We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
Posted by sarawatta on 07-Jul-11 at 07:52 PM
ขอโพสต์ตอนที่ 27 ใหม่นะครับ รู้สึกเมื่อเช้ารีบเขียนไปหน่อยก็เลยต้องแก้
------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 27: รู้แล้วว่าจะรักใคร

ขากลับ สนขับรถเงียบๆ มาตลอดทาง ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดจนนาต้องเปิดฟังเพลงในรถเพื่อทำลายบรรยากาศนั้นเสีย เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่สนไปบ้านต้นตอนเช้า แต่พอกลับมาสนก็มีอาการอย่างนี้ทันที พอเห็นอย่างนี้แล้วเธอก็พอรู้ทันทีว่าชีวิตครอบครัวของเธอเริ่มมีปัญหาแน่แล้ว เธอจะทำอย่างไรถ้าหากสามีของเธอเป็นอย่างที่เธอสงสัย หากสนมีเมียน้อยเธอยังรู้สึกว่าน่าจะจัดการได้ง่ายกว่าเสียอีก แต่ถ้าสามีของเธอเกิดชอบผู้ชายด้วยกันขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

พอกลับถึงบ้าน สนก็นั่งทำงานพิเศษที่ทำค้างไว้เงียบๆ ส่วนนาก็นั่งดูทีวีอย่างไม่สบอารมณ์นักเพราะเห็นสามีไม่สนใจใยดี นาเริ่มรู้สึกน้อยใจมากขึ้นจนต้องถอนหายใจกระฟัดกระเฟียดเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่สนก็ยังคงนิ่งอยู่

เสียงโทรศัพท์ของนาดังขึ้น แม่ของเธอเองที่โทรมาหานั่นเอง นาจึงรีบรับทันที

“หวัดดีค่ะแม่”

“นา...แม่อยากให้นามาอยู่ที่บ้านสักสามสี่วันได้ไหม ตอนนี้พี่ชายเขาอาการไม่ค่อยดีอีกแล้ว แม่อยากให้นามาช่วยดูแลพี่เขาหน่อย”

นาครุ่นคิดและเงียบไปสักพัก พี่ชายของเธอเป็นมะเร็งในลำไส้ในระยะเริ่มต้นมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เป็นประจำ ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ดูแลเพราะเพิ่งเลิกกับภรรยา จึงต้องกลับมาอยู่กับแม่ซึ่งก็ทำให้แม่ของเธอลำบากพอสมควร

“ค่ะแม่ เดี๋ยวนาจะไปวันนี้เลยละกัน” นาตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรนานนัก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอเองก็เป็นห่วงแม่ที่ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ตั้งแต่พ่อกับแม่เลิกกัน แม่ของเธอก็เหนื่อยมาตลอด ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ของเธออีกสองคนก็แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว หลังจากที่นาแต่งงาน แม่ของเธอจึงอยู่กับพี่ชายและลูกสาวของพี่ชายซึ่งกำลังเรียนประถมอยู่ ไม่มีเวลาอยู่ช่วยดูแลพ่อได้มากนัก ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง เธออยากดูสิว่าสามีของเธอจะเป็นอย่างไรบ้างถ้าเธอไม่อยู่ หลังจากคุยโทรศัพท์กับแม่เสร็จแล้วเธอจึงตัดสินใจเดินมาบอกสนซึ่งนั่งหันหลังทำงานให้เธออย่างไม่สนใจใยดี

“พี่สนคะ” น้ำเสียงที่เรียกแฝงด้วยความเหนื่อยหน่ายและไม่พอใจนิดๆ

สนหยุดทำงาน หันมามองภรรยาด้วยสายตามีคำถาม

“นาจะกลับบ้านสักสามสี่วันนะคะ พอดีพี่ยศอาการไม่ค่อยดีอีกแล้ว” นาเว้นจังหวะไปเหมือนจะหยั่งความสนใจของสามี “นาจะไปตอนนี้เลยค่ะ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่งละกัน” สนอาสา เขาพอรู้ข่าวมาบ้างว่าพี่ชายของนาไม่สบายมาระยะหนึ่งแล้วและเพิ่งเลิกกับภรรยาไปไม่นาน
------------------------------------------------------------------------------------------------
“สวัสดีครับต้น ตอนนี้ต้นอยู่ไหนเอ่ย สะดวกคุยหรือเปล่า”

“อ๋อ...ตอนนี้ต้นอยู่ที่บ้านที่นครปฐมครับพี่มั่น สักพักก็จะกลับแล้วล่ะครับ” ต้นตอบ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่มั่นคงโทรมาหา

