We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: เย็ดเหนือเมฆ (เรื่องยาวที่ไม่ควรพลาด)COPY"
Posted by Bond on 19-Oct-11 at 06:36 PM
ผมงัว เงียลืมตาตื่นขึ้น ผมหลับอยู่ในอ้อมกอดพี่โต้งทั้งคืนแม้ตอนนี้ผมตื่นขึ้นแกก็ยังกอดผมไว้ ผมเลื่อนมือพี่โต้งออกหวังจะลุกขึ้น เช้าแล้วต้องรีบกลับบ้าน แต่ใจไม่อยากไปไหนเลย อยากนอนอยู่อย่างนี้ร่ำไป ไม่ได้สิเดี๋ยวใครมาเห็นใจหนึ่งผมค้าน ใครที่ว่าก็คืออ๊อฟนั่นเอง ผมกลัวยิ่งนักเมื่อนึกเห็นหน้าเขาขึ้นมา ผมกำลังจะเหยียดกายขึ้นแต่พี่โต้งก็รั้งผมไว้
"อย่าเพิ่งลุกเลย,ให้พี่โต้งนอนกอดนานๆหน่อย" แกพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา
"เช้าแล้วครับ เต้ต้องรีบกลับบ้าน"
"น่า น๊ะ นอนต่อเถอะนะครับ" แกลืมตาขึ้นมองผมพูดเสียงอ้อน ผมแพ้อีกแล้ว เสียงอ้อนหวานๆ มีเสน่ห์ของพี่โต้งทำให้ผมไม่อาจจะขืนแกได้ ผมจึงได้แต่ทอดตัวลงนอนตามเดิม แกรั้งผมเข้าแนนชิดก่อนจะจูบที่แก้มผม
"เดี๋ยวบ่ายๆ พี่โต้งจะไปส่งนะ,ตอนนี้ให้พี่โต้งนอนกอดให้ชื่นใจก่อน" ในที่สุดผมก็หลับอยู่ในอ้อมกอดแกอีกครา...

แต่ ไม่นานนักผมสะดุ้งเฮือกจากหลับอันเป็นสุขเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูปังๆ เสียงดัง หัวใจผมวาบสั่นเต้นโครมๆ นั่นไงสิ่งที่ผมกลัว มันใกล้คืบคลานมาถึงแล้ว
"พี่โต้ง ๆ" เสียงอ๊อฟเรียก พลางเคาะประตูปังๆเสียงดัง ผมนอนนิ่งเงียบ ใจกระวนกระวายเหลือกำลัง ฟังเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นๆ เรื่อยๆ จนในที่สุดพี่โต้งก็รู้สึกตัวงัวเงียลงจากเตียงแล้วก้มหยิบผ้าขนหนูขึ้นมา พันรอบเอวปกปิดกายที่เปลือยเปล่ามาทั้งคืน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูออกเพียงเล็กน้อยแล้วใช้ตัวบังช่องนั้นไว้ ผมได้แต่จดจ่อฟังการสนทนาของคนสองคน
"อะไรเล่าอ๊อฟ มาเคาอะไร พี่นอนอยู่นะ" แกพูดเสียงเหนื่อยๆ ทำเหมือนไม่ชอบใจ
"พี่โต้งเห็นเต้ไหม?, เมื่อคืนนี้..." อ๊อฟจบประโยคกลางคัน แล้วพี่โต้งเสริมต่อ
"เมามาก, เอ็งนี่มันแย่จริงๆ ปล่อยให้เพื่อนเมาอยู่ข้างนอก ตัวเองดันมาหลับสบายในบ้าน"
"แล้วเต้ละพี่"
"พี่ ไปส่งแล้วเมื่อคืน, รู้มั้ยพี่ต้องโดนแม่เต้ด่ามาเนี่ย ทำไมถึงให้ลูกเขากินเหล้ากินเบียร์ แล้วอย่างเนี่ยเอ็งจะมองหน้าแม่เขาติดเหรอ เอาลูกเขามาเมามายอย่างนี้" ตายละเราอยู่ในห้องนี้แท้ๆ พี่โต้งพูดไปได้ แม่ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย
"ก็นิดหน่อยเอง"
"ไม่หน่อยเลย, พี่โดนแม่เต้ด่าก็ความผิดเอ็ง, พี่ต้องคาดโทษแกไว้จะไม่บอกพ่อ, เออ...แล้วพ่อกับแม่มายังวะ"
"ยังเลยพี่ ถ้ามาผมก็แย่นะสิยังไม่ได้อาบน้ำชำระตัวเลย กลิ่นยังติดอยู่เลย, งั้นผมไปอาบน้ำนอนต่อดีกว่า,
ขอบใจนะที่ไม่ส่งเต้ให้ผม" อ๊อฟขอบคุณพี่ชายแล้วก็ถอยร่นไป
"เออ... ไม่ต้องมาปลุกอีกนะจะนอน" พี่โต้งพูดจบปิดประตูลงล็อกแล้วหันมายิ้มหวานให้ผม ก่อนจะเดินมามานอนทับตัวผมแล้วพลิกตัวลงข้างๆ สบายอารมณ์
"พี่โต้งโกหกลื่นจัง" ผมหันหน้าเข้าหาแก แล้วพูดออกมาด้วยความโล่งใจที่สิ่งที่ผมคาดคิดว่ามันจะเกิดผ่านไปด้วยดี
"เอ้า ! แล้วจะให้พี่โต้งบอกว่าเต้นอนอยู่กับพี่หรือไง" ผมเห็นแกพูดแบบนั้นจึงอึกอักพูดไม่ออกได้แต่หลุบตาหนีหน้าแก
"พี่โต้งรู้ว่าเต้กับออฟคบกันอยู่, พี่โต้งดูออกน่า"
"พี่โต้งรู้..." ผมคราง
"ครับ,ถ้าพี่โต้งบอกว่าเต้นอนอยู่กับพี่, อ๊อฟมันก็เอาพี่ตายนะสิยิ่งเอาแต่ใจอยู่ไอ้นี่"
"พี่รู้...แล้วทำไมถึง..."
"ก็ พี่โต้งชอบเต้หนิครับ,เดินผ่านกันที่โรงเรียนก็บ่อยพี่ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ" ให้ตายสิทำไมผมไม่เคยเห็นเลย หรือผมไม่ใส่ใจเองคงเพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบสู้หน้าใคร เวลาเดินจะชอบชายตาต่ำๆ มองที่พื้นมากกว่า แต่ไม่ใช่ก้มศีรษะนะ เป็นเพียงการมองลงพื้นในระยะ 45 องศามากกว่า
"นอนต่อเถอะครับ บ่ายๆ ค่อยตื่นกัน, แล้วเรื่องเราสองคนพี่จะบอกอ๊อฟเอง, แต่ต้องคิดก่อนว่าจะบอกยังไง
อ๊อฟยิ่งเป็นคนขี้น้อยใจอยู่ บอกตรงๆ ไป เดี่ยวทำอะไรบ้าๆ เข้า"
"พี่โต้ง..."
"ครับ"
"เต้ว่าเต้บอกเองน่าจะดีกว่า"
"เอา งั้นก็ได้ครับ, นอนเถอะ" พูดจบแกรั้งผมเข้าไปกอด ลูบศีรษะผมเล่นไปมาและในที่สุดแกก็หลับไป ปล่อยให้ผมใช้ความคิดว่าจะบอกยังไงดี จนในที่สุดผมก็ตกลงกับตัวเองได้ว่า ไม่บอกเห็นจะดีกว่า ทำไมนะเหรอ คงเพราะผมก็ยังชอบออฟอยู่ไม่อยากจะเสียเขาไป ทั้งที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานแบบนี้ ตราบใดที่ผมจะเก็บความลับไว้ได้นานเท่าใด ตราบนั้นผมก็จะปล่อยเหตุการณ์ให้ดำเนินไปตามปรกติของมัน ให้ผมเลือกตอนนี้ไม่ได้หรอกว่าจะอยู่กับใครพี่โต้งหรืออ๊อฟ ในที่สุดผมก็หลับ
ตามพี่โต้งไป...

14.23 นาฬิกา เวลาจากเรือนนาฬิกาที่แขวนอยู่ติดผนังห้องบอกเวลาเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยการปลุกของพี่โต้งแกจูบลงที่หน้าผากผมแล้วบอกให้ไปอาบน้ำกัน ผมบอกให้แกไปอาบก่อนแล้วผมจะอาบทีหลัง แต่แกไม่ยอมบอกให้ไปอาบพร้อมกัน ผมขัดขืนแต่ก็ไร้ผลเมื่อแกชอนอุ้มกายผมที่เปลือยเปล่าขึ้นตรงดิ่งเข้าไปใน ห้องน้ำ แล้วค่อยๆ วางผมลงยืน แกเปิดฝักบัวปล่อยน้ำออกมาอาบกายเราทั้งสองคน น้ำเย็นๆ ไหลอาบกายลงไปถึงร่องตูดผม มันรู้สึกแสบๆ เมื่อโดนน้ำ ยิ่งขมิบก็ยิ่งแสบ
"โอ้ย...แสบ" ผมผลั้งปาก
"ครั้งแรกก็แบบนี้ละครับ" แกพูดออกมา
"พี่ โต้งรู้ดีจัง, เหมือน..." ผมไม่อยากจะพูดต่อเลยว่าผมไม่ใช่คนแรกของแก แต่ก็คงจะเช่นนั้นเพราะบทรักอันเร่าร้อนเมื่อคืนนี้ก็คงจะบอกผมได้เป็นอย่าง ดี ว่าแกช่องชำนาญเพียงใด
"พี่สารภาพนะว่าเต้ไม่ใช่คนแรกของพี่โต้ง" นั่นไงละดังที่ผมคาดไว้ไม่ผิด พี่โต้งเอื้อมมือมาตะปบที่ก้นผมแล้วขยำ
"อย่าสิพี่โต้ง...เต้แสบนะ" ผมปัดมือแก
"ต้องให้พี่เอาบ่อยๆ แล้วจะหาย, มา...ว่าแล้วก็เอาตอนนี้เลยละกัน"
"พี่ โต้งก็..." ผมพูดไม่จบแกก็ประกบปากลงมาบดจูบขยี้ปากผมเร่าร้อน หัวใจผมเริ่มเต้นระส่ำ เผยอปากรับสัมผัสนั้น กายผมดังจะหมดเรี่ยวแรงระทวยลงไปตรงนั้นกับบทสวาทที่เร่าร้อน ผมครางในลำคอ สองมือโอบคอแกไว้มั่น ยื้อตัวขึ้นยืนด้วยปลายเท้ารั้งตัวให้แบบชิดกัน พี่โต้งรั้งตัวผมรัดแน่น ก่อนจะเลื่อนไล้ปากลงมาซุกซอนที่ต้นคอไล้ลงไปขบกัดนมผมสุดปรารถนาที่ผมชอบ ยิ่งนัก ผมครางแข่งกับสายน้ำที่สาดซัดออกมาจากฝักบัว แกจับผมหันหลังบอกให้ก้มตัวกางขางออก แล้วแกก็ค่อยๆ ยัดควยที่แข็งใหญ่เข้ามาในรูตูดผม อาว์...เริ่มแล้วปรารถนาที่เฝ้ารอ พี่โต้งสาดซัดบทกามเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงครางของผมระงมแข่งกับเสียงน้ำซู่ซ่า เนิ่นนานที่กามสวาทก่อตัวแผดเผาเราภายในห้องน้ำเล็กๆ นั้น ความรุ่มร้อนที่แม้สายน้ำก็ไม่อาจจะดับมันลงได้ ห้องน้ำเล็กๆ บัดนี้ได้กลายเป็นที่เริงสวาทใคร่ของเราสองคน อาว์....ความสุขที่ปรารถนาไม่อยากจะให้จบสิ้นลงแม้แต่วินาทีเดียว...

