จบบริบูรณ์ # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # #
# # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # #
ปัดฝุ่นรุ่นพิเศษ 1 บังเกิดความเกลียดจากคนๆ หนึ่ง และบังเกิดความรักของอีกคนๆ หนึ่ง(งงป๊ะ)
>>เรื่องของผม จะว่าเหมือนละครก็คงจะไม่ผิดมั้งครับ เป็นเรื่องจริงที่คำว่า เป็นไปไม่ได้ และ เป็นไปได้
เกิด ขึ้นสลับวนเวียนกันไปมาอยู่ตลอดเวลา และเมื่อผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร 2 อารมณ์ที่ผมรู้สึก... เกลียด ...แล้วก็... รัก ....จะเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน
แต่ดูเหมือนว่าไอ้อย่างหลังเนี่ยจะอยู่ในความคิดผมมากกว่า และก็นานกว่าด้วย...( อิ อิ...)
ผม ขอเท้าความก่อนนะครับ ย้อนกลับไปเมื่อตอนผมเป็นเด็ก ๆ อยู่ โดยส่วนตัวผมอ่ะ ไม่ค่อยเป็นเด็กที่ซุกซนหรือได้ออกไปสนุกสนานอะไรกับเพื่อน ๆ ซักเท่าไหร่ คือ พ่อผมเป็นคนค่อนข้างดุครับ แล้วก็มีระเบียบมากด้วย ผมจึงไม่ค่อยกล้าที่จะขัดคำสั่งอะไรท่านนัก เพราะกลัวจะโดนดุ ด่า หรือตีเอา ก็เลยจะอยู่แต่บ้านตามที่ท่านสั่ง จะมีออกไปข้างนอกบ้านบ้าง ไม่ไปซื้อของก็ออกไปตอนเย็น ๆ พ่อเป็นคนพาไป นั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ ก็เที่ยวในละแวกแถวบ้านนั่นแหละครับ สนุกดีใจไปตามภาษาเด็ก เพราะได้ออกไปเที่ยว
...บ้านผมอยู่ซอย 15 ครับไกลจากปากซอยน่าดูอยู่เหมือนกัน ราวกิโลครึ่งเห็นจะได้
ภาพ ที่ผมจำได้ค่อนข้างจะติดตาในระหว่างที่พ่อไปนั่งกินเหล้าที่ร้านค้าแถวซอย 10 กับเพื่อนเค้า แล้วทิ้งให้ผมนั่งเล่นรออยู่แถว ๆ ร้านค้านั้น คือ ภาพเด็กผู้ชายอายุน่าจะแก่กว่าผมซัก 2 ปีล่ะมั้ง ดูร้ายๆ หน่อย
จะ ว่าไปก็น่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่มเด็กในซอย 10 เลยก็ว่าได้มั้ง...นั่งเล่นกับลูกน้องเด็ก ๆ ของมันนั่นแหละ.. เท่าที่ดูตอนนั้น ไอ้หมอนั่นมันดูมีอำนาจ แล้วก็เป็นผู้นำนะ เห็นพูดอะไร ๆ ไอ้เด็กคนอื่นๆ มันก็เชื่อไปซะหมด
..วางฟอร์มนี่..แบบสุด ๆ ผมนี่...บอกตรงๆ นะครับ
เกลียดดด ...เกลียดตั้งแต่แรกเห็นเลยหล่ะ
ไม่ ค่อยถูกชะตากับมันยังไงไม่รู้ พอเห็นมันทำเบ่ง ก็เลยเดินออกไปทางอื่น ไอ้ตอนนั้นอ่ะ ไอ้หน้าตงหน้าตาอะไรเนี่ย ผมยังแยกแยะไม่ออกหรอกครับ ว่ามันดูหล่อเหลาแค่ไหน ก็ยังเป็นเด็กผู้ชายจริงๆ อยู่นี่.. เลยไม่ได้สนใจอะไรมันมาก แต่ก็รู้สึกว่า มันก็ฉายแววหน้าตาดีตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหล่ะมั้ง ดีกว่าลูกน้องของมันเยอะเลย....
