถาม เพราะดูแล้วต้นอาจจะเดินไม่ไหวด้วย ต้นพยักหน้า

สนให้ต้นขี่หลังแล้วพาเพื่อนออกไปโดยไม่สนใจรุ่นพี่บางคนที่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ สนพาต้นบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ต้นก็แอบรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้ขี่หลังเพื่อนเป็นครั้งแรก เหมือนพระเอกกับนางเอกในหนังรักโรแมนติกที่เขาเคยดู บางครั้งความน่ารักของสนก็ทำให้เขาคิดไปไกลเหมือนกัน ณ ตอนนี้ ต้นรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้คิดกับสนแค่เพื่อนเท่านั้น แต่มีความรักอีกแบบก่อตัวขึ้นโดยที่ต้นไม่รู้ตัวเลยว่ามันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนพยุงต้นเข้ามาในบ้าน นิกกับปั้นจั่นที่มาถึงก่อนแล้วก็วิ่งเข้ามาช่วยพลางถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“โห มึงโคตรกล้าเลยว่ะสน ดีนะที่พวกมันไม่รุมมึง ไม่งั้นตายคาตีนพวกมันแน่” ปั้นจั่นชมเมื่อฟังสนเล่าจบ

“ไม่กลัวหรอกเว้ย ทำเกินไปนี่หว่า เล่นพิเรนทร์แบบนี้ ถ้ามหาลัยรู้พวกนี้มีหวังโดนไล่ออก” สนว่า แล้วหันมามองเพื่อนที่นั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาข้างๆ เขาด้วยความห่วงใย บ้านหลังนี้มีชุดโซฟา เก้าอี้และโต๊ะอยู่ตรงกลางโถงชั้นล่าง ใช้นั่งพักผ่อนและกินข้าวได้ นอกจากนี้ก็มีห้องครัวและมีห้องนอนอีกสี่ห้องสำหรับสี่คนพร้อมห้องน้ำในตัวด้วย

นิกกับปั้นจั่นเห็นสายตาที่สนมองต้นแล้วก็รู้สึกแปลกใจเพราะรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ไม่ธรรมดา สายตาที่สนมองเพื่อนนั้นมีความหมายพิเศษกว่าเพื่อนทั่วไปมากนัก

“หายเหนื่อยหรือยังต้น ให้เรานวดให้ไหม” สนถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ” ต้นตอบ

“เอางี้ เดี๋ยวเราช่วยนวดขานายให้ดีกว่า” สนว่าพลางช่วยจัดแขนขาต้นให้นอนสบายๆ บนโซฟาแล้วช่วยนวดขาให้โดยไม่รู้ตัวว่าเพื่อนอีกสองคอยสังเกตดูบางสิ่งบางอย่าง จริงๆ ช่วยเหลือกันก็คงไม่แปลก แต่แปลกตรงที่สายตาของทั้งสองคนเวลามองกันนั้นมันมีความหมายบางอย่างที่นิกและปั้นจั่นไม่เข้าใจนั่นเอง

“พวกมึงรู้จักกันมากี่ปีแล้ววะเนี่ย” นิกถามบ้าง

สนพักนวด นับนิ้วมือแล้วก็ตอบไปว่า “เก้าปีแล้ว” ตอบเสร็จแล้วก็หันไปนวดให้เพื่อนต่อ

“โห รู้จักกันนานเหมือนกันนะเนี่ย” นิกว่า

“แล้วพวกมึงล่ะ รู้จักกันกี่ปีแล้ว” สนถามบ้าง แต่ไม่หันไปมองหน้าเพื่อนอีกสองคน

“ไม่กี่ปีหรอก สองสามปีเอง ตอนเรียน ม. ปลาย” ปั้นจั่นตอบบ้าง

“สน พอเหอะ เราโอเคแล้ว” ต้นบอกเมื่อรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้ว สนจึงหยุด ต้นค่อยๆ ย้ายขาลงจากโซฟาแล้วลุกขึ้นนั่ง สนลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาข้างๆ เพื่อนด้วย

“หิวข้าว มีอะไรกินไหม เรายังไม่ได้กินอะไรสักคำตั้งแต่เช้าเลย” ต้นบอกพลางนิ่วหน้า

“ไม่มีว่ะ เมื่อกี้ก็ลืมซื้อเข้ามา เออ หิวเหมือนกันว่ะ” นิกเออออตาม

“เดี๋ยวเราออกไปซื้อตรงปากซอยให้” สนอาสา

“เราไปด้วยได้ปะ” ต้นถามแต่ก็รู้ว่าสนต้องไม่ให้ไปแน่ๆ

“ไม่ได้ นายอยู่นี่แหละ พักขาเหอะ”

“ทำไมมึงสองคนดูเป็นห่วงกันจังเลยวะ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย

ต้นกับสนมองหน้ากันเพราะไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของคำถาม “อ้าว ก็เป็นเพื่อนกันก็ต้องเป็นห่วงกันสิ แปลกตรงไหน แล้วพวกมึงไม่ห่วงเพื่อนเหรอ” สนถามกลับบ้าง

“ก็ห่วง แต่ไม่เหมือนอย่างนี้” ปั้นจั่นบอก

สนไม่รู้หรอกว่า “อย่างนี้” คืออย่างไหน เขาแค่เป็นห่วงเพื่อนทำไมจะต้องสงสัยด้วย “เออๆ เดี๋ยวไปหาอะไรมากินดีกว่า ต้นหิวแย่ละ” สนตัดบทแล้วก็เดินออกไป

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

9. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:25 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 9: ชีวิตในโลกใหม่

“มึงสองคนนี่ดูเป็นเพื่อนที่รักกันดีนะ” ปั้นจั่นเอ่ยขึ้นขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน ต้นกับสนนั่งด้วยกันฝั่งหนึ่ง นิกกับปั้นจั่นนั่งด้วยกันอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ

ต้นกับสนยิ้มเล็กน้อย เขาทั้งสองคนได้ยินคำพูดคล้ายๆ กันนี้มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน

“ถามจริงๆ เถอะ เคยทะเลาะกันบ้างไหมวะ” ปั้นจั่นถามอีก

ต้นกับสนส่ายหน้าแทบจะพร้อมกัน “ถ้าหมายถึงทะเลาะชกต่อยกันน่ะไม่เคย แต่ก็อาจจะมีเคืองๆ กันบ้างนิดหน่อย แต่ก็คุยกันได้ จริงไหมต้น” สนบอกพลางหันไปยิ้มกับต้น ต้นยิ้มตอบ “แล้วพวกมึงทะเลาะกันหรือเปล่า” สนถามบ้าง

“โอย บ่อยจะตาย ไอ้นี่มันกวนตีน” นิกรีบแย่งบอกบ้าง ทุกคนหัวเราะชอบใจ

“มึงนั่นแหละกวนตีนยิ่งกว่ากูอีก อย่างเมื่อเช้านี้ก็เหมือนกัน กูบอกให้ช่วยปลุกกูหน่อย แม่งพอตื่นแล้วมันก็ไปก่อนซะงั้น กูเกือบจะไปสาย เกือบโดนรุ่นพี่มันเขกกะบาลเอาแน่ะ” ปั้นจั่นแฉบ้างแล้วพูดต่อว่า “แล้วตอนอยู่ ม.5 นะ มันมีแฟนเว้ย แล้วมันก็หายหัวไปเลยไม่เคยมาดูดำดูดีเพื่อนเล้ย พอโดนแฟนทิ้งถึงได้มาหากู กูอยากล่ะอยากจะกระทืบซ้ำ” ปั้นจั่นว่าเพื่อนพลางหัวเราะ แต่ดูเหมือนต้นกับสนจะไม่ขำด้วยเพราะสนเองก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน

“แล้วมึงสองคนเคยมีแฟนเปล่าวะ” ปั้นจั่นหันมาถามต้นกับสนซึ่งต่างก็มองหน้ากันเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

“ก็มีบ้างแหละ แต่ไม่จริงจังอะไรหรอก สุดท้ายอยู่กับเพื่อนสบายใจกว่า ต้นเป็นเพื่อนที่ดีมากของกูเลยนะเว้ย เพราะฉะนั้นกูบอกไว้ก่อนว่ากูรักเพื่อนคนนี้มาก พวกมึงห้ามมาทำอะไรเพื่อนกูอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นแล้วจะหาว่าไม่เตือน มึงเคยได้ยินไหม เพื่อนสน ใครอย่าแตะ คนที่โรงเรียนเก่าเขารู้จักดี” สนเป็นฝ่ายตอบก่อนและพยายามดึงประเด็นอื่นเข้ามาแทน เขาพูดอย่างภูมิใจเสมอเวลาที่บอกว่าต้นเป็นเพื่อนที่ดีของเขาและพูดได้โดยไม่รู้สึกอาย ส่วนเรื่องที่เขาเคยมีแฟนแล้วลืมเพื่อนนั้น แม้ว่าต้นจะไม่เคยต่อว่าอะไรเขา แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นเขาก็เสียใจทุกครั้ง

“แล้วต้นล่ะ มึงเคยมีแฟนหรือเปล่า” นิกหันมาถามต้น

“ไม่เคย ตอนนั้นยังเด็กอยู่นี่หว่า” ต้นบอก เขาไม่ค่อยอยากสนทนาเรื่องนี้เท่าใดนัก

“อ้าว ตอนนี้ไม่เด็กแล้ว แสดงว่าเริ่มคิดแล้วสิ” นิกแซวแล้วก็หัวเราะ

“เฮ้ย เอาอย่างนี้ สมมติว่ามึงมีแฟน แล้วมึงจะลืมเพื่อนเปล่าวะ” ปั้นจั่นถาม เพิ่มความอึดอัดให้ต้นกับสนมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะเหมือนเป็นการสะกิดแผลเก่าที่มันหายไปแล้วให้กลับฟื้นขึ้นมาอีก

“ตอนนี้ยังไม่มีเว้ย ถามมาก็ตอบไม่ได้หรอก รอให้มีก่อนแล้วค่อยว่ากัน คุยเรื่องอื่นกันบ้างเหอะ ถามแต่เรื่องแฟนอยู่ได้” ต้นรีบช่วยตัดบท ต้นจะเป็นคนที่ฉลาดในการแก้ปัญหาหรือหาทางออกได้ดีเสมอ

“อะไรวะ ถามก็ไม่ได้ มีอะไรกับเรื่องแฟนหรือเปล่าเนี่ย” ปั้นจั่นว่า แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น

ขณะที่กำลังกินข้าวและคุยกัน ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน สนอาสาเดินไปเปิดประตูแทนเพื่อนๆ

“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ กำลังกินข้าวกันเหรอ พี่ซื้อขนมมาฝากแน่ะ” พี่พิมพ์ หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเช่านั่นเอง สนรับของฝากมาพลางกล่าวขอบคุณ

พี่พิมพ์เดินเข้ามาในบ้านแล้วถาม “เป็นไงจ้ะ บ้านอยู่ได้ไหม โอเคไหม”

“โอเคครับ พวกเราชอบมาก อยู่สบายมากๆ เลยครับ” ปั้นจั่นตอบ

“ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่นะ ถ้าใครลืมกุญแจก็โทรไปหาพี่ได้ ไฟดับ น้ำไม่ไหล หลังคารั่ว หรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ โทรบอกพี่ได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง”พี่พิมพ์บอก บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่เธอสร้างไว้นานแล้ว ทำด้วยไม้ทั้งหลัง พอลูกๆ โตกันหมดก็แยกย้ายกันไปไม่มีใครอยู่ พอพ่อแม่เสีย พี่พิมพ์ก็ซ่อมแซมบ้านหลังนี้ใหม่เพื่อให้คนมาเช่าอยู่ รายได้ที่เกิดขึ้นก็เป็นของพี่พิมพ์ทั้งหมดเพราะพีน้องคนอื่นๆ ไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดและไม่มีใครอยากได้บ้านหลังนี้แล้ว ตั้งแต่เปิดให้เช่าก็มีคนมาเช่าตลอดเพราะบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย สามารถเดินไปได้เลย

“พี่พิมพ์กินข้าวด้วยกันไหมครับ” ต้นชวน

“ไม่หรอกจ้ะ ตามสบายเลย พี่กินมาแล้ว พี่แวะมาดูแค่นี้แหละ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรพี่ก็จะกลับละ บ๊ายบายจ้ะ ไว้มีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่นะ” พี่พิมพ์บอกแล้วก็เดินออกไป

พอกินข้าวเสร็จ หนุ่มๆ ก็แบ่งเวรกันล้างจานโดยเริ่มจากนิกก่อน แล้วจะสลับไปเป็นปั้นจั่น ต้นและสนตามลำดับ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็ช่วยกันเก็บกวาดให้เรียบร้อย เมื่อหมดภาระแล้วจึงแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง

“สน ถ้าเราขี่หลังนาย แล้วนายจะขึ้นบันไดได้หรือเปล่า” ต้นถามขณะที่จะเดินขึ้นบันได

สนหันมามองแล้วท้าทายว่า “ลองดูไหมล่ะ”

ต้นจึงกระโดดเกาะหลังเพื่อนแล้วสนก็พาต้นเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดไป นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็ได้แต่อ้าปากเหวอ

“เฮ้ย ปั้นจั่นกูขี่หลังมึงขึ้นบันไดมั่งสิ” นิกว่าพลางทำท่าจะกระโดดขี่หลังเพื่อน

“เดี๋ยวกูเตะเอา ไอ้นี่ เดินได้ก็เดินเองสิวะ” ปั้นจั่นว่าพลางทำท่าจะเตะเพื่อน

สนพาต้นขี่หลังมาจนถึงหน้าห้องแล้วก็ให้ต้นลง “กินข้าวแล้วนายตัวหนักขึ้นนะเนี่ย” สนแซวเพื่อน “เดี๋ยวเราอาบน้ำเสร็จแล้วจะมาคุยด้วยนะ นายอย่าเพิ่งนอนล่ะ”

ต้นพยักหน้าแล้วก็เข้าห้องของตัวเองไป เขาถอดเสื้อผ้าออกทิ้งใส่ตะกร้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ยังไม่ทันจะได้เข้าไปอาบน้ำ ก็มีเสียงคนมาเคาะประตู ต้นจึงเดินมาเปิด ภาพที่เห็นทำให้ต้นตกใจเล็กน้อยเพราะสนใส่กางเกงในสีขาวตัวเดียวยืนอยู่หน้าห้องเขา แม้ว่าจะเคยอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้เห็นเพื่อนในสภาพแบบนี้เท่าไรนัก

“นายมีแชมพูให้เรายืมไหม เราลืมซื้อน่ะ” สนบอกสาเหตุที่เขาต้องมาในสภาพนี้

“มีสิ รอก่อนนะ นายเข้ามาข้างในก่อนสิ” ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ หยิบแชมพูและครีมนวดผมสำหรับผู้ชายมาให้เพื่อน

“ทำไมไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวมาล่ะ วิ่งออกมาแบบนี้คนอื่นเขาก็ตกใจแย่” ต้นว่าพลางขำ

“ลืมน่ะ แต่จะอายทำไมล่ะมีแต่ผู้ชายด้วยกัน” สนบอกพลางขำไปด้วย เขามองรูปร่างของต้นด้วยความสนใจ ต้นไม่ค่อยเป็นคนที่เปิดเผยรูปร่างของตัวเองมากนัก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าเพื่อนเขามีรูปร่างที่เปลี่ยนไปมากกว่าที่เคยเห็นตอนเด็กๆ ทีเดียว

“โห นายก็หุ่นดีเหมือนกันนะเนี่ย มีซิคแพ็คด้วย ตัวโตขึ้นเยอะเลย ไหนขอดูไอ้นั่นหน่อยสิว่าโตขึ้นด้วยหรือเปล่า” สนไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาแกล้งกระตุกผ้าขนเช็ดตัวที่ต้นนุ่งอยู่

ต้นดึงไว้พลางห้าม “เฮ้ย ไม่เอา”

สนจึงหยุดแล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ “ไปอาบน้ำละ เดี๋ยวเอามาคืนนะ” สนบอกแล้วเดินออกไป แล้วก็หยุดเหมือนนึกอะไรได้ “แล้วนายจะใช้ตอนนี้หรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร เราสระตอนเช้าก็ได้ นายเอาไปก่อนเถอะ”

“โอเค เดี๋ยวเราเอามาให้ อ้อ เดี๋ยวเรามาคุยด้วยนะ อย่าเพิ่งนอนล่ะ” สนกำชับแล้วก็เดินออกจากห้องของต้นไป

อาบน้ำเสร็จแล้ว สนก็มาเคาะประตูห้องเพื่อน เขาใส่ยืดสีขาวบางๆ ไม่มีลายและกางเกงบ๊อกเซอร์ ต้นเดินมาเปิดประตูให้เพื่อน เขาอยู่ในชุดนอนปิจามาสซึ่งสนชอบล้อว่าเหมือนคุณชาย ต่างคนก็ต่างเป็นหนุ่มเต็มตัวกันแล้ว สำหรับสน ด้วยชุดที่เขาใส่ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศเป็นอย่างยิ่ง ต้นจึงรู้สึกใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเพื่อนมานั่งคุยใกล้ๆ แต่สักพักก็เริ่มชิน ส่วนสนนั้น วันนี้เขารู้สึกว่าต้นเองก็มีเสน่ห์ดึงดูดอะไรบางอย่างเช่นกัน เขารู้สึกว่าต้นเป็นผู้ชายที่น่ากอด ความรู้สึกว่าอยากกอดแวบเข้ามาในความคิดเขาบ่อยๆ เวลาต้นอยู่กับเขาต้นจะดูขี้อ้อนนิดๆ ซึ่งก็ดูน่ารักไปอีกแบบ โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ นี้ ต้นดูขี้อ้อนกับเขามากขึ้นจนบางทีเขารู้สึกอยากจะกอดแน่นๆ ให้ต้นหายใจไม่ออกไปเลย อารมณ์มันเหมือนคนที่เห็นอะไรน่ารักแล้วเกิดอาการหมั่นเขี้ยวนั่นเอง แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น ต้นก็มีความเป็นผู้นำสูงมากเพราะเขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องมาตลอดตั้งแต่เด็ก เวลาอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ ต้นจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่สนต้องแปลกใจ ต้นเป็นผู้นำและจัดการปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ต้นเหมือนมีอำนาจที่คนอื่นๆ จะต้องฟังและทำตามเขา จะว่าไปแล้วต้นก็เป็นต้นแบบให้สนในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการเรียน การเป็นผู้นำและการช่วยเหลือผู้อื่น

พอคุยกันจนหนำใจแล้ว สนก็เดินกลับเข้าห้องของเขาไป ในขณะที่เขาออกมาจากห้องต้นนั้น ปั้นจั่นก็บังเอิญเห็นพอดีระหว่างที่ลงมากินน้ำข้างล่างก่อนจะขึ้นไปนอน เขาอดทึ่งไม่ได้ที่สองคนนี้เป็นเพื่อนที่รักกันมาก มากจนดูออกทั้งจากสีหน้าและการกระทำ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนเช้า ต้นกับสนก็เดินไปมหาวิทยาลัยด้วยกันพร้อมกับนิกและปั้นจั่น แต่เดินไปเดินมาสุดท้ายก็แยกกันเดินเป็นคู่ๆ เหมือนไม่ได้มาด้วยกันเพราะคุยกันไปมาแล้วต้นกับสนก็ดูเหมือนจะชอบคุยกันเองมากกว่า สนเดินมาส่งต้นที่คณะของต้นเพราะถึงก่อนของเขา จากนั้นสนจึงเดินต่อไปคณะของเขาเอง ชีวิตในช่วงปีแรกของต้นกับสนก็ดำเนินไปเช่นนี้ ในตอนหลังๆ ก็เริ่มสนิทสนมกับนิกและปั้นจั่นมากขึ้น ที่จริงสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดี แต่ปั้นจั่นจะเป็นคนที่พูดตรงและโผงผาง คิดหรือสงสัยอะไรก็จะถามอย่างนั้น ส่วนนิกก็จะออกแนวคล้ายๆ กัน แต่เขาจะไม่พูดโผงผางมากเท่ากับปั้นจั่น แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี ไว้ใจได้

สิ่งหนึ่งที่เพื่อนใหม่อีกสองคนตระหนักก็คือความมีน้ำใจของต้น ต้นมีน้ำใจกับเพื่อนทุกคน ต้นช่วยเพื่อนทุกคนถ้าเขาช่วยได้ซึ่งต่างกับสนอยู่บ้าง สนเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีน้ำใจแต่จะไม่ละเอียดอ่อนและใส่ใจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่ากับต้น ความใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของต้นนี่เองที่เป็นเหตุให้นิกกับปั้นจั่นเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง แม้ว่าดูภายนอกต้นจะเหมือนผู้ชายทั่วไป เรียนวิศวะที่มีแต่ผู้ชายเต็มห้อง ไม่แต่งตัวหรือมีท่าทางที่เหมือนเกย์หรือกะเทยให้เห็น แต่เขาก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิงทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนหน้าตาดี ในขณะเดียวกันต้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจผู้ชายเช่นกัน คงมีแต่สนเท่านั้นที่ดูต้นจะสนิทมากกว่าใคร เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ต้นอยู่ใกล้แล้วจะมีแววตาแปลกๆ ที่ทำให้นิกกับปั้นจั่นงุนงงสงสัย รวมทั้งยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่พอสังเกตได้ซึ่งทำให้ต้นดูแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

10. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:27 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 10: แฟนคนแรกของต้น

ในช่วงพักกลางวัน นักศึกษาทุกคนจากทุกคณะจะมากินอาหารกันที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย วันนี้ สนเลือกที่จะมากินข้าวกับต้นเพราะยังไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนใหม่ดีนัก ในขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกัน บังเอิญมีสาวสวยกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา สนเผลอหันมองตามตามประสาคนวัยหนุ่มโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าต้นสังเกตดูและครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“แบบนี้สเปคนายหรือเปล่า” ต้นถาม ทำให้สนได้สติ

“อ๋อ...ก็สวยดี จริงๆ เราไม่มีสเปคหรอก ถ้าเกิดชอบก็ชอบ แต่คนจนๆ อย่างเราคงไม่มีสาวคนไหนสนใจหรอก” ประโยคท้ายสนพูดกึ่งประชดพลางแค่นหัวเราะนิดๆ

“ทำไมนายคิดอย่างนั้นล่ะสน คนที่เขาไม่ได้สนใจเรื่องฐานะก็มี บางทีมีแฟนเป็นคนดีก็อาจจะดีกว่ามีแฟนเป็นคนรวยก็ได้” ต้นแย้ง

“จะมีสักกี่คนที่คิดอย่างนั้นล่ะต้น เราว่าน้อยเต็มที นายรู้ไหม ในห้องของเรามีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้น นามสกุลดังๆ ก็เยอะ มีแต่เราที่เป็นใครก็ไม่รู้อยู่คนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะนายช่วยทั้งเรื่องเงินและความรู้ เราก็คงไม่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสสังคมแบบนี้หรอก” สนพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความน้อยใจบางอย่าง

“อย่าคิดมากน่ะสน ใครจะรวยจะจนก็ช่างเขาเถอะ เราตั้งใจเรียนให้จบดีกว่า ดีไหม”

สนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วยิ้มกึ่งเม้มริมฝีปาก

“สน” ต้นเรียกเพื่อนเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง สนหันมามอง “ถ้านายอยากจะมีแฟนหรือเจอคนที่ชอบ นายไม่ต้องห่วงเราหรอกนะ” ต้นบอกเพียงเท่านี้ซึ่งเขาคิดว่าสนคงเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

“เรายังไม่อยากคิดเรื่องนั้นหรอกต้น เรียนให้จบก่อนดีกว่า เอาตัวก็ยังจะไม่รอดเลย มีแฟนตอนนี้ก็คงยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ว่าแต่นายเถอะ นายก็เป็นคนที่หน้าตาดีเหมือนกันนะ มีสาวๆ มาชอบบ้างหรือยังล่ะ ถ้าสนใจใครบอกได้นะเว้ย เดี๋ยวเราช่วย” สนพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

“เราก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ เรียนให้จบก่อนดีกว่าแล้วค่อยคิด แต่ของแบบนี้มันก็เดายากนะ มันจะมาเมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้ามันถึงเวลามันก็มาเองแหละ จริงๆ นายอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าบางทีเราอาจจะมีคนที่เราชอบมานานแล้ว”

ประโยคท้ายทำให้สนเกิดความอยากรู้ขึ้นมาทันที “ใครวะต้น ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ เราก็อยู่กับนายแทบทุกวัน ใครเหรอ นายแอบชอบใครเหรอ”

“เราแค่สมมติเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก” ต้นรีบแก้ตัว ชาตินี้ต้นคงไม่มีโอกาสได้บอกคนๆ นั้นอย่างแน่นอน เพราะคนที่ต้นรักนั้นคงไม่ได้คิดกับเขาอย่างนั้น และอาจจะรับไม่ได้ถ้าเกิดเขาได้รู้ความจริงบางอย่าง ความจริงที่ต้นไม่กล้าบอกใคร ได้แต่เก็บซ่อนไว้ลึกๆ แต่สนก็ยังไม่วายสงสัย แต่ก่อนจะถามอะไรต่อก็มีเสียงร้องทักมาจากข้างหลัง

“เฮ้ย สองคนนี้ แอบมาจู๋จี๋กันอยู่นี่เอง มากินข้าวก็ไม่ชวนกันบ้างเลย”

นิกกับปั้นจั่นนั่นเอง ทั้งสองคนเพิ่งได้หยุดพักเที่ยงตอนเกือบเที่ยงครึ่งแล้ว

“อ้าว ทำไมลงมาช้าล่ะ” สนถาม เขาไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตกับการใช้คำว่า “จู๋จี๋” ของเพื่อนเท่าไรนัก มีแต่ต้นเท่านั้นที่รู้สึกว่าสองคนนี้พูดอะไรแปลกๆ

“มีงานนิดหน่อย” ปั่นจั่นบอก

“เดี๋ยวพวกกูไปซื้อข้าวก่อน รอด้วยนะเว้ย” นิกบอก แล้วก็พาปั้นจั่นเดินไปซื้ออาหาร
------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่คนที่มีแฟนคนแรกเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยกลับไม่ใช่สนเสียแล้ว ช่วงเทอมสุดท้ายของปีหนึ่ง ต้นบังเอิญได้รู้จักกับนักศึกษาหญิงคนหนึ่งชื่อ “เจนี่” จากคณะนิเทศศาสตร์ที่อยู่ในชมรม “จิตอาสาเพื่อสังคม” ซึ่งต้นก็เข้าไปร่วมด้วยเช่นกัน ชมรมนี้เป็นชมรมที่เน้นการทำงานอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ปลูกป่าชายเลน เก็บขยะในแม่น้ำลำคลอง ระดมทุนช่วยภัยน้ำท่วม/ภัยหนาว ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนพิการเวลาจัดงาน พาแขกต่างชาติไปเที่ยวเวลาที่มีการจัดงานระหว่างประเทศ ฯลฯ แล้วแต่ว่าใครต้องการอาสาสมัครนักศึกษาไปช่วยทำอะไรบ้าง แต่ก็มีข้อแม้ว่านักศึกษาจะไปได้นอกเวลาเรียนเท่านั้น ส่วนใครจะไปเมื่อไร วันไหน สมาชิกในชมรมจะคุยและตกลงกันเอง

ด้วยบทบาทการเป็นผู้นำที่โดดเด่นของต้นและการทุ่มเททำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เจนี่ปลื้มเขามากทีเดียว เวลาจัดกิจกรรมก็มักจะเข้ามาคุยกับต้น ช่วยต้นทำนั่นทำนี่หลายอย่าง เจนี่เป็นคนที่ค่อนข้างติดดินแม้ว่าจะมาจากครอบครัวที่ฐานะดี ที่สำคัญเป็นคนที่จิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนต้น จึงค่อนข้างเข้ากันได้ดีทีเดียว บางทีไปเก็บขยะในคลองที่สกปรก เจนี่ก็ไปด้วยและไม่แสดงท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด จะว่าไป ต้นก็ชอบผู้หญิงคนนี้มากทีเดียว จนความสนิทสนมกันของต้นและเจนี่ก็เริ่มเป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เที่ยงวันหนึ่ง สนโทรไปบอกต้นว่าเขาจะลงไปกินข้าวด้วย พอเลิกตอนเที่ยงสนก็รีบไปหาเพื่อนที่โรงอาหารทันที ต้นกับสนแยกกันไปซื้ออาหารตามที่ตัวเองอยากกิน พอสนได้อาหารที่ต้องการแล้วเขาก็ถือถาดอาหารเดินไปหาต้นที่โต๊ะที่จองไว้ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมี “เจนี่” มานั่งคุยกับต้นอยู่และนั่งแทนที่เขาไปเสียแล้ว พอต้นหันมาเห็นเขา ต่างคนก็ต่างทำหน้าเลิ่กลั่ก

“ไม่เป็นไร ตามสบายเถอะ เดี๋ยวเราไปนั่งกินตรงนั้นก็ได้” สนบอกเพื่อนแล้วก็เดินไปหาโต๊ะนั่งใหม่โดยมีสายตาของต้นมองตามมาอย่างห่วงๆ สนพอรู้ว่าสาวคนนี้คือแฟนของเพื่อนนั่นเอง เขาจึงไม่อยากรบกวน

“เพื่อนต้นเหรอ” เจนี่ถาม เธอเรียกว่า “ต้น” เฉยๆ เพราะอายุไม่ห่างกันเพียงไม่กี่เดือน

ต้นพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ ชื่อสน เรียนคณะเทคโนฯ” ต้นบอก สายตายังแอบมองเพื่อนอยู่

“เหรอคะ แล้วทำไมเขาไม่มานั่งกับต้นล่ะ” เจนี่ถาม

“อ๋อ...ไม่มีไรหรอก เพื่อนผมเขาเป็นคนประหม่าเวลาเจอคนที่ไม่รู้จักครับ เขาขี้อาย” ต้นแก้ตัวให้เพื่อน
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากอาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้ว สนก็เดินไปเคาะประตูห้องต้นเพื่อจะเข้ามาคุยด้วยก่อนนอนตามปกติ บางวันก็นอนที่ห้องต้นไปเลยก็มี ต้นเดินมาเปิดประตูให้เพื่อน สนเดินตามเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงบนเตียงของเพื่อนอย่างคุ้นเคย

“นายทำงานอยู่หรือเปล่า” สนถาม

“อ๋อ...เสร็จแล้วแหละ” ต้นบอกแล้วก็เดินมานั่งใกล้ๆ กับเพื่อน

สนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างสบายๆ “คนเมื่อกลางวันใช่แฟนนายหรือเปล่า ทำไมไม่เห็นพามารู้จักเราบ้างเลย”

ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” ต้นตอบสั้นๆ จริงๆ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเจนี่ถึงขั้นจะคิดเป็นแฟนอยู่แล้ว เพียงแต่เห็นว่าเจนี่เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น

“ชื่ออะไรเหรอ” สนถามด้วยความอยากรู้
“เจนี่”

“โห ชื่อน่ารักซะด้วย เราว่าเขาน่ารักดีนะ ตาคมดี เหมาะสมกับนายมากเลย” สนให้ความเห็น

“อืม...เจนี่เป็นคนน่ารัก เขาติดดินดีนะ จริงๆ เขาเป็นลูกคนรวย แต่เขาไม่ค่อยถือตัว ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราพาเขาไปเก็บขยะในคลอง ตอนแรกนึกว่าเขาจะไม่ไป แต่เขาก็ไปนะ แถมยังช่วยเก็บขยะอย่างดี ไม่บ่นสักคำ แต่อย่างว่าแหละ ก็คงต้องดูกันไปเรื่อยๆ” ต้นบอก

“นายชอบเขาหรือเปล่าล่ะ”

ต้นทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนตอบว่า “ก็ชอบนะ” แต่ต้นไม่ได้บอกต่อว่าชอบในฐานะเพื่อนเท่านั้น

“นั่นแน่ นายนี่ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย เห็นเป็นเด็กเรียนเงียบๆ” สนแซวเพื่อนพลางหัวเราะ

เสียงโทรศัพท์ของต้นดังขึ้น เจนี่โทรมานั่นเอง ต้นรับสายและขอตัวเดินไปนั่งคุยตรงโต๊ะทำงานของเขา

ผ่านไปสักพัก สนก็เห็นว่าต้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดคุยโทรศัพท์จึงลุกขึ้นเดินไปบอกต้นเบาๆ ว่า “เราไม่กวนละ”

บอกแล้วสนก็เดินออกไป เขาลงมานั่งคุยกับนิกและปั้นจั่นซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างแทน

“อ้าว ทำไมวันนี้คุยกันแป๊บเดียวล่ะ ปกติเห็นคุยกันจนดึกดื่น” นิกถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสนมานั่งดูทีวีด้วย
“สงสัยไอ้ต้นมันคุยกับแฟนล่ะมั้ง เมื่อวานก็เห็นคุยกันเป็นชั่วโมงๆ” ปั้นจั่นว่าแล้วก็หันไปดูทีวีต่อ

สนได้แต่เงียบ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการที่เพื่อนมีแฟน จะดีใจกับเพื่อนก็ดีใจอยู่ แต่อีกใจหนึ่ง เขากลับรู้สึกเหมือนมีใครมาแย่งของรักของเขาไปเสียอย่างนั้น เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นต้นรู้สึกอย่างไรที่เขามีแฟนแล้วหายหน้าไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนเย็นๆ ต้นมักจะคุยโทรศัพท์กับเจนี่เป็นประจำ คุยกันทีก็คุยกันนาน จนทำให้สนรู้สึกน้อยใจขึ้นมาบ้างเพราะเขาไม่ค่อยได้คุยกับต้นเลย ตอนหลังๆ เขาก็เลยไม่เข้าไปห้องต้นเพราะเข้าไปทีไรต้นก็คุยโทรศัพท์กับแฟน เขาจึงทำงานในห้องของตัวเอง หรือไม่ก็มานั่งดูทีวีข้างล่าง

วันนี้ก็เช่นกัน สนลงมานั่งดูทีวีและคุยกับนิกและปั้นจั่นเหมือนหลายๆ วันที่ผ่านมา แต่เขามักจะเผลอเหลือบมองไปที่ห้องของต้นบ่อยๆ

“เป็นไรวะไอ้สน กูเห็นมึงมองขึ้นไปที่ห้องไอ้ต้นบ่อยๆ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย

“เปล่าๆ” สนปฏิเสธและพยายามทำสีหน้าให้ดูไม่มีพิรุธ

“ไม่ต้องมาเปล่าเลย กูเห็นมึงมองหลายทีละ อยากคุยกับมันล่ะสิ เดี๋ยวกูจัดการให้” ปั้นจั่นพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูห้องของต้น สนห้ามไม่ทันจึงปล่อยเลยตามเลย

ต้นเดินมาเปิดประตูพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย “มีอะไรเหรอ” ต้นถามอย่างสงสัย

“คุยกับแฟนเสร็จหรือยัง ไอ้สนมันอยากคุยด้วย” ปั้นจั่นบอก ต้นมองลงมาข้างล่าง สบตากับสนแล้วก็รีบขอตัววางโทรศัพท์ทันที

“ขึ้นมาซิ” ปั่นจั่นร้องบอกสน

สนก็เดินขึ้นมา ทั้งต้นและสนมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“เอ้า คุยกันซะ ไปละ” ปั้นจั่นว่าแล้วก็เดินลงไปโดยไม่หันมาสนใจต้นกับสน

“เข้ามาก่อน” ต้นเป็นฝ่ายบอกเพื่อน สนเดินเข้ามาในห้องของต้นแล้วปิดประตู ต่างคนต่างทำสีหน้าไม่ถูกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน

“เราไม่ได้บอกให้ไอ้ปั้นจั่นมาบอกนายนะต้น มันมาบอกเอง” สนอธิบาย “ถ้านายจะคุยกับแฟนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวเราจะลงไปดูทีวีข้างล่างก็ได้ เราไม่มีอะไรหรอก” สนบอก เขารู้สึกเกรงใจเพื่อนอยู่เหมือนกัน

“ไม่เป็นไรหรอก นายมีอะไรจะคุยกับเราหรือเปล่าล่ะ เราคุยได้นะสน”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก เราไม่กวนนายดีกว่านะ” สนทำท่าจะเดินออกไป

ต้นรีบวิ่งมาขวางประตูไว้ “เดี๋ยวก่อนสิสน”

ต้นสบตากับสน ต่างคนต่างรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก “นายจะมาคุยกับเราไม่ใช่เหรอ ทำไมจะรีบกลับล่ะ”

สนเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นแล้วถอนหายใจ เขาไม่รู้จะพูดกับเพื่อนยังไงเหมือนกัน จะว่าน้อยใจก็ใช่ เพราะคนเคยคุยกันก่อนนอนแทบทุกวัน แต่ช่วงนี้ต้นก็เอาแต่คุยกับแฟน แต่เขาก็เป็นผู้ชาย การจะน้อยใจเรื่องพวกนี้มันก็ดูยังไงๆ อยู่

“ก็นาย...” สนหยุดคิดเพราะไม่รู้ว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ “นายคุยโทรศัพท์ เราก็เลยไม่อยากกวนไง”

“เราขอโทษสน...” ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจเพราะไม่รู้ว่าสนกำลังน้อยใจหรือเปล่า

“แต่ว่าเราก็อยากคุยกับนายนะ พอดีเจนี่เขาโทรมาหาเราทุกวันเลย เราก็เลยต้องคุยกับเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่อยากคุยกับนายนะสน” ต้นพยายามอธิบาย

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนายเสียหน่อย” สนบอก

“แต่นายอย่าเพิ่งกลับนะ เราอยากคุยกับนาย” ต้นเริ่มทำเสียงอ้อน “นะ เรามีเรื่องคุยกับนายเยอะแยะเลยวันนี้”

“อือๆ” สนพูดเหมือนอยู่ในลำคอ แล้วก็เดินกลับ ต้นเดินตามหลังแล้วมากระโดดกอดคอเขาเป็นเชิงหยอก สนเดินมาที่เตียงแล้วก็ปล่อยเพื่อนลงด้วยการทุ่มตัวลงไปบนที่นอนเบาๆ ต้นร้องโอ๊ย สนตกใจนึกว่าเพื่อนเป็นอะไร เขาพุ่งตัวลงไปนอนข้างๆ เพื่อนแล้วถามว่า

“เป็นอะไร เจ็บเหรอ”

ต้นยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วตอบว่า “เปล่า...ร้องไปงั้นแหละ” แล้วก็หัวเราะ

“นายนี่...อีกแล้วนะ เดี๋ยวเราโกรธเหมือนตอนไปเที่ยวทะเลนะ” สนว่า ต้นหน้าเจื่อนลง สนจึงยิ้มและหัวเราะเพราะไม่อยากให้เพื่อนตกใจและคิดมาก “เราพูดเล่นต้น”

ต้นจึงค่อยยิ้มได้ ทั้งสองคนนอนคุยกันเหมือนเช่นเคย แม้ว่าจะรู้จักกันมาจนเกือบสิบปีแล้ว แต่เขาทั้งสองคนก็ไม่เบื่อที่จะคุยกัน มีเรื่องให้คุยกันได้ตลอด บางทีก็คุยกันทั้งวันทั้งคืนจนเคยมีคนสงสัยว่าคุยอะไรกันนักกันหนา อาการติดเพื่อนระหว่างทั้งสองคนไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ยิ่งคบกัน ยิ่งคุยกันก็ยิ่งผูกพัน แน่นขึ้นและแน่นขึ้นจนไม่อาจมีสิ่งใดมาตัดให้ขาดสะบั้นลงได้ง่ายๆ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

11. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:28 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 11: ความลับที่ถูกเปิดเผย

ในตอนหลังๆ ต้นก็เริ่มหันมาสนิทกับนิกและปั้นจั่นมากขึ้นเพราะสองคนนี้รู้ว่าต้นเก่งวิชาจำพวกคณิตศาสตร์ จึงมักให้ต้นช่วยสอนการคำนวณให้ นิกกับปั้นจั่นเรียนเศรษฐศาสตร์ก็จริงแต่ก็ไม่ได้ชอบการคำนวณมากนัก แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ความมีน้ำใจของต้นทำให้นิกกับปั้นจั่นรู้สึกชอบและสนิทกับต้นมากขึ้นเช่นกัน

ในช่วงหลังๆ ต้นพยายามคุยโทรศัพท์กับเจนี่น้อยลง เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้คิดอะไรกับเจนี่เกินเลยกว่าเพื่อน บางทีต้นก็รู้สึกผิดที่ไม่ยอมบอกเจนี่ไปตรงๆ ทำให้เธอก็ดูเหมือนจะมีหวังอยู่ไม่น้อยเลย แต่ตอนนี้ต้นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันหยุดวันหนึ่ง พ่อกับแม่ของต้นมาเยี่ยมต้นที่หอพัก ซื้อของฝากมาให้หลายอย่าง ต้นรู้สึกเสียดายที่วันนี้สนไม่อยู่ เพราะเขาต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อน ไม่อย่างนั้นแล้วพ่อกับแม่ของสนก็อาจจะมาด้วย

“เพื่อนต้นครับพ่อ คนนี้ชื่อนิก คนนี้ชื่อปั้นจั่น เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ครับ” ต้นแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักกับเพื่อนร่วมบ้านอีกสองคน นิกกับปั้นจั่นยกมือไหว้พ่อกับแม่ของต้นอย่างเรียบร้อย พอมีผู้ใหญ่มา สองคนนี้ก็ดูสงบเสงี่ยมมากขึ้น

“เรียนอยู่ปีอะไรกันแล้วล่ะ” แม่ของต้นถาม

“ปีหนึ่งครับ” นิกตอบ

“อ้อ...ปีเดียวกับต้นเลย” พ่อของต้นร้องอ๋อ

“อย่าลืมกินขนมกันนะลูก พอดีพ่อกับแม่ซื้อแต่ของที่ต้นกับสนเขาชอบ คงพอกินได้นะ” แม่ต้นบอก

“ได้ครับๆ กินได้ครับ” ปั้นจั่นตอบ

คุยกันอยู่พักใหญ่ พ่อกับแม่ก็พาต้นออกมาคุยนอกบ้านเพราะมีเรื่องที่จะคุยกับต้นเป็นการส่วนตัว

“ต้น... พอดีว่าลุงป่านมีเรื่องเดือดร้อนต้องการใช้เงิน ตอนนี้พ่อกับแม่ก็พอมีอยู่หน่อยหนึ่ง แต่ท่าจะไม่พอ ก็เลยอยากจะขอยืมเงินของต้นสักสองหมื่น เดี๋ยวพ่อกับแม่จะคืนให้” คนที่พ่อเรียกว่าลุงป่านก็คือลุงแท้ๆ ของต้นนั่น ต้นเคยเจอลุงบ้างแต่ไม่บ่อยนักเพราะอยู่ห่างกันคนละอำเภอ

สิ่งที่ต้นได้ยินก็ทำให้เขาตกใจจนแทบจะเก็บสีหน้าไม่อยู่ “เอ่อ... ลุงป่านเขาจะเอาเงินไปทำอะไรหรือครับ” ต้นถามโดยที่เขาไม่รู้ว่าน้ำเสียงของเขาเป็นปกติหรือไม่

“พอดีลูกชายคนเล็กของลุงเขาก็เข้าเรียนมหาลัยเหมือนต้นนี่แหละ แล้วตอนนี้ลุงก็ต้องใช้เงินเยอะเลย แต่เห็นว่าลุงเขายังไม่ใช้ตอนนี้หรอก อีกสองเดือนโน่นแหละ พ่อก็เลยบอกต้นไว้ก่อน” พ่อต้นอธิบาย ต้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“เอางี้ละกันต้น พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกเมื่อไร พ่อเขาก็ไม่ค่อยชอบเข้ากรุงเทพ รถมันเยอะ ขับยาก เดี๋ยววันนี้ก่อนกลับต้นถอนเงินมาให้พ่อเขาได้หรือเปล่าลูก พ่อเขาจะได้เอาไปให้ลุงตอนขากลับนี้เลย” แม่ต้นเสนอ

“อ้าว ว่าไงล่ะต้น ได้ยินที่พ่อกับแม่พูดหรือเปล่า” พ่อต้นถามเมื่อเห็นต้นเหม่อและไม่ตอบสนอง

“อ๋อ...ได้ยินครับ คือ...” ต้นเริ่มใจคอไม่ดี เขาไม่รู้ว่าจะบอกพ่อกับแม่ตรงๆ ดีหรือไม่ ถ้าบอกไปแล้วก็กลัวว่าพ่อกับแม่จะโกรธ แต่ความลับมันคงไม่มีในโลก ยังไงต้นก็ต้องเอาเงินจำนวนนั้นให้พ่อกับแม่ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออีกสองเดือนข้างหน้า พ่อกับแม่ก็จะต้องรู้ความจริงอยู่ดีว่าเงินในบัญชีของต้นเหลือไม่กี่พันเท่านั้น

“คือว่า...” ต้นครุ่นคิดอย่างหนักเพราะเขาไม่เคยโกหกพ่อแม่เลย “ตอนนี้ต้นมีเงินในบัญชีเหลือแค่สี่พันกว่าบาทเองครับ”

“อะไรนะต้น” พ่อกับแม่ของต้นร้องถามด้วยเสียงตกใจ ทำให้ต้นยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดีมากขึ้น

“ลูกเก็บเงินมาเป็นสิบๆ ปี อย่างน้อยก็น่าจะเก็บได้สักสามสี่หมื่น ทำไมถึงมีเงินเหลือแค่สี่พันกว่าบาทล่ะต้น” แม่ต้นถามด้วยสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าต้นพูดความจริง

“ต้นเอาเงินไปทำอะไร บอกพ่อกับแม่มาเดี๋ยวนี้นะต้น ลูกเอาเงินไปเที่ยวเตร่เกกมะเหรกเกเรกินเหล้าเมายาหรือเปล่าต้น” พ่อเริ่มคาดคั้น เสียงคุยกันที่ดังขึ้นนั้นก็ทำให้นิกกับปั้นจั่นพลอยได้ยินไปด้วย ทั้งสองคนเงี่ยหูฟังด้วยความสงสัยและอยากรู้

“เปล่าครับ คือว่าต้น.... ต้นถอนเงินมาให้สนสี่หมื่นบาทครับ พอดีตอนนั้นสนเขาจะไม่ยอมเรียนท่าเดียวเพราะว่าที่บ้านเขามีเงินไม่พอ ต้นก็เลยอยากช่วยเพื่อนครับ ต้นอยากให้สนได้เรียนหนังสือมีอนาคตที่ดีก็เลย...” ต้นตัดสินใจบอกออกไปในที่สุด

“โธ่ต้น...แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะลูก” เสียงของพ่อต้นดูอ่อนลง

“พ่อเข้าใจว่าต้นรักเพื่อน พ่อกับแม่ไม่รังเกียจอะไรเลยที่จะช่วยเหลือสน แต่ต้นควรจะบอกพ่อกับแม่ เงินไม่ใช่น้อยๆ นะต้น จะทำอะไรก็น่าจะปรึกษาพ่อกับแม่ก่อน” พ่อต้นพูดด้วยเสียงตำหนิเล็กน้อย

“ผมขอโทษพ่อกับแม่ด้วยครับ” ต้นพูดพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ “ตอนนั้นผมเห็นพ่อกับแม่ต้องใช้เงินเยอะ ค่าใช้จ่ายของผมก็เยอะมาก ผมก็เลยไม่อยากรบกวนครับ”

“โธ่เอ๋ยลูก” แม่ของต้นร้องเบาๆ ด้วยความสะท้อนใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อดภูมิใจไม่ได้กับสิ่งที่เธอและสามีเฝ้าพร่ำสอนลูกให้เป็นคนดี รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะกับสนแล้ว ครอบครัวของต้นก็ไม่ขัดข้องอะไรเลย

“เอางี้ละกัน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะหาจากที่อื่นไปก่อน แม่อาจจะขอยืมจากป้าไปก่อนก็ได้” แม่ของต้นเสนอทางออก

“ลุงเขาจะใช้อีกสองเดือนใช่ไหมครับ” ต้นถามด้วยแววตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้น...อีกสองเดือน ต้นจะเอาเงินสองหมื่นไปให้พ่อกับแม่เองครับ” ต้นบอก เขารู้สึกว่านี่คือความผิดของเขาและเขาต้องรับผิดชอบ

“ต้นจะไปเอามาจากไหนล่ะลูก” พ่อต้นถามด้วยความประหลาดใจ

“ผมคิดว่าผมหาได้ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วง ต้นสัญญา อีกสองเดือนต้นจะเอาเงินสองหมื่นไปให้เองครับ” ต้นยืนยันคำพูดเดิม

พ่อกับแม่ของต้นมองหน้ากันเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ต้นเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าต้นจะไปหาเงินสองหมื่นบาทภายในสองเดือนมาได้อย่างไร แต่พ่อกับแม่ก็อยากให้ต้นได้เรียนรู้และเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จึงคิดว่าไม่เสียหลายที่จะให้ต้นลองดู

“พ่อกับแม่ไม่รู้ว่าต้นจะหาเงินมาได้อย่างไรหรอกนะ แต่ต้นต้องสัญญากับพ่อแม่ไว้อย่างหนึ่งว่า ต้นจะหาเงินนั้นมาอย่างสุจริต ได้ไหมลูก” พ่อถามพลางยิ้มน้อยๆ

“ผมสัญญาครับ” ต้นตอบ
------------------------------------------------------------------------------------------------
พอพ่อกับแม่ของต้นกลับบ้านไป นิกกับปั้นจั่นก็รีบเข้ามาซักถามต้นทันที

“เฮ้ยต้น เป็นไงมั่ง พ่อกับแม่มึงจะทำโทษมึงหรือเปล่าวะ” นิกถามก่อน ต้นส่ายหน้า

“จริงเหรอ...” นิกทำหน้าไม่เชื่อ

“เฮ้ย แล้วมึงเอาเงินไปทำอะไรวะ” ปั้นจั่นถามบ้างเนื่องจากได้ยินการสนทนาไม่ค่อยชัดเจนเพราะต้นพูดเสียงเบา

“แต่กูได้ยินชื่อไอ้สน มึงเอาเงินไปให้ไอ้สนเหรอวะ” นิกซักบ้าง ต้นอึกอักอยู่สักพักก่อนจะตอบว่า

“สนไม่มีเงินเรียน เราก็เลยช่วย”

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง “โห นายนี่เป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ ว่ะ” ปั้นจั่นชม

“ถามจริงๆ นะต้น... ทำไมมึงจะต้องช่วยเหลือไอ้สนขนาดนั้นวะ ดูแลมันสารพัดอย่าง เสื้อผ้าก็รีดให้มัน ก่อนจะนอนก็ต้องมานอนคุยกัน ตอนแรกนะเว้ย กูนึกว่ามึงกับไอ้สนเป็นคู่เกย์กันเสียอีก” ปั้นจั่นพูดพลางหัวเราะ แต่ต้นกลับหน้าซีดด้วยความตกใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าจะมีคนมองเขากับสนเป็นแบบนั้นด้วยซ้ำ

“จะบ้าหรือไง สนเป็นเพื่อนเรา เราก็ช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา สนก็ช่วยเราตั้งหลายอย่าง นายไม่เห็นเหรอ” ต้นแก้ต่างให้เพื่อน พยายามทำสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด

“เฮ้ยไอ้ต้น กูว่ากูดูไม่ผิดนะเว้ย มึงกับไอ้สนเนี่ยดูสนิทกันเกินเพื่อนธรรมดายังไงไม่รู้ กูว่าไม่ใครก็ใครแหละที่เป็นเกย์ในระหว่างพวกมึงสองคน พวกกูสังเกตดูมานานละ” ปั้นจั่นบอก ยิ่งทำให้ต้นมีสีหน้ามีพิรุธมากขึ้น

“มึงเป็นเกย์หรือเปล่าวะไอ้ต้น” ปั้นจั่นถามรุกอีก พุ่งเป้ามาที่ต้นโดยเฉพาะเพราะทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงความไม่ค่อยเหมือนผู้ชายของต้น ต้นถึงกับสะดุ้งกับคำถามนั้น

“เฮ้ย ไอ้นี่มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย เกย์เกออะไรกันวะ กูไม่ได้เป็นซะหน่อย” ต้นแย้งด้วยเสียงสั่นนิดๆ เขาเริ่มกังวลแล้วว่าสิ่งที่เขาปิดบังมากว่า 10 ปีจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“เฮ้ย เป็นก็บอกมาเถอะ อายอะไร พวกกูรับได้ สมัยนี้สังคมเขาก็เปิดรับคนที่เป็นเกย์เป็นกะเทยกันออกเยอะแยะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เรื่องธรรมดา” ปั้นจั่นบอก ต้นได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร

“เงียบ แสดงว่าไม่ปฏิเสธ” ปั้นจั่นทำน้ำเสียงเหมือนคนที่เหนือชั้นกว่า สามารถต้อนคู่ต่อสู้ให้จนมุมได้

“แล้วมึงก็รักไอ้สนด้วยใช่หรือเปล่าล่ะ” นิกได้โอกาสถามบ้าง

ต้นอึ้งไปแล้วน้ำตาก็เริ่มไหลริน หมดกันกับสิ่งที่เขาอุตส่าห์ปิดบังมาเนิ่นนาน เขาไม่อยากให้ใครรู้เลยโดยเฉพาะสน ถ้าสนรู้ว่าเขาเป็นเกย์ที่แอบหลงรักเพื่อน สนคงรับไม่ได้อย่างแน่นอน สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับสนตอนเด็กๆ นั้น สนคงไม่มีวันลืม และคงไม่มีวันที่จะรับได้ที่จะมีเพื่อนเป็นเกย์อย่างเขา

“พวกมึงอย่าบอกสนนะ สนรู้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าเกิดสนรู้เรื่องนี้ แม้แต่จะเป็นเพื่อนกับสน กูก็คงเป็นไม่ได้” ต้นขอร้องเพื่อน

“เฮ้ย อะไรจะขนาดนั้น” ปั้นจั่นทำเสียงไม่เชื่อ

“สนเกลียดกะเทยมาก สมัยเรียนที่โรงเรียนเก่า ทุกคนจะรู้ดีว่าสนไม่ชอบกระเทยอย่างมาก” ต้นอธิบาย

“แต่มึงไม่ได้เป็นกะเทยนี่หว่า มึงแค่เป็นเกย์นะเว้ย” นิกแย้ง

“ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นอะไรแบบนี้ สนก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ สัญญากับเรานะว่าจะไม่บอกสน ไม่บอกใครอีก” ต้นขอร้องอีกครั้ง

นิกกับปั้นจั่นมองต้นด้วยความรู้สึกเห็นใจ “เออ... ไม่บอกหรอก แต่ถ้ามีอะไรจะให้ช่วยก็บอกได้นะเว้ย มึงเป็นคนดีมาก พวกกูนับถือมึงจริงๆ ว่ะต้น ผู้ชายแท้ๆ มันยังทำตัวเป็นลูกผู้ชายได้ไม่ถึงครึ่งของมึงเลย ไม่ต้องร้องให้ พวกกูไม่บอกใครหรอก สัญญา” ปั่นจั่นรับคำ ทำให้ต้นรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

จะว่าไปแล้ว การที่มีคนเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นอะไรมันก็ช่วยทำให้ต้นสบายใจได้มากขึ้น ดีกว่าที่ต้องคอยเก็บไว้กับตัวเองซึ่งทำให้ชีวิตของต้นเครียดไม่น้อยเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลายวันมานี้ ต้นกลับบ้านดึกทุกคืนจนสนเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอโทรไปถาม ต้นก็จะตอบว่าไปทำงานที่บ้านเพื่อน แรกๆ สนก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่พอเป็นเหมือนกันทุกคืน สนก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป บางคืนที่เขามายืนรอ ต้นก็จะกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อยและขอตัวไปอาบน้ำนอน แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“พวกมึงรู้ไหมว่าต้นมันไปไหนของมัน กลับดึกทุกวันเลย” สนถามนิกกับปั้นจั่นขณะนั่งดูทีวีด้วยกัน

“มันคงหนีไปเที่ยวผับล่ะมั้ง” นิกพูดแหย่เล่น

“ไอ้นี่มึง... ต้นไม่ใช่คนอย่างนั้นเว้ย กูรู้จักเพื่อนกูดี” สนว่าและมองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง

“เออ... ถ้ามึงรู้จักเพื่อนมึงดีแล้วทำไมมึงถึงไม่รู้ล่ะว่าไอ้ต้นไปไหน” ปั้นจั่นย้อนถาม

สนอึ้งเล็กน้อย “ก็กูถามต้นแล้ว ต้นบอกว่าไปทำงานที่บ้านเพื่อน”

“แล้วมึงเชื่อหรือเปล่าล่ะ” ปั้นจั่นย้อนถามอีก สนอึกอัก จะตอบว่าไม่เชื่อที่ต้นพูดก็จะดูกระไรอยู่ แต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เขาไม่เชื่อเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าต้นจะต้องทำงานกลุ่มติดต่อกันหลายคืนขนาดนั้น แต่ต้นไปไหนล่ะ ปั้นจั่นเห็นสนอึกอักก็เลยช่วยชี้ทางให้ว่า

“ไม่เชื่อล่ะสิ ถ้านายอยากรู้ ทำไมไม่ลองตามต้นไปดูล่ะ จะได้รู้ว่ามันหายไปไหน แล้วนายอาจจะตกใจก็ได้”

“หมายความว่าไง” สนถามด้วยความแปลกใจปนสงสัย

“ไม่รู้เว้ย อยากรู้ก็ต้องพิสูจน์เอง” ปั้นจั่นบอกแค่นั้นแล้วก็หันมาสนใจทีวีต่อ


วันต่อมา สนขออนุญาตอาจารย์เลิกเรียนก่อนเวลาเล็กน้อยแล้วมาคอยดักดูต้นที่คณะ เลิกเรียนแล้วต้นก็ลงมาทันที แต่ดูเขารีบๆ ชอบกล ต้นเดินแกมวิ่งไปหน้ามหาวิทยาลัยแล้วเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวนั้นเหมือนจะต้องรีบไปไหนสักแห่ง พอเพื่อนออกไปสนก็เรียกมอเตอร์ไซค์แล้วบอกให้ขับตามรถมอเตอร์ไซค์ที่ต้นนั่งไปด้วยทันที ต้นมาที่ห้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก พอถึงต้นก็รีบเดินแกมวิ่งเข้าไปในห้าง สนวิ่งตามเข้าไป ตอนแรกเขาสงสัยว่าต้นคงจะพาแฟนมาเที่ยวห้าง แต่ก็ไม่น่าจะเป็นความลับอะไรขนาดนั้นนี่นา แต่พอสนวิ่งตามมาเรื่อยๆ ก็เห็นต้นหายเข้าไปในร้านสุกี้ยากี้ชื่อดังของห้างนั้น ไม่นานเท่าไรนัก ต้นก็โผล่มาอีกครั้งในชุดของเด็กเสิร์ฟอาหาร ต้นเดินไปรับออเดอร์ตามโต๊ะบ้าง ยกอาหารมาเสิร์ฟบ้าง คอยเสิร์ฟน้ำและเก็บจานชามของโต๊ะที่กินอาหารเสร็จแล้วบ้าง ดูต้นทำได้อย่างคล่องแคล่วทีเดียวเหมือนกับทำมาหลายวันแล้ว ต้นมาเสิร์ฟอาหารทำไม สนได้แต่สงสัย มิน่าล่ะต้นถึงได้กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทุกวันเลย

สนกลับมาที่บ้านพักด้วยความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม เขากะว่าคืนนี้จะรอดักถามต้นให้กระจ่างแจ้งให้ได้ว่าทำไมต้นต้องไปเสิร์ฟอาหารด้วย

“พวกมึงรู้ใช่ไหมว่าต้นไปเสิร์ฟอาหาร” สนถามนิกกับปั้นจั่นที่นั่งดูทีวีอยู่ขณะที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน นิกกับปั้นจั่นหันมามองด้วยความแปลกใจ

“รู้ตั้งนานแล้ว” ปั้นจั่นตอบห้วนๆ สนยิ่งสงสัยมากขึ้นว่าทำไมสองคนนี้รู้แต่เขาไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งวันนี้

“ทำไมต้นต้องไปเสิร์ฟอาหาร พวกมึงรู้ไหม” สนถาม

“มึงนี่ช่างไม่รู้อะไรเลยนะไอ้สน เป็นเพื่อนกับไอ้ต้นมันยังไงวะเนี่ย” ปั้นจั่นต่อว่าด้วยน้ำเสียงเหมือนเริ่มหมั่นไส้

“พวกมึงนี่อะไรกันวะ เหน็บกูอยู่ได้ ถ้าต้นไม่ยอมบอกแล้วกูจะรู้ได้ยังไงวะ” สนชักเริ่มไม่พอใจที่เพื่อนสองคนนี้เหน็บแนมเขาอย่างไม่มีเหตุผล

“ถ้ามึงไม่รู้ กูจะบอกให้เอาบุญก็ได้ว่า ไอ้ต้นมันไปทำงานเสิร์ฟอาหารเพราะว่ามันต้องหาเงินให้พ่อมันสองหมื่น เพราะว่าเงินที่มันเก็บไว้ในธนาคารเหลืออยู่ไม่กี่พัน” ปั้นจั่นบอกด้วยเสียงกระแทกกระทั้น สนตกตะลึงและนิ่งเงียบไปในทันที

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

12. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:30 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 12: เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว)

สนกินข้าวได้สองสามคำก็อิ่ม จริงๆ เขาไม่รู้สึกอยากกินด้วยซ้ำ พอเริ่มไม่ไหวจึงขอตัวขึ้นมาอาบน้ำ เขาไม่มีสมาธิที่จะทำงานหรืออ่านหนังสือเลยเพราะรู้สึกเป็นห่วงต้น สนจึงลงมานั่งดูทีวีข้างล่างกับนิกและปั้นจั่น แต่ก็ดูไม่รู้เรื่อง ได้แค่คิดในใจว่าป่านนี้ต้นจะได้กินข้าวหรือยัง ต้นคงเหนื่อยน่าดู ไหนจะเรียนแล้วยังต้องมาทำงานอีก มันไม่ใช่ความผิดของต้นเลย คนที่ควรจะรับผิดชอบคือเขาต่างหาก ต้นก็ห่วงความรู้สึกของเขามากจนเกินไป เขาพอจะรู้ว่าที่ต้นไม่บอกเขาเพราะไม่อยากให้เขาคิดมาก แต่ต้นจะมาเหนื่อยเพื่อเขาแบบนี้ไม่ได้

นิกกับปั้นจั่นขึ้นไปนอนแล้ว สนปิดทีวีแล้วก็เดินขึ้นมายืนรออยู่หน้าห้องของต้น เกือบๆ จะห้าทุ่มต้นก็ไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ต้นไม่ได้เปิดไฟเพราะที่หน้าบ้านมีไฟเปิดอยู่จึงพอมีแสงสว่างบ้าง เขาเดินขึ้นบันไดมา พอเห็นสนรออยู่ ต้นก็หยุดเล็กน้อยแล้วเดินมาหาเพื่อน

“ไปไหนมาต้น” สนถามเสียงเบา เห็นหน้าเพื่อนที่ดูเหน็ดเหนื่อยแล้วก็แทบจะน้ำตาไหล ทำไมต้นจะต้องเหนื่อยเพื่อเขาขนาดนี้

“ไปทำงานบ้านเพื่อนมา นายยังไม่นอนอีกเหรอ” ต้นบอกแล้วถามกลับบ้าง เสียงเขาดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังมีกะจิตกะใจห่วงเพื่อน

“ทำงานอะไรเหรอต้น ทำไมมีกลิ่นควันกลิ่นอาหารติดมาด้วยล่ะ”

ต้นทำท่าทางอึกอัก ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สนเดินมาจับไหล่เขาไว้ทั้งสองข้าง จ้องหน้าต้นแต่ต้นพยายามหลบสายตา

“ทำไมนายจะต้องเหนื่อยเพื่อเราขนาดนี้ล่ะต้น” สนหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “นายห่วงความรู้สึกเรามากเกินไปนะต้น ที่จริงนายควรจะบอกเราเรื่องนี้เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของเรา”

ต้นได้แต่นิ่งเงียบ

“นายไม่ต้องไปทำงานที่ร้านนั้นแล้วนะต้น เราจะรับผิดชอบด้วยตัวของเราเอง ที่ผ่านมาเราไม่เคยขัดใจอะไรนาย แต่คราวนี้เราขอนะต้น ขอให้นายเลิกทำงานตอนกลางคืนเพื่อเรา นายเหนื่อยกับเรามามาก อย่าทำให้เรารู้สึกละอายใจไปมากกวานี้เลย ได้ไหมเพื่อน” สนบอกเพื่อนแล้วปล่อยมือลง

“เราคงทำอย่างที่นายขอไม่ได้ ถ้าจะเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยด้วยกัน เราก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้” ต้นแย้ง

“นายอย่าดื้อสิต้น เราคือคนที่รับเงินของนายมา เพราะฉะนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะหาคืนให้นาย” สนเริ่มพูดเสียงดังขึ้น

“ถูก...แต่มันเป็นความสมัครใจของเรานี่สน นายอย่าห้ามเราเลย ถ้านายลำบากเราก็พร้อมที่จะลำบากกับนาย มันเป็นความสมัครใจของเรา เราทำของเราเอง” ต้นเถียง

“นายเหนื่อยเพื่อเราขนาดนี้ทำไมล่ะต้น”

ต้นถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขามองหน้าสนแล้วถามกลับว่า “นายถามแบบนี้ทำไมล่ะสน นายก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม”

สนนิ่งอึ้ง ที่ผ่านมาเขาก็รู้ว่าต้นรักเขาแค่ไหน มันเป็นคำถามที่เขาไม่น่าจะถามเลยด้วยซ้ำ

“เราเป็นเพื่อนรักกันใช่ไหมสน วันนี้นายทนเห็นเราลำบากไม่ได้ วันต่อไปเราก็คงทนเห็นนายลำบากไม่ได้เหมือนกัน เราจะทนดูเพื่อนเหนื่อยและลำบากได้ยังไง ถ้าเราไม่ช่วยกันแล้วเราจะเป็นเพื่อนกันไปทำไม เหนื่อยแค่ไหนมันก็ต้องช่วยกันถ้ายังคิดจะเป็นเพื่อนกันอยู่ เกือบสิบปีที่ผ่านมามันก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่หรือสน ทุกอย่างที่เราทำก็เพราะว่าเราอยากทำ มันไม่ใช่หน้าที่ มันไม่ใช่การถูกบังคับ แต่มันคือใจที่อยู่ข้างใน ถ้านายไม่ให้เราช่วยก็เท่ากับว่านายปฏิเสธที่จะให้เราเป็นเพื่อนนาย นายไม่อยากให้เราเป็นเพื่อนนายหรือสน”

พอต้นพูดจบเท่านั้นสนก็กอดเขาไว้แน่น สนต้องยอมแพ้อีกแล้ว ยอมแพ้กับความดีและความมีน้ำใจของเพื่อนคนนี้ น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดได้เหมือนเช่นเคย นายดีกับเราเหลือเกิน เพื่อนเอ๋ย เราไม่รู้จะบอกนายอย่างไรว่าเราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกับนาย สนปล่อยเพื่อนเหมือนนึกอะไรได้ เขาดึงแขนเสื้อของต้นข้างที่มีรอยแผลขึ้น เขามองไปที่รอยแผลนั้นแล้วพูดว่า

“รู้ไหมต้น ชีวิตของเราก็ให้นายได้” พูดจบสนก็กอดเพื่อนไว้อีกครั้ง เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กอดเพื่อนคนนี้ มันเหมือนกับการถ่ายทอดความรัก ความห่วงใยและความอบอุ่นให้กันและกันได้อย่างดีที่สุดโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย สักพักสนก็ปล่อยเพื่อน

“นายกินอะไรมาหรือยังล่ะต้น”

ต้นส่ายหน้า วันนี้คนเข้าร้านเยอะมาก เขาทำงานจนแทบไม่ได้หยุดเลย พอสามทุ่มครึ่งร้านก็เริ่มปิด แต่เขาก็ต้องอยู่เคลียร์โต๊ะและอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว พอเสร็จงานก็ดึกมาก หน้าปากซอยก็ไม่มีอะไรขายเพราะแม่ค้ากลับกันหมดแล้ว

“โธ่ต้น” สนอุทานด้วยความสงสารเพื่อนจับใจ “งั้นไปกินข้าวก่อน เราเหลือไว้ให้นายอยู่”

สนพาต้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าว เขาเปิดไฟแล้วก็เดินไปยกข้าวและกับข้าวมาให้เพื่อน มีกับข้าวอยู่สองสามอย่างซึ่งเย็นหมดแล้ว แต่ก็ยังคงพอกินได้อยู่ สนนั่งมองเพื่อนกินข้าวด้วยความห่วงใย แม้ว่าเขาจะหิวอยู่บ้างเพราะกินข้าวไปนิดเดียวเมื่อตอนเย็น แต่ก็ไม่อยากไปแย่งเพื่อนกิน ต้นเหนื่อยแล้วต้นควรจะได้กินมากกว่าเขา

“ต้น นายรู้ไหม ตั้งแต่คบกันมา นายมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่ง” สนถามเมื่อเห็นเพื่อนกินข้าวไปได้สักพัก

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ”

สนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า “เราไม่ใช่คนใจเสาะหรือขี้แยนะต้น แต่นายกทำให้เราเสียน้ำตาหลายครั้งแล้ว”

ฟังจบแล้วต้นก็หัวเราะบ้าง

พอกินข้าวเสร็จแล้ว สนก็พาต้นมาส่งที่ห้อง เขาช่วยเปิดประตูให้ต้นเดินเข้าไปในแล้วบอกเพื่อนว่า “อาบน้ำแล้วก็รีบพักผ่อนนะต้น นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

ต้นพยักหน้าพลางยิ้ม “นายก็เหมือนกัน นอนหลับฝันดีนะ”

สนพยักหน้าและยิ้มตอบเช่นกัน เขาปิดประตูให้เพื่อนแล้วก็กลับห้องของตัวเองไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันต่อมา ต้นพาสนไปสมัครงานที่ร้านอาหารที่เขาทำอยู่ ทางร้านก็ยินดีเนื่องจากมีนโยบายที่จะช่วยนักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นช่วงที่ต้องการคนมาช่วยเสิร์ฟเพิ่มเติมพอดี สองหนุ่มต่างช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน พอมีคนมาช่วยทำแล้ว ดูเหมือนว่างานจะเหนื่อยน้อยลงและมีกำลังใจทำมากขึ้น ลูกค้าในตอนเย็นๆ นั้นเยอะมากเพราะเป็นเวลาที่คนเลิกงานและมักจะมาเที่ยวห้าง ทั้งมาซื้อของและมากิน ต้นกับสนรวมทั้งเจ้าหน้าที่หรือนักศึกษาที่มาหารายได้พิเศษต่างก็ต้องทำงานกันอย่างหนัก งานนี้ต้นกับสนจะได้เงินเดือนละประมาณห้าพันบาทเศษๆ เมื่อรวมสองคนแล้วก็จะได้หนึ่งหมื่นบาทหน่อยๆ ต่อเดือน ถ้าทำสองเดือนก็จะสามารถหาเงินไปให้พ่อของต้นได้พอดี

“เหงื่อเต็มหน้าเลยนะต้น” สนทักเมื่อต้นเดินเข้ามาบริเวณหลังร้าน ต้นยิ้มให้เพื่อน แต่ก่อนที่เขาจะไปทำอะไรต่อนั้น สนก็เดินมาหาต้น เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วย

“อยู่เฉยๆ นะ” สนบอกแล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหน้าให้เพื่อน ต้นถึงกับทำตัวไม่ถูก พยายามเก็บอาการเขินไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็หน้าแดงพอสมควร ดีนะที่ไม่มีใครมาสังเกตเห็น

“เดี๋ยวไม่หล่อ” สนบอกพลางหัวเราะเบาๆ นี่คือสิ่งที่เขาพอจะตอบแทนเพื่อนได้บ้าง แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มาจากใจและมีคุณค่าต่อจิตใจเช่นเดียวกัน

กว่าจะเลิกงานก็เลยสี่ทุ่มไปแล้ว บางวันที่นิกกับปั้นจั่นอยู่ดึกๆ ก็จะเห็นสองหนุ่มเดินกอดคอกันกลับเข้ามาในบ้านเสมอ แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็มีความสุข
------------------------------------------------------------------------------------------------
ผ่านไปสองเดือน ต้นกับสนก็ได้เงินมาสองหมื่นบาทนิดๆ วันหยุดวันหนึ่งทั้งสองคนก็กลับบ้านที่นครปฐมเพื่อนำเงินไปให้พ่อของต้น แต่พ่อกับแม่ของต้นไม่รับและยังบอกอีกว่า

“เก็บไว้ใช้เถอะลูก แม่เขาหาเงินได้แล้วล่ะ เอาไว้เรียนหนังสือเถอะลูก” พ่อของต้นบอก

ต้นกับสนมองหน้ากันอย่างงงๆ

“พ่อกับแม่ภูมิใจนะที่ต้นกับสนมีความรับผิดชอบและรักษาคำพูดซึ่งแสดงว่าเราเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แค่นี้พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ เก็บเงินก้อนนี้ไว้ใช้เรียนหนังสือเถอะลูก” แม่ต้นบอก

ต้นกับสนยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ หลังจากนั้นสนก็พาต้นไปหาพ่อกับแม่เขาบ้าง ดูพ่อกับแม่ดีใจมากที่สนกลับมาเยี่ยมบ้าน สนเองก็คิดถึงพ่อกับแม่มากเพราะเป็นห่วงว่าท่านทั้งสองจะทำงานหนัก ปกติ ถ้าสนอยู่บ้านสนจะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านแทบทุกอย่าง ยกเว้นรีดเสื้อผ้าที่สนทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้พ่อกับแม่เขาต้องทำทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน สนได้แต่บอกพ่อกับแม่ว่าให้อดทนอีกนิด พอเขาจบและมีงานทำแล้วพ่อกับแม่ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อย

พอตกเย็น ต้นกับสนก็เดินทางกลับมาที่บ้านพักในกรุงเทพ เขาทั้งสองแบ่งเงินกันคนละครึ่ง ต้นรีบพูดดักไว้ก่อนว่า
“นายยังไม่ต้องคืนเงินเราตอนนี้หรอกนะสน เรายังไม่เดือดร้อนอะไร นายเก็บไว้ใช้ดีกว่า นายจะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่นายด้วยไง”

สนนึกขำในใจ ต้นรู้จักเขาดีเสียจริงๆ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแต่ต้นก็ดักไว้เสียก่อนเหมือนรู้ทัน และสนก็พอรู้ว่าเขาไม่ควรจะแย้งอะไรอีกเพราะต้นจะหาเหตุผลมาทำให้เขายอมจนได้ในที่สุด “ขอบใจมาก เพื่อนรัก”

และหลังจากนั้น สนก็ทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านนั้นทุกเดือนเพื่อหารายได้พิเศษ จะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่มากจนเกินไป เพียงแต่สนไม่ได้ทำทุกวันเท่านั้นเพราะไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะไม่มีเวลาเรียนและทำงานส่งอาจารย์เลย
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในปีที่สองของการเรียนในมหาวิทยาลัย ต้นได้รับเลือกให้เป็นรองประธานชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมเนื่องจากมีผลการทำงานที่ค่อนข้างโดดเด่น เจนี่ดูจะดีใจกับเขามากทีเดียว และก็ดูจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่ต้นอาจจะได้เป็นประธานชมรมในปีหน้า ในปีนี้ ต้นพยายามชักชวนสนให้เขามาร่วมกิจกรรมในชมรมของเขาด้วย เพราะอยากให้สนใช้เวลาว่างทำประโยชน์เพื่อสังคม สนก็เข้ามาร่วมแต่โดยดี

ในช่วงต้นเทอมแรกของปีสอง ต้นได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานชิ้นหนึ่งซึ่งก็คือการพานักศึกษาในชมรมไปช่วยสร้างบ้านดินให้กับคนที่ยากไร้ที่ต่างจังหวัด ต้นต้องเขียนโครงการเพื่อของบประมาณจากมหาวิทยาลัย ติดต่อประสานงานกับนักศึกษา หาโรงแรมที่พัก แจ้งขอเช่ารถของมหาวิทยาลัยและต้องประสานงานกับคนในพื้นที่ด้วย ต้นสามารถทำได้เป็นอย่างดี ในที่สุดต้นก็ได้กำหนดวันที่จะไปทำกิจกรรมเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวติดกัน เดินทางเย็นวันพฤหัสบดีและกลับเย็นวันอาทิตย์ จังหวัดที่จะไปนั้นอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณสามร้อยกว่ากิโลเมตร จึงใช้เวลาเดินทางไม่มาก

ในวันเดินทาง มีรสบัสสองชั้นคันใหญ่ของมหาวิทยาลัย 1 คันเป็นพาหนะเดินทาง มีนักศึกษาและอาจารย์ที่จะไปรวมประมาณ 30 คน ต้นทำงานหนักทีเดียวเพราะต้องคอยตามนักศึกษาให้ขึ้นรถ บางคนก็มาสาย บางคนก็ยังติดต่อไม่ได้ วุ่นวายพอสมควร แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี สนเองก็ช่วยเพื่อนทำงานด้วยเพราะเห็นว่าเพื่อนเหนื่อย

พอทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้ว ต้นกับสนก็เดินมาหาที่นั่ง แต่ไม่มีที่นั่งว่างสองตัวติดกันเลยจึงต้องแยกกันนั่ง ต้นได้นั่งกับเจนี่เพราะเจนี่จองที่ไว้ให้แล้ว ส่วนสนได้ที่นั่งแถวๆ ด้านหลัง มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง พอสนนั่งลงไป หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ถามเขาว่า

“พี่ชื่ออะไรคะ” หญิงสาวคนนั้นถามด้วยเสียงฉาดฉาน ดูท่าทางหล่อนอยากรู้จักสนมากทีเดียว

“อ๋อ ชื่อสนครับ เป็นนักศึกษาใหม่หรือครับ” สนตอบแล้วถามกลับบ้าง

“ค่ะ ชื่อก้อยนะคะ เรียนคณะนิเทศศาสตร์ค่ะ พี่สนเรียนคณะไหนล่ะ”

“คณะเทคโนโลยีสารสนเทศครับ” สนบอกชื่อเต็มของคณะที่เขาเรียน ก้อยทำตาโตด้วยความสนใจ

“จริงเหรอคะ งั้นพี่ก็ต้องเก่งคอมสิ สอนก้อยหน่อยได้ไหมคะ ก้อยใช้คอมไม่ค่อยเป็นเลย”

“อ๋อ...ก็พอประมาณครับ ไม่ถึงกับเก่งมาก ถ้าอยากเรียน ไว้ว่างๆ พี่สอนให้ได้ครับ” สนรับปากไปตามมารยาท จริงๆ เขาก็ไม่ได้คิดว่าก้อยอยากจะมาเรียนจริงๆ หรอก แต่อาจจะถามไปอย่างนั้นเอง

ก้อยชวนสนคุยไปตลอดทางเลยทีเดียว เธอแสดงอาการสนใจสนอย่างเห็นได้ชัด แต่สนไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้นี่เองที่จะทำให้เขากับต้นต้องบาดหมางใจกันในอีกไม่นานนี้

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

13. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:31 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 13: คนดื้อ