********************************************


หลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จก็ออกจากห้อง พี่โต้งเดินโอบไหล่ผมลงมา ผมรู้สึกอายยิ่งนักเมื่อลงมาเห็นแม่พี่โต้งนั่งมองอยู่ ผมก็แต่ยิ้มเฝื่อนรับเมื่อแม่พี่โต้งยิ้มมา
"หิวจังเลย...แม่มีอะไรกิน ป๊ะ" พี่โต้งพูดกับแม่ เมื่อได้คำตอบว่าไม่มีอะไรเลย ก็ด้วยความที่เมื่อคืนนี้พ่อกับแม่พี่โต้งไปนอนที่บ้านยายกัน ผมยกมือไหว้ลาแม่พี่โต้งก่อนออกไปด้วยกันกับพี่โต้ง ทีแรกนึกว่าพี่โต้งจะพาผมกลับบ้านเสียทีเดียว แต่นี้แกกลับเลี้ยวรถไปทางตัวอำเภอเข้าตลาดไปซื้อของกัน มีอยู่ร้านหนึ่งที่ผมอายสุดๆ คือไปซื้อกางเกงใน แกถามขึ้นมาโดยไม่สนคนขายเลยว่าผมใส่ยี่ห้ออะไร ผมกระตุกกระตักตอบพี่โต้ง มองหน้าคนขายที่ยิ้มให้ผม เมื่อพี่โต้งหยิบขนาดที่ผมใส่อันนี้พี่แกไม่ถามสงสัยจะรู้เมื่อคืนนี้ว่า size ไหน ผมรีบพาพี่โต้งเดินออกมาจากนั้นโดยเร็ว จากนั้นเราก็ไปหาข้าวกินกัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 6 โมงเย็นเกือบจะค่ำ แกอยู่คุยกับพ่อแม่ผมนานจนล่วงเวลาทานข้าวเย็นแกก็อยู่ทานด้วย กว่าแกจะลาพ่อกับแม่ผมกลับไปก็ 3ทุ่มได้ ผมเดินออกมาส่งแกที่หน้าบ้าน มองแกขับรถออกไปจนสุดสายตา แล้วหันตัวจะเดินเข้าบ้านแต่ก็ต้องหยุดเท้าลงเมื่อมีเสียงเรียกชื่อผมมาด้าน หลัง
"ไงเต้...กลับซะค่ำเลยนะ" เสียงตุ้งเพื่อนผมทักมา ผมแปลกใจทำไมมันมาดึกๆ แต่ก็ดีใจที่เห็นมัน ผมมีเรื่องจะพูดกับมันเยอะแยะเลย และก็อยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวานที่ผมไม่ไปน้ำตกกับมัน
"เอ้า...มาทำไมดึกๆ ตุ้ง"
"ก็มาดูคุณนั่นแหละครับ,มาไม่ได้เหรอไง,งั้นผมกลับก็ได้" มันหันหลังกลับ ผมรีบทักไว้
"น้อยใจไปได้"
"มันน่าน้อยใจมั้ยละ เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน"
"เออ...ผมขอโทษคุณละกัน" ผมแกล้งพูดสำนวนของตุ้ง "คืนนี้มานอนกับกูนะมีเรื่องจะคุยด้วย"
"ทีงี้ละเห็นหัวเลยนะ"
"แล้วจะนอนมั้ยละ" ผมย้ำ
"ก็ ได้,งั้นผมไปบอกพ่อก่อน เอางี้แล้วกันคุณไปกับผมด้วยแล้วกัน" ไม่พูดเปล่าตุ้งฉุดมือผมตามไปขึ้นขี่รถมอ'ไซต์ออกไป ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลยเมื่อกี้หรือมันมานานแล้วแต่ไม่เข้าบ้าน

ผม ขึ้นบ้านเข้าห้องนอนไปพร้อมกับตุ้งหลังจากที่กลับจากบ้านมันแล้ว ผมเปิดไฟในห้องแล้วทิ้งตัวลบบนเตียงแล้วถอนหายใจแรงๆ ทอดยาว เฮ้อ.... ตุ้งเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม มันจ้องมองผมตาไม่กระพริบ จนผมท้วงมันว่าจะมองอะไรนักหนา อยู่ดีๆ มันก็ก้มหน้าลงมาแทบชิดหน้าผม จนผมท้วงว่าจะทำอะไร แต่มันก็บอกให้ผมอยู่เลยๆ มันเอามือเปิดคอเสื้อเชิ้ตผม
(เสื้อพี่โต้ง ซึ่งทั้งกางเกงก็ของพี่แก ส่วนเสื้อผ้าผมทุกชิ้นทิ้งอยู่ในห้องแก) แล้วมันก็อุทานออกมา ทำเสียผมตกใจ
"อะไรตุ้ง" ผมเด้งตัวลุกขึ้น
"ทำ อะไรมาละ,ก็ดูเอาเองสิ" ตุ้งบุ้ยหน้าไปทางกระตกตรงตู้เสื้อผ้า ผมรีบลุกเดินไปดูผลี่คอเสื้อเปิดดูก็เห็นรอยจ้ำๆ สีคล้ำ มันทำให้ผมตกใจ ผมคิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ตายแล้วสิ บทรักสวาทพี่โต้งมันติดตัวผมมาด้วย ผมรีบแกะกระดุมเสื้อออกเปิดอกก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยจ้ำๆ อีกหลายที่แถบหัวนมทั้งสองข้าง ผมเดินมาทางตุ้งนั่งลงข้างๆ แล้วบอกให้ดู
"จะทำไงดีละ,เพื่อนที่โรงเรียนเห็นคงล้อแน่เลย"
"ก็ทำตัวเอง" มันตอกย้ำการกระทำของผมด้วยคำพูดเนิบๆ
"ไอ้บ้า ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไง" ผมค้อนมันแล้วพูดต่อ
"ที่อกไม่เท่าไรหรอกเสื้อนักเรียนมันปิดแต่ที่คอนี่สิ, ทำไงดีวะตุ้งช่วยกูหน่อยสิ กูไม่อยากให้ใครเห็นโดยเฉพาะ..." ผมหยุดไม่กล่าวต่อ
"พ่อกับแม่คุณนะเหรอ"
"ก็ใช่แต่อีกคนนะ..., อ๊อฟนะ" ผมตอบเสียงแผ่วเบา
"ห๊าาา" ตุ้งอุทาน เบิกตาทำหนาตกใจ งวยงง สงสัยมันคิดว่ารอยรักนี่เป็นของอ๊อฟที่ฝากไว้ให้ผม แต่มันใช่ซะที่ไหนละ
"ทำไมคุณต้องกลัว, ก็คุณกับมัน..." มันไม่พูดคำต่อไปสงสัยจะระคายปาก
"ก็ นี่แหละที่กูให้คุณมานอนด้วย, กูจะเล่าให้คุณฟัง" แล้วผมก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้มันฟัง ผมสังเกตดูสีหน้ามันที่ทำหน้าเหลือเชื่อ คงไม่คาดคิดว่าผมจะง่ายเสียขนาดนี้ ให้ตายสิ...จะทำได้ไงละก็พี่โต้งมีเสน่ห์ออกขนาดนั้น
"กูคิดว่าจะยังไม่บอกอ๊อฟหรอก, ก็ยังชอบเขาอยู่นะถึงจะมีอะไรกับพี่โต้งแล้วก็เถอะ"
"แล้วคุณชอบพี่โต้งมั้ย?"
"ชอบสิ" ผมตอบฉับพลัน
"เออ..งั้นแล้วแต่คุณจะทำยังไง" มันสรุปจบ แล้วเอนตัวลงบนเตียงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
"อือ...เรื่องนั้นไว้ก่อนแต่เรื่องรอยที่คอกูนี่สิจะทำไง"
"เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปซื้อพาสเตอร์แก้ปวดมาให้ คุณก็ทำเป็นติดที่ขมับอันทำเป็นปวดหัว
อีกอันก็ปิดคอกลับรอยก็เสร็จแล้ว"
"เออ...ความคิดดี, ขอบใจคุณวะตุ้ง"
"ช่าง มันเถอะ, ตอนนี้นอนเถอะกูง่วง" มันตัดบทแล้วดันตัวขึ้นไปให้หัวถึงหมอนแล้วหลับตาลงสนิท ผมลุกไปปิดไฟ ด้วยความโล่งใจที่มีวิธีแก้ปัญหา แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ตุ้ง ผมนอนคิดถึงพี่โต้งกระวนกระวาย ยิ่งคิดก็ยิ่งรุ่มร้อนใจคิดถึงบทสวาทที่แกมอบให้ ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ดิ้นกระสับกระส่วยไปมา มองดูตุ้งก็หลับนิ่งไปนานแล้วผมจึงพยายามข่มตาหลับเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มหลับนั้นตุ้งอยู่ดีๆ ก็พาดมือมากอดผม ผมมองไปทางมัน แสงจันทร์ที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างกระทบตรงหน้าตุ้งลางๆ ทำให้ผมเห็นว่ามีน้ำไหลลื่นออกจากดวงตามัน
สองข้าง แล้วมันก็กอดผมแน่นขึ้นๆ จนผมตกใจ ผมเรียกชื่อตุ้งเบาๆ เพื่อให้รู้สึกตัวแต่ก็ไม่มีผลอะไร จนต้องเขย่าตัวมันแรงๆ พลางตบไปที่ต้นแขนมัน
"ตุ้ง...ตื่นๆ เป็นอะไรไป" ตุ้งดึงมือจากตัวผมกลับไปรวดเร็ว แล้วลุกขึ้น นั่งเอามือปาดน้ำตาทิ้งไป
"ร้องไห้ทำไมตุ้ง, เป็นอะไรเปลา" ผมถามด้วยความห่วงใยเพื่อน ค่อย ๆ กลับสติให้ใจสงบจากอาการตกใจเมื่อกี้
"ฝันร้ายนะ" ตุ้งเอ่ยออกมา
"ฝันอะไรจนต้องร้องไห้, กูกลัวเลยเมื่อกี้ตกใจหมด"
"อือไม่มีอะไรหรอก, ฝันว่ามีคนมาแย่งเอาของรักไปนะ"
"สงสัยของสิ่งนี้จะรักมากละสิถึงได้ร้องให้ออกมาด้วย"
"ก็คงงั้น" ตุ้งตอบสั้นๆ
"เล่า ให้ฟังหน่อยสิ" ผมรบเร้าให้ตุ้งเล่าความฝันให้ฟัง ทั้งที่จริงก็อยากรู้นั่นแหละว่าของรักนะคืออะไร แต่ตุ้งก็ปฏิเสธบอกให้นอนต่อ ตุ้งเอนตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ผม ค่อยถามพรุ่งนี้ก็ได้ ผมคิดแล้วจึงหลับตานอนตามไปอีกคน...

