ตอนที่ 2 (ต่อ)
หลังจากวันนั้น วิทย์ก็เงียบหายไปเกือบสองอาทิตย์ ก้องอยากโทรไปหาใจแทบขาดแต่ก็กลัวว่าเขากำลังอยู่กับแฟน ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม จนคืนหนึ่งขณะที่ก้องเพิ่งกลับถึงบ้านจากที่ทำงาน วิทย์ก็โทรเข้ามา
นอนหรือยัง เสียงปลายสายดูเนือย ๆ
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย วันนี้โทรมาได้ ยังไม่นอนหรอก เพิ่งถึงบ้าน พอดีวันนี้เลิกงานดึกน่ะ ช่วงนี้งานเยอะ
พรุ่งนี้เย็นว่างไหม
น่าจะไม่มีอะไรนะ พรุ่งนี้ทำแค่ครึ่งวัน ทำไมอ่ะ
ไปเที่ยวซาวน่าเป็นเพื่อนหน่อยสิ
ก้องทำหน้างง นึกยังไงจะไปอบผิววะ หรือจะเบี่ยงเบนเป็นแบบเดียวกับเรา เมื่อสิบปีที่แล้วซาวน่ายังไม่ได้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเหมือนเช่นปัจจุบัน ก้องจึงไม่รู้จัก และไม่เข้าใจความหมายที่วิทย์พูด
นะ ไปเป็นเพื่อนหน่อย พอดีเมื่อวานเล่นเพิร์ชกับเพื่อน มันแนะนำให้ไป อยู่แถว ๆ ทองหล่อน่ะ เรายังไม่เคยไปเหมือนกัน นายรู้จักหรือเปล่า
ไม่อ่ะ เราไม่ได้ดูแลผิวพรรณมากมายขนาดนั้น เลยไม่ค่อยรู้จักสถานที่พวกนี้ แต่ไปเป็นเพื่อนก็ได้ ก้องตอบตกลงด้วยเหตุผลที่อยากเจอวิทย์มากกว่า
โอเค งั้นเจอกันสักสี่โมงที่ปากซอยสุขุมวิทย์ 53 นะ คืนนี้เราขอตัวนอนก่อนแล้วกัน.... วิทย์ตัดบทโดยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
อ้าว เฮ้ย...บทจะวางสายก็วางไปซะดื้อ ๆ เห็นเราเป็นแค่เพื่อนปรับทุกข์เท่านั้นเองใช่ไหม แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังได้เจอ ก้องนึกในใจ ก่อนลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำนอน
สี่โมงกว่า ๆ ก้องก็มาถึงบริเวณปากซอย เห็นวิทย์ยืนรออยู่ ท่าทางไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ ก้องเลยพยายามชวนคุยขณะเดินเข้าไปในซอย แถวนี้เราเคยนั่งรถผ่านบ่อย ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รถโคตรจะติดเลย ถ้าไม่จำเป็นไม่มาเด็ดขาด ได้ข่าวว่าเขาจะสร้างรถไฟฟ้าแล้วนี่ แต่ไม่รู้จะได้เริ่มสร้างเมื่อไหร่ อ้าว...แล้วไปทางไหนต่อล่ะเนี่ย ก้องหันมาถามวิทย์เมื่อเดินมาถึงทางแยก
เห็นไอ้กั้งมันบอกว่าถึงทางแยกแล้วให้เลี้ยวซ้ายอีกหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว วิทย์อ้างถึงเพื่อนที่เคยบอกว่าคุยด้วยกันทางเพิร์ช นั่นไงเจอแล้ว ตึกนี้แหละมีเจ็ดชั้น ข้างหน้ามีสัญลักษณ์รูปอนุสาวรีย์
ก้องหยุดยืนมองป้ายหน้าตัวตึก เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสีเงินตัวใหญ่เขียนว่า วิคตอรี่ ซาวน่า และสังเกตคนที่เดินเข้าไปใช้บริการ
ทำไมมีแต่แบบพวกเราทั้งนั้นเลยล่ะวิทย์ ไม่เห็นมีผู้หญิงมาใช้บริการเลย
วิทย์ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบว่า นี่นายคิดว่าเราจะพานายมาอบซาวน่าเฉย ๆ หรือไง มา เดี๋ยวพาเข้าไปดูว่ามันเป็นยังไง พูดจบวิทย์ก็จับมือก้องจูงเข้าไปในตัวตึกทั้งที่ก้องยังงง ๆ อยู่
หลังจากจ่ายค่าเข้าคนละ 250 บาทเรียบร้อย ก้องกับวิทย์ก็เดินผ่านเคาน์เตอร์เก็บเงินไปขึ้นลิฟท์ที่อยู่ถัดไปด้านใน ขึ้นไปยังชั้นสามเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำอธิบายของพนักงานเก็บเงิน เพราะชั้นสองเป็นส่วนของร้านอาหาร บริเวณชั้นเปลี่ยนเสื้อผ้ามีล็อกเกอร์ตั้งเรียงเป็นแถว ๆ จำนวนมาก แสดงว่าคนมาใช้บริการที่นี่คงมีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ภายใน ล็อกเกอร์มีทั้งผ้าขนหนูผืนใหญ่และผืนเล็กเตรียมไว้ให้อย่างละ 2 ชุด พร้อมกับเสื้อคลุมยาวอีก 1 ตัว ต่างจากสมัยนี้ที่มีแค่ผ้าขาวบางผืนเดียวก็เดินกันได้ทั่วตึก