ไหน ๆ ก็ ท้าวความมาแล้วนี่ ต่ออีกนิดเกี่ยวกับตัวมันก็แล้วกันครับ
....มันอ่ะ....กวนตีนผมตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลย...พอมันเห็นผมไปมองพวกมันเล่นกัน แล้วก็เดินออกไป มันก็ตะโกนขึ้นมาว่า
เฮ้ย...เอ็งอยู่ซอยไหนว้ะ...ข้าไม่เคยเห็นหน้า ผมก็ไม่รู้เป็นไรอ่ะตอนนั้น คงกลัวมันมั้ง อยู่ดี ๆ ก็วิ่งหนีออกมา
( ถ้าย้อนกลับไปได้จะบอกมันไปว่า .. ข้าอยู่ซอย 15 หว่ะ มีไรเหรอ ...ฮ่า ๆ ๆ )
มัน ก็เลยหัวเราะผมแล้วก็ตะโกนดัง ๆ ให้ผมได้ยินทำนองว่าผมคงกลัวมันกับลูกน้องมันอ่ะ ...ผมนี่แบบว่าโกรธมันมาก แต่ไอ้นิสัยส่วนตัวเนี่ย คือจะไม่ค่อยตอบโต้อะไรใครเท่าไหร่ ก็เลยวิ่งออกไปเฉย ๆ ทั้งที่ได้ยินว่ามันหัวเราะเยาะผม ( ดูเหมือนเด็กอ่อน ๆ ยังไงไม่รู้...ก็ที่บ้านสอนมาดีอ่ะ...จิง ๆ )
พอรอพ่อกินเหล้า เสร็จ กลับไปถึงบ้าน ก็คิดแต่เรื่องไอ้บ้านี้อยู่ในหัวตลอด ...ประมาณว่าเกลียดไอ้ห่านั้นมาก ๆ อ่ะ คิดไปก็พรางบ่นกับตัวเอง...
มึงเอ้ย อย่าให้กูได้เจอะเจอหรือรู้จักมึงเลยตลอดชาติ... ไอ้ภาพแล้วก็เสียงมันที่ว่าผมนั้นรบกวนสมองผมอยู่ไม่นานแล้วก็หายไป
>>>>>>>>>>>
ปัดฝุ่นรุ่นพิเศษ 2 ของหาย(ไปไหน)
...ตามความคิดเด็กใส ๆ จนเวลาล่วงเลยมา 7 ปี ซึ่งผมมีอายุ 13 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 ความซวยก็มาเยือน....เฮ้อ...ซวยจริง ๆ เลยตู....
โดยส่วนตัว ณ ตอนนั้น ( ม.2 ) ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเรียนดีนะครับ ( ดูจากเกรดเอา ) แต่ก็ยังติดนิสัยเดิมอยู่คือ จะไม่ค่อยสุงสิงกะใครมาก
ทุกวันตอน เช้า หลังจากไปถึงโรงเรียนแล้ว ผมจะนั่งมันอยู่กับหนังสือนั่นแหละ...อ่านทบทวนไปเรื่อย ก็ไม่ค่อยมีเพื่อน ( ดี ๆ ) เยอะนี่ แล้วไอ้เพื่อนสนิท ( ชื่อ มาร์ค ครับ ) มันก็จะมาสายทุกวัน ผมก็เลยเอาหนังสือไว้เป็นเพื่อนไปก่อนตอนเช้า ๆ ก่อนที่มันจะมา
วันนั้น รู้สึกว่าผมจะอ่านทบทวนคณิต ฯ มั้งครับ ...ระหว่างที่ผมทำโจทย์คณิต ฯ ไปเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงใหญ่ ๆ กวน ๆ ของผู้ชายดูเฮ้วๆ หน่อย มาแต่ไกล แล้วก็ใกล้เข้ามาหาตัวผม ไม่นานก็หยุดลงอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ผมนี่แหละ ...ลักษณะที่เค้าพูด ก็จะพูดกันถึงการบ้านที่ไอ้บ้านั้นทำไม่ได้อ่ะ ( อิ อิ...โง่จัง... ) เลยมาขอคนอื่นลอก ทำให้ผมรู้ทันทีว่า ไอ้โต๊ะข้าง ๆ ผม เค้าเป็นรุ่นพี่ น่าจะเป็นเด็ก ม. 4 หรือ ม. 5 หล่ะมั้ง ..ผมก็เฉยๆ จะดูซิว่า มันจะส่งเสียงโหวกเหวกกันไปนานเท่าไหร่ ..