We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 19-Apr-12 at 08:24 AM
พอดีผมแก้ของเดิมไม่ได้ ก็เลยเอาตอนที่ 31 มาลงให้ใหม่
แก้คำพูดค่อนข้างเยอะครับ อันที่แล้วมันมีบางช่วงเป็นวิชาการเยอะไปหน่อย
พยายามปรับให้มันดูธรรมดาลงครับ

----------------------------------

ตอนที่ 31

"หายไปไหนมาตั้งหลายวัน อย่าบอกนะว่าไปขลุกอยู่กับไอ้เกย์นั่น"

กลับมาถึงบ้านไม่ทันจะได้นั่งพัก แม่ก็เล่นงานบูมเสียแล้ว

บูมรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เขาไม่ชอบเอาเสียเลยที่แม่เรียกทิวว่า "ไอ้เกย์" อีกแล้ว

"ใช่ครับ" บูมยอมรับไปตามตรง เขาตั้งใจอยู่แล้วว่าจะกลับบ้านเย็นวันอาทิตย์หลังจากที่ไปอยู่ดูแลทิวถึงสองวันเต็มๆ เขาคิดไม่ถึงว่าแม่จะไม่พอใจถึงขนาดนี้ "แม่อย่าเรียกทิวแบบนั้นได้ไหมครับ"

"ทำไม...แม่จะเรียกอย่างนี้นี่แหละ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งแม่แบบนี้"

"แม่..." บูมหมดความรู้สึกที่อยากจะต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางที่จะทำให้แม่เข้าใจได้ บูมจึงเลิกพยายามและทำท่าจะเดินขึ้นห้องไป

"เมื่อไรจะหยุดสร้างปัญหาเสียทีนะบูม รู้ไหมว่าตอนนี้คุณโฉมศรีกับหนูแพรวเขาจะฟ้องเราแล้ว"

บูมหยุด ตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าแพรวจะต้องทำถึงขนาดนี้

"ถ้าแกไม่แต่งงานกับหนูแพรว เขาก็จะฟ้องแกในฐานนอกใจเขา แล้วเราก็จะไม่ได้ของหมั้นคืน แต่นั่นไม่เท่าไรหรอก แต่ฉันอายคนอื่นๆ เขารู้ไหม ตระกูลของเราไม่เคยมีใครต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ก็จะมีแกนี่แหละเป็นคนแรก ถ้าแกไม่อยากให้ครอบครัวเราขายขี้หน้ามากไปกว่านี้ แกก็ต้องแต่งงานกับหนูแพรวซะ แล้วเลิกไปหาไอ้เกย์นั่นเสียที แม่จะบ้าตายอยู่แล้วรู้ไหม แกจะทำให้แม่เสียใจไปถึงไหนหาบูม!!!" คุณทิพย์นภาตวาดเสียงดังในตอนท้าย

บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกแล้ว ดูท่าทางแม่คงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ บูมเองก็ชักจะเหนื่อยใจ สรุปว่าไปๆ มาๆ ความผิดทุกอย่างก็มาตกที่เขา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มมันเลย แถมยังจะต้องถูกบังคับให้ต้องรับผิดชอบทุกอย่างอีก

"แม่...บูมขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เสียใจ แต่บูมไม่ได้รักแพรว บูมแต่งงานกับเขาไม่ได้ แม่อย่าบังคับบูมเลยนะครับ ผมขอร้อง ให้ผมชดใช้อะไรก็ได้...แต่ผม...จะไม่แต่งงานกับแพรว ผมไม่อยากสร้างเวรกรรมให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรอีก ผมไม่อยากให้แพรวต้องมาเสียใจทีหลังเพราะผมไม่ได้รักเขา" บูมเปลี่ยนจากการพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวเป็นอ่อนลง เขาหวังว่าแม่คงจะเข้าใจและเห็นใจเขาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

"แล้วแกรักใคร รักไอ้เกย์นั่นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงบูม คิดบ้างไหมว่าคนอื่นๆ เขาจะรับได้ไหม แล้วแกจะอยู่ในสังคมนี้ได้ยังไง พ่อกับแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คิดเสียบ้างสิ"

"แม่...บูมเป็นเกย์นะครับ ไม่ได้เป็นหวัดที่กินยาแล้วก็หาย" บูมเถียง

"บูม!!! อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นให้แม่ได้ยินอีก บูมไม่ใช่เกย์ เข้าใจไหม อย่าให้แม่ได้ยินอีกนะ" แม่ตวาดเสียงดัง เธอรับไม่ได้อย่างยิ่งที่ลูกชายคนเล็กยอมรับว่าเขาเป็นเกย์ คนเป็นแม่เจ็บปวดแค่ไหนที่ลูกที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยกำลังจะกลายเป็นคนที่สังคมรังเกียจ คนที่สังคมตีตราว่าเป็นได้แค่พวกตัวตลกและสำส่อน

