We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 24-Apr-12 at 00:45 AM
รู้ตัวว่าต้องโดนด่าครับที่เรื่องมันเดินทางมาแบบนี้ ยินดีให้ด่าครับ ผิดไปแล้ว
เศร้าเหลือเกิน อย่าด่ากันมากนักนะครับ

------------------------------------------------------

ตอนที่ 34

คุณทิพย์นภาต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่หนึ่งวันเต็มๆ นับว่าเธอใจกล้ามากทีเดียวที่ยอมลงทุนด้วยการเอาชีวิตของตัวเองเข้าเสี่ยงแบบนี้ เธอเห็นแล้วล่ะว่าคงไม่สามารถเอาชนะบูมได้ง่ายๆ เพราะตอนนี้พ่อลูกทั้งสามคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอไม่มีพลังมากพอที่จะไปงัดคาน จึงได้ปล่อยให้บูมคบกับทิวไปพลางๆ ก่อน แต่เธอก็วางแผนนี้ไว้แล้ว มันอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่เธอเชื่อว่ามันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน

ตกเย็นคุณทิพย์นภาก็ออกฤทธิ์ด้วยการไม่ยอมกินข้าวอีก เล่นเอาพยายาลปวดหัวไปตามๆ กัน พ่อลูกสามคนก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหวเพราะไม่เข้าใจสาเหตุที่คุณทิพย์นภาเป็นแบบนี้

"คุณทิพย์ คุณเป็นอะไรของคุณ รู้ไหมว่าผมกับลูกๆ น่ะกังวลมากแค่ไหน" คุณลิขิตพูดด้วยท่าทางของคนอารมณ์เสียเพราะจนปัญญาที่จะเข้าใจแล้ว

"ก็ปล่อยให้ทิพย์ตายไปเลยสิคะ ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข เห็นรักกันนักไม่ใช่เหรอสามคนพ่อลูก ใช่สิ...ทิพย์เป็นคนไม่ดี ขี้โมโห ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย" แม้จะป่วย แต่เรื่องประชดประชันคุณทิพย์นภาก็ยังสามารถทำได้เป็นอย่างดี

"คุณทิพย์" คุณลิขิตเรียกเสียงดังเพราะชักจะเหลืออดกับภรรยาของตัวเอง บูมกับบีมยืนมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะน้อยอกน้อยใจถึงขนาดนี้

"ทิพย์ก็ไม่อยากอยู่นักหรอกค่ะ มีลูก ลูกก็ไม่รัก แถมลูกอีกคนก็ยังมีแฟนเป็นผู้ชายอีก ปล่อยให้ทิพย์ตายไปเลยดีกว่า ทิพย์ไม่อยากเห็นให้ช้ำใจ ไม่เคยคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่เลย"

"แม่!!!" บูมเรียกด้วยความตกใจและนึกไม่ถึง นี่สรุปว่าแม่ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรือ เขานึกว่าแม่จะยอมรับได้แล้วเสียอีก

"เรียกทำไม ถ้าแกอยากให้แม่ตาย แกก็อยู่กับไอ้เกย์นั่นต่อไปซะ รักมันมากกว่าแม่ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงแม่เลย ก็ปล่อยให้ฉันตายไป พวกแกจะได้อยู่กันอย่างสบายใจ ไม่ต้องมีฉันเป็นก้างขวางคอ" คุณทิพย์นภาพูดพลางร้องห่มร้องให้ สามคนพ่อลูกได้แต่มองหน้ากันอย่างเอือมระอา

"แม่ก็...แม่อย่าคิดมากสิครับ ไม่มีใครอยากให้แม่ตายหรอกนะครับ พวกเราทุกคนก็รักแม่อยู่แล้ว" บูมบอกพลางเดินลงไปนั่งข้างๆ เตียงของแม่

"รักเหรอ...รักแล้วทำไมทำให้แม่ช้ำใจแบบนี้ รักแล้วทำไมยังไม่เลิกกับไอ้เกย์นั่น ไม่รู้ล่ะ ถ้าบูมไม่เลิกกับมัน...แม่ก็จะตายจริงๆ ด้วย ไม่ต้องพยายามที่จะมาป้อนข้าวป้อนน้ำแม่เลย ยังไงแม่ก็ไม่กิน แม่ได้ขู่เล่นๆ นะบูม แม่จะตายจริงๆ ถ้าบูมไม่เลิกกับมัน คอยดูสิ ภายในวันสองนี้แหละ"

