We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต"
Posted by sarawatta on 09-Mar-12 at 09:37 PM
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ให้กำลังใจนะครับ
ตอนที่ 8 นี้ผมเขียนอยู่หลายรอบเหมือนกัน เผลอๆ อ่านๆ ไปแล้วผมอาจจะแก้อีก เป็นตอนที่สำคัญเหมือนกันครับ
เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทิวที่มีให้เพื่อนโดยไม่รู้ตัว
ฝากถามโมนิดนึงครับว่า คนที่เป็นนักเขียนจะแก้งานของตัวเองได้ไหม ไม่อยากรบกวนให้แก้ให้ เพราะงานเขียนแบบนี้บางทีมันแก้จุกจิกครับ
อ่านสิบครั้ง บางทีก็แก้ทั้งสิบครั้ง ถ้านักเขียนแก้เองได้ก็น่าจะดีกว่าครับ
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ตอนที่ 8

"ปากนายไปโดนอะไรมาน่ะบูม เจ็บหรือเปล่า" ทิวถามด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่ามุมปากขวาของบูมมีรอยช้ำนิดๆ และเหมือนจะบวมหน่อยๆ ด้วย เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่คงจะใกล้เกินไปจนบูมต้องเขยิบตัวออกเล็กน้อย

บูมเอามือลูบบริเวณที่ถูกพ่อตบหน้าแล้วตอบว่า "ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง"

"รออยู่นี่เดี๋ยวนะ" ทิวพูดจบแล้วก็วิ่งจู๊ดออกไป สักพักก็กลับมาพร้อมกับเบตาดีนและคอตตอนบัดในมือหนึ่ง มืออีกข้างมีหมอนมาด้วย 1 ใบ

"นั่งนี่ก่อน" ทิวบอกให้เพื่อนนั่งลงบนเตียง บูมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ทิวทำท่าอ้าปากเป็นสัญญาณว่าให้บูมอ้าปากเพื่อที่เขาจะได้ทาแผลให้ บูมก็อ้าปากตาม ทิวใช้คอตตอนบัดชุบเบตาดีนแล้วก็ค่อยๆ ทาแผลในปากให้เพื่อน

บูมครางเบาๆ เพราะรู้สึกแสบๆ

"เจ็บเหรอ" ทิวถามพลางหยุดมือ ความรู้สึกบางอย่างแวบเข้ามา จะว่าเป็นความรู้สึกสงสารและเห็นใจก็คงจะใช่ แต่ก็เหมือนจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้นเมื่อเห็นบูมถูกทำร้ายแบบนี้

"แสบนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร" บูมตอบ

"แต่ดูแล้วคงไม่เป็นไรมาก" ทำเสร็จแล้วทิวก็ลุกเอายาไปวางไว้บนโต๊ะและเอาคอตตอนบัดทิ้งตะกร้าขยะเล็กๆ ในห้อง แล้วก็เดินกลับมาที่เตียง "นอนดีกว่า ถ้านายไม่รังเกียจเรา เราก็นอนกันเบียดๆ หน่อยนะ พอดีเตียงเรามันเล็กไปหน่อย ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีใครมานอนด้วย" ทิวพูดติดตลกพลางขำในตอนท้าย

"เรานอนข้างล่างก็ได้ ไม่อยากรบกวนให้นายลำบาก"

"ไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันนะบูม ถ้านายนอนข้างล่าง เราจะโกรธนายจริงๆ ด้วย" ทิวขู่

"มีอย่างงี้ด้วย" บูมว่าพลางขำ แต่เขาก็คงต้องยอม ดูท่าทางแล้วทิวคงไม่ยอมให้เขานอนข้างล่างแน่ๆ

"วันนี้ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับเราไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหามาให้" จริงๆ ทิวพยายามหาแล้วตอนที่ลงไปเอายาข้างล่าง แต่ก็ยังหาไม่เจอ

ทิวเดินไปปิดไฟในห้อง เหลือแต่ไฟตรงหัวเตียงไว้ เขาทิ้งตัวลงนอนแล้วแต่บูมยังนั่งมองเหมือนกับไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี

"นอนเถอะบูม เพื่อนกัน ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก" ทิวพูดอย่างรู้ทัน ตั้งแต่คบกับบูมมาหลายเดือน เขาพอจะรู้ว่าบูมมีนิสัยเป็นคนขี้เกรงใจอย่างมาก

เมื่อบูมนอนลงไปแล้ว ทิวก็แบ่งผ้าห่มให้เพื่อนไปครึ่งหนึ่ง เวลาที่เนื้อตัวเบียดกัน ความรู้สึกเหมือนเมื่อครู่นี้ก็กลับมาอีกแล้ว นายเป็นอะไรกันแน่ทิว ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่านายเป็น...