บูมถอนหายใจ เขารู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทะเลาะหรืออธิบายอะไรอีกแล้ว บูมจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้อง แต่แม่ก็ทำให้เขาต้องชะงักด้วยความตกใจอีกจนได้

"ดี...แกไม่เชื่อแม่ใช่ไหม อย่าหาว่าแม่ใจร้ายละกัน ไอ้เกย์นั่นมันจะไม่ใช่แค่เจ็บตัวอย่างเดียวเหมือนตอนนี้แน่"

บูมรู้สึกอยากจะร้องไห้และตะโกนให้สุดเสียงให้สมกับความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ข้างใน นี่สรุปว่า...ที่ทิวเจ็บตัวขนาดนี้เป็นฝีมือของแม่ของเขาเองหรือ บูมแทบไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเท้าหรือยืนจนต้องทรุดตัวนั่งคุกเข่าลงกับพื้น

"ทำไมแม่ทำแบบนี้ แม่ทำแบบนี้ทำไมครับ" บูมถามพลางสะอื้นไห้ด้วยความสะเทือนใจ

"แม่ทำได้ทั้งนั้นแหละ เพราะแม่ไม่อยากให้บูมเป็นเกย์ เข้าใจไหมบูม...แม่ไม่อยากให้ลูกชายของแม่เป็นเกย์ แม่รับไม่ได้ บูมจะต้องหาย บูมจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป เข้าใจไหมบูม เมื่อไรบูมจะเลิกเป็นเกย์เสียที หา!!!"

บูมเอามือปิดหูเพราะเขาไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว พอแม่พูดจบเขาก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากบ้านทันที ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกแค่นาทีเดียวเขาอาจจะเป็นบ้าได้ อย่าว่าแต่แม่เลยที่รับไม่ได้ที่เขาเป็นเกย์ บูมเองก็รับไม่ได้เหมือนกันที่รู้ว่าแม่ให้คนไปทำร้ายทิวจนเจ็บตัวขนาดนั้น

"บูม...จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้"

คุณทิพย์นภาเรียกตามหลังลูกชาย แต่บูมก็ไม่กลับมาและหายไปพร้อมกับเสียงรถยนต์ เธอได้แต่ร้องไห้และกำมือแน่น บูมดื้อมากและไม่ฟังเธอเลย บูมจะเคยรู้ไหมว่าแม่กำลังเจ็บปวดแค่ไหน เธอเป็นทุกข์มากเหลือเกิน ตั้งแต่ที่รู้ว่าบูมกลับไปหาทิว เธอก็แทบไม่มีกะจิตกะใจจะสอนหนังสือ กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดแต่จะหาหนทางทำให้บูมกลับมาเป็นผู้ชายปกติทั่วไปให้ได้

รายการโทรทัศน์ที่คุณทิพย์นภาเปิดทิ้งไว้ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรายการตลกแล้ว ภาพผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงและทำท่าทางวี้ดว้ายกระตู้วู้น่าขบขันในจอโทรทัศน์นั้นทำให้คุณทิพย์นภาถึงกับหวีดร้อง

"ไม่จริง...ลูกของฉันจะต้องไม่เป็นแบบนี้"

"แม่!!!"

บีมเรียกด้วยสีหน้าตกใจเมื่อเขาเข้ามาในบ้านแล้วก็เห็นแม่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นร้องให้ฟูมฟาย คงจะมีเรื่องกับบูมอีกแน่ๆ เลยเพราะเมื่อกี้บีมเพิ่งสวนกับบูมที่ขับรถออกไป

"แม่เป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น"

บีมรีบวิ่งไปหาแม่ด้วยความเป็นห่วง พอเขานั่งลง คุณทิพย์นภาโอบกอดลูกชายคนโตไว้แล้วก็ร้องคร่ำครวญ "บีม...ช่วยน้องด้วยนะลูก อย่าให้น้องเป็นเกย์ แม่จะไม่ไหวแล้ว แม่ทำใจไม่ได้ นะบีม...ช่วยน้องด้วย"

บีมกอดแม่ไว้แล้วก็น้ำตาซึม แม่เป็นทุกข์เรื่องของบูมมาก ถึงแม้ว่าบีมจะไม่เห็นด้วยที่แม่ยอมรับตัวตนของน้องชายไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ แม่รักและคาดหวังกับบูมมาก มากเสียจนยากที่จะยอมปล่อยสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นไปได้ง่ายๆ สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก บีมคิดว่าบูมควรจะต้องถอยและยอมแม่สักหน่อย ยิ่งปะทะใส่กันไม่ยั้งแบบนี้ก็ยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดไปกันใหญ่ คนที่จะเป็นอะไรไปคนแรกก็อาจจะเป็นแม่ของพวกเขาเอง เขาไม่อยากให้น้องชายต้องเสียใจทีหลัง