เวลาล่วง มาสองปี ผมขึ้น ม. 2 ตอนนี้ก็ช่วงเทอม 2 ฤดูหนาวของเดือนตุลาคม ช่วงพักเที่ยงของวันฟฤหัสฯ ผมนั่งเล่นคุยกันอยู่กับอ๊อฟกลับตุ้งต่างๆ นาๆ ส่วนมากผมกับอ๊อฟจะคุยกันมากกว่า ส่วนตุ้งจะนั่งฟังมากกว่า บ่อยครั้งที่ตุ้งจะเดินหนีออกไป แต่ผมก็อ้อนวอนด้วยสายตาให้ตุ้งอยู่ด้วยไม่รู้สิผมไม่อยากให้ตุ้งไปไหน อยากให้อยู่เป็นเพื่อนผมตรงนี้มากกว่า ผมไม่เคยคิดว่าจะเป็นกอ ขอ คอ อะไร เหมือนคู่รักอื่นๆ เขา ผมอยากให้ตุ้งอยู่กับผมรับฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับผม ช่วงหลังๆ มานี่ตุ้งจะเงียบๆ ถึงจะอยู่กับผมสองคนก็ไม่ค่อยคุยเหมือนดังเก่า ผมถามว่าเป็นอะไรมั้ย
ก็ ปฏิเสธไม่เป็นอะไร สักพักพี่โต้งก็เดินมานั่งสมทบ ซึ่งจากคืนนั้นมาเวลาอยู่ที่โรงเรียนแกก็จะหาเวลามาคุยกับผมบ่อยๆ หรือช่วงไหนคาบเรียนอิสระของผม พี่แกก็จะโดดเรียนคาบของแกหลบเข้าห้องสมุดไปนั่งคุยกับผม วันนี้แกใส่ชุด รด. รัดกายแน่นเผยให้เห็นอกกำยำ ต้นขาที่รัดแน่นชวนให้หลงไหล ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก ส่วนพวกผม อ๊อฟ และตุ้งก็อยู่ในชุดลูกเสือ ซึ่งผมรู้สึกอึดอัดเหลือเกินกับชุดนี้ ให้ตายสิไม่ชอบใส่เลย แกกลบเกลื่อนความจริงระหว่างผมกับแกได้เนียนมาก อ๊อฟไม่รู้สึกเอ่ะใจอะไรเลย มีแต่ตุ้งเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เรานั่งคุยกันจนเสียงออดดังเป็นสัญญาณขึ้นเรียน จึงต่างแยกย้ายกันไป ผมรอเวลานึดนึงให้อ๊อฟเดินขึ้นไปก่อน แน่ละตุ้งเป็นคนพาเขาไป ด้วยความที่รู้ว่าผมต้องมีอะไรคุยกับพี่โต้งต่อ
"เต้...วันนี้พี่โต้งไปส่งที่บ้านนะครับ"
"ครับ... ผมรอหน้าโรงเรียนประตูทางเข้านะ" ผมตอบรับแล้วบอกสถานที่รอ พี่โต้งขับรถไปส่งผมบ่อยๆ หลังจากคืนนั้นมาส่วนอ๊อฟนะเหรอ หลังจากวันที่พี่โต้งพูดดักไว้ว่าโดนแม่ด่าเรื่องพาผมไปเมา ก็ไม่กล้าไปส่งผมที่บ้านอีกเลย ช่างเป็นแผนที่แยบยลเสียจริง บางทีพี่โต้งก็จะถือโอกาสนอนที่บ้านผมด้วยบางครั้งที่มาส่งผม ซึ่งแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร จนพี่โต้งสนิทกับพ่อกับแม่ผมแล้ว เหตุที่ค้างนั่นนะเหรอ หึๆ ก็คงไม่พ้นเรื่องรักบทสวาทใคร่ที่พี่แกต้องการไม่ต่างจากผม เรื่องของผม
กับ พี่โต้งผมไม่รู้ว่าแม่กับพ่อผมรู้หรือเปล่า แต่เวลาที่แกมาที่บ้านผม พ่อกับแม่ผมชอบพูดเสมอว่า อย่าทิ้งน้องนะ รักกันนานๆผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงพูดเช่นนั้น พี่โต้งก็ตอบรับให้คำมั่นสัญญาเป็นอย่างดี ผมมารู้ทีหลังว่า แม่ผมมาเห็นผมกับพี่โต้งกำลังระเริงรักกันอยู่ (ลืมล็อกประตูห้องนอน) ตอนแรกแม่แกเสียใจร้องให้ จนไปปรึกษากับพ่อเรื่องของผม โชคช่างเข้าข้างผมเสียจริงเมื่อผู้เป็นหัวเรือใหญ่อย่างพ่อผมรับสภาพนี้ได้ แต่แกก็ทำใจอยู่นานเหมือนกัน...