เมื่อเดินทางมาถึง คืนแรก ทุกคนจะได้พักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้ๆ สถานที่ที่จะเดินทางไปพรุ่งนี้ ส่วนในคืนต่อๆ ไปจะพักในวัดในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการประหยัดงบ ในหนึ่งห้องก็จะต้องพักกันถึง 4 คน ทำให้ต้นต้องเหนื่อยพอสมควรเพราะกว่าทุกคนจะได้ห้องพักก็มีการถกเถียงและขอเปลี่ยนแปลงห้องกันวุ่นวาย สนคอยเป็นลูกมือให้เพื่อนได้เป็นอย่างดี กว่าจะได้นอนก็ดึกพอสมควร พอหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย

รุ่งเช้า หลังจากที่กินอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว รถก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่จะมีการสร้างบ้านดิน มีชาวบ้านและทีมวิทยากรสอนทำบ้านดินมารอต้อนรับอยู่ ในช่วงเช้าวิทยากรบรรยายเทคนิคการทำบ้านดินให้นักศึกษาฟังก่อนเพื่อจะได้เรียนรู้เทคนิคการทำก้อนดิน การก่อผนังและการฉาบ นักศึกษาได้เริ่มทำบ้านดินจริงๆ ในช่วงบ่าย ต้นสังเกตเห็นว่าสนดูจะสนุกกับกิจกรรมนี้มากทีเดียว เขาช่วยเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทำก้อนดินอย่างแข็งขัน ต้นเดินไปหยิบน้ำบรรจุขวด ตั้งใจจะเอาไปให้เพื่อนก็ต้องคอยเก้อเพราะน้องก้อยตัดหน้าเอาไปให้เสียก่อน ต้นเห็นสนยิ้มพลางรับขวดน้ำมา มีการแซวในกลุ่มด้วยว่าทำไมให้สนคนเดียวแล้วก็หัวเราะกัน ต่อจากนั้นก็ดูเหมือนว่าน้องก้อยจะคอยมาป้วนเปี้ยนข้างๆ สนตลอดทั้งวัน ดูจะมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ค่อยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก จริงๆ ก้อยเองก็ไม่ได้อยากมาร่วมกิจกรรมนี้สักเท่าไร เพื่อนชวนมาก็มากับเขาไปอย่างนั้นเอง

หลังจากเสร็จกิจกรรมวันแรก ต้นก็ให้เพื่อนนักศึกษาพักผ่อนตามอัธยาศัยและนัดมาเจอกันที่ลานในหมู่บ้านตอนหกโมงเย็นเพื่อกินข้าวเย็นและทำกิจกรรมภาคกลางคืน จนกระทั่งถึงเวลากินข้าวเย็น ชาวบ้านนำอาหารที่ช่วยกันทำมาให้นักศึกษากินหลายอย่าง มีทั้งแกง ทั้งลาบและของหวาน นักศึกษาที่เป็นอาสาสมัครนั่งกินกันเป็นกลุ่มๆ บนเสื่อ ไม่มีโต๊ะให้นั่ง พอต้นเห็นว่าเพื่อนๆ นั่งกินข้าวกันอย่างเรียบร้อยแล้ว ต้นจึงตักอาหารใส่จานมากินบ้าง ในระหว่างที่ต้นกินข้าวอยู่นั้นเขาก็พยายามมองหาสนเพราะรู้สึกว่าเขาไม่เห็นสนเลยในช่วงตั้งแต่ก่อนเริ่มกินข้าว ต้นลุกขึ้นไปเดินดูตามกลุ่มต่างๆ ก็ไม่เห็น ที่น่าแปลกคือไม่เห็นก้อยด้วย ไม่รู้ว่าหายไปไหนด้วยกันทั้งคู่ ต้นถามเพื่อนๆ ก็ได้ความว่าก่อนจะหายไปสนนั่งคุยกับก้อยอยู่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่งก่อน ต้นกับเพื่อนอีกสองสามคนจึงลองเดินไปตามหาที่บ้านหลังดังกล่าวก็ได้ทราบจากคนในบ้านว่าเห็นสนกับก้อยเดินเล่นตรงถนนดินของหมู่บ้านไปทางทุ่งนา ต้นเริ่มใจคอไม่ดีที่สนหายไปกับรุ่นน้องผู้หญิงซึ่งเพิ่งเข้ามาใหม่ เขารู้สึกโกรธเพื่อนมากทีเดียวที่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้

ต้นกับเพื่อนแยกกันไปตามหาสนและก้อย ฟ้าเริ่มมืดมากแล้ว สองคนนั้นหายไปทำอะไรกันที่ไหนหนอ ต้นเดินไปตามถนนดินไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เป็นสามแยก แยกหนึ่งไปถนนสายหลัก อีกทางหนึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านเรียกกันว่าทางเกวียนและมีทุ่งนา ต้นเห็นกองฟางอยู่กองหนึ่งไม่ไกลจากเขามากนักจึงเดินไปดู แล้วก็เขาก็ได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง สนกับก้อยนั่งซบและคุยกันอยู่ พอทั้งคู่เห็นสนก็ตกใจรีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน ต้นพยายามระงับอารมณ์อย่างที่สุดเพราะเขาทั้งโกรธจนมือไม้สั่นที่เพื่อนทำตัวเหลวไหลและทั้งเจ็บที่เห็นคนที่ตัวเองรักมานั่งอยู่กับผู้หญิงซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าจะว่าหัวใจโดนฟ้าผ่าก็อาจจะยังไม่เจ็บเท่านี้เลย

“ทุกคนเขารออยู่” ต้นกัดฟันพูด เขาต้องข่มใจอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องให้ให้ทั้งคู่เห็น แล้วก็ตัดสินใจเดินแกมวิ่งออกมา เมื่อพ้นสายตาของทั้งคู่แล้วต้นก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น สนวิ่งตามเพื่อนสุดชีวิตก่อนจะคว้าแขนต้นเอาไว้ได้

“ต้น เดี๋ยวก่อนสิ ฟังเราก่อน”

แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นต้นมีน้ำตาอยู่เต็มใบหน้า “ต้น นายเป็นอะไร” สนถามด้วยเสียงตกใจ เขาไม่เคยเห็นต้นร้องให้แบบนี้เลย ปกติต้นเป็นคนที่เข้มแข็งมากและเขาแทบไม่เคยเห็นต้นร้องให้เลยด้วยซ้ำ ทำไมต้นต้องเสียใจขนาดนั้น ความรู้สึกบางอย่างบอกสนว่าเขาไม่ควรรั้งเพื่อนไว้ตอนนี้จึงปล่อยข้อมือต้นอย่างช้าๆ

“นายทำตัวเหลวไหลมากนะสน” ต้นพูดเพียงเท่านี้ สายตาต้นดูเย็นชาอย่างที่สนไม่เคยเห็น เขาใช้มือปาดน้ำตาแล้วก็เดินไป สนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความงงงัน ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปเมื่อสักครู่นี้จะทำให้ต้นต้องเสียใจถึงขนาดต้องร้องให้

หลังจากนั้น ต้นก็ไม่พูดและไม่หันมาสนใจสนอีกเลย เหมือนกับไม่มีสนอยู่ตรงนั้น หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ต้นก็ไปเก็บกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระและเสื้อผ้าของตนเองออกไปจากเต็นท์ที่ตั้งใจว่าจะนอนด้วยกันกับสน ตอนนี้ต้นรู้สึกเสียขวัญและยังทำใจกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ โกรธอาจจะไม่เท่าไร แต่เจ็บที่หัวใจนี่สิยิ่งกว่า สนได้แต่ยืนมองเพื่อนนิ่งๆ ใจจริงเขาอยากจะเข้าไปขอโทษ แต่ดูท่าทางต้นจะโกรธเขามากจริงๆ จนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ จึงได้แต่ปล่อยให้ต้นเก็บของออกไป รู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี เพิ่งมีวันนี้วันแรกนี่แหละที่สนเห็นต้นโกรธเขามากขนาดนี้ สนจึงคิดในใจว่าคงต้องปล่อยให้ต้นใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยดีกว่า ความเป็นจริงนั้นเขาก็ไม่ได้อยากเหลวไหล แต่ก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นที่พยายามเข้ามาก้อร่อก้อติกกับเขาและทำท่าทางเชิญชวนจนเขาเผลอไผลหลงไป

ตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรม 3 วันนั้น ต้นทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เขาได้รับความร่วมมือและการยอมรับจากนักศึกษาคนอื่นๆ จึงทำให้งานประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะเป็นงานสร้างบ้านดินงานแรก ส่วนสนนั้นได้แต่ช่วยทำไปเงียบๆ ก้อยเองก็ยังคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขาตลอด สนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบเขา และถ้าเขาคิดจะทำอะไรมากกว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

รถบัสของมหาวิทยาลัยเดินทางมาถึงกรุงเทพราวๆ สามทุ่ม แต่ต้นก็ไม่ได้กลับเลยทันทีเพราะเขาต้องคอยให้คนอื่นกลับกันให้หมดก่อนในฐานะที่เขาเป็นผู้นำ สนยืนคอยเพื่อนอยู่เงียบๆ เมื่อคนกลับหมดเขาจึงเดินเข้าไปหาต้น

“กลับกันเถอะต้น ดึกแล้ว นายจะได้พักผ่อน เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” สนบอกด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ต้นพยักหน้าแต่ไม่ตอบอะไร ความรู้สึกโกรธหายไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากคุยอะไรด้วยตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเหนื่อยด้วย

“กลับแท็กซี่แล้วกันนะ เดินคงไม่ไหว” สนเสนอ ต้นก็ได้แต่พยักหน้า

พอได้แท็กซี่ ต้นก็นั่งที่นั่งด้านหน้า ให้สนนั่งด้านหลังคนเดียว พอมาถึงบ้าน ต้นจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วก็เข้าบ้านไปโดยที่ไม่รอสน แล้วก็ขึ้นไปบนห้อง ไม่ทักแม้กระทั่งนิกกับปั้นจั่นที่นั่งดูทีวีอยู่ สองคนได้แต่มองตามอย่างสงสัย สักพักสนก็เข้าในบ้าน เขามองหาต้น เมื่อไม่พบก็เลยเดาเอาว่าต้นน่าจะเข้าห้องไปแล้ว

“เป็นไรกันเนี่ยสองคนนี้ มาด้วยกันหรือเปล่าวะ” นิกถามด้วยความสงสัย

สนเดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนๆ แล้วถอนหายใจ “สงสัยต้นจะโกรธกูว่ะ โกรธมาหลายวันแล้วล่ะ” สนบอกเพื่อนสองคน

“แล้วมึงไปทำอะไรให้ต้นมันโกรธเอาล่ะ ปกติก็เห็นมันรักมึงจะตาย ไม่เคยเห็นมันโกรธมึงเลยนี่หว่า” ปั้นจั่นถาม

สนถอนหายใจแล้วก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจึงทำให้ต้นโกรธเขาขนาดนั้น นิกกับปั้นจั่นรู้ว่าต้นไม่ใช่แค่เสียใจที่สนทำตัวเหลวไหล แต่ต้นคงเสียใจด้วยที่เห็นคนที่ตัวเองรักอยู่กับคนอื่นอย่างไม่คาดฝันแบบนั้นด้วย

“สมควรแล้วล่ะที่มันโกรธ เป็นกูกูก็โกรธเหมือนกันแหละวะ คนอื่นเขาทำงานกัน นี่ไปนั่งจู๋จี๋กัน ตอนมึงหายไปไอ้ต้นมันคงเป็นห่วงมึงนั่นแหละ มันถึงได้โกรธไงเพราะมันอุตส่าห์เป็นห่วงไปเดินตามหา” นิกว่า

“ช่วยไม่ได้โว้ยเรื่องนี้ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้” ปั้นจั่นพูดอย่างรู้ทัน เขาจะไม่ยอมเป็นสะพานให้สนกับต้นในครั้งนี้แน่นอน

“แล้วมึงก็ควรต้องระวังด้วยนะเว้ย ผู้หญิงไวไฟแบบนั้น ง่ายก็จริง แต่อาจจะทำให้มึงมีเรื่องได้” นิกเตือนบ้าง

“กูขอตัวไปนอนก่อนละกัน เหนื่อย” สนบอกพลางลุกขึ้นแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้อง เขารู้ว่าสองคนคงไม่ช่วยเขาแน่ๆ พอเดินผ่านห้องของต้น สนหยุดยืนดู ช่างใจว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ แต่คิดอีกที ปล่อยให้ต้นอยู่เงียบๆ สักพักไปก่อนดีกว่า
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันต่อมา ทุกคนก็ไปเรียนกันตามเดิม ตอนพักเที่ยง ต้นลงมากินข้าวก็บังเอิญเจอสนนั่งกินข้าวกับก้อยอยู่ ดูเหมือนจะคุยกันถูกคอสนุกสนาน ต้นจึงเดินหนีไปนั่งกินข้าวกับเจนี่

“ต้นเป็นไรเหรอ หน้าตาไม่ค่อยดีเลย” เจนี่ถามขณะกินข้าวด้วยกัน เธอสังเกตว่าต้นดูเหม่อลอยชอบกล

“เปล่าหรอก สงสัยจะเหนื่อย” ตอบพลางยิ้มเนือยๆ

“แล้วสนเขาเป็นไงบ้าง ได้ยินว่ามีแฟนแบบสายฟ้าแลบเลย เตือนๆ เขาหน่อยนะ ยายคนชื่อก้อยอะไรเนี่ยได้ข่าวว่าไม่ใช่เล่นเลย” เจนี่บอกพลางขำ

“ก็คงแล้วแต่เขาจะเลือก ต้นเป็นแค่เพื่อนก็คงทำได้แค่บอก” ต้นบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายประชด

“ถามจริงๆ เถอะ ต้นโกรธสนหรือเปล่า” เจนี่ถามด้วยความสงสัยเพราะสังเกตเหมือนกันว่าต้นไม่คุยกับสนเลยตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวันนั้น ต้นถอนหายใจ

“ก็นิดหน่อย” ต้นยอมรับ ถ้าจะบอกว่าไม่โกรธเลยก็จะดูโกหกจนเกินไป

“เอาน่า ผู้ชายก็แบบนี้แหละต้น ก็มีเหลวไหลบ้าง ที่ห้องเจนี่นะ บางคนมันก็อยู่ด้วยกันเลย แต่ส่วนมากก็อยู่กันได้ไม่ค่อยนานหรอก เปลี่ยนคู่กันไปเปลี่ยนคู่กันมา ไม่ไหวเลย เจนี่ไม่ชอบ” พูดพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ สิ่งที่เจนี่พูดทำให้ต้นเกิดความกังวลเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
“เฮ้ยไอ้ต้น มึงรู้หรือเปล่าว่าไอ้สนน่ะมันเสร็จผู้หญิงที่ชื่อก้อยไปแล้ว มีคนเห็นมันไปหาเขาถึงที่หอพักเลยนะเว้ย”
ปั้นจั่นฟ้องต้นทันทีที่ต้นกลับมาถึงบ้าน พอได้ฟังแล้วต้นก็มีสีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ต้นพยักหน้าเข้าใจแต่ไม่พูดอะไร

“เดี๋ยวเกิดทำลูกสาวเขาท้องขึ้นมาแล้วจะเดือดร้อน” นิกว่าบ้าง พอต้นเงียบไม่พูดอะไร ทั้งสองคนจึงมองหน้ากันด้วยความสงสัย

“มึงได้คุยกันไอ้สนมั่งยังวะตั้งแต่วันนั้น” ปั้นจั่นถาม ต้นส่ายหน้าอีก

“สนคงไม่ฟังกูหรอก ตอนนี้สนกำลังหลงเขาอยู่” ต้นบอกพลางถอนหายใจ

“แล้วมึงไม่ห่วงมันบ้างหรือไงวะ ยังไงก็เตือนๆ มันหน่อยนะเว้ย เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วโดนไล่ออกเสียอนาคตเลยนะเว้ย” นิกเตือน

“แล้วนี่ไอ้สนยังไม่กลับอีกเหรอ หรือว่าไปหาแฟน” ปั้นจั่นถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะไปทำงานที่ร้านอาหารก็ได้” ต้นตอบอย่างเนือยๆ เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วตอนนี้ “ขอตัวก่อนละกัน” ต้นบอกแล้วก็ขอตัวขึ้นห้องไป วันนี้เขามีงานหลายอย่างต้องทำส่งอาจารย์
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในขณะที่ต้นนั่งทำงานส่งอาจารย์อยู่นั้น ประมาณห้าทุ่มก็มีคนเสียงคนเข้ามาในบ้าน คงเป็นสนนั่นเอง ต้นหยุดทำงานแล้วนั่งคิด จริงๆ เขาก็เป็นห่วงสนมาก ถ้าสนยังทำตัวแบบนี้อยู่ โอกาสที่จะเสียคนก็มีสูง ไหนๆ ต้นก็อุตส่าห์โน้มน้าวจนสนยอมเรียนหนังสือเพื่ออนาคตของเขา ต้นก็คงต้องช่วยเพื่อนให้ถึงที่สุด เหนื่อยแค่ไหนก็คงต้องลากถูกันไปให้ได้ ต้นจึงตัดสินใจเดินออกไปนอกห้องแล้วไปเคาะประตูห้องของสน สักพักสนก็เดินมาเปิดประตู พอรู้ว่าต้นมาหาเขาก็ยิ้มดีใจ

“ต้น เข้ามาสิ” สนบอกพลางเชื้อเชิญเพื่อนให้เข้ามาในห้อง ต้นยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน ทำให้สนใจชื้นขึ้นมากที่เห็นต้นยิ้มให้ ต้นเดินไปนั่งบนเตียงของเพื่อน สนก็เดินมานั่งข้างๆ ได้กลิ่นควันกับอาหารจากเสื้อของสนต้นก็พอจะเดาได้ว่าสนเพิ่งกลับมาจากทำงานที่ร้านอาหาร

“เราคิดถึงนายมากนะต้น ไม่ได้คุยกับนายตั้งหลายวัน” สนบอกพลางเอามือมาโอบไหล่เพื่อนไว้ “นายหายโกรธเราหรือยังต้น” สนถาม

ต้นถอนหายใจแล้วตอบว่า “เราเป็นห่วงนายมากกว่าสน”

“เป็นห่วงเราเรื่องอะไร หือ”

ต้นช่างใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอกไปว่า “มีคนมาบอกเราว่านายไปหาก้อยที่ห้องพักของเขา”

สนชะงักเล็กน้อย เขาปล่อยมือจากไหล่เพื่อนแล้วก็พูดราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญว่า “ก็แหมต้น ผู้หญิงเขาเสนอเรามา เราก็แค่สนองไปเท่านั้นแหละ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย นายไม่เคยเจออย่างนี้มั่งเหรอ”

“สน ทำไมนายถึงคิดง่ายอย่างนั้นล่ะ ถ้าเกิดเขาท้องขึ้นมา นายจะทำยังไง”

“เราโตแล้วน่าต้น เรารู้วิธีป้องกันน่า นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะต้น เพื่อนๆ ในห้องเราก็ทำแบบนี้กันทั้งแหละ บางคนก็พักห้องเดียวกันเป็นผัวเมียกันไปเลยด้วยซ้ำ แต่เราไม่ทำถึงขนาดนั้นหรอก” สนแก้ตัว

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ ทำไมสนถึงพูดได้ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก “สน เราไม่เคยพูดสักคำเลยว่านายเป็นเด็ก เรารู้ว่านายโตและมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราโตมากพอที่จะรู้ทุกอย่าง”

ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ

“เราก็แค่เตือนนายเพราะว่าเราหวังดีนะสน ถ้าเราไม่รักนาย ไม่ห่วงนาย เราก็ไม่มาเตือนหรอก เราไม่ได้คิดว่านายเป็นเด็ก ไม่ได้คิดว่านายดูแลตัวเองไม่เป็น แค่เป็นห่วงเท่านั้น ที่สำคัญ เราเป็นคนที่ขอให้นายมาเรียนหนังสือ เราก็แค่อยากเห็นนายเรียนให้จบเพื่ออนาคตของนาย ถ้าหากเราเห็นอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือเห็นว่ามันจะปัญหา เราก็มาเตือนมาบอกเท่านั้น แต่ถ้านายคิดว่าสิ่งที่เราเตือนไม่มีประโยชน์อะไร เราก็จะหยุดและจะไม่เตือนนายเรื่องนี้อีก”

“ต้น เราไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่นายเตือนไม่มีประโยชน์ แต่เราไม่อยากให้นายกังวลกับเรามากไป เราดูแลตัวเองได้ต้น นายไม่เชื่อใจเราเหรอ” สนอธิบายแล้วย้อนถาม

“เราเชื่อใจนายเสมอนะสน แต่เราขอพูดตรงๆ ว่าเราไม่เชื่อใจผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้านายคิดว่าเขาเป็นคนดีสำหรับนายเราก็ไม่ว่าอะไร เราเป็นแค่เพื่อนนาย อยู่กับนายได้แค่ระยะเวลาหนึ่ง คนที่จะอยู่กับนายก็คงเป็นแฟนของนาย ครอบครัวของนาย ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น เราก็คงขอพูดแค่นี้ละกัน ตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยทะเลาะกัน เราก็ไม่อยากมาชวนทะเลาะ แต่เราอยากบอกนายว่า เราเป็นห่วงนายนะสน เราคงจะไม่ห้ามนายหรอกถ้านายอยากทำอย่างนั้นจริงๆ แต่เราก็คือเพื่อนคนหนึ่งที่จะคอยดูและเป็นห่วงนายเสมอนะสน”

สนดูเงียบไปหลังจากที่ต้นพูดจบ

“ดึกแล้ว เราขอตัวไปทำงานต่อก่อนละกัน ขอให้นายผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดีนะสน อย่าลืมละกันว่าเราจะคอยเฝ้าดู เรายังเป็นห่วงนายเสมอและพร้อมที่จะช่วยหากนายต้องการ”

ต้นบอกเสร็จแล้วก็ลุกเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนเลย สนเดินไปปิดประตูแล้วก็กลับมานั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เพื่อนพูดเมื่อสักครู่นี้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอย่างไรต่อไป รู้แต่ว่าชีวิตของเขาจะขาดเพื่อนคนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน เวลาต้นไม่คุยกับเขาแล้วเขารู้สึกทรมานใจ ไม่มีความสุขในชีวิตเอาเสียเลย แต่ต้นก็ดูจะเป็นห่วงเขามากเกินไป สนยังมองไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เขาอยู่นี้จะทำให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้าง ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

14. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:32 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 14 <1>: บทเรียนของคนดื้อ

สรุปแล้วสนก็ยังคงคบกับก้อยอยู่ บางทีก็ไปหาก้อยที่ห้อง บางทีก็พาก้อยไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากนัก ช่วงนี้สนไม่ค่อยได้คุยกับต้นมากนักเพราะต้นดูจะทำตัวห่างๆ เขาไป แต่สนก็เชื่อใจต้นเสมอว่าต้นเป็นห่วงเขา

วันหนึ่ง ก้อยชวนสนไปงานสังสรรค์ที่บ้านของเพื่อนก้อย สนไม่อยากไปนักแต่ก้อยก็รบเร้าจนเขายอมไปด้วย พอไปถึงสนก็พบว่ามันเป็นบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่ เจ้าของบ้านเป็นชายอายุราวๆ 30 เป็นเพื่อนของเพื่อนก้อยอีกที วันดีคืนดีก็จะเปิดบ้านให้ก้อยและเพื่อนๆ มาสังสรรค์กัน วันนี้ก็เช่นกัน บนบ้านมีทั้งชายทั้งหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสนหลายคนนั่งล้อมวงกินเหล้ากัน

“พี่สนต้องหัดมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอย่างนี้บ้างนะคะ ไม่ใช่เอาแต่เรียนหนังสือ น่าเบื่อจะตาย” ก้อยบอกเขา

สนได้แต่เงียบ ก้อยแนะนำเขาให้รู้จักกับคนอื่นๆ แต่สนก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขาไม่อยากกินเหล้าเลยเพราะต้นเป็นห่วงเขาในเรื่องนี้มาก แม้ว่าต้นไม่ได้ขอให้เขาเลิกแต่เขาก็อดคิดถึงสิ่งที่เพื่อนบอกไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ บวกกับแรงคะยั้นคะยอ สุดท้ายสนก็ต้องดื่มจนได้ พอดื่มได้แก้วหนึ่ง แก้วต่อๆ ไปก็ตามมา เขาเริ่มเมาและสนุก บางคนลุกขึ้นมาเต้น มีเพื่อนคนอื่นๆ คอยเคาะขวดเหล้าให้จังหวะ สนก็เต้นกับเขาบ้าง เขาร้องเพลงอะไรสนก็ร้องตามเขา ถ้าต้นมาเห็นสภาพเขาในตอนนี้ก็คงเสียใจไม่น้อย จนกระทั่งทุกคนเริ่มหมดแรงแล้วก็ค่อยๆ แยกไปนอนกันทีละคนสองคน บางคู่สนพอดูออกว่าเป็นแฟนกันก็หายไปด้วยกัน บางคนก็นอนกลิ้งไปมาใกล้ๆ บริเวณที่นั่งกินเหล้ากัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนตื่นขึ้นมาเมื่อเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า โชคดีที่ว่าเป็นวันหยุดจึงไม่ต้องไปเรียนหนังสือ เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ จึงใช้มือทุบศีรษะเบาๆ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องแล้วเขาก็ต้องแปลกใจเพราะสภาพแวดล้อมไม่เหมือนห้องนอนของเขาเลย เขามานอนในห้องของใครก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อหันไปมองข้างๆ ก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนอยู่ข้างๆ เขาในลักษณะเปลือยเปล่า ตัวสนเองก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ผู้หญิงคนนี้เขาก็ไม่รู้จักด้วย มันเกิดอะไรขึ้น เขามีอะไรกับผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าหนอ แล้วเขาก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ความกลัวจะติดโรคแวบเข้ามาในหัว แถมผู้หญิงคนนี้เป็นลูกเขาเมียใครก็ไม่รู้ ถ้าเป็นเมียคนอื่นเขาก็คงบาปหนักเข้าไปใหญ่ สนรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าของเขาซึ่งถูกวางกระจัดกระจายแล้วรีบออกมาจากห้อง ข้างนอกห้องมีคนนอนอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างในสภาพที่สนรู้สึกว่า “น่าสมเพช” ส่วนก้อยนั้นก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่เขาไม่สนใจแล้ว เขาต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด รู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก สนสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ทั้งกินเหล้าทั้งมั่วเพศ สนได้แต่ด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักคิดให้ดี เขานึกถึงคำพูดของต้นที่เตือนเขาไว้ จริงๆ มันก็ยังไม่ได้มีอะไรร้ายแรงขนาดนั้นหรอก แต่สนชักเริ่มกลัวแล้วว่าถ้าเขายังใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร

สนพาตัวเองกลับมาถึงบ้านในสภาพที่เรียกว่า “ดูไม่ได้” เลยทีเดียว เพราะเมื่อเขาโผล่เข้ามาในบ้าน นิกกับปั้นจั่นและต้นซึ่งนั่งทำงานอยู่ข้างล่างทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเขา

“ไอ้สน มึงไปไหนมา ทำไมเสื้อผ้า เผ้าผมถึงได้ดูทุเรศอย่างนั้นวะ” ปั้นจั่นร้องถามก่อน

สนไม่สนใจว่าใครจะว่าเขาอย่าง แต่ตอนนี้เขาต้องคุยกับต้นเท่านั้น สนจึงเดินเข้าไปหาต้นเพื่อจะขอคุยด้วย

“โห กลิ่นเหล้าหึ่งเลย เดี๋ยวนี้มึงชักเอาใหญ่แล้วนะไอ้สน ไปไกลๆ เลยเหม็น” นิกว่าพลางทำสีหน้ารังเกียจ

“พวกมึงสองคนเงียบไปเลย กูจะคุยกับต้น” สนหันไปว่าว่าเพื่อน นิกกับปั้นจั่นก็เงียบ ต้นมองดูเขาด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“ต้นเราขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม ตอนนี้” สนบอกเพื่อนด้วยสีหน้าอ้อนวอน แต่ต้นยังคงมองดูเขาด้วยสายตามีคำถามหลายอย่าง

“นะต้น เราขอร้อง เราอยากคุยกับนาย” สนย้ำอีกครั้ง ต้นจึงพยักหน้าตกลง

“พวกมึงรอก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมาสอนให้” สนบอกนิกกับปั้นจั่น

สนพาต้นเข้ามาในห้องของเขาแล้วก็ปิดประตู ก่อนที่จะคุยกัน ต้นบอกเพื่อนว่า “นายไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนดีไหมสน นายตัวเหม็นมากเลย เราเหม็นเหล้าด้วย เราไม่ไปไหนหรอก เดี๋ยวเรารอ”

สนยิ้มและทำตามอย่างว่าง่าย ถ้าจะคุยกับต้นแล้วมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้ต้นคงไม่ยอมคุยด้วยเป็นแน่ สนใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักก็ออกมา รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบมาหาต้นทันที ต้นรู้สึกขำนิดๆ ที่เพื่อนดูลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย” ต้นร้องบอก สนหันมายิ้ม เขาเดินมานั่งข้างๆ ต้นบนเตียง สีหน้าเหมือนเด็กทำอะไรผิดแล้วอยากขอความเห็นใจ

“ต้น เราขอโทษนะ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเรายังไม่ได้ขอโทษนายเลย เราเป็นเพื่อนที่แย่จริงๆ ทำตัวเหลวไหลแล้วยังไม่รู้จักขอโทษ นายหายโกรธเราหรือยังล่ะ”

“หายแล้ว” ต้นบอก แต่สนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด

“ไม่จริงหรอก นายยังโกรธเราอยู่ เพราะนายไม่พูดกับเรามาหลายวันแล้ว” สนแย้ง

“เราไม่ค่อยว่างไง” ต้นแก้ตัวบ้าง จริงๆ ส่วนหนึ่งเขาก็หลบหน้าเพื่อนเองแหละเพราะบางทีก็รู้สึกเจ็บที่เพื่อนไม่ฟังเขาบ้างเลย

“ไม่เชื่อ นายหลบหน้าเรา นายยังโกรธเราอยู่ใช่ไหมต้น”

“ก็...ไม่รู้สิ ก็เห็นนายมีแฟนแล้ว ก็เลยเข้าใจว่านายคงอยากคุยกับแฟนมากกว่าเรา เราก็เลยไม่อยากไปกวนเวลาของนายไง ไม่ดีเหรอ” ต้นอดที่จะน้อยใจไม่ได้

“ดีอะไรล่ะ เราจะบ้าตายรู้ไหมต้น เรารู้สึกไม่ดีทุกวันเลย” สนบอกพลางทำหน้าเศร้า แล้วพูดต่อไปว่า “ต้น นายไม่รู้อะไรหรอก ชีวิตเราขาดนายไม่ได้หรอกนะ นายไม่คุยกับเรา เราก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร เพราะไม่มีใครเข้าใจเราเหมือนนายเลย คุยกับใครก็ไม่เหมือนคุยกับนาย เวลาอยู่กับนาย เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวของตัวเอง เรารู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่ามีคนรับฟังและเข้าใจ รู้สึกอุ่นใจที่โลกนี้ไม่ได้เหลือแค่เราเพียงคนเดียว” สนหยุดพูด ต่างคนต่างมองหน้ากัน

“เราไม่ได้พูดเล่นนะต้น เราพูดจริงๆ” สนย้ำ “เพราะฉะนั้น นายหายโกรธเราเสียทีนะต้น เราเห็นนายทำเฉยๆ เหมือนไม่มีเราอยู่ในโลกนี้แล้วเราทนไม่ได้หรอก นายไม่คุยกับเรา นายหลบหน้าเรา เราไม่มีความสุขเลย นะต้น นายอย่าโกรธเราเลย ที่ผ่านมาที่เราทำตัวเหลวไหล ไม่เชื่อฟังนาย เราก็ยอมรับผิดแต่โดยดี” สนเขยิบมาใกล้ๆ แล้วกอดเพื่อนไว้เบาๆ

“นะต้น นายเลิกทำตัวห่างเหินกับเราเสียที ชีวิตนี้เราอยู่ไม่ได้หรอกถ้านายไม่คุยด้วย ถ้านายไม่เป็นเพื่อนเรา ตอนนี้ ให้เราทำอะไรเราก็ยอม ขอแค่นายยอมพูดคุยกับเราเหมือนเดิม ถ้านายคุยกับเรา เราก็ไม่ไปไหนหรอกต้น” สนพูดด้วยเสียงอ้อนวอน

“เราก็มาคุยกับนายแล้วไงสน” ต้นบอก แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะยังไม่ทำให้สนพอใจได้

“ตกลงนายจะไม่ยกโทษให้เรา นายจะไม่เป็นเพื่อนกับเราแล้วใช่ไหมต้น” สนทำเสียงจริงจังพลางปล่อยมือออกจากเพื่อน

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” ต้นรีบแย้ง เขาพอจะรู้ว่าสนอยากให้เขาพูดอะไร “โอเค เรายกโทษให้นาย เราไม่โกรธนาย เราจะกลับมาคุยกับนายเหมือนเดิม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สนจึงยิ้มด้วยความพอใจ “ขอบใจมากเพื่อน ขอกอดให้ชื่นใจหน่อย” ว่าแล้วสนก็กอดเพื่อนเสียแน่น

“เราหายใจไม่ออกนะสน” ต้นบอกเพื่อนด้วยเสียงที่ไม่จริงจังนัก แต่สนก็ยอมหยุดแต่โดยดี

“อีกเรื่องหนึ่งนะต้น ที่เราต้องขอโทษนาย นายเข้าใจเราหน่อยนะต้น เราอาจจะไม่ใช่คนที่ดีอะไรมากนัก มีเรื่องให้นายต้องปวดหัว และก็ต้องขอโทษนายบ่อยๆ” สนเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “เราขอโทษที่ดื้อกับนาย ไม่ฟังนาย ไม่รู้ว่านายจะเสียใจหรือเปล่าที่เราทำเหมือนความหวังดีของนายไม่มีค่า แต่วันนี้ เราเชื่อในสิ่งที่นายบอกเราทุกอย่าง เราจะหยุดอะไรที่ไม่ดีตอนนี้ทุกอย่างก่อนที่เราจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ เมื่อวานเราถูกชวนไปกินเหล้า เราไม่ได้อยากกินหรอกนะต้น พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา เราก็นอนอยู่กับใครก็ไม่รู้ เราไม่ชอบชีวิตแบบนี้เลยต้น เรารู้สึกไม่ดีเลย เราจะไม่กลับไปทำอย่างนั้นอีกแล้ว เราจะไม่ให้นายผิดหวังกับเราอีก เราจะตั้งใจเรียนให้จบอย่างที่นายขอไว้”

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความดีใจ ดีใจที่เพื่อนคิดได้ น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ร้องให้ทำไมต้น” สนถามอย่างเป็นห่วง เขาพาลกังวลไปว่าคงทำอะไรให้เพื่อนไม่พอใจเป็นแน่

“ไม่ได้เสียใจ แต่ดีใจต่างหากที่นายคิดได้” ต้นบอก สนจึงรู้สึกสบายใจขึ้น ต้นพูดต่อว่า “เพื่อนอย่างเรา ไม่ขออะไรมากหรอก ขอแค่ให้นายเรียนจบ มีงานทำ เลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัวได้ก็พอแล้ว เราไม่อยากได้อะไรอีก ถึงตอนนั้น นายจะเกลียดเรา ไม่เป็นเพื่อนกับเราเหมือนเก่า ไม่มาหาเราหรือยังไงก็แล้วแต่ เราก็ไม่ว่าอะไร เราจะไม่ห่วงอะไรแล้ว”

“ไม่มีวันนั้นหรอกต้น เราจะเกลียดนายได้ยังไงล่ะ นายเป็นเพื่อนที่ดีของเราขนาดนี้ รู้ไหมว่ายิ่งคบกัน ยิ่งรู้จักกัน เราก็ยิ่งรักเพื่อนของเราคนนี้มากขึ้น” สนแย้ง ต้นยิ้มให้เพื่อน แต่ก็แอบคิดในใจว่าบางทีนายอาจจะเกลียดเราก็ได้ถ้าวันหนึ่งนายได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง แต่นายคงไม่ได้รู้และมันก็คงจะตายไปพร้อมกับเรา

เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว มิตรภาพที่สวยงามก็กลับมาเช่นเดิม ถึงสนจะรักเขาได้แค่เพื่อนต้นก็มีความสุขและพอใจแล้ว เขาจะไม่เรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้ เพราะนั่นยิ่งจะทำให้สนลำบากใจและถอยห่างออกไปในที่สุด เขาไม่อยากเสียเพื่อนไปเพียงเพราะเขาเห็นแก่ตัวที่อยากได้จากเพื่อนมากกว่าสิ่งที่เพื่อนสามารถให้ได้
------------------------------------------------------------------------------------------------
บทเรียนของสนยังคงไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในความเป็นจริงนั้น ก้อยมีแฟนอยู่แล้วและอยู่กินฉันท์สามีภรรยามาพักหนึ่ง แต่ก้อยเองก็ยังชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่วและแอบคบชู้สู่ชายเป็นประจำ แน่นอน เรื่องที่สนไปยุ่งกับก้อยก็รู้ถึงหูแฟนตัวจริงของก้อยด้วย

ตอนดึกๆ วันหนึ่ง ต้นและสนกลับจากทำกิจกรรมอาสาสมัครข้างนอกด้วยกัน พอแท็กซี่ออกไปไม่ทันไรและยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าไปในรั้วบ้าน อะไรบางอย่างก็ฟาดลงที่หลังของสนอย่างแรงสองสามครั้งจนร้องโอ๊ยและทรุดลง จากนั้นต้นก็โดนด้วยอีกคน ทั้งสองหนุ่มทรุดกองกับพื้นตรงหน้าบ้าน
“นี่แค่สั่งสอน ทีหลังมึงอย่าได้มายุ่งกับเมียกูอีก ไม่งั้นแล้วกูจะไม่ให้พวกมึงได้กลับไปเห็นหน้าพ่อแม่พวกมึงอีก” ชายหนึ่งในสามคนบอกอย่างเคียดแค้น “ไปเว้ย”

สิ้นเสียงชายสามคนนั้นก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงนั้นออกไป พร้อมกับโยนไม้หน้าสามทิ้งไว้แถวๆ นั้น นิกกับปั้นจั่นวิ่งออกมาดูเพราะได้ยินเสียงคนร้องโอ๊ยและเสียงคนโวยวาย เมื่อเจอเพื่อนสองคนถูกทำร้ายก็ตกใจกันยกใหญ่

“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ ใครทำพวกมึงเนี่ย”

ต้นกับสนส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าชายสามคนนั้นเป็นใคร แต่สนพอจะเดาออกว่าน่าจะเกี่ยวกับก้อยอย่างแน่นอน เขารู้สึกสงสารเพื่อนที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร

นิกกับปั้นจั่นช่วยกันพยุงต้นและสนเข้ามาในบ้าน พอได้ฟังจากที่สนเล่าแล้ว นิกก็รีบต่อว่าทันที “กูว่าแล้ว เดี๋ยวก็ต้องมีเรื่อง ผู้หญิงที่ชื่อก้อย ที่กูรู้มาน่ะไม่ใช่เล่นๆ มันมีผัวอยู่แล้ว เป็นไง ไปยุ่งกับเมียเขา ผิดศีลไม่พอยังเจ็บตัวอีก แล้วไอ้ต้นก็พลอยมาโดนด้วยทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำผิดอะไร”

ต้นขึงตาใส่เพื่อนทันทีที่พูดจบ เขาไม่อยากซ้ำเติมเพื่อนอีก แค่นี้เขาก็รู้ว่าสนเสียใจมากพอแล้ว

“ต้น เราขอโทษที่เราหาเรื่องเดือดร้อนมาให้นาย จนนายต้องมาเจ็บตัวเพราะเรา” สนพูดพลางจับมือเพื่อนไว้ เขาเสียใจเหลือเกินที่เกิดเรื่องแบบนี้

“ไม่เป็นไรสน นายอย่าคิดอย่างนั้นสิ ไม่ใช่ความผิดของนาย” ต้นแก้ตัวให้เพื่อน

“นายอย่าดีกับเราขนาดนี้สิต้น นายด่าเราบ้างก็ได้” สนทำหน้าเหมือนจะร้องให้

“เราไม่ด่า จะให้เราด่านายทำไมล่ะสน” ต้นบอก แล้วก็หันมาว่าเพื่อนอีกสองคน “พวกมึงหยุดว่าสนเสียทีเถอะ แค่นี้สนก็เสียใจมากพอแล้ว”

นิกกับปั้นจั่นจึงหยุด

“จะไปโรงพยาบาลไหม เผื่อช้ำใน” ปั้นจั่นถาม

“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะต้น ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา เราจะไม่ให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดเลย” สนเป็นคนเสนอเอง

“งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกแท็กซี่ให้ รอก่อนนะ” นิกบอกแล้วก็รีบวิ่งออกไป

บทเรียนคราวนี้สนคงจำไปอีกนาน ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่พอเพื่อนต้องมาเจ็บตัวด้วย มันเป็นสิ่งที่สนทนเห็นไม่ได้และเขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

16. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:40 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 14 <2>: เมื่อสนไม่สบาย

วันนี้เป็นวันหยุดสบายๆ ของทั้งสี่หนุ่ม วันนี้ไม่มีใครออกไปไหน พอเช้ามานิกกับปั้นจั่นก็ลุกขึ้นมาดูทีวีก่อนใคร สองคนนี้เป็นคนที่ติดทีวีมากพอดู ว่างเป็นไม่ได้ต้องคอยดูทีวีตลอด ต้นลงมาชงโอวัลติลในห้องครัว แล้วก็มานั่งดูทีวีกับเพื่อน ดูไปจิบโอวัลติลไปอย่างสบายอารมณ์

“แล้วเพื่อนรักมึงยังไม่ตื่นอีกเหรอ สายจนป่านนี้แล้ว” นิกหันมาถาม

“เมื่อคืนสนกลับจากงานดึก คงนอนอยู่มั้ง” ต้นบอกแล้วก็หันมาจิบโอวัลติลเหมือนเดิม ต้นไม่ค่อยชอบดูทีวีนัก สนก็เหมือนกัน จะว่าไปแล้วทั้งเขาและสนก็มีนิสัยหลายๆ อย่างที่เหมือนกันอยู่พอสมควร

“เหรอ แต่ปกติมันก็ไม่นอนตื่นสายขนาดนี้นี่หว่า มึงไม่ลองไปดูมันหน่อยล่ะ” นิกเสนอ

ต้นวางแก้วโอวัลติลลงแล้วก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องสน นานพอดูทีเดียวกว่าสนจะมาเปิดประตูให้เขา พอเห็นสภาพของเพื่อนแล้วต้นก็ตกใจ

“สน เป็นไร ไม่สบายหรือเปล่า” ต้นถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

สนพยักหน้าน้อยๆ “สงสัยจะใช่ รู้สึกปวดหัว มีไข้”

“ไปหาหมอไหม”

“ยังดีกว่า เราขอนอนพักสักหน่อยก่อนละกัน” สนปฏิเสธ ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบไปหาหมอนัก เวลาไม่สบายก็มักจะซื้อยามากินเองจนต้นต้องคอยเตือนบ่อยๆ

“งั้นเดี๋ยวเราไปเอายามาให้นะ นายจะกินอะไรหรือเปล่า ข้าวต้มไหม เดี๋ยวเราทำให้” ต้นอาสา

ถึงจะปวดหัวแค่ไหนแต่สนก็อดยิ้มและขำไม่ได้ เขาสัพยอกไปว่า “นายน่ะเหรอจะทำข้าวต้มให้เรากิน สงสัยกว่าเราจะได้กินก็คงบ่าย”

“นายก็...” ต้นว่าเพื่อนพลางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย อันที่จริงนั้นต้นไม่มีฝีมือในการทำอาหารเอาเสียเลย อาหารที่ว่าง่ายๆ ต้นก็อาจจะใช้เวลาทำนานกว่าคนทั่วไปได้ ส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง “เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้ก็ได้”

“เราล้อเล่น” สนว่าพลางหัวเราะ “เราอยากกินโจ๊กหมู ใส่ไข่ ไม่อยากกินข้าวต้ม” สนเริ่มอ้อน เวลาเขาไม่สบายเขามักจะอ้อนแบบนี้เสมอ ต้นพอรู้นิสัยเพื่อนอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับเต็มใจทำให้เสียอีก

“งั้นรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวเรามา” ว่าแล้วต้นก็เดินไป แล้วก็วิ่งปรื๊ดออกไปจากบ้าน นิกกับปั้นจั่นเรียกตามแทบไม่ทัน

สักพักต้นก็กลับมาพร้อมกับโจ๊กหมูใส่ไข่อย่างที่เพื่อนอยากกิน เขาจัดแจงเอาใส่ถ้วยแล้วยกใส่ถาด พอเดินออกมาจากครัวปั้นจั่นก็ถามว่า

“ไอ้สนมันขี้เกียจถึงขนาดที่มึงต้องเอาไปประเคนให้ถึงห้องเลยเหรอวะ”

“เปล่า สนเป็นไข้ ไม่สบาย” ต้นรีบแก้ตัวให้เพื่อน

“อ้าวเหรอ แล้วมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” นิกถามบ้าง

“ไม่มากหรอก” ต้นบอกแล้วก็รีบขอตัวเอาอาหารขึ้นมาให้เพื่อนบนห้อง

สนไม่ได้ล็อกห้องไว้ ต้นจึงสามารถเข้าไปได้เลย

“สนกินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยกินยา” ต้นว่าพลางยกชามโจ๊กหมูมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียงให้กับเพื่อน สนลืมตามองด้วยสีหน้าเหยเกเพราะเริ่มรู้สึกปวดหัวมากขึ้น เป็นสัญญาณว่าเขาควรต้องรีบกินข้าวและกินยาเสียที

สนค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน “ป้อนเราด้วยสิ” สนอ้อนอีกแล้ว จริงๆ เขากินเองได้ แต่เวลาไม่สบายแล้วเขาชอบให้เพื่อนดูแล สนรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แม้ว่าจะไม่สบายแต่พอมีคนมาดูแลแล้วก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้น อย่างน้อยเขาก็รู้ว่ายามตกทุกข์ได้ยากหรือเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังคงมีคนคอยเป็นห่วงและอยู่เคียงข้างเสมอ ที่ผ่านมาก็มีแต่ต้นนี่แหละ ยกเว้นเวลาที่ต้นไม่ค่อยว่างหรือเวลาที่ต้นไปเรียนซึ่งอาจทำให้ต้นไม่ค่อยมีเวลามากนัก แต่ต้นก็จะทำเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่เสมอ

ต้นยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่เขาก็เต็มใจที่จะทำตามที่เพื่อนขอ ต้นค่อยๆ ตักข้าวแล้วก็ส่งเข้าปากเพื่อน สนกินไปก็ยิ้มไปด้วยความชอบใจ

“โห...ไอ้สน มึงนี่เว่อร์จริงๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อยทำสำออยให้ไอ้ต้นมาป้อนข้าว” เสียงของปั้นจั่นดังมาจากประตู นิกก็มาด้วย

“ทำไม เพื่อนกู พวกมึงยุ่งอะไรด้วยล่ะ”สนว่า

นิกกับปั้นจั่นก็พากันหัวเราะ แล้วก็เดินเข้ามายืนดูสนข้างๆ เตียง “ไม่สบายแล้วยังปากเก่งอีกนะมึง ไอ้ต้นก็เหมือนกัน ตามใจเพื่อนจนเคยตัว” ปั้นจั่นหันไปแซวต้นบ้าง ต้นได้แต่นั่งยิ้ม

“ก็ต้นเป็นเพื่อนรักกูนี่หว่า เวลาต้นไม่สบายกูก็ดูแลต้นเหมือนกัน” สนเถียง

“เอาเหอะๆ ปากดีแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ด้วย งั้นพวกกูไม่กวนพวกมึงละกัน” ปั้นจั่นตัดบท แล้วก็พานิกเดินออกไป

พอกินข้าวเสร็จแล้ว ต้นก็เอายาพาราเซตามอลให้เพื่อนกินสองเม็ด พลางกำชับว่า “เราว่าตอนบ่ายนายไปหาหมอดีกว่านะสน เดี๋ยวเราพาไป”

สนพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายจนต้นแปลกใจ ปกติสนจะดื้อมากเรื่องไปหาหมอ บอกให้ไปก็มักจะไม่ค่อยยอมไป

“ทำไมยอมไปง่ายจัง” ต้นถามอย่างสงสัย

“ก็...เราไม่อยากดื้อกับนายแล้วไง เรารู้ว่านายเป็นเพื่อนที่หวังดีกับเรา เราก็เชื่อนายไง นายว่าไงก็ว่างั้น”

ฟังแล้วต้นก็อดยิ้มดีใจไม่ได้ “นายนอนพักก่อนนะ ให้เหงื่อออกก่อน เดี๋ยวเราจะมาเช็ดตัวให้” ต้นบอก

สนค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน ก่อนจะนอน สนบอกต้นเบาๆ ว่า “ขอบใจนะต้น” แล้วสนก็นอนหลับไป

พอใกล้เที่ยงต้นก็เข้ามาดูสนอีกรอบ เห็นเพื่อนนอนหลับอยู่ต้นจึงนั่งรออยู่เงียบๆ ไม่นานนักสนก็รู้สึกตัวเพราะเหงื่อเริ่มผุดเต็มใบหน้า

“เช็ดตัวหน่อยนะสน จะได้สบายตัวขึ้น เดี๋ยวจะได้ไปหาหมอ” ต้นเดินมาบอกเพื่อนใกล้ๆ สนพยักหน้าเห็นด้วย

ต้นหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ในตู้เสื้อผ้าของสนออกมา จากนั้นก็ไปตักน้ำใส่ภาชนะขนาดเท่าๆ ขันออกมาเตรียมไว้ สนยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็ถอดเสื้อกับกางเกงออกเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว ต้นรับเสื้อผ้าของเพื่อนที่เปียกชุมด้วยเหงื่อมาแล้วก็เอาไปทิ้งใส่ตะกร้าให้ จากนั้นก็ไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พอจะใส่ไปข้างนอกได้มาเตรียมไว้ จากนั้นก็จัดการเช็ดตัวให้สน ในขณะที่กำลังเช็ดตัวให้เพื่อนอยู่นั้น ต้นก็รู้สึกเหมือนสนคอยมองเขาและยิ้มอยู่ตลอด บางทีต้นก็หันไปยิ้มด้วยแก้เขิน ต้นไม่รู้หรอกว่าในขณะนั้นสนคิดอะไรบ้าง สนรู้สึกว่ามีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างระหว่างเขากับต้นเกิดขึ้น เป็นความรู้สึกที่สนเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร

“เป็นไง สบายตัวขึ้นหรือยัง” ต้นถามหลังจากที่เช็ดตัวให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สนเหมือนจะได้สติ เขายิ้มและพยักหน้า “ขอบใจมากต้นที่ดูแลเราเป็นอย่างดี”

“ไม่เป็นไรหรอก เวลาเราไม่สบาย นายก็ดูแลเราดีเหมือนกัน” ต้นบอก “เดี๋ยวไปหาหมอกันนะ” ต้นว่าพลางหยิบเสื้อผ้าส่งให้เพื่อน สนรับแล้วก็เอามาใส่โดยมีต้นคอยช่วย

ก่อนจะลุกจากเตียง สนก็หลุดคำพูดออกมาว่า “ต้น...ทำไมนายต้องดีกับเราขนาดนี้ล่ะ”

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจที่ถามคำถามนี้ “ก็...นายเป็นเพื่อนรักของเราไง เราก็ต้องช่วยดูแลนายสิ มันดูแปลกเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” ต้นถามกลับ

“เปล่า” สนรีบปฏิเสธ “เราแค่ดีใจที่มีคนที่รักและเป็นห่วงเราขนาดนี้ เราไม่เคยเจอใครที่ดีกับเราขนาดนี้เลยนะต้น”

“นายก็ดีกับเราเหมือนกัน” ต้นบอกพลางยิ้ม “ไปกันเถอะ” ต้นตัดบท

สนพยักหน้าแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีสายตาของต้นที่มองอย่างเป็นห่วง

“ไหวหรือเปล่า” ต้นถาม

“ไหว” สนตอบพลางยิ้มเพื่อยืนยัน แต่เวลาที่เขาเดินต้นก็จะคอยมองตลอดเผื่อจะช่วยอะไรได้ตอนไหนบ้าง

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

17. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:41 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 15: เมื่อความลับถูกเปิดเผย

หลังจากที่เกิดเรื่องแล้ว สนก็เลิกไปหาก้อยโดยปริยาย แม้ว่าก้อยจะยังโทรมาตามบ้างก็ตามแต่สนก็ปฏิเสธที่จะคุยด้วยและไม่ยอมรับโทรศัพท์ เจอหน้าสนก็เดินหนี จนในที่สุดก้อยก็เลิกตามไปเอง สนใช้เวลาทุ่มเทกับการเรียนมากขึ้น เขามีเงินเก็บจำนวนหนึ่งบวกกับเงินที่แบ่งกับต้นคราวนั้นจึงพอจะซื้อโน้ตบุ๊กเป็นของตัวเองสำหรับไว้ทำงานได้ ส่วนต้นนั้นก็ยังคงเรียนไปด้วยและทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคมไปด้วย ชมรมของเขาไปได้ดีทีเดียว มีสมาชิกเพิ่มขึ้น มีรายได้จากการบริจาคเข้ามาเพื่อช่วยสมทบทุนการทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น บางครั้งต้นก็รู้สึกว่าเขาอยากทำงานแบบนี้มากกว่า ไม่รู้ว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่เรียนวิศวะ จริงๆ เขาก็เรียนได้ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เขาชอบที่จะทำงานเพื่อสังคมมากกว่า คิดไปคิดมาบางทีเขาก็อยากทำงานองค์กรไม่แสวงผลกำไรเพื่อช่วยสังคม ช่วยเด็ก คนพิการ คนติดเชื้อเอชไอวี อนุรักษ์ธรรมชาติ หรืออะไรทำนองนี้มากกว่าที่จะทำงานบริษัท

ความสัมพันธ์ของต้นกับเจนี่นั้นก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เจนี่จึงเลิกล้มความคิดที่จะให้ต้นเป็นคนพิเศษ แต่ก็เป็นเพื่อนกันและไม่มีปัญหาอะไร ต้นรู้ดีว่า ในชีวิตนี้ต้นคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ในหัวใจของต้นมีเพียงเพื่อนของเขาเพียงคนเดียวตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ความรักทั้งหมดที่ต้นมีจึงทุ่มเทให้เพื่อนเพียงคนเดียว แม้จะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ก็รู้สึกได้จากการกระทำแทบทุกอย่าง เพียงแต่สนไม่เคยเข้าใจว่าต้นทำด้วยความรู้สึกแบบไหนเท่านั้นเอง สนเข้าใจแต่เพียงว่าต้นทำเพราะรักสนอย่างเพื่อนเท่านั้น แต่สนก็มีความสุขกับชีวิตดีที่มีเพื่อนคอยดูแล เจ็บไข้ได้ป่วยก็ช่วยดูแลกัน สนมีปัญหากับการรีดเสื้อผ้า ต้นก็ช่วยรีดให้ เรียนไม่เข้าใจ ต้นก็พยายามสอนให้ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เรียนวิชาเดียวกัน มีปัญหาอะไรก็คอยช่วยเสมอทั้งเรื่องเล็กน้อยและเรื่องอื่นๆ ต้นคอยสนับสนุนเพื่อนทั้งด้านกายและใจเสมอมาโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้เพราะต้นเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เขาได้เรียนรู้ว่าความรักอย่างผู้ให้มีความทุกข์น้อยกว่าความรักอย่างผู้ขอต่างหาก เขาจึงเลือกที่จะให้มากกว่าขอ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ขึ้นปีสามแล้ว ต้นก็ได้กลายเป็นประธานชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมตามที่คาดหมาย ยิ่งทำให้ต้นมั่นใจยิ่งขึ้นว่านี่คือทางเลือกของชีวิตที่เขาต้องการ

ปีนี้เป็นปีที่ 11 แล้วที่ต้นกับสนได้เป็นเพื่อนรักกัน ความรักระหว่างเพื่อนก็ยังสม่ำเสมอดี เขามีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนเติบโตและได้ช่วยสนับสนุนเท่าที่ทำได้ ต้นยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า “รักแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เขาจึงไม่เคยคิดที่เรียกร้องหรือทำให้สนรู้ว่าต้นคิดกับเพื่อนอย่างไร แต่ความลับก็ไม่เคยมีในโลก สุดท้ายก็มีเหตุให้สิ่งที่ต้นปิดบังมากว่า 10 ปีถูกเปิดเผยออกมาจนได้

ช่วงเย็นๆ ของวันหยุดวันหนึ่ง สี่หนุ่มลงมานั่งทำงานด้วยกันที่ห้องโถงชั้นล่างอย่างสบายๆ อารมณ์หลังจากกินข้าวแล้ว สนนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเขา ส่วนต้นไม่มีงานวันนี้แต่เขาก็ช่วยนิกกับปั้นจั่นทำการบ้าน

“เฮ้ย พวกมึงสองคนรู้ไหมว่าต้นจะเก่งเศรษฐศาสตร์เท่าพวกมึงแล้วนะ” สนแซวเพื่อนขณะทำงาน เขาเห็นสองคนนี้ทำการบ้านทีไรก็ต้องถามหาต้นแทบทุกที

“อ้าว ก็พวกกูไม่ชอบคำนวณนี่หว่า” ปั้นจั่นแก้ตัว

“ไม่ชอบแล้วเรียนทำไมวะ” สนถามกลับ

“ก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้นี่หว่า” ปั้นจั่นตอบแล้วทุกคนก็หัวเราะ

“พอดีเราเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์น่าสนใจ ก็เลยยืมจากห้องสมุดมาให้พวกนาย เอาไหม เดี๋ยวเราไปเอามาให้” ต้นบอก นิกกับปั้นจั่นทำท่าทางสนใจ ต้นจึงลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นบนห้องของเขา สนรีบร้องห้ามว่า

“ไม่ต้องไปหรอก จะเอาอะไร บอกเรามาเดี๋ยวเราไปหยิบให้”

ต้นหยุด นั่งลงกับที่แล้วบอกสนว่า “หนังสือเล่มสีฟ้าน่ะสน เราวางไว้บนโต๊ะทำงานของเรา มีอยู่เล่มเดียว หาไม่ยากหรอก” ต้นบอก หลังๆ มานี้สนดูจะเอาใจเขามากขึ้น ถ้าสนอยากช่วยอะไรต้นจึงไม่ค่อยขัดเพราะเข้าใจว่าเพื่อนก็อยากทำอะไรให้เขาบ้าง แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ

สนเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านแล้วก็ไปที่ห้องของต้นซึ่งก็อยู่ติดกับห้องของเขาเอง สนสามารถเปิดประตูเข้าไปได้เลยเพราะปกติพวกเขามักจะไม่ล็อกห้องกันยกเว้นตอนออกไปข้างนอก สนไม่ได้เปิดไฟเพราะเห็นว่ามาเอาของแป๊บเดียว เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของต้นตรงมุมห้องก็เห็นหนังสือเล่มสีฟ้าๆ ตามที่ต้นบอกวางอยู่จึงหยิบขึ้นมา จังหวะที่กำลังจะเดินออกไปนั้นสายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้นคงลืมเก็บเข้าที่ มันวางอยู่ตรงมุมๆ โต๊ะใกล้ๆ กับหนังสือเล่มสีฟ้าที่เขาเพิ่งหยิบมานั่นเอง มันอาจจะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยถ้าหากว่าหน้าปกของหนังสือเล่มนั้นไม่ได้มีรูปของผู้ชายที่เปลือยอกและใส่แต่กางเกงในสีขาวตัวเดียว สนวางหนังสือเล่มสีฟ้าลงแล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ว่ามันคือหนังสืออะไร มือไม้และปากของสนสั่นทันทีที่เห็นรูปภาพข้างในหนังสือเล่มนั้น เขารู้สึกอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ต้นมีหนังสือแบบนี้ได้อย่างไรกัน หนังสือที่มีแต่รูปผู้ชายโป๊เปลือย ต้นเป็นเกย์หรือ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาเป็นสิบๆ ปี เขาไม่เคยรู้เลยว่าต้นเป็นเกย์ และเขาก็เกลียดคนพวกนี้มาก ภาพที่เขาถูกชายคนนั้นพยายามข่มขืนปรากฏชัดขึ้นในหัวของเขา ความหวาดกลัวและขยะแขยงครั้งนั้นฝังลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขาจนยากที่จะถอนมันออกมาได้ง่ายๆ

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้” สนพึมพำพูดกับตัวเอง

สนเดินลงมาจากห้องของต้นแล้วเอาหนังสือมาให้นิกกั้นปั้นจั่น แต่มืออีกข้างหนึ่งของเขาไพล่หลังเอาไว้เหมือนถืออะไรซ่อนไว้อยู่ สีหน้าเขาดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนทั้งโกรธและผิดหวังปนกันอยู่บนใบหน้านั้น

“ต้น นายเป็นเกย์ใช่ไหม” สนตัดสินใจถาม ทุกคนต่างตกตะลึง โดยเฉพาะต้นที่หน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

“นายพูดอะไรน่ะสน” ต้นถามเสียงสั่น

“ตอบเรามาสิ ว่านายเป็นเกย์ใช่ไหม” สนถามเสียงดัง แล้วเขาก็เอาหนังสือเล่มนั้นที่ถือไว้ด้านหลังฟาดลงไปบนโต๊ะ

“แล้วนี่อะไรต้น นายมีหนังสือพวกนี้ได้ยังไง” สนคาดคั้นด้วยสีหน้าโกรธและผิดหวังที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น

ต้นมองดูหนังสือเล่มนั้นแล้วก็ใจหายวาบ ในที่สุดความลับที่เขาปกปิดเอาไว้ก็ถูกเปิดเผยออกมาจนได้ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากให้ใครรู้เลยโดยเฉพาะสนเพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่สนจะต้องรู้ นิกกับปั้นจั่นเองก็ดูจะตกตะลึงไม่แพ้กัน แม้ว่าจะรู้ว่าต้นเป็นเกย์มาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะบอกใครอีก และไม่คิดว่าพอสนรู้แล้วสนจะโกรธอะไรได้ขนาดนั้น

“นายเป็นเกย์ใช่ไหมต้น” สนถามย้ำ “นายไม่ได้คิดกับเราแค่เพื่อนด้วยใช่ไหม เราผิดหวังในตัวนายมากรู้ไหม” สนพูดกึ่งตะโกน ต้นลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาจับแขนเพื่อนไว้

“สน เราขอโทษ นายฟังเราก่อนนะ” ต้นอ้อนวอน

ทันทีที่ต้นจับมือเขา ภาพในจิตใต้สำนึกนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกเกลียดกลัวขยะแขยงเพิ่มทวีโดยอัตโนมัติ สนผลักเพื่อนออกไปอย่างแรงจนต้นล้มลงกับพื้น

“อย่ามาถูกตัวเรานะ” สนตวาด

“ไอ้สน มึงทำอะไรวะ” นิกกับปั้นจั่นร้องพร้อมกันเพราะคาดไม่ถึงว่าสนจะทำกับเพื่อนถึงขนาดนั้น

ต้นหัวใจสลายแล้ว เขามองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตาและไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่คิดว่าเพื่อนที่ต้นรักมาก ทุ่มเทความรักให้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะรังเกียจเขาได้ถึงเพียงนี้ น้ำตาต้นไหลรื้นเต็มใบหน้าเพราะสุดจะกลั้น

“นายรังเกียจเราขนาดนี้เลยหรือสน” ต้นพูดพร้อมสะอื้น สนเองก็ตกใจไม่น้อย พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็สายเสียแล้ว

ต้นลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องทันที เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นสายตาฉายแววรังเกียจจากคนที่เขารัก มันโหดร้ายทารุณเกินกว่าที่เขาจะอยู่ตรงนี้ต่อไปได้ ต้นปิดประตูล็อกห้องแล้วปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น

“ไอ้สน มึงทำอะไรลงไปรู้ตัวไหม” ปั้นจั่นตะคอกใส่เขาอย่างเหลืออด

สนเดินหนีขึ้นไปบนบ้าน เสียงต้นร้องให้โฮๆ อยู่ในห้องดังจนได้ยินจากข้างนอก เขาไม่เคยเห็นต้นเสียใจและผิดหวังมากขนาดนี้เลย ต้นร้องให้เหมือนคนที่หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ร้องให้เหมือนคนจะขาดใจ ร้องให้เหมือนคนที่ผิดหวังอย่างที่สุดในชีวิต แต่สนก็ไม่ได้ทำอะไร เขาเข้าไปในห้องของเขา เฝ้าถามตัวเองว่าเขาทำเกินไปหรือเปล่า สนเดินเอาหูไปแนบกับกำแพงห้อง เสียงต้นยังคงร้องให้ไม่หยุดเลย เขาทรุดนั่งลงกับพื้น ชันเข่าแล้วซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง อันที่จริงนั้นเขาก็เสียใจและผิดหวังไม่แพ้กันเลย

“ทำไมนายต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะต้น” สนรำพันเบาๆ แล้วก็ร้องให้อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานทีเดียวจนผล็อยหลับไป แล้วก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูห้องดังสนั่น จริงๆ แล้วน่าจะเรียกว่าทุบมากกว่าเคาะ สนรีบเดินไปเปิดประตูทันที

“ไอ้สน มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันเป็นอะไร กูเคาะประตูห้องมันเท่าไหร่มันก็ไม่เปิด” นิกบอก สนรีบวิ่งมาที่ห้องต้นด้วยหน้าตาตื่นทันที เขาเคาะประตูห้องต้นอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบใดๆ จากข้างในห้อง

“ไอ้ต้นมันจะคิดสั้นหรือเปล่าวะ” ปั้นจั่นพูดพลางทำสีหน้าไม่ดี สนใจหายวูบ

“มึงพูดอะไรน่ะ” สนตะคอกเพื่อน

“เออ กูพูดไม่ดีหรอก แต่ใครล่ะที่ทำให้ต้นมันเป็นแบบนี้” ปั้นจั่นตะคอกกลับ แต่สนไม่ได้สนใจมากนัก เขาเป็นห่วงเพื่อนของเขามากกว่าในตอนนี้ เขาพยายามเคาะและเรียกต้นแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เขาเริ่มกลัวอย่างที่ปั้นจั่นพูดเมื่อสักครู่นี้ ถ้าต้นคิดสั้นหรือเป็นอะไรไป เขาจะทำอย่างไรดี เขาจะไปบอกพ่อกับแม่ต้นรวมทั้งพ่อกับแม่ของเขาเองว่ายังไง

“โทรหาพี่พิมพ์เร็ว ขอกุญแจสำรองด่วน” นิกนึกได้ ปั้นจั่นรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาแล้วกดหาพี่พิมพ์เจ้าของบ้านทันที ราวๆ ครึ่งชั่วโมงพี่พิมพ์ก็มาถึงด้วยความร้อนรน เธอกำลังจะนอนพอดีแต่ก็ต้องมา สนรีบรับกุญแจมาแล้วไขเข้าไปในห้อง เขาหลับตาแล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจ เขาไม่อยากลืมตาแล้วเห็นภาพที่เขาไม่อยากเห็นเลย ในขณะที่คนอื่นๆ กรูกันเข้าไปในห้องแต่สนกลับรู้สึกว่าเขาทำใจได้อย่างยากลำบากที่จะมองหาเพื่อนในห้อง เขากลัวเหลือเกินว่าเขาจะเห็นต้นเป็นอะไรอยู่ตรงไหนสักแห่งในห้องนี้ แต่เมื่อทุกคนหาจนทั่วก็ไม่มี

“ไปดูตรงหน้าต่างซิ ต้นกระโดดลงไปหรือเปล่า” นิกรีบวิ่งไปเปิดหน้าต่างดู ก้มมองลงไปข้างล่างแล้วก็ไม่มีอะไรอยู่ดี

“กระเป๋าเป้ไอ้ต้นมันหายไปว่ะ หนังสือเรียนมันก็เอาไปด้วย แสดงว่ามันออกไปจากห้องแล้วล่ะ” ปั้นจั่นบอกคนอื่นๆ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมต้นถึงหนีไปล่ะ” พี่พิมพ์ถามอย่างสงสัย ทุกคนหยุดมองหน้ากัน

“ทะเลาะกันนิดหน่อยครับ” สนบอกเบาๆ

“หน่อยกับผีอะไรล่ะ” ปั้นจั่นประชดด้วยความหมั่นไส้

“โทรหาต้นซิ” พี่พิมพ์เสนอ สนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนทันที แต่ก็โทรเท่าไรก็ไม่ติด

“สงสัยต้นจะปิดเครื่องครับ” สนบอก หรือว่าต้นจะกลับบ้านไป แต่ถ้าเขาจะโทรไปที่บ้านต้นเขาจะถามพ่อกับแม่ต้นว่าอย่างไรล่ะ ถ้าเกิดว่าต้นไม่ได้ไปที่นั่นแล้วพ่อแม่ต้นถามว่าต้นไปไหนหรือเกิดอะไรขึ้น เขาจะตอบพ่อกับแม่ของต้นว่าอย่างไร ถ้าโทรไปตอนนี้ก็จะยิ่งทำให้พ่อกับแม่ของต้นตกใจเข้าไปอีก

“ต้นมันจะกลับบ้านหรือเปล่าวะ สนมึงโทรไปถามที่บ้านมันซิ” นิกเสนอ แต่สนรู้ว่าต้นคงไม่ได้กลับไปบ้านอย่างแน่นอน เพราะต้นคงจะเสียใจมาก ตอนนี้ต้นไม่อยากเจอเขาแน่ๆ ถ้ากลับไปที่บ้านเขาก็ต้องตามไปหาเจออยู่ดี

“อย่าเลย เดี๋ยวพ่อกับแม่ต้นจะตกใจ ต้นไม่ได้กลับบ้านหรอก” สนบอก ทุกคนมองหน้ากันเหมือนสงสัยว่าสนรู้ได้อย่างไร

“มึงรู้ได้ยังไงวะ” นิกถามอย่างสงสัย

“กูเป็นเพื่อนต้นมาสิบเอ็ดปี ทำไมจะไม่รู้” สนตอบ

“เป็นเพื่อนกันแล้วก็ทำแบบนี้เนี่ยนะ” ปั้นจั่นประชดอีก สนเจ็บแปลบในหัวใจกับสิ่งที่ปั้นจั่นพูด พี่พิมพ์มองดูเด็กๆ แต่ละคนด้วยสีหน้างงๆ

เมื่อไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน ไม่รู้ว่าต้นไปไหน ติดต่อต้นก็ไม่ได้ ก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่ารอ ก่อนจะกลับพี่พิมพ์กำชับว่าถ้าต้นกลับมาหรือติดต่อต้นได้แล้วให้โทรบอกแกด้วย ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปนอน สนกลับมาที่ห้อง เขาสังเกตเห็นว่าตรงใต้ประตูมีกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่ จึงหยิบขึ้นมาอ่าน

“สน เรารู้ว่านายคงรังเกียจเรามากและคงรับไม่ได้ที่เราเป็นแบบนี้ เพื่อให้นายสบายใจ เราจะขอเป็นฝ่ายจากไปเอง นายไม่ต้องห่วงเรานะ โชคดีนะเพื่อนรักของเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรารักและเป็นห่วงนายเสมอ”

สนอ่านแล้วก็น้ำตาร่วง “ใครบอกนายล่ะต้น ใครบอกนายว่าเรารังเกียจนาย” สนรำพันเบาๆ เขากำแผ่นกระดาษนั้นไว้แน่น

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

18. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:42 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 16: กลับมาได้ไหม

ตอนเช้า เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัย สิ่งแรกที่สนทำก็คือไปดูว่าต้นมาเรียนหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเพื่อน เขาจึงไปถามเจนี่ เจนี่ก็ไม่รู้ว่าต้นไปไหน ดูเธอก็เป็นห่วงต้นอยู่เหมือนกันเมื่อรู้ว่าต้นหายไป แต่พยายามโทรหาเท่าไรก็ไม่ติด ตอนเที่ยงสนก็มาที่คณะของต้นอีก คราวนี้เขาจึงได้รู้ว่าต้นขอลากิจสองวันทั้งวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ แต่พอถามรายละเอียดก็ไม่มีใครตอบได้ว่าต้นลากิจไปทำอะไรที่ไหน วันนี้ทั้งวันสนจึงไม่มีกะจิตกะใจเรียนหนังสือเลย

สนกลับมาบ้านเหมือนคนไร้วิญญาณ ข้าวปลาก็ไม่กิน มาถึงก็เข้าไปอยู่ในห้อง ในใจก็เฝ้าแต่คิดโทษตัวเองที่วู่วามจนเผลอทำร้ายทั้งกายและใจของเพื่อนที่เขารักมากที่สุดอย่างไม่ตั้งใจ เขาเป็นห่วงต้นเหลือเกิน เขานึกไม่ออกเลยว่าต้นจะไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่กับใคร หรือจะเกิดอะไรกับเพื่อนเขาหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด ถ้าเกิดต้นเป็นอะไรจริงๆ เขาคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่สู้หน้าใครได้อย่างแน่นอน เขาเคยสัญญาไว้ว่าจะดูแลเพื่อนให้ดีที่สุด คำสัญญาที่เขาเคยพูดไว้ตั้งแต่เด็กๆ และเขาก็ไม่เคยลืมคำสัญญานั้นเลย แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้มันเหมือนเขาได้ทำลายคำสัญญานั้นไปแล้ว

สนหยิบอัลบั้มรูปเก่าๆ มาดู มีรูปที่เขาถ่ายกับต้นอยู่หลายใบ มีภาพตอนอยู่ชั้นประถมถ่ายอยู่ริมคลองส่งน้ำหน้าบ้านของต้น มีภาพที่ต้นถ่ายให้ตอนที่เขาแสดงละครวันแม่สมัยเรียนมัธยม มีภาพที่เขาถ่ายกอดคอกันกับต้นและมีฉากหลังเป็นทะเล มีภาพเขากับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่ต้นซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ทุกวันนี้เสื้อและกางเกงตัวนั้นเขาก็ยังใส่ได้อยู่เลย และอีกหลายๆ ภาพที่ล้วนแต่ทำให้เขาหวนรำลึกถึงความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมา กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้เพื่อนเสียใจ แต่ต้นก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเขาเลย ให้อภัยทุกครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะพูดให้เขาเสียใจทั้งๆ ที่ต้นจะด่าจะว่าเขาก็ได้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับชีวิตการเป็นเพื่อนกันเลยทีเดียว จะคบกันต่อหรือจะต้องจากกันไป อีกไม่ช้าเขาก็คงจะได้รู้คำตอบ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ผ่านไปอีกวันอย่างยากเย็น เลิกเรียนสนก็กลับบ้าน เขาไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้จะทำอะไร เมื่อมาถึงบ้านก็ปรากฏว่านิกกับปั้นจั่นมาถึงก่อนแล้วและนั่งดูทีวีกันอยู่

“เป็นไง สะใจไหม” ปั้นจั่นทักด้วยน้ำเสียงประชด สนไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้วก็ขึ้นห้องไป

“เดี๋ยวคอยดูเถอะ จะแกล้งเอาให้สะใจเลย กูหมั่นไส้ไอ้นี่มานานละ ไอ้ต้นมันรักออกจะปานนั้น หนอยแน่...พอรู้ว่าต้นเป็นเกย์ทำเป็นรับไม่ได้ กูยังรับได้เลย” ปั้นจั่นว่าลับหลัง

“มึงจะทำอะไรมันวะ” นิกหันมาถามอย่างสงสัย

“ทำให้มันสำนึกน่ะสิ” ปั้นจั่นตอบ เสียงโทรศัพท์เขาดังขึ้นพอดี

“เฮ้ย ไอ้ต้นโทรมาว่ะ” ปั้นจั่นบอกอย่างดีใจแล้วก็รีบรับสาย

“เฮ้ยต้น มึงอยู่ไหนวะ รู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงมึงแทบแย่เลยนะเว้ย” ปั้นจั่นพูดด้วยเสียงคล้ายกระซิบเพราะไม่อยากดังจนสนได้ยินและสงสัย
“อยู่กับเพื่อน มึงไม่รู้จักหรอก พวกมึงไม่ต้องห่วงกูนะ กูขอเวลาทำใจสักพักแล้วจะกลับ” เสียงต้นตอบมาตามสาย ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนต้นก็ยังไม่หายจากอาการเสียใจดีนัก

“มึงรู้ไหมว่าไอ้สนมันจะตายละ ข้าวปลาก็ไม่กิน หน้ามันอย่างกับศพแน่ะ อ้าว เฮ้ย”

“อะไร” นิกสงสัย

“มันวางสายไปละ” ปั้นจั่นบอก พอเขาลองโทรกลับไปหาต้น ต้นก็ปิดเครื่องไปเสียแล้ว

“มันปิดเครื่องแล้วว่ะ แต่มันบอกว่าอยู่กับเพื่อน ไม่ต้องห่วง ขอเวลาทำใจสักเดี๋ยวมันก็กลับ” ปั้นจั่นหันไปบอกเพื่อน พอรู้ว่าต้นไม่เป็นไร แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน พวกเขาก็สบายใจขึ้น

ปั้นจั่นยิ้มย่องเหมือนนึกอะไรออก “กูรู้ละว่ากูจะทำให้ไอ้สนมันสำนึกยังไงดี”

“ทำไงวะ” นิกสงสัยอีก

“เดี๋ยวก็รู้ มึงคอยดูเฉยๆ ละกัน” ปั้นจั่นบอกแล้วก็หันกลับมาสนใจดูทีวีต่อ

สักพักใหญ่ สนก็ลงมาข้างล่าง ดูท่าทางเขาคงจะหิวนั่นเองเพราะไม่ได้กินตามที่ร่างกายต้องการมาหลายมื้อแล้ว เขาเข้าไปหาอะไรกินในครัวโดยไม่ยอมออกมานั่งกับเพื่อนอีกสองคนเพราะสนไม่อยากฟังเสียงสองคนนี้คอยกระแนะกระแหน แต่กินได้สองสามคำสนก็หยุดกิน เขาล้างจานแล้วก็ออกมาจากห้องครัว นิกกับปั้นจั่นหันมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

“เมื่อกี้ต้นโทรมาแน่ะ” ปั้นจั่นบอก สนถลาเข้าไปหาเขาทันทีพลางละล่ำละลักถาม

“ต้นอยู่ไหน ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า ต้นจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ไม่รู้เว้ย มันไม่บอก ถ้ามันเป็นอะไรแล้วมันจะโทรมาได้ยังไงล่ะ” ปั้นจั่นเริ่มกวน สนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างเพื่อจะลองโทรไปหาต้น แต่ปั้นจั่นก็รีบดักไว้

“ไม่ต้องโทรหรอก มันปิดเครื่องแล้ว”

แต่สนก็ไม่ฟัง พอโทรแล้วก็ไม่มีสัญญาณตามเดิมจึงต้องล้มเลิกไป “ต้นอยู่ไหน บอกกูได้ไหม กูจะไปหาต้น” สนหันมาถามซ้ำด้วยแววตาวิงวอน

“ก็บอกว่าไม่รู้ ถ้ารู้แล้วก็จะนั่งอยู่นี่ทำไม ถ้ารู้ก็ไปหามันแล้วสิ พวกกูก็เป็นห่วงมันเหมือนกันนะเว้ย ไม่ใช่แต่มึงคนเดียว” ปั้นจั่นโวยวายบ้าง

“มึงอยากรู้ไหมว่าต้นมันคุยอะไรกับกู” ปั้นจั่นถามด้วยท่าทางที่รู้สึกว่าเขาถือไพ่เหนือกว่า สนมองด้วยความอยากรู้