----------------------------------

บีมพาแม่ขึ้นไปนอนพักผ่อนบนห้องแล้วก็กลับลงมาข้างล่าง พ่อมาถึงบ้านพอดีพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ตามมาส่ง บีมเข้าไปช่วยพ่อลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้านแล้วก็ถือโอกาสคุยกับพ่อ

"เป็นไงครับพ่อ สัมมนาสนุกไหมครับ"

"ก็งั้นๆ แหละ มีแต่ประชุม ไม่สนุกหรอก เอ...ว่าแต่แม่เขาไม่อยู่บ้านเหรอวันนี้ แล้วบูมไปไหน" คุณลิขิตถามพลางสอดส่ายสายตามองหาภรรยาและลูกชายคนเล็ก

บีมถอนหายใจอย่างหนักใจ เขาไม่ตอบคำถามพ่อแต่เขาอยากคุยกับพ่อแบบเปิดใจสักครั้ง มันคงถึงเวลาแล้ว "พ่อครับ...ผมอยากคุยกับพ่อ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาครับ"

เห็นท่าทางหนักใจของลูกชายคนโตแล้วคุณลิขิตก็พอจะเดาออกว่าภรรยากับลูกชายคนเล็กคงจะทะเลาะกันอีก คุณลิขิตพยักหน้า บีมรีบเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องแล้วก็ลงมาคุยกับพ่อหลังบ้าน

"พ่อครับ...พ่อคิดยังไงครับ...ที่บูมบอกแม่ว่า...เขาเป็นเกย์"

คำถามจากลูกชายคนโตทำให้คุณลิขิตหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความหนักใจ แต่หลายปีมานี้คุณลิขิตก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ยิ่งในช่วงหลังๆ ที่มาสนิทกับลูกชายคนโตมากขึ้นก็ช่วยทำให้ความคิดเปลี่ยนไปหลายอย่าง แต่เรื่องของบูมนั้นก็คงเป็นเรื่องที่พ่อแม่คนไหนๆ ก็คงทำใจได้ยาก คุณลิขิตเองก็ยังไม่เคยคุยกับลูกชายคนเล็กเรื่องนี้เลยแม้ว่าจะเจอกันที่ทำงานบ่อยๆ

"เอางี้ละกัน...พ่ออยากฟังก่อนว่าบีมคิดยังไง เผื่อบางที...สิ่งที่บีมคิดอาจจะช่วยให้พ่อได้เห็นอะไรบางอย่างที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็นก็ได้"

นั่นก็หมายความว่าพ่อก็คงรับไม่ได้เหมือนกับแม่นั่นแหละที่รู้ว่าบูมเป็นแบบนั้น แต่คุณลิขิตก็อยากฟังดูบ้างว่าเด็กๆ เขาคิดยังไง บางทีคนเป็นพ่อกับแม่พูดอยู่คนเดียวโดยไม่ฟังลูกๆ เลยก็จะเป็นเผด็จการและใช้อำนาจเกินขอบเขต

เป็นครั้งแรกที่บีมได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพ่อไม่ค่อยฟังพวกเขานัก เขาเองก็เคยโดนพ่อเคี่ยวเข็ญในฐานะลูกชายคนโตจนแทบจะประสาทเสีย นี่เป็นครั้งแรกที่พ่ออยากฟังว่าเขาคิดอะไร บีมดีใจเหลือเกินและคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่เขาจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว

"ครับพ่อ" บีมยิ้มดีใจ ดูเหมือนคุณลิขิตก็แอบยิ้มน้อยๆ อยู่เหมือนกัน

"สำหรับผม...ไม่ว่าบูมจะเป็นอะไร บูมก็เป็นน้องชายของผมเหมือนเดิมครับพ่อ ผมก็รักน้องเท่าเดิม และเขาก็เป็นลูกชายของพ่อกับแม่เหมือนเดิม ผมขอแค่ให้เขาเป็นคนดีของครอบครัวของเรา ทำงานและทำประโยชน์ให้สังคมได้ก็พอแล้ว ผมคิดว่า...คุณค่าของบูมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าบูมเป็นอะไรหรอกนะครับ บูมเขาก็ยังตั้งใจเรียนจนจบ เขายอมเหนื่อยและอดทนทำเพื่อครอบครัวของเรา เขามีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือสังคม แล้วอีกไม่นานบูมก็จะมาช่วยสานต่อกิจการของเราอย่างเต็มตัว สิ่งที่บูมทำอยู่ตอนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ นะครับพ่อ เขาเป็นเด็กสมัยใหม่ที่มีคุณภาพคนหนึ่งที่จะทำประโยชน์ให้ทั้งกับครอบครัวและสังคมของเรา ผมภูมิใจในตัวบูมมากนะครับพ่อ และผมก็อยากให้เราทุกคนในครอบครัวภูมิใจกับสิ่งที่บูมทำ ไม่ว่าตัวตนของเขาจะเป็นยังไงก็ตาม"