ผมยืนรอพี่โต้งที่หน้าประตูโรงเรียน ด้านเข้า รถวิ่งมาจอดตรงหน้าผม แต่รถคันนี้เป็นของตุ้ง มันบอกให้ผมขึ้นรถ แต่ผมก็ปฏิเสธไป บอกว่าพี่โต้งจะไปส่ง แต่ตุ้งก็ขอร้องอ้อนวอนให้ผมไปด้วยให้ได้
"เออ...ก็ได้, งั้นรอบอกพี่โต้งก่อนแล้วกัน" ผมตอบรับแต่ก็ยังยืนรอพี่โต้งต่อไป ตุ้งเลี้ยวรถกลับเข้าไปในโรงเรียนสักพักก็กลับออกมาแล้วบอกผมว่า พี่โต้งรู้แล้ว ผมจึงยินยอมขึ้นรถไปกับตุ้ง ตุ้งออกตัวรถแรงมากและขับไปเร็วเหมือนคลั่งอะไรมา จนผมต้องเอามือกอดเอวตุ้งไว้ รถมาจอดที่หน้าบ้านผม ผมลงจากรถแล้วตะคอกใส่หน้าตุ้งด้วยความโกรธ
"เป็นบ้าอะไรวะขับรถอย่างนี้ " แล้วเดินเข้าบ้านไปตุ้งเดินตามผมมาเข้าไปในห้องนอน ตุ้งปิดล็อกลูกบิดประตู แล้วยืนพิงประตูผมโยนกระเป๋าไปบนเตียงนอน แล้วปล่อยตัวเองตามลงไป รู้สึกหงุดหงิด และโกรธตุ้งด้วยที่ทำอย่างนี้ ผมพลิกตัวนอนหงายหน้าขึ้นมองดูตุ้งที่ยืนพิงประตูอย่างด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
"มีอะไรก็พูดมาสิ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ผมขอโทษที่ทำให้โกรธ, แต่ผมอยากจะคุยกับคุณให้รู้เรื่องวันนี้เลย, ผมอึดอัดมานานแล้ว"
"ก็ ว่ามาสิ" ตุ้งนิ่งอยู่นานก่อนจะเดินมาแล้วโน้มตัวลงมาทับตัวผม สองมือตุ้งกดทับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้าง ตุ้งมองตาผมอยู่นานแล้วก้มหน้าลงมาใกล้เรื่อยๆ จนลมหายใจอุ่นๆของตุ้งสัมผัสเข้าที่หน้าผม ตุ้งประกบปากลงมาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากผมแล้วเงยหน้าขึ้นมองตาผม ตุ้งเห็นผมนิ่งไม่ขัดขืนจึงก้มลงจูบอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานหนักหน่วง ใจผมเต้นเร่าๆ เผยอปากรับสัมผัสนั้นอย่างไม่อิดเอียน แปลกเหลือเกินทำไมผมไม่ขัดขืนการกระทำของตุ้งเลย ใจผมมันกลับยินยอมให้ตุ้งกระทำได้ชอบใจ ตุ้งตวัดลิ้นแยงเข้ามาในปาก ผมดูดซับไออุ่นนั้น
"ตุ้งรักเต้นะ...รักมานานแล้ว" ตุ้งกระซิบแผ่วที่ข้างหูผม ก่อนระเรงจูบซุกไซ้ไปตามลำคอผม มือเขาค่อยๆ ปลดกระตุมเสื้อลูกเสือผมออกแล้วลากจูบลงไปพรมบนหัวนมผม อาว์...ช่างดีเหลือเกิน ผมแอ่นอกขึ้นสนองรับสัมผัสจูบนั้น ตุ้งลากลิ้นวนเวียนตรงปลายหัวถันแล้วเลื่อนต่ำลงไปจูบสัมผัสตรงสะดือผม มือเขาแกะเข็มขัดออกแล้วรั้งกางเกงผมออกไปจากกายผม เขาเลื่อนปากต่ำลงไปใช้ลิ้นระเริงเล่นตรงดงหมอยจนมันเปียกชุ่มแล้วลากต่ำไป ดูดอมรวงไข่ มือรูดควยผมจนมันแข็งตัวตื่นเต็มที่ อาว์...แบบนั้น
ละตุ้ง...ผมยกขากางออกเมื่อตุ้งลากลิ้นแยงตวัดตรงรูก้นผม
"อืม...." ผมคราง ตุ้งตวัดลิ้นวนเลียร่องตูดผม สูดดมเสียงดัง ยิ่งทำให้ใจผมเร่าร้อนกระสันอยากเป็นทวี ตุ้งปลดเข็มขัดแล้วดึงกางเกงตัวเองลงกองที่พื้น แล้วจับควยตัวเองมาจ่อที่รูตูดผมแล้วค่อยๆ ยัดเข้าไป ช้าๆ ช้าๆ จนสุดโคน เสียงครางของตุ้งที่เล็ดลอดออกจากปากที่ขบเม้ม ผมพยายามขยับก้นบอกให้รู้ว่า ทำสักทีเถอะ ต้องการมากแล้ว ตุ้งค่อยๆ เริ่มจังหวะกระเด้าเหมือนพึ่งฝึกงานแล้วค่อยๆ เข้าที่รู้จังหวะ ตุ้งกระเด้าสอยเข้ามาถี่ๆ ร้องเสียงครางดังกว่าผมเสียอีก ตุ้งก้มตัวลงมาจูบผมบั้นท้ายก็ส่งแรงกระเด้าปับๆ เข้ามาตลอด ผมครางอือๆ ออกจากปากที่ประกบแลกลิ้นกันพัลวันนั้น สองมือโอบกอดแผ่นหลังตุ้งไว้มั่นแล้วเลื่อนมันไปขยำก้นตุ้งบีบแน่นตามจังหวะ กระเด้านั้น ตุ้งเลื่อนปากลงมาขบกัดที่หัวผมดูดด่ำ ตวัดลิ้นวนเลียรอบถันนั้น เขากระเด้าถี่ขึ้นปับๆ เร็วขึ้น ก่อนที่ควยเขาจะกระตุกฉีดน้ำเข้าไปในรูตูดผม เขากัดหัวนมผมแน่นจนผมรู้สึกเจ็บ ต้องแผ่นอกขึ้นรับสนองสัมผัสนั้น ผมรูดควยตัวเองตามสักพักน้ำควยผมก็ฉีดพุ่งเปรอะตามเสื้อลูกเสียสีกากีเข้ม ของตุ้งนั้น
ตุ้งครางซีส ๆ หอบหายใจแรงๆ แล้วฟุบหน้าลงบนอกผม รำพันว่ารักผม รักเต้ รักมาตลอด ... ผมรู้สึกว่าอกผมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของตุ้ง เขาร้องไห้ หรือนี่ เมื่อไฟกามดับมอดลง ทุกอย่างกลับคืนสู่ปรกติสภาพ ผมจับตุ้งพลิกออกจากตัวผมให้นอนข้างๆ
"เต้...ตุ้งรักเต้นะ เราทนมานานกับความเจ็บปวดเมื่อเห็นตุ้งอยู่กับคนอื่น มันเจ็บมาก เจ็บที่ใจ
จนตุ้งไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว ตุ้งขอโทษนะที่ทำกับเต้แบบนี้ แต่ตุ้งห้ามใจตัวเองไม่ไหว
มัน อัดอั้นมานาน, เต้...ตุ้งรักเต้นะ รักมากด้วย จนไม่อยากจะเสียเต้ไปให้ใคร" ตุ้งพูดยาวเหยียดบรรยายความรู้สึกตัวเองที่มีต่อผม เขาร้องไห้ไม่หยุด เอื้อมมือมากอดผมแล้วซุกหน้าร้องไห้
"เต้รักเราได้ไหม?"
"ตุ้ง...เราเป็นเพื่อนกันนะ" ในที่สุดผมก็พูดออกมาหลังปล่อยให้ตุ้งพูดอยู่นาน
"แต่ตุ้งไม่อยากเป็นเพื่อนแล้ว, ตุ้งรักเต้มากกว่าเพื่อนนะ รักแบบคนรัก"
"เราเป็นแบบนั้นกันไม่ได้หรอก"
"แล้ว เมื่อกี้เต้ทำไมยอมให้ตุ้งเอาละหรือก็แค่แก้ความอยาก..." ผมไม่รอให้ตุ้งพูดพบ ผมดีดตัวขึ้นนั่ง มองตุ้งด้วยความโกรธ ทำไมถึงพูดอย่างนี้นะ แก้อยาก งั้นหรือ
"ใช่, ก็แค่ก็อยาก, กลับไปเลยนะไม่ต้องมาคบกันอีก อย่ามาเรียกเราว่าเพื่อนอีก" ผมพลั้งปากพูดด้วยความโกรธ
"เต้..."
"ไปสิ...ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก ทำเป็นไม่รู้จักกันเลยยิ่งดี"
"ตุ้งขอโทษ" ตุ้งเอ่ยเสียงสลด
"ไม่ ต้องมาขอโทษ, เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว นับแต่นี้ไปเราไม่รู้จักกัน" ตุ้งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่หยุด ตุ้งโผเข้าสวมกอดผมแน่นซบหน้าที่เอ่อด้วยน้ำตาลงบนอกผม พร่ำพูดขอโทษที่พูดแบบนั้น ผมพลักไสตุ้งออกจากตัวไล่เขาให้ไปด้วยอารมณ์ที่โกรธ
"ไปนะ ไปเลย" ผมพูดทั้งร้องไห้พลางพลักไสเขาให้พ้นตัว
"เต้...เราขอโทษ, ให้อภัยเรานะ"
"ไม่ ! อภัยอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น ออกไป...คุณไม่ใช่เพื่อนผม เราไม่รู้จักกันอีกแล้ว" ตุ้งคลายกอดจากผม มองผมทั้งน้ำตา ดวงหน้าเขายิ่งเศร้าลงไปอีก เขาครางแผ่วเบาออกมา
"คุณ..." ก่อนจะกลืนน้ำตาลงคอ ตุ้งค่อยเหยียดกายลงจากเตียง เขาก้มเก็บกางเกงแล้วสวมมันเข้า ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป
"ถ้าเต้...ไม่สิ..." เขาหยุดกลืนก้อนสะอื้นลงคงแล้วพูดต่อ
"ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น...ผมก็จะไม่มายุ่งกับคุณอีก" ตุ้งเน้นคำว่า "ผม" และ "คุณ" ชัดเจน
"เรื่อง วันนี้ผมขอโทษแล้วกัน, แล้วมันจะไม่เกิดขึ้นอีก...ลาก่อน...." ตุ้งเปิดประตูจากไป เหลือแต่ผมที่อยู่ในห้องเงียบงันนี้คนเดียวต่อไป ตุ้งจากไปแล้ว น้ำตาผมปรี่ออกมาเหมือนเขื่อนแตก ล้มตัวลงนอนร้องไห้ซุกหมอนปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง สมองมืดมนสับสน มันมืดไปเสียทุกอย่าง ยิ่งคิดยิ่งปวดมันปวดเจ็บไปถึงหัวใจ
บ้าเอ้ย !! ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้
ทำไม ทำไม ?
ลาก่อน อย่างนั้นหรือ...
ช่างเขาสิ จะไปก็ไป เชิญเลย ไม่มีนายฉันก็อยู่ได้...
อย่างนั้นหรือ...จะอยู่ได้จริงหรือ...
ความคิดผมสับสนไปหมด ความโกรธความเสียใจมันปะทุเข้ามาบีบอัดหัวใจให้เจ็บปวด ผมพยายามกลั้นร้องไห้...แต่ยิ่งห้าม
น้ำตา ก็ยิ่งไหลทะลักออกมา ทำไม ? มันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยนะ ทำไม ? ผมปล่อยตัวเองนอนร้องไห้ปล่อยใจให้จมไปกับความเจ็บปวดผิดหวังเนิ่นนาน แล้วพล่อยหลับไปในที่สุด...

********************************************

ความลับ...ไม่มีในโลก
ตั้งแต่ วันนั้นมาตุ้งไม่เคยมาหาผมที่บ้าน ไม่มาเรียกเมื่อจะไปโรงเรียนหรือไปไหน ไม่มาคุยกัน ไม่มาเดินข้างๆทุกอย่างดูเปลี่ยนไปหมดเวลาที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ กาย ชีวิตมันเหมือนขาดอะไร มีปัญหาก็ไม่รู้จะหันหน้าเข้าหาใคร บางครั้งก็รู้สึกเหงาๆ ไม่คุ้ยเหลือเกินกับการที่เป็นเช่นนี้ อยากให้ตุ้งกลับมาเหลือเกิน...แต่ด้วยทิฏฐิไงละ ที่เป็นตัวนำทางมันบังคับให้เราหยิ่งผยอง แม้ผมจะรู้ว่าตุ้งก็อยากจะกลับมาหาผมเช่นกัน สายตาที่เขามองมามันอ้อนวอน อยากจะขอโทษ อยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่ดูเหมือนเขาก็ยับยั้งใจตัวเองไว้เช่นกัน คงจะทิฏฐิอีกสินะที่ทำให้คนเราไม่ยอมทำตามใจตัวเอง...