“มันบอกให้กูสองคนช่วยหาหอพักให้มันใหม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะออกไปดูให้มัน” ปั้นจั่นเริ่มทำตามแผนที่เขาคิดไว้ นิกทำหน้างงๆ เพราะรู้ว่าเมื่อกี้ต้นไม่ได้คุยกับปั้นจั่นเรื่องนี้ แต่เขาก็เงียบไว้เพราะคิดว่าปั้นจั่นคงมีแผนอะไรบางอย่าง

“ต้นจะไปไหนไม่ได้ ต้นต้องอยู่ที่นี่” สนโวยวาย

“อ้าว จะให้มันอยู่ได้ยังไง ก็ดูที่มึงทำกับมันสิ เป็นกูกูก็ไม่อยู่เหมือนกัน ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักกับมันเหมือนมึง กูยังสงสารมันเลย มันอุตส่าห์รักมึงมากขนาดนั้น ก็ดูมึงทำกับมันสิ” ปั้นจั่นพูดย้ำ จงใจจะให้สนรู้สึกเจ็บปวดซึ่งก็ได้ผลทีเดียวเพราะสนรู้สึกเจ็บเหมือนมีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจก็ไม่ปาน

“พวกมึงจะพาต้นไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น กูไม่ให้ไปเว้ย”

“ไม่รู้เว้ย กูไม่ได้ตัดสินใจ ต้นมันตัดสินใจเอง กูก็แค่ช่วยหาให้มันเท่านั้นแหละ มึงจะมาบอกอะไรกู ไปบอกไอ้ต้นเองโน่น” ปั้นจั่นโบ้ย

“กูบอกว่าไม่ต้องหา กูไม่ให้ต้นไปไหนทั้งนั้น” สนขึ้นเสียงดัง

“แล้วมึงจะให้มันอยู่ทำไมวะ มึงก็แสดงท่ารังเกียจมันซะขนาดนั้น มึงเห็นไหมว่ามันเสียใจแค่ไหน ก่อนจะไปมันร้องให้จะเป็นจะตาย มึงเข้าไปดูมันบ้างไหม พอมันจะไปแล้วก็จะมาห้ามมันทีหลัง สายไปแล้วมั้ง” ปั้นจั่นตะคอกกลับ แล้วก็ตอกย้ำไปอีกว่า

“เรื่องที่ไอ้ต้นมันเป็นเกย์ พวกกูรู้มาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่เคยรังเกียจมันเหมือนมึง แล้วพวกกูก็รู้ว่ามันรักมึงมากแค่ไหน มันทำให้มึงได้ทุกอย่าง มึงจะทำให้มันเสียใจกี่ครั้งมันก็ไม่เคยถือโกรธ แล้วมึงเคยได้ยินสักครั้งไหมไอ้สนว่าไอ้ต้นมันเรียกร้องขออะไรจากมึง มันรักมึงแบบนั้นก็จริง แต่มันก็ไม่เคยขอให้มึงรักมันตอบแบบนั้นเลย เวลามึงมีแฟน เวลามึงไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันเจ็บแค่ไหน มันเคยบอกมึงสักคำไหม มันเคยว่าอะไรมึงไหม แล้วเรื่องที่มันเป็นเกย์ ถ้ามึงไม่บังเอิญรู้เอง ชาตินี้มึงก็จะไม่ได้รู้หรอกเพราะต้นมันไม่เคยคิดจะบอกมึง แล้วมันก็กำชับพวกกูไว้ว่าห้ามบอกใคร โดยเฉพาะมึง เพราะมันกลัวว่ามึงจะรับไม่ได้ มันกลัวว่ามึงจะเกลียดมัน แล้วมึงก็เกลียดมันจริงๆ ด้วย กูไม่อยากจะเชื่อเลย” ปั้นจั่นว่าสนเสียยืดยาว

สนนิ่งอึ้งเมื่อฟังปั้นจั่นพูดจบ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเขาทำให้เพื่อนเจ็บโดยไม่รู้ตัวเวลาที่เขามีแฟนหรือไปกับผู้หญิงคนอื่น สนไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ

“ทำไมมึงถึงต้องรังเกียจมันด้วยวะไอ้สน กับอีแค่เป็นเกย์นี่มันมีอะไรน่ารังเกียจนักหนาวะ คนเหมือนกันนะเว้ย” ปั้นจั่นว่าอีก

“เมื่อไรพวกมึงสองคนจะหยุดตอกย้ำซ้ำเติมกูเสียทีหา!” สนตะโกนอย่างเหลืออด ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าปั้นจั่นจะพูดให้เขาเสียใจอีกทำไมนักหนา ปั้นจั่นสะดุ้งตกใจแล้วก็เงียบไป

“มึงรู้ไหมว่ากูเสียใจมากแค่ไหน ต้นเป็นเพื่อนกู กูรักมันแค่ไหนมึงไม่รู้หรอก” สนระเบิดอารมณ์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “มึงคิดว่ากูไม่เสียใจหรือไง กูไม่เคยทำร้ายเพื่อนกู ไม่เคยด่าว่าต้นแม้แต่คำเดียว ที่กูทำวันนั้นกูก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่เพราะกูรังเกียจต้น มึงสองคนไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับกูบ้างกูถึงได้ไม่ชอบพวกเกย์พวกกะเทย” สนเว้นจังหวะและเริ่มสะอื้นให้ เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

“กูทำให้เพื่อนเจ็บ กูทำให้เพื่อนร้องให้เสียใจขนาดนั้น มึงคิดว่ากูจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง กูเสียใจแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหม” สนตะโกนอีกแล้วก็ค่อยเบาเสียงลง “กูเป็นห่วงต้น กูคิดถึงต้น อยากขอโทษใจจะขาดอยู่แล้ว” พูดจบสนก็สะอื้นจนตัวโยน นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ

“เฮ้ยสน กูขอโทษละกัน” ปั้นจั่นบอกพลางนั่งลงแล้วตบไหล่เขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“ถ้ามึงมีเพื่อนอย่างต้น มึงจะเกลียดมันได้ไหม” สนถามแต่เหมือนเขาไม่ได้ต้องการคำตอบจากใคร

“ไม่มีใครเกลียดต้นหรอกสน ต้นมันเป็นคนดี ขนาดพวกกูรู้จักมันแค่สองสามปี พวกกูก็ยังรักมันเลย” ปั้นจั่นบอก
นิกย่อตัวลงมาปลอบใจสนอีกคน

“เดี๋ยวต้นมันก็กลับแล้วสน นายไม่ต้องห่วงมันหรอก มันบอกว่ามันอยู่กับเพื่อน มันขอเวลาทำใจสักพักแล้วจะกลับ มันไม่ไปไหนหรอก มันรักมึงขนาดนั้น มันจะทิ้งมึงไปได้ยังไง กูรู้ว่ามันไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ”

พอรู้ว่าต้นไปอยู่กับเพื่อน ก็ทำให้สนพอสบายใจขึ้นมาได้บ้าง “จริงเหรอ เพื่อนคนไหน พวกมึงรู้ไหม” สนสงสัย

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ มันไม่บอก พูดเสร็จมันก็วางสายแล้วปิดเครื่องไปเลย” ปั้นจั่นบอก

“ทำใจให้สบายนะสน ไปนอนพักผ่อนเหอะ กูเห็นสภาพมึงแล้วก็รู้ว่ามึงคงไม่ค่อยได้นอน กินก็ไม่ค่อยได้ ต้นมันโตแล้ว มันไม่คิดสั้นหรอก มันดูแลตัวเองได้” นิกปลอบอีก แล้วช่วยรุนหลังให้สนลุกขึ้น สนก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี

“ไปนอนซะ ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวต้นมันก็กลับมา” ปั้นจั่นบอก สนพยักหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย แล้วก็เดินกลับขึ้นไปบนห้อง เขาไม่รู้หรอกว่าเขาจะนอนได้ไหม ก็คงคิดไปเรื่อยเพราะตอนนี้เขายังเครียดอยู่ แต่พอได้พูดได้ระบายแล้วก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ณ ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้มากไปกว่ารอให้ต้นกลับมา
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้เป็นวันอาทิตย์แล้ว สนเดาว่าต้นน่าจะกลับมาวันนี้จึงตั้งใจไม่ไปไหนเพื่ออยู่รอต้น วันนี้เขาใส่เสื้อกับกางเกงที่ต้นซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วด้วย สนตั้งใจว่าถ้าต้นกลับมาเห็น ต้นจะได้รู้ว่าเขาไม่เคยลืมมิตรภาพและสิ่งดีๆ ที่ผ่านมาเลย ตลอดทั้งวันนี้ ไม่ว่าสนจะทำอะไร เขาก็จะคอยหันไปดูที่ประตูบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววของต้นเลย กวาดบ้าน ถูบ้านก็แล้ว ดูทีวีก็แล้ว กินข้าวก็แล้ว เอางานมานั่งทำก็แล้ว ต้นก็ยังไม่กลับมาจนมืดค่ำ

นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าให้เจ็บมากๆ อย่างนี้ก็น่าจะดีเหมือนกัน สนจะได้จำไปอีกนาน สนนั่งๆ นอนๆ รอจนสี่ทุ่มกว่าต้นก็ยังไม่กลับมา นิกกับปั้นจั่นขอตัวไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า ส่วนสนปิดไฟในห้องนั่งเล่น เปิดไฟหน้าบ้านไว้แล้วก็มานอนรอบนโซฟา

“นายอยู่ไหนต้น ทำไมไม่กลับมาเสียที รู้ไหมว่าเราคิดถึงนายใจจะขาดอยู่แล้ว” สนรำพึงเบาๆ เมื่อไม่มีวี่แววว่าต้นจะกลับมา ใจเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยว หมดความหวังลงไปทุกที สนกลัวเหลือเกินว่าต้นจะโกรธเขาจนไม่คิดจะกลับมาอีกแล้ว เขาไม่อยากคิดเลยว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีต้น สำหรับสนแล้ว ไม่มีแฟนเขาก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ สนคงอยู่ไม่ได้และเขาอาจจะต้องตรอมใจตายในที่สุด เหมือนในเวลานี้ สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังตรอมใจอย่างหนักเลย

ในที่สุดสนก็เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เขาทรมานร่างกายของตัวเองมาหลายวันแล้ว ใบหน้าของเขาเศร้าหมอง ซีดเซียวและตัวเขาก็ผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ตาก็เริ่มลึกโหลเพราะนอนไม่ค่อยหลับ จนเกือบเที่ยงคืน สนเริ่มรู้สึกตัวเพราะเหมือนมีคนไขกุญแจบ้านเข้ามา สนลืมตาและลุกขึ้นอย่างงัวเงีย แล้วก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ เขา แม้จะเห็นแค่เงามืดๆ สนก็รู้ว่าคนๆ นั้นคือใคร

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

19. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:44 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 17: บทพิสูจน์ความเป็นเพื่อนแท้

“ต้น” สนเรียกเพื่อนแล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเท่าที่แรงกายยังพอมีอยู่ เขาโผเข้าไปกอดเพื่อนด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ น้ำเสียงที่เขาเรียกเพื่อนนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงและห่วงใยอย่างที่ไม่สามารถจะอธิบายได้เพราะมันออกมาจากความรู้สึกข้างในทั้งหมดที่เขามี ต้นกอดเพื่อนตอบเบาๆ ในเวลานี้ แม้ว่าจะมีความบาดหมางระหว่างกันอยู่ แม้ว่าจะมีความไม่เข้าใจที่ต้องสะสาง หรือแม้ว่าจะมีความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านพ้นไปมากแค่ไหน แต่ความรัก ความคิดถึงและความห่วงหาอาทรนั้นมีมากเกินกว่าสิ่งใดทั้งหมด ทั้งต้นและสนจึงไม่ปฏิเสธหัวใจของตนเองที่ต่างก็คิดถึงและห่วงหาซึ่งกันและกันในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ทั้งคู่กอดกันอยู่เนิ่นนานโดยไม่พูดอะไร แต่ใช้การสัมผัสระหว่างกันสื่อสารความรู้สึกทั้งหมดที่แต่ละคนมีให้กัน ต้นรู้ว่าสนกำลังสะอื้นเบาๆ เขาจึงเพิ่มน้ำหนักแรงกอดขึ้นอีกนิดเพื่อช่วยปลอบใจเพื่อน ตั้งแต่รู้จักกันมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ต้นเห็นเพื่อนร้องให้สะอึกสะอื้นราวกับเป็นเด็กน้อย

“เราขอโทษนะต้น เราขอโทษจริงๆ เราอยากให้นายรู้ว่าเราเสียใจมากแค่ไหนกับสิ่งที่เราทำลงไป เราไม่ได้ตั้งใจ เราขอโทษนะเพื่อน เราขอโทษ” สนเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดก่อนและเฝ้าย้ำคำว่าขอโทษหลายครั้ง

“เรานึกว่านายจะไม่กลับมาหาเราแล้วเสียอีก เรากลัวรู้ไหมต้น หลายวันที่ผ่านมา เรากลัวเหลือเกินว่าเราจะต้องเสียเพื่อนอย่างนายไปเพราะการกระทำของเราเอง” สนพูดพลางร่ำให้ไม่หยุด

“เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ เราเป็นห่วงนาย เราคิดถึงนายมาก เราได้แต่กลัวว่านายจะเป็นอะไรไป นายอย่าไปไหนอีกนะต้น ชีวิตเราอยู่ไม่ได้หรอกถ้านายไม่อยู่เป็นเพื่อนเรา นายคือคนเดียวที่เราผูกพันด้วยมานาน เป็นชีวิตอีกส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราขอโทษจริงๆ นายจะด่าจะว่า จะเตะจะต่อยเรายังไงก็ได้ ขออย่างเดียว นายอย่าไปไหนอีกนะต้น”

สนอ้อนวอนจากใจจริง เขาเงียบไปสักพักแล้วก็ค่อยๆ ปล่อยเพื่อนออกจากอ้อมแขนเพื่อที่จะได้มองหน้าเพื่อนได้อย่างชัดเจน สนค่อยๆ ยิ้มให้เพื่อนทั้งน้ำตา หวังว่าต้นจะยิ้มตอบเขา สุดท้ายต้นก็ยิ้มจนได้ บางครั้งการสื่อสารที่ไม่ต้องพูดก็กลับมีความหมายมากกว่าคำพูดนับล้านคำเสียอีก รอยยิ้มนี้ก็ได้ทลายกำแพงที่แต่ละคนได้ก่อขึ้นไว้ป้องกันตัวเองลงอย่างราบคาบแล้ว รอยยิ้มของเพื่อนทำให้สนค่อยๆ หายจากอาการสะอื้นขึ้นได้

“ไม่มีใครรังเกียจเพื่อนอย่างนายได้หรอกต้น” สนเว้นจังหวะแล้วพูดต่อว่า “โดยเฉพาะกับเราแล้ว เราได้รับอะไรที่ดีๆ จากนายหลายอย่างตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา เรารู้ว่าเราได้จากนายมากกว่าเพื่อนคนไหนทุกคนในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือความรู้สึกที่ดีๆ เพราะฉะนั้น เราขอยืนยันว่าไม่ว่านายจะเป็นอะไร เราก็ไม่รังเกียจนายหรอกต้น” ดูเหมือนว่าสนก็ยังคงเป็นฝ่ายที่พูดอยู่คนเดียวอยู่ แต่ต้นก็รับฟังทุกคำพูดของเขา เข้าใจทุกอย่างที่เพื่อนพูดและไม่เคลือบแคลงใจใดๆ ทั้งสิ้นเพราะต้นรู้ว่าสนพูดออกมาจากใจจริงของเขา

“เราสัญญานะต้น ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าครั้งต่อไปมันเกิดขึ้นอีก เราจะเป็นฝ่ายยอมรับชะตากรรม แล้วเราจะเป็นฝ่ายไปเอง แม้ว่าชีวิตของเราจะไม่มีความสุขหรืออาจจะอยู่ไม่ได้เลย แต่เราก็จะยอมรับความผิดที่เราทำแต่โดยดี” สนให้คำมั่นสัญญา

“เราหวังว่านายจะให้อภัยเรา หวังว่านายจะไม่ไปไหนและเราก็จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะต้น” สนบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
แล้วก็ถึงเวลาที่ต้นจะพูดบ้าง “เราไปไหนไม่ได้หรอกสน เรายังพานายไปไม่ถึงจุดหมายเลย ถ้านายยังต้องการเราอยู่ ถ้านายยังรับได้และสบายใจที่จะเป็นเพื่อนกับเรา เราก็จะอยู่ที่นี่ เราก็จะทำอย่างเต็มที่เหมือนเดิมเพื่อจะพานายไปให้ถึงจุดหมายให้ได้”

สนยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเพื่อนอีกครั้ง “เราต้องการนายอยู่แล้วต้น ชีวิตของเราจะอยู่ได้อย่างมีความหมายก็ต่อเมื่อมีนายอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น วันข้างหน้าจะเป็นยังไง เราจะอยู่ไกลหรือใกล้กันแค่ไหน แค่ขอให้รู้ว่าในโลกนี้เรายังมีนายเป็นเพื่อนอยู่ เราก็อยู่ได้ ถึงต่อไปเราจะมีแฟน มีครอบครัวเป็นของเราเอง ชีวิตเราจะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้านายไม่อยู่เป็นเพื่อนเรา เราพูดจริงๆ นะต้น เราผูกพันกับนายจนคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตที่ไม่มีนายอยู่จะเป็นอย่างไร” สนบอกแล้วก็ค่อยๆ ปล่อยเพื่อนจากอ้อมแขนอีกครั้ง แสงไฟจากหน้าบ้าน พอจะทำให้เขาสังเกตเห็นอยู่เหมือนกันว่าต้นดูซูบผอมลง ตาก็เริ่มคล้ำโหลไม่ต่างจากเขาเลย

“นายกินอะไรมาหรือยังล่ะต้น” สนถามอย่างเป็นห่วง

“กิน แต่กินได้ไม่กี่คำหรอก กินไม่ลง นอนก็ไม่หลับ” ต้นตอบพลางหัวเราะเบาๆ

“กินข้าวก่อนละกันนะต้น เดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้กิน นายรออยู่นี่นะ” สนบอกแล้วพาเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะกลางห้อง เขาช่วยต้นเก็บกระเป๋าเป้แล้ววางไว้เก้าอี้ข้างๆ ต้น จากนั้นก็เดินไปเปิดไฟ

“นายจะไปไหนล่ะสน เราไปด้วยสิ” ต้นร้องถามเมื่อเห็นว่าสนจะเดินออกไปข้างนอก

“จะไปซื้ออะไรให้นายกินไง กับข้าวในครัวคงไม่พอกินหรอก แล้วก็เย็นหมดแล้ว นายกลับมาเหนื่อยๆ นั่งพักอยู่นี่นะ เดี๋ยวเรามา แป๊บเดียว” สนบอก

ต้นลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเพื่อน “เราก็เหนื่อยทั้งคู่แหละ เราไปด้วยนะ เราอยากไป” ต้นทำเสียงอ้อนนิดๆ

สนลังเลอยู่สักพักแต่สุดท้ายเขาก็ตกลง เมื่อเปิดประตูออกมานอกบ้านแล้ว สนก็ทำในสิ่งที่ต้นคาดไม่ถึง สนจับมือข้อมือต้นไว้แล้วหยุดมองหน้ากันเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วสนก็ตัดสินใจเลื่อนมือลงต่ำมาจับมือต้นไว้ สนรู้ว่าต้นก็รักเขาในอีกแบบหนึ่งซึ่งเขาอาจจะไม่สามารถตอบสนองคืนได้ แต่สนคิดว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำนี้คงพอจะช่วยให้เพื่อนของเขาได้มีความสุขบ้าง ต้นยิ้มเขินเล็กน้อยและทำตัวไม่ถูกเพราะสนไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลย แต่ก็ยอมให้เพื่อนจูงมือเดินไปแต่โดยดี สนเองก็รู้สึกแปลกๆ ที่ทำแบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันดีอย่างบอกไม่ถูก เพื่อนกันจับมือกันก็ไม่เห็นเป็นไร สนคิดในใจ

นับว่าวันนี้โชคดีที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทางยังไม่ปิดร้าน ยังคงมีคนมาอุดหนุนอยู่เนืองๆ พอซื้อของที่อยากกินได้แล้วก็กลับมา ทั้งคู่ช่วยกันจัดแจงอาหารแล้วก็มานั่งกินด้วยกัน

“นึกว่าจะไม่ได้กลับมานั่งกินข้าวคุยกันแบบนี้แล้วเสียอีก เรารู้สึกเหมือนคนที่ทำของที่รักมากๆ หายไป แล้วสุดท้ายก็ได้กลับคืนมา” สนบอกในขณะที่กินข้าว ต้นมองเขาแล้วก็ยิ้ม

“นายไปอยู่ที่ไหนมาล่ะต้น” สนถามอย่างสงสัย

“เราไปหาเอกมา นายจำเอกได้หรือเปล่า มันก็เรียนในกรุงเทพเหมือนกัน” ต้นตอบ

สนพยักหน้า เขาจำเอกได้ดีเพราะเอกเคยมาขอร้องให้เขาให้เวลากับต้นบ้าง จริงๆ ในตอนนั้นสนก็ไม่ได้ลืมเพื่อนขนาดนั้น แต่ส่วนหนึ่งสนคิดว่าต้นเองก็จงใจที่จะหลบหน้าเขา วันนี้สนก็พอจะเข้าใจบ้างแล้วล่ะว่าทำไมต้นถึงต้องหลบหน้าเขาตอนนั้น การเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่กับคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องสนุกนัก

ในระหว่างกินข้าว ต้นกับสนพยายามคุยกันในเรื่องทั่วๆ ที่ไม่เครียดมากนักเพราะอยากให้บรรยากาศในการกินข้าวเป็นไปอย่างสบายๆ แต่หลังจากกินข้าวแล้วคงต้องมีเรื่องคุยกันเพื่อทำความเข้าใจอีกหลายเรื่อง

พอกินข้าวเสร็จแล้ว ต้นกับสนก็ช่วยกันล้างจาน จากนั้นจึงขึ้นไปข้างบนห้องของต้น สนบอกให้ต้นอาบน้ำก่อนเพราะเขาอาบแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็มานอนรออยู่บนเตียงนอนของเพื่อน วันนี้สนตั้งใจจะนอนเป็นเพื่อนต้นเพราะมีเรื่องที่อยากจะคุยอีกหลายอย่าง แม้ว่าจะต้องนอนดึกแต่ทั้งต้นและสนต่างก็คิดว่าต้องคุยกันให้เข้าใจ เมื่อต้นจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมาที่เตียงแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามที่สนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ แล้วต้นก็นั่งในท่าเดียวกับสนบ้าง

“ไอ้ปั้นจั่นมันบอกเราว่า นาย...” สนเริ่มลังเลที่จะพูดต่อ

“อะไร” ต้นถามด้วยความอยากรู้

สนถอยหายใจยาว สักพักก็ตัดสินใจพูด “มันบอกว่านาย...เจ็บ...เวลาที่นายเห็นเรามีแฟน” สนพูดแต่ละคำได้อย่างยากเย็นเพราะเขากลัวจะทำร้ายจิตใจเพื่อน ต้นมองหน้าสนแล้วนิ่งไปสักพักเหมือนคิดอะไรบางอย่าง เขาถอนหายใจบ้างก่อนจะตอบว่า

“สน... เราจะขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายละกันนะ แล้วเราจะไม่พูดอีกเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเราจะต้องเจ็บปวดแค่ไหนอีกก็ตาม” ต้นเว้นจังหวะ สนมองด้วยความสนใจ

“ถ้าถามตรงๆ เราก็ขอตอบตรงๆ ว่า...เราก็เจ็บนะ เพราะเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มีชีวิตจิตใจ ถ้าเรารักใครสักคน ก็คงอยากได้ความรักแบบนั้นคืนกลับมาเป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นมันก็...เจ็บเป็นธรรมดาเหมือนกัน” ต้นเว้นจังหวะแล้วถอนหายใจอีก “มันอาจจะเป็นชะตากรรมของเรา อาจจะเป็นเวรกรรมอะไรบางอย่างที่เราทำไว้แต่ชาติก่อนกับนาย เราก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกว่าเราทำอะไร แต่เราก็ยินดีที่จะก้มหน้ารับชะตากรรมนั้น เรารู้ว่าความรักของเราไม่มีวันที่จะสมหวัง เรารู้ว่าเราจะต้องเจ็บไปอีกนานแสนนาน จนกว่าจะหมดชีวิตไปจากโลกนี้” ต้นหยุดพูด เขารู้สึกสะเทือนใจกับชะตากรรมของตัวเองจนไม่อาจห้ามน้ำตาไว้ได้ “แต่เราก็ยินดีนะสน เราจะไม่เรียกร้องอะไรจากนายเลย เราจะไม่มีวันเอาความต้องการส่วนตัวของเราไปทำให้นายลำบากใจ เราจะไม่ขอในสิ่งที่นายให้เราไม่ได้ เราจะไม่ขอให้นายฝืนธรรมชาติของนายเพื่อเรา นายให้เราได้แค่ไหนเราก็พอใจแค่นั้น” ต้นเริ่มสะอื้น

สนเองก็สะเทือนในกับสิ่งที่เพื่อนพูดไม่แพ้กันเลย เขาหลับตาลงอย่างเจ็บปวด น้ำตาไหล

“เราถึงไม่เคยคิดที่จะบอกนายไงสน เราไม่เคยต้องการให้นายรู้ว่าเราเป็นอะไร เรายินดีที่จะเก็บความรักอันนี้ไว้กับตัวเราไปจนตาย เจ็บแค่ไหนเราก็ทนได้ ขอให้นายยังอยู่ เป็นเพื่อนเราก็ยังดี ไม่ต้องรักเราแบบนั้นเราก็ไม่ว่าอะไร ดีกว่าที่เราจะต้องเสียนายไป เราก็คงไม่มีความสุขเหมือนกันถ้าไม่มีนาย เพราะฉะนั้น ถ้าหากความรักแบบนั้นของเราจะทำให้นายอึดอัด ไม่สบายใจ และอาจจะไปจากเรา มันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะให้นายรู้ มีหลายคนที่เขาทำแบบนี้ แล้วสุดท้ายเขาก็เสียไปหมดทุกอย่าง เสียทั้งเพื่อน เสียทั้งความรัก เราไม่อยากเป็นแบบนั้นเลยสน เรายอมที่จะเจ็บ ขอแค่ให้นายยังอยู่กับเรา เป็นเพื่อนเราแค่นั้น” ต้นเริ่มสะอื้นหนัก เขาใช้มือป้ายน้ำตาเหมือนเด็กๆ “ตอนนี้นายก็รู้แล้ว แต่นายไม่ต้องห่วงเราหรอกนะ ขอให้นายทำตัวเหมือนเดิม ไม่ต้องสนใจว่าเราจะรักนายแบบไหน จะเจ็บแค่ไหน นายไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น นายอยากจะมีแฟน นายอยากจะแต่งงานมีครอบครัว นายก็ทำได้เลย ไม่ต้องห่วงเรา นายให้เราได้แค่ไหนก็แค่นั้น ขอแค่เรายังเป็นเพื่อนกัน ขอให้เราได้เจอนายบ้าง ได้คอยดูแลเป็นห่วงบ้าง แค่นั้นก็พอแล้ว เรายินดีที่จะเก็บซ่อนความรักนี้ไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราจะไม่ให้มันออกมาทำให้นายลำบากใจหรอกสน นายไม่ต้องห่วง”

พอต้นพูดจบ สนก็ดึงเพื่อนเข้าไปกอดด้วยความรู้สึกสงสารเพื่อนอย่างจับใจ

“โธ่ต้น...นายเป็นคนดีเหลือเกินเพื่อน เราสัญญาต้น ถึงเราจะรักนายอย่างนั้นไม่ได้ แต่เราก็สัญญาว่าเราจะให้ความรักให้มากที่สุดเท่าที่เราจะให้นายได้ ถึงนายจะไม่สามารถเป็นแฟนเราได้ แต่เราก็จะรักนายไม่น้อยไปกว่าใครหรอก นายไม่ต้องห่วงหรอกต้น เราจะไม่ทิ้งนายไปไหน เราจะมาหาทุกครั้งที่เราทำได้ เราผูกพันกันมานานนะต้น นายก็คงรู้เหมือนที่เรารู้ว่านายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา และเราก็เชื่อว่าเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนาย ใช่ไหม” สนถามเพื่อย้ำว่าเขาเข้าใจถูกต้อง

“ใช่” ต้นตอบสั้นๆ “ขอบใจที่นายเข้าใจเรานะสน ขอบใจที่นายไม่รังเกียจและรับฟังเราสิ่งที่เราพูดเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย”

สนยังคงกอดเพื่อนไว้เบาๆ เขาไม่ว่าอะไรหรอกถ้าต้นอยากจะกอดเขา อยากจะได้ความรู้สึกอบอุ่นจากเขา แค่นี้เป็นสิ่งที่เขาพอจะทำให้เพื่อนได้ พอเห็นว่าอารมณ์ของต้นกลับมาเป็นปกติ สนก็ชวนว่า

“ต้น...อาทิตย์หน้าเรากลับบ้านกันไหม เราอยากกลับบ้าน ไปหาพ่อกับแม่ของเราไง”

ต้นปล่อยตัวออกจากอ้อมแขนของสนแล้วมองเพื่อนด้วยความสนใจ “ไปสิ เราก็คิดถึงพ่อกับแม่เหมือนกัน”

“ไว้ว่างๆ เราไปหาซื้อของฝากพ่อกับแม่ของเราด้วยดีไหม”

“เอาสิ เย็นๆ ก็ได้นะ” ต้นเสนอ สนยิ้มเป็นเชิงรับคำ

พอสนเห็นว่าได้คุยกันจนเข้าใจกันและกันอย่างแท้จริงแล้ว ก็คงต้องหลับนอนกันเสียทีเพราะพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสือ แต่ก่อนจะบอกให้เพื่อนนอน สนก็นึกอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกเพื่อนได้

“ต้น... ถ้านายอยากกอดเรา ก็กอดได้นะ เราไม่ว่าหรอก” สนบอกพลางยิ้มทีเล่นทีจริง

“ไม่ต้องมาพูดเลย นายนั่นแหละที่ชอบกอดเรา” ต้นย้อนเข้าให้ สนจึงขำ

“จริงด้วยสิ มีแต่เราแหละชอบกอดนาย งั้นขอกอดอีกละกันก่อนนอน” ว่าแล้วสนก็ดึงเพื่อนมากอดแน่นๆ ทำให้ต้นหายใจไม่ออก จนหนำใจแล้วก็ปล่อย

“นายว่าไหมต้น บางทีพอเรามีเรื่องไม่เข้าใจกันบ้างก็ดีนะ เพราะเวลาคุยกันแล้วเราก็เข้าใจกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น ที่สำคัญ มันเป็นบทพิสูจน์ความเป็นเพื่อนแท้ของเราด้วย เหมือนอย่างครั้งนี้ เรารู้ว่ามันเป็นวิกฤติ ถ้าเข้าใจก็จะเป็นอย่างตอนนี้ แต่ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็คงต้องเลิกคบกันเป็นแน่ ว่าไหม” สนหันมาถาม ต้นพยักหน้าเห็นด้วย

“นอนเถอะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสือแต่เช้า” สนบอกพลางค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน ต้นก็ทำตาม

นายรู้ไหมต้น ถ้านายเป็นผู้หญิง เราจะต้องขอนายแต่งงานอย่างแน่นอน และชาตินี้เราก็คงจะไม่รักใครอีกนอกจากนาย แต่น่าเสียดาย...สนคิดในใจก่อนที่จะหลับไป

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

20. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ [18]"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:46 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 18: รักออกแบบได้

เช้าวันใหม่ วันนี้ดูท้องฟ้าแจ่มใสและมีแดดกำลังดี บรรยากาศดูสดใสทีเดียว นิกกับปั้นจั่นกำลังสาละวนกับการชงกาแฟและปิ้งขนมปังอยู่ในครัวเพื่อจะกินรองท้องก่อนไปเรียนหนังสือ ไม่นานนักต้นกับสนก็เดินกอดคอกันลงมา นิกกับปั้นจั่นมองด้วยอาการทึ่งนิดๆ เพราะไม่คิดว่าทั้งสองคนจะปรับความเข้าใจกันได้รวดเร็วขนาดนี้ แถมทำเหมือนราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใจกันแต่อย่างใด

“เฮ้ยต้น กลับมาเมื่อคืนเหรอ ทำไมดีกันไวจังวะ” นิกถามด้วยความสงสัยขณะยกกาแฟและขนมปังมากินที่โต๊ะ ปั้นจั่นยกตามมาและนั่งลงข้างๆ นิก ต้นยิ้มและพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

“คนเขาเป็นเพื่อนรักกัน คุยกันแป๊บเดียวก็เข้าใจเว้ย” สนพูดด้วยน้ำเสียงอวดนิดๆ

“อ้าวต้น ตกลงมึงจะย้ายหอหรือเปล่า กูไปหาให้แล้วนะเว้ย เขาบอกว่าย้ายไปได้เลย วันนี้ก็ได้” ปั้นจั่นแกล้งแหย่ ต้นทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจว่าปั้นจั่นหมายถึงอะไร

“เดี๋ยวกูเตะเอาเลยไอ้นี่ ต้นไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ” สนว่าเพื่อน

“อะไรกันเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย” ต้นถามอย่างงงๆ

“นายไม่รู้เรื่องใช่ไหมต้น แสดงว่าสองคนนี้มันหลอกเรา มันบอกว่านายใช้ให้พวกมันไปหาหอพักใหม่ให้ พอกลับมาแล้วนายก็จะย้ายออกไป” สนรีบฟ้อง พอต้นถึงบางอ้อแล้วก็หัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ไปดีกว่า เดี๋ยวกูจะไปกับต้นก่อนละกัน วันนี้ต้นมีงานแต่เช้า” สนบอกเพื่อนอีกสองคนแล้วหันมาเตือนต้นให้รีบไป

“ไปต้น เดี๋ยวไม่ทัน” สนพูดพลางจับมือเพื่อนเดินออกไป นิกกับปั้นจั่นมองตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตา

“มึงเห็นอะไรไหมวะนิก” ปั้นจั่นถามโดยไม่ละสายตา มองต้นและสนที่เดินออกไปด้วยกัน

“เห็นดิ เดี๋ยวนี้สนมันถึงขั้นเดินจูงมือกับต้นเลยเหรอวะ เพื่อนที่ไหนกันวะจูงมือกันแบบนี้”

“ไม่ธรรมดานะสองคนนี้ ต้นมันเป็นเกย์อยู่แล้ว แต่ไอ้สนนี่สิ กูชักสงสัยแล้วว่ะ เมื่อก่อนก็ว่ามันแปลกๆ แต่ตอนนี้มันยิ่งน่าสงสัยมากกว่าเดิมอีก”

“คงไม่มั้ง ไอ้สนมันก็คงแค่รักเพื่อนมัน ไม่มีอะไรหรอก แต่ทำแบบนี้ไอ้ต้นมันคงคิดเตลิดไปไกลว่ะ สงสารมัน เกิดไอ้สนไม่ได้คิดอะไรมันก็จะเจ็บอีก” นิกแย้ง

“ถ้างั้นต้องหาทางช่วยไอ้ต้นมัน ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าไอ้สนมันเป็นเกย์ด้วยหรือเปล่า จะได้เตือนไอ้ต้นมันได้ทันการณ์” ปั้นจั่นเสนอความเห็น

“แล้วมึงจะทำไงวะ” นิกถาม ปั้นจั่นทำหน้าครุ่นคิด สักพักหนึ่งก็นึกออก

“นึกออกละ งานนี้เราทำเองไม่ได้หรอก ต้องหาคนช่วย มึงจำพี่ปิ๊กได้ไหมวะ”

“ใครวะ” นิกสงสัย

“รุ่นพี่เราที่อยู่ปีสี่ไง พี่คนนี้เขาชัดเจนมากเลยนะเว้ยว่าเขาเป็นเกย์ กูว่าเราลองไปคุยกับพี่เขาดีไหม เผื่อพี่เขาจะช่วยได้”

“ยังไงวะ มึงจะให้เขาช่วยอะไร”

“ก็ช่วยแกล้งทำเป็นจีบไอ้ต้นไง ที่นี้ลองดูซิว่าไอ้สนมันจะเป็นยังไง มันจะหวงเพื่อนมันหรือเปล่า” ปั่นจั่นพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย เขามั่นใจว่าแผนนี้จะต้องช่วยให้เขารู้อะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย แม้ใครจะบอกว่ารักออกแบบไม่ได้ แต่ครั้งนี้เขาจะลองออกแบบมันดู
------------------------------------------------------------------------------------------------
พอไปถึงมหาวิทยาลัย นิกกับปั้นจั่นก็ตรงไปหาพี่ปิ๊กทันที พวกเขาใช้เวลาเกลี้ยกล่อมพี่ปิ๊กอยู่สักพักพี่ปิ๊กก็ยอมตกลงที่จะช่วย แต่นิกกับปั้นจั่นได้กำชับพี่ปิ๊กว่าอย่าบอกใครอีกเป็นอันขาดว่าต้นเป็นเกย์ เพราะที่เขาสองคนเอามาบอกนี้ก็ถือว่าผิดสัญญากับต้นแล้ว แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการช่วยต้นนั่นเอง พี่ปิ๊กก็รับคำเป็นอย่างดี พี่ปิ๊กเป็นเกย์ที่ดูแมนหน่อย แต่จากการแต่งตัวที่เนี้ยบ ผมเผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องแต่งกายอื่นๆ ก็พอจะดูได้ไม่ยากนักว่าพี่ปิ๊กเป็นเกย์ หน้าตาของพี่ปิ๊กก็ดูดีพอสมควร แม้จะไม่หล่อมาก แต่ด้วยผิวพรรณและการแต่งกายสะอาดสะอ้านทำให้เขาดูดีทีเดียว

พอถึงเที่ยง แผนของนิกกับปั้นจั่นก็เริ่มขึ้น นิกกับปั้นจั่นโทรไปบอกต้นว่าจะไปกินข้าวด้วย แล้วจะพาเพื่อนคนหนึ่งซึ่งต้องการเข้าร่วมชมรมของต้นไปให้รู้จัก ต้นก็ไม่ได้ว่าอะไรและยินดีที่จะมีสมาชิกของชมรมเพิ่มขึ้น

นิกกับปั้นจั่นพาพี่ปิ๊กเดินมาหาโต๊ะที่ต้นกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหาร มีข้าววางอยู่ 2 จาน เข้าใจว่าอีกจานหนึ่งน่าจะเป็นของสนซึ่งไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น

“สนล่ะ” ปั้นจั่นถามแล้วค่อยๆ พากันนั่งลงที่โต๊ะที่ต้นนั่งอยู่

“ไปซื้อน้ำ เดี๋ยวมา” ต้นบอกพลางหันไปมองพี่ปิ๊กซึ่งต้นเดาเอาว่าน่าจะเป็นคนที่ต้องการมาสมัครเข้าชมรมของเขา

“นี่พี่ปิ๊กนะ รุ่นพี่ของพวกกูเอง เขาอยากมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมของมึงน่ะ” นิกบอกเมื่อเห็นต้นมองพี่ปิ๊กอย่างสงสัย

“หวัดดีครับ” ต้นหันไปทักพี่ปิ๊กพลางยิ้มให้

“หวัดดีครับ จริงๆ พี่ปิ๊กได้ยินชื่อน้องต้นมานานแล้วล่ะ พอมาเจอตัวจริง หล่อไม่เบาเลย” พี่ปิ๊กชม ต้นยิ้มนิดๆ ปกติเขาไม่ค่อยเขินนักถ้ามีคนมาชมว่าเขาหน้าตาดีเพราะต้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาของคนมากนัก

“ขอบคุณครับ พี่สนใจจะเข้าชมรมของผมเหรอครับ” ต้นถาม

“ครับ พอดีพอมีเวลาว่างอยู่ครับ เผื่อคนอย่างผมจะพอช่วยประโยชน์อะไรสังคมได้บ้าง ตอนนี้มีกิจกรรมอะไรให้ทำหรือเปล่า” ตอนแรกกะว่าจะแกล้งจีบ แต่พอเห็นตัวจริงของต้นแล้ว พี่ปิ๊กชักเริ่มสนใจต้นขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว

“อ๋อ วันอาทิตย์นี้เราจะไปปลูกป่าชายเลนกันครับ ถ้าพี่สมัครวันนี้ก็น่าจะไปได้ทันครับ” ต้นแนะนำ

“ดีเลย งั้นพี่จะไปสมัครวันนี้แหละ แล้วพี่จะเอาใบสมัครได้ที่ไหนล่ะ ต้องมีเอกสารอะไรหรือเปล่า” พี่ปิ๊กถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อ๋อ...ใช้บัตรนักศึกษาอย่างเดียวครับ ส่วนใบสมัครเดี๋ยวไปเอาที่คณะผมได้ครับ วันนี้ผมจะกลับประมาณสี่โมงเย็น ไปเอาตอนนั้นก็ได้ครับ” ต้นบอก

สนกลับมาพอดีพร้อมกับน้ำอัดลมสองแก้ว สนนั่งลงข้างๆ ต้นแล้วก็ส่งแก้วน้ำให้ต้น สายตาเขามองไปที่คนที่มาใหม่ด้วยความสงสัย นิกเหมือนจะรู้ทันก็รีบชิงบอกว่า

“อ๋อ นี่พี่ปิ๊ก รุ่นพี่กูเองแหละ พอดีพี่เขาอยากจะมาสมัครเป็นแฟน เอ๊ยไม่ใช่ สมัครเข้าชมรมของต้น ก็เลยพามารู้จักกัน” นิกจงใจแกล้งพูดผิด สนกับต้นก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” สนหันไปพูดกับพี่ปิ๊ก

“เช่นกันครับ เป็นเพื่อนกันเหรอ โห...หล่อทั้งสองคนเลย” พี่ปิ๊กชมพลางใช้สายตามองทั้งต้นและสนด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย

“อ๋อ ครับ ผมชื่อสนนะครับ เป็นเพื่อนต้นครับ เป็นเพื่อนรักกันด้วยครับ” สนพูดพลางเอามือไปโอบไหล่ต้นไว้ เขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้สาเหตุ

“เดี๋ยวพวกกูพาพี่เขาไปซื้อข้าวก่อน เดี๋ยวมานะ” ปั้นจั่นบอก ต้นพยักหน้ารับรู้

พอสามคนนั้นเดินพ้นระยะที่จะได้ยินเสียง สนก็บอกเพื่อนว่า “เรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับพี่ปิ๊กเลยว่ะ ท่าทางแปลกๆ แต่งตัวก็ดูเหมือนไม่ใช่ผู้ชาย ไม่รู้เป็นเกย์หรือเปล่า แต่อย่ามาเกาะแกะกับเราก็แล้วกัน ยิ่งไม่ชอบอยู่ด้วย” สนว่า

ต้นหลบตาต่ำเมื่อเห็นเพื่อนว่าพี่ปิ๊กแบบนั้น เพราะมันก็สะเทือนถึงเขาด้วย ถึงเขาจะไม่ได้แต่งตัวหรือมีท่าทางเหมือนเกย์มากนัก แต่เขาก็เป็นเกย์คนหนึ่งเหมือนกัน พอสนหันมาเห็นเพื่อนก็ทำให้เขาคิดได้ว่าได้เผลอพูดกระทบกระทั่งเพื่อนไปเสียแล้ว

“เฮ้ยต้น ขอโทษว่ะ ต่อไปเราจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว” สนบอกอย่างรู้สึกผิด ต้นหันมายิ้มตอบตรงมุมปาก

พอนิกกับปั้นจั่นพาพี่ปิ๊กกลับมานั่งกินข้าวด้วย ต้นกับสนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนักเพราะพี่ปิ๊กชวนต้นคุยตลอดโดยมีสายตาของสนที่มองด้วยความสงสัย สนรู้สึกว่าพี่ปิ๊กให้ความสนใจต้นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสายตาของพี่ปิ๊กที่มองต้นนั้นมีความหมายอะไรบางอย่างที่ที่ทำให้สนไม่ค่อยสบายใจ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เย็นวันศุกร์ ต้นกับสนก็พากันไปซื้อของฝากให้พ่อกับแม่ที่ตลาดแห่งหนึ่ง ทั้งสองหนุ่มมีความสุขและรอยยิ้มเสมอที่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกัน พอซื้อของเสร็จแล้วสนก็พาต้นไปนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างสบายใจ เวลาคนที่เข้าใจกันอยู่ด้วยกันมันก็มีเรื่องให้คุยกันได้ตลอดโดยไม่รู้สึกเบื่อหรือรำคาญ ต้นกับสนก็เป็นอย่างนั้นมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต

พอถึงวันเสาร์ สองหนุ่มก็กลับบ้านที่นครปฐมตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ก็มีเวลาอยู่ได้เพียงวันเดียวเพราะวันอาทิตย์ต้องไปทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน อย่างไรก็ตาม การได้กลับไปใช้เวลากับครอบครัว ได้กลับไปหาบรรยากาศเก่าๆ อีกครั้งก็ช่วยเติมพลังให้กับสองหนุ่มได้ไม่น้อย
------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อรถบัสมาส่งนักศึกษาถึงที่แล้วศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน เจ้าหน้าที่ก็ออกมาต้อนรับนักศึกษาที่จะมาทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนกัน ก่อนที่จะเริ่มปลูกป่าชายเลนนั้น เจ้าหน้าที่ก็มีกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ให้นักศึกษาทำก่อน พี่ปิ๊กทำหน้าที่ตามที่ได้รับการขอร้องให้ช่วยเป็นอย่างดี เขาคอยมาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่กับต้นแทบตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่ปิ๊กเองก็เริ่มชอบต้นขึ้นมาจริงๆ นั่นเอง เขาจึงสามารถทำงานนี้ได้อย่างไม่ขัดเขินมากนัก
พอทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ก็มีวิดีโอเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ชายฝั่งให้ดูก่อน พอดูจบแล้วจึงพานักศึกษานั่งเรือออกไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกป่าชายเลน เจ้าหน้าที่มีชุดลุยโคลนให้คนละชุด นักศึกษาที่มาส่วนมากจะแต่งชุดที่ไม่หวงมากเพราะถ้าลุยโคลนแล้วก็อาจจะไม่สามารถนำกลับมาใส่ได้อีก ทุกคนต้องสวมถุงเท้ายาวถึงเข่าเพื่อไม่ให้เปลือกหอยบาดขา ใส่หมวกกันแดด รวมทั้งจะต้องมีอุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวและสบู่ติดมาด้วยเพื่อจะได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายหลังจากเสร็จกิจกรรมแล้ว

แน่นอน ไม่ว่าต้นจะทำกิจกรรมอะไร พี่ปิ๊กก็จะคอยมาอยู่ใกล้ๆ โดยมีนิกกับปั้นจั่นคอยกันสนไม่ให้ได้อยู่ใกล้กับต้นมากนัก แต่ก็อยู่ในระยะที่พอมองเห็นได้

ในขณะที่นักศึกษากำลังช่วยกันปลูกป่าชายเลนอยู่นั้น สนก็คอยหันไปมองต้นและพี่ปิ๊กบ่อยๆ นิกกับปั้นจั่นจึงสบโอกาสเติมเชื้อไฟ “กูว่าพี่ปิ๊กเขาต้องชอบไอ้ต้นแน่ๆ เลยว่ะ” ปั้นจั่นเริ่มก่อน

สนหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาฉงน “มึงพูดอะไรของมึงวะ”

“อ้าว มึงไม่รู้หรือไง พี่ปิ๊กก็ออกจะเปิดเผยขนาดนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นเกย์ ดูสิ ตามต้นไม่ห่างเลย แสดงว่าต้องคิดอะไรกับต้นแน่ๆ ว่าไหม” ปั้นจั่นบอก

“หมายความว่าไง” สนถามเสียงห้วน

“โห กูก็บอกซะขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีก กูหมายความว่าพี่ปิ๊กต้องชอบไอ้ต้นแน่ๆ ชอบ...ที่แปลว่าอยากเป็นแฟน เข้าใจไหม มึงดูสิ พี่ปิ๊กตามไอ้ต้นไม่ห่างเลย เห็นไหมเขาหัวเราะกันคิกคักๆ สนุกสนาน” ปั้นจั่นพูดพลางคอยสังเกตอาการของสนจึงได้เห็นว่าสนมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักและคอยหันไปมองดูต้นอยู่บ่อยๆ

“พวกมึงจะบ้าหรือไง ผู้ชายกับผู้ชายมันจะชอบกันได้ยังไงวะ” สนแย้ง เขายังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าพี่ปิ๊กจะชอบต้นจริงๆ

ปั้นจั่นเดินมาใกล้ๆ สนแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “มึงลืมไปหรือไงว่าไอ้ต้นมันเป็นเกย์ เกย์ก็ต้องชอบผู้ชายด้วยกัน มึงไม่รู้หรือไง”

สนนิ่งไปสักพักและเริ่มคิดตาม แต่สุดท้ายก็หันมาสนใจการปลูกป่าชายเลนต่อเพราะไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็ยังคงแอบมองต้นบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง มีอยู่ตอนหนึ่งที่สนหันไปเห็นพี่ปิ๊กเอาน้ำบรรจุในแก้วพลาสติกมาให้ต้น พี่ปิ๊กเอาหลอดเจาะกระแทกฝาก่อนที่จะส่งให้ต้น แต่ต้นมือเปื้อนอยู่จึงจับหลอดไม่ได้ พี่ปิ๊กเลยถือแก้วให้ต้นดูดกินน้ำแทน

“โห ไอ้ต้นมันคงจะมีแฟนก็คราวนี้แหละเว้ย” นิกแกล้งพูดพอให้สนได้ยิน สนเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดและไม่ค่อยพูดค่อยจา เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นพี่ปิ๊กมาเอาใจต้นแบบนั้น

พอพักเที่ยง นักศึกษาก็เริ่มทยอยกันขึ้นมากินข้าวกล่องที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ สนเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่แจกกล่องข้าวให้เพื่อนๆ ด้วย พอหมดแล้วเขาก็ถือกล่องข้าวเดินไปตามหาต้นเพื่อจะไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน แต่ก็เห็นต้นนั่งกินข้าวอยู่กับพี่ปิ๊ก สนยืนเคว้งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะเข้าไปหาเพื่อนก็รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจเพราะดูเหมือนเขาจะกลายเป็นส่วนเกิน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินไปหาเพื่อน ต้นกับพี่ปิ๊กหันมายิ้มเมื่อเห็นสนเดินมา

“ไอ้นิกกับปั้นจั่นเรียกให้พี่ไปหาครับ” สนบอกพี่ปิ๊กพลางพยักพเยิดไปทางที่นิกกับปั้นจั่นนั่งกินข้าวกันอยู่ พี่ปิ๊กมองตามพลางทำหน้าสงสัย

“เหรอครับ เดี๋ยวพี่มานะต้น พี่ฝากกล่องข้าวด้วยเดี๋ยวพี่มากินต่อ” พี่ปิ๊กบอกพลางส่งกล่องข้าวให้ต้น ต้นก็หาที่วางไว้ใกล้ๆ

พอพี่ปิ๊กไป สนก็มานั่งข้างๆ ต้นแทน “เป็นไงต้น เหนื่อยหรือเปล่า” สนถามเพื่อน

ต้นยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่หรอก สนุกดี เราชอบ พี่ปิ๊กแกก็ช่วยดีนะ แต่แกคุยเก่งชะมัดเลย เราคุยแทบไม่ทันแน่ะ” ต้นพูดพลางขำ

สนเริ่มนิ่วหน้าเมื่อเห็นเพื่อนเอ่ยถึงพี่คนนั้นซึ่งเขาชักเริ่มจะไม่ชอบหน้ามากขึ้นทุกทีๆ “ดูเหมือนต้นจะชอบพี่เขามากนะ” สนพูดเหมือนแค่นเสียง

ต้นหันมามองเพื่อนด้วยความแปลกใจกับวิธีการพูดแบบนั้นซึ่งต้นมักไม่ค่อยเห็นสนทำเท่าไรนัก “อ๋อ... พี่เขาก็อัธยาศัยดีนะ เราว่าพี่เขาเต็มที่ดี ขนาดงานแรกนะเนี่ย” ต้นชมพี่ปิ๊ก

“เหรอ เขามาคุยอะไรกับนายมั่งล่ะ” สนเริ่มซัก

“อ๋อ ก็หลายเรื่อง ส่วนมากก็คุยเรื่องเรียน แล้วพี่เขาก็ถามว่าชมรมของเราทำงานอาสาสมัครอะไรบ้าง อะไรทำนองนี้แหละ” ต้นบอก ในใจก็คิดสงสัยเหมือนกันว่าสนทำไมถึงอยากรู้ว่าพี่ปิ๊กมาคุยอะไรกับเขาบ้าง

“เหรอ แล้ว...” สนหยุดคิด เขาอยากจะถามเพื่อนว่าชอบพี่ปิ๊กหรือเปล่าแต่ก็ไม่รู้จะถามอย่างไรดี

“อะไรเหรอ” ต้นสงสัย

“อ๋อ... เปล่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวดีกว่า” สนบอกพลางหันมาตักข้าวใส่ปากกิน ต้นรู้สึกได้ว่าเพื่อนเขาดูแปลกๆ ไป

ยังไม่ทันไรพี่ปิ๊กก็เดินกลับมาเพราะจริงๆ แล้วนิกกับปั้นจั่นไม่ได้เรียกให้แกไปหาเลย ต้นแปลกใจจึงร้องถาม

“อ้าวพี่ คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ เห็นเพิ่งไปเมื่อกี้เอง”

“สองคนนั้นเขาบอกว่าไม่ได้เรียกพี่นี่นา” พี่ปิ๊กร้องตอบ ต้นจึงหันมามองสนอย่างสงสัย สนหน้าถอดสีลงทันทีเพราะที่เขาบอกอย่างนั้นเพียงแค่ต้องการให้พี่ปิ๊กไปที่อื่น แล้วเขาจะได้มานั่งกินข้าวกับเพื่อนนั่นเอง

“อ้าว แล้วเมื่อกี้นายบอกพี่เขาไม่ใช่เหรอว่าไอ้สองคนนั้นเรียกพี่เขา” ต้นหันมาถามเพื่อน

สนทำหน้าเลิ่กลั่ก พยายามคิดหาทางแก้ตัว พี่ปิ๊กก็มองหน้าเขาอย่างสงสัยเช่นกัน “อ๋อ... พอดีได้ยินผมได้ยินพวกมันพูดถึงพี่ครับ สงสัยว่าผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ว่าพวกมันอยากคุยด้วย โทษทีครับ” สนแก้ตัวโดยที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันฟังดูสมเหตุสมผลหรือไม่

“อ๋อ...เหรอ...” พี่ปิ๊กร้องอ๋อเบาๆ แม้ว่าจะสงสัยแต่ก็ไม่คิดว่ามีประโยชน์ที่จะถามอะไรต่อ เขายืนหันรีหันขวางเพราะสนมานั่งแทนที่เขาเสียแล้ว ต้นเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จะบอกให้เพื่อนไปก็คงไม่ได้ จะให้พี่ปิ๊กมานั่งกินข้าวด้วยก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูแปลกๆ ต้นรู้สึกเหมือนสนจะไม่ค่อยชอบพี่ปิ๊กสักเท่าไร

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปกินกับสองคนนั้นก็ได้ ต้นคุยกับเพื่อนเถอะ” พี่ปิ๊กว่าพลางเดินไปหยิบกล่องข้าวของตนเองแล้วก็เดินไป เห็นสายตาของสนที่มองเขาแล้วพี่ปิ๊กก็รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรทันที พอพี่ปิ๊กไปแล้ว สีหน้าของสนก็เริ่มยิ้มแย้มมากขึ้น

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว นักศึกษาก็กลับลงมาปลูกป่ากันต่อ นิกกับปั้นจั่นเรียกสนให้ไปช่วยอีกที่หนึ่ง ส่วนพี่ปิ๊กก็กลับเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ต้นอีกครั้ง ทำให้สนไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก สนเองก็ไม่รู้หรอกว่ามีนิกกับปั้นจั่นคอยสังเกตพฤติกรรมเขาอยู่และกำลังสงสัยว่าสนหวงเพื่อนหรือหึงเพื่อนกันแน่ อย่างไรก็ตาม การทดสอบวันนี้อาจจะยังไม่พอเสียแล้ว

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

22. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:52 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 19: เห็นแก่ตัวหรือเปล่า

รถบัสพานักศึกษากลับมาถึงที่มหาวิทยาลัยราวๆ สามทุ่ม เช่นเคย เมื่อต้นจัดการให้เพื่อนๆ กลับบ้านได้หมดแล้วจึงถึงคราวที่เขาจะกลับบ้านบ้าง ต้นเดินมาหาสน นิกและปั้นจั่นที่ยืนรออยู่แล้วก็เดินกลับด้วยกัน เดินไปได้ไม่ทันไรก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดข้างๆ พี่ปิ๊กนั่นเอง เขาอาสาจะไปส่งทุกคนที่บ้านและบอกให้ทุกคนขึ้นมาบนรถ นิกกับปั้นจั่นรู้แผนอยู่แล้วจึงจัดแจงให้ต้นนั่งด้านหน้ากับพี่ปิ๊ก ส่วนที่เหลืออีกสามคนนั่งด้านหลัง สนเงียบไปตลอดทาง จนต้นสงสัยและคอยชำเลืองมองอยู่เรื่อยๆ

พอมาถึงบ้าน พี่ปิ๊กบอกให้ต้นรอแล้วเขาก็ลงจากรถวิ่งมาเปิดประตูให้ พอทุกคนลงจากรถหมดแล้วพี่ปิ๊กก็เสนอว่า

“อยู่ใกล้ๆ แถวนี้นี่เอง เดี๋ยวไว้วันหลังพี่มารับดีไหม จะได้ไม่ต้องเดินไปมหาลัย” พี่ปิ๊กอาสา

“ไม่เป็นไรครับพี่ เกรงใจ พวกเราเดินไปได้ครับ ไม่ไกลมาก ได้ออกกำลังกายด้วย” ต้นรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนพี่เขามากจนเกินไป

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง พี่ขับผ่านแถวนี้ทุกวันเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับละกัน ไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน” พี่ปิ๊กไม่รอว่าต้นจะตอบตกลงหรือไม่ เขาขึ้นรถแล้วก็ปิดประตู แล้วก็ขับออกไป

“อ้าว... ไปซะละ เฮ้ยนิกมึงโทรไปบอกพี่เขาหน่อยสิว่าไม่ต้องมารับหรอก เกรงใจ” ต้นหันไปขอร้องเพื่อน แต่มีหรือที่นิกจะยอมเสียแผนที่วางเอาไว้

“ให้เขามารับเถอะ เขาไม่ลำบากอะไรหรอก พี่ปิ๊กแกใจดี แกไม่คิดอะไรหรอก เข้าบ้านเถอะ เหนื่อยจะแย่ละ อยากอาบน้ำ เหนียวตัว” นิกตัดบทแล้วก็เดินนำเพื่อนๆ เข้าไปในบ้าน แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนอีก สำหรับเด็กๆ แล้ว พวกเขายังมีพลังอีกมาก การได้ใช้พลังทำสิ่งที่สร้างสรรค์ถือเป็นการใช้พลังให้เป็นประโยชน์อีกทางหนึ่ง

สนอาบน้ำเสร็จแล้วก็ลังเลใจว่าจะไปห้องเพื่อนดีหรือไม่ วันนี้เขารู้สึกไม่สนุกเอาเสียเลยที่พี่ปิ๊กตามต้นแจและคอยดูแลไม่ห่าง ช่วงที่ต้นกับเจนี่สนิทกันนั้นเขายังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไรนัก แต่พอเห็นผู้ชายมาจีบต้น คอยดูแลต้น เขากลับรู้สึกเหมือนว่าตัวเองรู้สึกอิจฉา คนที่จะดูแลต้นควรต้องเป็นเขาไม่ใช่คนอื่น เขาคือคนที่สัญญาว่าจะดูแลต้นเป็นอย่างดี เขาพร้อมที่จะทำอย่างนั้นจนชั่วชีวิต พอเห็นคนอื่นมาทำหน้าที่นั้นแทนแล้ว สนจึงรู้สึกไม่คอยชอบใจที่มีคนมาแย่งหน้าที่ของเขาไป นอกจากนี้ก็ดูเหมือนว่านิกกับปั้นจั่นก็พลอยรู้เห็นเป็นใจไปด้วย เขาเริ่มผิดสังเกตว่าสองคนนี้คอยยัดเยียดให้ต้นอยู่ใกล้ๆ กับพี่ปิ๊กตลอดเวลา เขาเคยได้ยินว่าคนที่เป็นเกย์มักไม่ค่อยมีรักแท้ ถ้าเกิดต้นถูกหลอกขึ้นมา ต้นจะเป็นอย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ สนก็ไปห้องปั้นจั่นทันทีแทนที่จะไปห้องต้น สนเคาะประตูสักพักปั้นจั่นก็เปิดประตูออกมาดู

“อ้าวสน มีอะไรเหรอ เข้ามาสิ” ปั้นจั่นบอก สนเดินตามเข้าไป ปั้นจั่นนั่งบนเตียงของเขาแต่สนยืนกอดอก

“กูรู้สึกว่าพวงมึงเชียร์พี่ปิ๊กให้ต้นจนออกหน้าออกตา พวกมึงไม่กลัวหรือไงว่าถ้าคนชื่อปิ๊กไม่จริงใจ ต้นมันจะถูกหลอกนะเว้ย” สนเริ่มเรื่องด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

“อ้าว มึงจะรู้ได้ยังไง เขาอาจจะชอบไอ้ต้นจริงๆ ก็ได้ ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก คนเรามีความรักก็ต้องมีอกหักบ้างเป็นธรรมดา ต้นมันก็จะได้เรียนรู้ด้วย” ปั้นจั่นแย้ง

“มึงพูดอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย ต้นยังไม่เคยมีความรัก ถ้าผิดหวังขึ้นมา ต้นอาจจะเสียคนไปเลยก็ได้ พวกมึงต้องรับผิดชอบนะเว้ย” สนเถียง

“มึงรู้ได้ไงว่าไอ้ต้นไม่เคยมีความรัก มันก็รักมึงอยู่นี่ไง แล้วมันก็ผิดหวังมาตั้งนานแล้วด้วย ก็ไม่เห็นมันเป็นอะไรนี่” ปั้นจั่นเถียงบ้าง ได้ผลทีเดียว สิ่งที่ปั้นจั่นพูดเสียดแทงใจสนจนเขาต้องนิ่งไป

“มึงก็ไม่ได้รักมันแบบนั้นแล้วมึงจะหวงมันไว้ทำไมวะ ให้มันมีความสุขบ้างสิ มึงได้ความรักจากมันมาเยอะแล้ว ให้มันแบ่งให้คนอื่นบ้าง” ปั้นจั่นไม่ลดละ สนต้องสะอึกเป็นรอบที่สอง

“ต้นอยู่กับกู เป็นเพื่อนกันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว พวกมึงกำลังหาเหามาใส่หัวต้นรู้ไหม” สนเริ่มขึ้นเสียง

“ความสุขแบบเพื่อนน่ะกูไม่เถียงหรอก มึงให้มันได้มากกว่าใครๆ ในโลกนี้ทั้งนั้นแหละ แต่ไอ้ต้นมันก็มีหัวใจนะเว้ย มันก็คงอยากมีความสุขกับความรักอย่างอื่นบ้าง มึงก็อยากมี กูก็อยากมี แล้วทำไมไอ้ต้นจะไม่อยากมีล่ะ มึงอย่าเห็นแก่ตัวสิ ปล่อยให้ไอ้ต้นมันมีความสุขบ้างสิวะ มันก็คงอยากมีแฟนเหมือนที่มึงเคยมีนั่นแหละ ถ้ามึงให้มันได้แค่เพื่อน มึงก็ต้องหลีกทางให้คนอื่นที่เขาให้ไอ้ต้นได้มากกว่านั้น” ปั้นจั่นพูดเน้นย้ำประโยคท้ายๆ และทำให้สนต้องสะอึกเป็นรอบที่สาม

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าต้นเจ็บขึ้นมาพวกมึงต้องรับผิดชอบ”

สนเถียงข้างๆ คูๆ แล้วก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขารู้และเข้าใจในสิ่งที่ปั้นจั่นพูดมาทั้งหมด แต่เขากลับไม่สามารถทำใจได้ที่จะเห็นมีคนมาดูแลต้นแทนเขา เขาอยู่กับต้นมานาน ผูกพันกันมาเป็นสิบๆ ปี ดูแลกันมาตลอด แล้วจู่ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้จะมาแย่งเอาความรักที่ต้นเคยมีให้เขาไป หรือว่าเขาต้องการเวลาสักพักที่จะทำใจยอมรับและปล่อยเพื่อนให้มีความสุขอย่างที่ปั้นจั่นมันว่า แล้วต้นล่ะ สนตระหนักดีแก่ใจว่าต้นรักเขามาก ต้นยังจะมีหัวใจไปรักคนอื่นอีกหรือ พอคิดมาถึงตรงนี้สนก็เริ่มกังวล เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ได้ที่ไม่ปลดปล่อยต้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการจากเขา ในขณะที่เขาก็ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ต้นต้องการได้ ต้นจะต้องเป็นทุกข์กับความรักนี้ไปจนตลอดชีวิตหรือ

ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ความคิดเริ่มตีกันในหัว จนสนเริ่มจะทนไม่ไหว เขาจึงลุกออกไปจากห้องแล้วไปเคาะประตูห้องต้น นานพอสมควรกว่าต้นจะลุกมาเปิดเพราะต้นเพลียมากและหลับไปสักพักแล้ว

“อ้าวสน มีอะไรหรือเปล่า” ต้นถามด้วยอาการงัวเงีย พอสนเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกผิดที่มากวนเพื่อนตอนนอน

“โทษทีต้นเรานึกว่านายยังไม่นอน” สนบอกเสียงอ่อย เขาลังเลว่าจะเข้าไปคุยกับเพื่อนหรือว่าควรจะปล่อยให้เพื่อนนอนดี

“นายมีอะไรจะคุยหรือเปล่าล่ะ” ต้นถามพลางหาว

“เอ่อ...คือ...ไม่มีอะไรหรอก นายนอนเถอะเดี๋ยวเราก็จะนอนเหมือนกัน ฝันดีนะเพื่อน” สนเปลี่ยนใจในที่สุด เขาค่อยๆ ปิดประตูให้ต้นแล้วก็กลับมาที่ห้องของตนเอง สนนอนกระสับกระส่ายอยู่นาน คิดไปคิดมาจนหลับไปในที่สุด
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนเช้าพี่ปิ๊กก็มารับจริงๆ เสียด้วย ต้นไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเพราะพี่ปิ๊กอุตส่าห์มารับ จึงต้องยอมไปโดยมีนิกกับปั้นจั่นไปด้วย แต่สนปฏิเสธท่าเดียว เขารู้สึกอึดอัดจนเกินกว่าที่จะทนนั่งไปด้วยได้

พอถึงวันเสาร์ พี่ปิ๊กชวนต้นไปดูหนัง ต้นก็ตอบตกลงไปเพราะเขาปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็นนั่นเอง นิกกับปั้นจั่นชวนสนให้ไปด้วย แรกๆ สนจะไม่ไป แต่คิดไปคิดมา เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่ปิ๊กอะไรนั่นจะชอบและจริงใจกับต้นจริงหรือเปล่า สนคิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ถ้าหากว่าพี่ปิ๊กจริงใจและรักต้นจริงๆ เขาก็จะยอมให้ต้นไปแต่โดยดี

ไปถึงโรงหนัง นิกกับปั้นจั่นก็เจ้ากี้เจ้าการอีก ปั้นจั่นเป็นคนไปซื้อตั๋วที่นั่งและจัดการให้ตั๋วที่นั่งตามที่ได้วางแผนไว้ จากนั้นก็หันไปสั่งต้นว่า

“ต้น มึงซื้อของกินกับพี่เขาไปก่อนละกัน เดี๋ยวพวกกูเข้าไปก่อน ไปสน” ปั้นจั่นบอกพลางรุนหลังให้สนเดินเข้าไปในโรงหนัง สนเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ ต้นก็ได้แต่มองตามอย่างงงๆ พอเข้ามาในโรงหนังและหาที่นั่งได้แล้ว สนก็นั่งลงที่นั่งด้านขวาถัดจากที่นิกกับปั้นจั่นนั่งอยู่ นิกรีบร้องห้ามทันที

“เฮ้ยไอ้สน มึงนั่งตรงนั้นทำไมวะ ตรงนั้นเป็นที่นั่งของพี่ปิ๊ก เขาจะนั่งกับต้น เขาชอบกันอยู่ก็ให้เขานั่งด้วยกันสิ มานั่งตรงนี้ ที่นั่งมึงอยู่นี่” นิกบอกพลางชี้มาที่นั่งทางด้านซ้ายถัดจากปั้นจั่น

“อะไรวะ” สนสบถอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ลุกไปแต่โดยดี

สักพักต้นกับพี่ปิ๊กก็ถือของกินพะรุงพะรังเข้ามา ต้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มีใครอยู่ช่วยถือของด้วยเลย และเมื่อรู้ว่าที่นั่งของเขากับพี่ปิ๊กติดกันด้วยแล้วต้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขารู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดให้อยู่ใกล้ๆ กับพี่ปิ๊กตลอดเวลา เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว สนก็ดูหน้าบึ้งๆ มาหลายวันเช่นกัน ต้นเองก็เริ่มสงสัยว่าสนคงรู้สึกอะไรบางอย่างที่เห็นพี่ปิ๊กมาสนิทกับเขาแน่ๆ พอนั่งลง ต้นพยายามหันไปมองสน สนหันมามองแล้วก็หันกลับไปตามเดิมโดยไม่พูดอะไร พอนั่งแล้วพี่ปิ๊กกับต้นก็ส่งของกินให้คนอื่นๆ ไป สนรับป๊อปคอร์นมาแต่ก็ไม่ยอมแตะแม้แต่คำเดียว

เนื่องจากหนังที่ดูเป็นหนังตลก จึงมีเสียงหัวเราะสนุกสนานอยู่ตลอด พี่ปิ๊กดูไป ชวนต้นคุยไป หัวเราะกันไปอย่างสนุกสนานชอบใจ แต่สนก็เริ่มหน้าบึ้งขึ้นทุกทีๆ จนในที่สุดสนก็เริ่มทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่เขาบอกตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะทำใจและยอมปล่อยให้เพื่อนได้มีความรักอย่างที่ต้องการบ้าง แต่พอเห็นต้นกับพี่ปิ๊กหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน เขากลับรู้สึกอิจฉาจนทำใจไม่ได้ สนลุกขึ้นยืน ส่งป๊อปคอร์นให้ปั้นจั่น ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน

“อ้าว จะไปไหนวะ ไปห้องน้ำเหรอ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย

“ไม่ดูแล้ว ไม่ชอบหนังตลกไร้สาระ” สนพูดพลางหันไปมองพี่ปิ๊กตรงประโยคท้ายๆ เล่นเอาพี่ปิ๊กถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว แล้วสนก็เดินออกไปจากโรงหนังโดยไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น

พอต้นเห็นเพื่อนเดินออกไปอย่างนั้นก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ต้นเป็นคนที่ห่วงใยความรู้สึกของสนมาก เขารู้สึกว่าคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้สนไม่สบายใจ ไม่อย่างนั้นสนไม่ทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้แน่ๆ คิดอยู่ไม่นานนักต้นจึงลุกขึ้นบ้าง

“ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ ผมจะไปดูสนหน่อย ไม่รู้สนเป็นไร” ต้นหันไปบอกพี่ปิ๊ก ก่อนจะเดินออกไปต้นก็หันไปบอกนิกกับปั้นจั่นด้วย “ไปก่อนนะ ไม่ต้องรอ” แล้วต้นก็ผลุนออกไปโดยไม่ฟังเสียงอีกสามคนที่เรียกตามเช่นกัน

“พี่คิดว่าไง” นิกหันไปถามพี่ปิ๊กเมื่อต้นออกไปแล้ว

“พี่ว่าต้นรักเพื่อนเขาอย่างมากเลยแหละ พี่ดูออก พี่ว่าต้นไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ แน่ๆ” พี่ปิ๊กบอกพลางทำหน้าเศร้า

“แล้วพี่คิดว่าไอ้สนมันเป็นเกย์ด้วยไหม” นิกซักต่อ

“ไม่รู้สิ พี่ดูไม่ออก ต้นพี่ยังพอดูออกบ้าง แต่สนพี่ดูไม่ออกเลย เขาอาจจะแค่หวงเพื่อนก็ได้มั้ง ก็เขาคบกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้วก็คงจะผูกพันกันมากเป็นธรรมดา เฮ้อ” พี่ปิ๊กถอนหายใจ

นิกกับปั้นจั่นมองด้วยความสงสัยแล้วถามพร้อมกัน “เป็นไรพี่”

“สงสัยพี่จะชอบต้นเข้าให้แล้วจริงแล้วล่ะ” พี่ปิ๊กบอก

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากันและเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้น
----------------------------------------------------------------------------------------------
“สน รอด้วยสิ” ต้นส่งเสียงเรียกขณะที่สนกำลังเดินลงบันไดเลื่อนลงไปข้างล่าง สนหันมามอง พอเห็นว่าต้นตามเขามาสนก็มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด พอบันไดเลื่อนลงไปจนสุด เขาก็ยืนรอต้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ เมื่อต้นลงมาถึงเขาก็ชวนสนว่า

“ไปกินไอติมกันไหม”

สนพยักหน้าเห็นด้วย เขากอดคอต้นแล้วก็พากันเดินไป สนไม่ถามสักคำว่าทำไมต้นถึงรีบออกมา เขารู้อยู่แล้วว่าต้นเป็นห่วงความรู้สึกของเขามากกว่าใคร

พอมาถึงร้านไอศกรีม ต้นกับสนก็เลือกโต๊ะกลมตัวหนึ่งซึ่งมีเก้าอี้สองตัวอยู่มุมร้าน พนักงานเสิร์ฟเอาเมนูมาให้เลือก พอเลือกเสร็จแล้วจึงได้เริ่มคุยกัน

“ต้น นายรู้ใช่ไหมว่าพี่ปิ๊กเขาตามจีบนายอยู่” สนถามตรงประเด็น ต้นขำนิดๆ

“นายคิดอย่างนั้นเหรอ”

“นายรู้ใช่ไหมว่าเขาเป็น...เป็นเกย์” สนลังเลพักหนึ่งก็ตัดสินใจพูดออกไป ต้นพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“นายชอบเขาหรือเปล่าล่ะ” สนถามอีก

ต้นถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าจะบอกเพื่อนว่าอย่างไรดี จริงๆ มันก็เป็นคำถามที่สนไม่น่าจะถามด้วยซ้ำ “นายคิดยังไงล่ะ” ต้นไม่ตอบแต่ถามกลับ

สนนิ่งไปพักหนึ่ง “อืม...ไม่รู้สิ เราก็เห็นนายก็คุยกับพี่เขาดีนะ” สนบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

“สน... เราอยู่กับนายมากี่ปี่แล้วล่ะ” ต้นถามอีก สนมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัยว่าเพื่อนกำลังจะบอกอะไรเขา

“ปีนี้ปีที่ 11 แล้ว”

“นายคิดว่าเราคบกันมานานหรือเปล่า”

“ใช่ ก็นาน”

“แล้วนายคิดว่าเราผูกพันกันมากแค่ไหนล่ะ”

สนหยุดคิดก่อนตอบว่า “มาก มากจนเรารู้สึกว่านายคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น นายคิดว่าเราจะรักคนอื่นได้ง่ายๆ เหรอ”

ประโยคนี้ทำให้สนต้องนิ่งอึ้งไป จริงด้วยสิ ความผูกพันที่นานและมากมายอย่างนั้น ต้นคงไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ไปได้ง่าย เขาเองก็ใช่ว่าจะหลุดไปได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน แต่เขาก็พอใจที่จะอยู่กับพันธนาการนี้ อยู่กับเพื่อนที่เขารักและผูกพันมาเกือบทั้งชีวิต ขาดแต่เพียงช่วงวัยเด็กเพียงสิบปีเท่านั้น

เมื่อพนักงานนำไอศกรีมมาเสิร์ฟ ต้นกับสนจึงคุยกันเรื่องอื่นไป แต่สนก็ยังคงคิดถึงประโยคที่ต้นบอกเขาเมื่อสักครู่นี้อยู่ตลอดเวลา สนเริ่มสับสนตัวเองแล้วว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป เขารู้สึกสงสารต้นถ้าหากชีวิตของต้นจะติดกับพันธนาการความรักนี้ไปจนตลอดชีวิต เขาเริ่มคิดถึงคำพูดของปั้นจั่นที่บอกเขาว่าเขาควรจะปล่อยให้ต้นเป็นอิสระ แล้วให้ต้นมีความสุขกับชีวิตที่ต้นต้องการถ้าหากเขาไม่สามารถสนองตอบสิ่งที่ต้นต้องการได้ หรือว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ต้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรักนี้?