เมื่อเห็นว่าพ่อยังตั้งใจฟังอยู่ บีมก็พูดสืบไปว่า "ในมุมมองของผม...การเป็นเกย์ของบูม...ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ ทอม คนแก่ คนพิการ ชาวเขา ชาวนาหรืออะไร สิ่งเหล่านี้เราเลือกไม่ได้ ผมคิดว่า...ปัญหามันอยู่ที่ว่าเรามอง คิดหรือปฏิบัติกับเขายังไงต่างหากครับ คนเหล่านี้เขาไม่ได้มีปัญหากับสิ่งที่เขาเป็น ผมเชื่อว่าเขายอมรับและมีความสุขกับชีวิตที่เขาเป็นอยู่ แม้ว่าเขาจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นคนดีหรือคนไม่ดีได้ แล้วบูมเขาก็เลือกที่จะเป็นคนดี ผมว่าครอบครัวของเราโชคดีแค่ไหนแล้วครับที่บูมเป็นคนคิดดี ทำดี สังคมของเราต้องการคนแบบบูมนะครับพ่อ ผมเชื่อว่าทุกคนจะเห็นคุณค่าและความดีที่บูมทำ มากกว่าที่จะสนใจว่าเขาเป็นอะไร"

ดูเหมือนว่าพ่อจะนิ่ง...ใช่แล้วล่ะ คุณลิขิตไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ในด้านนี้เลย คิดแต่ว่า...เกย์คือตัวตลก คือคนที่สำส่อนทางเพศและก็จะต้องตายด้วยโรคเอดส์ ไม่เคยคิดว่าคนเหล่านี้จะมีด้านอื่นๆ ที่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ไม่ได้คิดว่าคนเหล่านี้ยังเลือกที่จะเป็นอะไรได้อีกหลายอย่าง

"ผมคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่บูมเป็นหรอกคับ แต่มันอยู่ที่ความคิดของคนที่มองต่างหาก ผมว่าแทนที่เราจะเอาเวลาและพลังงานไปทุ่มเทกับสิ่งที่เราเปลี่ยนไม่ได้ สู้เรามาช่วยทำให้เขาเป็นคนดี มีคุณภาพดีกว่าครับพ่อ บางทีเราก็อาจจะช่วยทำให้คนอื่นๆ ในสังคมได้เรียนรู้เรื่องนี้ในแง่มุมที่ถูกต้องมากขึ้นด้วย เรามัวแต่มองผ่านสื่อ ผ่านทีวี ผ่านหนังสือหรือผ่านคนอื่นๆ คนเหล่านี้เขาจะสร้างภาพหรือเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่ในความเป็นจริง ทุกคนไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป บูมเองก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะบูมเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตให้มีคุณค่า ถ้าบูมเขาไม่พอใจในสิ่งที่เขาเป็น ชีวิตเขาก็จะไม่มีความสุขหรอกครับพ่อ เมื่อเขาไม่มีความสุขกับตัวตนของเขา...เขาก็จะทำอะไรได้ไม่มากเพราะเขาก็จะหมดพลังไปกับการหลอกหรือเปลี่ยนตัวเอง อีกอย่าง...สิ่งที่บูมเป็นไม่ใช่เชื้อโรคที่กินยาแล้วก็หาย...แต่บูมต้องอยู่กับสิ่งนี้ตลอดไป ไม่ว่าพ่อกับแม่จะยอมรับหรือไม่ มันก็จะอยู่ในตัวบูมจนกว่าเขาจะหมดสิ้นชีวิต"

บีมหยุดพักและสบตากับพ่อ "พ่อครับ...ผมคิดว่า...ธรรมชาติของบูม...เขาเป็นแบบนั้นครับ เขาเกิดมาพร้อมกับมัน เขาไม่ได้ผิดธรรมชาติเหมือนที่คนทั่วไปชอบพูดกัน บางทีคนเหล่านั้นก็พูดเพราะเขาไม่ได้รู้จริง ตัดสินเอาจากสิ่งที่เห็นแล้วก็เหมารวม ผมเอง...ก็ยังไม่เคยเป็นพ่อหรอกนะครับ แต่ผมก็เคยได้ยินมาว่า...ลูก...เราก็เลี้ยงเขาได้แต่ตัว แต่ชีวิตเป็นของเขา เขาต้องเลือกเอง คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องทำหน้าที่สนับสนุนเขาให้ได้มากที่สุด เพราะคนที่เป็นพ่อเป็นแม่คือผู้ให้ ให้กำเนิด ให้ความรัก ให้ความรู้และอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ...พ่อกับแม่ต้องให้ชีวิตที่เป็นของเขาเองด้วยครับ ผมเชื่อว่า...พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีความสุข แต่ไม่มีใครหรอกครับที่จะมีความสุขได้...ถ้าเขา...ไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นคำพูดที่เป็นจริงสำหรับพ่อแม่ทุกคนหรือเปล่า ผมอาจจะรู้ก็ต่อเมื่อผมมีลูกเอง หรือผมอาจจะคิดอีกแบบก็ได้ถ้าผมมีลูกจริงๆ แต่ยังไงก็ตาม...ผมอยากเห็นพ่อกับแม่...มีความสุข ความสุขที่เกิดจากการยอมรับและเข้าใจตัวตนของลูก แล้วลูกอย่างพวกเราก็จะมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อแม่ มีความสุขที่จะทำงาน มีความสุขที่จะอยู่ในสังคม...พวกเราก็จะทำอะไรได้อีกเยอะครับพ่อ ผมเชื่อว่า...ทุกอย่างเริ่มจากตัวของเราครับ"