สองสัปดาห์ ล่วงเลยถึงเวลาที่นักเรียนมัธยมต้นทุกระดับชั้นต้องทำภาระกิจลูกเสือเนตร นารี เป็นเวลาที่นักเรียนทุกคนต้องมาค้างแรมที่โรงเรียน ด้วยการกางเต้นท์ขึงรอบๆ สนามฟุตบอลที่ตรงกลางสนามได้ก่อกองฝืนไว้กองใหญ่ เพื่อจะจุดมันแทนไฟฟ้าเมื่อยามค่ำคืน วันแรกของกิจกรรม ลูกเสือเนตรนารีทุกคนต่างมาชุมนุมกันพร้อมหน้าที่สนามฟุตบอลในช่วงเช้าตรู่ 6 นาฬิกา มีพี่ แยกตั้งแถวกันตามกลุ่ม ในกลุ่มผมนั้นมีด้วยกัน 8 คน ก็มีผม ตุ้ง อ๊อฟ ดี้ โม ด้วง เตื๋อย และออยที่เป็นเพื่อนร่วมห้องเพียงคนเดียวของผม ทุกคนก็สนิทกันดีในระดับหนึ่ง สามารถคุยล้อหนักๆ กันได้ ผมมาต่อแถวหลังสุดเพื่อนเนื่องจากเป็นรองหัวหน้ากลุ่ม ในกลุ่มผมมีอ๊อฟเป็นหัวหน้า เขาจึงอยู่หน้าแถว ผมดูเพื่อนๆ ในกลุ่มดูเหมือน
จะ ขาดไปคนหนึ่ง แล้วใครละ "ตุ้ง" นั่นเอง ทำไมยังไม่มานะ ผมแลซ้ายมองขวากระวนกระวายใจ ถ้าตุ้งไม่มาคงต้องไม่ผ่านลูกเสือเป็นแน่ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นที่มาไม่ได้ สักพักผมมองเห็นตุ้งวิ่งสพายกระเป๋ามา ผมยิ้มออกมาโล่งอก เขาวิ่งมาถึงแถวหยุดพักเหนื่อย แล้วตุ้งก็แทรกตัวเข้าแถว มันควรจะเป็นที่ใกล้ผมสิ ทำไมเขาเลือกที่จะไปอยู่ต้นแถวละ ผมรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ช่างเขาปะไร จะอยู่ตรงไหนก็เรื่องของเขาแล้วหนิ ไม่เห็นเกี่ยวกับเราซะหน่อย จะสนใจทำไม ผมยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา
เข้าไปใหญ่บางทีอาจจะขัดใจเลยก็เป็นได้ เมื่อนักเรียนหญิงกลุ่มนึง 4 คน เดินถือถุงขนมถุงใหญ่มา พวกเขาเป็นรุ่นพี่ ม.3มาหยุดอยู่ที่หน้าแถวสนทนาอยู่กับตุ้ง
"ตุ้งเราเอาขนมมาให้, เอาไว้กินตอนเดินทาง"
"โห...ขอบคุณครับ เยอะเลยให้หมดเลยเหรอ?" ตุ้งถามพลางรับถุงขนมมา ก่อนจะเปิดกระเป๋าใส่ถุงขนมเข้าไป
"อือ...ให้หมดเลย"
"อยากได้ไรเปล่าหนิ เอาขนมมาให้" เขาปิดซิบกระเป๋าแล้วสะพายกลับหลังตามเดิม
"ได้ก็ดีสิ"
"หือ...อะไรละ"
"ก็ หัวใจตุ้งไง" เพื่อนๆในกลุ่มฮิ้วขึ้นเมื่อนักเรียนหญิงคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ชิ...หัวใจ อยากได้หัวใจ ผมตั้งใจฟังคำตอบตุ้งเขาจะว่าไง
"โอ้ย...ให้ทั้งตัวเลยยัง งี้" แล้วเขาก็หัวเราะออกมา เพื่อนๆ ในกลุ่มก็ยิ่งแซวกันเสียงใดสนุกสนาน ให้ทั้งตัวงั้นเหรอ ช่างกล้าพูด ไม่อาย ก็ให้ไปซะสิ ให้ตอนนี้เลยยิ่งดี ผมฝืนทนฟังพวกเขาคุยกันได้สักพัก ก็อดรนทนไม่ไหวหาวิธีให้พวกนักเรียนหญิงกลุ่มนี้กลับไปเข้าแถวตัวเองซะที และในที่สุดตัวช่วยผมก็มา
"พี่ๆ ครับ อาจารย์คุมมาแล้ว ไปเข้าแถวสิครับ" ผมพูดเสียงดังแทบจะเป็นตะโกนอยู่แล้ว เนตรนารีมองซ้ายแลขวารอบๆตัว แล้วพวกก็ร่ำลาเดินจากไป เออ..ไปซะได้ก็ดี เบื่อนานแล้วคุยกันอยู่ได้ ไร้สาระ ผมรำพันเบ้ปากเล็กน้อย

อาจารย์ ควบคุมท่านหนึ่งเดินขึ้นเวทีชักธงชาติแล้วพูดสิ่งต่างๆ ที่พวกลูกเสือเนตรนารีที่จะปฏิบัติต่อจากนี้ไปแกก็พูดไปเรื่อยๆ หลายเรื่อง และบอกว่าแต่ละกลุ่มจะมี พี่ รด. มาดูแลกลุ่มละ 1 คน ขอให้เชื่อฟังพี่ รด. ด้วยเขาบอกอะไร พูดอะไรต้องเชื่อ สุดท้ายขอให้เดินทางกันด้วยความแข็งขันอดทน และสนุกไปกับมัน แล้วแกก็เดินจากไปเมื่อพูดเสร็จ
"เอ้ยกลุ่มเรานี่ใครวะจะมาคุม" ด้วงเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้น
"พี่ กูเอง" อ๊อฟตอบแล้วเพื่อนๆ ในกลุ่มก็พากันดีใจที่เจอคนใกล้ตัว หือ..พี่โต้งเหรอ ? ผมครางในใจ ทำไมไม่เห็นบอกกันเลยนะ เมื่อคืนก็มานอนที่บ้านเรา กะจะให้ประหลาดใจเล่นสิท่า...

ไม่นานนัก เมื่อ รด. เข้าประจำกลุ่มที่ได้รับมอบหมายหรือมอบหมายให้ตัวเองก็ไม่รู้ แล้วพี่ๆ รด. ก็นำพาแต่ละกลุ่มออกเดินทาง ออกประตูทั้ง 4 ด้านของโรงเรียน กลุ่มพวกผมเดินออกจากโรงเรียนทางประตูด้านหลังโรงเรียนออกไปสู่ถนนลูกรัง แล้วลัดเลาะลงข้างทางที่มีถนนเล็กๆ เข้าไป ไม่สิคงไม่ใช่ถนน อาจจะเป็นแค่ทางที่เดินเหยียบย่ำบ่อยๆจนทำให้หญ้าแถวนั้นเรียบเตียนลง ระหว่างเดินทางก็มีภาระกิจประจำซุ้มต่างๆ ที่อาจารย์ไปตั้งรอท่าไว้แล้ว พี่โต้งเดินนำหน้าพวกเรา คุยกันครื้นเครง ไม่ค่อยทำตามกฏลูกเสือเท่าไรที่ต้องเสียงเบา เมื่อเดินป่า สายตาสอดส่องระวังภัย
หรือไม่ก็สอดส่องหาแผ่นผ้าหรือป้ายที่จะบอกทางไป ซุ้มกิจกรรม ซักพักพี่โต้งก็ปล่อยให้อ๊อฟเดินนำหน้าไป แกค่อยๆถอยร่นลงมาเดินเคียงข้างผม เดินคุยกันไปตลอดทาง ระยะทางผ่านไปได้สัก 5 กิโล ผมทำหน้าอิดโรยกับกระเป๋าหนักที่สะพายอยู่ด้านหลัง จะบ้าตายจะให้แบกมาทำไมก็ไม่รู้ ยังไงก็ต้องวกกลับไปที่โรงเรียนอยู่ดี
"หนักจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้จะให้แบกมาทำไมกระเป๋าเนี่ย" ผมบ่น
"เออวะ...กูก็ว่างั้นละ" เตื๋อยเสริม
"เอ้า..อย่าบ่นเลยยังไงก็แบกมาแล้ว จงเดินต่อไป, พี่ยังไม่บ่นเลย" ชิ...บ่นบ้าไรละ ตัวเองไม่ได้แบกอะไรมาซักอย่าง
"หือ..พี่ก็พูดได้สิ, เดินตัวปลิวเลยหนิ" ผมค้าน
"ใครว่าตัวปลิวละ, เนี่ยรองเท้าก็หนัก เสื้อกับกางเกงเนี่ยก็รัดซะเหลือเกินอึดอัดจะตายแล้ว"
"เออ...ช่างเถอะไม่อยากคุยแล้ว" ผมหน้าบุ้ยเดินต่อท้ายแถวเรื่อยไป
"มาๆ เดี๋ยวแบกให้จะหนักแค่ไหนเชียว"
"แน่ใจนะ"
"เอาไปแล้วอย่าส่งคืนนะ จนกว่าจะถึงโรงเรียน" ผมไม่พูดเปล่ายื่นปลดกระเป๋าลงยื่นให้แก ส่วนตัวเองก็เดินถือไม้ง่ามต่อไปอย่างโล่งสบาย
"เอ้ยพี่โต้ง, เอาของผมไปด้วยสิ" โมแทรกขึ้นมา
"ช่วย ได้คนเดียววะ, อย่ากินแรงสิ, อาจารย์ส่งพี่มาคุมนะไม่ได้ส่งมารับใช้" แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นออดๆ จากเพื่อนในกลุ่มในเชิงแหย่กันเล่นๆ มากกว่าที่เห็นผมเดินตัวปลิวอยู่คนเดียว ในระหว่างทางที่ผ่านเราก็เจอกับด่านภาระกิจต่างๆบางครั้งก็เดินทันเพื่อนๆ กลุ่มอื่นที่เดินมาก่อน และก็หยุดนั่งกินข้าวเที่ยงจากห่อข้าวที่นำมาด้วย

16.45 นาฬิกาโดยประมาณในที่สุดเราก็มาอยู่ที่โรงเรียนอีกครั้ง พากันเปลี่ยนจากชุดลูกเสือมาเป็นชุดลำลองช่วยกันกางเต้นท์ แต่ดูเหมือนผมจะโดนเพื่อนใช้ให้ไปหยิบนั่นหยิบนี่มาให้ซะบ่อย น้ำบ้างละ อะไรบ้างละสารพัดที่จะสั่งโทษฐานที่เดินสบายปล่อยภาระหนักให้พี่โต้งมาตลอด ทางกว่า 30 กิโล ไม่นานนักกลุ่มเราก็กางเต้นท์เสร็จ โดยกลุ่มเรามีเต้นท์ 2 เต้นท์ โดยแบ่งกันอยู่เต็นท์ละ 4 คน ส่วนพี่ รด. ที่ควบคุมในแต่ละกลุ่มนั้นพักอยู่ที่ตึกเรียนหลังแรก แต่บางคน
ก็เลือก ที่จะมานอนกับลูกเสือมากกว่า สำหรับพี่ รด. ที่ได้คุมกลุ่มหญิงบางคนก็ไปนอนบนอาคารเรียนบางคนก็ไปนอนปนกับลูกเสือกลุ่ม อื่นที่สนิทกัน ทุกคนต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ 2 คืน 3 วัน...