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

23. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jun-11, 10:56 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอหยุดไว้ที่ตอนนี้นะครับ แล้วมาลุ้นกันต่อครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 20: ชีวิตใหม่ของต้นและสน

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว ต้นพยายามระมัดระวังมากขึ้นกับพี่ปิ๊ก เพราะต้นไม่ได้ชอบเขาและไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด จนกระทั่งพี่ปิ๊กเรียนจบไปจึงหลุดจากวงโคจรของชีวิตต้นไปโดยปริยาย ส่วนนิกกับปั้นจั่นก็ไม่ได้พยายามที่จะพิสูจน์อะไรอีก แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าทั้งต้นและสนมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกันบางอย่าง

ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียน ต้นกับสนต้องทุ่มเทให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษ เพราะต่างก็มุ่งหวังที่จะเรียบให้จบภายในสี่ปี สำหรับต้นอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนักเพราะเป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว แต่สนต้องพยายามมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ต้นก็เป็นคนที่คอยช่วยเท่าที่ทำได้และเป็นกำลังใจที่สำคัญให้เขามาโดยตลอด ในด้านความรัก สนไม่ได้ชอบพอใครเป็นพิเศษเลยในช่วงนี้ อาจจะมีแซวหรือเล่นกันบ้างตามประสาหนุ่มๆ สาวๆ สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือฐานะของเขาเอง จึงทำให้สนคิดอยู่เสมอว่าเขายังต้องเจียมตัวเจียมใจ เพราะผู้หญิงเท่าที่เขารู้จักก็มักให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก ถ้าเขามีรถขับ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมก็อาจจะมีคนชอบเขามากกว่านี้ หน้าตาดีอย่างเดียวดูเหมือนจะยังไม่พอ ทุกวันนี้ที่เรียนมาจนได้ถึงปีสี่ สนก็อาศัยเงินทั้งจากพ่อแม่ จากทุนกู้ยืมเรียน ส่วนที่สนหามาเองจากการทำงานนอกเวลาเรียนและงานพิเศษ เช่น ออกแบบเว็บไซต์ ทำระบบฐานข้อมูล ฯลฯ และอีกส่วนที่สำคัญคือจากครอบครัวของต้น

ช่วงก่อนเรียนจบ ต้นได้ฝึกงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งรับงานใหญ่ๆ เช่น การก่อสร้างระบบขนส่งหรือสถานที่ที่สำคัญๆ ของประเทศ ส่วนสนได้ฝึกงานกับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง

จนกระทั่งวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ในวันรับปริญญา พ่อแม่ของต้นและสน รวมทั้งญาติๆ บางส่วนของต้นก็มาร่วมงานด้วย หลังจากเสร็จพิธี ตอนเย็นๆ ครอบครัวของต้นก็พาทุกคนไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ทุกคนดูมีความสุขกันมาก โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของสนที่เอ่ยคำขอบคุณต้นและครอบครัวไม่ขาดปาก แม้ว่าจะเหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อถึงวันนี้ความเหนื่อยยากทั้งหลายก็หายไปจนหมดสิ้น และที่ทำให้หายเหนื่อยมากขึ้นก็คือทั้งต้นและสนได้งานทำแล้ว และจะเริ่มทำในเดือนหน้าซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่วันเท่านั้น ต้นได้งานทำให้บริษัทที่เคยไปฝึกงาน ส่วนสนหลังจากที่ตระเวนสมัครอยู่หลายที่ก็ได้งานทำในบริษัทพัฒนาซอฟแวร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเช่นกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากกลับจากเลี้ยงฉลอง ต้นกับสนก็กลับมาพักที่บ้านพักเช่นเดิม ส่วนพ่อแม่และญาติๆ เดินทางกลับกันเลยเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมาก ทั้งสองคนรู้สึกใจหายเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ กันอีกต่อไป ที่ทำงานของต้นกับสนแม้จะอยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน แต่ก็อยู่ไกลกันพอสมควรและคงต้องแยกกันอยู่

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว แม้ว่าจะดึกไปสักหน่อย สนก็มาคุยกับต้นที่ห้องเพราะเขามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะบอกเพื่อนแต่ยังไม่มีโอกาสที่จะได้บอก สิ่งแรกที่สนทำเมื่อไปถึงห้องของต้นก็คือกอดเพื่อนและขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันที่ผ่านมา

“ขอบใจมากนะต้นสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ ที่นายและครอบครัวของนายให้เรากับครอบครัวมาเสมอ เราจะไม่มีวันลืมเลย ที่เรามีวันนี้ได้ก็เพราะนายจริงๆ” สนบอกด้วยความรู้สึกจากใจจริง

“ด้วยความยินดีเพื่อน เราเองก็ดีใจที่นายตั้งใจและทำอย่างดีที่สุดจนมีวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวนายเองนะสน ถ้านายไม่มุ่งมั่น ไม่ตั้งใจ เราก็อาจจะช่วยอะไรนายไม่ได้เลย” ต้นบอกและชี้ให้เห็นอีกด้านหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้สนมีวันนี้ได้

“ที่เราตั้งใจเพราะเราอยากให้พ่อกับแม่ของเราสบายมากขึ้น ที่สำคัญ เราก็ได้กำลังใจที่ดีๆ จากนายนี่แหละ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้หรอก จริงๆ นะต้น เราอยากบอกนายว่า...เราและครอบครัวของเรา...ขอบคุณนายและครอบครัวของนายมากที่ช่วยพวกเรา” สนพูดพลางมองดูเพื่อนที่แสนรักปานแก้วตาดวงใจอย่างชื่นชม

“สน...นายรู้ไหมว่าสิ่งที่เราดีใจมากก็คือเราได้พานายมาถึงฝั่งอย่างที่เราตั้งใจแล้ว นี่คือความสุขที่สุดในชีวิตของเราในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง สิ่งที่เราได้ขอร้องนายไว้เมื่อ 5 ปีก่อนก็สิ้นสุดลงแล้ว เราไม่ห่วงนายในเรื่องรากฐานสำคัญของชีวิตที่จะช่วยให้นายอยู่ต่อไปด้วยตัวเองได้ เพราะวันนี้นายมีความรู้และกำลังจะมีงานทำในไม่ช้า จากวันนี้เป็นต้นไป ชีวิตเป็นของนายอย่างเต็มที่นะสน ส่วนเราก็ยังคงห่วงใยนายในฐานะเพื่อนคนหนึ่งอยู่เสมอ มีอะไรก็กลับมาหาเราได้เสมอนะสน จะให้เราช่วยอะไรก็บอก โทรมาหาเราได้ จะให้เราไปหาก็ได้” ต้นบอกพลางยิ้มแสดงความจริงใจซึ่งสนสามารถรับรู้และสัมผัสได้เป็นอย่างดี
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ต้องย้ายออกจากบ้านเล่นเอาทั้งสี่หนุ่มน้ำตาคลอกันเลยทีเดียว แม้จะทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วแต่ก็ไม่อาจจะห้ามความรู้สึกใจหายได้ สี่ปีที่ได้อยู่ร่วมกันมาจะเป็นสี่ปีแห่งความทรงจำตลอดไป ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ สักวันหนึ่งมันก็ต้องมาถึง

ชีวิตการทำงานของต้นและสนผ่านไปได้ด้วยดี สนผ่อนคอนโดอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ด้วยนิสัยที่เป็นคนขยันทำงานทำให้สนค่อนข้างก้าวหน้าได้เร็ว ได้เลื่อนตำแหน่งและมีเงินเดือนมากขึ้น สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้อย่างไม่ลำบาก และสามารถคืนเงินที่ต้นให้ยืมได้จนหมด แต่พ่อกับแม่ของสนก็ไม่ยอมย้ายมาอยู่กับเขาในเมืองเพราะชอบชีวิตแบบบ้านนอกมากกว่า ด้วยความที่ทำงานมาตลอดชีวิต พ่อกับแม่ของสนแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปทำงานรับจ้างข้างนอกอีกแล้ว แต่ก็ปลูกผักทำสวนไปตามประสา สนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ว่างๆ สนก็จะมาเยี่ยมพ่อกับแม่เสมอ บางทีก็มากับต้น บางทีก็มาคนเดียว ส่วนต้นก็อยู่คอนโดเช่นเดียวกัน แต่งานของต้นจะต้องออกนอกพื้นที่บ่อยๆ บางทีก็ไปต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศ พ่อกับแม่ของต้นก็ยังคนสอนหนังสือเช่นเดิม แต่อีกไม่นานก็จะเกษียณแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างต้นกับสนก็ยังคงเส้นคงวาเช่นเดิม พอว่างก็จะโทรคุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเสมอ บางทีว่างๆ สนก็จะมาที่คอนโดของต้น ไปกินข้าว ซื้อของหรือเที่ยวด้วยกันบ้าง บางทีสนก็มาค้างด้วย แต่ต้นไม่ค่อยได้ไปหาสนเท่าไรนักเพราะสนบอกว่าเขาจะมาหาเอง จึงนับได้ว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยขาดการติดต่อกันเลยแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กันเหมือนเดิมแล้ว

ไม่นานนักสนก็มีแฟน แฟนของสนเป็นคนต่างจังหวัดเช่นกัน อายุน้อยกว่าสนเพียงสองปี ทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง ต้นรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะสนไม่ได้ปิดบังและพาแฟนของเขามาแนะนำให้ต้นรู้จัก แฟนของสนชื่อปวีณา แต่สนมักจะเรียกชื่อเล่นว่า “นา” หน้าตาและผิวพรรณดีพอสมควร ถึงจะมีแฟนแล้วสนก็ไม่ให้ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นซ้ำอีก ความสนิทสนมกับเพื่อนก็ยังคงดำเนินต่อไป และสนก็สามารถแบ่งเวลามาให้เพื่อนได้เสมอ สนมักจะบอกแฟนเขาเสมอว่าต้นคือเพื่อนรักที่เขาสามารถตายแทนได้ ต้นคือเพื่อนที่ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้ แฟนของสนจึงดูจะให้ความเคารพต่อต้นมากทีเดียว ส่วนต้นนั้น ไม่เคยคิดถึงเรื่องแฟนเลย เวลาใครถาม ต้นก็จะบอกว่ายังไม่คิดและยังสนุกกับการทำงานและชีวิตโสดอยู่ แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าที่ต้นไม่เคยรักใครหรือคิดจะจริงจังกับใครเลยนั้นเพราะเหตุใด
------------------------------------------------------------------------------------------------
ห้าปีผ่านไป...วันหนึ่งสนมาค้างที่ห้องของต้นช่วงเย็นวันศุกร์ หลังจากกินข้าวแล้ว สนก็ชวนเพื่อนออกมานั่งตรงระเบียง มองออกไปก็จะเห็นวิวเป็นแสงสีละลานตาของกรุงเทพ ต้นกับสนลากเก้าอี้มานั่งคู่กัน คุยกันไปพร้อมกับดูวิวไป

“เราจะแต่งงานแล้วนะต้น” สนหันไปบอกเพื่อนพลางยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าเขามีความสุขมากเพียงใด แต่สำหรับต้น มันเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของเขาเลยทีเดียว แม้ว่าต้นจะทำใจไว้แล้วว่าสักวันก็ต้องมีวันนี้ก็ตาม

“ยินดีด้วยนะเพื่อน ต่อไปนี้ ชีวิตของนายคงจะสมบูรณ์มากขึ้นแล้วนะ” ต้นพยายามพูดให้เสียงดูปกติที่สุด แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าในใจของต้นตอนนี้เจ็บปวดแค่ไหน

“ขอบใจมากเพื่อน เราไม่เคยลืมหรอกนะต้นว่าเรามีวันนี้ได้เพราะนาย แต่เราก็มีสิ่งหนึ่ง ที่เราอยากจะพูดกับนาย อยากถามนาย และเป็นสิ่งที่ค้างคาใจเรามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

“อะไรเหรอ”

“ทำไมนายยังไม่มีแฟนล่ะต้น”

ต้นมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกถามเช่นนั้น สนกำลังจะถามอะไรเขาหรือ หรือสนจะรื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาอีก

“ก็...สงสัยเนื้อคู่เรายังไม่เกิดมั้ง” ต้นตอบพลางขำเพื่อกลบเกลื่อน แต่สีหน้าสนดูไม่ขำด้วย ต้นกล่าวสืบไปว่า “อีกอย่าง ตอนนี้เราก็สนุกกับงาน เรายังสนุกกับชีวิตโสดน่ะสน เรายังไม่คิดเรื่องมีครอบครัวหรอก” ต้นพยายามกลบเกลื่อน แต่สนรู้ว่ายังมีบางสิ่งที่ทำให้ต้นยังเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้

“ต้น...เราถามนายตรงๆ นะ ที่นายยังไม่มีแฟน เพราะเราใช่ไหม”

ต้นหยุดชะงัก สีหน้าของเขาดูตกใจขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อจู่ๆ สนก็รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ทั้งๆ ที่ต้นเคยบอกไว้แล้วว่าจะขอพูดครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย

“จริงๆ ไม่ต้องถามเราก็รู้” สนกล่าวสืบไป “เราไม่เคยรู้สึกดีเลยนะต้น ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้” สนหันมามองเพื่อน น้ำตาเริ่มคลอ เขารู้สึกสะเทือนใจและเสียใจที่ต้นต้องมาทนทุกข์ทรมานกับความรักที่เขาไม่สามารถจะตอบสนองให้ได้ เขาจะยิ้มได้อย่างไรถ้าเพื่อนยังต้องเจ็บปวดเพราะเขาเป็นสาเหตุ

“เราเห็นใจนายมากนะต้น แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะช่วยนายยังไงดี อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เราก็จะแต่งงาน มีความสุขกับคนที่เรารัก แต่เรารู้ว่านาย...เจ็บแค่ไหน ต้น...มีวิธีไหนบ้างที่เราจะช่วยนายได้ เราไม่อยากเห็นนายมีชีวิตแบบนี้ต่อไปเลยต้น เรารู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนที่เรารักเป็นแบบนี้” สนบอกสิ่งที่เขาค้างคาใจ เขามองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกสงสารจับจิตจับใจ

“เราเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอสนว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้อีก เราบอกนายแล้วไงว่าไม่ต้องห่วงอะไรเราทั้งนั้น เราไม่อยากพูดถึงมันอีก เราไม่อยากให้นายรู้สึกผิด นายไม่ผิดนะสน นายไม่คิดอย่างนั้นกับเรา เป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ เราเข้าใจ เราบอกแล้วไงว่านายไม่ต้องเปลี่ยนอะไร นายก็เป็นเหมือนเดิม นายให้เราได้แค่ไหนก็แค่นั้น ที่สำคัญ นายไม่ต้องสงสารเรา” ต้นอธิบายเรื่องนี้อีกครั้ง เขาต้องอดทนอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ให้เพื่อนเห็น

“ต้น...เราก็เข้าใจสิ่งที่นายบอกนะ แต่นายก็เป็นเพื่อนที่เรารัก...รักเหมือนแก้วตาดวงใจของเรา เราจะทนเห็นนายมีชีวิตแบบนี้ได้ยังไงต้น เราจะมีความสุขได้ยังไงถ้าเราเป็นสาเหตุให้นายต้องเป็นแบบนี้” สนพูดพร้อมกับหลับตาลงแล้วถอนหายใจ

“สน...เราบอกว่าไม่ต้องห่วงเราไง เราขอยืนยันว่าชีวิตของเรายังดำเนินต่อไปได้ แค่ได้เป็นเพื่อนกับนาย แค่นายไม่รังเกียจเรา เราก็พอใจแล้ว เราขอแค่นี้จากนายนะสน นายก็ให้เราแล้ว นายสบายใจเถอะ นายไม่ผิดที่จะไม่คิดอย่างนั้นกับเรา ไม่มีใครบังคับใจใครได้หรอก” ต้นอธิบาย เขารู้ว่าถ้ายังคุยกันเรื่องนี้อยู่ เขาคงไม่พ้นเสียน้ำตาเป็นแน่

“เราบอกตรงๆ นะต้น เราทำใจไม่ได้ นายดีกับเรามากขนาดไหน แต่เรากลับไม่สามารถที่จะรักนายอย่างนั้นได้ แถมยังทำให้นายต้องเจ็บปวดมาตลอด” สนเว้นจังหวะไปสักพักแล้วก็เสนอสิ่งที่เขาคิดว่า “นายลองเปิดใจดูไหมต้น ให้โอกาสคนอื่นที่ไม่ใช่เราได้ไหม” สนพูดได้แค่นั้นเพราะต้นรีบสวนมาทันทีว่า

“สน...นายคงเข้าใจนะว่าคนเราไม่สามารถบังคับหัวใจได้ ถ้าเราทำได้ เราก็ทำไปแล้ว เราก็ไม่อยากให้นายลำบากใจเพราะเราหรอก มันกี่ปีแล้วล่ะสน มันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดหรอก”

สนอึ้งไปเช่นกัน “ขอโทษต้น” สนบอกเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิด เขานึกถึงแต่ตัวเองหรือเปล่า ที่เขาอยากให้ต้นรักคนอื่นบ้างก็เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเองที่จะไม่ได้ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ต้นทำได้และอยากทำหรือเปล่า

สนรู้ว่าตอนนี้ต้นพยายามที่จะเข้มแข็งเพื่อให้เขาสบายใจ แต่สนอยากให้ต้นได้พูดอะไรบ้าง ต้นเก็บกดมากเกินไป บางอย่างต้นก็ควรจะบอกเขา ไม่ควรเก็บไว้คนเดียวให้เป็นทุกข์ “นายเจ็บมากใช่ไหมต้น บอกเรามาเถอะ ระบายให้เราฟังบ้าง อย่าเก็บไว้คนเดียว เราเป็นเพื่อนนาย นายพูดกับเราได้ทุกเรื่องนะ”

ในที่สุดต้นก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ เขาพยักหน้าเหมือนคนที่ยอมแพ้กับความรู้สึกข้างในใจของตัวเอง หัวใจก็เป็นเลือดเนื้อธรรมดาก้อนหนึ่ง มันทนได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงขีดสุด ต้นก็ไม่อาจที่จะฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อไปได้ แม้ว่าต้นจะไม่อยากอ่อนแอให้เพื่อนเห็นเลยก็ตาม แต่เขาก็ทนเจ็บปวดโดยไม่พูดอะไรมาหลายปี เมื่อเจอคำถามแทงใจเข้าไปมากๆ เขาก็ไม่อาจจะทานทนอะไรได้อีกต่อไป ต้นเอามือปิดหน้าแล้วปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น สนดึงเพื่อนมากอดไว้ คอยลูบผมและหลังเพื่อนเพื่อปลอบใจ เขารู้ว่าที่ผ่านมาต้นพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งและไม่แสดงอาการใดๆ ให้เขารู้ว่าต้นรู้สึกอะไรบ้าง แต่เขาก็พอดูออก พอสนมีแฟน ต้นก็พยายามหลบหน้าและคุยกับเขาน้อยลงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เขาเคยชวนต้นไปกินข้าวที่คอนโดเพราะแฟนเขาจะทำอาหารให้กิน ต้นก็ไม่ยอมไปและอ้างว่ามีธุระ จนเขาต้องมาหาต้นเอง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วต้นก็จะบอกว่าไม่ว่างตลอด เขาไม่คิดจะว่าอะไรต้นหรอก เขารู้ว่าต้นเจ็บและต้นคงไม่อยากซ้ำเติมตัวเองให้เจ็บมากขึ้น แต่วันนี้เขาอยากให้เพื่อนได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมาบ้าง เผื่อจะช่วยทำให้ต้นสบายใจขึ้นได้

“ถ้านายทนไม่ไหว นายก็อย่าทนเลยนะต้น อ่อนแอเสียบ้างคงไม่เป็นไรหรอก เผื่อนายจะหายอัดอั้นตันใจและสบายใจขึ้น พูดสิ่งที่นายเก็บไว้บ้างเถอะนะต้น บอกให้เราฟัง เราเป็นเพื่อนนาย เรารับได้ทุกอย่าง เราจะรับฟังทุกเรื่อง ให้เราช่วยทำอะไรบ้างให้นายรู้สึกดีขึ้น” สนบอกเพื่อน ต้นกอดเขาแน่นขึ้น ปล่อยให้หัวใจอ่อนแออย่างเต็มที่ แต่สักพักต้นก็หยุดร้องให้แล้วรีบผละออกจนสนตั้งตัวแทบไม่ทัน ต้นคิดว่าเขาจะต้องไม่พูดไม่ระบายอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เพราะไม่เป็นผลดีทั้งกับตัวเขาเองและเพื่อนเลย

“สน... นายแต่งงานไปเถอะนะ นายจะสงสารเราหรือเห็นใจเราแค่ไหน นายก็ต้องแต่งงานอยู่ดี เราจัดการกับชีวิตของเราได้ ถึงเราจะเป็นอย่างนี้ไปจนตายเราก็จัดการได้ นายอย่าห่วงเลย แล้วเราไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก” ต้นพยายามข่มน้ำเสียงให้ดูเข้มแข็งและเด็ดขาด “นะสน นายแต่งงานไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเรา” ต้นพยายามยิ้มให้เพื่อน

“โธ่ต้น” สนอุทานด้วยความสงสารเพื่อนอย่างจับใจ เขามองหน้าเพื่อนเหมือนจะคอยจับดูว่ามีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นบนใบหน้าของต้นจริงๆ บ้าง สนเห็นแล้วว่าไม่ว่าต้นจะกลบเกลื่อนอย่างไรต้นก็ไม่อาจปิดบังร่องรอยความเสียใจและเจ็บปวดบนใบหน้าของตัวเองได้ สนรู้สึกว่าเขาควรจะต้องทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว

“ต้น...เรารู้ว่านายรักเรามากนะ เราไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้นได้ไหม แต่เราอยากบอกว่า เรารับรู้เสมอถึงความรักของนายที่มีให้เรา เราเห็นจากทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรารู้นะต้น ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ ถึงเราจะไม่พูดอะไรก็เถอะ แต่เรารู้ และเราก็ซาบซึ้ง เรารู้สึกขอบคุณและเห็นใจในความรักของนาย” ในขณะที่พูด สนเริ่มเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ ต้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากต้นไม่กี่นิ้ว

“เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนนายอย่างไร บางที...”

พอพูดจบ สนก็ทำในสิ่งที่ต้นคาดไม่ถึง เขาดึงต้นเข้ามาจูบ ต้นตกใจและขัดขืนในตอนแรก แต่พอผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มสนองตอบด้วยดีมากขึ้น ต้นกอดเพื่อนไว้แน่นเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง สักพักสนก็หยุด พอถอนปากออก ทั้งต้นและสนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทั้งคู่ดูสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้เป็นอย่างมาก ต้นไม่รู้เลยว่าสนจูบเขาทำไม เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและเพราะเหตุใด ส่วนสน เขาเพิ่งตระหนักว่ารสจูบของเขากับต้นเป็นสิ่งที่หอมหวานอ่อนละมุนอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย เขาแค่คิดว่าสิ่งนี้น่าจะพอช่วยตอบแทนความดีต่างๆ ที่ต้นทำให้เขาได้บ้าง แต่สิ่งที่เขาทำกลับผลักเขาเข้าไปสู่ห้วงของอะไรบางอย่างที่เขาอาจจะหนีออกไปไม่ได้เลย นี่มันอะไรกัน เขาคิดอะไรกับต้นกันแน่???
------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วงานแต่งงานของสนก็เกิดขึ้นโดยที่มีต้นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่ต้นก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวที่หน้าชื่นอกตรมอย่างที่สุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ดีใจที่เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝา ต่อไปสนก็จะต้องมีหน้าที่เป็นสามี เป็นผู้นำครอบครัวและเป็นพ่อของลูก สนคงจะต้องใช้เวลาสร้างครอบครัวของเขามากขึ้น ส่วนต้น ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงได้แต่คิดว่าแค่เขายังได้เจอเพื่อน เห็นเพื่อนเจริญเติบโตก้าวหน้า ได้ดูแล ได้ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อนบ้าง เขาก็มีความสุขตามประสาของเขาแล้วล่ะ

พอเพื่อนแต่งงานได้ไม่นานนัก ต้นก็ตัดสินใจรับทำงานควบคุมการก่อสร้างเขื่อนในประเทศลาว เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นอย่างน้อยสามเดือน แต่ต้นก็คิดว่าก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้เขาควรจะต้องไปไหนสักแห่งที่ไกลๆ เพื่อรักษาหัวใจที่เจ็บช้ำอย่างหนัก พองานนี้เข้ามา ต้นจึงรีบเสนอตัวรับทันที เขาก็ได้แต่หวังว่าระยะเวลาสามเดือนคงช่วยทำให้เขาอาการดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan club คุณ sarawatta
Guest

24. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #23
 
14-Jun-11, 11:31 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เพิ่งได้มีโอกาส แวะมาอ่าน พออ่านแล้วติด เลิกอ่านไม่ได้เลย จนเกือบตี 3
ชอบมากๆ อ่านแล้ว ร้องไห้ เลย
แวะมาเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน เพื่อจะได้มีงานดีๆ ออกมาให้เราได้อ่านกันอีก เพราะคุณทำให้ผู้อ่านมีความสุข เมื่ออ่านแล้วติดตามเรื่องราว เหมือนเข้าไปอยู่ในเรื่อง คิดว่าหลายท่านก็คงเป็นเหมือนกัน มันทำให้รู้สึกอิ่มเอม มีกำลังใจ้งานได้ต่อไป

ขอบคุณจริงๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan club คุณ sarawatta
Guest

25. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #24
 
14-Jun-11, 11:34 PM (SE Asia Standard Time)
 
   >เพิ่งได้มีโอกาส แวะมาอ่าน พออ่านแล้วติด เลิกอ่านไม่ได้เลย
>จนเกือบตี 3
>ชอบมากๆ อ่านแล้ว ร้องไห้ เลย
>แวะมาเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน เพื่อจะได้มีงานดีๆ
>ออกมาให้เราได้อ่านกันอีก เพราะคุณทำให้ผู้อ่านมีความสุข
>เมื่ออ่านแล้วติดตามเรื่องราว เหมือนเข้าไปอยู่ในเรื่อง
>คิดว่าหลายท่านก็คงเป็นเหมือนกัน มันทำให้รู้สึกอิ่มเอม
>มีกำลังใจ้งานได้ต่อไป
>
>ขอบคุณจริงๆ


เย้ๆๆ กำลังจะเร่มอ่านตอนพิเศษ ขอบคุณจริงๆๆ K sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

26. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #25
 
15-Jun-11, 04:26 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
นอ
Guest

27. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #26
 
15-Jun-11, 07:01 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ได้โปรดอย่าทำให้ผมรักต้นสนมากไปกว่านี้อีกเลยครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
beyonce
Guest

28. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #23
 
15-Jun-11, 12:55 PM (SE Asia Standard Time)
 
   K. Sarawatta มาต่อ เร็วๆ นะครับ

ใจจะขาด ละ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

29. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
15-Jun-11, 09:20 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 21: ครั้งแรกที่ต้องจากกันนานๆ

ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้น ต้นก็ไม่ค่อยได้เจอกับสนบ่อยนัก ส่วนหนึ่งเพราะสนแต่งงานแล้วก็อาจจะยุ่งๆ กับการสร้างครอบครัวของเขา อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนั้นที่ทำให้ต้นกับสนมองหน้ากันได้ไม่สนิทใจนัก เพราะต่างก็คลางแคลงซึ่งกันและกัน สนเองก็สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ส่วนต้นก็ไม่เข้าใจว่าสนทำอย่างนั้นทำไม เวลาที่เจอหรือคุยโทรศัพท์กัน ต้นกับสนจะเลี่ยงไม่พูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเลย ทั้งๆ ที่ก็เป็นสิ่งที่ต่างคนต่างก็ติดค้างอยู่ในใจตลอดเวลา อย่างไรก็ดี เมื่อต้นจะต้องไปทำงานที่ประเทศลาวถึงสามเดือน เขาก็คงต้องบอกเพื่อนให้รู้เสียหน่อย ก่อนไปวันหนึ่งต้นจึงโทรไปหาสนเพื่อบอกเรื่องนี้

“ฮัลโหลต้น นายเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า” เสียงของสนตอบมาจากอีกปลายสาย ดูเหมือนเขาดีใจไม่น้อยที่ต้นโทรมา

“สบายดี แล้วนายล่ะ”

“ก็สบายดี...แต่...” สนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “ช่างมันเถอะ ได้ยินว่านายสบายดีก็ดีแล้ว เราคิดถึงแล้วก็เป็นห่วงนายรู้ไหมต้น ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย ให้เราว่างๆ ก่อนเดี๋ยวเราจะไปหานายให้บ่อยขึ้น”

ได้ยินอย่างนั้นก็พอทำให้ต้นใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าเพื่อนยังคงคิดถึงและเป็นห่วงเขาอยู่ “ขอบใจที่นายยังคิดถึงเราอยู่นะสน”

“นายไม่คิดถึงเราบ้างเหรอ”

ต้นถอนใจแล้วก็ตอบไปว่า “คิดถึงสิ แต่เราก็ไม่อยากรบกวนนายไง ช่วงนี้นายคงยุ่งๆ กับครอบครัวอยู่ เราก็เลยไม่ค่อยได้โทรไปหา”

สนสะดุดใจกับสิ่งที่ต้นพูดทีเดียว เขากลัวว่าเพื่อนจะหาว่าเขาแต่งงานแล้วก็ลืมเพื่อน “เอาเป็นว่าให้เราหายยุ่งๆ ก่อนละกันนะต้น ตอนนี้ก็ใกล้จะลงตัวแล้วล่ะ เดี๋ยวเราก็จะไปหานายบ่อยๆ เหมือนเดิม” สนเว้นจังหวะแล้วก็พูดต่อว่า “เราไม่ได้ลืมนายนะต้น เรานึกถึงนายทุกวัน”

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา” ต้นบอกพลางขำเบาๆ สนคงจะคิดมากเพราะเคยโดนเอกต่อว่าว่ามีแฟนแล้วลืมเพื่อนสมัยเรียนมัธยม “แต่เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกหลายเดือนเลยนะสน”

“ทำไมล่ะต้น นายจะไปไหน” สนถามกลับเกือบจะทันที

“คือ...เราจะไปคุมการก่อสร้างเขื่อนที่ลาว...สามเดือน จะไปอาทิตย์หน้านี้แล้ว”

สนรู้สึกใจหายวาบทันที “เพราะอะไรต้น ทำไมนายจะต้องไปนานขนาดนั้น เมื่อก่อนนายไม่เห็นรับงานที่ต้องไปไหนนานๆ แบบนี้เลย ทำไมคราวนี้นายถึงอยากไปล่ะต้น”

ต้นเงียบไปเช่นกัน

“เพราะเราหรือเปล่าต้น” สนตัดสินใจถามออกไป

“เรา...” ต้นไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไร เขากะพริบตาถี่ๆ เพราะน้ำตาเตรียมที่จะไหลออกมาแล้ว “บางที...มันอาจจะช่วยเราได้ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ต้น นายอย่าเพิ่งไปไหนนะ เราจะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ เราจะต้องคุยกันนะต้น” สนบอกแล้วก็รีบวางสาย เขาหยิบกุญแจรถที่เขาเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน แล้วก็หันไปบอกภรรยาซึ่งนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์ว่า “นา...พี่ไปหาต้นนะ เดี๋ยวพี่มา”

บอกแล้วสนก็ออกไปทันที ไม่ได้รอฟังเลยว่าภรรยาเขาจะว่าอย่างไรบ้าง
------------------------------------------------------------------------------------------------
ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ต้นรู้ว่าเพื่อนมาหาจึงเดินไปเปิดประตูให้ พอได้เจอหน้ากันเท่านั้น ความรู้สึกคิดถึงกันเพราะไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมาหลายวันก็ทำให้ทั้งคู่เกือบจะอดใจไม่ได้ สนอยากจะกอดเพื่อนให้หายคิดถึงแต่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงักไป ทำได้แค่ยิ้มให้กัน แต่ก็เหมือนมีอะไรที่ทำให้ทั้งคู่ยังไม่สามารถมองตากันได้อย่างสนิทใจนัก

“ยังไงเราก็ต้องไปนะสน เรารับงานมาแล้ว คงจะเปลี่ยนลำบากแล้วล่ะเพราะเวลามันกระชั้นชิดมาก ที่บริษัทเราคงหาคนไม่ทันหรอก” ต้นรีบชิงบอกเพื่อนทันทีขณะที่พาสนมานั่งที่โซฟารับแขก

สนนั่งลงบนโซฟาแล้วก็ขำเบาๆ “เรารู้ต้น เรารู้ว่ายังไงนายก็ต้องไป แต่ที่เราจะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องนั้น” สนอธิบาย เขารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียต้นก็คงต้องไป ที่เขามาไม่ใช่เพราะจะบอกต้นไม่ให้ไป แต่เขาอยากมาเจอเพื่อนก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกตั้งสามเดือน นับว่านานมากทีเดียวเพราะต้นกับสนไม่เคยห่างกันนานขนาดนั้น สนมองไปรอบๆ ห้องแล้วก็มาหยุดที่ต้น “ห้องนายยังสะอาดเหมือนเดิมนะ ไม่เหมือนห้องเราเลย...” แล้วสนก็หยุดพูดเมื่อรู้ว่าเกือบจะนำปัญหาบางอย่างในครอบครัวมาพูดให้เพื่อนฟังโดยไม่ตั้งใจ

“เดี๋ยวเราไปหาอะไรให้กินนะ” ต้นบอก สนจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว สักพักก็ออกมาพร้อมกับผลไม้กับน้ำดื่ม “ตามสบายนะ” ต้นบอกขณะที่วางถาดผลไม้ลงบนโต๊ะ เป็นของที่สนชอบกินทั้งนั้น

สนยิ้มดีใจที่รู้ว่าเพื่อนจำได้ว่าเขาชอบกินอะไรบ้าง เวลาที่เขามาหาต้นทีไรเขาก็สบายทุกที สบายทั้งกาย สบายทั้งใจ เรื่องเดียวที่ยากก็คืออาหาร เพราะต้นทำอาหารไม่ค่อยเป็น บางทีสนต้องเป็นคนทำให้เพื่อนกิน แต่สนก็ชอบและสนุกกับการทำอาหารให้เพื่อนกินเสมอ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไปหาอะไรกินกันข้างนอก พอเห็นบรรยากาศสบายๆ แบบนี้สนก็รู้สึกไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆ และอยากจะใช้เวลากับเพื่อนให้มากขึ้นจากเดิมที่ตั้งใจว่าจะมาคุยสักพักแล้วก็กลับ

“นายกินด้วยสิ” สนบอกขณะที่เขาหยิบนั่นหยิบนี่กินอย่างสบายอารมณ์

ต้นมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจ “ตามสบายเลย ของโปรดของนายทั้งนั้นเลยนะ” ต้นบอก “ไหนว่านายมีเรื่องจะคุยไง ไม่คุยแล้วเหรอ”

“ก็คุยแล้วนี่ไง” สนบอกพลางทำหน้าตาย เขาเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรจะพูดเรื่องนั้นตอนนี้ เขารู้สึกกลัวที่จะถามและค้นลึกลงไปในความรู้สึกบางอย่างของต้น เขากลัวว่ายิ่งรู้แล้วก็จะยิ่งสงสารเพื่อน เขาเองก็จะยิ่งทำใจลำบาก

“คุยอะไร ยังไม่ได้คุยเลย ก่อนจะวางโทรศัพท์นายพูดอะไรค้างไว้อยู่ แล้วก็บอกว่าจะมาคุยกับเราไง” ต้นทวนความจำให้เพื่อน

“เราไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกต้น เราแค่อยากจะมาคุยกับนายเฉยๆ คุยกันเหมือนที่เราเคยคุยกันไง” สนทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วก็พูดสืบไปว่า “ก็นายจะไปตั้งสามเดือน เราใจหายรู้ไหมต้น เรากับนายไม่เคยจากกันนานขนาดนี้เลยนะ นายไม่กลัวเราเหงาบ้างเหรอ” สนทำเสียงอ้อน

“ก็นายมีคนดูแลแล้วยังเหงาอีกเหรอ” ต้นแย้ง

“ก็...เหงาสิ ไม่มีเพื่อนอย่างนายอยู่ใกล้ๆ เราก็เหงาเป็นธรรมดา นายเป็นเพื่อนที่พิเศษสำหรับเรานะต้น นายก็รู้นี่นา” สนพยายามเฉไฉ ความจริงนั้นเขาไม่อยากจะบอกเลยว่าหลังจากแต่งงานเขารู้สึกเหงามากทีเดียว ยิ่งรู้ว่าต้นจะไปอยู่ไกลนานถึงสามเดือนด้วยแล้วเขาก็คงยิ่งเหงามากขึ้น

ต้นยิ้มน้อยๆ แต่ในใจก็ยังรู้สึกว่าสนต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่ถ้าเพื่อนยังไม่พร้อมที่จะพูดตอนนี้ ต้นก็ไม่คิดที่จะบีบคั้นเพื่อน

ต้นกับสนคุยกันอยู่มากพอสมควรจนเย็น ต้นจึงต้องเตือนเพื่อนว่า “เราว่านายกลับก่อนดีไหมสน เดี๋ยวนาจะรอ”

สนหน้ามุ่ย มาอยู่กับเพื่อนแล้วเขาก็สบายใจจนไม่อยากกลับ แต่เขาก็รู้ว่ามันถึงเวลาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องทะเลาะกับนาได้ “กลับก็ได้” สนตัดใจ

“เดี๋ยวเราลงไปส่งที่รถนะ”

พอลงมาถึงลานจอดรถ สนก็ถอนหายใจหนัก ดูท่าทางเขาจะไม่อยากกลับเอาเสียเลย

“เราคงคิดถึงนายมากเลยต้น ไปตั้งสามเดือนแน่ะ” สนบอกด้วยน้ำเสียงละห้อย “ดูแลตัวเองดีนะ รักษาสุขภาพดีๆ มีอะไรก็โทรหาเราได้ตลอดเวลานะ”

“นายก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆ รักครอบครัวให้มากๆ อดทนหน่อยละกันนะสน สร้างครอบครัวใหม่ๆ อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เราก็เชื่อว่านายทำได้” ต้นบอกพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

ในที่สุดสนก็ห้ามความรู้สึกบางอย่างในใจไว้ไม่ได้ เขาดึงเพื่อนมากอดด้วยความรู้สึกใจหาย “นายรู้ไหมต้นว่าถ้านายไม่อยู่ชีวิตเราคงต้องลำบากแน่ๆ เลย แต่เราก็เข้าใจนายนะ เรารู้ว่าลำพังตัวเราคงช่วยนายไม่ได้ในเรื่องนี้ เราก็หวังว่าเวลาจะช่วยนายได้ เราจะรอนะต้น นายต้องกลับมาล่ะ อย่าหนีเราไปไหน”

ต้นกอดเพื่อนตอบเบาๆ เขาเองก็รู้สึกใจหาย แต่เขาก็ต้องไป เขาเจ็บเหลือเกินที่ต้องเห็นและรับรู้อะไรบางอย่างในตอนนี้ ขอไปทำใจสักพัก มันจะดีขึ้นแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงพอทำให้หายเจ็บได้บ้าง

“เราไม่หนีนายไปไหนหรอก ยังเราก็ต้องกลับมา แค่สามเดือนเอง ไม่นานหรอก”

สองหนุ่มมองหน้ากัน สนนึกถึงภาพตอนที่เขาจูบเพื่อนขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ เขาได้แต่ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ชีวิตของเขาลำบากขึ้นเพราะเขารู้สึกว่าโหยหารสจูบนั้นตลอดเวลา เขาไม่สามารถสลัดมันออกไปจากความคิดได้เลย

“กลับแล้วนะ” สนบอกแล้วก็เปิดประตูรถเข้าไป แต่สายตาเขาก็ยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ ต้นโบกมือให้เพื่อนเมื่อสนขับรถออกไป เขายืนดูสักพักแล้วก็กลับขึ้นห้องไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วต้นก็ได้ไปทำงานควบคุมการก่อสร้างเขื่อนที่ประเทศลาว เขื่อนที่ต้นจะต้องไปควบคุมการก่อสร้างนี้เป็นเขื่อนเจ้าปัญหาที่ได้รับการคัดค้านมาหลายสิบปี จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้จึงได้มีการตกลงที่จะก่อสร้าง เป็นโครงการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินลงทุนมากที่สุดของลาว หลังจากสร้างเสร็จแล้วไฟฟ้าส่วนหนึ่งจะส่งมาขายให้กับไทย ในแต่ละวันต้นต้องลงพื้นที่ทำงานอย่างหนัก ตากแดดตากลมทุกวันจนผิวเริ่มคล้ำ กว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ พอเสร็จงานก็ต้องนั่งรถกลับมาที่พักอีกไกลพอสมควรเนื่องจากพื้นที่สร้างเขื่อนอยู่ห่างจากชุมชนอย่างมาก ที่ที่ต้นพักมีลักษณะเป็นเกสต์เฮาส์หรือคนลาวเรียกว่า “เฮือนพัก” เล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมือง มีคนไทยระดับหัวหน้าและผู้คุมงานพักอยู่หลายคน ตกเย็นบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เหล่านี้ก็จะออกไปข้างนอก หาร้านนั่งกินเหล้าและคุยกัน บางทีก็ไปหาที่ระบายในเรื่องอย่างว่า ต้นก็ไปด้วยบ้างในบางครั้ง เพราะอยู่กับสังคมผู้ชายแท้แล้วก็คงเลี่ยงได้ยาก ไม่อย่างนั้นแล้วต้นก็จะถูกสงสัยว่าเป็นเกย์ได้ แต่ต้นก็ไม่กินเหล้า เขาสามารถคุยได้โดยที่ไม่ต้องกินเหล้า ไม่ว่าใครจะคะยั้นคะยออย่างไรเขาก็ไม่กินจนคนอื่นเลิกเซ้าซี้ไปในที่สุด ส่วนเรื่องอย่างว่านั้น ต้นหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด บางครั้งเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ต้นก็จะใช้วิธีจ่ายเงินค่าตัวแล้วก็แอบหนีกลับทุกครั้ง บางทีเขาก็รู้สึกอึดอัดกับชีวิตแบบนี้ เพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา ทำไมสังคมจึงต้องคาดหวังให้ผู้ชายต้องทำแบบนั้น ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็จะถูกมองว่าไม่เป็นผู้ชาย มันคือการเหมารวมที่ไม่ยุติธรรมเลยสำหรับต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้เป็นวันหยุดสบายๆ ของสน แต่แฟนของเขายังต้องทำงานวันเสาร์อยู่ เขาจึงอยู่ที่คอนโดคนเดียว โดยปกติแล้วถ้าหยุดแบบนี้สนจะไปหาต้นเพราะหยุดวันเสาร์อาทิตย์เช่นเดียวกับเขา แต่พอต้นไม่อยู่เขาก็ไม่รู้จะไปหาใคร เขามีเพื่อนสมัยเรียนอยู่บ้าง แต่พอเรียนจบแล้วก็ห่างๆ กันไปเกือบหมด

ช่วงนี้สนรับงานพิเศษจำพวกออกแบบเว็บไซต์ ฐานข้อมูล เขียนโปรแกรมสำหรับจัดการเว็บไซต์ด้วยเพราะเขาต้องหารายได้พิเศษมาใช้จ่ายในครอบครัว ตั้งแต่แต่งงาน สนต้องผ่อนรถเพิ่มขึ้นอีกอย่างจากการผ่อนคอนโด นอกจากนี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกหลายอย่างเพราะภรรยาของเขาค่อนข้างใช้เงินมือเติบและมักจะมาขอเงินเขาไปซื้อของฟุ่มเฟือยบ่อยๆ โดยเฉพาะเครื่องสำอางและเสื้อผ้าทั้งหลาย

ก่อนจะลงมือทำงาน สนเดินสำรวจห้องพักของเขาซึ่งมีส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นและห้องครัว สนก็พบว่ายังมีเสื้อผ้ากองอยู่และไม่ได้ซัก สนจึงต้องจัดการเอาไปใส่เครื่องซักผ้า ระหว่างที่รอ สนก็เดินไปดูในครัวก็ปรากฏว่ามีจานชามที่กองไว้และไม่ได้ล้างเช่นกัน สนจึงต้องจัดการ สุดท้ายแล้วสนก็ต้องกวาดบ้านถูบ้านเพิ่มอีกเพราะเริ่มมีฝุ่นมากขึ้น เวลาเดินด้วยเท้าเปล่าก็จะรู้สึกได้ สนเหนื่อยใจพอสมควรเพราะรู้สึกว่านาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาไม่ค่อยช่วยเขาทำงานบ้านเท่าไร สนเคยคุยเรื่องนี้ด้วยแล้วแต่ก็ดูจะไม่เป็นผล นามักจะอ้างว่าเธอเหนื่อยเพราะเธอต้องทำงานหกวัน เลิกก็ค่ำ แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน สนจึงต้องทำเองเกือบทุกครั้ง

คิดแล้วสนก็เริ่มเหนื่อยใจ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะอยู่กันลำบากแน่ๆ บางครั้งเขาก็รู้สึกเครียด แต่ก็ไม่รู้จะคุยกับใคร โทรไปหาต้นก็ไม่ค่อยติดเพราะบริเวณที่ต้นทำงานไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ บางทีต้นก็ไม่ค่อยว่างเพราะทำงานหนัก เขาจึงไม่ค่อยได้คุยกับต้นเลยช่วงนี้ ยิ่งทำให้ชีวิตของเขาเครียดมากขึ้น สนได้แต่นั่งนับวันรอที่เพื่อนจะกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ เขารู้สึกว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปช้าเหลือเกิน ป่านนี้ต้นจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ จะลืมเขาแล้วหรือยัง ไม่เจอกันเป็นเดือนแบบนี้ต้นจะทำใจได้แล้วหรือยัง ทำใจของต้นหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าต้นจะเลิกรักเขาแล้วหรือ คิดมาถึงตรงนี้แล้วสนก็ใจหาย เขาต้องการให้ต้นเลิกรักเขาจริงๆ หรือ ถ้าเกิดต้นทำใจได้จริงๆ แล้วลืมเขาไป สนจะทำอย่างไร ชีวิตจะเป็นอย่างไร แน่นอน สนก็ยังคงคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ เหตุการณ์นั้นยังฝังตรึงอยู่ในใจ รสจูบนั้นเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะแต่งงาน จนกระทั่งแต่งงานมาหลายเดือนแล้วเขาก็ยังไม่ลืม นึกถึงทีไรเขาก็ยิ่งสับสนตัวเอง บางทีก็สงสัยว่าระหว่างเขากับต้นมันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยคิดที่จะเข้าไปค้นหา จนกระทั่งวันนี้ บางทีช่วงที่ต้นไม่อยู่นี้เขาอาจจะได้พบความจริงบางอย่างก็ได้

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

30. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #29
 
15-Jun-11, 09:23 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ช่วงนี้มีงานเยอะหน่อยนะครับ และจะต้องไปต่างประเทศสักพัก ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาเขียนหรือไม่ แต่จะพยายามครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

31. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #30
 
16-Jun-11, 04:32 AM (SE Asia Standard Time)
 
   รอสิครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

32. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #31
 
17-Jun-11, 01:48 PM (SE Asia Standard Time)
 
   สนค้นหาให้เจอไวๆนะ คุๆๆ

อ่านอีกรอบกลมกล่อมดีจริงๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

33. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #32
 
18-Jun-11, 04:23 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ดันเบา ๆ ครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

34. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
19-Jun-11, 09:01 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 22: พี่มั่นคง

ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้วที่ต้นมาทำงานที่ลาว ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ต้นไม่ค่อยได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่านมากนักเพราะต้องทำงานค่อนข้างหนักและออกพื้นที่ทุกวัน กว่าหัวจะถึงหมอนก็เล่นเอาเหนื่อย พอไม่ได้คิดฟุ้งซ่าน จิตใจของต้นจึงดีขึ้นมาก ที่ต้นทำงานหนักนั้นก็เป็นความตั้งใจของเขาเอง เขาอยากให้ช่วงเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่นี่ช่วยให้เขาสามารถตัดใจและลืมความรักที่ไม่มีวันสมหวังไปเสีย เหลือแค่ความเป็นเพื่อนที่ไม่ต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่เวลาเพียงสามเดือนจะช่วยเขาได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อเขากลับไปแล้ว ได้เจอสนและซึมซาบความดีที่เพื่อนยังคงมีให้ ต้นก็อาจจะกลับมาเหมือนเดิมได้ เพราะฉะนั้น ต้นคงต้องทำอะไรมากกว่าแค่ทำงานเพื่อให้มีเวลาคิดเรื่องสนน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดใจรักใครสักคน

“คิดอะไรอยู่ล่ะต้น” เสียงพี่มั่นคงดังขึ้นทำลายอาการตกอยู่ในภวังค์ของต้นในทันทีทันใด แค่ช่วงเวลาที่พี่มั่นคงไปเข้าห้องน้ำไม่กี่นาที ต้นก็ดูจะใจลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ต้นหันมามองพี่มั่นคงแล้วก็ยิ้มแห้งๆ ตอบไปว่า “ก็...คิดถึงบ้านนิดหน่อยครับ คิดถึงพ่อกับแม่ ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง”

พี่มั่นคงหัวเราะเบาๆ พลางนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับต้น “เหรอ นอกจากพ่อกับแม่แล้วคิดถึงใครคนอื่นเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า”

“ไม่หรอกครับ ผมยังโสดอยู่ โสดสนิทเลยครับ” ต้นตอบพลางขำบ้าง “แล้วพี่ล่ะ”

“เหมือนกันครับ พี่ก็ยังโสดอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยอยากจะโสดละ” พี่มั่นคงบอกด้วยแววตามีเลศนัย

“แสดงว่าเจอคนถูกใจแล้ว สาวลาวหรือเปล่าครับ”

“เปล่า แต่อีกไม่นานต้นก็จะรู้เองแหละครับ” บอกพลางยิ้มแปลกๆ อีก “อาหารมาละ เชิญเลยครับ วันนี้พี่เลี้ยงเอง”

“ไม่เป็นหรอกครับพี่ เกรงใจ ผมช่วยออกด้วยดีกว่า” ต้นแย้ง

“ไม่ต้องเกรงใจ ไว้วันหลังต้นเลี้ยงพี่บ้างก็ได้ เรายังอยู่ด้วยกันที่นี่อีกตั้งเดือน กินอันนี้ไหมเดี๋ยวพี่ตักให้” พี่มั่นคงว่าพลางช่วยตักกับข้าวให้ต้น ต้นยิ้มและกล่าวขอบคูณ

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ต้นสนิทกับพี่มั่นคงพอสมควรเพราะมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายๆ กัน เช่น เขาไม่ชอบกินเหล้าและไปเที่ยวผู้หญิง ที่จริงตอนอยู่ประเทศไทยต้นก็รู้จักพี่มั่นคงอยู่บ้างแต่ไม่สนิทกัน แต่พอช่วงนี้ได้คุยกันมากขึ้น เจอกันบ่อยขึ้น จึงสนิทกันมากขึ้น หลังๆ ต้นจึงปลีกตัวมากับพี่มั่นคงบ่อยขึ้น แต่ตลอดเวลาที่ต้นอยู่ใกล้ๆ พี่มั่นคง เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แสดงว่าพี่มั่นคงต่างจากผู้ชายปกติทั่วไป

“ต้นไม่มีแฟนจริงๆ เหรอ พี่ว่าหน้าตาดีๆ อย่างต้นไม่น่าจะเหลือรอดมาถึงป่านนี้นะ” พี่มั่นคงถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่กินข้าวไปได้สักพัก

“ไม่มีจริงๆ ครับ ผมโสดจริงๆ พอดีผมทำแต่งาน เลยไม่ค่อยมีเวลาที่จะรู้จักกับใครเป็นพิเศษ ตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานอยู่ครับ”

สีหน้าพี่มั่นคงยังมีคำถามอยู่ เหมือนจะยังไม่เชื่อว่าต้นพูดจริง ต้นจึงย้ำอีกว่า “จริงครับพี่ ไม่มีจริงๆ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” แล้วพี่มั่นคงก็ขำ เขาเงียบไปสักพักแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ต้นรู้ตัวหรือเปล่าว่าต้นเป็นคนที่...น่ารักมากเลย”

ต้นชะงักและมองพี่มั่นคงอย่างสงสัยเพราะโดยทั่วไปผู้ชายมักจะไม่ค่อยชมผู้ชายด้วยกันแบบนี้ ทำให้ต้นยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะสายตาที่พี่มั่นคงมองมานั้นทำให้ต้นรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก

“พี่หมายถึง...พี่รู้สึกว่าต้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก แล้วก็มีน้ำใจกับเพื่อนๆ” พี่มั่นคงอธิบายเมื่อเห็นแววตาสงสัยของต้น “พี่ชอบคนแบบนี้”

ต้นสะดุดใจอีกแล้ว แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มเพียงเล็กน้อย “ขอบคุณครับ พี่มั่นก็อัธยาศัยดีนะครับ”

“แล้วชอบพี่หรือเปล่าล่ะ” พี่มั่นคงถามกลับแทบจะทันทีที่ต้นพูดจบ

ต้นอึ้งไปอีก เขาไม่เข้าใจนักว่าพี่มั่นคงหมายถึงอะไร “ก็...ชอบครับ...พี่ก็อัธยาศัยดีอย่างที่ผมบอกเมื่อกี้” ต้นรู้สึกว่าพี่มั่นคงจะแปลกเกินไปสำหรับต้นเสียแล้วตอนนี้

พี่มั่นคงยิ้มอย่างพอใจ เขาคงจะแหย่ต้นเล่นๆ เท่านี้ไปก่อนพอหอมปากหอมคอ เมื่อถึงจังหวะเวลาหนึ่งที่เหมาะสมแล้วจึงค่อยถือโอกาสจู่โจมเพื่อไม่ให้ต้นตื่นตระหนกหรือขวัญกระเจิงไปเสียก่อน

พอกินข้าวเสร็จแล้วพี่มั่นคงก็ขับรถมาส่งต้นที่เฮือนพัก รถที่พี่มั่นคงขับนี้เป็นรถที่บริษัทเช่าไว้ให้ไว้ให้คนที่มาประจำที่นี่ใช้ ต้นขับรถยนต์ไม่เป็นจึงต้องอาศัยพี่มั่นคงอยู่เรื่อยๆ รถที่พี่มั่นคงขับเป็นรถพวงมาลัยซ้ายแต่เขาก็ขับได้เป็นอย่างดี แถมยังมีใบขับขี่นานาชาติด้วย

พอมาส่งถึงที่แล้วพี่มั่นคงก็ขึ้นไปส่งต้นถึงห้องพัก หลายๆ ครั้ง ต้นรู้สึกได้ว่าพี่มั่นคงเข้าใกล้ในระยะประชิดและถึงเนื้อถึงตัวเขาอยู่บ่อยๆ จนสังเกตได้ บางทีก็จับมือ จับแขน บางทีก็โอบไหล่เหมือนคนสนิทกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างนี้อีกหลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น พี่มั่นคงมาส่งต้นที่ห้องเช่นเคย ต้นหาน้ำหาท่ามาให้พี่มั่งคงแล้วก็มานั่งคุยตรงโต๊ะเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับรับแขกหรือไว้นั่งคุยกันเล่นๆ ระหว่างที่คุยกันพี่มั่นคงก็เขยิบเก้าอี้เขามาใกล้ๆ ต้นจนชิด แล้วก็พูดขึ้นมาว่า

“ต้น...พี่ชอบต้นนะ”

“อะไรนะครับ” ต้นถามด้วยความไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือไม่

พี่มั่นคงยิ้มหวานทีเดียวแล้วก็พูดชัดๆ อีกครั้งว่า “พี่ชอบต้นครับ”

“ชอบผม...ชอบแบบไหนเหรอครับ” ต้นทำหน้าเหรอหราและตกใจ

“ก็ชอบแบบที่ผู้ชายผู้หญิงเขาชอบกันไง” พี่มั่นคงจ้องหน้าต้นด้วยสายตายิ้มกรุ้มกริ่ม “พี่รู้นะว่าต้น...ต้นก็เป็นเหมือนพี่ พี่ดูออก พี่สังเกตมานานแล้ว”

“พี่หมายความว่ายังไงครับ” ต้นถามด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ รู้สึกตกใจไม่น้อยที่เจอผู้ชายบอกรักเช่นนี้

“พี่บอกตามตรงก็ได้ว่า...พี่เป็นเกย์ แล้วพี่ก็ดูออกว่าต้นก็เป็นเหมือนพี่...ใช่ไหม” พีมั่นคงถามย้ำ

ต้นหน้าเสียเมื่อรู้ว่ามีคนที่สามารถจับสังเกตและรู้ได้ว่าเขาเป็นเกย์ ทำให้ต้นเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจมากขึ้นว่าแล้วคนอื่นๆ จะสังเกตรู้ด้วยหรือเปล่า ต้นไม่ตอบคำถามของพี่มั่นคงและเงียบอยู่

“แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกนะต้น ไม่ว่าต้นจะเป็นอะไรพี่ก็ชอบต้น ต้นจะเป็นผู้ชายจริงๆ หรือเป็นเหมือนพี่ พี่ก็ชอบต้น ถ้าต้นยังไม่มีแฟน พี่จะขอคบกับต้นได้ไหม” พี่มั่งคงพูดด้วยสายตาอ้อนวอน พอเห็นต้นเงียบ ประหม่าและไม่พูดอะไร พี่มั่นคงก็ถามย้ำอีก “ได้ไหมต้น”

“คือ...” ต้นไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ถึงไม่ได้คิดอะไรกับพี่มั่นคงเกินกว่าความเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่ถ้าเขาเองมัวแต่ปิดใจอยู่แบบนี้ ชีวิตของต้นก็คงต้องอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังและเจ็บปวดตลอดไป เขาจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน ถ้าต้นมีความรักใหม่ มีคนคอยดูแล บางทีสนอาจจะเป็นห่วงเขาน้อยลงก็ได้

“ค่อยๆ ดูกันไปดีไหมครับ ผม...ยังไม่ได้คิดอะไรกับพี่แบบนั้น” ต้นตอบไปในที่สุด ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“ได้...พี่ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วต้น พี่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าพอพี่บอกต้นแล้วต้นจะต้องคิดอย่างเดียวกับพี่ แต่ต้นไม่รังเกียจใช่ไหมถ้าพี่จะขอคบกับต้นแบบนั้น ถ้าต้นไม่มีใครตอนนี้ พี่ก็อยากจะลองคบกับต้นดู วันนี้ต้นยังไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่พี่ก็ขอแสดงเจตนาของพี่ ต้นจะให้โอกาสนี้กับพี่หรือเปล่า” พี่มั่นคงรุกอีก

ต้นครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก็ตอบไปว่า “ก็...ไม่รังเกียจครับ”

“ขอบคุณมากต้น” พี่มั่นคงบอกพลางยิ้มดีใจ แล้วจู่ๆ เขาก็ดึงต้นเข้าไปกอด ต้นตกใจมากทีเดียวแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใดเพียงแต่เขาไม่ยอมกอดตอบเท่านั้น ในขณะนั้นต้นรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่าเขาคิดดีหรือเปล่าที่ตัดสินใจทำสิ่งนี้

“เดี๋ยวพี่กลับก่อนละกัน ต้นจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ต้องลุยงานกันหนัก” พี่มั่นคงบอกแล้วก็ปล่อยต้นออกจากอ้อมแขน

ต้นเดินไปส่งพี่มั่นคงตรงประตู ต้นไม่ค่อยกล้าสบตาเขานัก บางครั้งก็หลบตาลงต่ำ

“พี่ไปแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ” พี่มั่นคงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ แล้วก็โน้มใบหน้าไปหอมแก้มต้น “กู๊ดไนท์ครับ” บอกพลางยิ้ม เห็นต้นทำหน้าประหม่าและตกใจเหมือนกับคาดไม่ถึงแล้วพี่มั่นคงก็ดูจะชอบใจ ไม่ว่าต้นจะทำอะไรก็ดูน่ารักสำหรับเขาเสมอ

เจอการรุกเข้าไปแบบนี้ต้นก็ดูจะตกใจไม่น้อย “ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ที่มาส่ง เดินทางปลอดภัยครับ” ต้นพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ

พอพี่มั่นคงไปแล้ว ต้นเดินกลับมานั่งที่เตียงด้วยความรู้สึกสับสนอีกหลายเท่าตัว ตอนนี้ต้นรู้สึกคิดถึงสนมากเหลือเกิน อยากคุยกับสน อย่างน้อยก็เพื่อให้มั่นใจว่าความรู้สึกที่เขามีต่อสนจะยังคงอยู่ต่อไปได้ ต้นยังหวงแหนความรู้สึกนั้นอยู่ พอคิดว่าจะต้องเสียมันไปแล้วก็ไม่อาจจะทำใจได้ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานานเหลือเกินจนต้นผูกพันกับมัน ถึงมันจะเจ็บปวดบ้างแต่ต้นก็พอใจที่ได้รัก ได้คอยดูแลในบางโอกาส ได้คุยกับสน ได้เห็นรอยยิ้มของสน ได้คอยให้กำลังใจ ได้เห็นความห่วงใยของสนที่มีให้เขา แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ไม่ใช่หรือ หรือต้นต้องการอะไรมากกว่านั้นอีก

ราวกับความรู้สึกจะสื่อสารถึงกันได้ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน สนโทรศัพท์มาพอดี ต้นรีบรับทันที

“ฮัลโหลสน ดีใจมากเลยที่นายโทรมา กำลังคิดถึงอยู่พอดี” ต้นบอกอย่างดีใจ

“เราก็คิดถึงนายเหมือนกัน เพื่อนรัก” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาก็ดูจะดีใจไม่น้อยเช่นกัน “ตอนนี้นายอยู่ไหน กลับที่พักหรือยัง ติดต่อนายยากมากเลย นายสบายดีหรือเปล่า แล้วอยู่ที่นั่นได้ไหม” สนถามเป็นชุด

ต้นขำเพราะไม่รู้จะตอบอันไหนก่อน “อยู่ที่พักแล้ว เราสบายดี อยู่ที่นี่สบายมากเลย อาหารก็อร่อย ผู้คนก็อัธยาศัยดี แล้วนายล่ะ สบายดีไหม นาเป็นไงบ้าง เมื่อไหร่จะมีข่าวดีล่ะ”

สนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกถามเรื่องครอบครัว “ก็สบายดี แต่ข่าวดีหมายความว่ายังไงเหรอ”

“อ๋อ...ก็เห็นแต่งงานกันมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีน้องเลย”

สนชะงักอีก เขาเคยคิดว่าพอแต่งงานแล้วก็อยากจะมีลูกเลย แต่ตอนนี้เขาเหมือนกับไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ถ้ามีลูกขึ้นมาอาจจะทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นอีกก็ได้ “อ๋อ...ยังหรอก เรายังไม่อยากมีตอนนี้ คงอีกสักพัก” แล้วสนก็เปลี่ยนเรื่อง “นายจะกลับวันไหนต้น เราจะได้ไปรับ นายรู้ไหมว่าเราดูปฏิทินทุกวันเลย รอแต่ว่าเมื่อไรนายจะกลับ รู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้เวลานายไม่อยู่ เราไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้เลยนะต้น”

“ยังไม่รู้เลย ถ้ารู้แล้วเราจะโทรไปบอกนะ” ต้นเว้นจังหวะไปแล้วก็ถามว่า “นายมีคนดูแลแล้วยังเหงาอีกเหรอ”

สนอึ้งไปสักพัก “เหงาสิ นายก็รู้ดีนี่นา นายเป็นเพื่อนที่พิเศษที่สุดของเรา นายไม่อยู่ เราก็เหงาเป็นธรรมดา นายไม่รู้สึกเหงาบ้างหรือต้นเวลาที่ไม่เจอเรา”

“ก็เหงาเหมือนกัน แต่เราไม่ค่อยว่าง ทำงานหนักตลอด ก็เลยไม่ค่อยได้มีเวลาเหงาเท่าไร” ตอบพลางหัวเราะ สนก็หัวเราะตาม

พอถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปสักพัก ต้นก็เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เขารู้ว่าเขาอยู่กับสนแล้วมีความสุข แต่อีกด้านหนึ่งก็มีความทุกข์ไม่แพ้กัน จะเป็นไปได้ไหมที่เขากับสนจะเหลือแค่เพียงความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เขาก็จะได้ไม่ต้องทุกข์ สนก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ที่สำคัญ ความรักของเขาที่มีต่อสนตอนนี้เป็นความรักต้องห้ามเสียแล้ว สนมีเจ้าของแล้ว ถ้าเกิดภรรยาของสนรู้เข้าว่าต้นชอบสนแบบนั้นมันจะไม่เป็นผลดีกับชีวิตครอบครัวของสนเลย ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับต้นเท่านั้นว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ ต้นจึงตัดสินใจ

“สน...นายจะว่าอะไรไหม ถ้าเรา...จะคบใครสักคน” น้ำเสียงของต้นดูประหม่าและไม่มั่นใจ

ได้ยินแล้วสนก็ใจหายวูบ รู้สึกเหมือนใครมากระชากเอาดวงใจไปจากตัว “นายหมายความว่าไงต้น คบใครคืออะไร คบแบบไหน”

พอสนถามแบบนั้นต้นก็เริ่มลังเล แต่เมื่อตัดสินใจแล้วต้นก็จะต้องไปต่อ “พอดี...มีพี่ที่ทำงานด้วยกันคนหนึ่งมาชอบเรา แล้วเราก็คิดว่าพี่เขาเป็นคนดี เราก็เลยอยากจะลอง...คบกับพี่เขาดู” ต้นพูดแต่ละคำออกไปอย่างยากเย็น

“พี่ที่นี่นายหมายถึงเป็นผู้ชายใช่ไหมต้น” สนถามเพื่อให้แน่ใจมากขึ้น

“ใช่...” ต้นเงียบไปสักพัก “นายคิดยังไงล่ะสน นายว่าดีไหม ถ้าเรามีคนดูแล นายก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเราด้วยไง”

คำถามนั้นดูเหมือนจะทำให้ทั้งโลกเงียบงัน สนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “ก็แล้วแต่นายละกันต้น ถ้านายมีความสุขเราก็ดีใจด้วย” สนพูดได้แค่นั้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แปลกใจตัวเองเหลือเกินว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ เพื่อนจะมีแฟนแล้วทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจ แถมยังรู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
cool
Guest

35. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #34
 
19-Jun-11, 07:36 PM (SE Asia Standard Time)
 
   รอ อยู่นะ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan club คุณ sarawatta
Guest

37. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #34
 
20-Jun-11, 00:53 AM (SE Asia Standard Time)
 
   มาดัน ๆ ๆๆ รอ นะคับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

36. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
20-Jun-11, 00:46 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 23: ความสับสนของต้นและสน

ความสนิทสนมของต้นกับพี่มั่นคงทวีขึ้นเป็นลำดับ การปฏิบัติตัวที่สม่ำเสมอของมั่นคงทำให้ต้นรู้สึกไว้ใจพี่มั่นคงมากขึ้น แต่ต้นก็ยังคงสับสนในหัวใจอยู่ ใจหนึ่งก็รักและหวงแหนความรู้สึกที่มีให้สนมาตลอดสิบหกปีกว่า แต่อีกใจหนึ่งก็อยากพาตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ ถ้าถามหัวใจของต้น เขาก็รักสนจนหมดหัวใจอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าถามตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ต้นก็รู้สึกว่าเขาไม่มีหวังใดๆ เลยที่จะทำให้ความรักนั้นเป็นจริงได้ ถ้าไม่ตัดใจแล้วต้นก็จะต้องเจ็บปวดต่อไป ประตูหัวใจของต้นตอนนี้จึงเปิดบ้างปิดบ้าง พอคิดว่าความรักระหว่างสนกับเขาเป็นไปไม่ได้ ต้นก็อยากเปิดหัวใจ แต่พอคิดว่าสนคือคนที่ต้นรักจริงๆ ต้นก็ปิดหัวใจ เป็นแบบนี้อยู่หลายวัน

จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่มั่นคงมาส่งต้นที่ห้องพักเช่นเคย พี่มั่นคงมักจะนั่งคุยกับต้นสักพักก่อนกลับเสมอ แต่วันนี้พี่มั่นคงไม่ยอมนั่ง พอเข้ามาในห้องพี่มั่นคงก็ถามคำถามทันที

“ต้น ตอนนี้ต้นชอบพี่ขึ้นมาบ้างหรือยัง” พี่มั่นคงถามคำถามที่ทำให้ต้นลำบากใจอีกแล้ว

“เอ่อ...ต้นก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพี่นี่ครับ” ต้นตอบไม่ตรงคำถามและพยายามหลบตาพี่มั่นคง

“แสดงว่าต้นชอบพี่แล้วใช่ไหม” พี่มั่นคงถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าดีใจ

“คือ...” ต้นเริ่มอึกอักมากขึ้น ที่เขาบอกว่าไม่รังเกียจนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาชอบพี่มั่นคงแบบนั้น แต่ต้นก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้พี่มั่นคงเสียความมั่นใจจนเกินไป

ต้นยังไม่ได้พูดอะไรต่อ พี่มั่นคงก็เดินเข้าประชิดตัวต้น เขาจับไหล่ต้นไว้ทั้งสองข้างและพยายามสบตากับต้น

“ต้นชอบพี่แล้วใช่ไหม” พี่มั่นคงถามคำถามเดิมอีก เห็นต้นก้มหน้าแบบนั้นเขาก็นึกว่าต้นคงอาย ต้นดูน่ารักน่ากอดเหลือเกินจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว

พี่มั่นคงเริ่มเขยิบตัวเข้าใกล้ต้นมากยิ่งขึ้นจนต้นต้องเดินถอยหนี จนกระทั่งไปสะดุดกับขอบเตียง พี่มั่นคงค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเขามาใกล้ๆ กับต้น พอริมฝีปากเขาเกือบจะสัมผัสกับต้น ต้นก็รีบเบือนหน้าหนีทันที

“ทำไมล่ะต้น” น้ำเสียงของพี่มั่นคงดูสงสัยและออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย เขาปล่อยมือออกจากไหล่ของต้นโดยทันที โดยปกติเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วไม่เคยมีใครหลุดรอดเงื้อมมือเขาไปได้เลย

“คือ...ผมยังไม่ได้รักพี่แบบนั้นครับ” ต้นตัดสินใจบอกออกไปในที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วต้นก็คงจะไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอนคืนนี้

“ถามจริงๆ เถอะต้น ต้นมีใครอยู่หรือเปล่า ต้นตอบพี่มาตามตรงได้ไหม” พี่มั่นคงถามด้วยเสียงจริงจังและมีสีหน้าเหมือนกับจะคาดคั้นเอาความจริงจากต้นให้ได้

ต้นถอนหายใจและตัดสินใจตอบไปว่า “ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับพี่ เพียงแต่เขาไม่ได้ชอบผมเท่านั้นเอง”

“ต้นบอกพี่ได้ไหมว่าเขาเป็นใคร”

“พี่ไม่รู้จักหรอกครับ แต่ผมรักเขามาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นของคนอื่นไปแล้วก็ตาม”

“เป็นผู้ชายแท้ๆ หรือเปล่า”

ต้นพยักหน้า “เขาแต่งงานแล้วครับ” พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำตาเจ้ากรรมของต้นก็กลับไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว “ผมไม่สามารถลืมเขาได้ ผมเลิกรักเขาไม่ได้เลย ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป” ต้นเริ่มสะอื้น

พี่มั่นคงดึงต้นเข้ามากอดเพื่อปลอบใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันจึงได้แต่ถอนหายใจ เขาเองก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วจากท่าทีของต้นที่เหมือนพยายามรักษาระยะห่างกับเขาอยู่เสมอๆ แม้ว่าเขาจะพยายามเข้าใกล้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยินดีที่จะรอ ยิ่งรู้ว่าต้นรักคนที่เขามีเจ้าของแล้วและไม่มีทางเป็นไปได้ เขาก็ยังพอมีความหวัง จากวันนี้ไป เขาจะทำให้ต้นลืมผู้ชายคนนั้นให้ได้
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตั้งแต่คุยกับต้นวันนั้น สนก็เริ่มกระวนกระวายใจและอยู่ไม่เป็นสุข ตอนนี้เขากำลังต้องการใครสักคนที่จะปรับทุกข์ แน่นอนย่อมไม่ใช่ภรรยาของเขา เย็นวันหนึ่ง สนจึงตัดสินใจโทรไปหาปั้นจั่นขณะที่เลิกงานแล้ว แต่เขาก็ไม่กลับทันทีเพราะต้องรอไปรับนาอีกตอนสองทุ่ม สนเดินลงมาจากตึกแล้วก็เดินคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร

“วันนี้ฝนจะตกหนักหรือเปล่าวะไอ้สน ตั้งแต่มึงมีเมียไม่เคยเห็นโทรมาหาเพื่อนฝูงบ้างเลย” นั่นคือประโยคแรกที่ปั้นจั่นทักทายเขา

“กูยุ่งๆ อยู่เว้ยไอ้นี่ แล้วมึงเป็นไง สบายดีหรือเปล่า”

“สบายดี มึงคงสบายดีนะ มีคนดูแล้วก็คงสบายแหละ” ปั้นจั่นแซวพลางขำ “ว่าแต่มึงมีอะไรหรือเปล่าโทรมาหากูวันนี้” ปั้นจั่นถามเหมือนจะรู้ทัน

“พอดีเมื่อหลายวันก่อนกูคุยกับต้น ต้นบอกกูว่า...กำลังจะคบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่” สนไม่รอช้ารีบเข้าเรื่องทันที

“จริงเหรอวะ แล้วไอ้หมอนั่นเป็นใครวะ”

“เห็นต้นว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานเดียวกัน”

“เหรอ...ที่มึงเอามาบอกกูนี่แสดงว่ามึงดีใจใช่ไหมที่ไอ้ต้นจะมีคนดูแลแล้ว”

คำถามนี้เล่นเอาสนถึงกับอึ้งไป “ก็...คงงั้นมั้ง”

ได้ยินสนตอบอย่างนั้น ปั้นจั่นก็พอจะเดาสถานการณ์ออกแล้วว่าจริงๆ สนรู้สึกอย่างไร เขาจึงแกล้งพูดแหย่ไปว่า “คราวนี้ไอ้ต้นมันคงจะได้มีความสุขกับเขาบ้างนะ มันทรมานมาหลายปีแล้ว”

“หมายความว่าไง” สนถามเสียงห้วน

“แหม อย่ามาทำเป็นไม่รู้ ที่ไอ้ต้นมันไม่ยอมมีแฟนอยู่จนป่านนี้ก็เพราะอะไรล่ะ มึงก็รู้อยู่แก่ใจ ไอ้นี่” ปั้นจั่นว่า สนจึงเงียบไป “พวกมึงเนี่ยนะ กูว่าจะบอกหลายทีแล้ว ทำไมพวกมึงถึงไม่เคยรู้ใจตัวเองกันเสียทีวะ ตอนนี้มึงก็ดันมาแต่งงาน ไอ้ต้นก็ดันจะคิดมีแฟนกับเขาบ้าง มันใช่สิ่งที่พวกมึงต้องการจริงๆ เหรอวะ กูถามหน่อย”

“มึงพูดอะไรของมึงวะ กูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“เอางี้ กูจะบอกสิ่งที่กูกับไอ้นิกสังเกตเห็นตลอดระยะเวลา 4 ปีที่อยู่กับพวกมึงสมัยเรียนให้ฟังละกัน แล้วพวกมึงก็ลองไปคิดดูเอาละกันว่ากูพูดจริงไหม” ปั้นจั่นหยุดเว้นจังหวะแล้วตัดสินใจบอกไปว่า “พวกกูคิดว่ามึงกับไอ้ต้นมีความรู้สึกพิเศษต่อกันว่ะ”

สนดูมีสีหน้าตกใจมากทีเดียวเมื่อปั้นจั่นพูดประโยคนี้ออกมา

“ไอ้ต้นมันรู้ใจตัวมันเองมานานละ เหลือก็แต่มึงนี่แหละที่ไม่ยอมรับความจริงว่ามึงมีความรู้สึกพิเศษให้ไอ้ต้นมัน”

“พูดดีๆ นะเว้ย ความรู้สึกอะไรของมึง มึงจะบอกว่ากูเป็นเกย์เหรอ กูไม่ได้เป็นเว้ย กูยังชอบผู้หญิงอยู่ แล้วกูก็แต่งงานแล้วด้วย” สนแย้ง เขาเริ่มปัดป้องตัวเอง

“กูไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นเกย์หรือเปล่า แต่มึงไปถามใจมึงเองดีๆ ละกันว่ามึงรักไอ้ต้นแบบไหน มากแค่ไหน มึงลองถามใจตัวเองโดยไม่ต้องโกหกตัวเองก็แล้วกันว่ามึงอยู่กับใครแล้วมีความสุขที่สุด ตอนนี้ที่ไอ้ต้นไม่อยู่ ชีวิตมึงเป็นยังไงบ้าง มึงคิดถึงมันไหม แต่ถึงมึงจะคิดได้ มันก็สายไปแล้วล่ะ”

“มึงเอาที่ไหนมาพูดว่ากูคิดแบบนั้นกับต้น” สนเริ่มเสียงสั่น

“สังเกตไง กูรู้สึกได้ตั้งแต่วันแรกที่กูเจอพวกมึงแล้ว สายตาที่พวกมึงมองกันมีอะไรที่ลึกซึ้งมากเลยนะเว้ยจะบอกให้ กูเห็นแล้วยังขนลุก เวลาพวกมึงอยู่ด้วยกัน คุยกัน เล่นกัน กูกับไอ้นิกรู้สึกว่ามันมีความหมายอะไรบางอย่างตลอดเวลา แต่พวกมึงอาจจะไม่รู้ตัวกันเอง” ปั้นจั่นถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “จริงๆ กูน่าจะบอกพวงมึงตั้งนานแล้ว ไม่น่าปล่อยให้มาถึงวันนี้เลยว่ะ ไม่งั้นชีวิตของพวกมึงก็จะไม่ต้องเป็นแบบนี้กัน”

สนนิ่งเงียบ เขาไม่เคยปฏิเสธได้เลยว่าเวลาที่เขาอยู่กับต้นแล้วมีความสุขมาก แม้จะมีภรรยาแล้วเขาก็ไม่รู้สึกถึงความสุขบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีต้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ให้เขาได้ แต่เขาก็ไม่เคยรู้หรอกว่ามันเพราะอะไรจริงๆ กันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น พอได้ฟังสั่งที่ปั้นจั่นสะท้อนกลับมา เขาก็เริ่มหวั่นไหว

“ต้นมันรักมึงมากมึงก็รู้ใช่ไหมไอ้สน ถึงวันนี้กูก็เชื่อว่ามันยังรักมึงอยู่ แต่กูก็รู้นิสัยไอ้ต้นดีว่ามันไม่เรียกร้องอะไรหรอก ที่มันมีแฟน มันก็คงอยากให้มึงสบายใจ มันแค่ไม่อยากให้มึงต้องหนักใจกับชีวิตมันเท่านั้นแหละ มันให้มึงได้ทุกอย่าง ทำเพื่อมึงได้ทุกอย่าง แต่มึงล่ะไอ้สน มึงให้อะไรมันได้บ้าง”

สนเงียบไปแล้วก็ตอบว่า “กูให้มันได้หมดทุกอย่างแหละ แค่เพียงต้นบอกกูมาเท่านั้น” สนสารภาพสิ่งที่เขาคิดออกมา แล้วพูดต่อว่า “แต่ต้นมันบอกกูว่า แค่กูเป็นเพื่อนกับมัน ยอมรับมันได้อย่างที่มันเป็น มันก็พอใจแล้ว แต่กูก็พยายามอย่างเต็มที่นะเว้ยที่จะชดเชยให้ต้น คอยโทรหาตลอด มีเวลาว่างก็จะไปอยู่ด้วย”

“เอาจริงๆ นะ ไม่พอหรอก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้นต้องการจริงๆ กูรู้ว่ามันต้องการมากกว่านั้น แต่มันไม่บอกมึงเท่านั้นแหละ ไอ้ต้นมันชอบเก็บความรู้สึก โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่จะทำให้มึงลำบากใจ”

“มึงหมายถึงอะไรวะที่ต้นต้องการมากกว่านั้น” สนเริ่มสงสัย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าปั้นจั่นหมายถึงอะไร

“ไม่น่าถาม เวลามึงอยู่กับแฟน มึงทำอะไรกันบ้างล่ะ เวลานอน มึงนอนด้วยกันเฉยๆ ไม่ทำอะไรหรือเปล่า นั่นแหละคือสิ่งที่ไอ้ต้นต้องการจริงๆ จากมึง” ปั้นจั่นเน้นย้ำตรงประโยคท้ายๆ

“เฮ้ย ไอ้นี่นี่ มึงพูดอะไรของมึงวะ ต้นกับกูเป็นผู้ชายนะเว้ย จะทำอย่างนั้นได้ยังไง” สนร้องเสียงดังด้วยความตกใจ เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง

ปั้นจั่นขำแล้วบอกว่า “ถ้าคนมันรักกัน มันทำได้ทุกอย่างแหละ ความรักมันไม่มีเพศหรอกนะสน โลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ชายรักผู้หญิง ผู้หญิงรักผู้ชาย มึงถามใจตัวมึงเองดีๆ แล้วกัน กูไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ถึงมึงจะไม่ใช่เกย์มึงก็รักผู้ชายได้ มึงเชื่อกู แต่กูก็ไม่สนับสนุนให้มึงไปทำอย่างนั้นกับไอ้ต้นตอนนี้หรอก มันสายไปแล้ว ถ้าวันหนึ่งมึงคิดได้ พวกมึงสองคนก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ กูบอกได้แค่นี้แหละ เดี๋ยวกูคุยแค่นี้ก่อนละกัน พอดีแฟนกูมาละ เดี๋ยวจะไปซื้อของข้างนอกละ โชคดีเว้ยเพื่อน”

“เออ โชคดี” สนตอบสั้นๆ แล้วปั่นจั่นก็วางสายลงไป

สนรู้สึกหูอื้อ ตาลายและหน้าชาเมื่อได้รู้สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน เขาพยายามคิดว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่มันแสดงว่าเขารู้สึกกับต้นแบบนั้น แต่เขาก็นึกออกไม่กี่อย่างและไม่แน่ใจว่ามันใช่หรือไม่ เช่น เขามีความสุขมากเวลาอยู่กับต้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เขาจำได้ว่าเขารู้สึกอยากกอดต้นเพราะต้นดูเหมือนอะไรบางอย่างที่น่ารักน่าทะนุถนอมสำหรับเขา แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรมากกว่านั้น ทุกวันนี้เขาก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่ เขาเคยรู้สึกไม่ชอบใจตอนที่พี่ปิ๊กมาจีบต้น เขาจำได้ว่าเขาเคยลุกหนีออกจากโรงหนังตอนที่เห็นต้นกับพี่ปิ๊กหัวเราะกันสนุกสนาน ในช่วงนั้นเขารู้สึกว่ามันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เขาไม่ยอมเข้าไปค้นหามัน และพยายามผลักไสไล่ส่งมันออกไปจากความคิดให้ไวที่สุด แล้ววันนี้ที่เขารู้ว่าต้นกำลังจะมีผู้ชายมาจีบ สนรู้สึกเหมือนความรู้สึกในวันนั้นมันกลับมาอีกแล้ว สัญญาณที่พอจะบอกเขาได้ตอนนี้ก็คือ เขาไม่รู้สึกดีใจแม้แต่นิดเดียวที่รู้ว่าต้นจะลองเปิดหัวใจให้คนอื่นมาแทนที่เขา เขาเคยบอกให้ต้นทำอย่างนี้ วันนี้ต้นก็จะทำแล้ว ทำไมเขาไม่ดีใจ สนถามตัวเองซ้ำๆ ในใจ เขาเป็นอะไร เขาคิดอะไรกับเพื่อน เขารู้สึกยังไงกับต้นกันแน่ มันเป็นคำถามที่เขาปฏิเสธและเลี่ยงที่จะถามตัวเองมาตลอด หรือว่าครั้งนี้เขาควรจะต้องทำความรู้จักกับความรู้สึกนั้นอย่างจริงๆ จังๆ เสียที เขาไม่ควรจะหนีมันไปอีก เขาจะต้องเดินเข้าไปหามันและเผชิญความจริง แต่มันจะมีประโยชน์อะไรหรือ ถ้าเขารักต้นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาแต่งงานแล้ว ถึงแฟนเขาจะไม่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากได้เมื่อเทียบกับต้น แต่เขาก็รักแฟนเขาและเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของแฟนเขาที่เขาได้เลือกแล้วว่าจะให้มาเป็นคู่ชีวิต แต่ถ้าไม่พิสูจน์อะไรเลยมันก็จะเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจเขาตลอดไป เขาก็ต้องหนีความรู้สึกนั้นไปจนตาย มันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่ คิดไปคิดมาแล้วสนก็ยิ่งสับสนในใจ หรือว่าเขาควรจะต้องเลิกกลัวและเข้าไปค้นหาความรู้สึกนั้นจริงๆ เสียแล้ว

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

38. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #36
 
20-Jun-11, 04:54 AM (SE Asia Standard Time)
 
   จุใจ เต็มอิ่มครับ ขอบคุณครับ

ชอบรูปใหม่ของต้นครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

39. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #38
 
20-Jun-11, 07:38 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ชอบรูปใหม่ของทั้งสองคนเหมือนกันครับ โดยเฉพาะรูปที่ใช้แทนต้น ทำให้ต้นดูเป็นคนที่น่าทะนุถนอมจริงๆ

ป.ล. วันนี้จะเดินทางแล้ว กลับมาอีกทีก็วันที่ 2 เดือนหน้าครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

40. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #38
 
20-Jun-11, 08:08 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   เหมือนจะโพสต์ไม่ขึ้นครับ ก็ขอแจ้งอีกทีว่าเย็นนี้จะเดินทางแล้วครับ กลับมาก็วันที่สองเดือนหน้า แต่จะพยายามหาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดมาอัปเดตให้ได้ครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

41. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #40
 
21-Jun-11, 03:20 PM (SE Asia Standard Time)
 
   รูปใหม่ ของต้นดูเหงาๆดีจัง

ว่าแต่ไปประเทศไหนเหรอครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
วิน
Guest

42. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #41
 
21-Jun-11, 06:58 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ดันไว้ก่อนๆ อิอิ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

43. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #42
 
22-Jun-11, 04:45 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ตกไปอยู่ในหลุมดำ หายากจังครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

44. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #41
 
22-Jun-11, 12:02 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   อยู่ที่ตูริน (อิตาลี) ครับ มาอบรม ช่วงนี้ดูท่าจะไม่ว่างเลยครับ เลิกอบรมเขาก็ชวนไปเที่ยวกัน ก็เลยกลับมาดึก รอสักพักนะครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

45. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #44
 
25-Jun-11, 04:33 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ตกมาไกลครัย


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Bright
Guest

46. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #45
 
26-Jun-11, 02:48 PM (SE Asia Standard Time)
 
   dun


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
วิน
Guest

47. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #46
 
26-Jun-11, 08:24 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ดันด้วยคนครับ...


