We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ"
Posted by sarawatta on 11-Jul-11 at 08:05 AM
ขอโพสต์ตอนนี้ใหม่นะครับ ตอนที่เขียนมึนงงนิดหน่อย พอดีก่อนจะมาเขียนต้องใช้หมองค่อนข้างหนัก
ตอนนี้ดูน่าตกใจพอสมควรครับ เหมือนเป็นจุดหักเหของเรื่อง แต่ก็อาจจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันได้ครับ
-----------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 29: สายเสียแล้ว

เช้าแล้ว วันนี้บรรยากาศข้างนอกดูสดใสมากทีเดียวเพราะท้องฟ้าไม่มีเมฆบังเลย แต่ทว่าสนกลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง เขาลุกขึ้นนั่ง มองดูต้นที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แล้วก็ทอดถอนใจ ความรู้สึกหลายๆ อย่างประดังประเดเข้ามาในความคิด ใจหนึ่งก็อยากทำตามหัวใจและความต้องการของตัวเอง ใจหนึ่งก็คิดถึงความผิดชอบชั่วดี ใจหนึ่งก็นึกประหวั่นพรั่นพรึงกับทัศนคติของคนรอบข้าง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เถอะ บางทีเขาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะทำใจรับว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เพราะเขาหลงรักเพื่อนของตัวเองที่เป็นผู้ชายด้วยกัน เขาจะทำอย่างไรดีกับชีวิตในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ เขารู้ว่าชีวิตครอบครัวของเขากับนาไม่มีทางที่จะไปได้ดีกว่านี้แล้ว อาจจะดูโหดร้ายถ้าเขาจะบอกว่าเขาไม่ได้รักนาและอาจจะไม่ได้รักมานานแล้ว แต่ติดที่เขาคือคนที่เลือกและตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเธอเอง เขาก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าชีวิตเดินไปทางนั้นตั้งหลายปีได้อย่างไร คนที่หนีความจริงมากๆ บางทีสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่รู้เหตุผลลึกๆ ของตัวเองเหมือนกัน

“ต้น ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน” สนเรียกพลางเขย่าแขนเพื่อนเบาๆ

ต้นค่อยๆ ลืมตางัวเงียตื่น พอเห็นสนลุกขึ้นนั่ง เขาก็บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นมานั่งตาม เห็นสีหน้าของสนแล้วต้นก็ได้แต่สงสารเพื่อน สนยังคงดูเครียดและไม่แจ่มใส

“นายไปอาบน้ำก่อนก็ได้” สนบอกเพื่อน เขาพยายามยิ้มแต่ก็ยังคงมีแววตาเศร้าอยู่

ต้นทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จทั้งสองคนแล้ว ต้นก็มาช่วยดูแลเสื้อผ้าและการแต่งตัวให้เพื่อนเช่นเคย ระหว่างที่ต้นช่วยติดกระดุมแขนเสื้อให้สนอยู่นั้น สนก็พูดขึ้นมาว่า

“รู้ไหมต้น นายทำให้เราเข้าใจความรักมากขึ้นนะ”

ต้นเงยหน้ามองเพื่อนอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาหันมาใส่ใจกับการติดกระดุมเช่นเดิม

“บางที่เรามักจะรักคนอื่นด้วยความพยายาม พยายามทำดี พยายามเอาใจและพยายามอีกหลายอย่าง แต่สำหรับนาย เราไม่เคยเห็นว่าความรักของนายที่มีให้เราเกิดจากความพยายามเลย” สนเว้นจังหวะ ต้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัยอีกครั้ง “นายไม่เคยพยายามรักเรา เพราะนายรักเราอยู่แล้ว นายไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อเรา เพราะนายทำทุกอย่างด้วยความรู้สึกจากใจของนาย ใช่ไหมต้น”

ต้นสบตากับเพื่อน ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้า

“นี่แหละ ที่ทำให้เรารักนายโดยที่เราก็ไม่ต้องพยายาม ถ้าจะพยายาม...ก็คงพยายามหนีความจริงมากกว่า...หนีจนเหนื่อย” สนหยุดไปสักพักแล้วก็พูดต่อว่า “ตรงข้ามกับความรักที่เรามีให้คนอื่น มันเหมือนกับต้องพยายาม พยายามที่จะรัก พยายามที่จะทำอะไรต่อมิอะไรมากมายอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็พบว่า เราพยายามที่จะรักสิ่งที่เราไม่ได้รักไม่ได้” สนถอนหายใจยาว “เป็นการเหนื่อยที่สูญเปล่า”