เมื่อพูดจบแล้วบีมก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นพ่อยิ้ม บีมไม่เคยเห็นพ่อยิ้มให้เขาแบบนี้เลย

"บีม...เมื่อก่อน...พ่อยอมรับว่า...พ่อไม่เคยภูมิใจเลยที่บีมไปเรียนศิลปะอะไรนั่น แต่วันนี้...พ่ออยากจะบอกว่า...พ่อภูมิใจในตัวบีมมาก พ่อรู้แล้วว่า...ศิลปะมันช่วยให้บีมเป็นคนที่มีความคิดดีแค่ไหน มันช่วยให้บีมมองเห็นอะไรบางอย่างที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็น ที่ผ่านมา...พ่อ...ต้องขอโทษบีมด้วยที่พ่อ...ไม่เคยยอมรับและเห็นคุณค่าในสิ่งที่บีมเป็นและพยายามทำเลย ทั้งๆ ที่บีมก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ตอนนี้พ่อเห็นแล้วว่า...บีมทำทุกอย่างได้ดีที่สุดเสมอ...ถ้าบีมรักมัน...พ่อขอโทษนะลูก"

"พ่อ..." บีมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าเขาจะได้ยินสิ่งนี้จากคนที่เป็นพ่อ เขาดีใจจนน้ำตาไหล ในฐานะลูกคนหนึ่ง เขาก็อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวเขาบ้าง เขาก็พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อครอบครัวมาโดยตลอด แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครมองเห็น ทำให้บีมเองก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน แต่วันนี้...พ่อได้เห็นสิ่งนั้นแล้ว บีมดีใจเหลือเกิน ดีใจจนไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนออกมา

บีมลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มกราบแทบเท้าพ่อ "ขอบคุณครับพ่อ" เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วก็กอดพ่อไว้ คุณลิขิตเองก็ดีใจที่วันนี้เขาได้กอดลูกชายคนโตอีกครั้ง เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับบีมหรือบูมมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

ความสุขของพ่อกับแม่คืออะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะได้ช่วยเลี้ยงดูและสนับสนุนให้ลูกได้เติบโต ปลอดภัย พึ่งตัวเองได้และเป็นคนดีของสังคมหรอกหรือ จะคาดหวังอะไรมากกว่านี้ ให้กำเนิดเขามาแล้ว ชีวิตก็เป็นของเขาทันทีที่เขาลืมตาดูโลก ก็คงเหมือนกับที่บีมพูด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกเป็นอะไร แต่มันอยู่ที่ความคาดหวังของพ่อแม่ต่างหาก

"ขอบใจบีมมากที่ช่วยทำให้พ่อคิดได้...พ่อสัญญา...พ่อจะพยายามรักลูกของพ่อทุกคน...ในแบบที่เขาเป็น พ่อจะพยายามนะบีม" คุณลิขิตเพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าความเข้าใจที่พ่อกับแม่มีให้ลูกมันช่วยทลายช่องว่างและความห่างเหินระหว่างกันได้มากเพียงใด

"ผมรักพ่อครับ"

"พ่อก็รักบีมนะลูก...รักบูมด้วย" เหมือนพ่อจะกลัวลูกชายอีกคนน้อยใจทั้งๆ ที่บูมก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้

การที่บีมกอดเขาและแสดงความรักแบบนี้มันทำให้คนที่เป็นพ่ออย่างเขารู้สึกชื่นใจและมีความสุขอย่างมาก ทำให้เขานึกถึงตอนที่บูมกับบีมยังเล็กๆ วิ่งเล่นซุกซนและขี้อ้อน วันไหนที่เขามีของเล่นใหม่มาให้ลูกทั้งสองคน ทั้งบีมและบูมจะกระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่ แล้วก็จะวิ่งมาบอกพ่อว่า "รักพ่อที่สุดในโลกเลย" แค่นี้คนเป็นพ่ออย่างเขาก็มีความสุขยิ่งกว่าการมีทรัพย์สมบัติใดๆ แล้ว ไม่ว่าเขาจะมีตำแหน่งหรือทรัพย์สมบัติมากมายแค่ไหนมันก็คงเปล่าประโยชน์ถ้ามันไม่ช่วยทำให้เขามีความสุขได้เท่ากับที่ในขณะนี้ลูกชายคนโตกำลังกอดเขาและบอกว่ารักพ่อ เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้วจนแทบจะลืมไปด้วยซ้ำ