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

48. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #47
 
26-Jun-11, 09:49 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   กลับมาแล้วครับ ตอนนี้ยัง Jet lag อยู่ เขียนไม่ไหว รออีกนิดนะครับ
ได้อ่านแน่ๆ ครับ ขอโทษด้วยที่หายไปนาน อยากเขียนจริงๆ แต่ไม่ว่างเลยครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

49. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #48
 
27-Jun-11, 04:29 AM (SE Asia Standard Time)
 
   รออีกนิดครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

50. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
28-Jun-11, 00:36 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   มาแล้วครับ ขออภัยด้วยที่ให้รอนานครับ ช่วงนี้คงจะเป็นอย่างนี้บ่อยหน่อยเพราะงานเยอะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 24: ในที่สุดก็ลืมไม่ได้

เมื่อต้นไม่อยู่แล้ว สนก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญของชีวิตขาดหายไป เขามักเหม่อลอยบ่อยๆ วันไหนโทรหาต้นไม่ได้เขาก็จะเกิดอาการวุ่นวายใจ บางทีก็นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร พาลไปจนถึงเบื่อหน่ายหน้าที่ยามค่ำคืนของการเป็นสามี ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ต้นเพิ่งบอกเขาเมื่อไม่กี่วันนี้ก็ยิ่งทำให้สนเกิดความหวั่นใจโดยไม่รู้สาเหตุ ช่วงหลังๆ เขาเริ่มหงุดหงิดง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกับภรรยาที่สนเองก็เริ่มมีปัญหามาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากสนไปรับภรรยาจากที่ทำงานมาที่ห้องพัก เขาก็วางของที่ภรรยาซื้อมาลงบนโต๊ะนั่งเล่น แล้วก็เดินมาหาภรรยาที่มาถึงก็นั่งดูทีวีโดยไม่สนใจอะไร

“นา...ทำไมนาซื้อของแพงๆ พวกนี้มาเยอะแยะเต็มไปหมดเลย พี่ว่าเราน่าจะประหยัดกันบ้างนะ ตอนนี้เรามีค่าใช้จ่ายตั้งหลายอย่าง”

นาหันขวับมามองสนทันทีด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ แต่พอนึกได้ว่าไม่ควรทำท่าทางอย่างนั้นจึงเดินมาคลอเคลียสามีเพื่อเอาใจ “ก็เครื่องสำอางของนาจะหมดแล้วนี่คะ นาเป็นผู้หญิง นาก็อยากสวยอยากงามเป็นธรรมดา พี่ต้องเข้าใจนาด้วยสิ หรือพี่สนอยากให้เมียตัวเองไม่สวยล่ะ” นาทำเสียงอ้อนพลางคอยเหลือบตามองดูสามีเพื่อสังเกตปฏิกิริยาตอบสนอง

สนถอนหายใจแล้วแย้งว่า “พี่เข้าใจ แต่ของที่นาซื้อมันมีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้นเลย” สนแย้ง

นามองค้อนสามีแล้วก็เถียงว่า “แต่มันก็เงินของนานะคะ นาไม่ได้เอาเงินของพี่สนซื้อซะหน่อย แล้วทีพี่สนส่งเงินไปให้พ่อกับแม่เดือนหนึ่งทีละตั้งหลายตังค์ นายังไม่เห็นว่าอะไรพี่สนสักคำนะคะ” นาเถียงพลางผละตัวออกจากสามีด้วยอาการไม่พอใจ

สนมองหน้าภรรยาและขมวดคิ้ว เขาเริ่มไม่พอใจที่ภรรยาของเขาก้าวก่ายไปถึงพ่อกับแม่ของเขาซึ่งไม่เกี่ยวอะไรด้วย

“นา...พ่อกับแม่ของพี่เหนื่อยยากขนาดไหนกว่าจะส่งเสียพี่เรียนจนจบ พี่ต้องตอบแทนบุญคุณของท่านให้อยู่สุขสบาย มันเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นลูก นาต้องเข้าใจสิครับ” สนพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

“นารู้ค่ะ แต่ทำไมต้องส่งให้เยอะขนาดนั้นล่ะคะ พ่อแม่อยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร ทำไมจะต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นล่ะ” นายังไม่ยอมลดละ เพราะเธอรู้สึกไม่พอใจเรื่องนี้มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ถ้าวันนี้ไม่พูด วันหน้าก็ต้องพูด

“นา” สนเรียกภรรยาเสียงแข็งขึ้น ดูเหมือนนาจะคิดได้ว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงเรื่องนี้ต่อไปเพราะเห็นว่าสนเริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจมากขึ้นแล้ว

“เอาไว้คุยวันหลังแล้วกันนะคะ วันนี้นาเหนื่อย อยากจะอาบน้ำนอนละ” ว่าแล้วนาก็ผละไปทันที ทิ้งกองเครื่องสำอางที่เธอซื้อมาไว้บนโต๊ะให้สนจัดการเก็บเข้าที่ให้

สนได้แต่ถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าเขาตามใจภรรยาเขามากจนเกินไปหรือเปล่า ตั้งแต่เริ่มคบกัน เขาคอยเป็นสุภาพบุรุษและเอาอกเอาใจผู้หญิงคนนี้ทุกอย่าง หลังๆ นาเหมือนจะได้ใจเพราะเห็นว่าถึงเธอไม่ทำแต่สนก็ทำให้เสมอ เวลาที่มีปัญหากัน สนต้องการพูดให้จบและสะสางความเข้าใจให้เรียบร้อย เพราะเขารู้ว่าหากไม่เคลียร์ให้จบแล้วก็จะกลายเป็นปัญหาสะสมที่จะยากต่อการแก้ไขในภายหลัง แต่หลายครั้งเขาพบว่ายิ่งคุยก็ยิ่งไม่เข้าใจและทำให้ทะเลาะกันมากขึ้น เขาจึงต้องหยุดไปก่อน แต่สนก็เริ่มกลัวว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ชีวิตแต่งงานของเขาจะต้องอยู่อย่างไม่เป็นสุขแน่ๆ เขารู้สึกว่าช่วงเวลาที่เป็นสุขที่สุดของการแต่งงานก็คือตอนที่นอนด้วยกันเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นความต้องการตามธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม พอหมดไปแล้วก็ยังต้องอยู่กับความกังวลใจและไม่เข้าใจกันต่อไป ทำไมไม่เหมือนเวลาที่เขาอยู่กับต้น ทำไมต้นเข้าใจและรู้ใจเขาทุกอย่าง พูดอะไรก็รู้เรื่อง เข้าใจกัน มิหนำซ้ำต้นยังคอยเสียสละและมีแต่ให้ ไม่เคยคิดจะเรียกร้องเอาอะไรจากเขาเลย คนที่รักกันจริงเขาต้องทำอย่างนี้ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมภรรยาของเขาไม่เป็นแบบนั้นเลย สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนจะพิสูจน์คำถามที่ปั้นจั่นถามเขาว่าอยู่กับใครแล้วมีความสุขที่สุด ต้นเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขและสบายใจอย่างที่สุด จะว่าเป็นเพราะเวลาก็ไม่น่าจะใช่ เขารู้สึกอย่างนั้นตั้งแต่วันแรกๆ ที่รู้จักกับต้นแล้ว เขาไม่มีข้าวกิน ต้นก็ยังอุตส่าห์แบ่งของตัวเองมาให้ เขาอยู่ในอันตรายต้นก็เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยจนตัวเองบาดเจ็บ ทำไมต้นดีกับเขาได้ขนาดนั้นตั้งแต่วันแรกๆ จนถึงวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องของเวลา แล้วมันเป็นเรื่องของอะไรล่ะ สนถามตัวเองในใจ เขาไม่เคยเอาต้นมาเปรียบเทียบกับภรรยาเขาเลยจนกระทั่งได้คุยกับปั้นจั่นเมื่อวันนั้น ยิ่งสนได้รู้จากปั้นจั่นว่าสิ่งที่ต้นต้องการจริงๆ จากเขาคืออะไร มันเป็นสิ่งที่ต้นไม่เคยพูดและไม่มีวันจะบอกเขาอย่างแน่นอน สนยิ่งรู้สึกชื่นชมและทึ่งในน้ำใจของเพื่อนที่ไม่เคยคิดจะเรียกร้องแม้ว่าตัวเองจะโหยหาและเจ็บปวดมากเพียงใด

สนถือโอกาสช่วงที่ภรรยากำลังอาบน้ำโทรศัพท์ไปหาต้น อีกไม่กี่วันต้นก็จะกลับแล้ว เขาอยากรู้ว่าต้นจะกลับวันไหนเพราะเขาอยากไปรับต้นด้วยตัวเองที่สนามบิน และก็ดูเหมือนวันนี้โชคจะเข้าข้างเขาเสียด้วยที่สามารถโทรศัพท์หาต้นได้

“ฮัลโหลต้น นอนหรือยัง” สนถามด้วยน้ำเสียงดีใจ

“เพิ่งสามทุ่มเอง ยังไม่นอนหรอก กำลังดูทีวีอยู่” ต้นตอบพลางขำ

แค่ได้ยินเสียงเพื่อน สนก็ยิ้มดีใจจนเก็บสีหน้าไม่อยู่แล้ว “นายรู้หรือยังว่าจะกลับเมื่อไร”

“วันอังคารหน้า ประมาณบ่ายสอง”

“เหรอ เดี๋ยวเราจะไปรับนายที่สนามบินเองนะ” สนบอกอย่างดีใจ

“ไม่เป็นไรหรอกสน เราไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของนาย เรากลับเองได้” ต้นรีบบอก เขาไม่ได้คิดอะไรเลยในตอนนั้น แค่รู้สึกเกรงใจเพื่อน

แต่การปฏิเสธของต้นทำให้สนหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย “ไม่เป็นไรต้น เราลางานครึ่งบ่ายได้ ให้เราไปรับนายนะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ต้องกังวล” สนคะยั้นคะยอ เขารู้ว่าต้นเป็นคนขี้เกรงใจ แต่เขาก็เต็มใจและตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

ต้นเริ่มมีสีหน้าลำบากใจเพราะเขาเพิ่งตกลงกับพี่มั่นคงไว้ว่าจะให้พี่เขามาส่งเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของสน “คือ...พอดี...เราว่าจะให้พี่มั่นมาส่งน่ะสน เราไม่อยากรบกวนเวลาทำงานนาย” ต้นบอกด้วยเสียงอ่อยเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเสียน้ำใจ

"พี่มั่นเป็นใคร" สนถามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปและห้วนขึ้น

"ก็...คนที่เราเคยบอกนายไงว่าเขา..." ต้นหยุดพูดไว้แค่นี้เพราะเขารู้สึกหวั่นใจที่จะพูดต่ออย่างบอกไม่ถูก

ได้ยินดังนั้นแล้วสนก็เริ่มเกิดอาการน้อยใจและไม่พอใจขึ้นมาทันที “ต้น นายรู้ไหมว่าทำไมเราถึงอยากไปรับนาย นายรู้ไหมว่าเราคิดถึงนายมากแค่ไหน เราตั้งใจไว้แล้ว ต่อให้ต้องลางานทั้งวันเราก็จะมารับนายให้ได้ เราให้ความสำคัญกับนายนะต้น นายเป็นเพื่อนเรานะ เรื่องแค่นี้ทำไมเราจะทำให้ไม่ได้ นายไม่เห็นความสำคัญของเราแล้วใช่ไหมต้น”

ต้นถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่คิดว่าสนจะเกิดอาการน้อยใจได้ถึงขนาดนี้ “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่พอดีเราตกลงกับพี่เขาไว้แล้ว ถ้าเราเปลี่ยนทีหลังมันก็จะดูไม่ค่อยดี”

“โอเค...ไม่เป็นไร นายก็กลับกับเขาแล้วกัน แค่นี้นะ” สนพูดเสียงห้วงแล้วก็วางโทรศัพท์ไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกของต้น

ต้นได้แต่ยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเริ่มสับสนและลังเลว่าเขาทำถูกต้องหรือไม่ที่ปฏิเสธเพื่อนไปอย่างนั้น แต่เขาก็ตกลงกับพี่มั่นคงไปแล้ว แล้วเขาจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ ดูท่าทางสนจะน้อยใจเขาอย่างมากเสียด้วยสิ ต้นไม่เคยเห็นสนน้อยใจเขาถึงขนาดนี้มาก่อนเลย

พอสนวางโทรศัพท์ไปแล้วเขาก็เดินมานั่งดูทีวีพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด ดูทีวีไม่รู้เรื่องเพราะในหัวเฝ้าคิดน้อยใจเพื่อน ทำไมเขาต้องรู้สึกน้อยใจขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอภรรยาอาบน้ำเสร็จแล้วเขาจึงไปอาบน้ำบ้าง แล้วก็เข้านอนโดยไม่พูดไม่จากับภรรยาแม้แต่คำเดียว นาเห็นอย่างนั้นแล้วก็นึกว่าสามีโกรธตนเอง เธอจึงรีบปิดทีวีและตามเข้ามานอนด้วย พอนอนลงแล้วนาก็พยายามมาเคล้าเคลียสนซึ่งนอนหันหน้าไปอีกทางโดยหวังว่าจะทำให้สนอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่เธอคิด

“นา วันนี้พี่เหนื่อย” สนบอกเสียงแข็ง แต่ดูเหมือนนาไม่สนใจสิ่งที่เขาบอกเท่าใดนัก ยังคงพยายามเคล้าเคลียเขาอยู่ จนสนเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นจึงพูดกึ่งตวาดว่า “นา พี่บอกว่าวันนี้พี่เหนื่อยไง”

พอเจออาการแบบนี้เข้า นาก็หน้างอทันที “แล้วทำไมต้องตวาดนาด้วย บอกกันดีๆ ก็ได้นี่คะ”

สนรู้ว่าสงครามน้ำลายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

“เป็นอะไรคะ เห็นทำท่าเหมือนคนเบื่อโลก ทำไมคะ อยู่กับนานี่มันน่าเบื่อมากหรือไง” นาเริ่มใส่อารมณ์บ้างเพราะเธอเองก็อดทนกับอาการแปลกๆ ของสามีมาหลายวันแล้ว แต่สนก็ไม่ยอมพูดอะไร ยังคงหันหน้าหนีไปอีกทางอยู่เช่นเดิม

“บอกมาสิคะ พี่สนเป็นอะไร นาชักจะไม่ไหวแล้วนะคะ ทำเหมือนคนไม่มีชีวิต ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่รู้ว่าไม่พอใจอะไรกันนักกันหนา” แม้ว่าสามีจะเงียบและไม่พูดอะไรแต่นาก็ไม่ยอมลดละตามนิสัยไม่ยอมคนของเธอ

“ก็เบื่อที่นาเป็นแบบนี้แหละ คุยอะไรก็ไม่เคยรู้เรื่องกันเลย” สนว่ากลับไปในที่สุดอย่างอดรนทนไม่ได้ เขารู้ว่าถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไปภรรยาเขาคงหาเรื่องทะเลาะไม่เลิก สนจึงลุกขึ้น เปิดไฟแล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ไปข้างนอกมาใส่ นารีบลุกตามมาทันที เธอมองสามีด้วยสายตาสงสัยอย่างสุดขีดแล้วถามว่า

“นี่พี่สนจะไปไหน ดึกแล้วนะคะ”

“พี่ไม่รู้ แต่พี่เบื่อที่จะทะเลาะกัน” สนหันมาบอก แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องนอน หยิบกุญแจรถแล้วก็ออกไปจากห้องโดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกจากภรรยา

“โอ๊ย เป็นอะไรของเขาเนี่ย” นาพูดอย่างหงุดหงิด มองตามสามีด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอทำอะไรผิดหรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นาก็สังเกตได้ว่าตั้งแต่ที่เพื่อนรักของสามีไปทำงานต่างประเทศ สนก็มีอาการแปลกๆ แบบนี้มาตลอด

สนเดินลงมาที่ลานจอดรถ เขารู้สึกเครียดและหงุดหงิดเหลือเกินในช่วงนี้ เขาก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปไหน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงจะไปเที่ยวผับบาร์หรือกินเหล้าเมายา แต่สนไม่ทำแบบนั้นเพราะรู้ว่าต้นไม่ชอบ เขาให้ความสำคัญกับความหวังดีของเพื่อนเสมอมา หรือว่าวันนี้เขาควรจะทำอย่างนั้นเสียแล้ว เขาต้องการที่พึ่งทางใจอย่างยิ่งในขณะนี้ แต่เขาก็ไม่รู้จะไปหาใคร สนเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างใน ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดตัดสินใจอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ต้นโทรมานั่นเอง แต่สนก็ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้นจนมันเงียบเสียงลงไป สักพักต้นก็โทรมาอีก สนเริ่มลังเลเพราะยังคงน้อยใจเพื่อนอยู่ แต่คิดไปคิดมาก็สงสัยเพราะปกติต้นไม่เคยโทรหาเขาในเวลาดึกดื่นขนาดนี้ถ้าหากไม่มีเรื่องจำเป็น หรือว่าจะมีอะไรหรือเปล่า คิดได้อย่างนั้นแล้วสนก็รีบรับโทรศัพท์ทันทีก่อนที่มันจะหยุดไปอีก

“ฮัลโหล” สนทักก่อนด้วยน้ำเสียงเฉยชาจนต้นรู้สึกได้

“สน...เราขอโทษนะ นายมารับเราได้ไหม เราอยากให้นายมารับเรา” ต้นรีบบอกสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจแล้วทันทีหลังจากที่นอนคิดไปคิดมาอยู่นาน
ได้ยินเสียงเพื่อนแล้วน้ำตาของสนก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขาสับสนและเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเหลือเกิน เขากำลังต้องการใครสักคนที่เขาพอจะยึดเหนี่ยวได้บ้าง แล้วต้นก็โทรมาหาเขาในตอนนี้พอดี

เมื่อเห็นเพื่อนยังเงียบอยู่ต้นก็รีบพูดอธิบายว่า “เรายกเลิกพี่เขาไปแล้วนะสน เรามาคิดๆ ดูแล้ว...คนที่เราควรจะให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือนาย เราขอโทษที่เราหักหาญน้ำใจของนาย อย่าโกรธเรานะสน”

“ต้น...” สนร้องเรียกเพื่อนแล้วก็เริ่มสะอื้น เขาอัดอั้นตันใจมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้เขาหดหู่กับชีวิตมากเหลือเกินโดยที่เขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอะไร นอกจากคิดถึงเพื่อนแล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรมากกว่านี้อีกหรือเปล่าที่ทำให้เขาต้องเป็นถึงขนาดนี้

“สน นายเป็นอะไร นายร้องให้ทำไม” ต้นร้องถามด้วยน้ำเสียงตกใจ เกิดอะไรขึ้นหรือถึงทำให้สนเสียใจถึงขนาดนั้น

“นายรู้ไหมต้น ตั้งแต่นายไม่อยู่ ไม่มีใครเลยที่เราจะพึ่งพาได้ ชีวิตเราไม่เคยมีความสุขเลย” สนเริ่มระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ “เรารู้นะว่านายตั้งใจที่จะไปเพราะเราเป็นสาเหตุ แต่นายรู้ไหมว่าชีวิตเราเป็นยังไง นายลองกลับมาดูสิต้นแล้วนายจะเห็น นายอย่าใจร้ายกับเราแบบนี้ได้ไหม เราเคยบอกนายแล้วว่าชีวิตนี้เราอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีนาย เราก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้เรากำลังรู้สึกแย่ ไม่ต่างจากตอนที่นายหายไปจากบ้านพักตอนสมัยเรียนเลย รู้ไหมต้น”

“สน...” ต้นรู้สึกใจหายวาบ สนเป็นอะไรถึงมีความรู้สึกแย่ถึงขนาดนั้น เขามีภรรยาและครอบครัวอยู่แล้ว ทำไมสนยังบอกว่าชีวิตไม่มีความสุข ไม่รู้จะพึ่งพาใคร แต่อีกด้านหนึ่ง ต้นก็รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจทำแบบนั้นไป ต้นทำอย่างนั้นด้วยเหตุผลอย่างที่สนบอกจริงๆ ถ้าต้นไปหาเพื่อนได้ตอนนี้เขาจะรีบไปทันทีเลย “เดี๋ยวเราก็กลับไปแล้วสน เราก็คิดถึงนายมากเหมือนกันนะ นายรู้ไหมว่าถึงเราจะพยายามแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่เรามีให้นายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง” แล้วต้นก็เริ่มร้องให้บ้าง จึงกลายเป็นว่าต่างคนก็ต่างระบาย “เราก็รู้สึกไม่ต่างจากนายหรอกสน ชีวิตเราก็ไม่มีความสุข เราอยากกลับไปหานาย ได้เห็นนาย ได้ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้นายบ้าง ถึงจะเจ็บแค่ไหน...ก็ยังดีกว่าที่จะต้องเป็นแบบนี้” พูดมาถึงตรงนี้แล้วต้นก็ปล่อยโฮ “เรารักนายนะสน...รักมาก...ผูกพันมาก ไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้ที่เราจะรู้สึกแบบนี้ด้วย เราขอโทษ...ไม่ว่าจะทำยังไงเราก็ทำใจไม่ได้ เราเลิกรักนายแบบนั้นไม่ได้เลย ให้เราตายเสียดีกว่า”

สนได้แต่ตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน จากที่รู้สึกอ่อนแอเมื่อสักครู่นี้ เขาก็เริ่มตระหนักแก่ใจว่าต้นก็ยังคงเป็นคนที่เจ็บและทนทุกข์ทรมานมากกว่าเขาอยู่ดี สนจึงคิดว่าเขาไม่ควรจะอ่อนแอเพราะนั่นหมายความว่าเขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่คิดถึงตัวเองมากจนเกินไป “ต้น เราไม่เคยรังเกียจความรักของนายนะ เราดีใจและเข้าใจเสมอไม่ว่านายจะรักเราแบบไหน เราเสียอีกที่ต้องขอโทษนายเพราะเราไม่เคยตอบแทนความรักแบบนั้นให้นายได้เลย”

“เรารู้ แต่เราก็ไม่อยากให้นายเป็นห่วง ไม่อยากให้นายกังวลกับชีวิตของเรา แต่ตอนนี้เราคิดว่าขอให้เราได้กลับไปเจอนายก็พอ เราไม่อยากจากนายไปไหนนานๆ อีกแล้วสน เราก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน”

ต่างคนต่างเงียบไปและอยู่ในความคิดคำนึงของตนเอง จนเสียงสะอื้นหายไปแล้วทั้งสองคน

“เดี๋ยวเราไปรับนายนะ เราจะให้เวลานายทั้งวันเลย เราจะไปนอนเป็นเพื่อนนาย จะทำอะไรอร่อยๆ ให้นายกินด้วย ดีไหม” สนเปลี่ยนเรื่องพูด ดูเหมือนตอนนี้อารมณ์และน้ำเสียงของเขาดีขึ้นมาก

ต้นรู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาเกรงใจให้เพื่อนเสียน้ำใจอีก จึงตอบตกลงทันที “โอเค”

รอยยิ้มของทั้งสองหนุ่มที่เป็นเพื่อนรักกันกลับมาแล้ว ต้นเป็นคนเดียวในโลกนี้จริงๆ ที่พออธิบายแล้วสนสามารถรับฟังและเข้าใจได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ความน้อยอกน้อยใจเมื่อสักครู่นี้จึงหายไปหมดสิ้น

“คืนนี้เราขอคุยกับนายหน่อยนะ ไม่ได้คุยกับนายนานๆ มาหลายวันแล้ว เดี๋ยวเราจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ก็ได้” สนสัพยอกพลางขำ ต้นก็พลอยขำไปด้วย

“โอเค แล้วนาเขาไม่ว่าเอาเหรอที่นายลุกขึ้นมาคุยโทรศัพท์ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”

พอถามถึงภรรยา สนก็อึ้งไปสักพัก “ไม่หรอก อย่ามัวแต่ห่วงคนอื่นเลย เราอยากคุยกับนายแค่สองคนมากกว่า” สนตัดบทไป ถึงต้นจะไม่รู้ว่าทำไมสนถึงพูดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะซักถามมากไปกว่านี้ให้เสียบรรยากาศ

สนลุกออกมาจากรถ ตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย นานอนหลับไปแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งคุยโทรศัพท์กับต้นตรงระเบียงห้องข้างนอกอย่างมีความสุข คุยไป ยิ้มไป หัวเราะไป จากประสบการณ์ในครั้งนี้ เขาตระหนักดีแก่ใจแล้วว่าชีวิตของเขาขาดต้นไม่ได้ ไม่ใช่คำพูดที่พูดเพื่อให้ฟังดูดี แต่มันเกิดขึ้นกับสนมาแล้วถึงสองครั้ง เขาจะต้องรู้สึกอย่างนี้ในอนาคตอีกหรือ ถ้าเขาไม่อยากให้เป็นอย่างนี้อีก เขาก็น่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

51. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #50
 
28-Jun-11, 04:24 AM (SE Asia Standard Time)
 
   มาขอบคุณเป็นคนแรกครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

52. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #51
 
28-Jun-11, 12:04 PM (SE Asia Standard Time)
 
   อ่านตอนนี้ช่วงท้ายๆทำไมอดอมยิ้ม ในความหึง หวง น้อยใจของสนได้นะ ทั้งๆที่บรรยากาศออกจะดราม่านิดๆแท้ๆ คุๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
น้องน้อย หอยสังห์
Guest

53. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #52
 
28-Jun-11, 09:32 PM (SE Asia Standard Time)
 
   สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
น้องน้อย หอยสังห์
Guest

54. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #52
 
28-Jun-11, 09:33 PM (SE Asia Standard Time)
 
   สนุกมาก


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

55. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
03-Jul-11, 10:40 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 25: อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าคนรักกัน

วันนี้ต้นจะกลับแล้ว พอสนกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วเขาก็รีบขับรถตรงไปสนามบินทันทีด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้พบเพื่อน หลังจากได้คุยกับต้นวันนั้นและรู้ความรู้สึกจริงๆ ของต้นแล้ว สนก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้สนหนักใจในขณะนี้ก็คือ บทบาทและหน้าที่การเป็นสามีที่ดี เขาเริ่มเบื่อหน่ายและลำบากใจกับการทำหน้าที่นี้เสียแล้ว สามีภรรยาทั่วไปก็อาจจะทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต่างจากที่เขากับนาเป็นอยู่มากนัก โดยมากก็จะรู้สึกขุ่นเคืองกันใจบ้าง แต่ไม่นานก็หายและสุดท้ายก็จะปรับตัวได้ แต่สนกลับรู้สึกว่ามีอะไรที่มากกว่านั้น ทำไมเมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นเลย จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสพูดเปิดใจกับต้นก่อนที่จะแต่งงานและเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น พอได้คุยกับปั้นจั่นแล้วก็ยิ่งทำให้สนรู้สึกเปลี่ยนไป เขาอาจจะคิดอะไรพิเศษบางอย่างกับต้นอย่างที่ปั้นจั่นบอกหรือเปล่า เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าสนจะไม่รู้ว่าต้นคิดอะไรตอนที่เขาตัดสินใจมีแฟน เขารู้ว่าต้นน้อยใจและแอบเสียใจ เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีที่ต้นรู้สึกเช่นนั้น แต่ชีวิตเขาก็ต้องดำเนินไปตามวิถีทั่วไปของผู้ชายคนหนึ่ง เขาไม่ได้คุยเรื่องนี้กับต้นมากนักในตอนนั้นแต่ก็สังเกตได้จากอาการบางอย่างของต้น สนจึงรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ในใจเสมอที่ทำให้เพื่อนต้องเจ็บแม้ว่าต้นจะไม่เคยพูดหรือเรียกร้องอะไรเลย ทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวกับแฟนหรือมีบางช่วงที่ห่างเหินไป เขารู้ว่าต้นเหงา จนทำให้หลังๆ มานี้ต้นทำงานหนักมากขึ้น วันหยุดว่างๆ ต้นก็จะไปหากิจกรรมจำพวกงานอาสาสมัครทำ สนรู้ว่าต้นทำอย่างนั้นเพราะไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน ต้นคอยหลบหน้าและหลีกเลี่ยงการเจอเขาอยู่บ่อยๆ เขาเข้าใจว่านั่นก็เป็นทางออกที่ทำให้ต้นไม่ทุกข์จนเกินไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สนก็รู้ว่าต้นรักเขาเช่นนั้นเสมอมา บางครั้งก็ทำให้สนอดคิดไม่ได้ว่าเขามีความสุขอยู่บนความทุกข์ของเพื่อน เพื่อนที่ดีกับเขาเหลือเกิน ดีจนไม่รู้ว่าชาตินี้สนจะตอบแทนให้เพื่อนอย่างไร นอกจากจะไม่ได้ตอบแทนอะไรมากแล้วเขายังกลับทำให้เพื่อนเป็นทุกข์เสียอีก ความรู้สึกผิดหรือเปล่าที่ทำให้สนเปลี่ยนไป แต่ต้นกับนาก็เป็นคนละคน ไม่น่าจะเกี่ยวกันในเรื่องนี้ ถ้าเขารู้สึกผิดกับต้นก็ไม่น่าจะทำให้เขารู้สึกกับนาเปลี่ยนไป มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ หรือจะเป็นอย่างที่ปั้นจั่นว่าหรือเปล่า เขาจะเป็นเกย์อย่างนั้นหรือ คิดมาถึงตรงนี้แล้วสนก็เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ เขาไม่ชอบคนพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยรู้สึกดีกับคนพวกนี้สักครั้ง เขายกเว้นให้แค่ต้นคนเดียวเท่านั้นด้วยเหตุผลเดียวคือความดีของต้น ถ้าเขาจะเป็นเสียเองเขาก็คงรับไม่ได้อย่างแน่นอน

ความคิดสับสนของสนหยุดลงเมื่อเขามาถึงสนามบิน สนจอดรถแล้วก็ออกมายืนรอเพื่อนอย่างใจจดใจจ่อ เก็บความสงสัยทุกอย่างไว้เพราะการได้เจอเพื่อนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ไม่นานนักสนก็เห็นต้นเข็นกระเป๋าออกมาจากสนามบินด้วยชุดลำลองสบายๆ สนไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาเพื่อนพร้อมกับร้องเรียกอย่างดีใจ ต้นหันมาเห็นสนแล้วก็ดีใจไม่แพ้กัน เขาปล่อยรถเข็นกระเป๋าแล้วก็หยุดยืนรอรับอ้อมกอดจากเพื่อนที่วิ่งมาหา

“ต้น” สนกอดเพื่อนแน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ การรอคอยที่แสนยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว เขาตื้นตันและดีใจจนไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาพูดได้ แค่เสียงที่เขาเรียกชื่อเพื่อนเพียงอย่างเดียวก็บอกทุกความรู้สึกได้ทั้งหมดแล้ว

“สน” ต้นกอดเพื่อนด้วยความรู้สึกที่คิดถึงและห่วงหาไม่แพ้กัน ในตอนนี้ภาษากายสำคัญกว่าคำพูดทุกอย่างเพราะรู้สึกว่าแม้คำพูดจะสวยหรูเพียงใดก็ไม่เท่ากับความรู้สึกและการกระทำที่เกิดขึ้นจริงๆ ณ ตอนนี้

สนปล่อยเพื่อนแล้วจับไหล่ต้นไว้เพื่อจะได้ดูหน้าตาของเพื่อนให้ชัดๆ ทั้งคู่มีหยดน้ำตาปริ่มๆ “ดีใจเหลือเกินต้นที่นายกลับมา สบายดีใช่ไหม เราเป็นห่วงแล้วก็คิดถึงนายทุกวันเลยเพื่อนรัก” สนสังเกตดูเนื้อตัวผิวพรรณของต้นก็เห็นอะไรบางอย่างแปลกไป “ไปทำอะไรมาถึงดำอย่างนี้ล่ะ ดูแข็งแรงขึ้นด้วย”

ต้นยิ้ม หัวเราะแล้วก็ตอบว่า “ก็ทำงานกลางแดดเกือบทุกวัน บางทีก็ต้องใช้แรงงานบ้าง ช่วยเขา” ต้นสังเกตดูเพื่อนบ้าง “ทำไมนายผอมจังเลยล่ะสน เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของต้นดูเป็นห่วง

“ก็อย่างที่เราบอกนายไง นายเห็นแล้วใช่ไหมต้นว่านายสำคัญกับเราขนาดไหน ถ้านายไม่กลับมาอีกซักเดือนเราคงเหลือแต่กระดูก” สนพูดติดตลกตอนท้าย แต่ต้นก็รู้ว่าสนไม่ได้พูดเล่น เขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขาไม่อยู่สามเดือนจะทำให้สนถึงกับกินนอนไม่ได้ถึงขนาดนี้

เห็นต้นทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดสนก็รีบชิงบอกว่า “ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงมันดีกว่า นายกลับมาเราก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องไปไหนนานๆ อีกก็พอ”

ต้นพยักหน้า “ถ้านายยังต้องการเราอยู่ เราก็ไม่ไปไหนหรอก เราก็เข็ดแล้วเหมือนกัน”

พอเพื่อนพูดจบสนก็ดึงเพื่อนมากอดอีกให้สมกับที่คิดถึงเสียเหลือเกิน แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งยืนมองต้นกับเขาอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหน ดูเหมือนจะอยู่แถวๆ นี้มาสักพักหนึ่งแล้วแต่สนไม่ได้สังเกต สนคลายอ้อมแขนออก สายตายังคงจับจ้องที่ชายแปลกหน้าคนนั้นอยู่

ต้นรู้สึกว่ามีอะไรผิดสังเกตจึงหันไปมองตามบ้าง พอเห็นพี่มั่นคงแล้วต้นก็เพิ่งนึกได้ เขามัวแต่ดีใจจนลืมว่าพี่มั่นคงรออยู่ “ขอโทษทีครับ” ต้นรีบบอกพี่มั่นคงเมื่อนึกได้ แล้วก็หันมาทางสน “สน...นี่พี่มั่นคงนะ ที่เราเล่าให้นายฟังไง” น้ำเสียงของต้นดูประหม่าและไม่มั่นคงเพราะสังเกตเห็นแววตาแปลกๆ ที่สนมองพี่มั่นคง

“สวัสดีครับ” สนยกมือไหว้

พี่มั่นคงรับไหว้ เขาเห็นสีหน้าท่าทางของสนแล้วก็รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรทันที “ชื่อสนใช่ไหม เห็นต้นพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ” พี่มั่นคงพยายามจะผูกมิตรด้วย เห็นสิ่งที่ต้นกับสนแสดงออกเมื่อสักครู่นี้แล้วพี่มั่นคงก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ต้นบอกว่าสนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ไม่ได้รักต้นแบบนั้น แต่สายตาของต้นกับสนที่มองกันนั้นกลับทำให้เขาต้องทบทวนและคิดต่างออกไป

“ครับ ผมกับต้นเป็นเพื่อนรักกันครับ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ” สนพูดพร้อมกับโอบไหล่เพื่อนไว้คล้ายกับจะบ่งบอกบางสิ่งบางอย่างเป็นนัยๆ

“ผมรู้แล้วล่ะ ต้นเขาเล่าให้ฟังแล้ว เห็นต้นบอกว่าวันนี้สนลางานมารับต้นโดยเฉพาะเลย” พี่มั่นคงหันไปพูดกับต้นในตอนท้าย

ต้นยิ้มด้วยความรู้สึกไม่คอยมั่นคงนัก เขารู้สึกถึงบรรยากาศการสนทนาที่อึดอัดจากอาการของทั้งสองคนในระดับหนึ่งแล้ว

“เดี๋ยวพี่ไปก่อนละกันต้น ต้นจะได้พักผ่อน” พี่มั่นคงบอก เขาก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเช่นกัน

“ขอบคุณครับพี่ แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้ครับ” ต้นบอกพลางยกมือไหว้ขอบคุณ

“ครับ ฝากดูแลต้นดีๆ ด้วยนะครับสน คนนี้...ผมห่วงเป็นพิเศษ” พี่มั่นคงจงใจทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้สนสะดุดใจ

ได้ผลทีเดียวเพราะสนมีปฏิกิริยาบางอย่างตอบสนองทันทีด้วยการขมวดคิ้วสงสัย

“ไม่ต้องห่วงครับ เพื่อนผม ผมรักของผม ผมดูแลเพื่อนผมเป็นอย่างดีมาตลอดอยู่แล้วครับ”

ต้นได้แต่มองหน้าชายหนุ่มอีกสองคนอย่างงงๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------
“นายนอนพักผ่อนก่อนดีไหมต้น กลับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวเราจะทำอะไรให้กิน อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” สนหันมาถามขณะที่ยกกระเป๋าเดินทางและของที่ต้นซื้อมาฝากไปเก็บเข้าที่ ใบหน้าของเขายิ้มแย้มอย่างมีความสุขตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอต้นที่สนามบินแล้ว

“เราอยากกินต้มยำกุ้งอร่อยๆ อยู่นี่นู่นเขาไม่ค่อยกินอาหารเผ็ดๆ กันเลย เราอยากกิน ได้ไหม” ต้นบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ได้เลยเพื่อน เดี๋ยวเราจัดให้” สนยิ้มด้วยความยินดี

“เราไม่เหนื่อยหรอก ไม่ง่วงด้วย ให้เราช่วยนายทำด้วยสิ” ต้นนึกสนุก

สนทำท่าครุ่นคิดแล้วก็ตกลง “ได้สิ เราจะออกไปซื้อของข้างนอกแป๊บหนึ่ง นายอยู่นี่นะ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน ไม่ต้องไปกับเราหรอก”

“โอเค” ต้นรับคำอย่างงว่าง่าย

สนเดินออกไป ต้นมองตามเพื่อนแล้วก็ยิ้ม อย่างน้อยถึงเขาจะไม่ได้ความรักแบบนั้นจากเพื่อน แต่การที่เขาได้ความรักอย่างเพื่อนที่จริงใจจากผู้ชายคนหนึ่งที่เขาแสนรักมา เขาก็ดีใจและภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว สนเป็นเพื่อนที่น่ารักกับเขามาตลอด ใส่ใจและให้ความสำคัญกับเขาเสมอ เจ็บยังไงต้นก็รู้สึกว่าคุ้มค่า ได้เห็นรอยยิ้มสดใสมีเสน่ห์ ได้อยู่ใกล้ๆ ผู้ชายที่ดูอบอุ่นคนหนึ่งที่คอยดูแลเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าต้นจะลำบากใจบ้างเพราะบางครั้งก็อดรู้สึกหวั่นไหวและคิดไปไกลเวลาอยู่ใกล้ชิดกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
พอสนกลับมาแล้ว ต้นก็ทำหน้าที่เป็นลูกมือที่ดี ช่วยหั่นผักและเครื่องเทศต่างๆ โดยมีสนเป็นผู้คอยกำกับเพราะเขารู้ว่าต้นทำไม่ค่อยเป็น ต่างจากสนที่ทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเขาต้องคอยหุงหาอาหารให้พ่อกับแม่ที่ออกไปทำงานนอกบ้านเสมอ ในช่วงหลังๆ มานี้สนพบว่าการทำอาหารเป็นกิจกรรมที่ทำให้เขาผ่อนคลายและได้พักผ่อน เขาจึงมักทำบ่อยๆ ทั้งทำให้ภรรยากิน เวลากลับไปบ้านไปหาพ่อกับแม่สนก็มักจะลงมือทำอาหารเองบ่อยๆ เวลามาหาต้นก็เช่นกัน แต่บางทีก็ออกไปกินข้าวนอกบ้านบ้างถ้าไม่มีเวลาจริงๆ

พอทำต้มยำกุ้งเสร็จแล้ว สนก็จะทำไข่เจียวทอดกับชะอม ต้นก็มีหน้าที่หั่นผักเช่นเคย

“เราอยากทอดไข่เจียว นายให้เราทำนะ” ต้นขันอาสา

สนพยักหน้า “เอาสิ”

พอหั่นผักเสร็จแล้วต้นก็ตอกไข่ใส่ถ้วย สนคอยมายืนคุมอยู่ด้านหลังพร้อมกับสอนวิธีตอกไข่ ในระหว่างนั้น สนแอบมองต้นด้วยความรู้สึกบางอย่างอยู่บ่อยครั้ง จนต้นรู้สึกได้จึงหันกลับมามองสนขณะที่เขามายืนอยู่ด้านหลัง เมื่อสายตาประสานกัน ต่างคนก็ต่างประหม่า หวิวไหวใจสั่น สนรู้สึกเหมือนว่าสายตาที่ฉายแววเศร้าของต้นมีพลังดึงดูดบางอย่าง ในขณะที่แววตาที่แสนจะอบอุ่นของสนก็ทำให้ใจต้นสั่นไหว สนนึกถึงวันนั้น เขายังจำรสจูบนั้นได้ดี สนเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาต้นอย่างช้าๆ ราวกับต้องมนตร์สะกด เป้าหมายของเขาคือริมฝีปากที่น่าจูบของต้น ต้นยืนตัวแข็งทื่อ แต่ก่อนที่สนจะได้ทำอะไร ต้นก็กลับทำลายบรรยากาศนั้นเสีย

“นายเอากระทะมาให้หน่อยสิ”

สนตื่นจากภวังค์ในทันที ในใจก็รู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก

“ได้สิ” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกระทะมาให้เพื่อน ท่าทางของเขายังดูมึนงงอยู่พอสมควร สนเอากระทะมาตั้งแล้วก็บอกเพื่อนว่า “วันนี้เราจะอยู่กับนายทั้งวันเลยนะต้น เราบอกนาแล้ว นาเขาไม่ว่าอะไร พอดีนาเองก็จะไปหาพ่อกับแม่อยู่พอดี ก็เลยว่าจะค้างที่บ้านพ่อกับแม่”

ต้นพยักหน้ารับรู้ “ชีวิตครอบครัวนายเป็นอย่างไรบ้างล่ะสน”

สีหน้าของสนเปลี่ยนไปทันที จากที่ดูยิ้มแย้มก็ดูเหมือนจะสลดลงเมื่อเจอคำถามที่เขาลำบากใจที่จะตอบ สนถอนหายใจ “ก็ดี”

“ก็ดี...แล้วทำไมถอนหายใจล่ะสน” ต้นมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย

“เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังละกันนะ ตอนนี้ทำอาหารก่อนดีกว่า” สนตัดบท

ต้นจึงไม่ต่อความ เขารู้สึกสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างสนกับภรรยามาระยะหนึ่งแล้วล่ะ แต่เห็นสนไม่ค่อยอยากเล่า ต้นจึงได้แต่เก็บความสงสัย ถ้าสนไม่พร้อม ต้นก็จะไม่บังคับอย่างเด็ดขาด

“นายจะกลับบ้านไหมต้น เราว่านายน่าจะกลับนะ พ่อกับแม่คงคิดถึงนายน่าดู พ่อกับแม่เราก็ถามหานายอยู่บ่อยๆ ไปไหม เดี๋ยวเราพาไป วันเสาร์นี้เลย” สนชวนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ต้นพยักหน้าพลางยิ้มตื่นเต้นเช่นกัน “ไปสิ เราบอกพ่อกับแม่แล้วล่ะว่าเราจะไป”

“ดีเลย ตั้งแต่ได้รถคันนี้มา เรายังไม่เคยพานายกลับบ้านเลย” สนยิ้มด้วยความหวัง เขาอยากขับรถพาต้นกลับไปที่หมู่บ้านที่เขากับต้นเคยอยู่ในช่วงวัยเด็ก อยากพาต้นไประลึกความทรงจำดีๆ ต่างๆ มากมายที่เล่ากันสามวันสามคืนก็ไม่หมด แค่คิดก็มีความสุขแล้ว แต่สนก็หารู้ไม่ว่าเขาจะยิ่งทำให้ต้นเจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนเย็นๆ ต้นกับสนก็นั่งกินข้าวด้วยกัน สนทำกับข้าวไว้สามสี่อย่างให้พอดีสำหรับกินสองคน ต้นดูจะเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษเพราะไม่ได้กินอาหารแบบนี้จากฝีมือเพื่อนมานานหลายเดือนแล้ว สนจึงยิ้มแก้มแทบปริที่เห็นเพื่อนชอบ

“นายน่าจะเปิดร้านขายอาหารนะสน นายทำอาหารอร่อยมากเลยรู้ไหม อีกอย่าง เรารู้สึกว่านายมีความสุขมากเวลาที่ทำอาหาร เอาไหม เดี๋ยวเราหุ้นด้วย”

สนดูสนใจไม่น้อย เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย “น่าสนใจ...เราก็รู้สึกอย่างนั้น เราทำอาหารทีไรเราก็มีความสุข โดยเฉพาะเวลาทำให้นายกิน”

“เอางี้ละกัน ช่วงนี้เรามาลองศึกษาความเป็นไปได้ดูก่อน ถ้านายพร้อม เราจะช่วยเอง”

สนยิ้มด้วยความตื้นตันใจ ต้นคือคนที่พร้อมจะช่วยสนับสนุนเขาทุกอย่าง เขารู้ว่าถ้าเขาอยากทำขึ้นมาจริงๆ ต้นจะเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้เขาทำได้

“ขอบใจมากเพื่อน นายดีกับเราจริงๆ นะต้น ดีจนเรารู้สึกผิดที่...” แล้วสนก็หยุดพูดเพราะไม่รู้จะสื่อสารออกไปอย่างไร

“รู้สึกผิดเรื่องอะไร นายไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา” ต้นถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวเถอะ เรื่องเครียดๆ เอาไว้คุยวันหลังดีกว่า วันนี้เราอยากคุยเรื่องที่มีความสุข” สนตัดบท

เมื่อสังเกตดูหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ต้นเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าสนต้องมีปัญหาชีวิตบางอย่าง แต่อีกไม่นานนี้สนก็คงจะบอกเขาเอง ต้นจึงไม่เซ้าซี้ถาม
------------------------------------------------------------------------------------------------
กลางดึก สนรู้สึกตัวขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ เขาลุกเดินไปหาน้ำกินในตู้เย็นเสร็จแล้วก็กลับเข้ามานอนต่อ แต่ก่อนจะนอน สนก็หันไปมองต้นที่กำลังนอนอยู่ด้วยความสนใจ สนดึงผ้าห่มที่หลุดไปอยู่บริเวณเอวขึ้นมาคลุมบริเวณอกของเพื่อน แสงไฟจากข้างนอกทำให้เขาเห็นใบหน้าของต้นที่นอนหลับอย่างเป็นสุข สนไม่ค่อยได้มีโอกาสสังเกตใบหน้าของเพื่อนอย่างชัดเจนมากนัก เขาจึงก้มลงมาดูใกล้ๆ ใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าผากของเพื่อนออกไป สนมองดูเพื่อนด้วยสายตาอ่อนโยนและเอ็นดู เมื่อสังเกตดีๆ แล้วเขาพบว่าต้นเป็นคนที่น่ารักน่าทะนุถนอมไม่น้อย ในวินาทีนั้น ความรู้สึกอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างได้แล่นเข้ามาในความคิดของเขา บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่สนต้องพิสูจน์สิ่งที่เขาสงสัยกับตัวเองมานาน ไม่อย่างนั้นก็คงจะต้องสงสัยต่อไป คิดดังนั้นแล้วสนจึงค่อยๆ โน้มใบหน้าต่ำลงโดยใช้สองมือยันพื้นเตียงนอนไว้ มือข้างซ้ายของเขาคร่อมตัวเพื่อนไว้ เขาอยากจุมพิตริมฝีปากของต้นเพื่อวัดใจว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า เขาไม่แน่ใจนักว่าครั้งนั้นเขาทำไปด้วยเหตุผลใด แต่คิดไปคิดมาก็ดูเหมือนเขากำลังจะแอบทำมิดีมิร้ายกับเพื่อนขณะนอนหลับ อาจจะดูไม่ค่อยดีนักถ้าเกิดต้นตื่นขึ้นมาเห็น สนจึงเปลี่ยนใจจากการจุมพิตเป็นหอมแก้มเพื่อนแทน พอทำไปแล้วเขากลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ฝืนความรู้สึกของตัวเองมากนัก กลับรู้สึกดีที่ได้ทำเสียอีก แต่ถ้ามากกว่านี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำได้ไหม

ในขณะที่สนกำลังคิดเพลินๆ อยู่นั้น ต้นก็เริ่มขยับตัว ด้วยความตกใจว่าเพื่อนจะตื่นแล้วพบว่าเขาแอบทำอะไรมิดีมิร้ายกับเพื่อนอยู่ สนจึงต้องรีบตัดสินใจทำบางอย่างซึ่งจะต้องไม่เคลื่อนไหวมากไปจนผิดสังเกต เขาจึงทำเป็นแกล้งหลับโดยฟุบหน้าลงข้างๆ ใบหน้าของต้นบนหมอนใบเดียวกัน มือข้างซ้ายของเขาพาดอยู่บนอกของต้นเหมือนกับคนที่นอนละเมอแล้วป่ายมือไปโดยไม่รู้ตัว หัวใจสนเต้นตึกตักเพราะเขาไม่รู้ว่าต้นจะทันเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า แล้วต้นก็ตื่นจริงๆ ด้วยสิ สนนึกแล้วก็ขำตัวเองในใจ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยให้ตายเถอะ

ต้นรู้สึกแปลกใจพอสมควรที่ตอนนี้สนนอนคว่ำหน้าอยู่บนหมอนใบเดียวกับเขา แถมยังเอามือมาป่ายบนหน้าอกเขาอีก ปกติสนก็ไม่ใช่คนนอนดิ้นและไม่ป่ายแขนขาไปทั่วแบบนี้นี่นา พอเห็นว่าเพื่อนนอนคว่ำหน้า ต้นก็เกรงว่าเพื่อนจะนอนในท่าที่ไม่สบาย จึงค่อยๆ เลื่อนมือของสนลงจากหน้าอกของเขาแล้วก็ลุกขึ้น ต้นค่อยๆ พลิกตัวเพื่อนให้นอนหงายบนหมอนของสนเอง พร้อมจัดแจงผ้าห่มให้เรียบร้อยโดยที่ไม่รู้เลยว่าสนแกล้งนอนหลับอยู่ พอเห็นว่าผมปรกหน้าผากเพื่อน ต้นก็ใช้มือค่อยๆ ปัดออกให้อย่างแผ่วเบา เป็นสัมผัสที่แสดงถึงความรักและห่วงใยที่สนสัมผัสได้อย่างไม่เคลือบแคลงสงสัยแต่ประการใด แล้วสนก็แกล้งทำเป็นตื่นขึ้นด้วยอาการงัวเงียนิดๆ ต้นตกใจแล้วก็รีบชักมือกลับ

“ขอบใจนะ” สนลืมตาแป๋วมองเพื่อน

“ขอบใจอะไร” ต้นถามอย่างหวั่นใจเพราะไม่รู้ว่าสนรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนไหนและเห็นอะไรบ้าง

“อ้าว ก็นายช่วยห่มผ้าแล้วก็ปัดผมออกจากหน้าผากเราไง” สนบอกพลางยิ้มอ่อนโยน

ต้นรู้สึกเขินอายจึงล้มตัวลงนอนแล้วหันหน้าไปอีกทาง สนขำเบาๆ เมื่อเห็นต้นรู้สึกเขินอาย ดูๆ ไปก็น่ารักไปอีกแบบ

“นายว่าอากาศเย็นไหม นายเปิดแอร์กี่องศาเนี่ย หนาวหรือเปล่า” สนถามอย่างเป็นห่วงแต่สายตามีเลศนัย

“หนาวเหรอ เดี๋ยวเราไปปรับแอร์ให้” ต้นหันมาถามเพื่อนพลางทำท่าจะลุก แต่สนก็ใช้มือขวางไว้

“เปล่า เราไม่หนาวเท่าไร แต่เราถามว่านายหนาวหรือเปล่า”

ต้นมองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ “ก็หนาวนิดหน่อย แต่ห่มผ้าก็อุ่นแล้ว”

“งั้น...กอดเราสิจะได้อุ่นมากขึ้น” ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้สนกล้าพูดเช่นนั้นออกไป แต่เขาก็พูดไปแล้ว

ต้นมีสีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “อะไรนะ” ต้นถามเหมือนไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือเปล่า

“หนาวก็กอดเราสิ จะได้หายหนาวไง” สนทวนซ้ำ ถ้าแสงไฟจากข้างนอกสว่างกว่านี้คงจะเห็นต้นหน้าแดงด้วยความเขินอายอย่างแน่นอน

ต้นพลิกตัวและหันหน้าไปอีกทาง ยิ้มกรุ้มกริ่มของสนทำให้ต้นรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจและขัดเขินจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

“ถ้าไม่กอด งั้นเรากอดเองนะ” สนขู่ทีเล่นทีจริง แต่เขาก็ไม่ได้พูดเล่น สนเขยิบเข้าไปใกล้แล้วก็กอดเพื่อนจริงๆ อย่างที่เขาขู่เมื่อสักครู่นี้ ต้นสะดุ้งตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน

“อุ่นใช่ไหมล่ะ” สนสัพยอกและหัวเราะด้วยความชอบใจที่เห็นเพื่อนเขินอาย นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่สนสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ มันช่วยทำให้เขามั่นใจในความรู้สึกบางอย่างมากยิ่งขึ้น ส่วนต้น แม้จะเขินอายแค่ไหน แต่เขาก็รู้สึกดีและมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขารัก ต้นกุมมือของเพื่อนที่อยู่บริเวณหน้าอกของเขาไว้และยิ้มอย่างพอใจ แล้วทั้งสองคนก็หลับไปในสภาพเช่นนี้จนถึงเช้า

ถ้าเพื่อนมานอนด้วย ต้นจะรีบตื่นแต่เช้า สิ่งแรกที่ต้นทำก็คือจัดชุดเสื้อผ้าที่สนจะใส่ไปทำงานแล้วแขวนไว้ให้ เสื้อผ้าที่สนใส่ส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้าของต้นเองเพราะสนมีหุ่นไม่ต่างจากเขานัก ความสูงก็พอๆ กัน มีบางส่วนที่สนเอามาเก็บไว้บ้าง บางส่วนต้นก็ซื้อมาให้เพิ่มเติมเช่นชุดชั้นในและผ้าเช็ดตัวซึ่งไม่ควรจะใช้ร่วมกัน เวลาเพื่อนใส่เสื้อผ้า ต้นจะมาช่วยดูแลความเรียบร้อยให้เสมอ ช่วยติดกระดุมแขนเสื้อให้ ดูแลผมเผ้าให้ การดูแลเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่ภรรยาเขาไม่ค่อยได้คำนึงถึงมากนัก เนื่องจากนาทำงานธนาคารในห้างจึงไปทำงานสายและกลับเย็นๆ ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลสามีทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น มิหนำซ้ำสนยังต้องคอยทำงานบ้านให้แทบทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ต้นช่วยดูแล เขาจึงรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่าเพื่อนทำให้ด้วยความรักความห่วงใย เขาก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งและเห็นความสำคัญของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เพื่อนคอยใส่ใจเสมอ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
น้องน้อย หอยสังห์
Guest

56. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #55
 
03-Jul-11, 10:57 AM (SE Asia Standard Time)
 
   สนุกแบบไม่มีคำบรรยาย


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

57. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #56
 
03-Jul-11, 11:40 PM (SE Asia Standard Time)
 
   บทนี้หวานดีจริงๆ

เวลาต้นกับสนอยู่ด้วยกัน มันดูอบอุ่นดีแท้


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
คนที่ติดตามครับ
Guest

58. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #57
 
03-Jul-11, 11:57 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เข้ามาอ่านอีกรอบ หลังจากจบแบบที่ 1 ไปแล้วครับ

แล้วไงจะติดตามต่อไปครับ

ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

59. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #57
 
04-Jul-11, 04:34 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ซาบฐึ้งครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

60. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
04-Jul-11, 07:00 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 26: สิ่งที่สนจะไม่ยอมสูญเสีย

เย็นวันศุกร์ก่อนจะกลับบ้านที่จังหวัดนครปฐม สนโทรมาบอกต้นด้วยน้ำเสียงกังวลว่า

“ต้น...พอดีนาเขาจะขอกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เราด้วย เขาขอลางานไปแล้ว นายคิดยังไง”

ต้นไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตนเองอย่างไรเมื่อได้ฟัง ไม่ใช่ว่าต้นลำบากใจแต่เขาเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกสะใภ้จะไปหาพ่อกับแม่ของสามี ถ้านาจะไปก็คงเป็นเรื่องที่สนกับภรรยาต้องตกลงกันเอง “เราขอให้นายกับนาตกลงกันเองดีกว่านะ ไม่ว่านาจะไปหรือไม่ไปเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย”

สนเงียบไป ต้นจึงยืนยันให้สนมั่นใจมากขึ้น “เราคิดอย่างนั้นจริงๆ นะสน นายไม่ต้องห่วงเราหรอก”

“แต่เราอยากไปกับนายสองคนมากกว่านะต้น” สนสารภาพสิ่งที่คิดออกมา

“อย่าทำอย่างนั้นเลยสน ถ้านาอยากไปก็ให้นาไปเถอะ”

“ถ้านาไป นายยังจะไปกับเราหรือเปล่า” สนถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

“ก็แล้วแต่นาย ถ้านายสะดวกใจ เราก็ไปด้วยได้”

“เราไม่มีปัญหาอะไรหรอกต้น แต่ที่เราถามเพราะเราเป็นห่วงความรู้สึกของนาย นายเข้าใจที่เราพูดใช่ไหมต้น” นี่ต่างหากคือสิ่งที่สนกังวล

“เรายืนยัน ถ้านายอยากให้เราไปด้วย เราก็จะไปด้วย มาถึงวันนี้แล้วเราต้องยอมรับความเป็นจริง เราเข้าใจนายนะสน ไม่ใช่ปัญหาของนายหรอก ถ้าเราอยากจะเป็นเพื่อนกับนายต่อไป เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง เราไม่อยากหลบเลี่ยง ถ้าเจ็บ...เราก็จะได้เรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อไม่ให้เจ็บ อย่าห่วงเราเลย นายก็ใช้ชีวิตของนายอย่างเดิม”

“ต้น...” เสียงของสนเหมือนค่อยๆ หายไป เขารู้สึกเศร้าใจเหลือเกินที่เห็นเพื่อนต้องมีชีวิตที่น่าสงสารเช่นนี้ “พรุ่งนี้เช้าเราจะไปรับนายนะ”
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนแปดโมงเช้า ต้นลงมายืนรอที่หน้าที่พักของตนเอง สักพักสนก็ขับรถเข้ามา ภรรยาของเขานั่งมาด้วย วันนี้สนใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวและกางเกงยีนส์ ผิวที่ขาวอย่างคนเหนือและเสื้อผ้าที่ส่ส่งให้สนดูหล่อมากทีเดียว สนลงจากรถแล้วก็วิ่งมาเปิดประตูหน้ารถอีกด้านเพื่อให้นาลง นายกมือไหว้ต้นเมื่อลงมาจากรถ

“สวัสดีค่ะพี่ต้น สบายดีไหมคะ ไม่ได้เจอพี่ต้นเสียนานเลย ไปอยู่ลาวสนุกไหมคะ” นาเริ่มทักทายก่อนพลางยิ้ม

“สบายดีครับ งานหนักนิดหน่อยแต่ก็พอไปได้” ต้นยิ้มตอบ จะว่าไปแล้วนาก็เป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียว สนมีภรรยาแบบนี้เขาก็น่าจะพอใจ แต่อะไรหรือที่ทำให้สนดูเหมือนจะมีปัญหากับภรรยา ที่ผ่านมาสองคนนี้ก็ดูรักกันดี รักกันดีจนบางครั้งต้นไม่อยากรับรู้เสียด้วยซ้ำไป

“พี่ต้นนั่งข้างหน้ากับพี่สนนะคะ จะได้คุยกัน”

สนได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจเพราะถ้าต้นนั่งข้างหน้ากับเขาก็จะได้ไม่อึดอัดจนเกินไป แต่ต้นกลับทำให้สนต้องผิดหวัง

“ไม่เป็นไรครับ นานั่งข้างหน้ากับสนเถอะ ผมยังไงก็ได้ ไม่มีปัญหาครับ” ต้นรู้สึกเกรงใจที่จะต้องแยกสามีภรรยาออกจากกัน

“ต้นนั่งข้างหน้ากับเราดีกว่า ให้นานั่งข้างหลังก็ได้” สนถือโอกาสตัดสินใจเสียเองเพราะเขามีอำนาจบางอย่างในฐานะหัวหน้าครอบครัว แล้วก็หันไปถามภรรยาว่า “พี่ให้ต้นนั่งข้างหน้ากับพี่นะ นาโอเคหรือเปล่า”

“ได้ค่ะ” นาบอกพลางยิ้ม จึงเป็นอันตกลงกันตามนั้น

เมื่อรถวิ่งออกไปแล้ว ต้นกลับรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศภายในรถ เขารู้สึกประหม่าที่จะคุยกับสนอย่างสนิทสนมต่อหน้านา ต้นจึงพูดน้อยลง จึงกลายเป็นนาที่ชวนคุยเสียเองเพราะโดยนิสัยนาเป็นคนคุยเก่งจากการทำงานให้บริการลูกค้าธนาคารซึ่งต้องพูดคุยกับลูกค้าเกือบทั้งวัน เนื่องจากนาไม่ค่อยสนิทกับต้นมากนัก แม้จะรู้จักต้นมาหลายปี แต่เธอก็รู้สึกเหมือนมีช่องว่างบางอย่างอยู่ นาจึงคุยกับสนมากกว่าที่จะคุยกับต้น ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดมากขึ้นสำหรับต้น แม้จะมีบางช่วงที่นาหรือสนหันมาคุยกับต้น แต่ต้นก็ตอบสองสามคำแล้วก็เงียบเหมือนเดิม ต้นไม่รู้หรอกว่าสนสังเกตดูอาการนั้นของเขาอยู่และเริ่มรู้สึกกังวลที่ทำให้ต้นต้องอึดอัดใจ

เท่าที่สังเกตดู ต้นไม่เห็นว่าสนกับนาจะมีปัญหากันเลย เพราะทั้งคู่ต่างก็คุยไปหัวเราะไป ต้นจึงได้แต่คอยแอบมองเพื่อน เขาอดที่จะรู้สึกอิจฉาและน้อยใจไม่ได้ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกเช่นนั้นแม้ว่าต้นจะไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อมาถึงบ้าน สนพาภรรยาและต้นเข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่ของเขาก่อน พอคุยกันสักพักสนก็พาภรรยาของเขาเดินตามต้นไปที่บ้านของพ่อกับแม่ของต้นเพื่อสวัสดีและไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน สนถือโอกาสนี้ชวนครอบครัวของต้นไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านเขาบ้างเพราะวันนี้สนตั้งใจจะทำอาหารเลี้ยงทุกคน ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับที่ต้นกลับมาไปด้วย

คุยกันอยู่สักพัก สนจึงพาภรรยากลับไปที่บ้านของเขา ส่วนต้นก็อยู่คุยและใช้เวลากับครอบครัวของเขาเอง ตั้งแต่ที่สนมีแฟนและแต่งงานมีครอบครัว ต้นมักจะถูกพ่อกับแม่ถามเสมอว่าเมื่อไรจะมีแฟนและแต่งงานอย่างสนบ้าง เขารู้สึกอึดอัดใจและกังวลมากทีเดียวทุกครั้งที่พ่อกับแม่ถามถึงเรื่องนี้ ต้นได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไปว่าทำงานหนักและยังรู้สึกสนุกกับการใช้ชีวิตโสดอยู่ แต่พ่อกับแม่ของต้นก็รู้สึกผิดสังเกตอยู่เหมือนกันที่ต้นไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาให้รู้จักเลย

ช่วงบ่ายแก่ๆ สนก็โทรมาชวนต้นให้มาช่วยเป็นลูกมือในการทำอาหารสำหรับเย็นนี้ ตอนแรกต้นคิดจะปฏิเสธเพราะไม่อยากเจอเหตุการณ์เหมือนตอนเช้า แต่รู้สึกเกรงใจถ้าหากจะไม่ช่วยเพื่อนทำอะไรเลย ต้นจึงตอบตกลง

การที่ต้นมาช่วยเป็นลูกมือของสนในครั้งนี้ทำให้นารู้สึกแปลกใจในความสัมพันธ์ของสามีและเพื่อนขึ้น นาเข้ามาช่วยเป็นลูกมือด้วยเช่นเดียวกัน แต่เธอกลับรู้สึกว่าสนให้ความสนใจต้นมากกว่า หลายครั้งที่สนคอยไปยืนป้วนเปี้ยนอยู่ข้างหลังต้นเพื่อสอนต้นทำอาหาร แววตาของสนดูมีความสุขและเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัด เป็นแววตาที่นาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย จริงๆ สนอาจจะมีแววตาแบบนี้เวลาที่อยู่กับต้นมานานแล้วแต่นาอาจไม่เคยสังเกต แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกได้ มิหนำซ้ำแววตาที่ต้นมองสนก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ก่อนหน้านั้นที่ต้นไปทำงานที่ลาว สนดูไม่ค่อยมีความสุข หงุดหงิดและทะเลาะกับเธอเกือบทุกวัน กินข้าวก็เหมือนแมวดมจนผ่ายผอม แต่พอต้นกลับมา สนกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน นาเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนๆ ของเธอ ก็ได้รับแนะนำว่าให้ระวังสนแอบไปชอบผู้หญิงอื่น แต่สนก็ไม่เคยเกเรเลย ทำงานเสร็จก็กลับบ้านและไปรับเธอที่ธนาคารตอนสองทุ่มทุกวัน เย็นๆ ก็ออกกำลังกายด้วยเครื่องออกกำลังกายที่เขาซื้อมา หรือไม่ว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าเพราะสนชอบออกกำลังกาย เมื่อก่อนเขาไปฟิตเนสบ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้สนเลิกไปเพราะต้องการประหยัดเงินไว้ใช้จ่ายในครอบครัว บางวันก็ทำกับข้าวไว้ให้เธอกิน วันหยุดสนก็ทำงานหารายได้พิเศษอยู่กับบ้าน ช่วยทำงานบ้าน พาเธอไปซื้อของข้างนอกบ้าง หรือไม่ก็ไปหาพ่อกับแม่ สนไม่เคยกลับบ้านดึกเลย บางวันก็อาจจะไปกินข้าวหรือไปหาเพื่อนบ้าง แต่สนก็ไม่เคยเมากลับมาด้วยเหตุผลที่ว่าต้นไม่ชอบ สนเป็นคนที่รักสันโดษมากจนบางครั้งนาก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ เมื่อประมวลจากสิ่งที่เห็นทั้งหมด นาจึงไม่ได้รู้สึกสงสัยในเรื่องนั้นเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เธอได้เห็นอะไรบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ ที่น่าสงสัยมากกว่านั้นก็คือต้นไม่เคยมีแฟนเลย เธอไม่เคยได้ยินสนพูดเลยว่าต้นมีแฟนหรือกำลังคบหาใครอยู่ ทำไมต้นอายุจนป่านนี้แล้วถึงยังไม่มีแฟนเลยสักคน ทำไมสามีของเธอจึงชอบไปขลุกอยู่กับต้น ทำไมสนถึงมีแววตาเป็นประกายและมีความสุขมากขนาดนั้นเวลาที่อยู่กับต้น นาชักเริ่มรู้สึกกลัวกับอะไรบางอย่างเสียแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตกเย็น ครอบครัวของต้นก็มากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านสน บรรยากาศดูสบายๆ และเป็นกันเองเพราะทุกคนต่างก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่สนเริ่มทำงาน เขาส่งเงินมาให้พ่อกับแม่ไม่ได้ขาด พ่อกับแม่ของเขาจึงมีเงินมาใช้ปรับปรุงบ้านช่องให้ดูดีขึ้น ทำรั้ว ทำหลังคา ทาสี ปูพื้นและต่อเติมบ้านให้กว้างขวางน่าอยู่ ถ้าว่างเมื่อไรสนก็จะมาหาพ่อกับแม่เสมอ บางครั้งก็พาไปกินข้าวนอกบ้านหรือไปต่างจังหวัดบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้กลับไปที่จังหวัดน่านอีกเลยเพราะไม่ได้มีญาติพี่น้องอยู่ที่นั่นแล้ว

ต้นและพ่อกับแม่นั่งอีกฝั่งหนึ่ง สน ภรรยาและพ่อกับแม่ของเขาก็นั่งอีกฝั่ง สนนั่งติดกับภรรยา เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ เมื่อนาพยายามเอาอกเอาใจและคลอเคลียเขาจนเกินพอดี

“พี่สนเป็นคนน่ารักนะคะ ทำกับข้าวให้นากินตลอดเลย นาเสียอีกทำอะไรก็ไม่เป็น” นาบอกทุกคนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “อีกอย่างนะคะ พี่สนไม่เคยเหลวไหลเลยค่ะ สองทุ่มปุ๊บก็จะมารับนาปั๊บเลยค่ะ กลับบ้านตรงเวลา ไม่ไปกินเหล้าเมายาที่ไหน”

“แต่งงานกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว เมื่อไรจะมีข่าวดีล่ะ” แม่ของต้นถาม

“อ๋อ...ก็นาคุยกับพี่สนว่าอยากจะมีลูกตอนที่พร้อมน่ะค่ะ คงอีกซักปี อาจจะรอให้มีบ้านก่อน นาว่าเลี้ยงลูกในคอนโดไม่ดีหรอกค่ะ คับแคบ เด็กๆ เขาชอบพื้นที่กว้างๆ”

“เหรอลูก แล้วผ่อนคอนโดหมดแล้วเหรอถึงจะไปซื้อบ้าน แล้วจะทำยังไงกับคอนโดล่ะ” แม่ของสนถามด้วยความแปลกใจเพราะลูกชายไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย

“อ๋อ...ยังผ่อนไม่หมดหรอกค่ะ” นาตอบเสียงอ่อย “แต่ก็อย่างที่นาบอกค่ะว่านาไม่อยากให้ลูกของนาโตในที่แคบๆ แบบนั้น ไม่เป็นผลดีกับเด็กหรอกค่ะ ก็เลยคิดว่าพอได้บ้านแล้วก็จะขายคอนโดแล้วก็มาผ่อนบ้านอย่างเดียว”

สนรู้ว่าทั้งหมดที่นาพูดไปนั้นเป็นความเห็นของเธอเพียงคนเดียว ในความเป็นจริงสนไม่ได้เห็นด้วย แต่พอคุยกันแล้วก็ทะเลาะกัน เพราะนายืนกรานว่าจะต้องซื้อบ้านให้ได้ สนเห็นสีหน้ากังวลของพ่อกับแม่แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจจึงรีบอธิบายว่า “ยังไม่ซื้อตอนนี้หรอกครับแม่ จริงๆ ผมก็ยังไม่อยากซื้อเท่าไร ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ค่อยซื้อดีกว่า”

พ่อกับแม่ของสนจึงมีสีหน้าดีขึ้น

“แล้วเมื่อไรต้นจะมีแฟนกับเขาสักทีล่ะลูก อยู่คนเดียวไม่เหงาบ้างเหรอ” พ่อของสนถามบ้าง

ต้นดูตกใจเล็กน้อย เห็นสีหน้าสงสัยของหลายคนแล้วต้นก็ยิ่งประหม่า “อ๋อ...ยังหรอกครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาเลยครับ ทำแต่งาน อีกอย่าง ผมก็ยังชอบชีวิตโสดมากกว่าครับ” ต้นอธิบายด้วยเหตุผลเดิมที่เคยบอกพ่อกับแม่ไป

“อย่าโสดนานละกันนะลูก เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ เดี๋ยวไม่ทันสนมัน” พ่อของสนสัพยอก

ทุกคนหัวเราะขบขัน แต่ต้นกลับหัวเราะไม่ออก เขาสบตากับสนเหมือนกับจะขอกำลังใจจากเพื่อน สนยิ้มให้เขาแต่ก็เป็นยิ้มแปลกๆ ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากความรู้สึกอะไรกันแน่

“เพื่อนผู้ชายบางคนของนานะคะ นาไม่เคยเห็นมันมีแฟนเลยค่ะ พวกเราก็สงสัยกันนะคะว่าทำไม แต่มารู้อีกทีก็เป็นเกย์กันหมดแล้ว” นาพูดพลางหัวเราะชอบใจ แต่เธอหาได้รู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นได้จุดประเด็นให้พ่อกับแม่ของต้นสงสัยต้นในเรื่องนั้นขึ้นมาเสียแล้ว

พ่อกับแม่หันมามองต้นด้วยสีหน้าที่ทำให้ต้นรู้สึกหวั่นใจ ต้นได้แต่ฝืนยิ้มและหัวเราะไปกับเขาด้วย สนเฝ้าสังเกตดูอาการนั้นอยู่ตลอด เขารู้สึกสงสารเพื่อนจับจิตจับใจ ตอนนี้ต้นคงรู้สึกอึดอัดมากทีเดียว

“ไม่จริงเสมอไปหรอกครับ ผู้ชายหลายคนที่เขาไม่มีแฟนก็เพราะว่าเขาไม่มีเวลาจริงๆ ก็มี เพื่อนผมหลายคนไม่มีแฟนเพราะทำงานนี่แหละครับ” สนพยายามพูดเพื่อไม่ให้ต้นถูกเพ่งเล็งมากจนเกินไป รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่นาพูดเรื่องนี้ออกมาโดยไม่ยั้งคิด

ต้นดูเงียบและซึมไปเลย ไหนจะต้องเจอภาพบาดตาบาดใจเมื่อเห็นนาคอยเอาอกเอาใจสามีกันขณะกินข้าว ราวกับจงใจทำให้ต้นเห็นโดยเฉพาะ อีกทั้งพ่อกับแม่ก็เริ่มแสดงอาการสงสัยเขาขึ้นมาจากสิ่งที่นาพูดเมื่อสักครู่นี้ด้วย

“ทำไมพี่ต้นกินข้าวน้อยจังเลย ไม่อร่อยเหรอคะ” นาถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นต้นเขี่ยช้อนไปมา ท่าทางดูเหม่อลอยชอบกล

“อ๋อ...เปล่าหรอก พอดีไม่ค่อยหิวครับ” ต้นแก้ตัว เขาพยายามฝืนยิ้ม

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไม่สบายหรือเปล่า” แม่ของสนถามอย่างเป็นห่วง รู้สึกผิดสังเกตอยู่เหมือนกันที่ต้นดูเงียบๆ ไป แถมยังไม่ค่อยคุยกับลูกชายของเธอเลยซึ่งนับว่าผิดปกติมากทีเดียว