ต้นพอจะเดาออกแล้วล่ะว่าสนหมายถึงอะไร เขาติดกระดุมเสร็จแล้วก็หยุดยืนมองเพื่อน “สน...เราขอโทษนะ ถึงแม้เราจะรักนายแค่ไหน แต่ก็มีหลายเหตุผลเหลือเกินที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามหัวใจของเราได้ นายอยากฟังไหมว่ามีอะไรบ้าง” น้ำเสียงของต้นดูเครียด

พอสนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งเครียดมากขึ้นจากเดิมที่ก็เครียดอยู่แล้ว เขาพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้ต้นพูดต่อได้

“หนึ่ง...นายแต่งงานแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดหรืออะไร นาก็เป็นผู้หญิงที่นายเลือกและนายก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเขา เขาไม่ได้ผิดอะไร เขาไม่ควรเป็นคนที่ต้องเสียใจ” ต้นหยุดแล้วก็พูดต่อ “สอง...ความรักของผู้ชายกับผู้ชายไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวของนาย ครอบครัวของเรา เพื่อนๆ และคนรอบข้างจะคิดยังไง จะรับได้ไหม แล้วตัวเราล่ะ เราพร้อมหรือยัง เราพร้อมที่จะเผชิญกับสายตาและปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ได้มากน้อยแค่ไหน มันกดดันมากนะสน หรือไม่อย่างนั้นเราก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เราจะอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหนล่ะ เราจะมีความสุขไหม...และเหตุผลสุดท้าย” ต้นมีสีหน้าเศร้าลง “เราไม่อยากเป็นคนที่ทำลายอนาคตของนายเสียเอง เราไม่ใช่ผู้หญิงนะสน เราไม่สามารถที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้เพื่อนาย เรามีลูกให้นายไม่ได้ เราอาจจะไม่ใช่คนที่นายจะควงคู่ไปไหนด้วยได้อย่างภาคภูมิ อาจไม่ใช่สิ่งที่พ่อกับแม่ของนายคาดหวังจะได้เห็นจากนาย เราไม่อยากให้ความรักของเราทำให้ชีวิตนายยากลำบาก เรายินดีที่จะเจ็บปวดและเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวเรา ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร แต่เราจะไม่ทำร้ายใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชีวิตและอนาคตที่ดีๆ ของนาย คิดให้ดีๆ นะสน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีผลกระทบไม่ใช่แค่เราสองคน”

สนกะพริบตาถี่ๆ เพราะน้ำตาเริ่มมาคลอที่เบ้าตาอีกแล้ว เขาไม่ชอบตัวเองที่อ่อนแอแบบนี้เลย แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาได้ตระหนักแล้วว่าต้นรักเขามากจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ความรักที่ไม่ลืมหูลืมตา ตรงกันข้าม เป็นความรักที่มีสติ มีความปรารถนาดี ไม่คิดหวังที่จะครอบครองเป็นเจ้าของเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง “แล้วนายจะให้เราทำยังไงล่ะต้น เรารักนายนะ เราอยู่กับคนอื่นเราก็ไม่มีความสุข เราจะฝืนใจตัวเองได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ เราเหนื่อยที่จะพยายามแล้ว นายรู้ไหมว่า...ทุกครั้งที่เห็นนายเจ็บ เราก็เจ็บไม่แพ้กัน เราไม่อยากทำร้ายจิตใจนายอีก นายเข้าใจเราหรือเปล่า” สนรำพัน

“เราเข้าใจนาย เพราะเราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่คนเราก็อาจจะมีทางเลือกไม่มากนัก บางทีเราก็ต้องรับผิดชอบมากกว่าที่จะคิดถึงตัวเราเอง โดยเฉพาะถ้ามันจะทำลายชีวิตคนอื่น บางทีเราก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ อีกมากมายที่คาดหวังกับเรา ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ สิ่งที่เราพอจะบอกได้ตอนนี้ก็คือ เราต้องคิดให้มาก คิดให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวพันกับหลายชีวิตที่อยู่รายรอบตัวเรา ถ้าเป็นแค่เรื่องของเราสองคน เราจะไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลย แต่เรื่องนี้ เราอยากให้เราสองคนทบทวนอีกครั้งและคิดให้ดี...ได้ไหมสน เชื่อเรานะ...คิดให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว...เราอาจจะต้องเสียใจมากกว่าเดิม”