บีมยิ้มดีใจ เขาอยากให้บูมได้มาเห็นเหลือเกิน ตอนนี้ปัญหาก็หมดไปเปลาะหนึ่งแล้ว แต่ยังเหลืออีกอย่างน้อยสามคนที่บีมจะต้องเข้าไปทำอะไรบางอย่าง เขาพยายามคิดมาตลอดว่าจะช่วยทำให้ครอบครัวเขากลับมามีความสุขเหมือนสมัยที่พวกเขายังเป็นเด็กวิ่งซุกซนได้ยังไง เขาดีใจจริงๆ ที่วันนี้เขาทำสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว

----------------------------------

คุณโฉมศรีรู้สึกแปลกใจมากทีเดียวที่แขกที่มาเยือนในวันนี้เป็นคนที่เธอก็ไม่คาดคิดมาก่อน เธอเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นบีม พี่ชายของบูม และเป็นลูกชายคนโตของคุณลิขิต เพื่อนของสามีเธอนั่นเอง บีมมาที่นี่ทำไม...หรือว่าบ้านนั้นจะส่งคนมาอ้อนวอนให้เธอยกเลิกการฟ้องร้อง ไม่มีทางเสียละ

"สวัสดีครับ" บีมยกมือไหว้คุณโฉมศรีแล้วก็ถามถึงคนที่เขาอยากคุยด้วย "ผมมาหาแพรวครับ..."

คุณโฉมศรีรับไหว้ด้วยสีหน้างุนงงเพราะนึกไม่ออกว่าบีมจะมีธุระอะไรกับแพรวจนต้องตามมาคุยถึงที่บ้าน

บีมเห็นท่าทางสงสัยนั้นแล้วจึงบอกจุดประสงค์ไปว่า "ผมอยากจะคุยกับแพรวเรื่องของบูมครับ ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า"

คุณโฉมศรีชั่งใจอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจที่จะให้แพรวมาคุยกับบีม บีมไปนั่งรออยู่ในศาลาเล็กๆ ที่จัดไว้ในสวนของบ้าน มีที่นั่งสำหรับให้คนในครอบครัวมานั่งคุยกันได้หลายคนอยู่ บรรยากาศดูร่มรื่นเย็นสบายเพราะมีต้นไม้ใหญ่ๆ คอยให้ร่มเงา

คนรับใช้ของบ้านเอาน้ำมาเสิร์ฟ ไม่นานนักแพรวก็ลงมา สีหน้าของเธอดูแปลกใจไม่น้อยเพราะบีมไม่เคยมาที่นี่เลยนอกจากบูมที่เคยมาส่งหรือมาคุยกับเธอที่นี่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้

แพรวยกมือไหว้ "พี่ชายอดีตคู่หมั้น" แล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม เมื่อสังเกตดีๆ ก็ยังคงเห็นร่องรอยความเศร้าหมองปรากฎบนใบหน้าของเธออยู่ เมื่อบีมเพ่งพิศดูดีๆ ก็เห็นว่าแพรวก็เป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักมากทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าน้องชายเขาไม่ชอบผู้หญิง บีมคงจะดีใจมากที่จะมีน้องสะใภ้ที่สวยน่ารักแบบนี้

"แพรว...พี่อยากจะคุยกับแพรวเรื่องบูม พี่ขอโทษก่อนละกันที่ต้องเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ แต่พี่คิดว่าพี่อยากให้แพรวได้รู้อะไรบางอย่างที่สำคัญ" บีมเกริ่นนำหลังจากที่แพรวนั่งลงได้สักพัก

"ค่ะ" แพรวตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแสดงให้เห็นความเสียใจอยู่ เธอร้องไห้เสียใจมาหลายวันแล้วแต่ก็คิดว่าควรจะต้องหยุดเสียที เพราะยังไงบูมก็ไม่เคยมารับรู้ว่าเธอเสียใจมากแค่ไหน ตั้งแต่คุยกันวันนั้น แพรวรับรู้เพียงว่าบูมต้องการให้เธอยืนยันการถอนหมั้น ด้วยความโมโหทำให้แพรวไปหาคุณทิพย์นภาถึงมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นที่มาการที่ทิวถูกทำร้าย