“เปล่าครับ พอดีหลังๆ นี้ผมกินน้อยครับ รู้สึกเครียดๆ กับงานก็เลยรู้สึกเหมือนจะเบื่ออาหารนิดหน่อยครับ”

“ทีหลังก็อย่าทำงานเยอะนักสิลูก พักผ่อนบ้าง จะได้มีเวลาไปหาแฟนกับเขาบ้าง” พ่อของต้นแนะนำและพูดติดตลกในตอนท้าย

“ผมจะพยายามครับ” ต้นตอบได้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้

สนได้แต่มองดูเพื่อนอย่างเห็นใจ เขาเข้าใจความรู้สึกของต้นตอนนี้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้เลย เขาอยากชวนต้นไปคุยกันสองคนแต่ก็ดูจะไม่มีโอกาส ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แล้วเขาคงจะตัดสินใจไม่ให้นามาด้วยอย่างแน่นอน
------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันอาทิตย์ สนต้องพานากลับบ้านไปก่อน ต้นไม่ยอมกลับด้วยโดยให้เหตุผลว่าอยากอยู่คุยกับพ่อแม่ บ่ายๆ จึงจะกลับ สนไม่เซ้าซี้เพื่อนเพราะเข้าใจเหตุผลบางอย่างที่ต้นไม่ยอมไปด้วย เขาก็ไม่อยากให้เพื่อนเจ็บปวดและอึดอัด แค่นี้ต้นก็เจ็บมากพอแล้ว โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้

สนเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านแล้วก็ปลดล็อกเพื่อเตรียมยกของมาใส่ อะไรบางอย่างทำให้สนนึกถึงสะพานเหล็กหน้าบ้านต้นที่เขากับต้นมักจะไปนั่งคุยกันเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก สนจึงมองข้ามรั้วบ้านของตนเองไปยังจุดนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก แล้วสนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนนั่งอยู่บนสะพานนั้น แม้จะเห็นแค่หลังไกลๆ สนก็รู้ว่านั่นคือต้น ต้นนั่งเหงาและเหม่อลองอยู่ตรงนั้นคนเดียว

“นา...รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่มา” สนรีบร้องบอกภรรยาซึ่งกำลังเดินออกมาจากบ้าน ในมือถือถุงอาหารเหนือที่พ่อกับแม่ของเขาตั้งใจทำให้สนเอากลับไปกินด้วย

นารู้สึกงงๆ แต่เห็นสามีเดินแกมวิ่งไปทางบ้านต้นแล้วก็เลยเดาว่าสนคงจะไปลาพ่อกับแม่ของต้นนั่นเอง

สนมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ เพื่อน เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าต้นนั่งเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรบางอย่าง น้ำตาของสนพาลจะไหลออกมาให้ได้ รู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ ต้นคงเหงา เจ็บปวดและอึดอัดกับชีวิตแบบนี้ สนค่อยๆ เดินเข้าไปหาเพื่อนอย่างช้าๆ พอต้นได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันมามอง สนเห็นสีหน้าและแววตาของเพื่อนแล้วก็รู้ว่าต้นกำลังมีความทุกข์บางอย่าง

“ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะต้น” สนพยายามพูดด้วยเสียงปกติให้มากที่สุด เขานั่งลงบนสะพานข้างๆ ต้น

ต้นพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ” ต้นบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ สีหน้าของเขาก็ดูเศร้าจนสังเกตได้ “นายจะกลับแล้วเหรอ”

สนพยักหน้า “นายรู้สึกยังไงบ้าง”

ต้นขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเพื่อนถามเช่นนั้นเพราะไม่แน่ใจว่าสนหมายถึงอะไร “ก็...ไม่มีอะไรนี่ เราไม่ได้เป็นไรเสียหน่อย” ต้นพยายามฝืนยิ้มเพราะสงสัยว่าสีหน้าท่าทางของเขาอาจทำให้สนสงสัยอะไรบางอย่าง

“อย่าหลอกเราเลยต้น เรารู้ว่านายรู้สึกยังไง” สนตัดสินใจบอกไป “เราสงสารนายนะต้น จะให้เราทำยังไง เราไม่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้เลย” สนพูดพร้อมกับน้ำตาคลอ

ต้นมองหน้าเพื่อนและครุ่นคิด จากนั้นก็หันไปมองข้างหน้าโดยไม่มีจุดหมาย เขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก “นายอย่าสงสารเราได้ไหมสน” ต้นทำเสียงและสีหน้าจริงจัง “ยิ่งนายสงสารเรา เราก็ยิ่งตัดใจไม่ได้ เราก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น” ต้นเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าบ้าง เขาเริ่มระบายสิ่งที่คิดในใจ “บางทีได้เจอนายเราก็มีความสุขนะ แต่บางทีก็...เจ็บปวด มันทำให้เราสับสน ไม่รู้ว่าจะเอายังไง บางทีเราก็อยากจะไปไหนให้ไกลๆ เผื่ออะไรจะดีขึ้น”

สนตกใจทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “นายหมายความว่าไงต้น นายจะไปไหนอีก นายจะหนีเราไปอีกแล้วเหรอ”

“นายเข้าใจเราใช่ไหมสน” ต้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าวิงวอน

“เราเข้าใจ แต่เราไม่อยากให้นายไป จะให้เราทำยังไงก็ได้” สนจับมือเพื่อนแล้วบีบเบาๆ “ต้น...ถือว่าเราขอร้องละกัน นายอย่าไปไหนอีก เราจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก” สนวิงวอน “นายไม่อยากให้เราต้องตรอมใจตายใช่ไหมต้น”

ต้นถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น สนเคยพูดอย่างนี้ครั้งหนึ่งแล้วตอนที่เขาหายไปจากบ้านพักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

“นายเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเรานะต้น ชีวิตเราขาดนายไม่ได้ อย่าหนีเราไปอีกเลย...ได้ไหม เราไม่เคยขอร้องใครเลย นอกจากนาย”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วต้นก็ไม่รู้จะค้านอย่างไร เขาก็คงต้องยอมเจ็บปวดต่อไป ต้นพยักหน้าน้อยๆ

“ขอบใจมากนะต้นที่เข้าใจเรา เราสัญญา...เราจะทำอย่างดีที่สุดไม่ให้นายต้องเจ็บปวดอีก” แล้วสนก็ถอนหายใจ เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่เหมือนไม่มีอิสระอะไรเลยในตอนนี้ “เราต้องกลับแล้วล่ะ ไว้เจอกันนะ เย็นๆ เราจะโทรไปหา” สนตบไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ต้นลุกขึ้นตาม เขายิ้มแล้วบอกว่า “เดี๋ยวเราไปส่ง”

สนพยักหน้าพลางยิ้ม “เดี๋ยวเราไปลาพ่อกับแม่ของนายก่อนนะ” เห็นต้นยิ้มได้แล้วสนจึงค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง เขาไม่อยากให้เพื่อนต้องเจ็บเพราะเขาอีกแล้ว เขารักต้นมากเหลือเกิน เขาจะไม่ยอมให้ต้นจากไปไหนอีก สนพร้อมและยินยอมแลกทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมเสียในสิ่งที่สนไม่เคยคิดว่าจะต้องเสียไป

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

61. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #60
 
04-Jul-11, 02:23 PM (SE Asia Standard Time)
 
   มาขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Aloneboy
Guest

63. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #61
 
05-Jul-11, 08:24 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณมากๆครับ เนื้อเรื่องดี สนุกมากเลยครับ อ่านแล้วทำให้รู้ว่าชีวิตจะต้องดำเนินไปอย่างไรดี ช่วยต่อให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

62. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #60
 
04-Jul-11, 08:08 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ช่างจับใจอะไรเช่นนี้ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอบอกผู้เขียนว่า คุณเยี่ยมที่สุด


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan k. sarawatta
Guest

64. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #60
 
05-Jul-11, 04:12 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ตอนพิเศษ ก็ ซาบซึ้งมากๆ บีบคั้นหัวจใจสุดๆ

มาต่อไวๆ นะคราบเป็นกำลังใจให้


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

65. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #64
 
05-Jul-11, 11:18 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ ขอเวลาอีกสัก 2-3 วันสำหรับตอนใหม่นะครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

66. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #65
 
07-Jul-11, 05:29 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ล้วงขึ้นมาครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

68. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #67
 
07-Jul-11, 04:44 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จบแบบ "กลาง ๆ " คืออะไรเอ่ยครับ? ไม่เอาครับ เอาแบบสมหวังครับผม


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

69. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
07-Jul-11, 07:52 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอโพสต์ตอนที่ 27 ใหม่นะครับ รู้สึกเมื่อเช้ารีบเขียนไปหน่อยก็เลยต้องแก้
------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 27: รู้แล้วว่าจะรักใคร

ขากลับ สนขับรถเงียบๆ มาตลอดทาง ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดจนนาต้องเปิดฟังเพลงในรถเพื่อทำลายบรรยากาศนั้นเสีย เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่สนไปบ้านต้นตอนเช้า แต่พอกลับมาสนก็มีอาการอย่างนี้ทันที พอเห็นอย่างนี้แล้วเธอก็พอรู้ทันทีว่าชีวิตครอบครัวของเธอเริ่มมีปัญหาแน่แล้ว เธอจะทำอย่างไรถ้าหากสามีของเธอเป็นอย่างที่เธอสงสัย หากสนมีเมียน้อยเธอยังรู้สึกว่าน่าจะจัดการได้ง่ายกว่าเสียอีก แต่ถ้าสามีของเธอเกิดชอบผู้ชายด้วยกันขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

พอกลับถึงบ้าน สนก็นั่งทำงานพิเศษที่ทำค้างไว้เงียบๆ ส่วนนาก็นั่งดูทีวีอย่างไม่สบอารมณ์นักเพราะเห็นสามีไม่สนใจใยดี นาเริ่มรู้สึกน้อยใจมากขึ้นจนต้องถอนหายใจกระฟัดกระเฟียดเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่สนก็ยังคงนิ่งอยู่

เสียงโทรศัพท์ของนาดังขึ้น แม่ของเธอเองที่โทรมาหานั่นเอง นาจึงรีบรับทันที

“หวัดดีค่ะแม่”

“นา...แม่อยากให้นามาอยู่ที่บ้านสักสามสี่วันได้ไหม ตอนนี้พี่ชายเขาอาการไม่ค่อยดีอีกแล้ว แม่อยากให้นามาช่วยดูแลพี่เขาหน่อย”

นาครุ่นคิดและเงียบไปสักพัก พี่ชายของเธอเป็นมะเร็งในลำไส้ในระยะเริ่มต้นมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เป็นประจำ ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ดูแลเพราะเพิ่งเลิกกับภรรยา จึงต้องกลับมาอยู่กับแม่ซึ่งก็ทำให้แม่ของเธอลำบากพอสมควร

“ค่ะแม่ เดี๋ยวนาจะไปวันนี้เลยละกัน” นาตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรนานนัก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอเองก็เป็นห่วงแม่ที่ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ตั้งแต่พ่อกับแม่เลิกกัน แม่ของเธอก็เหนื่อยมาตลอด ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ของเธออีกสองคนก็แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว หลังจากที่นาแต่งงาน แม่ของเธอจึงอยู่กับพี่ชายและลูกสาวของพี่ชายซึ่งกำลังเรียนประถมอยู่ ไม่มีเวลาอยู่ช่วยดูแลพ่อได้มากนัก ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง เธออยากดูสิว่าสามีของเธอจะเป็นอย่างไรบ้างถ้าเธอไม่อยู่ หลังจากคุยโทรศัพท์กับแม่เสร็จแล้วเธอจึงตัดสินใจเดินมาบอกสนซึ่งนั่งหันหลังทำงานให้เธออย่างไม่สนใจใยดี

“พี่สนคะ” น้ำเสียงที่เรียกแฝงด้วยความเหนื่อยหน่ายและไม่พอใจนิดๆ

สนหยุดทำงาน หันมามองภรรยาด้วยสายตามีคำถาม

“นาจะกลับบ้านสักสามสี่วันนะคะ พอดีพี่ยศอาการไม่ค่อยดีอีกแล้ว” นาเว้นจังหวะไปเหมือนจะหยั่งความสนใจของสามี “นาจะไปตอนนี้เลยค่ะ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่งละกัน” สนอาสา เขาพอรู้ข่าวมาบ้างว่าพี่ชายของนาไม่สบายมาระยะหนึ่งแล้วและเพิ่งเลิกกับภรรยาไปไม่นาน
------------------------------------------------------------------------------------------------
“สวัสดีครับต้น ตอนนี้ต้นอยู่ไหนเอ่ย สะดวกคุยหรือเปล่า”

“อ๋อ...ตอนนี้ต้นอยู่ที่บ้านที่นครปฐมครับพี่มั่น สักพักก็จะกลับแล้วล่ะครับ” ต้นตอบ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่มั่นคงโทรมาหา

“แล้วต้นกลับยังไงล่ะครับ” พี่มั่นคงรู้ว่าต้นขับรถไม่เป็นและไม่ได้ซื้อรถไว้ใช้เอง จริงๆ ต้นเคยหัดขับรถอยู่ครั้งหนึ่ง แต่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยจึงทำรู้สึกกลัวและไม่ยอมหัดขับอีกเลย

“ผมว่าจะนั่งรถสองแถวเข้าไปในเมืองแล้วนั่งแท็กซี่กลับครับ”

“ลำบากแย่เลย” พี่มั่นคงบอกด้วยน้ำเสียงสงสาร “ให้พี่ไปรับไหม วันนี้พี่ว่าง”

“อย่าดีกว่าครับ รบกวนพี่เปล่าๆ อีกอย่าง มันไกลด้วยครับ”

“ไม่เป็นไร พอดีตอนนี้พี่แวะมาหาเพื่อนใกล้ๆ นครปฐมนี่แหละ จะกลับละ ยังไงเดี๋ยวพี่แวะไปรับนะ ต้นบอกทางพี่ด้วยละกัน” ความจริงแล้วมั่งคงไม่ได้อยู่ใกล้นครปฐมเลย แต่เพราะเขาอยากทำให้ต้นประทับใจจึงขันอาสาไปรับ

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมกลับเองได้ครับ เกรงใจครับ หมู่บ้านที่ผมอยู่มันก็ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง รบกวนเวลาพี่เปล่าๆ” ต้นปฏิเสธอีกครั้ง

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกต้น จำตอนที่เราอยู่ที่ลาวได้ไหม เราเดินทางกันไกลกว่านี้อีก ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวพี่ไปรับละกันนะ อย่าปฏิเสธพี่เลย พี่เต็มใจ นะต้นนะ” พี่มั่นคงอ้อนวอน ยังไงวันนี้เขาต้องไปรับต้นให้ได้

แม้ว่าต้นจะรู้สึกเกรงใจแค่ไหน แต่พอพี่มั่นคงอ้อนหนักเข้าต้นก็ต้องยอมจนได้ อีกอย่างต้นรู้สึกว่าให้ผู้ใหญ่ขอร้องมากๆ ก็รู้สึกไม่ดี

ประมาณชั่วโมงเศษๆ พี่มั่นคงก็มาถึงบ้านต้น หลังจากที่ต้นแนะนำให้พี่มั่นคงรู้จักพ่อกับแม่แล้วก็เดินทางกลับทันที ระหว่างที่เดินทาง พี่มั่นคงก็ชวนต้นคุยไปตลอดทางอย่างคนคุ้นเคยกัน แต่มั่นคงก็สังเกตว่าต้นดูไม่ค่อยร่าเริงนัก เมื่อเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจึงลองถาม

“ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาดูเศร้าๆ” มั่นคงถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นสีหน้าแบบนี้ของต้นตั้งแต่ไปถึงบ้านต้นแล้ว

ต้นลังเลและชั่งใจอยู่สักพักก็ตอบว่า “ผมกำลังสับสนครับ” แล้วก็ถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าผมจะปล่อยชีวิตให้จมอยู่กับความรักที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ไปอีกนานแค่ไหน บางทีผมก็เหนื่อยและเจ็บกับมันมาก แต่บางทีผมก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เขา ผมสับสน ไม่รู้จะเอายังไงกับตัวเองดีครับ” ต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริงเพราะเขาเคยคุยเรื่องนี้กับพี่มั่นคงมาระดับหนึ่งแล้ว

“ต้นหมายถึงสนหรือเปล่า” มั่นคงเดาและก็มั่นใจว่าเขาเดาไม่ผิด

“ครับ” ต้นยอมรับไปถามตรง

“เขาแต่งงานแล้วนะต้น ยังไงต้นก็ดึงเขามาไม่ได้และต้นก็ไม่ควรทำอย่างนั้น โดยเฉพาะถ้าสนเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับต้นด้วย อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองนานขนาดนั้นนักสิต้น ต้นควรจะให้โอกาสตัวเองบ้าง คนอื่นๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลต้นก็มี” มั่นคงหมายถึงตัวเขานั่นเอง “ถ้าต้นไม่เปิดโอกาสให้หัวใจของต้นได้เจอคนอื่นๆ บ้าง ต้นก็จะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้แหละ ต้นอยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนล่ะ จนตายเลยหรือเปล่า แล้วมันจะได้อะไร ยังไงสนเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา ใช่ไหม”

ต้นนั่งเงียบและครุ่นคิด สิ่งที่มั่นคงพูดมาล้วนเป็นสิ่งที่ต้นรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถหนีพ้นความต้องการในใจของตัวเองไปได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาเจ็บอยู่เช่นเดิม หรือว่า...เขาควรจะลองเปิดใจจริงๆ เสียที เขาเคยคิดเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็รีๆ รอๆ ไม่ได้คิดทำอย่างจริงจัง พอเจอสนเขาก็แทบจะลืมความเจ็บปวดหมดสิ้น ความตั้งใจว่าจะเปิดใจให้คนอื่นก็หายไปทุกที

“คิดดูดีๆ ละกันนะต้น พี่ไม่ได้ยุให้ต้นเกลียดสนหรือเลิกคบกับสนนะ แต่ถ้าต้นรักเพื่อนแบบเพื่อนได้ มันก็จะดีกว่าไม่ใช่หรือ สนเขาเป็นผู้ชายแท้ ถ้าสนรู้ว่าต้นรักเขาแบบนั้น มันก็อาจจะทำให้เขาอึดอัดได้” มั่นคงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสนรู้เรื่องที่ต้นชอบเขาแล้วเพราะต้นไม่ได้เล่าให้เขาฟัง “พี่เคยมีเพื่อนเป็นผู้ชายแท้ๆ มาหลายคน พอรู้ว่าพี่เป็นแบบนี้ ก็ห่างกันไป เพราะเขาก็รู้สึกอึดอัดและวิตกกังวลที่จะคบกับเรา ขนาดพี่ไม่ได้คิดอะไรกับพวกมันแบบนั้นนะ พวกมันยังไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนกับพี่เลย ต้นก็ต้องระวังด้วย ถ้าเกิดสนรู้ขึ้นมาเขาอาจจะเป็นเหมือนกับเพื่อนพี่พวกนั้นก็ได้ ต้นจะยิ่งเจ็บเข้าไปอีก”

แม้จะไม่ได้ตั้งใจยุแยงให้ต้นเกลียดสน แต่สิ่งที่เขาพูดก็ทำให้ต้นเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที ที่ผ่านมาสนเคยอึดอัดหรือเปล่า แต่ต้นก็ไม่เคยเห็นท่าทีแบบนั้นของสนเลยนี่นา มิหนำซ้ำสนยังดูเหมือนจะมีความสุขมากเวลามาหาเขาเสียอีก หรือว่าต้นจะคิดไปเอง จริงๆ สนอาจจะอึดอัดก็ได้

“เอางี้ไหม ไปโยนโบวลิ่งกันดีกว่า เผื่อต้นจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เสร็จแล้วไปกินข้าวกัน ดีไหม” มั่นคงเปลี่ยนเรื่อง เขาคิดว่าควรจะให้ต้นได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้างเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ที่สำคัญ จะได้ใช้เวลากับเขามากขึ้นด้วย

ต้นคิดอยู่ไม่นานนักก็ตอบตกลงเพราะคิดว่ากีฬาอาจจะช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง เมื่อก่อนเขาชอบไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสกับสนบ่อยๆ แต่พอสนเลิกไปเพราะต้องการประหยัดเงิน ต้นก็เลิกไปด้วย อีกอย่าง ต้นคิดว่าการไปกับพี่มั่นคงครั้งนี้ก็อาจจะช่วยให้เขาสามารถเปิดใจได้มากขึ้นก็ได้ “ก็ดีเหมือนกันครับ”

ดูเหมือนว่าการโยนโบวลิ่งสามารถช่วยต้นให้อารมณ์ดีขึ้นได้จริงๆ เสียด้วย ตลอดเวลาที่เล่นต้นจึงค่อยๆ มีสีหน้าที่แจ่มใสขึ้น หัวเราะร่าเริงมากขึ้น ผ่านไปราวเกือบชั่วโมง ต้นก็มานั่งพักและคุยกับมั่นคง มั่นคงพอรู้ว่าเขาควรจะใจเย็นและไม่ผลีผลามจนเกินไปเพราะดูแล้วต้นไม่ใช่คนที่เขาจะได้มาง่ายขนาดนั้น ยิ่งรู้ว่าต้นมีหัวใจที่ค่อนข้างมั่นคงด้วยแล้ว คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะเปลี่ยนใจต้น การผลีผลามจนเกินไปก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ในช่วงนี้เขาควรจะถือโอกาสที่ต้นรู้สึกสับสนเข้ามาช่วยทำให้ต้นรู้สึกดีขึ้นดีกว่า เผื่อว่าต้นอาจจะได้เห็นทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการจมอยู่กับความรักที่มองไม่เห็นอนาคตอยู่แบบนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------
พอสนกลับมาจากส่งภรรยาแล้วก็กลับมาที่คอนโดเพื่อทำงานที่ค้างไว้ต่อ แต่เขาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าในช่วงสามสี่วันที่ภรรยาเขาไม่อยู่นี้ เขาน่าจะไปอยู่กับต้นบ้าง ต้นจะได้ไม่เหงา เขาเองก็จะได้มีเพื่อนคุยด้วย คิดได้อย่างนั้นแล้วสนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาต้น ไม่นานนักต้นก็รับสาย

“ต้น...ตอนนี้นายกลับถึงบ้านหรือยัง เรามีข่าวดีจะบอก” น้ำเสียงของสนดูสดใสมากทีเดียว ดูเขาตื่นเต้นไม่น้อย

“เอ่อ...เราอยู่ข้างนอกน่ะสน พอดีมาโยนโบวลิ่งกับเพื่อน” ต้นตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า “นายมีข่าวดีอะไรเหรอ”

สนดูจะงงๆ เล็กน้อยเพราะไม่เห็นต้นบอกเขาเลยว่าจะไปโยนโบวลิ่ง แล้วเพื่อนที่ว่าของสนนี้เป็นเพื่อนที่ไหน เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนหรือใคร ถ้าเป็นกลุ่มปั้นจั่น นิกหรือเอก ต้นก็น่าจะบอกเขาด้วยนี่นา “เหรอ...ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย จะได้ไปด้วยเสียหน่อย” สนพูดเหมือนน้อยใจ ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับข่าวดีที่เขาเกริ่นไว้ตอนแรก

ต้นอึกอักอยู่สักพักแล้วก็ตัดสินใจบอกไปตามความจริงเพราะเขาไม่เคยโกหกสนเลย “พี่มั่นคงชวนเรามา” ต้นตอบเสียงเบา

สนจึงพอจะเดาได้ว่าทำไมต้นถึงไม่บอกเขา “อะไรนะต้น นายไปโยนโบวลิ่งกับพี่คนนั้นเหรอ” สนทำเสียงตกใจ

“ก็...พอดีพี่เขาไปรับเราที่บ้าน แล้วก็เลยพามาที่นี่” ต้นบอกเสียงอ่อย

สนได้ยินแล้วก็สะท้อนใจ ตั้งแต่เขาซื้อรถมาขับ เขาไม่เคยมีโอกาสพาต้นไปบ้านหรือมาส่งต้นเพียงลำพังสองคนเลย แล้วถ้าต่อไปพี่มั่นคงอะไรนั่นเป็นคนไปรับไปส่งต้นเองล่ะ แค่คิดเขาก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้ว

“นายจะกลับกี่โมง” สนเปลี่ยนเรื่อง เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะตัดพ้อต่อว่าต้นตอนนี้

“ว่าจะไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ คงอีกสัก 2-3 ชั่วโมง”

สนหน้าเจื่อน เขาอุตส่าห์วางแผนไว้ว่าเย็นนี้จะไปหาต้นที่บ้านแล้วทำอะไรกินกัน แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เขารู้สึกเจ็บในใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนมีคนมาคอยดูแลแบบนี้ “เอางี้ละกัน ให้เราไปรับนายกลับละกันนะต้น วันนี้เราว่าง”

“อย่าดีกว่าสน นายอยู่กับครอบครัวเถอะ นายมาหาเราบ่อยๆ ไม่ดีนะ เดี๋ยวนาเขาจะว่าเอาได้ว่านายไม่มีเวลาให้เขา” ต้นบอกกึ่งปราม

“วันนี้นาไม่อยู่ กลับบ้านไปแล้ว เขาต้องไปดูแลพี่ชายเขาที่ป่วยอยู่ อีกสามสี่วันจะกลับ” สนชี้แจงแล้วก็รบเร้าอีก “นะต้น ให้เราไปรับนายได้ไหม เราอยากไปค้างกับนายสักสองสามวันด้วย”

ต้นเริ่มสับสนอีกแล้ว พอจะเริ่มลองเปิดใจ สนก็ทำให้เขาสับสนทุกที แต่ต้นจะใจแข็งกับเพื่อนได้หรือ ต้นไม่เคยทำได้เลยสักครั้งเดียว “ก็แล้วแต่นายละกัน ถ้านายไม่ลำบาก”

“นายดีกับเราตั้งเยอะ ไปรับนายแค่นี้ไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลย นายต่างหากที่ลำบากกับเรามามาตลอด” สนบอก “ว่าแต่ว่า...นายไม่อยากกินข้าวเย็นกับเราบ้างเหรอวันนี้” สนลองหยั่งความสนใจของเพื่อนอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนกันว่าเขาเองก็กดดันเพื่อนมากเกินไปหน่อย

เห็นเพื่อนอ้อนแบบนี้แล้วต้นก็ชักจะเริ่มหวั่นไหวอีกแล้ว “เราตกลงกับพี่เขาไว้แล้ว เราไม่อยากผิดคำพูดน่ะสน” ต้นอธิบาย

“ว้า...แย่จัง เราอุตส่าห์ตั้งใจจะออกไปซื้อของไปทำอะไรให้นายกินอยู่พอดีเลย สงสัยต้องทำไว้กินคนเดียวแล้วล่ะ” สนทำเสียงเศร้าพลางถอนหายใจ

“เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหมล่ะ” ต้นเสนอ

“พรุ่งนี้เราต้องกลับดึกน่ะต้น ต้องเอางานไปส่งเขาตอนเย็น” สนหมายถึงงานพิเศษที่เขารับทำอยู่ตอนนี้

“งั้นก็มะรืนนี้ดีไหม”

“ก็เราอยากกินวันนี้” สนตัดสินใจบอกสิ่งที่คิดโดยไม่อ้อมค้อม แต่ก็นึกขอโทษต้นในใจที่เขากดดันเพื่อนมากเกินไป “แต่ถ้านายไม่ว่างเรากินคนเดียวก็ได้ อ้อ! กินใกล้เสร็จแล้วโทรมาบอกเราด้วยนะ เดี๋ยวไปรับ”

ต้นรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เห็นเพื่อนทำเสียงเศร้าๆ เหมือนน้อยใจอย่างนั้นแล้วก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ “โอเค เดี๋ยวเราจะโทรไปบอก แค่นี้ก่อนนะ พี่เขาชวนเราไปเล่นต่อแล้ว”

“โอเค” สนเงียบไปสักพักแล้วก็ตัดสินใจบอกไปว่า “คิดถึงนายนะ” สนบอกแล้วก็รีบวางหูไปทันที แล้วก็แอบยิ้มคนเดียว ป่านนี้ต้นคงงงไปแล้วว่าทำไมเขาถึงพูดคำนี้ออกไป เขาอยู่กับต้นมานานก็พอจะเดาได้ว่าต้นไม่น่าจะใจแข็งกับเขาขนาดนั้น

แล้วก็เป็นอย่างที่สนคาดไว้ไม่มีผิด สักพักต้นก็โทรกลับมา

“สน...เรา...เปลี่ยนใจแล้วล่ะ เราจะกลับไปกินข้าวกับนาย นายมารับเราตอนนี้เลยก็ได้” ต้นบอกด้วยน้ำเสียงอายๆ ที่สุดท้ายเขาก็ต้องใจอ่อนจนได้ แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องยกเลิกอาหารเย็นกับพี่มั่นคงซึ่งก็ดูท่าจะผิดหวังไม่น้อย แต่ต้นก็คงต้องเลือกเพื่อนที่เขารักอยู่แล้ว

“ขอบใจมากเพื่อนรัก เราโชคดีที่สุดเลยที่มีเพื่อนที่น่ารักอย่างนาย วันนี้เราจะทำอาหารให้สุดฝีมือเลย รับรองจะต้องอร่อยจนลืมไม่ลง” สนสัพยอกกับเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เขายิ้มดีใจที่รู้ว่าต้นไม่เคยเปลี่ยนเลย ต้นเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเขาเสมอ ไม่ว่าจะวันนี้หรือที่ผ่านมาหรือในอนาคต เขามั่นใจกับเพื่อนคนนี้เสมอ “เรารักนายเหลือเกินต้น เราจะไม่ยอมสูญเสียนายไปอีกแล้ว เรารู้แล้วว่าเราจะรักใคร เป็นไงก็เป็นกัน” สนบอกตัวเองในใจ เขาเริ่มแน่ใจมากขึ้นทุกทีๆ ว่าเขาไม่น่าจะคิดกับต้นแค่เพื่อนเท่านั้น

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

70. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #69
 
08-Jul-11, 05:02 AM (SE Asia Standard Time)
 
   เข้ามาอ่านเพิ่มเติมครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

71. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
08-Jul-11, 09:36 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 28: รักต้องห้าม

ตอนแรกสนกะว่าพอไปถึงแล้วจะรอให้ต้นลงมาหาเขาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าที่ต้นไปโยนโบวลิ่งกับพี่มั่นคง แต่คิดไปคิดมาเขาก็ตัดสินใจขึ้นไปรับต้นที่ลานโบวลิ่งเสียเลยเพราะเขาต้องการให้พี่มั่นคงรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาจึงโทรบอกต้นว่าเขาใกล้ถึงแล้ว พอขึ้นมาถึงลานโบวลิ่ง สนหันซ้ายหันขวาสักพักก็เจอต้นกับพี่มั่นคงนั่งพักคุยกันอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้สนจึงหยุดยืนมองแล้วส่งเสียงเรียก

“ต้น”

ต้นกับพี่มั่นคงหันมามองทันที ทั้งคู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตาแสดงความแปลกใจทีเดียวที่เห็นสนมายืนอยู่ตรงนี้

“อ้าว ทำไมไม่โทรบอกเราก่อนล่ะ เราจะได้ลงไปหา” ต้นถาม

สนเดินเข้าไปหาเพื่อน เขายกมือสวัสดีพี่มั่นคงตามมารยาท “ไม่เป็นไร ก็เราอยากมารับนายถึงที่เลยไง ไปกันเลยไหม” สนจับไหล่เพื่อน สายตามองพี่มั่นคงคล้ายกับจะเย้ยหยัน

ต้นพยักหน้า แต่ในใจก็รู้สึกเกรงใจพี่มั่นคงไม่น้อยเลยทีเดียว พี่มั่นคงสีหน้าดูเศร้าลงไปถนัดใจเมื่อรู้ว่าเขาจะไม่ไปกินข้าวด้วย ยิ่งพอบอกว่าสนจะมารับแล้วพี่มั่นคงก็ยิ่งหน้าเสีย คิดแล้วก็รู้สึกผิด แต่จะทำไงได้ ต้นรักเพื่อนก็ต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนก่อน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนพาต้นกลับมาถึงคอนโดราวทุ่มเศษๆ พอมาถึงก็พากันเข้าครัวทำอาหารกันเลยทันที ต้นก็เป็นลูกมืออีกตามเคย หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันพร้อมกับดูทีวีไปด้วย จากนั้นก็ผลัดกันอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัว เวลาอยู่ในที่ส่วนตัว สนชอบใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ต้นเห็นทีไรก็ใจคอหวิวๆ ส่วนต้นก็ใส่กางเกงขาสั้นแบบสบายๆ พร้อมกับเสื้อยืดสีขาวคอกลมกลางเก่ากลางใหม่

“เรามีอะไรจะให้นายดู มานี่สิ” สนชวนเพื่อนพลางหยิบนิตยสารสองสามเล่มเกี่ยวกับการตกแต่งสถานที่เดินนำเข้าไปในห้องนอน เขาเปิดไฟแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง วางหนังสือลง

ต้นตามลงไปนั่งข้างๆ แล้วก็ถามว่า “มีอะไรเหรอ”

สนเปิดหนังสือแล้วก็ชวนต้นดูภาพตัวอย่างการตกแต่งร้านอาหาร “จำได้ไหมที่นายชวนเราทำร้านอาหาร เราก็เลยไปหาตัวอย่างการตกแต่งร้านอาหารมาดู นี่ไง นายช่วยเราดูหน่อยสิว่าถ้าเรามีร้าน เราจะทำร้านสไตล์ไหนดี”

“นายสนใจจริงๆ เหรอสน” ต้นถามพลางยิ้ม รู้สึกดีใจที่เพื่อนมีความสนใจในเรื่องนี้จริงๆ

“จริงสิ เรามาคิดๆ ดูแล้ว เราว่าเราชอบจริงๆ นะต้น ทำแล้วมีความสุข ไม่เครียดดี ช่วยเราดูหน่อย” สนชวนเพื่อนมาสนใจกับภาพตัวอย่างการตกแต่งร้านต่อ “นายว่าแบบนี้น่าสนใจไหม”

ต้นพยักหน้า “นายจะทำร้านอาหารแบบไหนล่ะ อาหารไทยทั่วไป อาหารตามสั่งหรืออาหารฝรั่งล่ะ”

“นายว่าแบบไหนดีล่ะ แต่โดยส่วนตัวเราชอบทำอาหารไทยมากกว่า” สนยิ้มละไม

“อืม...เราว่านายทำอาหารไทยอร่อยที่สุดแล้วล่ะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตกแต่งแบบไทยๆ ก็ได้นะ อาจจะเป็นร้านแนวทันสมัยหน่อย แต่ขายอาหารไทย” ต้นเสนอแนะพลางมองหน้าเพื่อน อยู่ใกล้กันแบบนี้ทีไรต้นใจคอไม่ค่อยดี สนเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลามากจนเป็นพระเอกละครได้ ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด เวลาที่สนยิ้มทีไร โลกทั้งโลกจะสดใสขึ้นทันที

“ก็น่าสนใจนะ ถ้าอย่างนั้นแบบนี้น่าสนใจไหม” สนเปิดให้เพื่อนดูอีกแบบ

ต้นขมวดคิ้ว “อืม...อันนี้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร มันดูมืดไป มีแบบที่มันสว่างกว่านี้หรือเปล่าล่ะ”

“เหมือนจะเจออยู่ เดี๋ยวนะ” ว่าแล้วสนก็หยิบนิตยสารอีกเล่มมาเปิดหา พอเจอแล้วก็ชี้ให้ต้นดู “นี่ไง”

“นายวางแผนว่าจะมีร้านเป็นของตัวเองเมื่อไรล่ะสน”

สนเงยหน้าจากหนังสือแล้วมองเพื่อน “ก็...น่าจะภายในสี่ห้าปีนี้แหละ ตอนนี้ขอเก็บเงินแล้วก็พัฒนาฝีมือไปก่อน” สนบอกด้วยสายตาฉายแววความหวัง

“ดีมากเพื่อน เราภูมิใจในตัวนายมากที่นายค้นพบสิ่งที่นายชอบแล้ว เรายินดีช่วยนายทุกอย่างเลยนะสน ไม่ต้องห่วงเลย เรื่องนี้เราช่วยนายเต็มที หมดตัวก็ยอม” ต้นพูดติดตลกในตอนท้าย แต่เขาก็คงต้องยอมหมดตัวจริงๆ ถ้าสนอยากทำ

สนยิ้มให้เพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบใจมาก นายคือเพื่อนแท้ที่สมบูรณ์แบบของเราจริงๆ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เราก็นิสัยไม่ดีตั้งหลายอย่าง” ต้นแย้งพลางขำ

สนชวนต้นดูตัวอย่างการตกแต่งร้านสักพักก็หยุด แล้วเขาก็ขอให้ต้นช่วยเอาหนังสือไปเก็บให้ ต้นรู้สึกงงๆ เล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเพื่อนใช้เขาไม่ได้ แต่ปกติสนจะเป็นคนจัดการเอง ไม่เคยปล่อยให้ต้นหยิบจับอะไรเองเลยถ้าไม่จำเป็น

ต้นหยิบหนังสือออกไปวางไว้บนโต๊ะข้างนอกแล้วก็กลับเข้ามาในห้องนอน สนนั่งพิงหลังอยู่บนหัวเตียง เหยียดขายาวอย่างสบายๆ เขาปิดไฟในห้องจนเกือบหมด เหลือแต่ไฟที่หัวเตียงเพียงที่เดียว

“มาหาเราหน่อยสิต้น” สนเรียกเพื่อน สายตาดูเหมือนมีอะไรบางอย่างทีต้นอ่านและคาดเดาไม่ถูก

ต้นเดินอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของเตียงอย่างงงๆ แล้วสนก็ยื่นมือมาให้เมื่อต้นมายืนอยู่ใกล้ๆ

“อะไร” ต้นสงสัย

“จับมือเราสิ” สนบอก

ต้นค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือเพื่อนอย่างงงๆ พอมือสัมผัสกันแล้ว สนก็ทำในสิ่งที่ต้นไม่คาดคิดมาก่อน เขาฉุดต้นลงไปนั่งอยู่บนตักของเขาแล้วก็รวบตัวต้นไว้ทันที

“สน นายทำอะไร” ต้นถามด้วยความตกใจ พยายามจะดิ้นหนีแต่ก็สนก็รวบตัวเขาไว้เสียแน่น

“ก็กอดนายไง ไม่เห็นจะแปลกเลย เราก็กอดนายออกบ่อย จริงไหม” สนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ น้ำเสียงเขาดูตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย

“แต่นายไม่เคยกอดเราแบบนี้นี่” ต้นแย้ง เขาหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทั้งตัวของเขาอยู่ในอ้อมอกที่เปล่าเปลือยของสน ใจต้นเต้นไม่เป็นส่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“แล้วแบบนั้นกับแบบนี้มันต่างกันยังไงล่ะ”

ต้นไม่ตอบคำถามแต่พยายามที่จะดิ้นหนีเพราะจิตใจเขากระเจิดกระเจิงจนเกินกว่าจะคิดหาคำตอบอะไรได้ในตอนนี้

“อยู่เฉยๆ บ้างสิต้น นายหนีแบบนี้ทุกวันไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

ต้นหยุดดิ้นด้วยความสงสัย “นายหมายความว่าไง เราหนีอะไร”

“ก็...นายไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือไงที่วิ่งหนีหัวใจตัวเองแบบนี้ทุกวัน” สนตัดสินใจบอกไป

ต้นก็ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจดีนักแต่ก็พยายามคิดตาม

สนเอาคางมาเกยบนไหล่ของต้น “นายรักเราใช่ไหมต้น”

ต้นพยักหน้าน้อยๆ “ใช่”

“แล้วนายจะวิ่งหนีหัวใจของนายทำไมล่ะต้น นายรักเรา อยากเจอเรา อยากอยู่ใกล้ๆ เรา อยากคอยดูแลเราไม่ใช่เหรอ ยิ่งหนีนายก็ยิ่งเหนื่อยนะ” สนคลายอ้อมแขนลงเมื่อเห็นว่าต้นเริ่มสงบและไม่พยายามที่จะดิ้นหนีแล้ว “หนีแล้วเหนื่อยไหม”

ต้นอยากจะหันไปมองเพื่อน แต่สนเอาคางมาเกยบนไหล่เขาแบบนี้ ถ้าหันไปหน้าก็คงชนกันพอดี

“ตอบเรามาสิ เหนื่อยหรือเปล่า” สนรบเร้า

“เหนื่อย” ต้นตอบเสียงเบา

“แล้วเมื่อไรนายจะหยุดวิ่งหนีล่ะต้น เราหยุดแล้วนะ เราเหนื่อยที่จะหนีแล้ว นายก็น่าจะหยุดบ้าง” สนหยุดเกยคางบนไหล่เพื่อนเพราะอยากให้ต้นหันหน้ามามองเขา

ต้นหันมามองด้วยสายตามีคำถามและขมวดคิ้ว “นายหมายความว่าไง เรางงไปหมดแล้ว”

“ลองทายสิ” สนยิ้มมีเลศนัย “ที่เรากอดนายแบบนี้ มันใช่การกอดแบบเพื่อนหรือเปล่า”

“ไม่ใช่...” ต้นตอบได้ทันที เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่การกอดแบบเพื่อนแน่ๆ ไม่มีเพื่อนที่ไหนในโลกกอดกันแบบนี้หรอก

“ถ้างั้น ไหนนายลองบอกเรามาสิว่าเรากอดนายด้วยความรู้สึกแบบไหน”

“เราไม่รู้ เราไม่กล้าคาดเดาอะไรทั้งนั้น ถ้าเราคิดว่าใช่แล้วมันไม่ใช่ล่ะ สน...นายอย่าทำให้เรากลัวแบบนี้สิ” ต้นบอกด้วยเสียงวิงวอน เขารู้สึกไม่มั่นคงเลย ถ้าเขาจะตอบว่าที่สนทำแบบนี้เพราะสนรักเขามากกว่าเพื่อน เขาก็ไม่กล้าพูด เพราะถ้ามันเกิดไม่ใช่ขึ้นมาเขาก็ต้องเจ็บปวดอีก

“เรารักนาย” สนตัดสินใจบอกออกไป เขากอดกระชับต้นแน่นขึ้น

“อะไรนะ” ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “นายล้อเราเล่นหรือเปล่าสน” ต้นถามพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า

สนเกยคางบนไหล่เพื่อนอีกครั้ง “ต้น...นายคิดว่าเราจะเอาเรื่องนี้มาล้อนายเล่นอย่างนั้นเหรอ เราพูดจริงๆ นะ เรารักนาย รักตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รักมานานแล้ว รักหมดตัวและหัวใจ ชีวิตนี้เราจะสูญเสียนายไปไม่ได้อีกแล้ว”

ต้นตกตะลึงหนักเข้าไปอีก มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดฝันว่าสนจะมีความรู้สึกแบบนี้กับเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต้นได้แต่ทำใจว่าสนก็คงต้องมีชีวิตในแบบของเขา ส่วนเขาก็ต้องก้มหน้ารับกรรมต่อไป ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ไม่คาดคิดว่าเพื่อนที่เขารักและวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะบอกรักเขาในวันนี้ เขากำลังฝันไปหรือเปล่า

“ไม่เชื่อเราเหรอต้น” ว่าแล้วสนกระชับอ้อมกอดแล้วก็หอมแก้มเพื่อนเบาๆ หนึ่งครั้ง “เห็นไหมต้น ไม่มีเพื่อนที่ไหนหรอกจะทำแบบนี้ได้ นายเชื่อเราใช่ไหม” สนถามย้ำ

“เชื่อแล้ว” ต้นบอกเสียงเบา รู้สึกเขินระคนกังวล “แต่...”

“แต่อะไร” สนขยับตัวต้นให้สามารถหันมามองหน้าเขาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ต้นก้มหน้าหลบสายตาเพื่อน พอรู้ว่าสนคิดกับเขาแบบนี้แล้วต้นก็ทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย

“แต่อะไรล่ะต้น” สนถามย้ำเมื่อเห็นต้นยังเงียบอยู่

“มันไม่ดีหรอกสน นายแต่งงานแล้วนะ” ต้นตัดสินใจบอกไป เขาเงยหน้ามองเพื่อนก็เห็นว่าสนหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

สนเงียบและมีสีหน้าเครียด เขาเงยหน้ามองเพดานห้องแล้วก็ถอนหายใจ “เรารู้ แต่นายจะให้เราทำยังไงล่ะ เราเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าเรารักใคร เราไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานเลยนะต้น เรารู้สึกเหมือนติดอยู่ในคุก เราคิดถึงแต่นาย ยิ่งรู้ว่ามีคนมาชอบนาย จิตใจเราก็ยิ่งว้าวุ่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวแต่ว่าสักวันเราจะต้องเสียนายไป” น้ำเสียงของสนเศร้าลง

ต้นกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “เราดีใจนะที่นายก็รักเราเหมือนที่เรารักนาย แต่เราไม่อยากทำร้ายใคร นาเขายังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมสน”

สนส่ายหน้า สีหน้ายังคงเครียดอยู่ “ยังหรอก เราก็ไม่รู้จะบอกเขายังไง”

“สน นายคิดดีๆ นะ เราไม่อยากให้นายทำร้ายนา เขาไม่ได้ผิดอะไร ถึงเราสองคนจะรักกันแค่ไหน แต่นายก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเขา นายแต่งงานกับเขาแล้วนะสน นายมีครอบครัวของนายที่ต้องดูแล” ต้นพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล

สนรู้สึกสะเทือนใจจนอดที่จะร้องไห้ตามไม่ได้ เขาตั้งใจจะบอกเพราะคิดว่าต้นคงจะดีใจที่ได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเพื่อน แต่ก็กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้เพื่อนต้องเสียใจและเจ็บปวดอีกแล้ว ต้นเป็นคนดี เขาก็รู้อยู่แก่ใจ ต้นไม่มีทางที่จะทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน สนลืมคิดต่อไปว่าหลังจากที่เขาบอกต้นไปแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไป เขาจะเลิกกับนาอย่างนั้นหรือ เขาจะใจร้ายใจดำกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยหรือ สนดึงศีรษะต้นมาซบที่อกเขา ต้นกอดเพื่อน ต่างคนต่างก็ร้องให้ ไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอกับความรักที่หาทางออกไม่ได้แบบนี้ สนเองก็แต่งงานไปแล้ว มิหนำซ้ำยังจะต้องกังวลว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะครอบครัวจะรับได้หรือไม่ ความรักครั้งนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว

“ต้น” สนเรียกเพื่อนเสียงเบา

ต้นเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไร

สนใช้มือจับไหล่แล้วดันให้ต้นลุกขึ้นนั่ง เข้าจ้องตาเพื่อนเหมือนกับพยายามจะค้นหาอะไรบางอย่าง “เราไม่รู้ว่า วันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆ ไปชีวิตของเราจะเป็นยังไง เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้วเราอาจจะต้องเลือกเพียงอย่างเดียว เรารักนายนะต้น แต่ในชีวิตจริงเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเลือกทำอะไรได้ตามใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากเราจะไม่มีโอกาสอีกเลย วันนี้ เราขอทำอะไรบางอย่างที่เราอยากทำบ้างได้ไหมต้น”

“อะไรเหรอ” ต้นถามเสียงเบาหวิว

“นายจำวันนั้นได้ไหม ที่เราคุยเปิดใจกับนายก่อนที่เราจะแต่งงาน”

ต้นชะงัก เขานึกว่าสนจะลืมเหตุการณ์วันนั้นไปแล้วเสียอีก เขาเองไม่เคยลืมวันนั้นเลยและยังคงมีคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาว่าสนทำอย่างนั้นไปทำไม แต่วันนี้เขารู้แล้ว “จำได้”

“เพราะวันนั้นแหละที่ทำให้เราสับสน เราถามตัวเองทุกวันว่าทำไมเราถึง...จูบนาย” จะว่าไปแล้วสนเองก็เขินอายเหมือนกันเมื่อพูดคำนี้ออกไป “แต่หลังจากวันนั้น ในใจของเราเรียกร้องหาแต่...รสจูบในวันนั้น มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสงสัยตัวเองและเพิ่งได้คำตอบในวันนี้ด้วย”

ต้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่สนพูดมาทั้งหมดนี้เขาต้องการอะไรกันแน่ “แล้วนายจะทำอะไรล่ะสน”

สนไม่ตอบแต่กลับดึงต้นเข้ามาจูบ ต้นได้แต่ตะลึงงันและตัวแข็ง แต่สักพักเขาก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น สนพยายามที่จะดันลิ้นเข้ามาภายในปากของเขา แรกๆ ต้นก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไรนัก แต่สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย ปล่อยตามที่หัวใจตัวเองเรียกร้อง อย่างที่สนบอกไว้เมื่อสักครู่นี้ ชีวิตในวันข้างหน้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบนี้อีกแล้ว วันนี้ต้นจึงขอยอมผิดบาปและทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง จนกระทั่งทั้งคู่รู้สึกพอใจ สนค่อยๆ ถอนปากของเขาออก ปากต้นแดงอย่างเห็นได้ชัด ต้นหายใจหอบนิดๆ ด้วยความตื่นเต้นและตื่นตะลึง เมื่อพายุสงบแล้วเขากลับรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมากจึงก้มหน้างุดๆ และพยายามไม่สบตาสน สนยิ้มชอบใจเบาๆ ที่เห็นต้นเขินอายอย่างนั้น แม้จะรู้สึกเศร้าใจเพียงใดก็ตาม แต่สนกลับรู้สึกดีใจที่เขาสามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกต่อต้านในใจว่าเขาไม่น่าจะทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันได้ ตอนนี้เขาทำได้แล้ว ทำได้เพราะความรักอย่างเดียวเท่านั้นเอง แต่ต่อไปล่ะ เขาจะทำอย่างไร เขาเพิ่งบอกต้นไปไม่ใช่หรือว่าเขาจะไม่ยอมสูญเสียต้นไปอีกแล้ว ถ้าเขายังลังเลและไม่ตัดสินใจ ทุกอย่างก็อาจจะยิ่งสายจนเกินไป หรือว่าเขาควรจะต้องเลือกที่จะเป็นคนใจร้าย แล้วต้นล่ะ ต้นจะรับได้หรือถ้าเขาทำแบบนั้น

“นอนเถอะต้น ดึกแล้ว” สนบอกพลางยิ้มเศร้าๆ

ต้นทำตามอย่างว่าง่าย เขาค่อยๆ เขยิบตัวไปยังฝั่งที่นอนของตัวเองแล้วค่อยๆ นอนลง สนก็นอนลงเช่นกัน เขาปิดไฟที่หัวเตียงแล้วก็ขยับเข้าไปใกล้เพื่อน แล้วก็ดึงเพื่อนมากอดไว้ เขารู้สึกทรมานใจเหลือเกิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะผ่านพ้นสภาพความรักต้องห้ามนี้ไปได้อย่างไร ก็ได้แต่หวังว่าความรักจะช่วยนำทางและทำให้พบทางออกที่ดีกว่านี้

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

72. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #71
 
09-Jul-11, 07:46 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ซึ้งๆๆๆๆ คำเดียวจบครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
น้องน้อย หอยสังห์
Guest

73. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #72
 
09-Jul-11, 11:43 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ดีมากเลยตอนเก่าจบแล้วแต่ตอนใหม่ก็ได้อารมไม่ขาดเลย


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
beyonce
Guest

74. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #71
 
09-Jul-11, 02:49 PM (SE Asia Standard Time)
 
   มาต่อไว ๆ นะคราบบบบบ

สงสารต้น เห็นใจ สน

ลุ้นว่า k. sarawatta จะให้จบแบบไหน สำหรับตอนพิเศษ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
beyonce
Guest

76. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #75
 
11-Jul-11, 00:15 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ไรอ่ะ

ไมกลายเปนแบบนี้อ่ะ แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

77. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
11-Jul-11, 08:05 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอโพสต์ตอนนี้ใหม่นะครับ ตอนที่เขียนมึนงงนิดหน่อย พอดีก่อนจะมาเขียนต้องใช้หมองค่อนข้างหนัก
ตอนนี้ดูน่าตกใจพอสมควรครับ เหมือนเป็นจุดหักเหของเรื่อง แต่ก็อาจจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันได้ครับ
-----------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 29: สายเสียแล้ว

เช้าแล้ว วันนี้บรรยากาศข้างนอกดูสดใสมากทีเดียวเพราะท้องฟ้าไม่มีเมฆบังเลย แต่ทว่าสนกลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง เขาลุกขึ้นนั่ง มองดูต้นที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แล้วก็ทอดถอนใจ ความรู้สึกหลายๆ อย่างประดังประเดเข้ามาในความคิด ใจหนึ่งก็อยากทำตามหัวใจและความต้องการของตัวเอง ใจหนึ่งก็คิดถึงความผิดชอบชั่วดี ใจหนึ่งก็นึกประหวั่นพรั่นพรึงกับทัศนคติของคนรอบข้าง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เถอะ บางทีเขาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะทำใจรับว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เพราะเขาหลงรักเพื่อนของตัวเองที่เป็นผู้ชายด้วยกัน เขาจะทำอย่างไรดีกับชีวิตในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ เขารู้ว่าชีวิตครอบครัวของเขากับนาไม่มีทางที่จะไปได้ดีกว่านี้แล้ว อาจจะดูโหดร้ายถ้าเขาจะบอกว่าเขาไม่ได้รักนาและอาจจะไม่ได้รักมานานแล้ว แต่ติดที่เขาคือคนที่เลือกและตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเธอเอง เขาก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าชีวิตเดินไปทางนั้นตั้งหลายปีได้อย่างไร คนที่หนีความจริงมากๆ บางทีสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่รู้เหตุผลลึกๆ ของตัวเองเหมือนกัน

“ต้น ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน” สนเรียกพลางเขย่าแขนเพื่อนเบาๆ

ต้นค่อยๆ ลืมตางัวเงียตื่น พอเห็นสนลุกขึ้นนั่ง เขาก็บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นมานั่งตาม เห็นสีหน้าของสนแล้วต้นก็ได้แต่สงสารเพื่อน สนยังคงดูเครียดและไม่แจ่มใส

“นายไปอาบน้ำก่อนก็ได้” สนบอกเพื่อน เขาพยายามยิ้มแต่ก็ยังคงมีแววตาเศร้าอยู่

ต้นทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จทั้งสองคนแล้ว ต้นก็มาช่วยดูแลเสื้อผ้าและการแต่งตัวให้เพื่อนเช่นเคย ระหว่างที่ต้นช่วยติดกระดุมแขนเสื้อให้สนอยู่นั้น สนก็พูดขึ้นมาว่า

“รู้ไหมต้น นายทำให้เราเข้าใจความรักมากขึ้นนะ”

ต้นเงยหน้ามองเพื่อนอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาหันมาใส่ใจกับการติดกระดุมเช่นเดิม

“บางที่เรามักจะรักคนอื่นด้วยความพยายาม พยายามทำดี พยายามเอาใจและพยายามอีกหลายอย่าง แต่สำหรับนาย เราไม่เคยเห็นว่าความรักของนายที่มีให้เราเกิดจากความพยายามเลย” สนเว้นจังหวะ ต้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัยอีกครั้ง “นายไม่เคยพยายามรักเรา เพราะนายรักเราอยู่แล้ว นายไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อเรา เพราะนายทำทุกอย่างด้วยความรู้สึกจากใจของนาย ใช่ไหมต้น”

ต้นสบตากับเพื่อน ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้า

“นี่แหละ ที่ทำให้เรารักนายโดยที่เราก็ไม่ต้องพยายาม ถ้าจะพยายาม...ก็คงพยายามหนีความจริงมากกว่า...หนีจนเหนื่อย” สนหยุดไปสักพักแล้วก็พูดต่อว่า “ตรงข้ามกับความรักที่เรามีให้คนอื่น มันเหมือนกับต้องพยายาม พยายามที่จะรัก พยายามที่จะทำอะไรต่อมิอะไรมากมายอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็พบว่า เราพยายามที่จะรักสิ่งที่เราไม่ได้รักไม่ได้” สนถอนหายใจยาว “เป็นการเหนื่อยที่สูญเปล่า”

ต้นพอจะเดาออกแล้วล่ะว่าสนหมายถึงอะไร เขาติดกระดุมเสร็จแล้วก็หยุดยืนมองเพื่อน “สน...เราขอโทษนะ ถึงแม้เราจะรักนายแค่ไหน แต่ก็มีหลายเหตุผลเหลือเกินที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามหัวใจของเราได้ นายอยากฟังไหมว่ามีอะไรบ้าง” น้ำเสียงของต้นดูเครียด

พอสนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งเครียดมากขึ้นจากเดิมที่ก็เครียดอยู่แล้ว เขาพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้ต้นพูดต่อได้

“หนึ่ง...นายแต่งงานแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดหรืออะไร นาก็เป็นผู้หญิงที่นายเลือกและนายก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเขา เขาไม่ได้ผิดอะไร เขาไม่ควรเป็นคนที่ต้องเสียใจ” ต้นหยุดแล้วก็พูดต่อ “สอง...ความรักของผู้ชายกับผู้ชายไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวของนาย ครอบครัวของเรา เพื่อนๆ และคนรอบข้างจะคิดยังไง จะรับได้ไหม แล้วตัวเราล่ะ เราพร้อมหรือยัง เราพร้อมที่จะเผชิญกับสายตาและปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ได้มากน้อยแค่ไหน มันกดดันมากนะสน หรือไม่อย่างนั้นเราก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เราจะอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหนล่ะ เราจะมีความสุขไหม...และเหตุผลสุดท้าย” ต้นมีสีหน้าเศร้าลง “เราไม่อยากเป็นคนที่ทำลายอนาคตของนายเสียเอง เราไม่ใช่ผู้หญิงนะสน เราไม่สามารถที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้เพื่อนาย เรามีลูกให้นายไม่ได้ เราอาจจะไม่ใช่คนที่นายจะควงคู่ไปไหนด้วยได้อย่างภาคภูมิ อาจไม่ใช่สิ่งที่พ่อกับแม่ของนายคาดหวังจะได้เห็นจากนาย เราไม่อยากให้ความรักของเราทำให้ชีวิตนายยากลำบาก เรายินดีที่จะเจ็บปวดและเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวเรา ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร แต่เราจะไม่ทำร้ายใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชีวิตและอนาคตที่ดีๆ ของนาย คิดให้ดีๆ นะสน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีผลกระทบไม่ใช่แค่เราสองคน”

สนกะพริบตาถี่ๆ เพราะน้ำตาเริ่มมาคลอที่เบ้าตาอีกแล้ว เขาไม่ชอบตัวเองที่อ่อนแอแบบนี้เลย แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาได้ตระหนักแล้วว่าต้นรักเขามากจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ความรักที่ไม่ลืมหูลืมตา ตรงกันข้าม เป็นความรักที่มีสติ มีความปรารถนาดี ไม่คิดหวังที่จะครอบครองเป็นเจ้าของเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง “แล้วนายจะให้เราทำยังไงล่ะต้น เรารักนายนะ เราอยู่กับคนอื่นเราก็ไม่มีความสุข เราจะฝืนใจตัวเองได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ เราเหนื่อยที่จะพยายามแล้ว นายรู้ไหมว่า...ทุกครั้งที่เห็นนายเจ็บ เราก็เจ็บไม่แพ้กัน เราไม่อยากทำร้ายจิตใจนายอีก นายเข้าใจเราหรือเปล่า” สนรำพัน

“เราเข้าใจนาย เพราะเราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่คนเราก็อาจจะมีทางเลือกไม่มากนัก บางทีเราก็ต้องรับผิดชอบมากกว่าที่จะคิดถึงตัวเราเอง โดยเฉพาะถ้ามันจะทำลายชีวิตคนอื่น บางทีเราก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ อีกมากมายที่คาดหวังกับเรา ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ สิ่งที่เราพอจะบอกได้ตอนนี้ก็คือ เราต้องคิดให้มาก คิดให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวพันกับหลายชีวิตที่อยู่รายรอบตัวเรา ถ้าเป็นแค่เรื่องของเราสองคน เราจะไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลย แต่เรื่องนี้ เราอยากให้เราสองคนทบทวนอีกครั้งและคิดให้ดี...ได้ไหมสน เชื่อเรานะ...คิดให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว...เราอาจจะต้องเสียใจมากกว่าเดิม”

สนถอนหายใจหนัก เขาสับสนอย่างยิ่งในตอนนี้ จะรักก็เหมือนจะรักไม่ได้ ครั้นจะกลับไปจุดเดิมเขาก็รู้ว่าเขามาไกลเกินไปแล้ว เขาไม่มีความรักแบบนั้นเหลือให้นาแล้ว ถ้าจะมีก็คงมีแต่ความสงสาร...สงสารที่เธอต้องเป็นเหยื่อจากความไม่รู้ของเขาเอง เธอไม่ผิดอย่างที่ต้นว่า แต่เขาไม่ได้รักเธอแล้ว แล้วจะอยู่กันต่อไปอย่างไร “ได้...” สนพูดออกมาอย่างยากเย็น “เราเชื่อนาย”

“สน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่านายจะเข้าใจสิ่งที่เราพยายามสื่อสารมากน้อยแค่ไหน นายจำเอาไว้อย่างเดียวนะ” ต้นเว้นจังหวะ สนมองเขาอย่างสนใจ “เรารักนายเสมอ” ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อน มีไม่กี่ครั้งหรอกที่ต้นจะเป็นฝ่ายกอดเพื่อนก่อน น้อยครั้งมาก แต่วันนี้เขาอยากทำให้สนรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่เครียดมาตั้งแต่เมื่อคืน

“เรารู้ต้น...เราจะจำไว้” สนกอดตอบเพื่อนที่เขารักปานแก้วตาดวงใจเบาๆ พร้อมกับลูบหลังไปด้วย “ไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย เย็นนี้เราอาจจะกลับดึกๆ นะ จะเอางานไปส่งลูกค้า ถ้านายหิวก็กินข้าวไปก่อนละกัน”

ต้นละจากเพื่อน เขาพยักหน้าแล้วยิ้ม
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนพักเที่ยง มั่นคงเดินมาชวนต้นลงไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารชั้นใต้ดินของตึกที่ทำงาน หลังจากกลับจากลาวก็ดูเหมือนว่ามั่นคงจะสนิทกับต้นมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนเพียงแค่ทักทายกันตามประสาเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“เมื่อวานสนพาไปกินข้าวที่ไหนล่ะ” มั่นคงถามขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกัน เขากับต้นนั่งตรงข้ามกัน

“ไม่ได้ไปไหนครับ พอดีสนเขาชอบทำอาหาร ก็เลยทำอาหารกินกันเองครับ ประหยัดดี” ต้นตอบพลางยิ้ม

“สนเขาชอบทำอาหารเหรอ แปลกจัง ดูท่าทางไม่น่าจะชอบอะไรพวกนี้”

“ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะชอบเหมือนกันครับ แต่เขาเพิ่งชอบจริงๆ จังๆ เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ผมว่าฝีมือเขาเยี่ยมมากเลยครับ ใครกินก็ติดใจ ผมก็เลยยุให้เขาเปิดร้านอาหาร ดูเหมือนเขาก็สนใจอยู่ครับ” ต้นเล่าด้วยสีหน้ามีความสุข

“อ๋อเหรอ” มั่นคงพูดเสียงเรียบ เห็นสีหน้าที่มีความสุขของต้นเวลาพูดถึงเพื่อนแล้วเขาก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก “ดูท่าทางต้นจะรักเพื่อนคนนี้มากเลยนะ”

ต้นชะงัก มองหน้ามั่นคงอย่างสงสัย เริ่มรู้สึกตะขิดตะขวงใจในท่าทีของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“ต้น...ต้นไม่รู้สึกเหนื่อยล้าบ้างเหรอที่รักคนที่เขาไม่ได้รักเรา” มั่นคงตัดสินใจถามออกไป “เมื่อไรต้นถึงจะเปิดใจให้โอกาสตัวเองเสียที ต้นอยู่แบบนี้ต้นไม่เหงาเหรอ”

สิ่งที่มั่นคงถามทำให้ต้นรู้สึกพะอืดพะอมพอสมควร ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นคงรู้สึกเศร้าใจ แต่วันนี้ต้นไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว “ก็...ไม่นี่ครับ ถ้าจะเหนื่อยก็คงเลิกรักไปนานแล้ว ผมรักเขามาตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่ จนตอนนี้ยี่สิบแปดแล้ว ผมชินแล้วล่ะครับ อย่างน้อยสนก็ไม่รังเกียจผม อย่างน้อยผมก็ได้ดูแลเขาบ้าง ได้เป็นเพื่อนที่รักกันอย่างเดิม ผมว่ามันก็โอเคแล้วล่ะครับ”

มั่นคงได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อึ้งไป คำตอบของต้นผิดไปจากที่เขาคาดไว้มากทีเดียว “แล้วต้นไม่กลัวแฟนของสนเขาระแคะระคายบ้างเหรอ”

“ไม่หรอกครับ...ผมไม่ได้คิดจะแย่งชิงสนมาเป็นของผม ผมพอใจที่จะรักเขาแบบนี้ อาจจะเจ็บบ้าง แต่ผมก็ต้องรักเขาต่อไป”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าแฟนสนรู้ว่าต้นคิดยังไงกับสามีเขา เขาก็ต้องไม่พอใจ แล้วมันจะเกิดปัญหานะต้น”

ต้นครุ่นคิด มันต้องเกิดปัญหาแน่ๆ ถ้านาเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็จะกลายเป็นคนไม่ดีที่สร้างความร้าวฉานให้แก่ครอบครัวของคนอื่น

พอเห็นต้นเริ่มเครียด มั่นคงก็รีบสำทับต่อว่า “ไม่มีความลับในโลกนี้หรอกนะต้น สักวันเขาก็ต้องรู้ ถึงต้นไม่ได้คิดจะแย่งของเขามา แต่ต้นก็อาจจะกลายเป็นคนไม่ดี ครอบครัวของสนก็อาจจะมีปัญหาได้ มันเป็นเรื่องใหญ่นะต้น เชื่อพี่ ต้นต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ปัญหามันจะเกิด”

ต้นเริ่มคล้อยตามและหวั่นไหว เขากลัวจริงๆ ที่จะเป็นคนสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเพื่อนร้าวฉาน แต่ก่อนที่ต้นจะได้พูดอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์ของต้นก็ดังเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา ต้นหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็กดดูข้อความใหม่ สนส่งมานั่นเอง ข้อความก็มีอยู่ว่า “คิดถึงจังเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดถึง อย่าลืมคิดถึงเราบ้างนะ”

พออ่านแล้วต้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ สนกำลังทำเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มจีบสาว แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

“มีอะไรหรือเปล่าต้น อ่านไปยิ้มไป” มั่นคงถามด้วยความแปลกใจ

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองมั่นคงแล้วก็รีบตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพื่อนส่งข้อความมาน่ะครับ”

“สนหรือเปล่า”

ต้นชะงักที่มั่นคงรู้ทัน แต่สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี มาถึงวันนี้แล้ว ต้นก็ได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าเขาจะปิดหัวใจของเขาต่อไปหลังจากที่คิดจะเปิดบ้างปิดบ้างมาระยะหนึ่ง เขาจำคำที่สนพูดเมื่อเช้าได้ดีว่าเราไม่สามารถพยายามรักคนที่เราไม่ได้รักได้ เพราะฉะนั้น ต้นก็จะไม่พยายามแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะรักสนต่อไป ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนก็ตาม เขาจะต้องบอกพี่มั่นคงเสียทีว่าไม่ต้องรอเขา ไม่ต้องเสียเวลากับเขา เพราะเขารักใครไม่ได้อีกแล้ว แต่เนื่องด้วยสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย ต้นจึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน แต่เขาจะต้องบอกอย่างแน่นอน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

มั่นคงเงียบและมีท่าทีเครียดอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้ถามอะไรต้นต่อและต่างก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวกันไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
“พี่สนคะ นี่ใจคอพี่จะไม่ถามอะไรนาเลยสักคำใช่ไหมคะว่านาเป็นยังไงบ้าง” เสียงเขียวไม่พอใจของนาดังมาจากอีกปลายสาย หลังจากที่เธอกลับบ้านไปตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ สนก็ไม่ได้โทรมาถามอะไรเธออีกเลย จนในที่สุดนาก็ทนไม่ได้ต้องโทรมาเอง

“คือ...พอดีพี่มัวแต่ทำงานยุ่งๆ อยู่ ขอโทษด้วยจริงๆ แล้วตอนนี้นาเป็นไงบ้าง พี่ยศอาการดีขึ้นไหม” สนพยายามแก้ตัว

แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยทำให้อาการพลุ่งพล่านของนาลดลงเลย “ถ้านาไม่โทรมาหาเอง พี่สนจะโทรหานาไหมคะ อย่าอ้างเลยว่าไม่ว่าง ถ้าคนมันห่วงกันจริงๆ ก็หาเวลาโทรมาถามได้ทั้งนั้นแหละ ถามสักคำสองคำก็ยังดี”

สนได้แต่เงียบ เขาขับรถไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเอางานที่ทำเสร็จแล้วไปส่งที่บ้านลูกค้าหลังจากที่เลิกงาน

“ถามจริงๆ เถอะนะคะ พี่สนรักนาบ้างหรือเปล่า เป็นห่วงนาบ้างไหม” นาเริ่มเสียงดัง

“ทำไมถามพี่อย่างนั้นล่ะนา”

“พี่สนก็ถามตัวเองสิคะ แต่งงานกันมาไม่กี่เดือน พี่สนเปลี่ยนไปเยอะเลยรู้ไหมคะ พี่สนเป็นอะไรเหรอ อย่าคิดว่านาไม่สังเกตนะ นารู้นะว่าพี่สนไม่เหมือนเดิม”

สนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น สิ่งที่เขากลัวที่สุดเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เขาจะตอบนาอย่างไรดี ถ้าเขาบอกไปตามตรงนาคงจะเสียใจมาก เขาเลือกเธอมาเอง อยู่ดีๆ จะผลักไสไล่ส่งเธอไปก็คงจะดูใจร้ายและไม่ยุติธรรมอย่างมาก

“นา...พี่ว่านาใจเย็นๆ ก่อนดีไหม กลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน” สนพยายามเบี่ยงประเด็นและถ่วงเวลา

ได้ผลพอสมควรเพราะนาเริ่มลดอาการกระฟัดกระเฟียดลงเล็กน้อย “ค่ะ เราต้องคุยกัน นาปล่อยให้ชีวิตแต่งงานของเราเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ” แล้วนาก็นึกอะไรบางอย่างได้ “อ้อ...แม่ถามถึงพี่ด้วย แล้วก็ถามด้วยว่าเมื่อไรเราจะมีลูก” เสียงของนาดูเย็นชาทีเดียว

สนสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเรื่อง “มีลูก” เพราะขณะนี้มันเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด เพราะถ้าเกิดเขามีลูกขึ้นมาแล้วก็หมายความว่าความรักของเขากับต้นจะถึงทางตันทันที

“เหรอ...แล้วนาตอบแม่ว่าไงครับ” สนถามพลางกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

“ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ ไม่ต้องรอแล้ว เพราะนาท้องแล้ว”

“อะไรนะนา นาพูดว่าอะไรนะ” สนตกใจจนแทบสิ้นสติ เขารีบหักเลี้ยวรถแล้วจอดข้างทางทันทีเพราะเขารู้สึกช็อคจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงขับรถต่อไป

“ตกใจเหรอคะที่เมียตัวเองท้อง ทำไมต้องตกใจคะ คนอื่นเขามีแต่จะดีใจ มีอะไรน่าตกใจขนาดนั้นเหรอคะ” น้ำเสียงของนายังคงไม่พอใจอยู่เช่นเดิม

สนตะลึงงันเมื่อภรรยาเขาย้ำชัดเจนว่าเธอตั้งท้อง หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตนี้เขาไปไหนไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่วาดหวังไว้ทั้งหมดเป็นอันจบสิ้นลงนับตั้งแต่วันนี้ เขามีอีกชีวิตทีต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ แต่นั่นก็คือลูกของเขา สนซบหน้ากับพวงมาลัยแล้วก็ร้องให้ วางโทรศัพท์ลงข้างๆ เบาะรถโดยไม่ปิดการสนทนา สงสารตัวเอง สงสารเด็กที่จะเกิดมาเป็นลูก สงสารต้น ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว เขาจะทำอย่างไรดี

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

78. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #77
 
11-Jul-11, 08:31 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เกิดอะไรขึ้นครับๆๆๆๆ อย่าใจร้ายกับสนนะครับ ขอร้องหละๆๆๆๆ คุณ sarawatta ได้โปรดๆๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

79. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #78
 
13-Jul-11, 00:38 AM (SE Asia Standard Time)
 
   โฮๆ นี่สินะ จุดพลิกผันของเรื่อง โอย แบบนี้มันดราม่าชัดๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

80. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #79
 
13-Jul-11, 07:24 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ใกล้จบแล้วครับ อาจจะดูดราม่าบ้างในตอนท้าย
นี่ก็เป็นเหตุผลครับว่าทำไมผมถึงหนักใจว่ามันจะจบยังไง กำลังหาทางออกอยู่ครับ
ถ้าจบแบบกลางๆ ก็ขัดใจตัวเองเหมือนกัน แต่จะจบแบบ happy ending ก็ไม่รู้จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยังไง

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Outdoo
Guest

81. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #80
 
13-Jul-11, 10:34 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ช่วยดันกระทู้ไว้ก่อนครับ เดี๋ยวจะมาอ่านรวบยอดทีเดียว ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan club คุณ sarawatta
Guest

82. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #80
 
13-Jul-11, 10:54 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ไหนๆ ในชีวิตจริงของคนเป็นเกย์ มันก็ ไม่เคยสมหวังในความรักละ

ในนิยาย ก็ขอให้ได้ happy บ้างก็ยังดีนะคับ เพื่อเป็นกำลังใจ เป็นน้ำหล่อเลี้ยง นะคับ นะคับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

83. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #82
 
14-Jul-11, 04:32 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ๑. เห็นด้วยกับรีข้างบนนะครับ กรุณาอย่าเศร้าครับ

๒. ผมหายไปหลายวัน กลับมาอ่านนิด ๆ เห็นท่าไม่ดี เลยยังไม่อ่านครับ ดราม่าไม่ไหวครับ

ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

84. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #83
 
14-Jul-11, 07:19 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ตอนนี้นึกออกแล้วครับว่าจะไปยังไงต่อ อาจจะเศร้าค่อนข้างมากในช่วงนี้ แต่พอผ่านไปแล้วก็จะไม่เศร้าแล้วครับ จบแบบ Happy Ending แน่นอนครับ ผมก็ไม่อยากให้จบแบบเศร้าๆ เหมือนกัน เพราะตอนแรกที่เอาเรื่องตอนหลังมาปรับ ก็ลองคิดเล่นๆ ดูว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะเป็นยังไง ก็คิดไม่ออกเหมือนกันครับว่ามันจะสมหวังได้อย่างไร ในชีวิตจริงคงเป็นเรื่องยากที่จะทิ้งลูกแล้วมาอยู่กับคนที่รัก มันดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับ มีวิธีละ อดใจรออีกนิดครับ ภายในตอนหรือสองตอนก็น่าจะคลี่คลายได้แล้ว เย็นๆ จะมาอัปเดตครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

85. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #84
 
14-Jul-11, 09:08 AM (SE Asia Standard Time)
 
   จะรอนะครับคุณ sarawatta ขอบคุณที่ไม่ทำให้เศร้าไปมากกว่านี้ครับ อิอิ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

86. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #85
 
14-Jul-11, 11:36 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ดีละครับที่หาทางออกที่ดีได้ ถ้าจบแบบเศร้าๆ นักอ่านคงพากันจิตตกหมดแน


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | 1069plaza.com Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Jirapad
Guest

87. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #86
 
14-Jul-11, 03:21 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ดีครับ ชีวิตจริงก็เศล้าน่าดูอยู่แล้ว ขอแบบ happy บ้างพอเป็นกำลังใจให้ชีวิต


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

88. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Jul-11, 11:32 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 30: ไม่เป็นไรเพื่อนรัก

เกือบสี่ทุ่มแล้ว สนยังไม่กลับมา ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงต้นจึงลองโทรไปถาม “สน เสร็จธุระหรือยัง”

“วันนี้เราไม่กลับนะ นายไม่ต้องรอเราหรอก ขอโทษที่ลืมโทรไปบอก” สนตอบกลับมา

“เหรอ...นายจะกลับคอนโดของนายเหรอ” ต้นถามด้วยความแปลกใจ

“อืม...” สนตอบสั้นๆ

“โอเค ไม่มีอะไรหรอก เราแค่เป็นห่วงก็เลยโทรมาถาม ถ้างั้นเราไม่รบกวนนายละกัน” ต้นบอก รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างอยู่เหมือนกัน

“เดี๋ยวก่อนต้น” สนเหมือนจะนึกอะไรได้ “เรารักนายนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็รักนาย” แล้วสนก็รีบวางสายไปก่อนที่เขาจะแสดงอารมณ์สะเทือนใจออกมา

ต้นได้แต่นั่งงงสงสัย เขารู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ต้นครุ่นคิดอยู่สักพักก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปให้เพื่อนว่า “ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเป็นห่วง มีอะไรก็บอกเราได้นะ”

พอสนได้เห็นข้อความจากเพื่อน เขาก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก็ตัดสินใจใหม่ สนเรียกพนักงานมาเก็บเงิน จ่ายเงินแล้วก็เดินออกมาจากร้าน...ร้านที่เขาไม่เคยว่าชีวิตนี้จะต้องเข้ามาอีก แต่วันนี้เขากลับผิดสัญญาที่เคยบอกตัวเองไว้ อย่างไรก็ตาม สนก็ยังสามารถประคองสติขับรถมาได้จนถึงคอนโดที่พักของต้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ต้นแปลกใจเล็กน้อย เขาหยุดกินข้าวแล้วก็เดินไปที่ประตู พอส่งดูตรงช่องตาแมวก็เห็นสนยืนอยู่ ต้นรีบเปิดประตูทันทีด้วยความดีใจ

“อ้าว นายไม่ได้กลับคอนโดหรอกเหรอ แล้วเอางานไปส่งเป็นไงมั่ง เขาโอเคไหม” ต้นยิ้ม แต่พอเห็นสีหน้าและท่าทางของสนแล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจและสงสัย นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเหล้าติดตัวมาด้วย แต่ต้นก็เดาเอาว่าลูกค้าอาจจะชวนให้เขากินก็ได้ จึงไม่ได้ติดใจเรื่องนี้มากนัก

สนพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าเขาดูเศร้าและเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด

ต้นเดินนำเพื่อนเข้ามาข้างใน สนปิดประตูแล้วก็เดินตามต้นมา พอเขาเห็นว่ามีจานข้าววางอยู่บนโต๊ะ สนก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าต้นคงรอกินข้าวพร้อมกับเขา พอเขาบอกว่าจะไม่กลับต้นถึงได้กินข้าว

“อ๋อ...พอดีเรามัวแต่ทำงานเพลิน ก็เลยลืมกินข้าว ไม่มีอะไรหรอก” ต้นเห็นเพื่อนมองไปที่โต๊ะที่เขานั่งกินข้าวแล้วจึงรีบแก้ตัว

แต่มีหรือที่สนจะไม่รู้ เขารู้จักต้นมาสิบเจ็ดปีจึงรู้สึกนิสัยใจคอเพื่อนของเขาดี “นายกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวเราจะไปอาบน้ำก่อน” สนพูดเสียงแผ่วเบา แล้วก็เดินตรงไปยังห้องนอน ต้นรักและดีกับเขาเหลือเกิน ดีจนเขาเองก็รู้สึกละอายใจไม่กล้ามองหน้าเพื่อน อีกอย่าง เขาทำไม่ได้จริงๆ ที่ความฝันทุกอย่างพังทลายลงจนหมดสิ้น

“นายเป็นอะไรหรือเปล่าสน เกิดอะไรขึ้นเหรอ หน้าตานายดูเศร้ามากเลย” ต้นตัดสินใจถาม

สนหันมามองแล้วหยุดยืน สนกะพริบตาถี่ๆ เพราะเขาจะร้องให้อีกแล้ว เขารู้สึกเบื่อที่ตัวเองเป็นคนเจ้าน้ำตาในช่วงนี้เหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สนเงยหน้าขึ้นมองเพดาน สุดท้ายเขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้

ต้นตกใจมากทีเดียว เขารีบเดินเข้าไปหาเพื่อนทันที “สน นายเป็นอะไร” ต้นถามอย่างเป็นห่วง

สนมองหน้าเพื่อน กัดริมฝีปาก แล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อนไว้ “ทำไมนายดีกับเราอย่างนี้ล่ะต้น ทำไมนายไม่เกลียดเรา ทำไมนายไม่โกรธเราบ้าง เราไม่ใช่คนดีอะไรเลย มีแต่ทำให้นายเสียใจ...ซ้ำแล้ว...ซ้ำอีก เราละอายใจเหลือเกินต้น ละอายใจจนไม่รู้ว่าเราจะสู้หน้านายยังไง” สนพูดด้วยความสะเทือนอารมณ์

ต้นได้แต่นิ่งตะลึงงันด้วยความตกใจและมึนงง สนเป็นอะไรถึงได้เสียใจมากขนาดนี้ จะว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนก่อนที่เขาเตือนให้สนคิดถึงครอบครัวของเขาก่อนก็ไม่น่าจะทำให้สนเสียใจได้ขนาดนั้น “เราไม่เกลียดนายหรอกสน นายเป็นเพื่อนเรา เป็นคนที่เรารัก เราจะเกลียดนายได้ยังไง” ต้นพูดพลางลูบหลังปลอบใจเพื่อน

“เราเคยบอกนายว่า...ถ้าเราทำให้นายเสียใจอีก เราก็จะขอเป็นคนไปเอง ต้น...เราไม่อยากทำอย่างนั้นเลย เราไม่อยากไปไหน แต่ถ้าเราอยู่แล้วทำให้นายเสียใจอยู่แบบนี้ เราก็คงต้องไป”

“สน...นายจะไปไหน เราไม่เห็นว่านายจะทำอะไรให้เราเสียใจเลย เราไม่เป็นอะไร นายอย่าคิดมากสิสน”

“เราไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้วต้น เราไม่มีโอกาสอีกแล้ว สิ่งที่เราฝันไว้ทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย” สนสะอื้นหนักขึ้น

ต้นได้แต่กอดเพื่อนไว้ เขาหยุดถามคำถามทุกอย่าง ปล่อยให้เพื่อนร้องให้และพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากพูด

“เราหวังว่าจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด หวังว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่กับนาย แต่...สุดท้ายทุกอย่างก็สายเกินไป เราทำอย่างนั้นไม่ได้แล้วต้น เราเสียใจ...เสียใจมาก เราขอโทษนายจริงๆ นะต้น เราไม่อยากให้นายเสียใจกับเรา เราอยากให้นายหายเศร้า อยากให้นายได้สมหวังกับความรัก เพราะเราเองก็รักนาย แต่เราก็ทำไม่ได้ เราผิดเองที่ไม่ไตร่ตรองให้ดี ด่วนแต่งงาน พอรู้ตัวอีกครั้งว่าหัวใจอยู่ที่ไหน มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เราขอโทษ...ต้น” สนรำพัน

ต้นฟังอย่างตั้งใจ แม้จะไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าสนหมายถึงอะไร แต่เขาก็เห็นใจเพื่อน เขาพร้อมที่จะเข้าใจทุกอย่างไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ต้นปล่อยให้เพื่อนกอดเขาอยู่อย่างนั้น จนสนค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง

“สน...ถ้านายพร้อม นายบอกเรานะว่าเกิดอะไรขึ้น เรารับได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะดีจะร้าย เราจะอยู่ข้างนายเสมอ”

สนค่อยๆ ปล่อยเพื่อนออกจากอ้อมแขน เห็นหน้าต้นแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด สงสารเพื่อนที่ไม่รู้จะต้องรอคอยอีกนานแค่ไหน แต่เมื่อทุกอย่างเป็นอย่างนี้แล้ว ก็อาจไม่มีวันนั้นอีกเลย

สนเงียบไปสักพัก ถอนใจแล้วจึงเปิดปากเล่าให้ต้นฟังว่า “นาเขาบอกว่า...เขาท้องแล้ว” สนกลืนน้ำลาย “เรากำลังจะมีลูก”

ต้นไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือแปลกใจมากนัก แต่นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้สนเสียใจมากขนาดนั้น นอกจากจะไม่ตกใจแล้วต้นกลับยิ้มให้เพื่อนด้วย “นายจะเป็นพ่อคนแล้วนะสน นายไม่ดีใจเหรอ เรายังดีใจแทนนายเลยนะ”

สนดูจะแปลกใจทีเดียวที่ต้นไม่ได้แสดงอาการเสียใจหรือตกใจเหมือนกับเขา “แต่เราจะไม่มีโอกาส...”