“แล้วต้นกลับยังไงล่ะครับ” พี่มั่นคงรู้ว่าต้นขับรถไม่เป็นและไม่ได้ซื้อรถไว้ใช้เอง จริงๆ ต้นเคยหัดขับรถอยู่ครั้งหนึ่ง แต่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยจึงทำรู้สึกกลัวและไม่ยอมหัดขับอีกเลย

“ผมว่าจะนั่งรถสองแถวเข้าไปในเมืองแล้วนั่งแท็กซี่กลับครับ”

“ลำบากแย่เลย” พี่มั่นคงบอกด้วยน้ำเสียงสงสาร “ให้พี่ไปรับไหม วันนี้พี่ว่าง”

“อย่าดีกว่าครับ รบกวนพี่เปล่าๆ อีกอย่าง มันไกลด้วยครับ”

“ไม่เป็นไร พอดีตอนนี้พี่แวะมาหาเพื่อนใกล้ๆ นครปฐมนี่แหละ จะกลับละ ยังไงเดี๋ยวพี่แวะไปรับนะ ต้นบอกทางพี่ด้วยละกัน” ความจริงแล้วมั่งคงไม่ได้อยู่ใกล้นครปฐมเลย แต่เพราะเขาอยากทำให้ต้นประทับใจจึงขันอาสาไปรับ

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมกลับเองได้ครับ เกรงใจครับ หมู่บ้านที่ผมอยู่มันก็ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง รบกวนเวลาพี่เปล่าๆ” ต้นปฏิเสธอีกครั้ง

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกต้น จำตอนที่เราอยู่ที่ลาวได้ไหม เราเดินทางกันไกลกว่านี้อีก ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวพี่ไปรับละกันนะ อย่าปฏิเสธพี่เลย พี่เต็มใจ นะต้นนะ” พี่มั่นคงอ้อนวอน ยังไงวันนี้เขาต้องไปรับต้นให้ได้

แม้ว่าต้นจะรู้สึกเกรงใจแค่ไหน แต่พอพี่มั่นคงอ้อนหนักเข้าต้นก็ต้องยอมจนได้ อีกอย่างต้นรู้สึกว่าให้ผู้ใหญ่ขอร้องมากๆ ก็รู้สึกไม่ดี

ประมาณชั่วโมงเศษๆ พี่มั่นคงก็มาถึงบ้านต้น หลังจากที่ต้นแนะนำให้พี่มั่นคงรู้จักพ่อกับแม่แล้วก็เดินทางกลับทันที ระหว่างที่เดินทาง พี่มั่นคงก็ชวนต้นคุยไปตลอดทางอย่างคนคุ้นเคยกัน แต่มั่นคงก็สังเกตว่าต้นดูไม่ค่อยร่าเริงนัก เมื่อเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจึงลองถาม

“ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาดูเศร้าๆ” มั่นคงถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นสีหน้าแบบนี้ของต้นตั้งแต่ไปถึงบ้านต้นแล้ว

ต้นลังเลและชั่งใจอยู่สักพักก็ตอบว่า “ผมกำลังสับสนครับ” แล้วก็ถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าผมจะปล่อยชีวิตให้จมอยู่กับความรักที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ไปอีกนานแค่ไหน บางทีผมก็เหนื่อยและเจ็บกับมันมาก แต่บางทีผมก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เขา ผมสับสน ไม่รู้จะเอายังไงกับตัวเองดีครับ” ต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริงเพราะเขาเคยคุยเรื่องนี้กับพี่มั่นคงมาระดับหนึ่งแล้ว

“ต้นหมายถึงสนหรือเปล่า” มั่นคงเดาและก็มั่นใจว่าเขาเดาไม่ผิด

“ครับ” ต้นยอมรับไปถามตรง

“เขาแต่งงานแล้วนะต้น ยังไงต้นก็ดึงเขามาไม่ได้และต้นก็ไม่ควรทำอย่างนั้น โดยเฉพาะถ้าสนเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับต้นด้วย อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองนานขนาดนั้นนักสิต้น ต้นควรจะให้โอกาสตัวเองบ้าง คนอื่นๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลต้นก็มี” มั่นคงหมายถึงตัวเขานั่นเอง “ถ้าต้นไม่เปิดโอกาสให้หัวใจของต้นได้เจอคนอื่นๆ บ้าง ต้นก็จะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้แหละ ต้นอยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนล่ะ จนตายเลยหรือเปล่า แล้วมันจะได้อะไร ยังไงสนเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา ใช่ไหม”