หัวใจบูมกระตุกจนชาวาบ เขาหันไปมองหน้าพ่อกับพี่ชายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอกได้ นี่แม่เล่นขู่บังคับเขาด้วยวิธีนี้เลยหรือ เหมือนที่เขาถูกบังคับครั้งนั้น แล้วเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

"คุณทิพย์ ทำไมคุณจะต้องบังคับลูกขนาดนั้นด้วย คุณเป็นแม่เขา...ลูกที่ไหนมันจะกล้าปล่อยให้แม่ตาย ทำไมคุณถึงได้ทำขนาดนี้ คุณบ้าหรือเปล่า" คุณลิขิตพูดอย่างโมโห ถ้าไม่ติดว่าภรรยากำลังป่วยอยู่เขาจะไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน

"ไม่รู้ล่ะ...ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ ฉันรับไม่ได้ แต่ในเมื่อบูมมันดื้อ ยังคบกับไอ้เกย์นั่นอยู่ ฉันก็จะตาย เพราะฉันไม่อยากเห็น จะหาว่าบังคับอะไรก็ตามใจ แต่ฉันไม่อยากเห็น ได้ยินไหม"

----------------------------------------------------------

วันต่อมา อาการของคุณทิพย์นภาก็เริ่มทรุดลงเพราะเธอแอบถอดสายน้ำเกลือออกทุกครั้งที่มีโอกาส จริงๆ ถ้าหมอจะทำให้เธอกินข้าวนั้นก็ทำได้หลายวิธี แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางออกหรอก เพราะยังไงคุณทิพย์นภาก็จะเล่นบทนี้ให้ถึงที่สุด สามพ่อลูกได้แต่อกสั่นขวัญแขวน คราวนี้คุณทิพย์นภาไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่นิดเดียว คุณลิขิตรู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องเอาชนะให้ได้ แล้วถ้าเกิดลูกๆ ยังดันทุรังอยู่แบบนี้ คงจะต้องเกิดโศกนาฏกรรมจริงๆ อย่างที่เธอขู่ ก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น ทางเดียวที่คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องเจ็บปวดไปด้วย

"บูม...บูมจะยอมตามใจแม่ก่อนสักครั้งได้ไหมลูก พ่อดูแล้ว...ยังไงแม่เขาก็ไม่มีทางที่จะยอมอย่างเด็ดขาด คราวนี้...แม่เขาเอาชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน พ่อกลัวใจแม่เขาจริงๆ พ่อก็ไม่อยากให้ลูกทำแบบนี้หรอกนะบูม แต่เพื่อรักษาชีวิตแม่ไว้...บูมกับทิวยังเด็ก...ยังไงก็ยังมีโอกาสได้พบกันอีก อีกสองปี แม่เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ บูมพอจะทำให้แม่ก่อนได้ไหมลูก พอลูกไปเรียนแล้ว พ่อจะพยายามทำทุกวิถีทางให้แม่เขาเปลี่ยนใจให้ได้ พ่อสัญญาลูก แต่ตอนนี้...ชีวิตของแม่สำคัญที่สุดนะลูก..."

คุณลิขิตบอกลูกชายทั้งน้ำตา เขารู้สึกเหมือนจะขาดใจที่ต้องบอกลูกแบบนี้ แล้วบูมล่ะ นี่ก็แม่ นั่นก็เป็นคนที่เขารัก แต่เขาคงไม่ใจดำจนถึงกับจะปล่อยให้แม่ตายไปต่อหน้าต่อตาได้หรอก จะมีลูกที่ไหนที่ทำแบบนั้นได้...ถ้าไม่ใช่ลูกอกตัญญู

"ครับพ่อ..." แล้วบูมก็ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น พ่อกับพี่ชายได้แต่ลูบหลังปลอบใจ บูมไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...ขอโทษด้วยนะทิว เราขอโทษที่มันต้องเป็นแบบนี้อีกแล้ว

พอเห็นบูมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ คุณลิขิตกับบีมก็พาบูมเดินเข้าไปหาแม่ในห้อง คุณทิพย์นภาดูเหนื่อยอ่อนมาก ร่างกายเธอผ่ายผอม ใบหน้าซีดเผือดราวกับจะไม่เลือดเหลืออยู่เลย

บูมนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เตียงแม่ คุณทิพย์นภาหันมามองลูกชายคนเล็กอย่างช้าๆ แล้วก็พูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า

"ไง...จะมาดูว่าฉันใกล้ตายหรือยังน่ะเหรอ"

น้ำตาของบูมเริ่มไหลพราก เขากัดฟันแน่นมองแม่ที่นอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียงโรงพยาบาลราวกับคนที่กำลังใกล้จะตายอย่างที่แม่บอก บูมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ รวบรวมทุกพลังใจที่เขาพอจะมีเหลืออยู่ ก่อนจะตัดสินใจบอกแม่ไปว่า

"แม่ครับ...แม่กินข้าวเถอะนะครับ พวกเราไม่อยากให้แม่ตาย เอาเป็นว่า...ผม...


จะยอม...


เลิก...


กับทิว..."

กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำนั้นบูมก็ต้องกลั้นสะอื้นแล้วสะอื้นอีก พูดจบแล้วเขาก็ฟุบหน้าลงกับเตียงของแม่และร้องไห้โฮอีกครั้ง บูมร้องไห้ราวกับจะขาดใจ พ่อกับพี่ชายที่ยืนดูก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย สงสารบูมก็สงสาร แต่ตอนนี้คุณทิพย์นภาเล่นเอาทุกคนหมดทางเลือก ไม่มีใครที่จะเอาชนะเธอได้เลย

"คุณใจร้ายกับลูกมากนะคุณทิพย์ นี่คุณรักลูกหรือรักตัวคุณเองกันแน่" คุณลิขิตกัดฟันพูดเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์สะเทือนใจ เขาไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นแม่จะใจร้ายใจดำกับลูกในใส้ของตัวเองได้ถึงขนาดนี้

ทำไมคุณทิพย์นภาถึงไม่สงสารลูกบ้าง ลูกร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจขนาดนี้เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือไง ทำไมเธอจะไม่รู้สึกล่ะ...ทำไมเธอจะไม่สงสารลูก คนเป็นแม่คงไม่มีใครรู้สึกดีที่เห็นลูกร้องไห้หรอก วันนี้บูมอาจจะเสียใจ แต่สักวัน...บูมจะเข้าใจความหวังดีของแม่เอง คุณทิพย์นภาเอื้อมมือไปลูบผมลูกชายเพื่อปลอบใจ ถึงจะสงสารลูกแค่ไหนแต่เธอก็ตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางที่จะถอยกลับอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นก็คงไม่ลงทุนถึงขนาดนี้

พอบูมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ เขาก็เงยหน้าขึ้น หันกลับไปมองพ่อและพี่ชาย ก็ยังเห็นสองคนยืนมองเขาอยู่ แม้ทุกคนจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ก็ยังพอมีร่องรอยให้เห็น บูมหันกลับมาหาแม่ เขาคิดว่า...เมื่อเขายอมแม่ได้แล้ว เขาก็ควรจะมีข้อแม้บ้าง

"ผมมีอะไรจะขอแม่ได้ไหมครับ แค่สองอย่างเท่านั้น"

คุณทิพย์นภามองหน้าลูกชายด้วยความสงสัย แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ บูมก็ยอมสัญญาว่าจะเลิกกับทิวแล้ว เธอก็พอใจอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าบูมจะขออะไรบ้างก็คงไม่มีอะไรที่เธอน่าจะรับได้ยากไปกว่าการที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว คุณทิพย์นภาจึงพยักหน้าน้อยๆ เพื่อบอกว่าเธอตกลง

บูมจึงเริ่มยื่นข้อแม้ข้อแรกของเขา "อย่างแรก...ขอให้ผม...ได้อยู่กับทิวจนกว่าจะถึงวันที่ผมเดินทาง"

คุณทิพย์นภาพยักหน้าตกลงโดยไม่ต้องคิดอะไรมากนัก เพราะเธอก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก แต่อย่างที่สองที่บูมบอกกับเธอนั้นก็ทำให้เธอถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันนอกจาก...ยอมรับข้อแม้ที่ลูกชายคนเล็กเสนอมา แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม

-----------------------------------------------------------------

ดูเหมือนทิวจะตื่นเต้นทีเดียวตลอดระยะทางที่นั่งรถมาด้วยกัน เขาชี้ชวนบูมดูนั่นดูนี่และคุยไม่หยุด เจออะไรน่าสนใจระหว่างทางก็แวะจอดซื้อ เห็นทิวสดใสร่าเริงแบบนี้แล้วบูมก็ดีใจและมีความสุขไปด้วย

"เสียดายเนาะ น่าจะชวนเอิร์ธ วิท ลีน่ากับแอนเดอร์สันมาด้วย" ทิวยังไม่เลิกบ่นเรื่องนี้เพราะเขาเป็นคนเสนอบูมเองว่าให้ชวนเพื่อนๆ ที่ทำงานมาเที่ยวด้วยกันหลังจากทำรายงานเสร็จแล้ว แต่บูมก็ยืนยันว่าจะมากับเขาเพียงสองคน

"เอาน่าทิว เดี๋ยวเราพาพวกเขาไปเลี้ยงข้าวเย็นกัน แต่ตอนนี้ เราอยากอยู่กับนายสองคนมากกว่า" บูมบอกพลางยิ้มอย่างสุขใจ แม้จะมีความทุกข์บางอย่างรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่แค่บูมหรอก ทิวก็เหมือนกัน

ทิวยิ้มแล้วก็หันมากินขนมที่ซื้อมาระหว่างทางต่อ "กินไหม" ทิวหันไปถาม บูมพยักหน้าแต่ไม่ได้หันมามองเพราะเขาต้องคอยมองทางเวลาขับรถ

ทิวหยิบขนมในถุงแล้วก็ส่งเข้าปากบูม จากนั้นก็หยิบกินของตัวเองแล้วก็ป้อนบูมสลับไปมาอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาเดินทางไม่นานนักก็มาถึงที่พักในตอนสายๆ ที่ที่บูมเลือกเป็นรีสอร์ทแบบบูติกที่อยู่ติดกับชายหาดบางแสนพอดี

ทิวดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นทะเล เขาไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้หลายปีแล้วตั้งแต่แม่เสีย ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง พอจอดรถ ทิวก็รีบวิ่งไปยืนมองดูทะเลที่ด้านหน้าที่พักด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าบางแสนจะไม่ได้เป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อในความสวยงามมากนัก แต่ก็อยู่ใกล้กรุงเทพและสามารถมาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

"ทิว...เอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่นน้ำทะเลกัน" บูมร้องเรียก เห็นทิวชอบแล้วบูมก็มีความสุข แต่คงจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายระหว่างเขาสองคนแล้วสินะ

ทิวเดินกลับมาที่รถ เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทมาช่วยพวกเขาเอากระเป๋าเข้าไปในโรงแรม พอได้ห้องพักแล้วบูมก็พาทิวขึ้นไปดูห้องก่อน ห้องของเขาทั้งสองคนเป็นห้องพักพิเศษ มีขนาดห้องค่อนข้างกว้าง โปร่งโล่งสบาย เปิดผ้าม่านออกไปก็จะมองเห็นทะเลพอดี

พอเจ้าหน้าที่โรงแรมเอากระเป๋าขึ้นมาให้แล้ว ทิวก็วิ่งไปตรงเปิดผ้าม่านแล้วก็เลื่อนประตูกระจกออก เขาเดินออกไปยืนตรงระเบียงและมองดูทะเลพร้อมกับรอยยิ้มมีความสุข บูมเก็บกระเป๋าเข้าที่แล้วก็รีบเดินออกไปสมทบทันที

"ชอบไหมทิว" บูมถามพลางสวมกอดทิวเบาๆ ทางด้านหลัง

"ชอบสิ...ชอบมากๆ เลย สวยดี มาคราวนี้เรารู้สึกชอบทะเลยังไงก็ไม่รู้ นี่ถ้าไม่มีนายเป็นแฟน...เราก็คงไม่มีโอกาสได้มาหรอก"

"จริงเหรอ" บูมพูดพร้อมกับฝังจมูกลงบนต้นคอของทิว สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่เขาคุ้นเคย

"ไปเล่นน้ำทะเลกันไหม"

มีหรือที่ทิวจะพลาด ที่อยากมาที่นี่ก็เพราะอยากมาเล่นน้ำทะเลนี่แหละ "ไปสิ"