“ไม่เป็นไรหรอกสน” ต้นรีบสวนกลับไป “เราไม่เป็นไรเลย นายไม่ต้องห่วงเรา ตั้งแต่ที่เรารู้ตัวว่าเรารักนายเมื่อตอนอายุ 13 เราก็ทำใจมาตลอด เรารู้ว่าจะจัดการชีวิตของเรายังไงเพื่อให้เราเป็นเพื่อนกับนายได้ เราไม่เคยคาดหวังว่าจะมีวันหนึ่งที่นายก็บอกว่ารักเรา...เหมือนที่เรารักนาย เราเตรียมใจมาแล้วว่าสักวันนายก็ต้องมีแฟน มีลูกและต่อไปก็อาจจะมีหลาน เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่เราก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เราบอกได้เลยว่า เราไม่เสียใจ เราไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ นายสบายใจได้เลย” ต้นอธิบาย

“แต่เรารักนายนะต้น เราอยากใช้ชีวิตอยู่กับนาย เราไม่ได้รักนา เราจะอยู่กับเขายังไง นายคิดถึงใจเราบ้างสิต้น”

ต้นสะอึกไปเล็กน้อย จริงสิ เขาลืมที่จะคิดถึงความรู้สึกของเพื่อนไป ถึงเขาจะไม่เป็นไร แต่สนล่ะ สนก็รักเขาเหมือนกัน “เราเข้าใจและซาบซึ้งกับความรักของนายนะสน” ต้นเงียบไปสักพักเหมือนพยายามครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “แต่นายก็ต้องอยู่เพื่อลูก เขาเกิดมาแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบ ลูกของนายสำคัญกว่าเรานะสน”

สนมองต้นอย่างสนใจเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่ต้นพูด นั่นคือความจริงที่จะผูกมัดเขาไว้ตลอดไป ความจริงที่เขาไม่อาจจะปัดความรับผิดชอบไปให้ใครได้เลย

“สำหรับเราแล้ว ความรักที่เรามีให้นายไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่านายจะมีแฟน ไม่ว่านายจะพบเจอใคร ไม่ว่าจะแต่งงาน หรือวันนี้ที่นายจะมีลูก เราก็ยังรักนายอยู่เหมือนเดิม และจะรักนายต่อไป” ต้นสบตาเพื่อนด้วยแววตาจริงจัง “ถ้าใจเรารักกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน อยู่ที่ไหน เราก็รักกันได้ ทำสิ่งดีๆ ให้กันได้ ดูแลกันได้...เท่าที่โอกาสจะอำนวย ถ้านายรักเรา นายจะทำเหมือนที่เราทำก็ได้ อาจจะไม่ได้สมหวังไปทุกอย่าง แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้รักกัน ได้พบกัน เราจะไม่หนีไปไหน จะอยู่ให้นายรัก เท่าที่นายจะทำได้ แต่นายต้องอยู่กับลูกนะสน รับปากเรานะ” ต้นถามเป็นเชิงกำชับ

สนมองหน้าเพื่อนราวกับต้องคำสาป “นายเป็นคนดีมาก...ต้น” สนถอนหายใจอีก “เราไม่มีทางเลือกอะไรเหลือแล้ว ถ้าเขาเกิดมา เราก็จะรับผิดชอบ แต่เราก็จะรักนายต่อไปเหมือนกัน และเราก็หวังว่า เมื่อถึงเวลาที่สมควร เราจะได้มีโอกาสนั้น เราจะรอนะต้น นานแค่ไหนเราก็จะรอ”

เหมือนสนจะได้คำตอบอะไรบางอย่างแล้วจากสิ่งที่ต้นพูด แต่ประโยคที่เขาพูดตอนท้ายๆ ก็ทำให้ต้นอดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า “โอกาสนั้น” คืออะไร เวลาที่สมควรคือเวลาไหน

ต้นจับมือเพื่อนมากุมไว้แล้วก็บอกไปว่า “ดีมากสน เราเชื่อว่านายจะเป็นพ่อที่ดีของลูก และถ้านายอยากจะรอโอกาสนั้น เราก็ยินดีที่จะรอไปพร้อมกับนาย”

สองหนุ่มยิ้มให้กัน ต้นยิ้มด้วยความเข้าใจ แต่สนยิ้มด้วยแววตาเศร้าสร้อย อย่างไรก็ตาม นี่คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเวลานี้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็คงต้องยอมไปทางนี้ก่อน จนกว่าจะพบหนทางอื่นที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนดูจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเขากลับมาถึงคอนโดในตอนเย็นแล้วก็พบว่านามาถึงก่อนแล้ว เธอนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์ พอเห็นสามีเปิดประตูเข้ามาเธอก็หันมามองแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปสนใจทีวีต่อโดยไม่พูดอะไร

สนเดินมายืนใกล้ๆ แล้วถามว่า “กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่จะได้ไปรับ”

นาเงยหน้าขึ้นมองสามีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ถ้าคนมันเป็นห่วงกันจริงๆ ก็คงจะโทรถามแล้วล่ะว่าจะกลับวันไหน เมื่อไร ยังไง” นาประชดประชันเช่นเคย “เป็นไงคะ รู้ข่าวว่าเมียตัวเองท้องนี่ถึงกับหน้าตาเศร้าสร้อยขนาดนี้เลยเหรอ มีผัวที่ไหนในโลกเขาทำหน้าตาแบบนี้ เขามีแต่จะดีใจที่จะมีลูก”

“นา...พอเถอะ หยุดประชดประชันพี่ได้แล้ว” สนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ เขาต้องคอยเตือนตัวเองให้สงบสติอารมณ์เวลาที่คุยกับนาเสมอเพราะเธอชอบประชดประชัน

นาค้อนขวับแล้วก็เงียบเสียงลง

“นาท้องกี่เดือนแล้ว พี่ว่านาไปฝากท้องเลยดีไหม” สนพยายามถามอย่างนุ่มนวล

“ห่วงด้วยเหรอคะ” นาอดกระแนะกระแหนอีกไม่ได้ พอเห็นสนหน้าเจื่อนลงก็รีบเปลี่ยนท่าทีใหม่ “ยังไม่ต้องรีบหรอกค่ะ เพิ่งท้องได้แค่เดือนเดียวเอง”

“แล้ว...จะต้องทำยังไงบ้างล่ะ พี่ก็ไม่ค่อยรู้ว่าเราจะต้องเตรียมตัวยังไง” สนพยายามถามเอาใจพลางนั่งลงข้างๆ ภรรยา

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกค่ะ ถึงเวลาก็จะรู้เองแหละ” นาทำเสียงเหมือนรำคาญ

“นา” สนเริ่มเสียงดัง “นาไม่ควรพูดแบบนี้นะ นาท้องแล้ว เราก็ต้องเตรียมตัวสิ มีลูกไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะนา” สนพูดเชิงตำหนิ

“ก็บอกว่าไม่ต้องตื่นเต้นไงคะ” นาเสียงเขียวบ้าง “นึกยังไงล่ะคะถึงมาห่วงตอนนี้”

จะว่าไปแล้วนาก็คือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ขี้งอนและเอาแต่ใจ บางครั้งก็แค่ต้องการให้มีคนงอนง้อ โกรธนิดหน่อยพอเป็นพิธีก็หาย สนเองก็คงรู้ แต่เขาไม่มีกะจิตกะใจจะงอนง้ออะไรอีกแล้ว ถ้าจะให้ทำ ก็ต้องฝืนใจ

“นา...นาเลิกประชดประชันพี่เสียทีได้ไหม” สนพยายามควบคุมอารมณ์

“ทำไมคะ ตั้งแต่พี่ต้นกลับมาเนี่ย นาทำอะไรก็ผิดไปหมดเลยนะคะ”

สนตกใจทีเดียวที่ได้ยินเช่นนั้น “อะไรกันนา ต้นมาเกี่ยวอะไรด้วย” สนถามเสียงดัง

“แล้วเกี่ยวไหมล่ะคะ”

สนถึงกับสะอึกเมื่อนาย้อนมาแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนว่านาคงจะรู้อะไรบางอย่างระหว่างเขากับต้นเสียแล้ว “นา...เราอย่าเพิ่งดึงใครมาเกี่ยวข้องเลย ทุกวันนี้ที่เราทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ได้เกี่ยวกับใครทั้งนั้น แต่มันเป็นเพราะเราสองคนไม่ฟังอะไรกันเลย ไม่เคยเข้าใจกัน เอาแต่เหตุผลมาเถียงเพื่อเอาชนะกัน ที่พี่เป็นแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับต้น แต่เป็นปัญหาของพี่กับนา”

“เหรอคะ จะให้เชื่อดีไหมคะ”

“นาหมายความว่าไง นาบอกพี่มาตรงๆ ได้ไหม” สนชักจะทนไม่ไหว

“ถามตัวเองสิคะ" นาย้อนอีก "เป็นไงคะ สามวันนี้ คงไปขลุกอยู่คอนโดพี่ต้นจนเพลิน คงจะมีความสุขมากจนลืมแม้กระทั่งเมียของตัวเองเลยใช่ไหมคะ”

สนถอนหายใจ เขารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะคุยอะไรต่อไปจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำ “พี่ว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ อย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลย พี่จะไปอาบน้ำละ”

“อยากรู้ไหมล่ะคะว่าทำไมนาถึงต้องดึงพี่ต้นมาเกี่ยว” นาเรียกความสนใจ

ได้ผล สนหยุดยืนแล้วหันมามองภรรยาทันที

“เพราะนากำลังสงสัยว่า...พี่กับพี่ต้นมีความสัมพันธ์บางอย่างที่มากกว่าเป็นเพื่อนกัน”

สนตกใจมากทีเดียว แต่เขาก็พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้มีพิรุธมากนัก

“นาสังเกตมานานละ ตอนที่พี่ต้นไม่อยู่ พี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลับมาถึงห้องก็เอาแต่โทรหาพี่ต้น พอโทรไม่ได้ก็หงุดหงิด พอได้คุยก็ยิ้มหน้าระรื่นไปเป็นวัน พอพี่ต้นกลับมาก็ไปขลุกอยู่แต่กับพี่ต้น ไม่สนใจใยดีเมียของตัวเอง ยิ่งตอนที่กลับบ้านไปคราวนั้นยิ่งสังเกตเห็นได้ชัด นาไม่อยากพูดถึง แต่ทำอะไรกันบ้างก็คงไม่ยากที่จะคิดเอาเอง แล้วตอนนี้เป็นไงคะ พอนาบอกว่านาท้อง พี่สนกลับตกใจ ไม่มีอะไรเลยที่จะบอกว่าพี่ดีใจที่จะได้เป็นพ่อคน” นาพูดด้วยน้ำเสียงหวานอมขมกลืน เธอเองก็เสียใจไม่น้อยเหมือนกัน “ตกใจใช่ไหมคะ” นาทำเสียงประชดประชันอีก “แล้วนาล่ะ พี่สนคิดว่านารู้สึกยังไง คิดว่านาเสียใจไหม แต่งงานได้ไม่เท่าไรสามีก็...” นาหยุดไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากปรักปรำเขาเร็วเกินไป “ถ้าพี่มีเมียน้อยหรือมีกิ๊กเหมือนผู้ชายทั่วไป นาอาจจะไม่เสียใจเท่านี้ แต่...มีสามีเป็นเกย์มันน่าเสียใจยิ่งกว่า” นาพูดเสียงดังใส่หน้าสนในตอนท้าย

สนหน้าชา พูดไม่ออก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะอธิบายหรือแก้ตัวอย่างไร หรือว่าเขาไม่ควรจะต้องอธิบายอะไร ปล่อยให้นาเข้าใจไปเลยว่าเขาเป็นเกย์ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากจะมีสามีเป็นเกย์อย่างแน่นอน เขาก็จะได้หลุดจากพันธนาการนี้เสียที แต่...ก็ติดที่นากำลังจะมีลูกกับเขาเท่านั้น พอคิดไปคิดมา สนก็เริ่มสงสัย นาจะท้องได้อย่างไรกัน เขาป้องกันมาตลอดเพราะตกลงกับนาไว้ว่าจะยังไม่มีลูกในช่วงนี้ ทำไมนาถึงท้องล่ะ หรือว่าเขาจะเผลอพลาดไป???

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

89. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #88
 
15-Jul-11, 07:20 AM (SE Asia Standard Time)
 
   นั่น นึกอยู่ ๒ อย่าง คือ ไม่ได้ท้องซักหน่อย หรือ ท้องกับคนอื่น แต่ถ้าท้องกับคนอื่น ในเท้องเรื่องก็ยังไม่มีใครมาพัวพัน

ท้องลม ๆ แล้ง ๆ มั้ง?

เป็นอะไรก็เป็นกันไป ไม่ต้องอธิบายก็ได้ครับ

ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

90. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #89
 
16-Jul-11, 07:25 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   วันอาทิตย์นี้จะมาต่อให้จบครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
( - - ) click here to view user rating
Member since 9-Nov-10
249 posts, 2 feedbacks, 4 points

91. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #90
 
16-Jul-11, 02:19 PM (SE Asia Standard Time)
Click to send private message to %28%20-%20-%20%29 Click to add this user to your buddy list  
ครับผม


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
เครื่องหวังดี
Guest

92. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #91
 
16-Jul-11, 02:52 PM (SE Asia Standard Time)
 
  
ระวังโดนอีจันทร์แรมก๊อปไปขายอีกคนนะคะ นิยายที่ลงที่นี่โดนเกือบทุกเรื่องแล้ว


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ggg
Guest

93. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #92
 
16-Jul-11, 04:57 PM (SE Asia Standard Time)
 
   รออ่านต่อค่ะ สนุกมากกกกกกกกกกกกกก


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Sarawatta
Guest

94. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #92
 
16-Jul-11, 07:31 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จริงๆ ก็เจอปัญหานี้แล้วล่ะครับ แต่ไม่รู้ว่าชื่อเดียวกันนี้หรือเปล่า ก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้วครับ ข้อมูลดิจิตอลมันป้องกันยาก


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

96. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #95
 
17-Jul-11, 03:00 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ติดงอมแงม และเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ดี ผมชอบ ไม่งอนข้ามคืนข้ามวัน


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

97. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
17-Jul-11, 06:51 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอซ่อมตอนที่ 31 อีกรอบครับ สังเกตว่าตอนนี้เราไม่สามารถแก้ไขข้อความที่โพสต์ได้เอง เข้าใจว่าคงป้องกันปัญหาอะไรบางอย่างหรือเปล่าครับ
----------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 31: อย่างน้อยเรายังเป็นเพื่อนกัน

ความเงียบของสนทำให้นายิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ ถึงเธอจะสงสัยว่าสามีเป็นเกย์ แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นจริงอย่างที่เธอสงสัย พอสนไม่ยอมพูดอะไรมันก็เหมือนกับเขายอมรับ

“ทำไมพี่ไม่เถียงหรือไม่แก้ตัวอะไรบ้างล่ะ” นาเริ่มอดรนทนไม่ได้กับอาการนิ่งเงียบ

“นาไม่ได้ท้องใช่ไหม เราตกลงกันไว้แล้วนี่ว่าจะยังไม่มีลูกตอนนี้ บอกพี่มาตามตรงได้ไหมนา” สนไม่ตอบคำถามว่าเขาเป็นเกย์อย่างที่ภรรยาสงสัยหรือไม่ แต่สิ่งที่เขาอยากรู้จริงๆ ตอนนี้คือนาท้องจริงหรือเปล่าเท่านั้น

“ทำไมคะ แล้วถ้านาจะบอกว่านาท้องล่ะ” นาตอบพลางลุกขึ้นยืน มองหน้าสามีด้วยสายตาไม่พอใจมากขึ้น “อย่าบอกนะคะว่าถ้านาไม่ท้อง พี่ก็จะเลิกกับนาแล้วไปอยู่กับพี่ต้น พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ นาไม่ยอมจริงๆ ด้วย เป็นตายร้ายดียังไงนาก็ไม่ยอมให้พี่ไปอยู่กับไอ้เกย์โรคจิตนั่นอย่างเด็ดขาด” นาขึ้นเสียงดังตอนท้าย

“นา” สนเสียงดังด้วยความโมโห “อย่าเรียกต้นแบบนั้นอย่างเด็ดขาด”

“ทำไมคะ ทำไมจะเรียกไม่ได้ ก็มันเป็นเกย์โรคจิตจริงๆ นี่นา ไม่มีปัญหาผัวก็มาแย่งผัวคนอื่น”

“นา” สนตวาดเสียงดัง เขารู้สึกโมโหมากจนเกินจะทนไหว ถ้าหากมีอะไรที่มากกว่านี้อีก เขาอาจจะต้องกลายเป็นผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งที่ลงมือตบตีภรรยาของตัวเองเป็นแน่

นาเริ่มลดท่าทีแข็งกร้าวลงเมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของสน อาการน้อยใจเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นแทน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสามีที่เธอรักจะตวาดเธอราวกับไม่ใช่คนรักกันแบบนี้

“ถามจริงๆ เถอะ พี่ยังรักนาอยู่ไหม ยังรักนาอยู่ไหม” นาตะโกนถามพลางร้องให้

สนเงียบและหันหน้าหนี เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอย่างไร เขารู้ใจของเขาดี แต่การจะพูดออกมาตรงๆ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

“เงียบแบบนี้หมายความว่าไงคะ หมายความว่าพี่ไม่ได้รักนาอีกแล้วงั้นเหรอ ตอบมาสิคะพี่สน พี่ยังรักนาอยู่หรือเปล่า บอกมาเดี๋ยวนี้” นาถามคาดคั้น เธอเริ่มร้องให้สะอึกสะอื้น

สนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ถึงวันนี้แล้ว เขาคงต้องพูดความจริงแล้วล่ะ บางที...ความจริงอาจจะช่วยทำให้ปัญหาให้มันจบเร็วขึ้น “นา...” สนพูดเสียงเบาและพูดต่อโดยไม่หันไปมองภรรยาว่า “พี่รักต้น”

“อะไรนะคะ” นาเบิกตากว้างราวกับจะไม่เชื่อสิ่งที่เธอได้ยินในตอนนี้

“พี่รักต้น รักมานานแล้ว นอกจากพ่อกับแม่ของพี่เอง ต้นก็คือคนที่พี่รักก่อนใครทั้งหมดเพราะพี่กับเขาผูกพันดูแลกันมาตลอด แต่พี่แค่ไม่รู้ใจตัวเองจนกระทั่งวันนี้” สนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “ถึงแม้พี่จะรู้ว่าตอนนี้พี่มีพันธะแล้ว พี่แต่งงานแล้ว และ...พี่กำลังจะมีลูก แต่ความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือ...พี่รักต้น”

นาเดินอ้อมไปข้างหน้าเพื่อมองหน้าสน แต่สนก็พยายามหลบสายตาของภรรยา “พี่เป็นบ้าหรือไงคะ พี่สนเป็นผู้ชาย พี่จะไปรักผู้ชายด้วยกันได้ยังไง นาไม่เชื่อ พี่โกหกนาใช่ไหมคะ”

“ก็นาเป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่หรือว่าพี่เป็นเกย์” สนย้อนถามด้วยเสียงที่ดังขึ้น

“ไม่จริง ไม่รู้ล่ะ แต่ต่อไปนี้ ห้ามพี่ไปหาพี่ต้นอีก ห้ามไปอย่างเด็ดขาด นาท้องแล้วนะคะ พี่สนต้องรับผิดชอบชีวิตนาและลูก พี่สนจะไปไหนไม่ได้ นาเป็นผู้หญิง นาเป็นคนที่ต้องเสียเปรียบ ถ้าพี่ทิ้งนา นาก็ต้องเป็นหม้ายให้ชาวบ้านนินทา พี่จะให้นาท้องไม่มีพ่ออย่างนั้นเหรอ”

“พี่ต้องรับผิดชอบชีวิตของนากับลูกอยู่แล้ว แต่พี่ว่ามันมากเกินไปที่นาจะมาห้ามพี่ไม่ให้ไปหาต้น พี่ทำไม่ได้” สนแย้งเสียงดัง

“แล้วจะให้นามั่นใจได้ยังไงคะว่าเวลาพี่ไปหาพี่ต้นแล้วจะไม่พากันสวมเขาให้นา จะให้นามั่นใจได้ยังไงว่าพี่จะดูแลนากับลูกไปได้ตลอดรอดฝั่ง”

“นา...” สนกลับมาพูดเสียงเบาอีกครั้ง “ถึงนาจะห้ามหรือกักขังพี่ไว้ยังไง ใจของพี่ก็อยู่ที่ต้น ถ้านาคิดว่าเราจะอยู่กันไปแบบนี้ อยากจะดันทุรังสภาพอย่างนี้ต่อไป นาก็จะได้แต่ตัวพี่ นารับได้ไหมถ้าเราจะอยู่กันอย่างฝืนใจ” สนถามพลางมองหน้าภรรยา “สำหรับลูก เขาเกิดมาแล้วเราก็ต้องดูแลและรักเขาให้มากที่สุด” สนหยุดเว้นจังหวะ “พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่รู้ว่าพี่ทำไม่ดี พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง นาจะด่าจะว่าพี่ยังไงก็ได้ จะประณามพี่ จะบอกคนทั้งโลกก็ได้ว่าพี่เป็นคนเลว พี่ยอมทุกอย่าง แต่ไม่ว่าจะยังไง หัวใจของพี่ก็อยู่ที่ต้น พี่ก็ยังรักต้นเหมือนเดิม” สนพูดพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว

“พี่สน” นาพูดเสียงสั่น ถึงเธอจะเข้าใจสิ่งที่สนพูด แต่เธอก็ยังต้องการที่จะเอาชนะอยู่ดี “ก็คอยดูละกัน” พูดแล้วนาก็เดินสะบัดหน้าหนีเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูดังปัง

สนหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะผ่านชีวิตช่วงนี้ไปได้อย่างไรหรือจะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึงขึ้นอีก แล้วเขาจะไปไหนล่ะ อย่างไรเสียวันนี้เขาก็คงอยู่ใกล้ๆ กับภรรยาไม่ได้เป็นแน่ สนจึงหยิบกุญแจรถแล้วก็ออกไปข้างนอก คงจะมีต้นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะไปหาได้อย่างสนิทใจในยามนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ต้นละจากการทำงานคอมพิวเตอร์แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเนื่องจากคนที่โทรมาเป็นคนที่เขารู้สึกไม่สบายใจที่จะคุยด้วยเสียเลย ต้นรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะต้องมีเรื่องที่ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นเสียแล้วล่ะ แต่เขาก็ต้องทำใจดีสู้เสือ

“สวัสดีครับนา” ต้นพยายามทักทายด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ทำให้ต้นตกใจมากทีเดียว

“สะใจไหมคะ ทำครอบครัวเขาแตกแยก ไม่มีปัญญาจะหาผัวเองหรือไงถึงต้องมายุ่งกับผัวของคนอื่นเขา ไอ้เกย์โรคจิต คนวิปริตผิดเพศอย่างพวกแกสมควรจะตายๆ กันไปให้หมดซะ โลกนี้ไม่มีใครเขาต้องการคนอย่างพวกแกหรอก เป็นแบบนี้แล้วยังมาทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอีก ผัวเมียเขาอยู่กันดีๆ ก็มาทำให้เขาแตกแยกกัน แกทำอย่างนี้ทำไม หา! แกทำอย่างนี้ทำไม” นาตะโกนราวกับคนบ้าคลั่ง

“นา...นาพูดอะไรของนาน่ะ” ต้นถามด้วยอาการตกใจ เขาเริ่มใจเสียที่นาด่าเขาเหมือนรู้ว่าเขาเป็น...

“ไม่ต้องมาทำไขสือ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง เอาผัวฉันไปกกมานานแค่ไหนแล้วล่ะ” นาตวาดกลับมา

ต้นหน้าชาเหมือนมีใครมาตบหน้าเขาอย่างแรง นาด่าทอราวกับเขาเป็นนางร้ายในละครที่คอยแย่งสามีของคนอื่น

“เป็นไง พูดไม่ออกเลยใช่ไหม แล้วฉันล่ะ รู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหนที่อยู่ดีๆ เพื่อนรักของผัวก็ดันกลายเป็นคู่เกย์กัน รู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหน หา! ไอ้เกย์โรคจิต คนอย่างพวกแกอยู่ไปก็รกโลก ไปตายเสียไป๊ ไอ้ลักเพศ” นาด่าพลางร้องให้สะอึกสะอื้น เธอไม่มีอะไรที่จะต้องเสียไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าเธอไม่ได้ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้อยู่อย่างมีความสุขเลย

เสียงตวาดแว้ดและถ้อยคำด่าทอต่างๆ ทำให้ต้นเจ็บไปถึงหัวใจเลยทีเดียว เขาตัดสินใจปิดการสนทนาและปิดเครื่องโทรศัพท์ เอามือปิดหน้าแล้วก็ร้องให้ด้วยความเสียใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาด่าเขาแบบนี้เลย เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นทั้งๆ ที่ก็พยายามระวังตัวมาตลอด พยายามหักห้ามใจไม่ให้ความสัมพันธ์ของเขากับสนเตลิดไปไกลแม้ว่าจะมีโอกาส พยายามที่จะเตือนสติเพื่อนให้กลับมาสนใจดูแลครอบครัว เขาไม่เคยคิดที่จะแย่งสนมาเลย แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก เพราะฉะนั้น เมื่อเหตุการณ์เลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ต้นคงไม่มีทางเลือกอะไรมากกว่า...ความเด็ดขาด ต้นคงต้องบอกสนไปตามตรงแล้วว่าไม่ให้มาเขาอีกจนกว่า...แค่คิดต้นก็เจ็บปวดร้อยเท่าพันทวี

ไม่นานนัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ต้นพอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสน เขาคงจะทะเลาะกันกับภรรยาของเขามาอย่างแน่นอน ต้นเดินไปเปิดประตู รวบรวมกำลังใจทุกอย่างเท่าที่พอจะมีอยู่ตอนนี้เพื่อให้เขาเข้มแข็งมากพอที่จะทำสิ่งที่เขาไม่อยากทำได้

“สน นี่มันเกิดอะไรขึ้น เราเคยบอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้กลับไปดูแลครอบครัวของนายให้ดี ทำไมนายถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น นายไม่ควรจะทำอย่างนี้นะสน นาเขาเป็นเมียนาย ที่สำคัญ...เขากำลังจะมีลูกกับนาย นายต้องดูแลเขา” นั่นคือสิ่งแรกที่ต้นทักทายกับเพื่อน

สนแทบจะตั้งตัวไม่ทันเพราะเพิ่งทะเลาะกับภรรยามา พอมาหาเพื่อนก็กลับถูกต่อว่าซ้ำอีก แล้วต้นรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร หรือว่านาจะโทรมาต่อว่าต้น

“นายฟังเราก่อนได้ไหมต้น” สนขอร้อง

“พอเถอะสน เราไม่อยากทำให้ครอบครัวของใครต้องแตกแยก เราขอร้องล่ะ ช่วงนี้ เราอย่าเจอกันสักพักจะดีกว่า เราขอให้นายกลับไปอยู่กับครอบครัว สางปัญหาทั้งหมด ปรับความเข้าใจกัน นายกำลังจะมีลูก ไม่ต้องสนใจเรา นายกลับไปเดี๋ยวนี้เลย” ต้นยกมือปาดน้ำตาที่รินไหล รู้สึกเจ็บราวกับจะขาดใจเพราะเขาไม่เคยต่อว่าเพื่อนรุนแรงขนาดนี้มาก่อน เขารู้ว่าสนคงเจ็บไม่น้อย แต่ถ้าเขาไม่ทำอย่างนี้ สนก็จะยิ่งหนีปัญหาไปเรื่อยๆ

สนมองหน้าเพื่อนอย่างตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อเลยว่าเพื่อนและคนที่เขารักจะขับไสไล่ส่งเขาอย่างไม่ปราณีปราศรัยได้ถึงขนาดนี้ “นายพูดอะไรออกมารู้ตัวไหมต้น” สนพูดเสียงเครือพร้อมกับน้ำตาคลอ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดในหัวใจอย่างที่ต้นไม่เคยเห็นมาก่อน

ต่างคนต่างเงียบ มองหน้ากัน แล้วสนก็ตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปอย่างช้าๆ แล้วก็เร่งฝีเท้าขึ้น ต้นปิดประตูแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งพิงกับประตู ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น สงสารเพื่อนก็สงสารเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่มันดีกว่านี้ ในใจรู้สึกกลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะทำให้เขาต้องเสียเพื่อนและคนที่เขารักไป สนจะรับได้ไหมที่เขาขับไสไล่ส่งเพื่อนแบบนั้น คงไม่...ถ้าเป็นต้น ต้นก็คงเจ็บและไม่กล้ากลับมาสู้หน้ากันอีกเลย คิดแล้วต้นก็ใจหาย เจ็บปวดจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร นี่เขาทำอะไรลงไป มิตรภาพตลอดระยะเวลา 17 ปีจะต้องมาพังลงแล้วหรือ ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาเป็นคนที่ทำให้มันพังเสียเอง ต้นได้แต่ขอโทษเพื่อนอยู่ในใจ อารมณ์ชั่ววูบทำให้ต้นคิดถึงแต่ตัวเองมากเกินไปจนลืมคิดถึงจิตใจและความรู้สึกของเพื่อน

ต้นลุกขึ้น เปิดประตูออกไปมองข้างนอกเผื่อว่าสนจะยังอยู่ในระยะที่พอมองเห็น แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสน ใจหนึ่งต้นก็อยากจะวิ่งลงไปตามเพื่อน แต่อีกใจหนึ่งก็แย้งว่าเขาควรต้องใจแข็งเข้าไว้ ปล่อยให้สนได้เรียนรู้อะไรเสียบ้างจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าเขามัวแต่สงสารเพื่อน แทนที่จะช่วยก็อาจกลายเป็นทำร้ายและทำให้ปัญหามันยิ่งยุ่งยากมากขึ้น ต้นจึงตัดสินใจปิดประตูห้อง ปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เข้าไปในห้องนอน คืนนี้คงจะผ่านไปอย่างยากลำบากทีเดียว
------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าแล้ว ต้นตื่นนอนอย่างไม่สดชื่นนักเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้ว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเขาก็แต่งตัวออกไปทำงานเหมือนเช่นเคย

ต้นหยิบสัมภาระที่จำเป็นต่างๆ แล้วก็เปิดประตูห้องออกไป กำลังจะล็อกห้อง สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งหลับคอตกอยู่ข้างประตู

“สน” ต้นร้องอุทานด้วยความแปลกใจและตกใจ สนมานั่งหลับอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หนอ ต้นเห็นสภาพของเพื่อนรักแล้วก็ได้แต่สงสาร เขาย่อตัวลงแล้วก็เขย่าตัวสนเบาๆ สองสามครั้ง

สักพัก สนก็ลืมตาตื่นขึ้น เขาปรับสายตาอยู่สักพักพร้อมกับขยับตัว พอสติสัมปชัญญะทุกอย่างกลับคืน สิ่งแรกที่สนทำก็คือพยายามยิ้มให้เพื่อน “ต้น...เราไม่รู้จะไปไหน ตอนนี้เราเหนื่อยมากเลย ให้เราอยู่ที่นี่กับนายได้ไหม” สนดึงมือเพื่อนมากุมไว้แล้วพูดต่อว่า “นะต้น...นายอย่าขับไสไล่ส่งเราไปไหนอีกเลย”

พอเพื่อนพูดจบต้นก็น้ำตาไหลพรากด้วยความสงสารระคนรู้สึกผิด ความรู้สึกขุ่นเคืองทั้งหลายเมื่อคืนนี้หายไปจนหมดสิ้น “เราขอโทษ...สน” ต้นพูดด้วยเสียงสั่นเครือ พอเห็นสนกลับมาหาเขาแล้วก็รู้สึกโล่งใจ เขากังวลทั้งคืนว่าสนจะไม่กลับมาอีก เขากลัวเหลือเกินว่าจะต้องเสียเพื่อนที่รักไป แต่สุดท้ายสนก็กลับมา ต้นดีใจเหลือเกิน ต่อไปนี้เขาจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

“ทำไมนายตัวร้อนๆ ล่ะสน นายไม่สบายหรือเปล่า” ต้นรู้สึกได้เพราะมือของสนอุ่นผิดปกติ ต้นเอามือแตะหน้าผากเพื่อนแล้วก็อุทานว่า “นี่นายเป็นไข้นี่นา”

สนพยักหน้าเล็กน้อย “อืม...สงสัยจะใช่”

“เข้าไปในห้องก่อนดีกว่านะ นายลุกไหวไหม” ต้นถามอย่างเป็นห่วง

สนไม่ตอบแต่ยื่นมือมาจับมือต้นไว้ “ช่วยเราหน่อยนะ” สนทำเสียงอ้อน เวลาไม่สบายสนมักจะเป็นแบบนี้ แต่เขาจะเป็นเฉพาะกับต้นเท่านั้น

ต้นยิ้มขำเล็กน้อย เขาลุกขึ้นแล้วก็ดึงสนลุกขึ้นตาม

“นายนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวเราช่วยเช็ดตัวให้” ต้นบอกขณะพาสนเดินเข้ามาในห้องนอน “สงสัยนายจะไม่ได้อาบน้ำมาทั้งคืนแน่ๆ เลย ตัวเหม็นเชียว” ต้นว่าพลางขำ สนก็ขำตามไปด้วย

สนนั่งลงกับเตียง ถอดเสื้อกับกางเกงออกเหลือแต่บ็อกเซอร์กับกางเกงใน เขาชอบใส่ทั้งสองอย่างด้วยกันเพราะจะได้ไม่รู้สึกโล่งจนเกินไป ต้นเดินไปเตรียมผ้าเช็ดตัวกับน้ำมาให้เพื่อน เก็บเสื้อผ้าที่สนถอดกองไว้ไปเก็บใส่ตะกร้าให้ จากนั้นก็เตรียมเสื้อกางเกงที่ใส่สบายๆ มาวางไว้ให้บนเตียง สนคอยมองตามพลางยิ้มละไมอย่างชื่นชม

ต้นหยิบผ้าเช็ดตัวชุบน้ำแล้วก็ช่วยเช็ดตัวให้เพื่อน เริ่มเช็ดใบหน้าก่อนแล้วจึงค่อยๆ ไล่ลงมาที่คอ แขน ลำตัวและขา

“ไม่สบายก็ดีเหมือนกันนะ เราชอบเวลาที่นายมาดูแลเรา” สนพูดติดตลกหลังจากที่เพื่อนเช็ดตัวให้เสร็จแล้ว

ต้นยิ้มแล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่เขาเตรียมมายื่นให้

สนรับเสื้อมาอย่างเดียวแล้วก็ใส่ “เราใส่บ็อกเซอร์นอนก็ได้ ไม่เอาอันนี้”

ต้นอดขำท่าทางอ้อนเหมือนเด็กของเพื่อนไม่ได้ สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องราวร้ายๆ รออยู่ แต่ก็คงต้องพักเอาไว้ชั่วคราว

ต้นเอากางเกงไปเก็บแล้วก็เดินมาบอกเพื่อนว่า “เดี๋ยวเราจะออกไปซื้ออะไรมาให้นายกินนะ นายจะได้กินยาแล้วก็นอน แต่ว่าตอนเช้าเราจะต้องไปทำงานก่อน พอดีมีธุระด่วนที่ต้องทำ แล้วตอนบ่ายๆ เราจะกลับเข้ามานะ ถ้านายยังไม่หาย เราว่าจะลางานสักวันสองวัน ดีไหม”

สนพยักหน้าพลางยิ้มอย่างดีใจ “เราจะรอนะ”

“อ้อ นายอย่าลืมโทรไปลางานที่ทำงานด้วยล่ะ” ต้นบอกก่อนจะเดินออกไป

“ครับ...ขอบคุณที่ช่วยเตือนครับ” สนว่าพลางขำ แล้วก็ขยับตัวลงนอน

ต้นหันกลับมามองเพื่อนอย่างแปลกใจ ปกติสนจะไม่พูด “ครับ” หรือ “ผม” กับเขาเลย วันนี้ทำไมพูดแปลกๆ

“ต้น...นายมานี่แป๊บนึงสิ” สนเรียกก่อนที่ต้นจะเดินออกไปจากห้อง

ต้นเดินกลับมาหาเพื่อนแล้วก็ย่อตัวลงนั่งข้างๆ เตียง

สนจับมือต้นมากุมไว้ ยิ้มแล้วบอกเพื่อนว่า “ขอบใจนายมากนะต้นที่นายไม่ทิ้งเรา ตอนนี้ เราอาจจะทำอะไรผิดพลาดหลายอย่าง คนทั้งโลกอาจจะด่าประณามเรา แต่เราขอนะต้น” สนหยุดแล้วสบตาเพื่อน “เราขอแค่นายคนเดียวที่เข้าใจเรา ได้ไหมต้น”

ต้นพยักหน้าแล้วตอบทันทีโดยไม่ลังเลใจว่า “ได้อยู่แล้ว...อย่างน้อย นายก็เป็นเพื่อนที่เรารัก แม้ว่าความสัมพันธ์แบบอื่นจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แต่มิตรภาพความเป็นเพื่อนของเรายิ่งใหญ่และสำคัญกว่าทุกอย่าง นายไม่ต้องห่วงนะสน ต่อไปนี้จะไม่มีเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก เราสัญญา”

สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย สนเริ่มได้คิด ถ้าอะไรต่อมิอะไรมันยุ่งยากและเป็นไปไม่ได้จริงๆ หรือแม้ว่าวันนี้ความรู้สึกของทั้งสองคนจะเตลิดมาไกลแล้ว แต่อย่างน้อย มิตรภาพความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนก็ยังอยู่ เป็นความรักที่บริสุทธิ์และจะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บแบบนี้อีก ที่สำคัญ ถ้าความรักมันไปต่อไม่ได้ การกลับมาตั้งต้นที่การเป็นเพื่อนกันก็จะไม่ทำให้ต้องเจ็บมาก

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

98. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #97
 
17-Jul-11, 08:13 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ชอบครับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
MeritSaber
Guest

99. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #97
 
17-Jul-11, 09:58 PM (SE Asia Standard Time)
 
   อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย ทุกอย่างมีเหตุผลมากกว่าความบังเอิญ ความรักที่งดงามและไม่หวังสิ่งตอบแทน การแก้ปัญหาด้วยสติมากกว่าอารมณ์ ชอบครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

100. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
17-Jul-11, 11:36 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
  

ตอนที่ 32: ความเข้าใจของแม่

“นา...หนูรู้ไหมลูกว่าสนไปไหน แม่ติดต่อไม่ได้เลย พอดีแม่จะถามเขาว่าจะกลับมาบ้านวันเสาร์นี้หรือเปล่า” แม่ของสนโทรศัพท์มาถามลูกสะใภ้เพราะไม่สามารถติดต่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะแม่” นาตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงแข็งๆ จนแม่ของสนรู้สึกได้

“เหรอลูก สนไม่ได้กลับบ้านหรอกเหรอ”

“ไม่ได้กลับค่ะ” นาตอบสะบัดเสียง อย่าว่าแต่แม่ของสนเลย เธอเองก็โทรหาสนหลายรอบแล้วก็ไม่ยอมรับสาย

“เอ...ทำไมสนทำตัวเหลวไหลอย่างนี้” แม่ของสนบ่นพึมพำ

“แม่ไม่ลองโทรไปถามพี่ต้นดูล่ะคะ พี่ต้นน่าจะรู้ก็ได้ เผลอๆ จะรู้มากกว่าที่นารู้เสียอีกค่ะ”

ฟังจากน้ำเสียงของลูกสะใภ้แล้ว แม่ของสนก็พอเดาได้ว่านาอาจจะทะเลาะกับสนก็เป็นได้ “จ้ะ เดี๋ยวแม่จะลองโทรถามต้นดู” แล้วแม่ของสนก็เปลี่ยนเรื่องถาม “หนูทะเลาะกับสนหรือเปล่าลูก”

นาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อแม่สามีจับน้ำเสียงของเธอได้ เธอใช้เวลาคิดไม่นานนักก็ตอบไปว่า “ค่ะ พี่สนเขาจะเลิกกับหนูค่ะ”

“อะไรนะลูก สนจะเลิกกับหนูเหรอ ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอลูก ร้ายแรงถึงขนาดต้องเลิกกันเลยเหรอ หรือว่าสนทำตัวเหลวไหล หนูบอกแม่ได้นะลูก เดี๋ยวแม่จะจัดการให้” แม่สนถามด้วยน้ำเสียงตกใจ คิดไม่ถึงว่าเพียงไม่กี่วันที่สนมาบ้านคราวนั้นก็มีเรื่องร้ายแรงจนถึงต้องเลิกกับภรรยา

“ถ้าแค่เหลวไหลหรือมีผู้หญิงอื่น นาคงไม่เสียใจขนาดนี้หรอกค่ะ แต่นี่...พี่สนไม่ได้เหลวไหลกับผู้หญิงนี่สิคะ” นาเริ่มพูดเสียงดัง เธอรีบปลีกตัวออกไปจากโรงอาหารเพราะไม่อยากให้คนที่มานั่งกินข้าวกลางวันได้ยิน

“หนูหมายความว่าไงเหรอลูก สนไม่ได้เหลวไหลกับผู้หญิงแล้วสนเหลวไหลกับใครล่ะลูก”

“ก็เหลวไหลกับผู้ชายสิคะแม่ แม่เลี้ยงลูกของแม่มา แม่ไม่รู้เหรอคะว่าพี่สนเขาเป็นเกย์” นาตัดสินใจบอกไปในที่สุด ถึงตอนนี้แล้วเธอพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ให้ต้นและสนอยู่ไม่เป็นสุข

“อะไรนะลูก หนูพูดว่าไงนะ สนน่ะเหรอเป็นเกย์ แม่ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด หนูเข้าใจผิดหรือเปล่าลูก” แม่ของสนตกใจแทบสิ้นสติ ตั้งแต่เลี้ยงลูกมา เธอไม่เคยเห็นเลยว่าสนจะมีท่าทางเหมือนผู้หญิงตรงไหน

“ไม่ผิดหรอกค่ะแม่ เพราะพี่สนเขาบอกนาเองว่าเขาชอบผู้ชาย นาได้ยินกับตัวเองเต็มสองหู นาถึงได้เสียใจอยู่นี่ไงคะแม่” นาพูดพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ไม่จริง...แม่ไม่เชื่อเด็ดขาด หนูฟังผิดหรือเปล่าลูก แม่เลี้ยงสนมากับมือ แม่มั่นใจว่าสนไม่ได้เป็นเกย์อย่างแน่นอน”

“แม่ก็ไปถามพี่ต้นดูสิคะ พี่ต้นเขารู้ดีหมดทุกอย่างแหละค่ะ”

แม่ของสนเงียบและครุ่นคิด นี่ลูกชายของเธอเป็นเกย์จริงหรือ นาก็รู้...ต้นก็รู้...แล้วทำไมสนถึงไม่เคยบอกแม่เลย นี่มันอะไรกัน ลูกชายคนเดียวของเธอกลายเป็นเกย์ไปได้อย่างไร สนไม่เคยมีวี่แววอะไรที่ส่อไปทางนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว “นาไม่ได้พูดเล่นใช่ไหมลูก”

“นาจะล้อเล่นทำไมคะแม่ แม่เห็นไหมคะว่านากำลังเสียใจอยู่ นาจะบอกให้ก็ได้ว่าตอนนี้พี่สน...กับพี่ต้น...เป็นคู่เกย์กันค่ะ เขาสองคนรักกัน พี่สนเขาบอกนาว่าเขารักพี่ต้น ไม่ได้รักหนู”

“ไม่จริง” แม่ของสนพูดเสียงเบา ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน “หนูฟังผิดหรือเปล่าลูก สนกับต้นเขาเป็นเพื่อนกัน สนเขารักต้นมากเพราะเขาช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็รักกันอย่างเพื่อน หนูคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ”

“ไม่ผิดค่ะแม่ หนูยืนยัน เพราะตอนแรกหนูก็คิดอย่างนั้น แต่พี่สนเขายืนยันเองว่าเขารักพี่ต้น รักมานานแล้ว เขาจะเลิกกับหนูแล้วไปอยู่กับพี่ต้น ขนาดหนูบอกว่าท้องแล้วเขายังไม่สนใจเลย”

“อะไรนะลูก นี่มันอะไรกันแม่งงไปหมดแล้ว สนนี่เหรอจะทิ้งหนูไปอยู่กับต้น มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน แล้วหนูท้องได้กี่เดือนแล้ว” แม่ของสนเริ่มสับสน พอนายืนยันหนักแน่นอย่างนี้ เธอก็เริ่มหวั่นใจว่าลูกชายจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต้นกับสนผูกพันและรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เธอเองก็รักและเอ็นดูต้นมากเพราะต้นกับครอบครัวของต้นช่วยเหลือลูกชายเธอไว้มาก ช่วยอย่างชนิดที่ว่าเอาชีวิตเข้าแลกเลยทีเดียว ถ้าไม่มีต้น ป่านนี้ลูกชายของเธออาจจะทำงานเป็นแค่กรรมกรจนๆ คนหนึ่ง คงไม่ได้เรียนหนังสือจนได้ใบปริญญาและคงไม่มีงานดีๆ แบบนี้ทำ ครอบครัวของเธอลืมตาอ้าปากได้ทุกวันนี้ก็เพราะต้นกับครอบครัวจริงๆ ถ้าเกิดสนจะรักต้นแบบนั้นจริงๆ ล่ะ...

“หนูไม่ได้ท้องหรอกค่ะ หนูแค่หลอกพี่สนว่าหนูท้องเพราะหนูอยากจะดูใจเขาเท่านั้นเอง แต่เขาไม่สนใจหนูแม้แต่นิดเดียว เอะอะอะไรก็บอกว่ารักพี่ต้น เมื่อคืนก็คงไปหาพี่ต้นนั่นแหละค่ะ เพื่อนรักสองคนนั้นเขาพร้อมใจกันสวมเขาให้นา ได้ยินไหมคะแม่ เขาพร้อมใจกันสวมเขาให้นา นาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”

แม่ของสนตกตะลึงอย่างรุนแรง พอวางสายแล้วก็รีบโทรหาลูกชายทันที แต่ก็เหมือนเดิม โทรไม่ติด เธอร้อนใจเหลือเกิน วันนี้จะต้องคุยกับลูกชายให้ได้ แล้วเธอจะบอกพ่อของสนว่าอย่างไร
------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้นกลับมาถึงหอพักเกือบบ่ายๆ พอมาถึงก็รีบตรงรี่ขึ้นมาบนห้องเพราะเป็นห่วงเพื่อนที่นอนซมอยู่ ต้นเอาอาหารที่ซื้อมาไปเก็บไว้ในห้องทำอาหารแล้วจึงค่อยเข้าไปหาสนในห้องนอน สนลืมตาตื่นพอดีเพราะเขาได้ยินเสียงกุกกักๆ

“กลับมาแล้วเหรอ มีอะไรมากินมั่ง” สนถามพร้อมกับหยีตา เขาพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกปวดหัวตุบๆ

“ก๋วยจั๊บที่นายชอบไง แล้วนายเป็นไงมั่ง” ต้นถามพลางนั่งลงบนเตียงข้างๆ เพื่อน เอามือไปแตะหน้าผากเพื่อน “ตัวยังร้อนอยู่เลยนี่นา ไปหาหมอไหม” ต้นถามแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าสนจะต้องไม่ไป

“ไม่ไปหรอก เปลืองเงินเปล่าๆ กินยา นอนแล้วก็หายเองแหละน่า”

ต้นหัวเราะขำทันที “นายนี่นะ ชอบดื้อไม่ไปหาหมอ” ต้นว่าเพื่อนด้วยเสียงไม่จริงจังนัก “นายปิดเครื่องเหรอ เราโทรหาเท่าไรก็ไม่ติด”

สนพยักหน้า “ตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อยน่ะต้น ไม่อยากคุย ไม่อยากทะเลาะกับใคร นายปิดด้วยก็ดีนะ เดี๋ยวเขาจะโทรมารังควานนายอีก” สนเตือน

“เหรอ” ต้นรู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน จึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็ปิดเครื่องไป “นายจะกินข้าวที่นี่ไหม หรือว่าจะไปกินที่โต๊ะข้างนอก”

“นายก็รู้อยู่แล้วนี่นา” สนบอกพลางยักคิ้วให้เพื่อน

ต้นยิ้มขำแล้วก็เดินออกไปจัดแจงอาหาร สักพักก็ยกมาให้สนกินในห้องนอน ต้นก็มีของต้นด้วย สองหนุ่มนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่รู้เลยว่ามีคนที่กำลังเป็นทุกข์ใจและคอยโทรหาเขาทั้งสองคนอยู่หลายครั้ง

กินข้าวเสร็จแล้วต้นก็เอาน้ำและยาแก้ไข้มาให้เพื่อน พอสนกินยาเสร็จ ก่อนจะนอนเขาก็ไม่ลืมที่จะบอกต้นว่า “ขอบใจนะต้น”

ต้นยิ้ม แค่คำพูดเล็กๆ น้อยๆ ที่มาจากใจก็ทำให้เขามีความสุขแล้วล่ะ “เดี๋ยวเรานอนด้วยนะ เราง่วงนอนมากเลย เมื่อเช้าทำงานแทบไม่ไหว”

แล้วสองหนุ่มก็นอนหลับใหลไปด้วยกัน อีกคนหนึ่งนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาและฤทธิ์ไข้ ส่วนอีกคนหลับไปเพราะความอ่อนเพลียที่ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน
------------------------------------------------------------------------------------------------
ประมาณห้าโมงเย็นสนก็ตื่น หันไปข้างๆ ก็เห็นต้นหลับอยู่ สนยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองดูเพื่อนนอนหลับแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แต่เขาก็ไม่ได้ปลุกเพื่อนให้ตื่นขึ้นมาด้วยเพราะรู้ว่าต้นต้องการพักผ่อนเช่นกัน

สนหยิบโทรศัพท์ของเขามาแล้วก็เปิดเครื่องเพื่อดูว่ามีใครโทรหาเขาบ้าง มีสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสายทีเดียว ทั้งเพื่อน เพื่อนร่วมงาน นา...และแม่ของเขา เห็นจำนวนครั้งที่แม่พยายามโทรหาเขาแล้วสนก็แปลกใจ แม่พยายามโทรหาสนเกือบ 20 ครั้ง แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลย

สนค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้องอย่างช้าๆ เพราะเขายังรู้สึกปวดหัวอยู่ เขาเปิดประตูระเบียงห้องออกไปแล้วก็โทรหาแม่ทันที

“แม่...มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นโทรหาผมตั้งหลายครั้ง” สนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เปล่าหรอกจ้ะ แม่มีอะไรจะถามสนนิดหน่อย ว่าแต่ว่า...วันนี้ลูกไปไหนมาล่ะ”

สนรู้สึกว่าน้ำเสียงของแม่ตอนท้ายๆ ฟังดูแปลกๆ แต่เขาก็รีบตอบไปว่า “อยู่ห้องต้นครับแม่ พอดีสนไม่สบายก็เลยไม่ได้ไปทำงาน ตอนที่นอนอยู่สนก็ปิดมือถือด้วยครับ สนขอโทษด้วยครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง”

พอสนตอบมาเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้แม่รู้สึกหวั่นใจ สิ่งที่ลูกสะใภ้บอกเมื่อตอนกลางวันนี้ก็ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอก็ทำใจไว้ได้พอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สนก็ยังเป็นลูกชายของเธอ “เป็นอะไรล่ะลูก”

“เป็นไข้นิดหน่อยครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ต้นเขาดูแลผมเป็นอย่างดี นอนพักวันสองวันก็น่าจะหายแล้วล่ะครับ” สนเล่าอย่างภูมิใจ

“จ้ะ” แม่ถอนหายใจแล้วก็ตัดสินใจเล่าให้สนฟังว่า “วันนี้แม่โทรหาสนหลายรอบ ว่าจะถามสนว่าจะกลับมาบ้านวันเสาร์นี้หรือเปล่า พอโทรไม่ติด แม่ก็เลยโทรหานา” แม่เว้นจังหวะเล็กน้อย “นาเขาบอกแม่ว่า...สนจะเลิกกับเขา”

สนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “นาเขาบอกอย่างนั้นเหรอครับ” สนถามเสียงเย็นชา

“จ้ะ...แล้วเขาก็บอกแม่อีกว่า ที่สนจะเลิกกับเขาเพราะว่าสน...มีคนอื่น” แม่พูดช้าๆ เพราะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

เอาอีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ดูร้ายกว่าที่เขาคิดไว้มากทีเดียว สนเริ่มหวั่นใจเพราะกลัวว่านาจะเล่าเรื่องเขากับต้นให้แม่ฟัง

“สนมีคนอื่นอย่างที่นาเขาว่าจริงหรือเปล่าลูก” แม่ถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

“ครับแม่” สนตอบไปตามตรง เขาเริ่มทำใจแล้วว่าอีกไม่ช้าความจริงบางอย่างก็จะต้องถูกเปิดเผย “ผมเดาว่านาเขาน่าจะบอกแม่มากกว่านั้นใช่ไหมครับ”

แม่ถึงกับสะอึกเมื่อลูกชายถามมาเช่นนั้น สนคงรู้นิสัยใจคอนาอยู่พอสมควร “สน...แม่ถามตรงๆ นะลูก ขอให้ลูกตอบแม่ตรงๆ ได้ไหมลูก”

“ครับแม่ ถึงตอนนี้ ผมคงไม่มีอะไรจะปิดบังอีกแล้วครับ อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด” สนบอกด้วยเสียงหนักแน่น

แม่ของสนเตรียมใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจถามลูกชายว่า “สนเป็นเกย์หรือเปล่าลูก นาเขาบอกว่าลูกเป็นเกย์เพราะว่า...สนกับต้นรักกัน”

เป็นอย่างที่สนคาดไว้ไม่มีผิด เขาไม่รู้ว่านาคิดอะไรอยู่ถึงได้เล่าเรื่องนี้ให้แม่เขาฟัง “ผม...ไม่รู้จะบอกแม่ว่ายังไงเหมือนกันครับ ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ถ้าถามว่าผมกับต้น...รักกันไหม ผม...รักต้นครับแม่” สนตัดสินใจบอกไป

“สน” แม่ร้องอุทานด้วยความใจหาย “ตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”

“นานแล้วครับแม่” สนบอก “ต้นเขาดีกับผมมาก ที่ผมมีชีวิตรอด ได้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ได้มีงานทำดีๆ อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะต้นและครอบครัวของเขา ผมรักต้น...เพราะต้นเป็นคนดี เข้าใจผม ให้กำลังใจและช่วยเหลือผมมาตลอด ต้นเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับแม่ว่าผมรักต้นแบบนั้น จนกระทั่งผมแต่งงาน ต้นเขาคงเสียใจก็เลยหลบไปทำงานที่ลาวสามเดือน พอต้นไม่อยู่ ก็เลยทำให้ผมรู้ว่า...ผมรักต้นมากแค่ไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับแม่ว่าทำไมผมถึงรักต้นแบบนั้น แต่ผมก็รักไปแล้ว ผมไม่ได้อยากเลิกกับนาหรอกนะครับแม่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิด ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะรักผู้ชายด้วยกันได้ มันเกิดขึ้นแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง”

แม่ฟังอย่างตั้งใจและพยายามที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกชายพูดมาทั้งหมด ฟังแล้วก็แทบไม่เชื่อว่าความดีของต้นจะถึงขั้นทำให้ลูกชายของเธอรักต้นจนเกินความเป็นเพื่อนไปได้

“แต่ผมกับต้นก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับแม่ ผมยืนยันได้ ต้นเขาเป็นคนดีแค่ไหนแม่ก็คงรู้ ต้นเขาบอกผมเสมอว่าให้ผมกลับไปหานา ยิ่งตอนนี้นากำลังท้องและกำลังจะมีลูกด้วยแล้ว ต้นเขาก็ยิ่งเป็นห่วงเพราะกลัวว่าครอบครัวที่ผมสร้างขึ้นจะไปไม่รอด แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมไม่ได้รักนาแบบนั้นอีกแล้วครับ หรืออาจจะไม่เคยรักเขาแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว ผมเสียใจนะครับแม่ ผมไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบนี้เลย” สนระบายให้แม่ฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขารู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมแม่ของเขาถึงดูเหมือนไม่ได้ตกใจอะไรมากเลย “แม่คิดยังไงบ้างครับที่วันนี้ลูกชายคนเดียวของแม่...หลงรักผู้ชายด้วยกัน” สนถามด้วยความอยากรู้เพราะเห็นแม่เงียบไปนาน

แม่นิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่สักพักก็ตอบว่า “แม่ตกใจนะลูก แต่แม่...ก็เข้าใจลูก ยังไงสนก็เป็นลูกของแม่ ไม่ว่าสนจะเป็นยังไง แม่ก็ยังรักลูกของแม่อยู่เสมอ แม่อาจจะยังทำใจยอมรับไม่ได้ทั้งหมดในวันนี้...ตอนนี้ แต่แม่ก็จะพยายามทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด เหลือก็แต่พ่อ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อเขาจะว่ายังไง”

“ขอบคุณครับแม่ที่เข้าใจผม” แม้ว่าสนจะกังวลว่าพ่อจะรู้สึกอย่างไรบ้างถ้าได้รู้เรื่องนี้ แต่เขาก็สบายใจที่อย่างน้อยก็มีแม่คนหนึ่งที่เข้าใจเขา แม้ว่าแม่จะยังทำใจยอมรับไม่ได้ทั้งหมด แต่สนเชื่อว่าอีกไม่ช้าแม่ก็จะเข้าใจ

“แล้วสนจะทำยังไงต่อไปล่ะลูก”

นี่คือคำถามที่สนหนักใจที่สุดในตอนนี้ “ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันครับแม่ แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของนาซึ่งกำลังจะเป็นแม่ของลูกผม ยังไงผมก็ต้องดูแลลูกของผมให้ดีที่สุด ผมคิดออกเท่านี้ครับแม่”

“สน...”

“ครับแม่”

“นาเขาไม่ได้ท้องหรอกนะลูก” แม่ตัดสินใจบอกสนไป

“อะไรนะครับแม่ นาเขาไม่ได้ท้องเหรอครับ” สนทำเสียงตกใจ

“เขาโกหกลูกว่าท้องเพราะแค่อยากจะดูใจลูกเท่านั้น เขาบอกแม่เองว่าเขาไม่ได้ท้อง”

“จริงเหรอครับแม่” สนร้องถามอย่างดีใจ เขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

“สน...คิดดีๆ นะลูก ลูกพาเขามาแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ว่าสนจะตัดสินใจยังไง แม่ก็จะไม่ก้าวก่ายละกัน ขอให้สนคิดและตัดสินใจให้ดีๆ ตามความเหมาะสม นะลูกนะ”

“ครับแม่ ขอบคุณแม่มากครับ ที่ผ่านมาผมอาจจะทำผิด ทำไม่ดี แต่ต่อไปนี้ ผมจะคิดให้มากขึ้นครับ จะได้ไม่ต้องมีใครเสียใจเพราะผมอีก” สนให้สัญญา

เขานึกว่าฝันของเขาจะต้องสลายไปเสียแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่านาท้อง แต่พอรู้ว่านาไม่ได้ท้อง ฝันนั้นก็คงมีหวังและมีโอกาสเป็นจริงได้มากขึ้น แต่...ใช่สิ เขาต้องคิดให้ดีๆ เสียก่อน อย่าเพิ่งใจร้อน เขาต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ทั้งกับตัวเขาเอง ต้น นา พ่อกับแม่ของเขา และพ่อกับแม่ของต้น มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะทำให้ทุกคนพอใจ แต่สนก็ต้องทำให้ดีที่สุด

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan club คุณ sarawatta
Guest

101. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #100
 
18-Jul-11, 01:31 AM (SE Asia Standard Time)
 
   เย้ ๆ ๆ ๆๆ ในที่สุดก้อ หาทางออกได้

ขอบคุณ ขอบคุณ k. sarawatta

น่ารักอ่ะ เก่งอ่ะ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

102. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #101
 
18-Jul-11, 04:43 AM (SE Asia Standard Time)
 
   รักครับ รักเรื่องนี้มาก


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

103. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #102
 
18-Jul-11, 11:08 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะครับ ก่อนจะเอาตอนจบมาโพสต์ ขอเอาภาพประกอบใหม่มาให้ดูครับ ทำมาสำหรับตอนจบโดยเฉพาะ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

104. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #103
 
18-Jul-11, 12:08 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ดีจังที่นาไม่ได้ท้อง

แต่เอ พ่อของสนถ้ารู้เข้าจะว่ายังไงนั

ป.ล.ชอบภาพประกอบมากมายเลยครับ (พี่นัทน่ารัก)


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

105. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #104
 
18-Jul-11, 03:50 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   เฮ้อ กำลังทำใจอยู่ครับ ใกล้จะได้โพสต์ตอนจบแล้ว รู้สึกใจหายเหมือนกัน คราวนี้จบจริงๆ ไปจริงๆ แล้ว
.......
ขอเวลาทำใจสักพักก่อนนะครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

106. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #105
 
18-Jul-11, 05:35 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จะจบแล้วหรอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วผมจะอ่านอะไรต่อหละเนี้ย ช่วยแต่งเรื่องใหม่แบบนี้อีกนะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

107. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
18-Jul-11, 08:06 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ตอนจบมาแล้วครับ ผมให้จบแบบที่พ่อแม่ยังไม่รู้อะไรมาก เพราะคิดว่าเมื่อสองคนนี้รักกันและหนักแน่นมั่นคงแล้ว ความรักก็จะนำทางไปเอง

หลังจากนี้ ก็จะตรวจทานและรวบรวมเป็น PDF ไว้ให้เช่นเคยครับ ส่วนเรื่องใหม่ ขอเวลาอีกนิดครับ ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาเรื่องอะไรดี

จะสังเกตเห็นว่าผมอาจจะนำเนื้อหาบางส่วนของตอนเก่ามาใส่ไว้ด้วย ไม่ได้ขี้เกียจนะครับ แต่รู้สึกว่ามันดีอยู่แล้วก็เลยเอามาใช้อีก

สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด ดีใจที่ได้เขียนนิยายแล้วทำให้คนมีความสุข (ไม่มากก็น้อย)
สิ่งที่อยากจะขอในตอนท้ายนี้ก็คือ ขอให้ทุกคนจดจำ "ต้นสน" ไว้ตลอดไปก็แล้วกันครับ
----------------------------------------------------------------

ตอนที่ 33: รักจะนำทางเราไป

“ต้น...ตื่น...ตื่นได้แล้ว” สนวิ่งเข้ามาปลุกเพื่อนในห้องนอนหลังจากที่คุยกับแม่จบแล้ว เขาเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่จนต้องรบกวนเวลานอนของเพื่อน

ต้นลืมตาตื่นงัวเงีย สนนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ “มีอะไรเหรอ นี่กี่โมงแล้ว” ต้นถามเสียงอู้อี้

“ห้าโมงเย็น” สนยังคงยิ้มอยู่ “เรามีข่าวดีจะบอกนาย”

“อะไรเหรอ” ต้นค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง

“นาเขาไม่ได้ท้อง”

ต้นเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “จริงเหรอ นายรู้ได้ยังไง”

สนค่อยๆ หุบยิ้มลงเพราะจะต้องเล่าเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าต้นจะสบายใจที่จะฟังหรือเปล่า “แม่เราบอก พอดีแม่เราพยายามโทรหาเรา แต่เราปิดเครื่อง แม่ก็เลยโทรไปหานา แล้ว...นาเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง รวมทั้ง...” สนเว้นจังหวะเพื่อสังเกตความรู้สึกของต้น “รวมทั้งเรื่องที่เราสองคน...รักกัน แล้ว...แม่ก็รู้เรื่องของเราสองคนแล้ว แล้วก็...นาเขาบอกแม่ว่าเขาไม่ได้ท้อง เขาแค่โกหกเราเพราะว่าต้องการจะลองใจเรา”

ต้นเริ่มแสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา “แล้วมันเป็นข่าวดียังไงล่ะสน นาเขาเป็นเมียของนายนะ ยังไงนายก็ต้องดูแลเขาต่อไป”

“ต้น...เราไม่ได้รักนาอีกแล้ว เราบังคับใจตัวเองไม่ได้ คนเรา ถ้าลองไม่มีใจให้กันแล้ว มันจะอยู่กันอย่างมีความสุขได้ยังไง จริงไหม...ไม่ช้าก็เร็ว...สักวันมันก็ต้องถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ เราคิดว่า...เลิกกันตอนนี้ก็ดีกว่าปล่อยให้อะไรมันสายเกินไป เราตัดสินใจแล้วนะต้น เราจะคุยกับนาเอง นายอย่าห่วงเลยนะ เราจะขอแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตัวเอง ทุกอย่างมันผิดพลาดมาหมดแล้ว เราย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่เมื่อมันเป็นไปแล้ว เราก็ต้องยอมรับ นายเข้าใจเราใช่ไหมต้น...รับผิดชอบก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ความรักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามันไปกันไม่ได้ ความรับผิดชอบอย่างเดียวก็คงไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นได้หรอก มีแต่จะอยู่กันอย่างทนทุกข์ทรมานมากกว่า นายอยากเห็นเรามีชีวิตอย่างนั้นเหรอต้น นายไม่อยากเห็นเรามีความสุขเหรอ”

เจอคำถามแบบนี้เข้าไปต้นก็เลยเงียบ เขาอาจจะหวังดีกับเพื่อนได้ แต่พอถึงจุดๆ หนึ่ง คนที่จะต้องตัดสินใจจริงๆ ก็คือสน ไม่ใช่เขา “อยากเห็นสิ” ต้นยืนยัน “ก็เอาเป็นว่า นายตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของนายละกันนะสน ตามที่นายเห็นว่าเหมาะสมที่สุด เราเสนอทางเลือกให้นายมามากพอแล้ว ก็คงถึงเวลาที่นายจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเองจริงๆ เสียที เราจะคอยเอาใจช่วยละกัน ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไง เราก็จะเคารพการตัดสินใจของนาย”

สองหนุ่มยิ้มให้กัน สนรู้สึกโล่งใจที่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว “ขอบใจมากต้นที่นายเข้าใจเรา” แล้วสนก็ทำสายตามีเลศนัยบางอย่าง “แล้วนายจะไม่ถามเราสักคำเลยเหรอว่า พอเราเลิกกับนาแล้วเราจะทำอะไรต่อ”

“ถ้าอยากบอกก็บอกเองสิ เราไม่เห็นอยากรู้เลย” ต้นทำหน้าตาย

“ไม่อยากรู้จริงเหรอ” สนจ้องหน้าเพื่อนพลางยิ้ม

“จริงสิ” ต้นตอบพลางยิ้มเขิน

สนเห็นแล้วก็อดหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของต้นไม่ได้จึงรวบตัวต้นมากอดไว้ในอ้อมแขน “นี่แน่ะ กวนเราดีนักใช่ไหม”

ต้นพยายามดิ้นหนี “อะไร...นายไม่สบายไม่ใช่เหรอ”

“ใช่...แต่ก็ยังมีแรงอยู่” แล้วสนก็ขู่ว่า “ถ้านายไม่หยุดดิ้นเดี๋ยวเราจะทำโทษนะ”

ได้ผล ต้นหยุดดิ้นทันทีพลางมองหน้าสน “ทำโทษอะไร”

แล้วต้นก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆ สนก็ก้มลงมาจูบเขาโดยที่เขาไม่ได้ทันได้ตั้งตัว ต้นได้แต่ตะลึงงันตัวแข็งทื่อ แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ โอนอ่อนผ่อนตาม รสจูบของสนอ่อนหวานเหลือเกิน เกินกว่าที่ต้นจะหักห้ามและผลักไสมันออกไปได้ สักพักสนจึงค่อยๆ ถอนปากของเขาออก

ต้นเขินอาย ก้มหน้างุดๆ และพยายามไม่สบตากับสน

สนยิ้มและหัวเราะชอบใจ “ต้น...นายรู้ตัวหรือเปล่าว่าเวลานายเขิน นายก็น่ารักดีนะ” เขาพยายามสบตากับต้น แต่ต้นก็ยังนั่งก้มหน้าอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่สนทำแบบนี้ แต่ต้นก็ยังรู้สึกเขินอยู่ดี

“ไม่ยอมสบตาเราใช่ไหม ถ้างั้นต้องเจออีกรอบ จะได้หายเขิน ดีไหม” สนสัพยอกด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง

ต้นได้ยินอย่างนั้นก็จะรีบลุกหนี แต่สนจับแขนเขาไว้ได้ก่อนเหมือนรู้ทัน "เดี๋ยวก่อนสิต้น"

ต้นหยุดนิ่ง สนขยับตัวตามมา เขาจับไหล่ต้นทั้งสองข้างและหันตัวต้นให้เผชิญหน้ากับเขา ต้นขืนตัวนิดๆ แต่ก็ยอมหันมาในที่สุด สนใช้มือของเขาเชยคางต้นขึ้นมาอย่างช้าๆ จนสายตาของทั้งคู่มาเจอกัน

"สบตาเราสิต้น" สนบอกเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนโยน ต้นพยายามสบตาตามที่เพื่อนบอกแต่บางทีก็หลบตาไปมา

"กอดคอเราไว้ด้วยสิ" สนรู้สึกเหมือนเขากำลังสอนเด็กสาวที่ไม่ประสีประสาเรื่องแบบนี้ ต้นค่อยๆ ทำตามอย่างว่าง่าย สนยิ้มชอบใจ

"ทำตัวสบายๆ นะต้น" แล้วสนก็ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ตอนแรกต้นจะขยับหนี แต่แล้วก็เปลี่ยนใจทำตามที่เพื่อนต้องการ สนค่อยๆ ประทับฝีปากของเขาลงอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้น ต้นรู้สึกเหมือนกำลังตกจากที่สูงจึงกอดสนแน่นขึ้น สนรู้สึกพอใจกับการตอบสนองของเพื่อนมากทีเดียว เขาพยายามสอดลิ้นเข้าไป คราวนี้ต้นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้ว่าสนจะผ่านเรื่องพวกนี้มาพอสมควรแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่า นี่คือรสจูบที่เขาพอใจและมีความสุขมากที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดจากความตั้งใจและความร่วมมือของคนสองคนที่รักกัน

ก่อนทุกอย่างจะเตลิดไปไกล สนต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้แล้วหยุดเสีย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น แต่อีกไม่นานเขากับต้นคงจะได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข

“ขอเวลาเราอีกไม่นานนะต้น แล้วเราคง...จะได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับนาย...ตลอดไป”

ต้นยิ้มระคนเขินอายเป็นเชิงตอบรับ สนเห็นแล้วก็อดขำและเอ็นดูไม่ได้
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันรุ่งขึ้นสนก็หายไข้และไปทำงานได้ตามปกติ เขาดูอารมณ์ดีทั้งวันจนเพื่อนร่วมงานสงสัย แต่ในใจสนก็ยังคงกังวลอยู่ลึกๆ เพราะเขาตั้งใจจะกลับไปคุยกับนาเย็นนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้อะไรมันคาราคาซังอีกต่อไป

ตกเย็น สนไปรับนาที่ธนาคารที่เธอทำงานอยู่และกลับมาที่คอนโดด้วยกัน น่าแปลกที่นาดูเงียบๆ และไม่พูดไม่จาจนสนเดาไม่ออกว่าเธอรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ พอกลับมาถึงก็นั่งกินข้าวด้วยกันเงียบๆ ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดทีเดียว

“นา...พี่จะขอคุยกับนาหน่อยได้ไหม” สนเป็นฝ่ายที่เริ่มการสนทนาก่อนขณะกินข้าวไปได้สักพัก

“ค่ะ” นาตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าของเธอดูคล้ายกับไม่พอใจแต่ก็ดูเศร้าอยู่ในที

กินข้าวเย็นเสร็จแล้วสนก็นั่งคุยกับภรรยาตรงบริเวณที่ใช้นั่งเล่นในห้อง เห็นสีหน้าเฉยเมยของภรรยาแล้วสนก็รู้สึกลำบากใจพอสมควร แต่วันนี้เขาก็มาไกลจนเกินกว่าจะกลับตัวได้แล้ว

“พี่เสียใจนะนา” สนเริ่มพูดก่อน นาหันมามองเขาเหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วก็หันกลับไปตามเดิม “พี่ก็ไม่ได้อยากให้เรามาถึงจุดนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่พี่ไม่คาดคิด” สนถอนหายใจยาว “พี่ก็เคยคิดเหมือนผู้ชายทั่วไป อยากแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก พี่ผิดเองที่ไม่ได้สำรวจหัวใจตัวเองให้ดีก่อน จนกระทั่งทุกอย่างเลยเถิดมาจนถึงวันนี้ พี่ขอยอมรับผิดแต่โดยดี ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ”

“แล้วยังไงคะ ขอโทษแล้วจะมีอะไรดีขึ้น” นาถามเสียงห้วนด้วยท่าทางเฉยเมยเช่นเดิม

“พี่รู้ว่ามันเจ็บปวด พี่รู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับนา ไม่มีอะไรจะชดเชยความผิดพลาดทั้งหมดนั้นได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก แต่พี่ก็อยากให้นาเข้าใจและคิดดูให้ดีๆ” สนพยายามสบตากับภรรยา “คนเรา ถ้าไม่ได้รักกันเสียแล้ว ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็ว มันก็ต้องถึงทางตัน พี่คิดว่าเราจากกันตอนนี้ดีกว่าที่เราจะปล่อยให้อะไรมันสายเกินไป ถึงตอนนั้น เราอาจจะต้องเสียใจมากกว่านี้”

“พี่สนก็พูดได้อยู่แล้ว แต่คนที่เจ็บ คนที่เดือดร้อน คนที่เสียหายไม่ใช่พี่” นาเริ่มประชดประชัน

“พี่อยากให้เราจากกันด้วยดีได้ไหมนา วันนี้พี่อยากให้เราพูดกันด้วยความเข้าใจ นาก็เห็นแล้วว่า...เรากลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ พี่ไม่อยากให้นาพยายามเพราะนาจะเหนื่อยเปล่า นา...เราต้องเลือกแล้วล่ะว่าเราจะอยู่อย่างทุกข์ใจ หรือจะเปิดโอกาสให้เราได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ถ้านาอยู่กับพี่แล้วไม่มีอะไรดีขึ้น นาก็ควรจะให้โอกาสตัวเองได้เจอคนที่ดีกว่าพี่ไม่ดีกว่าหรือ พี่ไม่อยากให้เราฝืนความจริง มีแต่จะทำให้เราเหนื่อยด้วยกันทั้งสองฝ่าย” สนยังคงพูดอย่างใจเย็น วันนี้เขาสัญญากับตัวเองไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ใช้อารมณ์กับนาอย่างเด็ดขาด

นาหยุดมองและเริ่มคิดตาม ดูท่าทางแล้วยังไงสนก็คงไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างแน่นอน สนยืนยันหนักแน่นขนาดนั้นเธอก็แทบไม่เห็นหนทางใดที่จะดึงเขากลับมาได้เลย เธอเองก็รู้สึกเหนื่อย หลังจากแต่งงานแล้วเธอกับสนคุยกันดีๆ น้อยมาก ชีวิตแต่งงานมีแต่การทะเลาะกันราวกับคนไม่เคยรักกันมาก่อน

“พี่พูดตามตรงนะนา พี่คิดว่านาก็คงเห็น หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว เราก็พบว่ามีหลายอย่างมากที่เราเข้ากันไม่ได้ คิดกันคนละอย่าง ไปกันคนละมุม มีเรื่องให้ทะเลาะกันแทบทุกวัน พี่บอกตรงๆ ว่า...พี่เหนื่อย และพี่คิดว่านาก็คงเหนื่อยเช่นกัน ถึงวันนี้พี่จะไม่ได้รักต้น พี่ก็คิดว่าเราคงไปกันไม่รอด เพราะเราไม่ยอมกัน ไม่ฟังกัน เอาแต่เหตุผลของตัวเอง พี่อยากให้เราเลิกฝืนความจริง ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น พี่อยากให้เราจากกันด้วยดีแล้วปล่อยให้ชีวิตของเราไปตามทางที่ควรจะเป็น ได้ไหมนา พี่ยินดีจะชดใช้ให้นาทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทองที่พี่พอมีอยู่พี่ก็ยินดีจะยกให้ ไม่ใช่ให้เพื่อชดเชยความผิด พี่รู้ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ แต่...นี่คือหน้าที่สุดท้ายของสามีที่จะทำให้ภรรยาคนหนึ่งได้ พี่พานามาแล้ว พี่ก็ไม่อยากให้นาลำบากจนเกินไป ตอนเริ่ม...พี่อาจจะเขียนมันด้วยมือ ตอนจบ...พี่ก็อยากจะใช้มือลบเช่นเดิม ทุกอย่างอยู่ที่นาจะตัดสินใจ ถ้านาคิดว่าเราควรจะอยู่กันไปแบบนี้ พี่ก็จะอยู่ แต่ถ้านาอยากให้โอกาสตัวเองได้เจอคนที่ดีกว่าพี่ เจอคนที่รักนามากกว่าพี่ พี่ก็อยากให้เราจากกันด้วยดี นาคิดว่ายังไงครับ...”