ต้นนั่งเงียบและครุ่นคิด สิ่งที่มั่นคงพูดมาล้วนเป็นสิ่งที่ต้นรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถหนีพ้นความต้องการในใจของตัวเองไปได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาเจ็บอยู่เช่นเดิม หรือว่า...เขาควรจะลองเปิดใจจริงๆ เสียที เขาเคยคิดเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็รีๆ รอๆ ไม่ได้คิดทำอย่างจริงจัง พอเจอสนเขาก็แทบจะลืมความเจ็บปวดหมดสิ้น ความตั้งใจว่าจะเปิดใจให้คนอื่นก็หายไปทุกที

“คิดดูดีๆ ละกันนะต้น พี่ไม่ได้ยุให้ต้นเกลียดสนหรือเลิกคบกับสนนะ แต่ถ้าต้นรักเพื่อนแบบเพื่อนได้ มันก็จะดีกว่าไม่ใช่หรือ สนเขาเป็นผู้ชายแท้ ถ้าสนรู้ว่าต้นรักเขาแบบนั้น มันก็อาจจะทำให้เขาอึดอัดได้” มั่นคงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสนรู้เรื่องที่ต้นชอบเขาแล้วเพราะต้นไม่ได้เล่าให้เขาฟัง “พี่เคยมีเพื่อนเป็นผู้ชายแท้ๆ มาหลายคน พอรู้ว่าพี่เป็นแบบนี้ ก็ห่างกันไป เพราะเขาก็รู้สึกอึดอัดและวิตกกังวลที่จะคบกับเรา ขนาดพี่ไม่ได้คิดอะไรกับพวกมันแบบนั้นนะ พวกมันยังไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนกับพี่เลย ต้นก็ต้องระวังด้วย ถ้าเกิดสนรู้ขึ้นมาเขาอาจจะเป็นเหมือนกับเพื่อนพี่พวกนั้นก็ได้ ต้นจะยิ่งเจ็บเข้าไปอีก”

แม้จะไม่ได้ตั้งใจยุแยงให้ต้นเกลียดสน แต่สิ่งที่เขาพูดก็ทำให้ต้นเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที ที่ผ่านมาสนเคยอึดอัดหรือเปล่า แต่ต้นก็ไม่เคยเห็นท่าทีแบบนั้นของสนเลยนี่นา มิหนำซ้ำสนยังดูเหมือนจะมีความสุขมากเวลามาหาเขาเสียอีก หรือว่าต้นจะคิดไปเอง จริงๆ สนอาจจะอึดอัดก็ได้

“เอางี้ไหม ไปโยนโบวลิ่งกันดีกว่า เผื่อต้นจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เสร็จแล้วไปกินข้าวกัน ดีไหม” มั่นคงเปลี่ยนเรื่อง เขาคิดว่าควรจะให้ต้นได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้างเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ที่สำคัญ จะได้ใช้เวลากับเขามากขึ้นด้วย

ต้นคิดอยู่ไม่นานนักก็ตอบตกลงเพราะคิดว่ากีฬาอาจจะช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง เมื่อก่อนเขาชอบไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสกับสนบ่อยๆ แต่พอสนเลิกไปเพราะต้องการประหยัดเงิน ต้นก็เลิกไปด้วย อีกอย่าง ต้นคิดว่าการไปกับพี่มั่นคงครั้งนี้ก็อาจจะช่วยให้เขาสามารถเปิดใจได้มากขึ้นก็ได้ “ก็ดีเหมือนกันครับ”

ดูเหมือนว่าการโยนโบวลิ่งสามารถช่วยต้นให้อารมณ์ดีขึ้นได้จริงๆ เสียด้วย ตลอดเวลาที่เล่นต้นจึงค่อยๆ มีสีหน้าที่แจ่มใสขึ้น หัวเราะร่าเริงมากขึ้น ผ่านไปราวเกือบชั่วโมง ต้นก็มานั่งพักและคุยกับมั่นคง มั่นคงพอรู้ว่าเขาควรจะใจเย็นและไม่ผลีผลามจนเกินไปเพราะดูแล้วต้นไม่ใช่คนที่เขาจะได้มาง่ายขนาดนั้น ยิ่งรู้ว่าต้นมีหัวใจที่ค่อนข้างมั่นคงด้วยแล้ว คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะเปลี่ยนใจต้น การผลีผลามจนเกินไปก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ในช่วงนี้เขาควรจะถือโอกาสที่ต้นรู้สึกสับสนเข้ามาช่วยทำให้ต้นรู้สึกดีขึ้นดีกว่า เผื่อว่าต้นอาจจะได้เห็นทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการจมอยู่กับความรักที่มองไม่เห็นอนาคตอยู่แบบนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------
พอสนกลับมาจากส่งภรรยาแล้วก็กลับมาที่คอนโดเพื่อทำงานที่ค้างไว้ต่อ แต่เขาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าในช่วงสามสี่วันที่ภรรยาเขาไม่อยู่นี้ เขาน่าจะไปอยู่กับต้นบ้าง ต้นจะได้ไม่เหงา เขาเองก็จะได้มีเพื่อนคุยด้วย คิดได้อย่างนั้นแล้วสนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาต้น ไม่นานนักต้นก็รับสาย