สนถอนหายใจหนัก เขาสับสนอย่างยิ่งในตอนนี้ จะรักก็เหมือนจะรักไม่ได้ ครั้นจะกลับไปจุดเดิมเขาก็รู้ว่าเขามาไกลเกินไปแล้ว เขาไม่มีความรักแบบนั้นเหลือให้นาแล้ว ถ้าจะมีก็คงมีแต่ความสงสาร...สงสารที่เธอต้องเป็นเหยื่อจากความไม่รู้ของเขาเอง เธอไม่ผิดอย่างที่ต้นว่า แต่เขาไม่ได้รักเธอแล้ว แล้วจะอยู่กันต่อไปอย่างไร “ได้...” สนพูดออกมาอย่างยากเย็น “เราเชื่อนาย”

“สน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่านายจะเข้าใจสิ่งที่เราพยายามสื่อสารมากน้อยแค่ไหน นายจำเอาไว้อย่างเดียวนะ” ต้นเว้นจังหวะ สนมองเขาอย่างสนใจ “เรารักนายเสมอ” ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อน มีไม่กี่ครั้งหรอกที่ต้นจะเป็นฝ่ายกอดเพื่อนก่อน น้อยครั้งมาก แต่วันนี้เขาอยากทำให้สนรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่เครียดมาตั้งแต่เมื่อคืน

“เรารู้ต้น...เราจะจำไว้” สนกอดตอบเพื่อนที่เขารักปานแก้วตาดวงใจเบาๆ พร้อมกับลูบหลังไปด้วย “ไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย เย็นนี้เราอาจจะกลับดึกๆ นะ จะเอางานไปส่งลูกค้า ถ้านายหิวก็กินข้าวไปก่อนละกัน”

ต้นละจากเพื่อน เขาพยักหน้าแล้วยิ้ม
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนพักเที่ยง มั่นคงเดินมาชวนต้นลงไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารชั้นใต้ดินของตึกที่ทำงาน หลังจากกลับจากลาวก็ดูเหมือนว่ามั่นคงจะสนิทกับต้นมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนเพียงแค่ทักทายกันตามประสาเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“เมื่อวานสนพาไปกินข้าวที่ไหนล่ะ” มั่นคงถามขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกัน เขากับต้นนั่งตรงข้ามกัน

“ไม่ได้ไปไหนครับ พอดีสนเขาชอบทำอาหาร ก็เลยทำอาหารกินกันเองครับ ประหยัดดี” ต้นตอบพลางยิ้ม

“สนเขาชอบทำอาหารเหรอ แปลกจัง ดูท่าทางไม่น่าจะชอบอะไรพวกนี้”

“ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะชอบเหมือนกันครับ แต่เขาเพิ่งชอบจริงๆ จังๆ เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ผมว่าฝีมือเขาเยี่ยมมากเลยครับ ใครกินก็ติดใจ ผมก็เลยยุให้เขาเปิดร้านอาหาร ดูเหมือนเขาก็สนใจอยู่ครับ” ต้นเล่าด้วยสีหน้ามีความสุข

“อ๋อเหรอ” มั่นคงพูดเสียงเรียบ เห็นสีหน้าที่มีความสุขของต้นเวลาพูดถึงเพื่อนแล้วเขาก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก “ดูท่าทางต้นจะรักเพื่อนคนนี้มากเลยนะ”

ต้นชะงัก มองหน้ามั่นคงอย่างสงสัย เริ่มรู้สึกตะขิดตะขวงใจในท่าทีของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“ต้น...ต้นไม่รู้สึกเหนื่อยล้าบ้างเหรอที่รักคนที่เขาไม่ได้รักเรา” มั่นคงตัดสินใจถามออกไป “เมื่อไรต้นถึงจะเปิดใจให้โอกาสตัวเองเสียที ต้นอยู่แบบนี้ต้นไม่เหงาเหรอ”