ในวันที่ 2 หลังจากทำกิจกรรมผจญภัยตามซุ้มต่างๆ ที่ตั้งไว้ทั่วโรงเรียน เวลา 17.00 น. ลูกเสือเนตรนารีทุกคนก็ต่างพากันแยกไปอาบน้ำชำระตัว บางพวกก็อยู่เต้นท์หุงข้าว ทำอาหารรอเวลามาผลัดพวกที่ไปอาบน้ำมาเปลื่ยนเพื่อจะได้
ไปอาบบ้าง และผมก็อยู่ในกลุ่มหลังรวมกระทั่งอ๊อฟด้วย นอกนั้นก็พากันไปอาบน้ำ เวลา 21.30 นาทีมีกิจกรรมรอบกองไฟเป็นเวลานัดหมายอีกครา
"เต้, เรามีเรื่องจะคุยด้วย" อ๊อฟพูดขึ้นเมื่ออยู่กันสองต่อสอง
"พูดมาสิ"
"ไม่ใช่ตอนนี้, กินข้าวเสร็จไปเจอเราที่ห้องพยาบาลอาคารสองนะ"
"ทำไมละ, คุยตอนนี้ไม่ได้เหรอ?"
"เอา เถอะแล้วเราจะรอที่นั่น" อ๊อฟจบสนทนาเมื่อเพื่อนๆ ที่ไปอาบน้ำกลับมาแล้ว ผมกับออฟจึงไปอาบน้ำกันบ้าง ไปถึงก็เจอลูกเสือหลายนายอาบน้ำกันอยู่ ผมกับออฟเดินหาที่อาบน้ำจนได้ในที่สุด แล้วถอดเสื้อผ้ากางเกงออกพาดไว้บนราวเหลือไว้แต่กางเกงในห่อหุ้มอวัยวะควย ไว้ ซึ่งลูกเสือทุกๆ นายก็ถอดกันหมดเหมือนกัน จะมีก็แต่พวกกลุ่มกระเทยที่อาบน้ำทั้งชุดคือไม่ยอมถอดอะไรสักชิ้นเหมือนจะ อายอะไรนักหนา แต่ดูสายตาที่มองมายังเป้าผมแล้วคงไม่ใช่อายหรอก มันมีแค่ความอยากใคร่ได้ทั้งนั้น จนผมต้องหันหลังให้ มองตูดกูแทนละกัน ผมคิดในใจ

หลังจากกินข้าวเสร็จผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 18.41 นาที ยังมีเวลาอิสระอีกเยอะกว่าจะถึงเวลารวมรอบกองไฟ ผมเดินหาอ๊อฟรอบๆ เต้นท์ และในเต็นท์ ก็ไม่เจอ คงไปรอผมแล้วสินะ ระหว่างที่ผมไปดูอ๊อฟว่ายังอยู่หรือเปล่าขณะที่ผมลอดตัวเข้าไปในเต็นท์หลัง ที่ผมนอน ก็เห็นแต่ตุ้งที่นอนมือก่ายหน้าผาก ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง เขามองสบตาผมเมื่อหน้าผมโผล่เข้าไปในเต้นท์ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอย่างเฉยฉา ไม่สนใจ ให้มันได้อย่างนี้สิ นึกว่าจะสนหรือไงไม่มาคุย ไม่คืนดีก็เรื่องของนาย กูไม่ผิดหนิที่จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปคุยด้วยก่อน ความจริงผมเลิกโกรธไปนานแล้วละมีแต่อยากให้ตุ้งกลับมาอยู่ข้างกายเหมือนเดิม เวลามีเขาอยู่ด้วย คุยด้วยมันมีความสุขเหลือเกิน เวลาขาดเขาไปมันช่างเงียบเหงาเหลือเกิน แต่ให้ตายเถอะทำไมเขาใจแข็งซะเหลือเกิน ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะฝืนใจตัวเองได้ขนาดนี้ ก็คงไม่ต่างจากผมหรอกที่ฝืนใจตัวเองยิ่งผยองพอกัน...

ผมเดินขึ้นไปบน ชั้น4 ของตึกสองตรงไปที่ห้องพยาบาล ซึ่งในช่วงปฏิบัติลูกเสือฯ นี้มีกฏห้ามให้ลูกเสือเนตรนารีขึ้นมาบนตก ผมจึงแอบๆ เข้ามาเพื่อไม่ให้ใครเห็น ผมเปิดประตูเข้าไปกวาดรอบไปทั่วห้องพยาบาลมองเห็นอ๊อฟนอนรอที่เตียงตัวสุด ท้ายที่มุมห้อง ความมืดค่อยๆ ปกคลุมเข้ามาในห้องที่ไร้แสงไฟที่ปิดไว้เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตว่ามีใคร
อยู่บนนี้หรือเปล่า ผมเดินเข้าไปแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงข้างๆ กายอ๊อฟที่นอนลืมตาเหมือนคนคิดล่องลอยไปไกล
"อ๊อฟจะคุยอะไรกับเต้เหรอ?" ผมถามขึ้นก่อน อ๊อฟก็ยังเงียบซึ่งปรกติอ๊อฟเวลาอยู่กับผมเขาจะคุยสนุกสนานยิ้มง่าย
แต่ดูวันนี้เขาแปลกๆ ไป และในที่สุดเขาก็พูดออกมา
"นอนลงก่อนสิ"
"หือ, ทำไมละ"
"นอน เถอะ" อ๊อฟย้ำ แล้วผมก็เอนตังลงนอนข้างๆ เขาเบียดตัวชิดกันเนื่องด้วยเตียงคนไข้พอประมาณแค่คนๆ เดียวเท่านั้นอ๊อฟพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางผมแล้วเอื้อมมือหนึ่งมาสวมกอด ผมไว้ เขาหลับตาลงซุกหน้าตรงไหล่ ผมปล่อยให้อ๊อฟนอนกอดไปโดยที่เราสองคนไม่พูดอะไรนาน จนอ๊อฟโพล่งออกมาทั้งที่ตายังหลับอยู่
"เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานยัง"
"เรื่องอะไรอ๊อฟ" ผมมึนงงไม่รู้ว่า "เรื่อง" ที่ว่าคือเรื่องอะไร
"เรื่อง ...พี่โต้งกับเต้" ผมลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ หัวใจเต้นระส่ำคึกโครมแทบจะหลุดออกมา ดวงหน้ารู้สึกชาไปหมดเขารู้แล้ว ให้ตายสิ จะทำยังไงดี มันแก้ตัวไม่ได้เลย
"พี่โต้งบอกเราแล้ว" อ๊อฟเสริมขึ้นมา
"พี่โต้งบอก..."
"ใช่, บอกวันนี้ละ, เราถึงอยากคุยกับเต้ไง" ผมมองดูอ๊อฟที่ยังนอนอยู่แบบนั้น
"เต้ รักเราไหม?" อ๊อฟพูดออกมาแต่ดูเหมือนว่าเสียงเขาจะสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ อย่าร้องนะ ผมคงทนไม่ได้แน่ถ้าอ๊อฟร้องไห้ อย่าร้องนะ อย่าร้อง
"รักไหม? เต้รักอ๊อฟไหม?" อ๊อฟย้ำเสียงเครือ ผมมองไม่เห็นหรอกว่าน้ำตาเขามีไหมเพราะความมืดมันปกคลุมไปทั่วห้อง
"ทำไม ไม่ตอบละ,หรือว่าไม่รักอ๊อฟแล้ว" อ๊อฟดึงตัวผมลงไปนอนแล้วสวมกอดแนบแน่น รั้งผมเข้าไปกอดเหมือนกลัวจะสูญเสียไป อ๊อฟย้ำถามแต่ว่าผมรักเขาไหม? ตลอด ผมมึนตื้อปากขยับแทบไม่ออก ผมเอื้อมมือไปทาบบนแก้มเขา ให้ตายสิเขาร้องไห้จริงๆ น้ำตาผมไหลออกมาอัตโนมัติ รู้สึกเศร้าสะเทือนอารมณ์ไปด้วย
"รักสิ, รักมากๆ ด้วย" ผมพูดกับอ๊อฟทั้งน้ำตา อ๊อฟเงียบเสียงสะอื้นเขากอดผมแน่นขึ้น แล้วค่อยๆบรรจงทับรอยจูบที่ริมฝีปากผมก่อนจะขยับบดขยี้ดูดดื่ม ผมสนองรับจูบสนองปรารถนานั้น แต่แล้วก็ผละออก
"ไม่ได้, เต้ทำแบบนี้ไม่ได้" ผมพูดออกไป
"หรือเต้ไม่ได้รักเราจริง"
"ไม่ใช่นะ, เรารักอ๊อฟรักมากๆ ด้วย"
"แล้วทำไมให้เราไม่ได้"
"คือ..." ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี อยากจะบอกเหลือเกินว่า ผมได้มีอะไรกับพี่ชายของเขาแล้ว ผมรู้สึกไม่แฟร์เท่าไรท้าผมจะมีอะไรกับอ๊อฟผู้ซึ่งเป็นน้องชายของพี่โต้ง
"เพราะ พี่โต้งใช่ไหม?" อ๊อฟแทรกขึ้นแล้วพูดต่อ "อ๊อฟไม่สนหรอกถึงเต้จะเคยเอากับพี่โต้งแล้วก็ตาม,อ๊อฟไม่สนอะไรทั้งนั้น, อ๊อฟอยากให้เต้เป็นของอ๊อฟ, เป็นของอ๊อฟนะ" พูดจบอ๊อฟไม่สนว่าผมจะตอบยังไง เขาประกบปากลงจูบขยี้ลงมาดูดด่ำ ชอนไชลิ้นเข้าไปตวัดตามไรฟัน ผมครางอือออกมาเมื่อใจได้ยินยอมไปตามความปรารถนานั้นอ๊อฟถอนปากออกลุกขึ้น ยืนข้างๆ เตียงแล้วถอดกางเกงลงรวมทั้งกางเกงในทำให้มองเห็นควยอ๊อฟที่แข็งตัวเด่นจาก แสงไฟสปอร์ตด้านนอกที่ส่งเข้ามาได้เพียงน้อย อ๊อฟขึ้นมานั่งคร่อมผม เอาควยมาจ่อตรงปากผม
"ดูดให้หน่อย.." ผมอ้าปากเข้าครอบควยที่อ๊อฟสอดเข้ามาในปากผมผมห่อปากรูด จนหนังหุ้มถอดหัวควยให้เบ่งบานอ๊อฟกระแทกควยแข็งใหญ่เข้าปากผมกระเด้าๆ เร่งจังหวะถี่ๆ ครางซีสๆ โอว์...อาว์...ออกมาหน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวสูดปากครางในอากาศดูเขาจะชอบใจยิ่ง อ๊อฟกระแทกเข้าไปจนสุดโคนควยผมแทบจะหายใจไม่ออก ผมห่อปากดูดควยเขาแรงๆ เพื่อเร่งให้เขาปล่อยน้ำควยออกมา หากไม่ทำมีหวังผมตายด้วยหายใจไม่ออก และในที่สุดอ๊อฟก็กระตุกควยตึกๆ พ่นน้ำควยเข้าปากผม เขาครางอาว์....ถอดยาวและหายลงไปในลำคอ ผมดูดซับกลืนน้ำควยเขาจนหมดสิ้น อ๊อฟถอนควยออกจากปากผมแล้วประกบปากลงจูบดูดด่ำเขาเลื่อนปากต่ำลงไปไซ้ตามคอ ผม ความเสียวสั่นไหวพุ่งสะท้านเข้าไปถึงหัวใจผม เขาใช้ปากดีเหลือเกินเหมือนช่ำชองมาก่อน เขาลากลิ้นขึ้นไปสัมผัสที่ติ่งหูผมแล้วจูบพรมไปทั่วใบหูผมครางซีสๆ เสียว โอว์...ช่างเก่งเหลือเกินแค่ปากและลิ้นยังทำให้อารมณ์ผมกระเจิงจนหมดสิ้น อ๊อฟจับขาผมให้ตั้งชันขึ้นแล้วถอดกางเกงผมออกโยนไปกองไว้ที่พื้น ก่อนเขาจะจับขาผมกางออกพาดที่บ่าทั้งสองข้างของเขา แล้วอ๊อฟก็ดันควยเข้ามาพรวดเดียวจนมิดโคนควย ผมครางซีสออกมาเสียงดัง รู้สึกเจ็บเล็กน้อย อ๊อฟเริ่มกระเด้าเข้าๆ ออกๆ เป็นจังหวะ
เนิบนาบหา จังหวะที่เหมาะก่อนจะเร่งสปีดโหมกระหน่ำซัดกระเด้าเสียงดังปับๆ ผมครางโอว์...ซีสประสานเสียงครางที่อ๊อฟซีสออกมา เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงดังเป็นจังหวะตามแรงกระเด้าของอ๊อฟ อ๊อฟกระแทกกระเด้าเข้ามาสุดโคนตลอดเวลา ผนังตูดผมที่เสียดสีกับท่อนควยมันเสียวสะท้านส่งไปตามร่างกายผม โอว์...ซีส...เสียวเหลือเกิน อาว์...อาว์...กระเด้าแรงๆ แบบนั้นละอ๊อฟ...อาว์...ซีส....