“ต้น...ตอนนี้นายกลับถึงบ้านหรือยัง เรามีข่าวดีจะบอก” น้ำเสียงของสนดูสดใสมากทีเดียว ดูเขาตื่นเต้นไม่น้อย

“เอ่อ...เราอยู่ข้างนอกน่ะสน พอดีมาโยนโบวลิ่งกับเพื่อน” ต้นตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า “นายมีข่าวดีอะไรเหรอ”

สนดูจะงงๆ เล็กน้อยเพราะไม่เห็นต้นบอกเขาเลยว่าจะไปโยนโบวลิ่ง แล้วเพื่อนที่ว่าของสนนี้เป็นเพื่อนที่ไหน เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนหรือใคร ถ้าเป็นกลุ่มปั้นจั่น นิกหรือเอก ต้นก็น่าจะบอกเขาด้วยนี่นา “เหรอ...ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลย จะได้ไปด้วยเสียหน่อย” สนพูดเหมือนน้อยใจ ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับข่าวดีที่เขาเกริ่นไว้ตอนแรก

ต้นอึกอักอยู่สักพักแล้วก็ตัดสินใจบอกไปตามความจริงเพราะเขาไม่เคยโกหกสนเลย “พี่มั่นคงชวนเรามา” ต้นตอบเสียงเบา

สนจึงพอจะเดาได้ว่าทำไมต้นถึงไม่บอกเขา “อะไรนะต้น นายไปโยนโบวลิ่งกับพี่คนนั้นเหรอ” สนทำเสียงตกใจ

“ก็...พอดีพี่เขาไปรับเราที่บ้าน แล้วก็เลยพามาที่นี่” ต้นบอกเสียงอ่อย

สนได้ยินแล้วก็สะท้อนใจ ตั้งแต่เขาซื้อรถมาขับ เขาไม่เคยมีโอกาสพาต้นไปบ้านหรือมาส่งต้นเพียงลำพังสองคนเลย แล้วถ้าต่อไปพี่มั่นคงอะไรนั่นเป็นคนไปรับไปส่งต้นเองล่ะ แค่คิดเขาก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้ว

“นายจะกลับกี่โมง” สนเปลี่ยนเรื่อง เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะตัดพ้อต่อว่าต้นตอนนี้

“ว่าจะไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ คงอีกสัก 2-3 ชั่วโมง”

สนหน้าเจื่อน เขาอุตส่าห์วางแผนไว้ว่าเย็นนี้จะไปหาต้นที่บ้านแล้วทำอะไรกินกัน แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เขารู้สึกเจ็บในใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเพื่อนมีคนมาคอยดูแลแบบนี้ “เอางี้ละกัน ให้เราไปรับนายกลับละกันนะต้น วันนี้เราว่าง”

“อย่าดีกว่าสน นายอยู่กับครอบครัวเถอะ นายมาหาเราบ่อยๆ ไม่ดีนะ เดี๋ยวนาเขาจะว่าเอาได้ว่านายไม่มีเวลาให้เขา” ต้นบอกกึ่งปราม

“วันนี้นาไม่อยู่ กลับบ้านไปแล้ว เขาต้องไปดูแลพี่ชายเขาที่ป่วยอยู่ อีกสามสี่วันจะกลับ” สนชี้แจงแล้วก็รบเร้าอีก “นะต้น ให้เราไปรับนายได้ไหม เราอยากไปค้างกับนายสักสองสามวันด้วย”

ต้นเริ่มสับสนอีกแล้ว พอจะเริ่มลองเปิดใจ สนก็ทำให้เขาสับสนทุกที แต่ต้นจะใจแข็งกับเพื่อนได้หรือ ต้นไม่เคยทำได้เลยสักครั้งเดียว “ก็แล้วแต่นายละกัน ถ้านายไม่ลำบาก”