สิ่งที่มั่นคงถามทำให้ต้นรู้สึกพะอืดพะอมพอสมควร ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นคงรู้สึกเศร้าใจ แต่วันนี้ต้นไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว “ก็...ไม่นี่ครับ ถ้าจะเหนื่อยก็คงเลิกรักไปนานแล้ว ผมรักเขามาตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่ จนตอนนี้ยี่สิบแปดแล้ว ผมชินแล้วล่ะครับ อย่างน้อยสนก็ไม่รังเกียจผม อย่างน้อยผมก็ได้ดูแลเขาบ้าง ได้เป็นเพื่อนที่รักกันอย่างเดิม ผมว่ามันก็โอเคแล้วล่ะครับ”

มั่นคงได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อึ้งไป คำตอบของต้นผิดไปจากที่เขาคาดไว้มากทีเดียว “แล้วต้นไม่กลัวแฟนของสนเขาระแคะระคายบ้างเหรอ”

“ไม่หรอกครับ...ผมไม่ได้คิดจะแย่งชิงสนมาเป็นของผม ผมพอใจที่จะรักเขาแบบนี้ อาจจะเจ็บบ้าง แต่ผมก็ต้องรักเขาต่อไป”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าแฟนสนรู้ว่าต้นคิดยังไงกับสามีเขา เขาก็ต้องไม่พอใจ แล้วมันจะเกิดปัญหานะต้น”

ต้นครุ่นคิด มันต้องเกิดปัญหาแน่ๆ ถ้านาเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็จะกลายเป็นคนไม่ดีที่สร้างความร้าวฉานให้แก่ครอบครัวของคนอื่น

พอเห็นต้นเริ่มเครียด มั่นคงก็รีบสำทับต่อว่า “ไม่มีความลับในโลกนี้หรอกนะต้น สักวันเขาก็ต้องรู้ ถึงต้นไม่ได้คิดจะแย่งของเขามา แต่ต้นก็อาจจะกลายเป็นคนไม่ดี ครอบครัวของสนก็อาจจะมีปัญหาได้ มันเป็นเรื่องใหญ่นะต้น เชื่อพี่ ต้นต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ปัญหามันจะเกิด”

ต้นเริ่มคล้อยตามและหวั่นไหว เขากลัวจริงๆ ที่จะเป็นคนสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเพื่อนร้าวฉาน แต่ก่อนที่ต้นจะได้พูดอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์ของต้นก็ดังเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา ต้นหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็กดดูข้อความใหม่ สนส่งมานั่นเอง ข้อความก็มีอยู่ว่า “คิดถึงจังเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดถึง อย่าลืมคิดถึงเราบ้างนะ”

พออ่านแล้วต้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ สนกำลังทำเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มจีบสาว แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

“มีอะไรหรือเปล่าต้น อ่านไปยิ้มไป” มั่นคงถามด้วยความแปลกใจ

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองมั่นคงแล้วก็รีบตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพื่อนส่งข้อความมาน่ะครับ”

“สนหรือเปล่า”

ต้นชะงักที่มั่นคงรู้ทัน แต่สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี มาถึงวันนี้แล้ว ต้นก็ได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าเขาจะปิดหัวใจของเขาต่อไปหลังจากที่คิดจะเปิดบ้างปิดบ้างมาระยะหนึ่ง เขาจำคำที่สนพูดเมื่อเช้าได้ดีว่าเราไม่สามารถพยายามรักคนที่เราไม่ได้รักได้ เพราะฉะนั้น ต้นก็จะไม่พยายามแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะรักสนต่อไป ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนก็ตาม เขาจะต้องบอกพี่มั่นคงเสียทีว่าไม่ต้องรอเขา ไม่ต้องเสียเวลากับเขา เพราะเขารักใครไม่ได้อีกแล้ว แต่เนื่องด้วยสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย ต้นจึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน แต่เขาจะต้องบอกอย่างแน่นอน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

มั่นคงเงียบและมีท่าทีเครียดอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้ถามอะไรต้นต่อและต่างก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวกันไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
“พี่สนคะ นี่ใจคอพี่จะไม่ถามอะไรนาเลยสักคำใช่ไหมคะว่านาเป็นยังไงบ้าง” เสียงเขียวไม่พอใจของนาดังมาจากอีกปลายสาย หลังจากที่เธอกลับบ้านไปตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ สนก็ไม่ได้โทรมาถามอะไรเธออีกเลย จนในที่สุดนาก็ทนไม่ได้ต้องโทรมาเอง