อ๊อฟค่อยๆ ผ่อนแรงกระเด้าลงแล้วจับผมนอยตะแคงคู้ขาผมเข้าในลักษณะนอนตัวงอแล้วเริ่ม ส่ายควยวนในรูตูดผมก่อนจะกระเด้าปับๆ เข้ามา โหมกระหน่ำแรงถี่ขึ้นไม่ลดละ เสียงครางดังแข่งกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงโอว์...ซีส...ยิ่งครางอ๊อฟก็ ยิ่งรัวกระเด้าถี่ๆ เข้ามาหนักหน่วงดังปับๆ ปับๆ ผมเอื้อมมือไปรูดควยตัวเองเพิ่มความเสียวให้ลุกโชนยิ่งขึ้น อะ..อ๊อฟ...อาว์... สักพักอ๊อฟจับขาข้างหนึ่งผมยกขึ้นแล้วดันกระแทกควยเข้ามาปับๆ อ๊อฟยิ่งกระเด้าลึกผมยิ่งเสียงครางซีสซาสไม่หยุด ไม่ต่างจากอ๊อฟที่ครางกระเส่าบิดหน้าเหย่เก สูดปากซีสๆ ตลอดเวลา อ๊อฟกระหน่ำแรง
เข้ามาปับๆ ถี่ๆ อย่างบ้าคลั่ง ปากร้องคราง อาว์...อาว์...อาว์...ก่อนที่ควยกระตุกแล้วฉีดน้ำควยเข้าไปในรูตูดผม อ๊อฟซีสปากทอดยาวผ่อนหายใจแรงขาดเป็นห่วงๆ ผมรูดควยตัวเองต่อสักพักแล้วเกร็งพ้นน้ำควยออกมาตามอ๊อฟถึงฝั่งกามอีกคน อ๊อฟถอนควยออกแล้วล้มตัวลงนอน ผมขยับตัวเข้ามาอ๊อฟแนบชิดกายโอบกอดเขาไว้ ซุกหน้าตรงอกเขา ไม่พูดจาอะไรออกมาท่ามกลางความมืด ผมนอนกอดอ๊อฟด้วยความสุขถวิล ต่อไปนี้ผมจะรักอ๊อฟให้มากขึ้น อย่างที่เขารักผม
เขาไม่รังเกียจว่าผมเคยมีอะไรกับพี่โต้งพี่ชายของเขา แค่นี้ก็ทำให้ผมไม่อาจทิ้งเขาไปได้หรอก ถึงแม้ว่าในห้วงลึกของใจยังเฝ้ารอปรารถนาของพี่โต้งก็ตาม ผมจะรักอ๊อฟ จะรักอ๊อฟ และจะรักให้มากๆ ต้องตัดขาดพี่โต้งให้ได้ อย่าได้ทำลายหัวใจคนที่รักเราไปกว่านี้อีกเลย
ผมรำพันในใจซบหน้าหลับตาบนอกอ๊อฟเนิ่นนาน ไร้คำใดออกจากปากเราทั้งสองคน

***************************************************************


"เต้" หลังจากที่เราสองคนอยู่ในความเงียบมานานอ๊อฟเรียกชื่อผมออกมา แต่ตัวเขายังคงนิ่งเหมือนเดิม ผมกอดอ๊อฟแนบชิดขึ้นกว่าเดิมเป็นการรับรู้แทนวาจา อ๊อฟนิ่งไปอีกอึดใจหนึ่งก่อนจะโพล่งคำที่ผมแทบไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น ได้รวดเร็วขนาดนี้ มันไม่มีเวลาให้ผมได้ตั้งตัวหรือทำใจอะไรทั้งนั้น อยู่ดีๆ มันก็ถาโถมซัดครืนเข้าไปกระแทกในหัวใจดังคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง ผมนิ่งงันดังคนหมดลมหายใจ ไม่คาดคิดว่าอ๊อฟจะพูดออกมาเช่นนี้
"เต้...เรา เลิกคบกันเถอะ" ประโยคที่อ๊อฟพูดออกมาเปรียบดังเป็นก้อนเสลดตีบตันในลำคอผม ยากที่จะกลืนและยากที่จะถ่มทิ้ง สมองผมมืนตื้อ ดวงตาเริ่มพร่ามัว ปากสั่นระริก กระชับกอดอ๊อฟแน่นกว่าเดิม
"อ๊อฟคิดดูแล้วเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า"
"เพื่อน...ทำไมอ๊อฟว่าอย่างนี้ละ" ผมพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตามันไหลออกมาดังเขื่อนแตกดูทีท่าไม่มีวันหยุด
เพื่อน..งั้นเหรอ แล้วเมื้อกี้ละมันคืออะไร
ไม่ใช่บอกว่ารักเหรอ ทำไมถึงพูดอย่างนี้ละ
"เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ" อ๊อฟยื้อตัวขึ้นนั่ง มือผมเลื่อนจากอกมาโอบเอวเขาไว้
"อ๊อฟ ไม่ได้รักเต้..." ผมอยากจะพูดต่อให้ยาวกว่านี้ แต่ดูเหมือนน้ำตามันจะเข้าไปจุดที่หลอดลมไม่ให้พูดอะไรต่อ ผมร้องไห้ออกมาไม่หยุด ขณะที่อ๊อฟแม้น้ำตาเพียงหยดหนึ่งก็ไม่มี ช่างต่างจากเมื่อกี้เหลือเกินเขาร้องไห้ได้จนผมสงสารยินยอมแต่พอได้แล้ว เขาช่างดูเย็นชาเหลือเกิน ไม่สนใจผมที่ร้องไห้ทุกข์ทนต่อหน้าเขาตรงนี้เลย
"อย่าพูดอย่างนั้นสิ,ไม่ใช่สักหน่อย แต่...เราเป็นเพื่อนกันนะดีกว่า"
"เหตุผลละ ? เพราะอะไรอ๊อฟถึงคิดอย่างนี้" ผมสะอื้น
"โธ่ ! เต้" เสียงเขาดูหงุดหงิด "อย่าทำอย่างนี้สิ"
"เต้ทำอะไร ? อ๊อฟต่างหากละ"
"พูด ไม่ฟัง, หรือไม่อยากให้เหลือแม้ความเป็นเพื่อน" อ๊อฟเสียงดังไม่พอใจ เขาดึงมือผมออกจากเอวเขาแล้วลุกขึ้นไปสวมกางเกงเข้าอย่างเดิมแล้วพูดขึ้นมา
"เชื่ออ๊อฟเถอะ, เราเป็นเพื่อนกันนะดีแล้ว"
"อ๊อฟ..." ผมเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเครือ แต่ดูเขาไม่สนใจอะไรอีกเลย อ๊อฟหันหลังเดินออกจากห้องไปทิ้งผมไว้คนเดียวตามลำพังกับห้องที่เงียบงันนี้ ผมนั่งคู้เข่าซบหน้าลงร้องไห้ถอนสะอื้นอยู่เพียงลำพัง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเมื้อกี้ยังบอกว่ารักเรา ไม่สนอะไรที่มันเกิดขึ้นมาก่อน แต่พอได้เสพสุขผ่านไปไม่นานกลับบอกเลิกกัน นี่หรือคนรักกันผมตัดพ้อตัวเอง ความเจ็บปวดมันทะลวงใจผมจนบอบช้ำ มันซาดสัดเข้ามาไม่หยุดหย่อนดังจะเอาให้ตายสิ้นลมกันทีเดียว
ผมสะอื้น ร้องไห้เสียงดังกับความเจ็บปวดทรมาน ที่มันเข้ามายามที่ผมไม่ทันได้ตั้งรับหาเครื่องป้องกันต้านทานไว้เลยความ ท้อแท้สิ้นหวังมันสุมรุมผมอย่างไม่ปราณี ทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ใจผมระร่ำรำพัน...