"จริงๆ พี่รู้จักบูมกับทิวมาตั้งแต่สมัยเขาเรียนมัธยมด้วยกันแล้วล่ะ เมื่อก่อนบูมเป็นเด็กเก็บกดเพราะที่บ้านเราค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการเรียน ทำให้บูมเป็นเด็กค่อนข้างมีปัญหา ไม่ค่อยพูด ขี้โมโห แต่พอเขาได้รู้จักทิว พี่ก็สังเกตว่าบูมเปลี่ยนไปมาก เขาร่าเริงขึ้นมาก"

บีมเห็นสีหน้าของแพรวที่ดูงงๆ แล้วก็เลยหยุดพัก แพรวคงสงสัยนั่นเองว่าบีมเล่าเรื่องนี้ให้แพรวฟังทำไม แต่บีมก็คิดว่าเมื่อตั้งใจจะเล่าแล้วเขาก็ควรจะต้องเล่าให้จบ

"บูมไปหัดร้องเพลงกับทิว จนได้เป็นนักร้องนำของวงที่โรงเรียนด้วยกัน เขาใช้ชีวิตด้วยกันตลอด เขาก็เลยผูกพันกันมาก ไม่เคยห่างกันเลย ก็เลยทำให้เขาสองคนรักกัน แต่พอที่บ้านรู้เข้า บูมก็ถูกสั่งให้เลิกคบกับทิว แล้วบูมก็ไปเรียนเมืองนอก ไม่ได้ติดต่อทิวเลย ส่วนทิว...เขาอยู่กับแม่สองคน แต่ไม่นานนักแม่เขาก็เสีย เขาก็เลยไม่ได้เรียนหนังสือต่อ ต้องออกมาตระเวนร้องเพลงหาเงินเลี้ยงตัวเอง เขาลำบากมากนะแพรว เพราะแม่ของทิวไปกู้เงินนอกระบบมาให้ทิวเรียนหนังสือ ทิวจึงต้องใช้หนี้แทนแม่ด้วย"

"จริงเหรอคะ" แพรวถามด้วยน้ำเสียงเศร้า เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทิวจะมีชีวิตที่น่าเศร้าขนาดนี้

บีมพยักหน้าแล้วก็เล่าสืบไปว่า "จนกระทั่งบูมกลับมา บูมก็ไม่เคยติดต่อมาหาทิวเลย พี่เคยบอกบูมหลายครั้งว่าให้มาหาทิวบ้างเขาก็ไม่ยอมมา แต่ยังไงไม่รู้...สุดท้าย...เขาสองคนก็ได้กลับมาเจอกันอีก แต่พี่ก็รู้ว่าบูมคงจะรู้สึกผิดมากที่เขาทิ้งทิวไป ไม่ยอมติดต่อ ปล่อยให้ทิวมีชีวิตที่ตกระกำลำบากทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทิวก็ดีกับเขามาก ตอนแรก...พี่คิดว่าเขาสองคนคงแค่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะรักกัน แต่เขาก็รักกัน แล้วพี่ก็รู้ว่าเขารักกันมากเพราะผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนนั้น มันเป็นสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาทั้งสองคนตลอด เขาไม่เคยลืมกันและกันหรอกนะแพรว ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนหรือมีใคร...เขาก็ไม่เคยลืม ถึงบูมจะไม่เคยติดต่อทิวเลยแต่พี่ก็รู้ว่าเขาคิดถึงกันมากแค่ไหน"

บีมหยุดเพราะสังเกตเห็นสีหน้าของแพรวที่เริ่มหม่นลง "ที่พี่บอกแพรวเรื่องนี้...ไม่ใช่จะมาซ้ำเติมแพรว พี่อยากให้แพรว...เข้าใจความรักของเขาทั้งสองคน บูมเขาไม่ได้มาหลอกแพรวหรอก สิ่งที่เกิดขึ้น...ไม่ใช่ความผิดของบูม แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของแพรวด้วย แต่พี่ก็รู้ว่า...ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายต่างก็หวังดี ก็เลย...ทำให้บูมกับแพรวได้มารู้จักกัน แต่บางที...พ่อกับแม่อาจจะลืมถามลูกๆ ว่าเขาต้องการความหวังดีนั้นหรือเปล่า พี่รู้ว่าแพรวเสียใจ พี่ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น บูมเองก็ไม่ได้อยากทำให้แพรวเสียใจ แต่เขา...แค่อยากจะเป็นในสิ่งที่เขาเป็น แต่เรากลับจะไม่ยอมรับ สำหรับพี่...ไม่ว่าบูมจะเป็นอะไร เขาก็เป็นน้องชายที่พี่รักเสมอ พี่อยากให้เราทุกคนเห็นใจและเข้าใจบูมบ้าง ให้บูมได้เป็นอย่างที่เขาอยากเป็น ให้เขาได้รักคนที่เขาอยากรัก เขามีชีวิตที่ต้องถูกบังคับมาตลอด ให้เขาเป็นอิสระบ้างเถอะ"