ไอ้อีกใจก็รำคาญแบบว่าสุด ๆ คิดโมโห อยากจะว่าเอาให้เหมือนกัน แต่ก็เกรงใจ เพราะเค้าเป็นรุ่นพี่เรา ไอ้จะย้ายโต้ะไปนั่งที่อื่น ...อ้าว...มองไปก็มีคนนั่งกันหมดแล้ว ถึงแม้จะนั่งกันไม่เต็มโต๊ะก็เหอะ.. ก็เลยทน ๆ นั่งตรงนั้นต่อไป ใจนึงก็อยากให้ไอ้มาร์คมาซักที จะได้คุยทับกลบเสียงพวกมันบ้าง ( นี่คือนิสัยของผมอีกอย่างครับ ถึงแม้จะไม่ค่อยยุ่งกะใคร แต่ก็ไม่ชอบที่จะแพ้ใคร.. ) ตอนนั้นคิดอยู่ในใจว่า คนบ้าอะไรว้ะ น้ำเสียงดูวางมาดชิบหาย ท่าทางแม่งน่าจะเก็กน่าดู แต่ก็ไม่ได้หันไปมองเค้าหรอกนะครับ ก็นั่งทำโจทย์ต่อไป ..แบบที่เริ่มจะไม่รู้เรื่องแล้ว...
ซักครู่ครับ ไม่นานจริง ๆ....ผมก็ได้ยินเสียงไอ้โต๊ะห่านั่น ดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับว่ามีเพื่อนมันมาสมทบลอกการบ้านกันมากขึ้นอย่างงั้นแหละ แล้วก็แว่วได้ยินไอ้เสียงกวน ๆ ของไอ้บ้าที่ผมคิดว่ามันเก็ก ๆ นั่น บอกกับเพื่อน ๆ มันว่า
เอ้ย...ไอ้เหี้ย...พวกมึงมาทีหลัง แล้วยังจะมาแย่งเอาต้นฉบับของกูไปอีก มันมีแค่ 2 เล่ม ถ้ามึงจะลอกมึงก็ต้องมานั่งลอกด้วยกัน จะเอาไปได้ไง กูยังลอกไม่เสร็จ...
( .....ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ไอ้ประโยคคำพูด ที่ผมเขียนทั้งหมดเนี่ย มันไม่เหมือนซะโดยตรงนะครับ เอาเป็นว่าคล้าย ๆ ก็แล้วกันครับ....และต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าต้องใช้คำที่ไม่สุภาพ.. ) แล้วไอ้เพื่อนเวรของมันก็บอกว่า
มึงจะให้กูนั่งลอกตรงไหนว้ะ...นั่งกันซะเต็มหมดแล้ว... ซักแป็บนึง เสียงไอ้บ้านั้น มันก็บอกทำนองติดตลกว่า
งั้นมึงก็ไปขอน้องโต๊ะข้าง ๆ นั่งทำไปดิ เอาไปเล่มนึง แล้วก็แบ่งกันไปลอกโต๊ะโน้น ผมเนี่ยทั้งงง ว่าเออ..แม่งเล่นพูดง่ายดีเนอะ และก็กลัวว่าไอ้เพื่อนของมันจะมาจริง ๆ แต่ก็คิดว่าคงจะไม่มั้ง
แต่ ที่ไหนได้ครับ เพื่อนไอ้บ้านั่นเค้ามาจริง ๆ ครับ มาขอผมแบ่งที่นั่งด้วย แล้วก็ถามผมว่านั่งคนเดียวเหรอ ขอพี่กับเพื่อนนั่งทำงานด้วย ผมก็โอเค สักพัก เสียงไอ้บ้านั่นก็ดังแทรกออกมาว่า
เห็นมั้ย น้องมันให้อยู่แล้ว มันรู้ว่าใครเป็นใคร
( ผมลืมบอกไปครับ ไอ้พี่บ้านั่นอ่ะ มันค่อนข้างจะดังในโรงเรียนครับ เพราะว่ามันเป็นนักว่ายน้ำที่น่าตาดี ( มาก ๆ รวมทั้งหุ่นด้วย...อิ อิ ) เด็ก ๆ ทั้งชายและหญิง ก็เลยชอบมันเยอะ แต่ไอ้ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้จักมันหรอก เคยแต่ได้ยินชื่อ แต่หลังจากนั้นผมรู้จักมันดีทีเดียว...)