ผมปาดน้ำตาตัวเองพยายามฝืนไว้ไม่ให้ร้อง กลั้นเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ หยิบกางเกงมาสวม สูดลมหายใจลึกๆชะล้างก้อนสะอื้นให้จางไปแล้วเดินออกจากห้องพยาบาลไป ด้วยหัวใจที่แห้งแล้งเต็มที
"เต้ !" เสียงคุ้นหูเรียกชื่อผมขึ้น ผมเหลียวมองไปตามเสียงก็ต้องตกใจแทบทรุด
"พี่ โต้ง..." ผมครางในลำคอ พี่โต้งเดินเข้ามาใกล้ผม สายตาแกที่จ้องมองผมมันแฝงไว้แต่ความโกรธ แกตบหน้าผมเข้าอย่างจังจนหน้าผมหันไปตามแรงที่แกฟาดกระทบมา ผมเจ็บแสบไปทั้งหน้า แกคงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ น้ำตาผมเริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง ผมหันหน้ามาจ้องประสานแกแต่ไม่พูดอะไรออกมา
"เป็นไงละโดนมันเอาแล้วโดน ทิ้ง" แกเย้ยหยัน ผมเจ็บแปลบเข้าไปในหัวใจ รู้สึกเสียใจ น้ำตาก็ยิ่งไหลปรี่ออกมาท้วมทวีไม่มีสักคำที่ปลอบปโลม ไม่มีสักคำที่แสดงออกว่าห่วงใย มีแต่คำเย้ยหยันเสียดสีจะให้กันตายไปข้างเลยหรือไร
"ถ้าจะมาตอกย้ำเยาะ เย้ยก็ไปเลยนะ" ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ "ไปเลย พี่กับน้องก็คงไม่ต่างกันหรอก" สิ้นประโยคฝ่ามือก็เข้ากระทบกับหน้าผมอีกครั้ง
"เอาอีกสิ ตบอีกสิ" ผมพูดเสียงดังด้วยความน้อยใจและเสียใจ จ้องหน้าสู้แก พี่โต้งรั้งตัวผมเข้าไปหาแล้วประกบปากลงบดขยี้ริมฝีปากผมรุนแรง ผมกัดปากแกด้วยความโกรธ คนใจร้าย ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย พี่โต้งร้องเสียงหลงออกมามีเลือดไหลที่ริมฝีปาก แกเอามือแตะปากดูแล้วทำหน้าแหยงด้วยความเจ็บ แกมองจ้องตาผมอย่างโกรธแค้น ดวงตาแดงกล่ำคล้ายจะร้องไห้ออกมา ก่อนที่แกจะเดินจากผมไปโดยไม่พูดอะไร ผมร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง อยากจะระบายสิ่งที่มันอัดอั้นบีบอัดอยู่ในหัวใจ จบกัน ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลือใครอีกแล้ว เขาทิ้งเราไปหมดแล้ว ผมทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้เนิ่นนาน ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความผิดหวัง เศร้า เสียใจ ดวงใจแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บช้ำมันไม่เคยปราณีใครอยู่แล้ว มีแต่จะให้ทุกข์ทรมาน ให้เจ็บปวดแสบแสนปางตาย...

เสียงประกาศเรียก ลูกเสือเนตรนารีให้พร้อมกันรอบกองไฟใหญ่กลางสนามฟุตบอล ผมค่อยๆ เหยียดตัวลุกขึ้นปาดน้ำตาให้สิ้นไป กลั้นเสียงสะอื้นให้เบาบางลง แล้วเดินลงบันไดเพื่อไปรวมกลุ่ม พอผมไปถึงทุกคนก็ล้อมวงรอบกองไฟกันหมดแล้ว เสียงอาจารย์ผู้คุมเรียกตัวผมให้ไปยืนตรงกลางวงล้อม แล้วถามทำไมถึงมาช้า ไปอยู่ไหน และผมก็บอกว่าไปแอบงีบอยู่บนตึกห้องพยาบาล แต่ใช่ที่ไหนละ แล้วอาจารย์ผู้คุมก็เรียกพี่ รด. ที่ดูแลกลุ่มผม นั่นก็คือพี่โต้งนั่นเอง
แก บอกว่าให้พี่ รด. ที่ดูแลลูกเสือ ทำโทษลูกน้องตัวเองฐานที่ทำผิดกฏ แล้วอาจารย์ผู้คุมก็ป้องปากพูดกับลูกเสือเนตรนารีทั่วกองไฟในการรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ กฎเกณฑ์ มีเสียงปฏิญาณรับของลูกเสือฯ ดังกึกก้อง สายตาทุกคู่ที่มองมายังผมจุดเดียวเป็นดังเข็มทิ่มแทงผมให้เจ็บลึกขึ้นไปอีก
"เอาละ จะให้พี่เขาทำโทษยังไงดี" อาจารย์วกกลับมาถามผม
"แล้วแต่ครับ " ผมพูดเสียงเบาเนิบๆ จึงถูกตวาดแล้วให้พูดใหม่ให้เสียงดังหนักแน่น แล้วอาจารย์ก็เดินไปจุดที่นั่งเดิม ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับพี่โต้ง แล้วสักพักพี่โต้งก็สั่งทำโทษผมขึ้น
"ปั่นจิ้งหรีด 20 ครั้ง ปฏิบัติ" ผมก้มลมทำตามโดยไม่หันไปมองหน้าพี่โต้งแม้สักครั้งเดียวเมื่อครบจึงพยามทรง ตัวขึ้นรู้สึกว่าโลกมันคว้างไปหมด แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่พอใจของอาจารย์ แกพูดกับลูกเสือฯ ว่าทำโทษแค่นี้เพียงพอหรือยังมีเสียงตอบกลับดังก้องว่ายังไม่เพียงพอ ดูท่าผมจะเป็นของเล่นยามค่ำคืนนี้แล้วสิ พี่โต้งจึงสั่งให้ผมปั่นจิ้งหรีดอีก 20 ครั้งพอผมทำเสร็จอาจารย์คนใหม่ก็ออกมาพูดกับลูกเสือฯ ว่าพอยัง และเสียงตอบรับก็เช่นเดิม "ยังไม่พอ" แต่มีเสียงหนึ่งที่ดังก้องออกมาหลังสุดว่า "พอแล้ว" ผมมองไปตามเสียงเห็นตุ้งลุกขึ้นแล้วขานอีกว่า "พอแล้ว" และก็ตามมาด้วยเสียงเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกับผมขานออกมาพร้อมเพียง ผมตื้นใจเล็กน้อยกับน้ำใจของเพื่อน แต่อีกคน "อ๊อฟ" ผมไม่รู้ว่าเขา
เต็ม ใจหรือเปล่า ดูจากสีหน้าแล้วคงแค่เออออไปตามทุกคนในกลุ่มเท่านั้นเอง เขาคงไม่เหลือน้ำใจอะไรให้ผมอีกแล้วละแล้วพี่โต้งกลับเรียกพวกเขาออกมากัน หมด
"ดี...ลูกเสือกลุ่มนี้รักกันดีเห็นเพื่อนโดนทำโทษก็มีน้ำใจช่วย, งั้นปั่นจิ้งหรีดแทนเพื่อน 50 ครั้ง ปฏิบัติ" สิ้นเสียงพี่โต้งทุกคนก็ปฏิบัติอย่างไม่อิดออด มีผมคอยนับรอบให้ หนึ่ง สอง สาม...สิบ...ยี่สิบ...ห้าสิบ...ในที่สุดก็ครบเสียที ทุกคนต่างพากันทรงตัวไม่ขึ้น พากันล้มนอนหลับตาอยู่ตรงนั้น ก่อนจะปรับตัวเข้าสภาพเดิมลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง
"ส่วนคนที่ทำผิดกฏคืนนี้ต้องเฝ้ายามแทนเพื่อนจนเช้า" พี่โต้งสั่งเสียงหนักแน่นก่อนจะปล่อยตัวผมและเพื่อนให้ไปนั่งที่

แล้ว กิจกรรมรอบกองไฟก็เริ่มขึ้นจนถึงเวลาเที่ยงคืนก็ถึงเวลาแยกย้ายกันเข้านอน ตามเต้นท์ต่างๆ คืนนี้ทั้งคืนผมต้องนั่งเฝ้ายามตลอดตามคำสั่ง เริ่มดึกอากาศยิ่งหนาวผมนั่งคู้เข่ากอดตัวเอง กายสั่นระริกสะท้านไปถึงหัวใจ ถึงแม้ไม่ให้ผมมานั่งเฝ้ายามตลอดคืนผมก็คงหลับไม่ลงอยู่ดี เหตุการณ์แห่งความเจ็บปวดผิดหวังมันตามมาหลอกหลอนผมไม่อาจที่จะข่มตาหลับได้ เป็นแน่
"ห่มซะเดี๋ยวหนาวตายซะก่อน" พี่โต้งออกมาจากเต้นท์โยนผ้าห่มใส่หน้าผมอย่างแรง แกยืนสอดมืออยู่ในถุงกางเกงสายตาเหม่อมองไปทางอื่นไม่สนใจผม
"ลำบากนัก,ทีหลังก็ไม่ต้อง" ผมประชด แล้วโยนผ้าห่มคืนให้แก พี่โต้งจับผ้าห่มออกคลี่แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังผมแล้วห่มมันให้ผม
"อย่า ดื้อน่า" แกพูดแล้วเดินไปนั่งอีกฝากเต้นท์ตรงข้ามผม กองไฟเล็กๆ ที่ก่อเพื่อให้ไออุ่นตรงหน้าเต้นท์ ผมเหยียดมือออกไปผิงรับไออุ่นให้กาย แต่หัวใจก็อยากมีใครสักคนมาโอบกอดให้ความอบอุ่น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นกันหมดแล้ว
เลิกคิดซะทีได้ไหม จะคิดไปทำไม
ยิ่งคิดก็ยิ่งจะร้องไห้ออกมา ร้องไห้ก็ไม่มีใครเหลียวแลหรอก
โน่นคนหนึ่งก็นอนอยู่ในเต้นท์ ไม่มีท่าทีว่าจะห่วงใยอะไรเราเลย
อีกคนก็นั่งนิ่ง จะเอ่ยวาจาใดออกมาก็เปล่า
ผม ตัดพ้อตัวเอง รู้สึกว่าตาเลือนพร่าเพราะน้ำตาเริ่มเอ่อคลอแต่ก็ฝืนไว้ไม่ให้ไหลรินออกมา ผมซบหน้าซุกผ้าห่มปาดน้ำตาทิ้งไป ตลอดคืนผมกับพี่โต้งนั่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่คุยอะไรกันเลยจนสว่าง มันช่างเป็นความอึดอัดที่ทรมานเสียเหลือเกินแล้วต่อจากวันนี้ผมจะเป็นเช่นไร เมื่อหัวใจได้แตกสลายสิ้นคนรัก คงต้องอยู่ตามลำพังกับหัวใจที่แตกร้าวทรมาน...

********************************************


Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.