เอ้า เปลี่ยนเสื้อผ้าสิก้อง ยืนงงอยู่ได้ วิทย์หันมาบอกเมื่อเห็นก้องยังยืนท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ พอก้องอยู่ในชุดเสื้อคลุมเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เริ่มเดินสำรวจสถานที่ ไล่ไปทีละชั้นเลยทีเดียว บริเวณชั้นสี่เป็นชั้นออกกำลังกาย มีเนื้อที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังกายแบบในฟิตเนสทั่วไป ก้องรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นคนนุ่งผ้าเช็ดตัววิ่งกัน แทนที่จะใส่ชุดกีฬาเหมือนในฟิตเนสทั่วไป ชั้นถัดมาค่อนข้างมืด แบ่งซอยเป็นห้อง ๆ มีคนเดินกันค่อนข้างบางตาเนื่องจากเพิ่งเปิดให้บริการได้เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น ส่วนชั้นหกก็คล้าย ๆ กันแต่มีโซนหนึ่งที่มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย วิทย์อธิบายให้ก้องฟังอย่างผู้มีประสบการณ์ว่าโซนนั้นน่าจะเป็นเขาวงกต เพราะมีการใช้ผนังไม้กั้นซิกแซกไปมาเพื่อให้คนที่เดินเข้าไปรู้สึกตื่นเต้น และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเจอใครบ้างในนั้น เผลอ ๆ อาจเสียเนื้อเสียตัวในนั้นเลยก็ได้
จะลองเข้าไปดูไหมล่ะก้อง
ไม่ล่ะ ขึ้นไปดูชั้นอื่นก่อนดีกว่า ก้องปฏิเสธเพราะยังไม่กล้าเท่าไหร่
บริเวณชั้นเจ็ดค่อนข้างสว่าง มีทั้งห้องอบซาวน่าและห้องอบไอน้ำ ก้องรู้สึกว่าคนจะมาใช้บริการที่ชั้นนี้มากกว่าชั้นอื่น คงเป็นเพราะยังไม่มืด ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งชั้นเป็นชั้นดาดฟ้า มีห้องอบไอน้ำเช่นเดียวกัน และมีอ่างน้ำวนขนาดพอจุคนได้เกือบสิบคนตั้งอยู่อีกด้านหนึ่ง บนชั้นนี้มีค้อฟฟี่ช้อปเล็ก ๆ ให้บริการด้วย พร้อมทั้งมีนิตยสารหลากหลายแนวให้เลือกอ่าน มาถึงตรงนี้ก้องก็เข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง และถามวิทย์ด้วยความสงสัยขณะนั่งพักอยู่บริเวณค้อฟฟี่ช้อป
นึกยังไงถึงมาเที่ยวที่แบบนี้วะ ไหนว่ารักแฟนไง
วิทย์เริ่มทำหน้าเครียด ก่อนจะตอบว่า รักสิ รักมากด้วย ถึงได้ทำแบบนี้ไง ก้องไม่เข้าใจจึงให้วิทย์อธิบาย นายรู้ไหม ช่วงที่เราหายไปน่ะ เพราะเราต้องไปดูแลแฟน รู้สิ ข้อนี้ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้อยู่หรอก ก้องนึกในใจ
ตกลงว่าคืนนั้นเขาก็หาเพื่อนไปเที่ยวจนได้ แต่ขากลับเจอฝนแรงมาก เลยกลับมานอนซมเป็นไข้ เราต้องคอยเช็ดตัวให้อยู่หลายวัน วันนั้นที่ว่าจะไปสัมภาษณ์งานก็เลยไม่ได้ไป แล้วมีอยู่วันหนึ่งเรากำลังจะไปหาเขาก็บอกว่าจะออกไปธุระข้างนอกไม่ต้องมา แต่พอดีเรานึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสมัครงานไว้ที่ห้องเขา ก็เลยต้องรีบไปเอา พอไปถึง ก็เจอ........
ก้องพยักหน้าอย่างเดาเหตุการณ์ต่อไปได้ไม่ยาก อืม...นายก็เลยมาเที่ยวเพื่อประชดแฟนใช่ป่ะ
ใช่ ตลอดเวลาที่คบกันมา เราไม่เคยนอกใจเขาไปยุ่งกับคนอื่นเลยนะโว้ย แต่ทำไมเขาทำกับเราแบบนี้ ชีวิตอย่างพวกเรามันจะหาความจริงใจต่อกันไม่ได้เลยใช่ไหม วิทย์เริ่มตาแดง ๆ เหมือนจะร้องไห้
เอาเถอะ อย่าคิดมากเลย ถือซะว่าอย่างน้อยนายก็ได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้น ต่อไปจะรักใครจะได้ไม่ทุ่มจนหมดใจ ก้องปลอบไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าตนเองนั่นแหละที่จะเป็นสาเหตุให้วิทย์ต้องเจ็บอีกครั้ง