ผมนี่โมโหทันทีเลยอ่ะ ก็งงเหมือนกันว่าพูดสวนออกไปทันทีอย่างดังอย่างงั้นได้ยังไง...
ผมไม่สนใจหรอกว่าพี่เป็นใคร แต่ที่รู้ ๆ พี่ไม่มีมารยาท.... พูดเสียงดังโวยวายอะไรก็ไม่รู้... อะไรนั่งกันอยู่ใกล้ๆ ทำไมต้องพูดเสียงดังด้วยฮะ ถามจริงเหอะอยากเด่นหรือไง ผมรำคาญตั้งแต่พี่มานั่งตรงนี้แล้ว นี่..ถ้าพี่ลองมาพูดขอผมเองดิ ผมไม่ให้ที่คนหยั่งพี่หรอก
พูดเสร็จ ผมก็เดินออกไปเลย หยิบแต่กระเป๋าไป ไอ้สมุดคิดเลข ปากกาอะไรหน่ะ ลืมหยิบเอาไปหมด ( โมโหจนลืม.. ) แต่เท่าที่สังเกตในตอนนั้น มีคนมองมาทางเราเยอะมากครับ ไอ้พี่บ้าคนนั้นเค้าหน้าเสียเลย หน้าเค้าตอนนั้นน่าสงสารมาก ๆ แต่แวบหนึ่งก็แอบคิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า โห...คนอะไรว้ะ หน้าตาโคตรหล่อเลย พี่เค้าหล่อจริง ๆ ครับ ถึงแม้ผมกำลังโมโหมากแค่ไหน แต่กิเลสในใจของผมอยู่ก็ยังทำงานอยู่ ( 555... ) ความหล่อของไอ้พี่บ้านั่น มันโดนใจผมมาก ๆ...
หลังจากที่เดินออกมาก็นึกสงสารพี่เค้าอ่ะ ( เห็นมั้ยครับว่า ความหล่อทำให้คนเราเปลี่ยนใจได้เพียงชั่วครู่...อิ อิ.. ) ก็ว่าตัวเองอยู่เหมือนกันว่าไม่น่าไปว่าเค้าเลย พี่เค้าคงอายคนอื่นน่าดู เพราะผมก็ว่าออกไปดังอยู่ซะด้วย...แต่พอมาตอนพักเที่ยงก็ลืมเรื่องนั้นลงนิด นึง แต่ในขณะที่กำลังกินข้าวอยู่นั่น ความรู้สึกบางอย่างได้บอกกับตังเองว่า มีคนกำลังมองเราอยู่ แต่อย่างที่รู้ ๆ อ่ะครับ ในโรงอาหารคนเป็นร้อยเป็นพัน เราคงคิดไปเองมั้ง....