----------------------------------------------------

บูมกับทิวเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำแล้วก็วิ่งลงมาที่ชายหาดด้วยกัน สองหนุ่มวิ่งหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน แกล้งกันไปแกล้งกันมา บางทีก็เดินเล่นบนชายหาด บูมจับมือทิวไว้ตลอด เขาไม่แคร์สายตาของใครใดๆ ทั้งสิ้นที่มองมา จากนั้นก็ไปขี่บานาน่าโบ๊ทเพราะทิวบอกว่าเขาไม่เคยขี่ ระหว่างที่เล่นเขาก็กอดบูมแน่นด้วยความหวาดเสียว บูมได้แต่หัวเราะชอบใจ แต่แวบหนึ่งเขาก็คิดขึ้นมาว่า "ถ้าเราไม่อยู่...นายจะกอดใครเวลาที่นายต้องการความอุ่นใจล่ะทิว" แต่บูมก็รีบสลัดมันทิ้งไป เขาไม่อยากพูดหรือคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ในตอนนี้เลย ขอใช้เวลาให้มีความสุขอย่างเต็มที่กับคนที่เขารักก่อนเถอะ

พอเล่นจนเหนื่อย บูมกับทิวก็มานั่งๆ นอนๆ เล่นบนเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด มีร่มบังแดดไว้อยู่จึงไม่ร้อน ลมทะเลที่พัดมาตลอดเวลาก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย บูมนอนอ่านหนังสือที่เขาพกมาด้วยอย่างสบายใจ ส่วนทิวก็นอนฟังเพลงกับโทรศัพท์ของเขาอย่างมีความสุข แม้จะไม่ได้พูดกันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ก็หันมายิ้มให้กันเป็นระยะๆ เขาบอกว่าคนที่จะอยู่ด้วยกันได้ต้องไม่รู้สึกอึดอัดที่จะให้คู่ชีวิตมีโลกส่วนตัวเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง

จนกระทั่งแดดร่มลมตก บูมก็ชวนทิวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ขับรถออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารทะเลริมทะเลแห่งหนึ่ง บูมก็ยังไม่ได้คุยกับทิวเรื่องนั้น ทิวเองก็ยังไม่ได้บอกทิวเรื่องเดียวกันนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งกินข้าวเย็นเสร็จ

บูมกับทิวมานั่งคุยกันที่ริมทะเลมืดๆ อีกครั้ง ตอนนี้สีท้องฟ้ากับทะเลก็ดำมืดไม่ต่างกันจนแทบแยกไม่ออก แต่ก็รู้ได้ว่าเป็นทะเลเพราะเสียงคลื่น สองหนุ่มนั่งทอดอารมณ์คุยกันบนหาดทรายอย่างสบายอารมณ์ จนทิวรู้สึกว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่จะพูดเรื่องนั้นเขาจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน

"บูม...นายจะว่าอะไรไหมถ้านายกลับมา...แล้วไม่เจอเรา" ทิวเริ่มต้นด้วยคำถามที่ทำให้บูมต้องหันมามองอย่างแปลกใจ

"ทำไมล่ะทิว นายจะไปไหนเหรอ"

"ไม่รู้สิ...แต่เรามาคิดๆ ดูแล้ว...ชีวิตเรากับนายก็ต่างกันเยอะนะ บางทีก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่กันคนละโลกที่ไม่มีทางจะมาเจอกันได้ บางที...เราอาจจะเห็นแก่ตัว...ถ้านาย...ไม่อยู่กับเรา...นายคงจะมีอนาคตที่สดใสมากกว่านี้" น้ำเสียงของทิวเริ่มเศร้าลงจนจับความรู้สึกได้

"เราไม่เคยคิดอย่างนั้นนะทิว เราไม่เคยคิดว่าเราจะเสียอนาคตเพราะเราเป็นแฟนกัน เราก็ยังเป็นคนเดิม มีศักยภาพที่จะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง คุณค่าในตัวของเราก็ไม่ได้ลดลงไปเพราะเรารักกัน เราก็ยังจะทำงาน เราก็ยังคิดที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมเท่าที่เราจะทำได้เหมือนเดิม มันจะเสียอนาคตยังไง เราไม่เข้าใจ" บูมหันมาถามพลางขมวดคิ้ว แล้วก็หันมองกลับไปที่ทะเลตามเดิม