“นายดีกับเราตั้งเยอะ ไปรับนายแค่นี้ไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลย นายต่างหากที่ลำบากกับเรามามาตลอด” สนบอก “ว่าแต่ว่า...นายไม่อยากกินข้าวเย็นกับเราบ้างเหรอวันนี้” สนลองหยั่งความสนใจของเพื่อนอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนกันว่าเขาเองก็กดดันเพื่อนมากเกินไปหน่อย

เห็นเพื่อนอ้อนแบบนี้แล้วต้นก็ชักจะเริ่มหวั่นไหวอีกแล้ว “เราตกลงกับพี่เขาไว้แล้ว เราไม่อยากผิดคำพูดน่ะสน” ต้นอธิบาย

“ว้า...แย่จัง เราอุตส่าห์ตั้งใจจะออกไปซื้อของไปทำอะไรให้นายกินอยู่พอดีเลย สงสัยต้องทำไว้กินคนเดียวแล้วล่ะ” สนทำเสียงเศร้าพลางถอนหายใจ

“เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหมล่ะ” ต้นเสนอ

“พรุ่งนี้เราต้องกลับดึกน่ะต้น ต้องเอางานไปส่งเขาตอนเย็น” สนหมายถึงงานพิเศษที่เขารับทำอยู่ตอนนี้

“งั้นก็มะรืนนี้ดีไหม”

“ก็เราอยากกินวันนี้” สนตัดสินใจบอกสิ่งที่คิดโดยไม่อ้อมค้อม แต่ก็นึกขอโทษต้นในใจที่เขากดดันเพื่อนมากเกินไป “แต่ถ้านายไม่ว่างเรากินคนเดียวก็ได้ อ้อ! กินใกล้เสร็จแล้วโทรมาบอกเราด้วยนะ เดี๋ยวไปรับ”

ต้นรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เห็นเพื่อนทำเสียงเศร้าๆ เหมือนน้อยใจอย่างนั้นแล้วก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ “โอเค เดี๋ยวเราจะโทรไปบอก แค่นี้ก่อนนะ พี่เขาชวนเราไปเล่นต่อแล้ว”

“โอเค” สนเงียบไปสักพักแล้วก็ตัดสินใจบอกไปว่า “คิดถึงนายนะ” สนบอกแล้วก็รีบวางหูไปทันที แล้วก็แอบยิ้มคนเดียว ป่านนี้ต้นคงงงไปแล้วว่าทำไมเขาถึงพูดคำนี้ออกไป เขาอยู่กับต้นมานานก็พอจะเดาได้ว่าต้นไม่น่าจะใจแข็งกับเขาขนาดนั้น

แล้วก็เป็นอย่างที่สนคาดไว้ไม่มีผิด สักพักต้นก็โทรกลับมา

“สน...เรา...เปลี่ยนใจแล้วล่ะ เราจะกลับไปกินข้าวกับนาย นายมารับเราตอนนี้เลยก็ได้” ต้นบอกด้วยน้ำเสียงอายๆ ที่สุดท้ายเขาก็ต้องใจอ่อนจนได้ แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องยกเลิกอาหารเย็นกับพี่มั่นคงซึ่งก็ดูท่าจะผิดหวังไม่น้อย แต่ต้นก็คงต้องเลือกเพื่อนที่เขารักอยู่แล้ว

“ขอบใจมากเพื่อนรัก เราโชคดีที่สุดเลยที่มีเพื่อนที่น่ารักอย่างนาย วันนี้เราจะทำอาหารให้สุดฝีมือเลย รับรองจะต้องอร่อยจนลืมไม่ลง” สนสัพยอกกับเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เขายิ้มดีใจที่รู้ว่าต้นไม่เคยเปลี่ยนเลย ต้นเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเขาเสมอ ไม่ว่าจะวันนี้หรือที่ผ่านมาหรือในอนาคต เขามั่นใจกับเพื่อนคนนี้เสมอ “เรารักนายเหลือเกินต้น เราจะไม่ยอมสูญเสียนายไปอีกแล้ว เรารู้แล้วว่าเราจะรักใคร เป็นไงก็เป็นกัน” สนบอกตัวเองในใจ เขาเริ่มแน่ใจมากขึ้นทุกทีๆ ว่าเขาไม่น่าจะคิดกับต้นแค่เพื่อนเท่านั้น

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.