ช่วงบ่าย...มีคาบที่ผมต้องเรียนคณิต ฯ พอจะเริ่มเรียน ผมก็จะหยิบหนังสือขึ้นมา แต่
เอ้ย...ทำไงดี เสือก ลืมหนังสือเอาไว้ที่โต๊ะนั้นเมื่อเช้านี่หว่า ตายหล่ะทีนี้ แล้วเราจะโดนอาจารย์ว่ามั้ยเนี่ย... คือทุกคาบที่เรียนคณิตฯ อาจารย์ที่โรงเรียนผมจะมีการสุ่มเรียกชื่อ แล้วดูว่านักเรียนคนนั้นเอาหนังสือมาเรียนมั้ย ถ้าไม่มีก็จะว่า แล้วก็หักคะแนนจิตพิสัยไป ...ผมก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้โดนเรียกชื่อในวันนั้น คิดแต่ว่า เย็นนี้จะลองกลับไปหาดูที่โต๊ะเมื่อเช้า...
ทุกอย่างได้ดำเนินมาจนถึงเวลาเลิกเรียนครับ...แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้น....
ปกติ หลังเลิกเรียน ผมจะอยู่รอพ่อมารับจนถึงประมาณ 5 โมงครึ่งของทุกวัน ก็เหมือนเดิมหล่ะครับ ผมจะไม่นั่งรอพ่อเปล่า ๆ ก็จะเอาการบ้านที่อาจารย์เพิ่งสั่งวันนี้ ถ้ามี มานั่งทำไปพลาง ๆ เป็นประจำทุกวัน วันนั้นอาจารย์สั่งการบ้านเลขครับ ด้วยความที่ผมลืมว่าหนังสือคณิตอ่ะ ผมลืมเอาไว้เมื่อตอนเช้า ผมก็เลยเตรียมจะหยิบเอาสมุดที่อาจารย์ได้แจกการบ้านอันเก่าคืน มารอวางเอาไว้บนโต๊ะ แล้วก็กะว่าจะหยิบหนังสือขึ้นมา...
อ้าว...เราลืมหนังสือไว้เมื่อตอนเช้า ที่โต๊ะนั้นนี่หว่า...ลองไปดูดีกว่า ว่ามันจะยังอยู่ที่นั่นมั้ย คิดเสร็จผมก็เดินออกไปจากโต๊ะ ทิ้งสมุดการบ้านที่มีชื่อของผมและห้องเรียนบอกเอาไว้เรียบร้อยไว้บนโต๊ะตัว นั้น
เมื่อไปถึงโต๊ะที่ผมนั่งเมื่อเช้า ผมก็ไม่เห็นอะไรเลยครับ ก็ทำใจไว้หล่ะแล้วว่าคงจะไม่อยู่หรอก ก็เลยเดินกลับมา กะว่าวันนี้คงจะไปซื้อเล่มใหม่แล้วกลับไปทำที่บ้าน...
เชื่อมั้ย ครับ พอผมกลับมา ทุกอย่างที่ผมวางไว้ตรงโต๊ะนั้น มันหายไปหมดเลย ที่ที่เดิมที่ผมได้นั่งเมื่อตะกี้ มันไม่เหลืออะไรแล้ว ผมหล่ะงงมากๆ ทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้นหลายรอบ หน้าตาตอนนั้นก็เริ่มแย่แล้วหล่ะ มันซวยยิ่งกว่าหนังสือคณิตหายไปอีก นี่แล้วผมจะทำยังไง...เพราะนั่นมันเป็นสมุดการบ้าน ถ้าหายไปจริง ๆ หละแย่เลย...ซักพัก ผมทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยบ่นในทำนองตะโกนออกมาว่า
แม่งเอ้ย...อะไรวะเนี่ย ไอ้มาร์ค...มึงเล่นอะไรของมึงฮะ ก็นึกว่าไอ้มาร์คมันคงแกล้ง เพราะปกติมันก็แกล้งผมบ่อยเหมือนกัน
แต่ พอนึกไปนึกมา ผมก็เห็นว่ามันกลับไปแล้วนี่หว่า ...เอ้ะ...มันเกิดอะไรขึ้นว้ะ สักครู่ในระหว่างที่ผมกำลังงุ่นง่านหากระเป๋าและสมุด ก็ได้ยินเสียงครับ...เสียงคุ้นมาก ๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก็ไกลอยู่เหมือนกัน...