"เราจะขี้เกียจขึ้นเหรอ เราจะโง่ลงหรือเปล่าที่เราคบกับนาย ไม่เลยนะทิว...นายไม่ใช่สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราจะทำอะไร เราเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนดีหรือไม่ดี" แล้วบูมก็หันกลับมามองทิวอีกครั้ง "เราสองคนไม่ผิดหรอกนะทิวที่เราจะรักกัน แต่คนอื่นเขาไม่เข้าใจเราต่างหาก คนอื่นๆ เขายังมองว่าเราผิดปกติ ผิดธรรมชาติ แต่เรากับนายก็รักกันด้วยความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เราไม่ได้รักกันเพราะฤทธิ์สารเคมี แต่เรารักกันด้วยหัวใจ มันไม่ได้ต่างจากความรักของชายหญิงทั่วไปตรงไหน ถ้าความรักของเราผิดปกติ ความรักของคนทั้งโลกก็คงจะผิดปกติด้วย บางทีคนเราก็มักไม่รู้หรอกว่า...เวลาที่เขาไปไหน เขาก็มักจะพกไม้บรรทัดส่วนตัวไปด้วย แล้วเขาก็เที่ยวเอาไม้บรรทัดของตัวเองไปวัดคนอื่น คิดว่าคนอื่นจะต้องมาตรฐานเดียวกับเขา แต่ไม้บรรทัดของใครก็ใช้ได้เฉพาะกับคนนั้นเท่านั้น ใช้กับคนอื่นไม่ได้หรอก"

ทิวตั้งใจฟังจนแทบจะลืมหายใจ เขาไม่มีอะไรจะโต้แย้งสิ่งที่บูมพูดมาเลย มันก็จริงอย่างที่บูมว่านั่นแหละ คนสองคนรักกันมันผิดปกติตรงไหนเพราะเราต่างก็ใช้หัวใจรักกันเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แต่ว่า...โลกของเราจะมีสักกี่คนที่คิดแบบนี้

"เราเข้าใจ แต่..." ทิวถอนหายใจแล้วก็พูดต่อ "แล้วนายเคยคิดไหมว่า...บางที...ความรักของเรามันก็อาจจะ...มาถึงทางตันแล้วก็ได้" ทิวค่อยๆ แซะเข้าไปในประเด็นที่เขาต้องการ

มันไม่ใช่แค่คิดแล้วล่ะทิว แต่มันกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แหละ บูมถอนหายใจอย่างหนักใจเช่นกัน เขาหยิบเศษท่อนไม้ขนาดเท่าปากกาย่อมๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงลงทะเลไป

"ทิว...ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้น ขอให้นายจำไว้เสมอนะว่าเรารักนาย รักมากที่สุดในชีวิต ไม่ว่าโชคชะตาชีวิตเราจะเป็นยัง ไม่ว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหรือไม่ เราก็รักนาย นายไม่ต้องห่วงนะ...ขอแค่ให้มีโอกาสเท่านั้น ยังไงเราก็จะกลับมา แต่ถึงจะไม่ได้กลับมา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักนาย นายรู้ไหมว่า...เราห่วงก็แต่นายเท่านั้นแหละ เรากลัวนายจะเหงา นายจะกอดใครเวลาที่นายต้องการความอุ่นใจ ใครจะนอนเป็นเพื่อนนาย เวลาที่นายเศร้า นายจะไปหาใคร เวลาที่นายลำบาก ใครจะช่วยนาย เราเป็นห่วงนายมาก...มากจนบางทีเราไม่อยากไป"

แล้วบูมก็ฝากฝังทิ้งท้ายว่า "นายเรียนให้จบนะทิว นายจะได้ไม่ลำบาก" บูมกะพริบตาถี่ๆ เมื่อน้ำตามันเริ่มเอ่อล้นขอบตาจนร้อนผ่าว "พอเราไม่อยู่แล้ว...นายอยู่ได้ใช่ไหมทิว นายอยู่ได้ใช่ไหม" พูดจบบูมก็ดึงทิวมากอดไว้ ต่างคนต่างร้องไห้และกอดกันด้วยความใจหาย คนเคยอยู่ใกล้ชิด เคยร่วมเรียงเคียงหมอนราวกับเป็นสามีภรรยากัน ความรักและความผูกพันย่อมมีมากเป็นธรรมดา มันคือการจากการกันครั้งที่ทรมานเหลือเกิน ดวงดาวบนท้องฟ้าที่ระยิบระยับในเวลานี้ก็ไม่ได้ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศให้ดีขึ้นได้เลย