เมื่อเห็นแพรวยังตั้งใจฟังอยู่ บีมก็พูดต่อ "พี่รู้...ว่าแพรวคงจะโกรธบูมมาก พี่รู้...ว่าแพรวเสียใจมากแค่ไหน แต่พี่ก็ดีใจที่บูม...ยอมบอกให้ทุกคนรู้ความจริงว่าเขาคือใครก่อนที่มันจะสายไป จริงๆ พี่ว่า...เราควรจะขอบคุณบูมเสียด้วยซ้ำที่เขาบอกเราตอนนี้ ดีกว่าที่เขาจะบอกแพรวตอนที่เขาแต่งงานไปแล้ว คนเรานะแพรว...ไม่มีใครทนบังคับฝืนใจทำในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นได้นานหรอก นี่คือชีวิตของบูม นี่คือสิ่งที่บูมเป็น เป็นตัวตนของเขา เราไม่มีทางเปลี่ยนเขาได้..."

ดูเหมือนแพรวจะตั้งใจฟังแทบจะทุกคำพูดของบีมเลยทีเดียว สิ่งที่บีมพูดมันทำให้เธอได้คิดอะไรหลายอย่าง...จริงสิ...เธอควรจะขอบคุณบูมด้วยซ้ำที่ยอมพูดความจริงเสียตั้งแต่ตอนนี้ บูมคงจะไม่สามารถปิดบังตัวเองได้ตลอดไปหรอก รู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ก็น่าจะดีแล้ว เอาเข้าจริงๆ แพรวก็รู้ว่าเธอคงจะรับได้ยากถ้าหากแต่งงานกับบูมไปแล้วเขาเดินมาบอกเธอว่า...เขาเป็นเกย์

"แพรวยังไม่จำเป็นต้องเข้าใจที่พี่พูดทั้งหมดในวันนี้หรอกนะ แพรวเก็บไปคิดก่อนก็ได้ พี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้แพรวยกเลิกความตั้งใจที่ฟ้องร้องหรอกนะ แพรวเป็นคนเสียหาย พี่เข้าใจ พี่ไม่ได้มาคุยกับแพรวเพราะเรื่องนี้ แต่สิ่งที่พี่อยากจะขอจากแพรวมีอย่างเดียวก็คือ...พี่อยากให้แพรวเข้าใจและให้อภัยบูม ไม่จำเป็นต้องเป็นตอนนี้ก็ได้ แต่วันไหนก็ได้ที่แพรวคิดและรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"

แพรวได้แต่อึ้ง เธอรู้จักบีมก็จริง แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนดี มีความคิด มีเหตุผลและเป็นผู้ใหญ่มากถึงขนาดนี้

"พี่บีมดูเหมือนจะรักและเป็นห่วงบูมมากเลยนะคะ"

บีมพยักหน้า "ใช่...พี่สงสารเขาด้วย บูมเขาเหนื่อยและเก็บกดมามาก พี่อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เราอย่าไปบังคับเขาเลย... ถ้าเขากินยาหรือผ่าตัดแล้วหายได้ พี่คิดว่าบูมก็ยินดีที่จะทำ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าบูมเป็นอะไร มันอยู่ที่ว่าเรามองและคิดกับเขายังไงต่างหาก ถ้าทุกคนเข้าใจและยอมรับเขา พี่รู้ว่าบูมจะมีความสุขมาก การช่วยให้คนๆ หนึ่งมีความสุขและได้เป็นอย่างที่เขาอยากเป็น...เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่มากนะแพรว บูมต้องการคนช่วยเขาจริงๆ"

เมื่อค่อยๆ คิดตามแพรวก็เริ่มเห็นด้วยกับที่พี่บีมพูดทั้งหมด บีมได้ช่วยปลดล็อกความคิดหลายอย่างให้กับเธอ รวมทั้งความคิดที่จะเอาชนะอย่างไม่มีเหตุผลนั้นด้วย

"ขอบคุณนะคะที่เล่าให้แพรวฟัง มันช่วยแพรวได้มากเลยค่ะ แพรวเองก็ไม่เคยเข้าใจบูมอย่างที่แพรวกำลังเข้าใจในวันนี้ ที่พี่บีมพูดก็ถูกนะคะ เราคงบังคับบูมไม่ได้ตลอดไปหรอก ทำแบบนั้นก็เท่ากับเราทรมานชีวิตของเค้า เอาเป็นว่า...แพรวเข้าใจนะคะ แต่แพรว...ขอเวลาทำใจสักพักละกันนะคะ พี่บีมคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ"

บีมยิ้มแล้วส่ายหน้า "แพรวใช้เวลาเท่าที่แพรวต้องการเลยครับ ขอแค่ให้แพรวเข้าใจและให้อภัยน้องชายของพี่เท่านั้น เมื่อไรก็ได้"

คนที่สองผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว เหลืออีกแค่สองเท่านั้น บีมเริ่มเห็นเค้าลางแห่งความหวังมากขึ้น

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.