นาถึงคราวที่ต้องยอมแพ้แล้ว “ค่ะ...ถึงขั้นนี้แล้ว นาก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งพี่ไว้” นาพูดเสียงสั่นเครือแล้วก็ร้องให้ สนเดินไปกอดภรรยาเพื่อปลอบใจ คิดแล้วเขาก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน นี่คงจะเป็นกอดครั้งสุดท้ายของเขากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ตลอดสี่ห้าปีที่รู้จักกันมา เขาและเธอก็มีช่วงเวลาดีๆ ให้จดจำหลายอย่างอยู่เหมือนกัน ความผูกพันจึงย่อมมีเป็นธรรมดา “พี่ขอโทษนะนา ยกโทษให้พี่ด้วย” สนอดที่จะร้องให้ตามด้วยไม่ได้ คิดแล้วก็รู้สึกผิดที่เขาได้ทำให้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร “พี่ขอบคุณนามากนะ ตลอดระยะเวลาสี่ห้าปีที่ผ่านมาที่เรารู้จักกัน เรามีช่วงเวลาดีๆ มากมาย พี่ซาบซึ้งในความรักที่นามีให้พี่ พี่จะจดจำเอาไว้ตลอดไป พี่ขอให้นาโชคดี ได้พบเจอคนใหม่ที่ดีกว่าพี่ เข้าใจนาและรักนามากกว่าพี่ ขอให้นามีชีวิตใหม่ที่สดใส ฟ้าหลังฝนจะสดใสสำหรับนาเสมอ”

นาปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นพร้อมกับกอดสามีที่เธอรักไว้แน่นเป็นครั้งสุดท้าย เธอเองก็อัดอั้นตันใจมาหลายวัน สิ่งที่สนพูดแทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง เป็นความจริงที่นาปฏิเสธไม่ได้เลย ในตอนนี้ คงไม่มีอะไรที่ดีกว่าการเผชิญกับความเป็นจริงอย่างกล้าหาญแล้วก้าวต่อไป สนเองแม้จะรู้สึกสะเทือนใจ เขาสงสารนาจับจิตจับใจ แต่เขาก็ต้องใจแข็งและไปต่อไป บทเรียนครั้งนี้เขาจะต้องจดจำไปอีกแสนนาน
------------------------------------------------------------------------------------------------
มรสุมลูกนั้นได้พัดผ่านไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ซากปรักหักพังในหัวใจที่ต้องซ่อมแซมฟื้นฟูอยู่บ้างพอสมควร แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีมรสุมอีกลูกที่ต้นกับสนยังจะต้องเผชิญต่อไป อาจจะโชคไม่ดีนักที่ความรักของทั้งสองคนไม่ได้มีอะไรง่ายดายขนาดนั้น ก็ได้แต่หวังว่าความรักที่มั่นคงจะช่วยให้เขาสองคนผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ในที่สุด

“นายพร้อมหรือยังต้น” สนถามเสียงเบาเหมือนกระซิบในค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่ทุกอย่างพ้นไป

ต้นยิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับ “แต่เราไม่เคยนะสน” ต้นพูดด้วยสีหน้าเขินอาย แต่นั่นก็เป็นความจริง ต้นไม่เคยมีอะไรกับใครเลยจริงๆ จนกระทั่งทุกวันนี้

“เราก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายหรอกต้น” สนบอกพลางขำ “ถ้างั้นเราช่วยกันนะต้น วันนี้เราจะทำให้นายมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเลย”

ต้นหน้าแดงเขินอาย สนก้มลงจูบเพื่อนอย่างอ่อนหวานในตอนแรก แล้วก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในตอนหลัง เสื้อผ้าค่อยๆ หายไปทีละชิ้นสองชิ้นจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย สนสังเกตเห็นรอยแผลเป็นบนแขนของต้นที่ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ สนจำที่มาที่ไปของรอยแผลนั้นได้เป็นอย่างดีและไม่เคยลืม ถึงเมื่อก่อนเขาจะเคยเกลียดเกย์และกะเทยเพียงใด แต่เขาจะยกเว้นให้ต้นเพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะไปไกลกว่านั้น สนก็บอกต้นว่า “เรารักนายนะต้น รักมากที่สุดในชีวิต”

“เราก็รักนาย” ต้นบอกกลับเบาๆ

แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติและความต้องการของทั้งสองคน สนเพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน ความสุขไม่ได้เกิดจากการสนองตอบความต้องการตามธรรมชาติอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องเกิดจากความรักด้วย ถ้าขาดความรักไปแล้ว ค่ำคืนนี้ก็จะเป็นเพียงการปลดปล่อยตามธรรมชาติ ไม่มีความหมายพิเศษหรือความลึกซึ้งกินใจแต่อย่างใด พอเช้าแล้วต่างคนก็ต่างไป แต่สนไม่ได้ต้องการชีวิตแบบนั้น เขาต้องการใครสักคนที่รักและเข้าใจเขาจริงๆ สิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ต้นก็คือคนนั้น เขาจะไม่ไปไขว่คว้าหาสิ่งนี้จากใครที่ไหนอีกแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------
รุ่งเช้า สนตื่นขึ้นมาก่อน ต้นนอนกอดและซบอยู่บนหน้าอกของเขาอย่างสบาย สนยิ้มและมองดูเพื่อนอย่างรักใคร่ เขาใช้มือลูบผมต้นเล่นไปมา สักพักต้นก็ตื่น

“ตื่นแล้วเหรอต้น”

พอต้นเริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนนี้ แถมตอนนี้เขายังนอนกอดและซบอยู่บนตัวของเพื่อน ต้นจึงรีบผละออก แล้วก็กลับไปนอนบนหมอนของตัวเอง หันหน้าไปอีกทาง

“ต้น หันมาคุยกันก่อนสิ” สนเรียก แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะต้นเขินอายจนเกินกว่าจะกล้าหันมาสบตากับเขาเสียแล้ว สนจึงเขยิบตัวเข้าไปหาแล้วกระซิบเรียกใกล้ๆ หูของเพื่อนว่า

“ต้น...ต้นจ๋า”

ได้ยินสนเรียกเขาแบบนี้แล้วต้นก็ยิ่งเขินไปกันใหญ่ จึงก้มหน้างุดๆ

สนยิ้มชอบใจ ต้นอายแล้วดูน่ารักทีเดียว สนสวมกอดเพื่อนหลวมๆ แล้วก็ถามว่า “นายมีความสุขหรือเปล่า นอนหลับสบายไหม”

ไม่มีเสียงตอบใดๆ จากต้น สนจึงใช้วิธีโน้มตัวข้ามไปถามคำถามเดิม “ว่าไงต้น นายมีความสุขหรือเปล่า นอนหลับสบายไหม”

ต้นยิ้มอายๆ แล้วพยักหน้าน้อยๆ

“พูดด้วยสิ ไม่ใช่พยักหน้าอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเราไม่เชื่อนะ” สนคะยั้นคะยอ “มีความสุขหรือเปล่า หลับสบายไหม”

“ก็เราเขินนี่นา” นั่นคือคำแรกที่หลุดออกมาจากปากต้นในเช้าวันนี้ สนยิ้มและขำอย่างชอบใจ

“เดี๋ยวเราจะทำให้นายหายเขินเอง ดีไหม” ว่าแล้วสนก็ก้มลงไปหอมแก้มเพื่อนหนึ่งครั้ง “หายเขินหรือยัง”

ต้นส่ายหน้า ทั้งเขินและทั้งขำ

“ถ้างั้นเอางี้” สนชี้มาที่แก้มของเขาเป็นเชิงบอกให้ต้นหอมแก้มเขาบ้าง “เร็วสิ” สนเร่งเร้า

ต้นจึงค่อยๆ ยื่นหน้ามาหอมแก้มเพื่อนอย่างอายๆ

“หายเขินหรือยัง” สนถามอีกครั้ง ต้นก็ยังส่ายหน้าเช่นเดิม

“งั้นอีกข้าง” สนบอกพลางชี้มาที่แก้มอีกข้าง

“อะไร...เอาเปรียบ” ต้นประท้วง แต่ก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มสนแต่โดยดี ดูเหมือนต้นจะเริ่มเขินน้อยลงแล้วล่ะ

“โอเค จะบอกเราได้หรือยังว่านายมีความสุขหรือเปล่า หลับสบายไหม” สนถามสองคำถามเช่นเดิม

“ก็...มีความสุข” ต้นตอบสั้นๆ แต่สนก็ยังรอคำตอบของอีกคำถามหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ “แล้วก็หลับสบายดีด้วย” ต้นพูดพร้อมกับยิ้ม

“ชื่นใจจัง” สนบอกแล้วก็นอนลงข้างๆ กอดต้นไว้หลวมๆ

สักพักสนก็ลุกขึ้นนั่งเพราะนึกได้ว่าถึงเวลาต้องไปทำงานแล้ว “ต้น...ไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไปทำงาน เดี๋ยวสาย”

ต้นลุกขึ้นตามอย่างว่าง่าย เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วยืนขึ้น พอนึกได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยสักชิ้น ก็เกิดอาการอายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป สนมองตามพลางยิ้มและหัวเราะชอบใจ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วงวันหยุด สนพาต้นกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่นครปฐม ทุกคนที่นั่นรู้เรื่องหมดแล้วว่าเขาเลิกกับนาเพราะปรับตัวเข้าหากันไม่ได้ แต่ก็มีเพียงแม่ของสนเท่านั้นที่รู้เหตุผลอื่นที่มากกว่านั้นด้วย ตอนนี้แม่ของสนทำใจยอมรับได้แล้ว อาจจะเป็นเพราะเธอรู้ว่าต้นเป็นคนดีและรักลูกชายของเธอจริงๆ ตลอดระยะเวลากว่าสิบเจ็ดปีที่เธอย้ายครอบครัวมาอยู่ที่นี่ เวลาที่ยาวนานนั้นได้พิสูจน์ให้เห็นความจริงจนไม่เหลืออะไรให้ต้องสงสัยอีกแล้วว่าต้นดีกับลูกชายของเธอมากแค่ไหน ถึงจะไม่ได้อยากให้ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่เธอก็เข้าใจว่าเธอเป็นเพียงแม่ที่ต้องคอยช่วยสนับสนุนให้ลูกเลือกทางเดินที่เหมาะกับเขาที่สุด ไม่ใช่เหมาะกับเธอ เธอยังจำได้ดีว่าครั้งหนึ่งอุตส่าห์ไปถอนเงินที่เก็บไว้กว่าสิบปีมาให้ช่วยให้สนได้เรียนหนังสือต่อ นึกถึงทีไรเธอก็อดที่จะน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจไม่ได้ พอรู้ว่าเป็นต้นแล้วเธอก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่ใช่แบบนี้ และเธอก็ได้แต่หวังว่าพ่อของสน รวมทั้งพ่อและแม่ของต้นจะเข้าใจเด็กทั้งสองคนด้วย อาจจะเป็นงานที่หนักแต่เธอก็ต้องช่วยลูกชายและต้นอย่างดีที่สุด

ช่วงแดดร่มลมตก สนพาต้นขี่จักรยานไปตามคลองส่งน้ำและไปตามสถานที่ต่างๆ ที่เขาและต้นชอบไปสมัยเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนประถม มัธยมหรือตลาด แล้วก็จบลงด้วยการมานั่งคุยกันที่สะพานเหล็กหน้าบ้านต้นเช่นเคย

“ไม่น่าเชื่อนะว่าเวลาจะผ่านมาถึงสิบเจ็ดปีแล้ว” ต้นพูดพร้อมกับใช้ขาตีน้ำเล่นอย่างสบายอารมณ์

“ตอนที่นายเจอเราครั้งแรก นายรู้สึกยังไงต้น” สนถามอย่างสบายอารมณ์เช่นกัน

“อืม...ก็สงสารที่นายไม่มีข้าวกิน แต่...เราก็รู้สึกถูกชะตากับนายนะ รู้สึกว่านายน่าคบเป็นเพื่อน แล้วนายล่ะ”

“รู้สึกดี...ตอนนั้นเราคิดในใจว่า...ทำไมเพื่อนใหม่คนนี้ใจดีจัง” สนบอกพลางขำ แล้วถามคำถามที่เขาอยากรู้มานานแล้ว “แล้ว...นายเริ่มชอบเราตั้งแต่ตอนไหนล่ะต้น”

“ขอระลึกชาติก่อน” ต้นว่าพลางหัวเราะ “อืม...น่าจะตอนอายุ 13 ตอนที่...นายซ้อมละครวันแม่ เราเห็นนายเล่นกับ...ชื่ออะไรน้า เราจำชื่อไม่ได้ นั่นแหละ”

“นายหึงเราเหรอ” สนรีบชิงถาม

ต้นหัวเราะแก้เขิน “คงงั้นมั้ง”

“นายรักเรามานานขนาดนั้นเลยเหรอต้น”

ต้นพยักหน้า “ใช่ แล้วนายล่ะ” ต้นถามกลับบ้าง

“อืม...ตอบยากนะ รู้ตัวจริงๆ จังๆ ก็คงตอนนี้แหละ แต่ก่อนหน้านี้ เราแค่รู้สึกว่ามีความรู้สึกบางอย่างในใจที่เราอธิบายไม่ได้ แล้วเราก็ไม่เคยค้นหาคำตอบ แต่ก็มีตอนสมัยเรียนมหาลัย ตอนที่นายหายไปจากบ้าน ตอนนั้นเราเสียใจแล้วก็คิดถึงนายมาก สภาพเราตอนนั้นไม่ต่างจากคนที่กำลังจะตรอมใจตายเลย นายจำได้ใช่ไหม”

ต้นพยักหน้า จริงๆ สภาพของเขาตอนนั้นก็คงไม่ต่างกัน

“นายกลัวหรือเปล่าต้น” อยู่ๆ สนก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา

ต้นหันมามองอย่างสงสัย

“เราหมายถึง...ถ้าเกิด...พ่อกับแม่ของเราสองคนรู้ว่าเราสองคนรักกัน นายจะกลัวไหม” สนอธิบายเพิ่มเติม

ต้นส่ายหน้า “ไม่กลัว...แต่ก็...ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยเราก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่แม่ของนายเข้าใจ เราคิดว่าต่อไป...แม่ของนายจะช่วยพวกเราได้”

“เราก็คิดอย่างนั้น” สนเห็นด้วย

“ต้น...” สนเรียกเพื่อนเหมือนกับจะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ “เราไม่รู้ว่านายมั่นใจในตัวเรามากน้อยแค่ไหนนะ ทุกวันนี้เราก็ยังสับสนตัวเองอยู่เลยว่าเราเป็นเกย์หรือเปล่า หรือจริงๆ เราก็คงเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง แต่เราอยากบอกให้นายสบายใจว่า...เรื่องผู้หญิง...เราคิดว่าเราก็ผ่านสิ่งเหล่านี้มาหมดแล้วล่ะ แต่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือคนที่รักและเข้าใจเราต่างหาก เรื่องพวกนั้นเป็นความต้องการตามธรรมชาติ เป็นความสนุกชั่วครู่ชั่วยาม สุดท้าย คนเราก็ต้องการใครสักคนที่รักเราจริงๆ เราถึงได้มาหานายไงล่ะต้น เราหาสิ่งนี้จากคนอื่นไม่ได้นอกจากนาย เราพูดจากใจจริงนะ” สนเน้นย้ำในตอนท้าย

ต้นยิ้มด้วยความรู้สึกดีใจและสบายใจ อย่างน้อยไม่ว่าสนจะเป็นเกย์หรือไม่ แต่เขาก็ดีใจที่สนเห็นว่าความรักที่แท้จริงคือสิ่งที่มีค่าที่สุด “สน...แค่เราได้มีโอกาสเป็นคนที่นายรัก ได้อยู่กับนาย ไม่ว่าจะนาทีเดียว วันเดียว หรือกี่วันก็ตาม เราก็มีความสุขและพอใจแล้ว อย่างน้อยความฝันของเราก็กลายเป็นความจริง อนาคตอาจเป็นสิ่งไม่แน่นอน อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้ เราไม่มีวันรู้ แต่อย่างน้อย...เรากับนายก็ได้รักกัน ไม่ว่ามันจะเป็นเวลาสั้นๆ หรือนานกว่านี้ มันก็เป็นช่วงเวลาที่มีค่ากับชีวิตเรามากที่สุด เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะเป็นจริงได้ เราพอใจที่สุดแล้วล่ะไม่ว่ามันจะเป็นไปยังไงหลังจากนี้” ต้นกุมมือสนไว้ มองหน้าเพื่อนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เราจะไม่บังคับนายนะสน นายรักเราได้แค่ไหน อยู่กับเราได้นานแค่ไหน...ก็แค่นั้น นายไม่ต้องสัญญาอะไรกับเราทั้งนั้น ไม่ต้องผูกมัดตัวเองให้รู้สึกผิดทีหลัง ถ้าหากในอนาคตความรักของเราจะไปต่อไม่ได้ เราขอแค่...ให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...ได้ไหมสน”

สนดึงต้นมาอิงบนไหล่เขาอย่างรักใคร่ ต้นเป็นคนดีเหลือเกิน เขาช่างเป็นคนที่โชคดีที่เกิดมาได้พบกับคนดีๆ เช่นนี้ “เอาเป็นว่า...เราจะรักกันให้ดีที่สุดละกันนะต้น เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่วันนี้ ตอนนี้ เรารักนาย อยากอยู่และใช้ชีวิตกับนาย และเราจะทำให้ดีที่สุด เราไม่สนใจว่าใครจะมองเราสองคนยังไง แต่เราก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ถ้านายพร้อม เราก็พร้อม ถ้าเราฝ่าฟันไปด้วยกัน อยู่เคียงข้างกัน ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วสำหรับเรา โอเคไหมต้น” สนเอียงคอมาถาม

ต้นพยักเป็นเชิงตอบรับ สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทั้งต้นและสนต่างก็ตระหนักแก่ใจว่า มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขได้ ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ ไม่ได้เกี่ยวกับเพศ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะเป็นใคร ขอแค่มีใจที่รักกันจริงเสียอย่าง การอยู่ร่วมกันก็เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์

อันที่จริง การที่คนสองคนซึ่งรักกัน ได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เป็นสิ่งที่วิเศษและมีค่าที่สุดแล้ว จะคิดกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงและคาดเดาอะไรไม่ได้ไปทำไม ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด อนาคตก็ย่อมจะดีตามด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ต้นกับสนจึงรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวและกังวล เพราะทั้งสองคนได้ทำทุกวันที่อยู่ด้วยกันอย่างดีที่สุดแล้ว ทำดีที่สุดทุกวันตั้งแต่รู้จักกันมาและก็จะทำให้ดีที่สุดตลอดไป

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
คนที่ติดตามครับ
Guest

108. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #107
 
19-Jul-11, 00:54 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ...<^_^>...ไม่ต้องมีคำบรรยายใด
ที่จะเหมาะสมกว่านี้อีกแล้วครับ...<^_^>...

ขอบคุณจากใจ...Thank You Very Much


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
gogoh
Guest

109. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #108
 
19-Jul-11, 04:06 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณผู้เขียน/แต่ง ที่นำเสนองานคุณภาพ ดี มาให้เราได้อ่าน ผมชอบภาคพิเศษมาเลยครับ ตรงที่แม่ของสนรับความจริงได้และยอมรับในตัวตนของลูก ผิดกับภาคแรกที่แม่ของต้นรับไม่ได้ในสิ่งที่ลูกเป็น ชอบมากครับที่ผู้เขียน / แต่ง ฉีกแนวออกมาได้ขนาดนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีงานเขียนมาให้เรา ๆ ได้อ่านกันต่อไปนะครับ ชอบมากมาย เป็นกำลังใจให้ครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

110. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #109
 
19-Jul-11, 04:38 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณด้วยใจจริงครับ

เห็นใจนาเหมือนกัน "ที่ต้องเผชิญกับความจริงอย่างกล้าหาญ และเดินหน้าต่อไป"

ต้นสน "อยู่กันนานแค่ไหน รักันได้นานแค่ไหน ก็แค่นั้น"

ขอบคุณครับ

จะรอสำหรับเรื่องต่อไปครับ คงรอไม่นาน ใช่ไหมครับ?


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
โชคุง
Guest

111. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #110
 
19-Jul-11, 11:43 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอขอบคุณผู้แต่งมากนะครับ ที่ได้แต่งนิยายดีๆ เรื่องนี้ให้พวกเราได้อ่าน

เรื่องราวของต้นสน ทุกบท ทุกตอน ทำให้ผูอ่านอิ่มเอมใจ ซึ้งใจ เป็นสุข มีทุกข์ไปตามตัวละคร มีครบทุกอารมณ์ เป็นเรื่องที่แต่งได้สละสลวยดีจริงๆ

สุดท้ายนี้ ขอบอกว่าเรื่องต้นสน ทำให้ผมมีความสุขมากเลยครับ

ขอให้ผู้แต่งผลิตผลงานดีๆแบบนี้ออกมาอีกนะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

112. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #111
 
19-Jul-11, 06:32 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ลืมเล่าว่า แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้มาจากไหน

ก่อนหน้านี้ ตั้งใจจะเขียนอะไรสักอย่างมาอยู่พักหนึ่งแล้วครับ มีพล็อตเรื่องไว้แล้วเสร็จสรรพ ก็ว่าจะเขียนเรื่องนั้นแล้วล่ะ แต่ก็ยังลังเลใจอยู่ เพราะเอาพล็อตเรื่องมาจากดารา/นักร้องคู่หนึ่ง กลัวว่าน่าจะมีคนเอามาเขียนไปแล้ว แต่ยังไงไม่รู้ครับ ในขณะที่คิดว่าจะเขียนเรื่องนี้อยู่นั้น บางส่วน/บางฉากของเรื่องต้นสนก็แวบเข้ามาในความคิดโดยบังเอิญ เข้าใจว่าน่าจะคิดต่อยอดมาจากเรื่องนี้ พอมันแวบเข้มาแล้วก็เกิดความสนใจ เลยลองวางพล็อตเรื่องดู แล้วก็รู้สึกว่าน่าเอามาเขียนมาก ก็นั่งคิดว่าจะใช้ชื่อว่าอะไร จะใช้ฉากไหน แต่ก็ยังคิดไม่ออก

วันหนึ่งผ่านไปทางฉะเชิงเทรา ออกถนนสุวินทวงศ์ ก่อนสุดเขตกรุงเทพฯ (เขตหนองจอก) ก็เจอคลองเส้นหนึ่งซึ่งเข้าใจว่าใช้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างกรุงเทพกับฉะเชิงเทรา มองไปไกลๆ เห็นทิวสน ก็เลยได้คำว่า "ต้นสน" มา พร้อมกับฉากที่เกียวกับคลอง เพราะไม่อยากให้เรื่องเกิดในกรุงเทพ ผมชอบชีวิตของเด็กๆ ในชนบทมากกว่า น่ารักดี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ไกลจากกรุงเทพมากเกินไป

ก็มีอีกวันหนึ่ง ผ่านไปทางนครปฐม บังเอิญขากลับคนขับรถตู้พาไปเส้นทางลัด แล้วก็ขับรถผ่านคลองส่งน้ำซึ่งผันน้ำมาจากแม่น้ำนครไชยศรี เห็นเด็กๆ เล่นน้ำ บางคนก็นั่งคุยกันอยู่บนสะพาน รู้สึกชอบมาก ก็เลยตัดสินใจเอาที่นี่เป็นฉากเริ่มต้น

จุดตั้งต้นตอนนั้นก็คือว่า อยากให้ความรักเกิดจากมิตรภาพที่ยาวนาน เริ่มตั้งแต่เด็กๆ กันเลย ดูสิว่า คนเราจะใจแข็งกับความรักและความดีของคนอื่นได้มากขนาดไหน

แต่เรื่องนั้นที่ผมตั้งใจจะเขียนตั้งแต่แรกก็ยังอยากเขียนอยู่นะครับ แต่ก็กลัวมันคล้ายกับ "ต้นสน" อยุ่ ก็เลยเกิดลังเลอีกแล้ว สงสัยเรื่องนี้จะไม่ได้ออกแหงๆ เลย

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

113. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #112
 
19-Jul-11, 09:17 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เรื่องของคุณ sarawatta ผมอ่านได้หมดแหละครับ 555 สนุกดี ซึ้งๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
passer-by
Guest

115. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #112
 
19-Jul-11, 09:37 PM (SE Asia Standard Time)
 
   รู้สึกมีคนโพสต์แต่ไม่ขึ้น มาช่วยทำให้มันขึ้นครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

116. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #112
 
19-Jul-11, 09:41 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ลืมบอกไปว่า จะขอว่างเว้นไปสักพักครับ อาจจะสักเดือนหนึ่ง แล้วจะกลับมาใหม่ครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
gogoh
Guest

117. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #112
 
20-Jul-11, 01:43 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ไม่ต้องลังเลหลอกครับ ผมเชื่อในฝีมือครับ และเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่รออ่านผลงานที่ดี ๆ แบบนี้รวมถึงตัวผมด้วยครับ เป็นกำลังใจให้ออกผลงานใหม่ไว ๆนะครับ จะรอครับ TT


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

118. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #117
 
26-Jul-11, 09:20 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ตอนนี้กำลังรวบรวมและแก้ไขงานอยู่นะครับ (มีแก้อีกประปราย) อีกไม่กี่วันก็น่าจะเสร็จ แล้วจะอัปโหลดให้ทุกคนที่อยากได้โหลดเก็บไว้ครับ อาจจะมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ไว้รออ่านทีเดียวเลยละกันนะครับ ส่วนเรื่องใหม่ อาจจะต้องรอนานกว่า 1 เดือนแล้วล่ะครับ ช่วงนี้มีอะไรให้ต้องเคลียร์เยอะเลย

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Balloon
Guest

119. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #118
 
27-Jul-11, 06:56 PM (SE Asia Standard Time)
 
   รับทราบขอรับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
cool
Guest

120. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #119
 
06-Aug-11, 03:52 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เข้ามาขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ อะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Nake
Guest

121. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #120
 
06-Aug-11, 10:35 PM (SE Asia Standard Time)
 
   แวะมาดันกระทู้ไว้ก่อนนะครับ
มาได้อ่านช้าไปหน่อย แต่ชอบมากๆครับ
เท่าที่ได้อ่าน


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อ้น
Guest

122. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #121
 
09-Aug-11, 11:18 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Boy
Guest

164. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #107
 
25-Feb-12, 00:29 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณมากครับ ชอบมากครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
LING
Guest

123. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
10-Aug-11, 06:57 PM (SE Asia Standard Time)
 
   นั่งอ่านทั้งวันรวดเดียวจบ!!!

บางตอนก็เคลิบเคลิ้มไปกับทั้งคู่ รู้สึกผูกพันกับตัวละคร
บางตอนก็ดูมันนิยายมากเกินความเป็นจริงไปหน่อย แต่โดยรวมก็ชอบบบบทีเดียว

ผมจินตนาการภาพสนเป็นหน้าพี่โป๊บได้อย่างไม่ขัดเขิน เหมาะสมลงตัว
แต่ให้ต้นเป็นนัทนี่...ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกว่ามันไม่เหมาะอย่างไรก็ไม่รู้
พอจะพยายามจินตนาการให้เป็นใครสักคน ก็ยังนึกไม่ออก ;P

จุดนึงที่สังเกตเห็นคือ ผมรู้สึกว่าผู้เขียนโยนความเกลียดชังทั้งหมดไปลงที่ตัวละครผู้หญิง
กรณีน้องนาก็ให้นางร้าย นางวีน กราดเกรี้ยว จนดูเป็นนางอิจฉาในละครไทยเกินไป
(แต่ลึกๆ ก็แอบสงสารนางนะ จริงอย่างที่นางว่า "ให้สามีไปมีเมียน้อยเสียยังดีกว่าไปมีแฟนเป็นผู้ชาย")
หรืออย่างน้องก้อย น้องดา ตอนต้นเรื่องก็มาแบบร้ายๆ ถอดแบบมาจากตัวอิจฉาำไทยเป๊ะ
ในขณะที่ฝ่ายพี่มั่นคงมาแบบนิ่มๆ ยุแบบนิ่งๆ แต่แล้วก็หายตัวไปตอนท้ายเรื่องเสียอย่างนั้น
พี่ปิ๊กผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็เหมือนกัน มาเงียบๆ จากไปแบบเงียบๆ ความร้ายไปลงที่ผู้หญิงหมดเลย

จุดที่ผมชอบผู้เขียนคือ การใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตจริงลงไปในนิยาย
เช่น สนชอบใส่บ๊อกเซอร์ทับกับกางเกงในเพราะมันรู้สึกไม่โล่งเกินไป (ซึ่งผมก็ใส่แบบนั้นเหมือนกัน)
อีกจุดคือภาษาเขียนที่ไม่นิยายมาก, แต่กินใจมาก (นายหยุดดิ้นเสียทีเถอะต้น นายไม่เหนื่อยเหรอ >.< )
และอีกหลายๆ ตอนที่พอผมอ่านเจอก็อมยิ้มแก้มปริกันไป

ตัวละครที่อดพูดถึงเสียไม่ได้คือ เอก กับ ปั้นจั่น
ผมว่าตัวละครสองตัวนี้มีความ Y แอบอยู่ในตัวเองอยู่พอตัว
เพราะถ้าเป็นผู้ชายแมนๆ ทั้งแท่งจะไม่มาเป็นห่วงเพื่อนขนาดโกรธแทน (ต้น) อะไรกันขนาดนี้
ผู้ชายเป็นเพศที่ไม่มีนิสัยละเอียดอ่อนอยู่ในตัวเลย ถึงมีก็น้อยมากประมาณสมองมด
ผมเลยรู้สึกว่า ตัวละครสองตัวนี้ ต้องแอบ Y และมีแนวโน้มที่จะเป็นเหมือนสนได้ในอนาคต
(แต่ส่วนตัวชอบปั้นจั่นมากกกกกกกก รักมากกกกกกกกกก ปลื้มมมมมมม 55)

ที่สุดแล้วพอเรื่องมันจบแบบนี้ผมก็โล่งใจปนทุกข์ใจ
โล่งใจที่ต้นกับสนหาตัวเองเจอเสียทีหลังจากที่หนีใจตัวเองมานานทั้งคู่ (ได้พี่ปั้นจั่นช่วยไว้แท้ๆ)
ฝั่งทุกข์ใจ ก็สงสารน้องนาที่ต้องเจ็บตัวโดยไม่มีความผิด (ถึงนางจะขี้เหวี่ยงก็ตามเถอะ)
อีกอย่างบ้านนางเองก็มีปัญหาการหย่าร้างทั้งครอบครัวอยู่แล้ว ทั้งแม่ ทั้งพี่ชาย (ตรงนี้ผู้เขียนน่าจะตั้งใจให้เป็นแบบนั้น)
ทำให้รู้สึกว่า ครอบครัวของนางคงจะทุกข์ใจไม่น้อยเมื่อนางกลับไปอยู่บ้านด้วยเหตุผลเลิกรากับสามี
ด้านแม่ของสนเองที่ต้องแบกรับความลับของลูกชายไว้คนเดียวโดยไม่ได้ระบายก็ทุกข์พอกัน (นางต้องจุกอกมากแน่ๆ)
ผมจึงโล่งใจบนความทุกข์ใจที่ว่า ความรักต้นกับสนสร้างบาดแผลให้คนข้างหลังไว้มากทีเดียว
นี่ยังไม่นับถึงคนในอนาคตที่จะต้องได้รับรู้อีก

แต่ที่สุดผมก็คิดว่า ใช่แล้ว, นี่แหละชีวิต เราไม่มีทางเดินไปเก็บดอกไม้ในสวนได้โดยไม่เหยียบต้นหญ้าบนทางเดินเลยสักต้นหรอก
การดำเนินชีวิตของเราทุกวันนี้ก็ต้องมีการเหยียบย่ำไปบนคนอื่นบ้างทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ, รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
นับประสาอะไรกับความรักของผู้ชา่ยหนึ่งคู่ ที่ซึ่งมันก็ยากอยู่แล้วในสังคมใบนี้ มันก็ต้องมีการฝากรอยแผลให้คนข้างหลังหรือรอบข้างบ้างแหละ
มันเหมือนเป็นการแบ่งเบาบาดแผลในใจตัวเองไปให้คนอื่นบ้าง มันเป็นกลไกในการดำเนินชีวิต
ไม่งั้นเราคงเจ็บคนเดียวตายเลย ใครจะัไปทนได้ล่ะ

อ่านจบก็เฮ้อ, ไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะมีเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้บ้างมั้ย
ความรักที่เกิดจากความผูกพัน รักที่ไม่ต้องพยายาม รักที่ปราศจากเหตุผลใดๆ

ถ้ามีจริง, ผมว่ามันจะเป็นความรักที่สวยงามโคตร และน่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

124. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #123
 
11-Aug-11, 07:49 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   รู้สึกตกใจที่จู่ๆ ก็เห็นกระทู้กลับขึ้นมาครับ แต่ก็รู้สึกดีใจที่ยังมีคนติดตามอ่าน ตัวผมเองก็ยังอินกับเรื่องนี้อยู่ไม่หาย จนทำให้เขียนเรื่องอื่นไม่ออก เพราะอารมณ์อินไม่มา ไม่เหมือนกับเรื่องนี้ แค่นึกขึ้นมาได้ก็อินจนต้องลุกขึ้นมาเขียนแบบทันทีทันใด และก็ทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มาก

ขอบคุณสำหรับผลสะท้อนด้วยครับ จริงๆ ผมก็อยากฟังผลสะท้อนทั้งที่ดีและจุดที่น่าจะต้องปรับปรุงด้วยครับ เผื่อว่าจะปรับแก้อะไรได้เพื่อทำให้เรื่องมันน่าอ่านหรือสมจริงมากขึ้น

เรื่องนี้ ถ้าจะเขียนแบบเอาจริงเอาจังและใส่ใจในรายละเอียด อาจจะต้องเพิ่มตอนให้มากกว่านี้เพื่อใส่รายละเอียดต่างๆ มากขึ้น เพราะบางอย่างในเรื่องนี้ผมก็ลืมอธิบาย หรือเขียนๆ ไปแล้วก็ลืมที่คิดไว้ หรือเขียนไปแล้วก็ได้แนวคิดใหม่ ก็เขียนอันใหม่แล้วไม่เอาอันเก่า แต่ก็ติดด้วยข้อจำกัดของเวลา ก็เลยได้ตัดรายละเอียดหลายอย่างออกไป

ประเด็นการเดินเรื่องแล้วให้ผู้หญิงเป็นตัวร้ายๆ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ผมลืมอธิบายในเรื่อง จริงๆ ผมคิดเรื่องนี้ไว้แต่แรกแล้วครับว่าจะต้องไม่สร้างความเกลียดชังให้กับผู้หญิง แต่ที่เห็นเรื่องไปแบบนั้นเป็นเพราะตัวสนเองครับ ตอนที่วางพล็อตเรื่องครั้งแรก ต้องการให้สนเป็นคนที่เลือกคบคนไม่ค่อยเป็น จะเห็นว่าตอนเด็กๆ สนก็เคยหลงผิดไปเพราะคบเพื่อนไม่ดี หรือคบผู้หญิงเพียงเพราะเห็นว่าเขาง่าย ซึ่งการที่สนคบคนไม่เป็น ส่งผลให้เขาเลือกคู่ชีวิตได้ไม่ดี แล้วก็เลยทำให้ครอบครัวต้องมีปัญหาทีหลัง แต่ลืมอธิบายไปครับ ว่าจะอธิบายแล้วก็ลืมทุกที

ผู้ชายแบบปั้นจั่นนั้นผมเคยเจอครับ ก็ยังประทับใจคนนี้อยู่ (แต่ไม่มีอะไรนะครับ) ก็เลยเอามาใส่ในเรื่อง แต่ไม่ได้คิดถึงขั้นขนาดเป็น Y นะครับ จริงๆ ตอนที่เกี่ยวกับปั้นจั่นนี่ ตอนหลังผมก็ตัดออกไปด้วย กลัวเรื่องมันจะยาวไป ตอนนี้เลยทำให้ผมค่อนข้างลังเลที่จะเอาเรื่องนี้ซึ่งปรับภาษาใหม่แล้วมาให้ดาวน์โหลด เพราะรู้สึกว่าน่าจะมีจุดที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ กำลังคิดว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อาจจะทำให้เป็นนิยายเต็มรูปแบบ ตอนนี้ยังรู้สึกว่ามันครึ่งๆ กลางๆ อยู่ ยังไม่สุดเต็มที่ คิดแล้วก็คงต้องทำครับ 5555

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

125. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #124
 
11-Aug-11, 11:53 AM (SE Asia Standard Time)
 
   แผนกอ่าน ก็รอสิครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
fan k. sarawatta
Guest

126. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #124
 
11-Aug-11, 08:00 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เอาใจช่วย คับ

รอ รอ รอ นะคับ อยากload เก็บไว้


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
TTT
Guest

127. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
13-Aug-11, 11:48 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณ คุณ sarawatta มากนะครับ ที่แต่งนิยายดีๆมาให้พวกเราอ่าน ผมได้อ่านนิยาย หนังสือมาหลายเรื่องและเป็นครังแรกที่ผมได้โพสขอบคุณผู้เขียน เพราะนิยายของคุณเมื่อผมได้อ่านแล้วมันทำให้ความรักและความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป เพราะเมื่อก่อนความรักของผมมันคือเรื่องของความผูกพันแค่ทางกาย และความรู้สึกที่แค่อยากเป็นเจ้าของ แต่เมื่อผมได้อ่านเรื่องราวของต้นสน มันทำให้ผมได้ฉุกคิดขึ้นว่า ถ้าเรามองความรักคือการให้ และมองความรักคือความผูกพันและความรู้สึกดีที่มีต่อกัน มันจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มากมายมหาศาล "นายต้น" คือตัวอย่างที่ดีของการให้และเสียสละ ไม่หวังว่าจะได้สิ่งใดตอบแทนมา สิ่งเหล่านี้หาได้ยากในปัจจุบัน หรือถึงแม้มันจะไม่มีอยู่จริงก็ตาม สำหรับผมแล้วเรื่องราวของต้นและสนจะคงอยู่ในความทรงจำตลอดไปครับ
ปล.ขอบคุณ คุณ sarawatta อีกครั้งและหวังว่าจะได้อ่านผลงานของคุณอีกนะครับ ^^


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
บ่าวเจษ
Guest

128. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #127
 
15-Aug-11, 01:17 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณมากครับ สำหรับนิยายดีๆๆ ผมอินกับนิยายเรื่องนี้มาก ซึ้งกับความรัก จนเกือบจะร้องให้ออกมาเลย ขอบคุณจริงๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sasa
Guest

129. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #127
 
15-Aug-11, 02:40 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ผมนั่งอ่านเรื่องนี้ในคราวเดียวเลยครับ ต้องขอขอบตุณเจ้าของเรื่องเป็นอย่างมากนะครับ ที่นำเรื่องราวดีๆๆเช่นนี้มาแบ่งปันกัน ทำให้รู้สึกว่าการที่เรารักใครสักคนไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันแต่เพียงแค่เรารักกัน เข้าใจกัน ห่วงใยกันกัน มันก้อสุขใจ......ขอบคุณมากมายอีกครั้งครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
าา
Guest

130. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #129
 
17-Aug-11, 07:25 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ชอบคับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
PZMM
Guest

131. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #130
 
17-Aug-11, 11:00 PM (SE Asia Standard Time)
 
   สุดๆ ชอบมาก รอผลงานชิ้นใหม่นะครับ ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
max
Guest

132. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #131
 
18-Aug-11, 01:26 AM (SE Asia Standard Time)
 
   อ่านทีเดียวจบเลย ...

สนุกมาก ๆ ขอบคุณนะครับ ....


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
doubleS
Guest

133. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #132
 
18-Aug-11, 01:45 AM (SE Asia Standard Time)
 
   เป็นนิยายไม่กี่เรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอยากเขียนขอบคุณคนแต่งเรื่องครับ แต่งเรื่องได้มุมมองของความรักแบบเราๆ อย่างน่าประทับใจ ต้นเป็นเกย์ที่น่ารักมาก จนอาจจะพูดได้ว่าไม่น่ามีอยู่จริง หรือเพราะว่าผมไม่เจอก็ไม่รู้นะครับ 55


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
mR
Guest

134. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
19-Aug-11, 05:23 PM (SE Asia Standard Time)
 
   โอ้ยยยยยยยยยยยยยย

ร้องไห้ตั้งหลายตอนเลยฮะ

ชอบตัวละคร สน ที่สุดแล้ว ชอบตอนที่เริ่มสับสนในใจ ขอบตอนน้อยใจโดยไม่รุ้ตัว ชอบตอนที่ทำตัวเหมือนเด็ก ชอบๆๆๆๆๆ รู้สึกว่าตัวละครนี้น่ารัก น่าค้นหา ไม่อยากให้จบเลย อยากให้มีเรื่องราวต่อไปให้อ่านอีกนานๆๆๆๆ

ขอบคุณผู้แต่งมากเลยครับ แต่งได้ดีจริงๆ

อ่านไป ฟังเพลง "ข้างๆหัวใจ" สิครับ ผมรับรองว่ากลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวหรอก สำหรับเรื่องนี้

ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเหมาะเป็นนิยาย ไม่โป๊ ไม่พูดถึงแต่เรื่องอย่างว่า ใสๆน่ารักๆ

ชอบๆๆ

รอเรื่องใหม่น่ะจ๊ะ : )))


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
mR
Guest

135. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
19-Aug-11, 07:17 PM (SE Asia Standard Time)
 
   พยายามทำความเข้าใจ สายตาเวลาที่เธอมองฉัน
ไม่อยากคิดอะไร เกินเลยจนพลาดพลั้ง
ก็มันเห็นว่า"ความห่วงใย" ที่เคยดีใจเมื่อเธอให้กัน
ไม่ได้พิเศษกว่า ที่เธอให้กับเขา

"ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากยังใกล้ชิดกัน"
แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน "สับสนมากเหลือเกิน"

แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน "คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร"
****มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม****
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอ"ข้างข้างหัวใจ"
ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ

ก็วันนี้เธอมาเจอกัน ทั้งที่วันนั้นเธอไปกับเขา
"เลยไม่กล้าจะเดา ว่าเรานั้นลึกซึ้ง"
ก็ไม่รู้มันคืออะไร หรือไม่มีใจเลยสักนิดนึง
มันค้างค้างคาคา กับ"ฐานะอย่างนี้"

ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากยังใกล้ชิดกัน
แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน สับสนมากเหลือเกิน

แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร
มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ

แล้วฉันนั้นสำคัญเท่าไร คิดฝันไปได้ไกล แค่ไหน
มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
ให้ฉันได้ยืนต่อไป ***เพื่อรักเธอ****


ตรงกะต้น และก็ตรงกะสนในช่วงที่เริ่มสับสนในใจเลย


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
mR
Guest

136. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #135
 
26-Aug-11, 09:13 PM (SE Asia Standard Time)
 
   รอฉบับ pdf ไว้สะสมอยู่น่ะคับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

137. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #136
 
26-Aug-11, 10:06 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   รออีกนิดนะครับ ไม่ได้ลืม ภายในสัปดาห์สองสัปดาห์นี้จะเสร็จแล้วครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
00
Guest

138. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #137
 
30-Aug-11, 03:54 AM (SE Asia Standard Time)
 
   อ๊ากกกก อ่านเเบบไม่หยุด ติดมากกกกก เเหะๆ

ขออีกเรื่องนะๆๆๆ เเต่ขอเป็นนิยายเกย์เลยอ่ะ
ไม่ต้องเอาหญิงเข้ามาเกี่ยวเยอะ มันรำคาญ /ตัวเองก็เป็น ญ เเต่ดันไม่ชอบซะงั้น//


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

139. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #138
 
06-Sep-11, 00:53 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   มาแล้วครับ ต้นสนฉบับ PDF ตามที่สัญญา ที่ใช้เวลานานเพราะปรับค่อนข้างเยอะครับ เติมนั่นเติมนี่เข้าไปอย่างละนิดละหน่อย มีฉากบางฉากที่ลืมใส่ก็เอามาใส่ไว้ด้วยครับ ปรับภาษาให้เป็นภาษาพูดธรรมดามากขึ้น รวมทั้งคำผิดด้วย คิดว่าคงไม่มีอะไรจะแก้อีกแล้ว (หรือเปล่า)

ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.mediafire.com/?nd29mpoqqtekurq

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

140. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #139
 
06-Sep-11, 03:19 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ตามไปแล้วครับ ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ฺBaron
Guest

141. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #140
 
10-Sep-11, 03:42 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เข้ามาเอาฉบับ pdf ไปอ่านนะคับ ชอบมากมาย


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

142. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #141
 
11-Sep-11, 08:58 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   พอลองอ่านดูดีๆ อีกครั้ง ก็พบคำผิดอีกแล้ว คราวนี้ใช้วิธีมาร์กไว้ทุกจุดที่เจอ น่าจะหมดแล้วนะครับ เฮ้อ!!!

http://www.mediafire.com/?nbpfvdrrbx64rqw

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

143. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Sep-11, 07:28 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   จริงๆ ผมคิดว่าผมพร้อมที่จะเขียนเรื่องใหม่แล้วนะครับ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับอะไรบางอย่าง
กำลังสงสัยว่า ห้องนี้มีไว้สำหรับเขียนนิยายหรือทำอย่างอื่น ตอนนี้ความรู้สึกของคนเขียนนิยายก็คือ
นิยายเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับห้องนี้ รู้สึกเหมือนเป็นแกะดำครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

144. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #143
 
15-Sep-11, 07:19 PM (SE Asia Standard Time)
 
   จัดไปครับ คนรออ่านมีเยอะแยะครับผม


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

145. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #144
 
16-Sep-11, 08:18 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามนะครับ อยากบอกว่าขอบคุณจริงๆ ไม่ว่าจะมีคนอ่านมากหรือน้อย ผมก็ดีใจ
แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำหรับผมตอนนี้ก็คือ ผมอยากท้วงสิทธิ์ให้คนที่เขียนนิยาย
ผมอยากให้เรามีสัดส่วนและมีที่ทางที่ชัดเจน ทุกวันนี้ กว่าจะหานิยายแต่ละเรื่องเจอก็ยากมาก
แทบไม่มีนิยายเลยในหน้าแรก เห็นอย่างมากก็เรื่องสองเรื่อง บางวันไม่มีเลย
อยากอ่านเรื่องเก่าๆ ก็หาไม่เจอ มันไม่ใช่ที่สำหรับนิยายแล้วครับ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันเป็นห้องสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
มันทำให้คนเขียนไม่อยากเขียน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนอ่านหรอกครับ แต่มันเป็นเรื่องของที่ทางที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นแล้ว สุดท้าย คนที่เขียนก็จะไปเขียนเว็บอื่นกัน
ผมไม่ว่าอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ แต่ขอที่ทางให้คนเขียนนิยายที่ชัดเจนเป็นสัดส่วนเหมือนเดิมเถอะครับ ไม่รู้จะขอร้องใคร ฝากคนดูแลเว็บด้วยละกันครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Outdoo
Guest

146. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #145
 
29-Sep-11, 02:54 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณมากครับ คุณ sarawatta ที่นำนิยายดีๆมาให้อ่านนะครับ จะเป็นกำลังใจให้ต่อไปครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

147. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #146
 
29-Sep-11, 11:19 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   จริงๆ ก็อยากเขียนเรื่องใหม่เลยนะครับ แต่ผมยังอยากดูว่า admin ที่นี่จะจัดการอะไรให้บ้าง ผมไม่อยากให้ปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ต่อไป ควรจะต้องทำอะไรสักอย่างบ้างนะครับ

เพิ่งนึกได้ สาเหตุที่อยากเขียนนิยายบ้าง เพราะเคยอ่านเรื่องนี้ครับ "เมื่อผมหลงรักคนพิการ" เห็นมันน่ารักดี ก็เลยอยากเขียนบ้าง จำได้ว่าเคยมีคนถามหาเรื่องนี้อยู่ พอดีเก็บไว้ครับ เลยเอามาฝาก ไม่รู้ว่าตอนนี้คนเขียนเป็นยังไงบ้าง เห็นเงียบหายไปเหมือนกัน

http://www.mediafire.com/?z50pzmmi7ktn7vr

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
ลมหนาว
Guest

148. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #147
 
18-Oct-11, 12:58 PM (SE Asia Standard Time)
 
   พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณนะครับ
เป็นอีกเรื่องที่ละเมียดละไม
โดยรวมแล้วชอบครับ อบอุ่นดี
ส่วนเรื่องที่ทางสำหรับนักเขียน
เฮ้อ น่าจะจัดการลำบากนะครับ
กลายเป็นห้องล่าควยกันไปแล้ว
ตัวผมไม่มีอคติกับงานเขียนครับ
แนวรักใสๆ รักร้อนเร่า วิตถาร อ่านได้หมด
ชอบมากชอบน้อยต่างกันแค่นั้น
แต่เห็นแบบนี้แล้วน่าเศร้านะครับ
จะไม่ใช่คลังนิยายแล้วง่ะ
โดยส่วนตัวคิดว่าถ้ากำราบแบบลบกระทู้
บล๊อคคน ตั้งกฎห้าม ไม่น่าจะได้ผลครับ
อาจต้องขอให้ตั้งห้องใหม่ให้สำหรับนิยาย
ส่วนห้องนี้ใครจะนัดยิ้มนัดเย็ดก็ปล่อยไป
ยังไงขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนนะครับ
ทั้งคุณ จขกท และคนอื่นๆ ที่ยังเขียนอยู่


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Pitch
Guest

149. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
13-Dec-11, 10:22 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เห็นชื่อเรื่องแล้วก็ข้ามไปข้ามมาอยู่หลายวัน วันนี้คิดว่าลองคลิกอ่านดู เป็นคนอ่านหนังสือช้า ว่าจะอ่านนิดหน่อย เดี๋ยวก็นอนแล้ว ปรากฏว่าอ่านรวดเดียวจบ เริ่มสามทุ่ม จบตีสองกว่า ยอดเยี่ยมมากครับ เช้าไปทำงานไม่ไหวคงต้องโทษคุณ sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Pitch
Guest

150. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Dec-11, 03:41 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เห็นชื่อเรื่องแล้วก็ข้ามไปข้ามมาหลายหน เมื่อคืนลองคลิกเข้าไปอ่าน เป็นคนอ่านหนังสือช้า คิดว่าจะอ่านสักพักก็จะนอน เริ่มอ่านเกือบสี่ทุ่ม อ่านไปอ่านมา ตีสองไม่รู้ตัว เมื่อเช้าไปทำงานสาย ต้องโทษคุณ Sarawatta ที่แต่งได้น่าอ่านมาก ยังอ่านไม่จบครับ วันนี้มาอ่านต่อ คิดว่าคงอ่านจนจบ จะรอเรื่องของคุณ Sarawatta อีกครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

151. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #150
 
16-Dec-11, 09:25 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอบคุณที่มาอ่านครับ หวังว่าจะอ่านจนจบนะครับ สำหรับเรื่องใหม่ คงได้อ่านเร็วๆ นี้ครับ พอมีที่ทางเฉพาะแบบนี้ก็ทำให้อยากเขียนมากขึ้น แต่ช่วงที่หายไปก็คิดไว้ได้หลายเรื่องเหมือนกัน จนไม่รู้จะเอาอันไหนมาเขียนก่อนดี แต่คิดว่าคงไม่เขียนยาวเท่าเรื่องนี้ครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
พิตช์
Guest

152. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #151
 
19-Dec-11, 06:44 PM (SE Asia Standard Time)
 
   อ่านจบหลายวันแล้วครับ เขียนได้กินใจดี นึกถึงตัวเองครับ มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาดีต่อผมมาก เขาแต่งงานมีลูกเมียแล้ว ผมก็มีลูกเมียเหมือนกัน แต่ผมไปอยู่ต่างประเทศ ไปอยู่หลายสิบปีแล้ว ทุกครั้งที่กลับมาไทยจะต้องไปหาเพื่อนคนนี้ ไม่ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหน เขามีเวลาให้ผมเสมอ และทุกครั้งที่เจอกัน ดูเหมือนเขาจะดีใจที่ได้เจอผม มากกว่าที่ผมดีใจที่ได้เจอเขา ไม่รู้ว่าคิดอะไรเลยเถิดไปหรือเปล่า เพราะอ่านเรื่องนี้จบ นึกในใจว่า เพื่อนคนนี้จะเป็น"ต้น"หรือเปล่าหนอ แต่ผมไม่ใช่"สน"แน่ ถึงผมจะรักเขามาก แต่ก็ในฐานะเพื่อน - เขียนได้ดีมากครับ คิดว่าพล๊อตเรื่องน่าจะมีความจริงอยู่มาก


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
เด็กเนิร์ด
Guest

153. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
24-Dec-11, 00:01 AM (SE Asia Standard Time)
 
  
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปอยู่ในฉากของคุณเลยครับ

อ่านแล้วรู้สึกอิ่มมากๆกัยงานเขียนของคุณมากๆ

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีแฟนและแฟนกำลังจะไปแต่งงานกับผู้หญิง

ผมจึงภาวนาว่าให้เค้ามั่นคงในการตัดสินใจของเค้าครับ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณผู้เขียนเรื่องนี้มากๆนะครับ

คุณทำให้ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความทุกข์สามารถนั่งอมยิ้มกับงานเขียนของคุณได้

ต้องขอขอบคุณจากใจจริงครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
คุงคุง
Guest

154. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #153
 
12-Jan-12, 11:03 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ทำไมแต่งเรื่องได้แทงใจดำผมอย่างนี้ อ่านไปเหมือนมีอะไรจุกในอก ซาบซึ้งมากๆ แต่งเรื่องดีๆอย่างนี้มาอีกนะครับ ผมว่าเพลงประกอบนิยายเรื่องนี้น่าจะเป็นเพลงนี้นะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=ShiR_hdGrbU


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
กฤษ
Guest

156. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
31-Jan-12, 11:27 PM (SE Asia Standard Time)
 
  
เอ่อ ถ้าจำได้ไม่ผิดผมเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือจันทร์แรมนะครับ

แต่คนเขียนไม่ใช่คุณนี่นา ไม่ทราบว่าคุณเขียนเองหรือเปล่า

การเอาผลงานของคนอื่นมาแอบอ้างมันผิดกฎหมายนะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
จันทร์แรม
Guest

157. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #156
 
01-Feb-12, 01:33 AM (SE Asia Standard Time)
 
   เท่าที่ทราบ จันทร์แรม ไม่มีนักเขียนประจำนี่นา มีแต่เอานิยายของคนอื่นไปเขียนเป็นของตัวเองน่ะ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

158. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #156
 
01-Feb-12, 07:18 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   >
>เอ่อ
>ถ้าจำได้ไม่ผิดผมเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือจันทร์แรมนะครับ
>
>แต่คนเขียนไม่ใช่คุณนี่นา
>ไม่ทราบว่าคุณเขียนเองหรือเปล่า
>
>การเอาผลงานของคนอื่นมาแอบอ้างมันผิดกฎหมายนะครับ

ผมคิดว่าคนที่ตามอ่านเรื่องนี้อยู่ตั้งแต่แรกคงจะรู้นะครับว่าผมเขียนเองหรือเปล่า
นื่คือครั้งแรกที่เขียน
http://74.55.90.235/CCforum/DCForumID4/835.html
ต่อมาก็เขียนใหม่เพราะคำผิดเยอะ
http://74.55.90.235/CCforum/DCForumID4/878.html?7
แล้วก็มาเป็นกระทู้นี้ซึ่งผมได้ปรับพล็อตเรื่องในตอนท้ายๆ ใหม่

ผมไม่เคยอ่านจันทร์แรม อยากเห็นเหมือนกันครับว่าเขาเอาเวอร์ชั่นไหนไปลง
ถ้าจะกรุณา ช่วยโพสต์ภาพให้ดูหน่อยก็ดีครับ ขอเป็นตอนท้ายๆ ซึ่งจะบอกได้ว่ามาจากเวอร์ชั่นไหน
ผมคงไม่ไปทำอะไรเขาหรอกครับ แต่คงต้องระวังในการเอาผลงานมาเขียนลงในที่สาธารณะมากขึ้น
จริงๆ ผมกำลังจะเขียนเรื่องใหม่อยู่พอดี แต่พอเป็นแบบนี้แล้วก็คงต้องคิดหนักเหมือนกัน

ผมไม่ว่าอะไรเลยครับถ้าใครอยากจะเอาไปลงที่ไหน แต่ช่วยบอกสักนิดว่าใครเขียน
ถ้าเจ้าของตัวจริงต้องกลายเป็นคนที่ขโมยผลงานคนอื่นมาลง มันก็น่าเสียใจไม่น้อย

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Hi-JACK
Guest

159. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #158
 
01-Feb-12, 11:36 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ลองไปดูใน DEVIL สิครับ น่าจะมีคนโพสอยู่นะ รู้สึกคุ้นๆตาว่าจะเป็นประมาณเล่มปลายๆปีที่แล้วนะครับ

ชื่อเรื่องอะไรเพื่อนๆเนี่ยแหละจำไม่ได้ แต่ชื่อต้น-สนเนี่ยคุ้นมากเลยเพราะเรื่องนี้สนุกน่าติดตามมาก เพิ่งรู้นะครับ

เนี่ยว่าเป็นนิยายจากปาล์ม ชื่อคนเขียนคงไม่ใช่คุณหรอกนะเพราะไม่งั้นเค้าจะทักทำไม

ผมเองก็เคยอ่านจันทร์แรมหลายๆเล่ม มีแต่นิยายของสุรัตนาวีซ่าเต็มไปหมดเลย แต่ใช้ชื่ออื่นเป็นผู้เขียน

พอไปถามสุรัตนาวีเค้าก็บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย จากนั้นมาสุรัตนาวีก็เลยเลิกโพสแบบปกติแล้วอัพเป็นไฟล์

ให้โหลดแทน อ้อ Katesnk ก็โดนหมดทุกเรื่องเหมือนกัน ขนาดนิยายนัท-ต้อลยังมาเอาของเค้าไปลง

เลย

ถ้ามองในแง่ดีก็แสดงว่าคุณ Sarawatta ก็ดังเท่ากับนักเขียนตัวพ่อ-ตัวแม่ของวงการแล้วนะเนี่ย แต่ถ้า

คิดอีกทีทาง สนพ.เค้าก็เห็นแก่ตัวมากนะที่ทำแบบนี้


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
kenchaos
Guest

160. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
14-Feb-12, 03:05 AM (SE Asia Standard Time)
 
   นานทีผมจะกลับมาอ่านนิยายในบอร์ดนี้ ซึ่งแต่แต่ก่อนก็รวมนิยายหลายเรื่อง แต่หลังๆ มากลายเป็นหาเซ็กซะอย่างนั้น การละเมิดลิขสิทธิ์อีก มันไม่เคยหายไปจากเมืองไทย ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติก็ตาม แต่ผมก็ประทับใจมาก กับ จขกท ที่ยอมมาเขียนลงกระทู้ ในบอร์ดนี้อีก เป็นกำลังใจให้นะครับ

ผมเป็นคนเขียนนิยายไม่เป็น ใจก็อยากเขียน เพราะมีแนวเรื่องอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่กลัวจะเขียนออกมาไม่ดี ช่างมันเถอะ ผมได้อ่านเรื่องนี้แล้วก็สุขใจ ทำให้เราที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นเกย์ มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป แม้ว่าในความเป็นจริงมันคงไม่เป็นอย่างในนิยาย แต่มันก็ช่วยให้เราเดินต่อไปได้ ตราบใดที่มีรัก เราก็ยังมีหวัง ความรักเป็นทั้งสิ่งที่สวยงาม และอันตราย อย่างน้อยการได้มีสติอย่างที่ต้นได้ทำไว้ ก็ทำให้เราไม่คิดสั้นได้

ผมชอบนิยายหลายๆเรื่องที่จบแบบแฮปปี้ เรื่องโศกในชีวิตจริงผมก็ผ่านมันมาแล้ว ได้อ่านแบบที่จบแบบนี้และเป็นนิยายที่ไม่ติดเรทเอ็กซ์(เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก มากกว่านิยายที่ติดเรทเอ็กซ์ซะอีก เรทเอ็กซ์เอาไว้ไปอ่านในบอร์ดเล่าประสบกามดีกว่าได้อารมณ์มากกว่าเพราะมันเกิดขึ้นจริงหรือแต่งก็ว่ากันไป) มันช่วยให้เรามีกำลังใจมากขึ้น ที่อย่างน้อยนิยายก็ไม่ได้ทำให้เราอ่านแล้วจิตใจหม่นหมอง หากจบแล้วไม่แฮปปี้ (แล้วแต่ผู้แต่ง ผมเข้าใจ)

อีกเรื่องที่พ่อแม่ไม่รู้ก็เหมือนกันครับตรงก็ชีวิตจริงสุดๆ แม้ว่าแม่ของสนจะรู้อย่างจริงๆแล้ว แต่พ่อแม่ผมเองก็คงจะระแคะระคายเหมือนพ่อแม่ของต้นแล้วเหมือนกัน ลักษณะนิสัยผมก็คล้ายกับต้นมาก ไม่แสดงออกเหมือนกัน ท่าทางเวลาดูไปนานๆ ก็มีคนสงสัยว่าเป็นเกย์ (ซึ่งก็จริง ฮา) แต่ผมก็บอกไปว่า หญิงก็ได้ ชายก็ดี ขำๆ ในวงเพื่อน ยังดีที่เพื่อนไม่เซ้าซี้ แต่เพื่อนหลายคนก็รู้แล้วผมบอกเอง ดีที่มันไม่แฉและปากโป้ง ไว้ใจได้เหมือนนิกกับปั่นจั่น นิสัยผมต่างกับต้นคือพรหมจรรย์ ฮา ฮา ความมั่นคงในรักไม่ยอมให้ใครเลยก็คงไม่ใช่ผม (ต้นดีมากที่สุดจนเว่อร์ แต่ผมก็ชอบ) แต่นั่นก็คงเป็นเรื่องของอนาคตที่จะมีใครรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ทุกวันนี้โลกก็เริ่มยอมรับกันมากขึ้น แต่ถ้าเก็บความลับที่ไม่ลับนี่ไว้ในใจได้ ผมก็จะเก็บไว้ต่อไป ถามว่าอยากมีเมียเป็นผู้หญิงไหม ผมทั้งอยาก และไม่อยาก แต่ถ้าถามว่าอยากมีลูกไหมผมอยากอย่างมากที่สุด เหตุผลก็คงเหมือนสน ถ้ามีลูกแล้วผมคงไม่ยอมทิ้งลูกไปเด็ดขาด ไม่ว่าใจจะอยู่ที่คนอื่นมากกว่าเมียก็ตาม สละความสุขของตัวเองเพื่อลูกผมทำได้และเต็มใจที่จะทำ

ขอบคุณ จขกท มากๆนะครับ ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นหนึ่งที่เยี่ยมที่สุดในความคิดของผม ให้ทุกคนๆได้อ่าน ขอเซฟไฟล์เก็บไว้อ่านนะครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ
kenchaos


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
Tor
Guest

161. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
20-Feb-12, 11:15 AM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณมาก ๆ อ่านไป เกือบไม่ได้นอน แล้วมาอ่่านต่อตอนเช้า ...เล่นซะเกือบเที่ยง .. สนุกมาก ครับ .. น้ำตา รื้นเลย ...


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

162. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #161
 
21-Feb-12, 08:45 AM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ขอบคุณทุกคนที่ยังเข้ามาอ่านครับ ผมจะแจ้งให้ทราบว่า ต้นเดือนมีนาคมนี้ ผมจะนำเรื่องใหม่มาลงครับ อย่าลืมติดตาม "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

163. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #162
 
23-Feb-12, 04:17 AM (SE Asia Standard Time)
 
   มาแล้วๆ มารอเลยครับผม "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" นี่


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
( - - ) click here to view user rating
Member since 9-Nov-10
249 posts, 2 feedbacks, 4 points

166. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #163
 
26-Mar-12, 01:16 AM (SE Asia Standard Time)
Click to send private message to %28%20-%20-%20%29 Click to add this user to your buddy list  
ขอบคุณครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
นางมารน้อยวาวา
Guest

165. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #0
 
25-Feb-12, 03:33 PM (SE Asia Standard Time)
 
   เกลียดในความดีของต้น ที่จะดีอะไรนักหนา เห็นแก่ตัวบ้างก้ได้

เกลียดในความเขลาของสน ที่หนีหัวใจตัวเองอยู่ได้ตั้งนาน

เกลียดเรื่องนี้มาก ที่ทำให้ร้องไห้จนตาบวม

เกลียดๆๆๆๆๆๆๆ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
(-_-!)
Guest

167. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #165
 
31-Mar-12, 08:49 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ผมใช้เวลาอ่านในเวลางานไปสองวัน แทบไม่ได้ทำงานเลย เพิ่งอ่านจบวันนี้เอง
ผมลุ้นมาก ๆ เลยครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ "สน" ผมอยากให้ "นา" ท้อง ผมจะได้ลุ้นว่าสุดท้ายจะจบลงอย่างไรถ้า "นา" ท้อง เพราะอะไรเหรอครับ เพราะผมเป็นเกย์ที่แต่งงานและมีลูกแล้ว (T-T)
ผมต่างจากสนตรงที่ ผมรู้ตัวว่าเป็นเกย์ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ภรรยาผมก็รู้ว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน เธอเป็นเพื่อนผู้หญิงคนแรกที่ผมบอกว่าผมชอบผู้ชาย ด้วยความสนิทกันมาก และด้วยความทุกข์ใจของผมที่ผมมักจะบอกเธอเสมอว่าผมไม่อยากเป็นเกย์ ผมอยากเกิดเป็นผู้ชายแท้ ๆ จึงอาจทำให้เธอสงสารผมจนทำให้เรามาถึงจุดที่เกิดความผิดพลาดในความสัมพันธ์จนได้ แล้ก็นำมาสู่การตัดสินใจแต่งงานกันด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนมีลูก ซึ่งเราก็รักลูกมาก ผมก็รักภรรยาผมมาก
แต่มันก็ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงทางธรรมชาติของผม สุดท้ายผมก็ต้องแอบคบแฟนที่เป็นผู้ชายอย่างลับ ๆ ซึ่งภรรยาผมก็รู้ระแคะระคายมาตลอดเพราะมีเพื่อน ๆ ของเธอสงสัยและแอบเห็นผมกับแฟนผู้ชายผมบ่อย ๆ ซึ่งผมก็ยอมรับกับเธอตามตรง แม้ว่าเธอจะไม่พอใจอยู่บ้าง ขอร้องให้ผมอย่าคบใครเป็นตัวเป็นตน ลำพังจะไประบายอารมณ์ตามธรรมชาติบ้างเป็นครั้งคราวเธอรับได้ แต่มีเป็นตัวเป็นต้นเธอรับไม่ได้เพราะยังแคร์สังคม และครอบครัวเธอ ซึ่งผมก็เข้าใจแต่ผมตัดใจจากแฟนชายไม่ได้เพราะมันก่อตัวเป็นความรักจนอยากจะหักใจได้ ก็ได้แต่ประคับประคองทั้งสองฝ่ายไม่กระทบกระเทือน ซึ่งดูเหมือนผมเป็นคนเห็นแก่ตัวสุด ๆ ที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว และกรรมก็ตามสนองผมจนได้
เนื่องจากเมื่อลูกเริ่มโตผมจำเป็นต้องให้เวลาลูกมากขึ้นเรื่องการเรียนพิเศษโน้น นี้ นั้น จนทำให้ผมมีเวลาให้แฟนชายน้อยลงเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว ว่าผมสร้างความเหงาให้กับเค้า จนวันที่ผมไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นก็เกิดกับผมจนได้ แฟนชายผมบอกเลิกกับผม ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า เค้าอยากมีชีวิตคู่บ้าง คบกับผมต่อไปเค้าก็ต้องอยู่คนเดียวในที่สุด เพราะผมต้องเลือกครอบครัว ตามที่ผมเคยบอกกับเค้าตอนคบกันใหม่ ๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดแทบปางตายของผมหลังจากการมีความสุขกับความรักครั้งแรกในแบบเกย์ของผมมา 4 ปีกว่า
และนั่นก็เป็นจุดที่ผมทำร้ายจิตใจภรรยาและลูกอย่างไม่น่าให้อภัย ผมหมดอาลัยตายอยาก ปลดปล่อยทุกสิ่งอย่าง ร้องไห้ต่อหน้าภรรยาและลูก โดยไม่รู้เลยว่าความอ่อนแอของผมครั้งนี้ ได้ทำร้ายหัวใจภรรยาที่รักผม ทำร้ายลูกที่ไม่รู้เลยว่าชีวิตเค้าจะต้องมาเจอกับปัญหาแบบนี้ในครอบครัว
ผมเสียผู้เสียคน ไม่สนใจใยดีครอบครัว เพียงเพราะความพาลต่อครอบครัวที่ผมคิดอย่างโง่ ๆ ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมถูกแฟนชายทิ้ง เพราะการทุ่มเทให้กับครอบครัวถึงทำให้ผมต้องถูกผู้ชายคนแรกที่ผมรักทิ้งผมไป เกือบ 3 ปี ที่ผมหมางเมินกับภรรยา แต่กับลูกผมประคับประคองความรู้สึกเค้ามากและสุดท้ายก็บอกกับลูกว่าผมเป็นเกย์ ผมอยากให้เค้าเข้าใจผม อยากให้เค้าเห็นใจในสิ่งที่ผมไม่อยากเป็น ความลับไม่มีในโลก ผมไม่อยากให้เค้าต้องมาเจอะเจอเอง ซึ่งถึงตอนนั้นเค้าอาจจะเกลียดผม ซึ่งผมก็ยังดีใจที่เมื่อผมบอกเค้าแล้วเค้าก็ไม่ได้รังเกียจหรือตกใจอะไร เค้าเข้าใจผม ผมเลี้ยงเค้าแบบเพื่อน มีอะไรก็ปรึกษา ระบายให้กันฟัง
มันผ่านมาแล้ว 5 ปีกว่า ความรู้สึกผมดีขึ้นมาก ความทรมานและทุรนทุรายน้อยลง ภรรยายังอยู่เป็นเพื่อนผมเสมอช่วยกันเลี้ยงดูลูกในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวได้เหมือนเดิมมากขึ้น
ผมอ่านนิยายของคุณแล้วผมร้องไห้อยู่หลายฉาก ทำไมชีวิตผมไม่โชคดีอย่างนี้บ้าง ลึก ๆ แล้ว ผมก็ยังอยากมีชีวิตคู่แบบเกย์มากกว่า ความต้องการทางธรรมชาติของผมมันถูกขับดันไปทางนั้นมากกว่า ทุกวันนี้ผมก็แก่ตัวขึ้นทุกวัน เห็นชีวิตของคนสมัยนี้ที่เค้ามีอิสระในการเลือกคู่ครองเพศเดียวกันให้เห็นมากมาย ก็รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาตัวเองที่เดินทางผิดพลาด
ทุกวันนี้ก็มีแต่ลูกที่เป็นโซ่ทองคล้องใจเรา ให้รารู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นเค้าเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า ก็หวังว่า "วัย" จะช่วยให้ผมเกิดความต้องการตามธรรมชาติน้อยลงเรื่อย ๆ เผื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องทรมานเหมือนเช่นทุกวันนี้

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่อ่านแล้วรู้สึกมีความสุขจัง
และกำลังติดตามอ่านเรื่องที่สองของคุณอยู่นะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

168. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #167
 
31-Mar-12, 11:53 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ตอนแรกก็เคยคิดจะให้นาท้องจริงๆ เหมือนกันครับ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงสมหวังยาก มันต้องเดินเรื่องไปอีกแบบหนึ่งเลย
แต่โดยส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องมันจบโหดร้ายอย่างนั้น เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาเรามักนำเสนอเรื่องราวของเกย์ในทางไม่สมหวังเยอะ
ก็เลยอยากให้สมหวังบ้าง เหมือนหนังชายหญิงทั่วไปที่ส่วนมากก็สมหวัง แต่จริงๆ มันก็อาจจะแล้วแต่ความตั้งใจของคนเขียนด้วยล่ะครับ
บางครั้งการจบแบบไม่สมหวังก็อาจจะช่วยทำให้คนยอมรับความจริงอีกด้านหนึ่งของชีวิตได้เหมือนกัน

ดีใจที่ยังมีคนมาอ่านนะครับ เป็นงานเขียนชิ้นแรกที่ผมตั้งใจมาก ฝากงานเขียนเรื่องใหม่ด้วยครับ
มีความคิดเห็นยังไงก็แลกเปลี่ยนกันได้ ผมอยากให้คนอ่านอ่านแล้วสะท้อนให้ฟังบ้างว่าคิดยังไง รู้สึกยังไง
จะช่วยคนเขียนในเรื่องของการพัฒนาปรับปรุงได้มากทีเดียวครับ
แต่เรื่องใหม่นี้ขอไม่บอกละกันนะครับว่าจะจบแบบมีความสุขหรือไม่ จริงๆ เงื่อนก้ไขหลายอย่างทำให้มันเป็นไปได้ยากเหมือนกัน
ถ้าเป็นชีวิตจริงก็คงสมหวังได้ยากแต่ในนิยาย อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีการเขียนนิยายแบบนี้ก็เหมือนกับการแก้ปัญหาชีวิตจริงๆ เหมือนกันครับ
ถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้น เราก็คงต้องหาทางออกที่ดีที่สุดและตรงใจเรามากที่สุดเหมือนกัน บางทีเราก็อาจจะหาวิธีนั้นเจอก็ได้ครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อเทตยา
Guest

169. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #168
 
01-Apr-12, 07:47 AM (SE Asia Standard Time)
 
   อ่านแล้วน่าเห็นไจนะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
zusee
Guest

170. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #169
 
07-Apr-12, 11:01 AM (SE Asia Standard Time)
 
   สองวันเลยเรา ชอบมากได้ข้อคิดเยอะซะ ขอบคุณมากครับ จะติดตามผลงานตลอด


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อ๊อด
Guest

171. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #170
 
15-May-12, 03:55 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ชอบมากๆครับ ขอให้แต่งเรื่องดีๆ สนุกๆ อีกน่ะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
guest
Guest

172. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #170
 
15-May-12, 05:55 PM (SE Asia Standard Time)
 
  


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
guest
Guest

173. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #170
 
15-May-12, 05:59 PM (SE Asia Standard Time)
 
  


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
bell
Guest

174. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #173
 
19-May-12, 03:41 PM (SE Asia Standard Time)
 
   Happy Ending มีความสุขมาก ๆ เลย ขอบคุณนะค่ะ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
อ๊อด
Guest

175. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #174
 
12-Jun-12, 09:24 PM (SE Asia Standard Time)
 
   อยากให้แต่งเรื่องใหม่ไวไว ด้วยครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

176. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #175
 
02-Jul-12, 06:26 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   เรื่องใหม่คงต้องรอไปอีกสักพักครับ จริงๆ ตอนนี้ผมเอาเรื่อง "ต้นสน" มาปรับใหม่อีกรอบหนึ่งแล้วครับ ดราม่ายิ่งกว่าเดิม ถ้าสนใจจะเอามาลงให้อ่านอีกครับ ค่อนข้างต่างจาก 2 เวอร์ชั่นแรกพอสมควร แต่ก็เดินเรื่องคล้ายๆ กัน ประมาณ 20 ตอนแรกจะคล้ายๆ กัน แต่หลังจากนั้นก็จะเริ่มต่างครับ

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
reaw
Guest

177. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #176
 
02-Jul-12, 07:04 PM (SE Asia Standard Time)
 
   ขอบคุณมากนะครับที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน
รออยู่นะครับ


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top
sarawatta
Member since 12-Jan-11
234 posts, Rate this user

178. "RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
In response to message #177
 
08-Jul-12, 08:47 PM (SE Asia Standard Time)
Click to EMail sarawatta Click to send private message to sarawatta Click to add this user to your buddy list  
   ตอนแรกว่าจะเอามาลงเป็นตอนๆ แต่ว่าเปลี่ยนใจแล้วครับ ทำเป็นไฟล์มาให้อ่านทีเดียวเลยดีกว่า ใครสนใจก็โหลดไปอ่านได้เลยจากลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=12CD62A6703WC[ACDCDN1CUBLLJKIB

Sarawatta


  Alert แจ้งลบข้อความนี้ | IP | boyplaza.net Gay Movies หนังใหม่อัพเดททุกวัน เริ่มต้น 50 บาทเท่านั้น โหลดได้ไม่จำกัด 3 วัน Printer-friendly page | Edit | Reply | Reply With Quote | Top

Conferences | Topics | Previous Topic | Next Topic

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com

Our Sponsor


Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.


 free counters