"เราอยู่ได้นะบูม...นายไม่ต้องห่วงเราหรอก เราจะรอวันที่นายกลับมา...ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน จนตายเราก็จะรอ...ขอให้เราได้เจอนายอีกสักครั้งในชีวิต"

"ทิว...เรารักนายเหลือเกิน เราไม่อยากจากไปไหนเลย เรารู้สึกเหมือนคนใจจะขาด"

"เราก็รักนายนะบูม รักที่สุดในชีวิตของเรา"

ดึกแล้ว...บูมพาทิวขึ้นมาบนห้องพัก ในบรรยากาศแปลกใหม่แบบนี้ ความต้องการของทั้งคู่ก็โหมกระพือขึ้นจนยากที่จะควบคุมได้ เขาทั้งคู่ป้อนความสุขให้แก่กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกแล้ว จนข้ามคืนไปสู่วันใหม่ พายุนั้นจึงสงบลง ทิวนอนซบอยู่ในอ้อมกอดบนอกที่แสนอบอุ่นของบูมอย่างเหนื่อยอ่อน แต่เขาก็มีความสุขมาก มากจนแทบจะสำลัก มากจนไม่สามารถที่จะลืมวันเวลาดีๆ เหล่านี้ได้เลยจนกว่าชีวิตจะหาไม่

-----------------------------------------------------

เช้าแล้ว อากาศช่างสดใสเสียจริงๆ ท้องฟ้าโปร่งโล่งและแดดแรงแต่เช้า บูมกับทิวกินข้าวเช้าที่โรงแรมแล้วก็ลงไปเดินเล่นที่ชายหาด พวกเขาไม่ได้ใส่ชุดสำหรับเล่นน้ำเพราะตอนบ่ายๆ ก็จะกลับแล้ว ทั้งคู่เดินจับมือกันไป คุยกันไปโดยไม่สนใจว่าแดดจะแรงแค่ไหน ไม่สนใจว่าใครจะมองว่าเหตุใดชายหนุ่มสองคนจึงเดินจูงมือกัน จนกระทั่งถึงตอนหนึ่ง บูมก็หยุดเดิน เขาจับมือทิวมากุมไว้ทั้งสองข้างแล้วก็พูดขึ้นว่า

"ทิว...เราอยากให้เราสองคนสัญญาอะไรกันบางอย่างได้ไหม"

ทิวมองหน้าคนที่เขารักตรงหน้าแล้วก็พยักหน้า ไม่มีอะไรหรอกที่เขาจะสัญญาไม่ได้ เขายินดีจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คนที่เขารักได้ทั้งนั้นในตอนนี้

"เราอยากให้เราสองคนสัญญากันว่า...ตลอดช่วงเวลาที่เราสองคนจะไม่ได้เจอกัน เราจะไม่รักใครคนอื่นอีกเลย เราจะไม่มองใคร จะไม่มอบหัวใจให้ใคร จนกว่า...เราสองคนจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง...และยกเลิกสัญญานี้...ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น นายยินดีที่จะสัญญากับเราอย่างนี้ไหม"

สองหนุ่มสบตากัน ทิวยิ้มละไมที่มุมปาก เขาพยักหน้าแล้วก็ตอบตกลง "เราสัญญา"

บูมยิ้มแล้วก็โอบกอดทิวไว้ สักพักเขาก็ปล่อยทิวออกจากอ้อมกอดแล้วจับมือทิวไว้ข้างหนึ่ง เขาค่อยๆ พาทิวเดินลงไปในทะเล ลึกลงไปและลึกลงไป เมื่อเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว เพราะต่างก็มั่นใจในกันและกัน เมื่อฟ้า...ไม่ได้ลิขิตให้เขาสองคนได้รักกันและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างคู่รักทั่วไป ก็ไม่เป็นไรหรอก...เขาทั้งสองคนก็ยังสามารถลิขิตชีวิตของตัวเองได้ โอกาสหน้าฟ้าใหม่ก็ยังมี หากความรักที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นเป็นรักแท้ ความรักก็จะนำเขาทั้งสองคนให้กลับมาพบกันอีกครั้ง...บนโลกใบนี้...หรือบนฟ้าที่แสนไกลนั้น...

จบ

....

....

....

....

....

....

....

....ไม่ใช่ชี....

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.