“คือ...พอดีพี่มัวแต่ทำงานยุ่งๆ อยู่ ขอโทษด้วยจริงๆ แล้วตอนนี้นาเป็นไงบ้าง พี่ยศอาการดีขึ้นไหม” สนพยายามแก้ตัว

แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยทำให้อาการพลุ่งพล่านของนาลดลงเลย “ถ้านาไม่โทรมาหาเอง พี่สนจะโทรหานาไหมคะ อย่าอ้างเลยว่าไม่ว่าง ถ้าคนมันห่วงกันจริงๆ ก็หาเวลาโทรมาถามได้ทั้งนั้นแหละ ถามสักคำสองคำก็ยังดี”

สนได้แต่เงียบ เขาขับรถไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเอางานที่ทำเสร็จแล้วไปส่งที่บ้านลูกค้าหลังจากที่เลิกงาน

“ถามจริงๆ เถอะนะคะ พี่สนรักนาบ้างหรือเปล่า เป็นห่วงนาบ้างไหม” นาเริ่มเสียงดัง

“ทำไมถามพี่อย่างนั้นล่ะนา”

“พี่สนก็ถามตัวเองสิคะ แต่งงานกันมาไม่กี่เดือน พี่สนเปลี่ยนไปเยอะเลยรู้ไหมคะ พี่สนเป็นอะไรเหรอ อย่าคิดว่านาไม่สังเกตนะ นารู้นะว่าพี่สนไม่เหมือนเดิม”

สนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น สิ่งที่เขากลัวที่สุดเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เขาจะตอบนาอย่างไรดี ถ้าเขาบอกไปตามตรงนาคงจะเสียใจมาก เขาเลือกเธอมาเอง อยู่ดีๆ จะผลักไสไล่ส่งเธอไปก็คงจะดูใจร้ายและไม่ยุติธรรมอย่างมาก

“นา...พี่ว่านาใจเย็นๆ ก่อนดีไหม กลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน” สนพยายามเบี่ยงประเด็นและถ่วงเวลา

ได้ผลพอสมควรเพราะนาเริ่มลดอาการกระฟัดกระเฟียดลงเล็กน้อย “ค่ะ เราต้องคุยกัน นาปล่อยให้ชีวิตแต่งงานของเราเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ” แล้วนาก็นึกอะไรบางอย่างได้ “อ้อ...แม่ถามถึงพี่ด้วย แล้วก็ถามด้วยว่าเมื่อไรเราจะมีลูก” เสียงของนาดูเย็นชาทีเดียว

สนสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเรื่อง “มีลูก” เพราะขณะนี้มันเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด เพราะถ้าเกิดเขามีลูกขึ้นมาแล้วก็หมายความว่าความรักของเขากับต้นจะถึงทางตันทันที

“เหรอ...แล้วนาตอบแม่ว่าไงครับ” สนถามพลางกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

“ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ ไม่ต้องรอแล้ว เพราะนาท้องแล้ว”

“อะไรนะนา นาพูดว่าอะไรนะ” สนตกใจจนแทบสิ้นสติ เขารีบหักเลี้ยวรถแล้วจอดข้างทางทันทีเพราะเขารู้สึกช็อคจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงขับรถต่อไป

“ตกใจเหรอคะที่เมียตัวเองท้อง ทำไมต้องตกใจคะ คนอื่นเขามีแต่จะดีใจ มีอะไรน่าตกใจขนาดนั้นเหรอคะ” น้ำเสียงของนายังคงไม่พอใจอยู่เช่นเดิม

สนตะลึงงันเมื่อภรรยาเขาย้ำชัดเจนว่าเธอตั้งท้อง หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตนี้เขาไปไหนไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่วาดหวังไว้ทั้งหมดเป็นอันจบสิ้นลงนับตั้งแต่วันนี้ เขามีอีกชีวิตทีต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ แต่นั่นก็คือลูกของเขา สนซบหน้ากับพวงมาลัยแล้วก็ร้องให้ วางโทรศัพท์ลงข้างๆ เบาะรถโดยไม่ปิดการสนทนา สงสารตัวเอง สงสารเด็กที่จะเกิดมาเป็นลูก สงสารต้น ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว เขาจะทำอย่างไรดี

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.