แต่แทนที่ทิวจะปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน เขาก็เริ่มหันมาสนใจปัญหาของเพื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในจิตใจไปเสียก่อน

"นายทะเลาะกับพ่อเรื่องอะไรหรือบูม"

บูมเงียบไปสักพักเหมือนพยายามเรียบเรียงว่าจะตอบอย่างไร "ก็เรื่อง...การเรียนของเรานั่นแหละ เทอมนี้เราได้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเทอมที่แล้ว พ่อก็เลยไม่ค่อยพอใจ แล้ว...พ่อก็จะให้เราย้ายโรงเรียนถ้าเราไม่...ไม่เลิกร้องเพลง"

ทิวดูตกใจทีเดียว เขาหันไปมองหน้าเพื่อน แต่ก็ต้องตกใจนิดหน่อยเมื่อพบว่าหน้าเขากับหน้าบูมอยู่ใกล้กันพอสมควร "จริงเหรอบูม พ่อนายรู้เรื่องที่นายร้องเพลงด้วยเหรอ"

"อืม...พอดีเพื่อนของพ่อเขาไปงานที่เมืองทองธานีวันนั้นพอดี"

"นายคิดว่าการร้องเพลงทำให้ผลการเรียนนายแย่ลงหรือเปล่า" ทิวชักรู้สึกไม่ดีที่มีส่วนทำให้การเรียนของเพื่อนตกจนมีปัญหากับครอบครัว

"ไม่หรอกทิว เราคิดว่ามันเป็นเพราะวิชาใหม่ๆ อย่างฟิสิกส์ เคมีแล้วก็ชีวะมากกว่า เรายังจับทางไม่ค่อยได้ จริงๆ เราคิดว่าเราแบ่งเวลาได้นะ ตอนเย็นๆ เราก็ยังอ่านหนังสือทำการบ้านอยู่ ส่วนร้องเพลงเราก็อาศัยเวลาว่างๆ ที่โรงเรียนเท่าที่จะพอมี"

"แต่พ่อนายคิดว่าการร้องเพลงมีส่วนทำให้การเรียนของนายแย่ลงใช่ไหมล่ะ" เหมือนทิวจะพอเดาออกบ้าง

"ก็คงอย่างงั้น" บูมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

"ที่ปากนายเจ็บอย่างนี้ก็เพราะว่า..." ดูเหมือนทิวไม่มั่นใจที่จะคาดเดา แต่เสียงถอนหายใจอีกครั้งของบูมก็ดูเหมือนจะทำให้สิ่งที่เขาสงสัยใกล้ความจริงมากขึ้น ถ้าบูมไม่อยากพูดถึงตรงนี้ทิวก็คงต้องหยุดถาม

"แล้วนายจะทำไงล่ะบูม" ทิวเปลี่ยนเรื่องถาม

บูมเงียบไปเหมือนคิดอะไรสักพัก "ถ้าให้เลือกระหว่างต้องย้ายโรงเรียนแล้วไม่ได้เจอกับนาย กับเลิกร้องเพลงแล้วไม่ต้องย้ายโรงเรียน เราก็คงเลือกอย่างหลัง"

ทิวได้ฟังแล้วก็ตกใจเหมือนกัน เห็นอย่างนี้แล้วเขาก็พอเดาได้ว่าบูมถูกครอบครัวคาดหวังเรื่องการเรียนมากแค่ไหน แต่เขาก็สะดุดคำตอบของบูมอยู่เหมือนกัน มันฟังดูเหมือนบูมใช้เขาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ

"เราพูดจริงๆ นะทิว เราไม่เคยมีเพื่อนอย่างนายเลย ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเราไม่มีใคร ไม่มีคนสนใจเรา ไม่มีคนที่รับฟังเรา แต่พอได้เป็นเพื่อนกับนาย มันทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่าเราอยู่คนเดียวในโลก ถ้าเราต้องย้ายโรงเรียนไปอีก เราก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเพื่อนอย่างนายอีกหรือเปล่า เราก็เลยคิดว่า เราเลิกร้องเพลงก็ได้ แต่ขอให้เรามีเพื่อนอย่างนายต่อไป"

ทิวกับบูมต่างก็มองหน้ากันในความมืด สำหรับทิว เขาดีใจที่บูมให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่อยากให้บูมเลิกร้องเพลงเลย แต่บางครั้ง คนเราก็คงต้องเลือกบางอย่าง และเสียงบางอย่าง

ถ้าไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ทิวคงกอดเพื่อนไปแล้วล่ะ แต่เพราะเจ้าความรู้สึกที่เพิ่งเกิดนั่นทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปเลย "ขอบใจนะบูมที่นายให้ความสำคัญกับเราขนาดนั้น เราก็อยากจะบอกนายเหมือนกันว่า เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับนายนะ ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่นายก็เป็นเพื่อนที่พิเศษมากๆ ของเราเลยล่ะ"

แล้วสองหนุ่มก็ยิ้มให้กันในความมืด ดึกแล้ว ทิวก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะช่วยเพื่อนได้มากกว่านี้ยังไง แต่ถ้านึกออกเมื่อไรเขาก็คงจะไม่รอช้า

----------------------------------------------------------------------------

เช้าวันใหม่แล้ว ทิวเป็นคนแรกที่ตื่นก่อน แต่ก็ไม่ต้องรีบอะไรมากเพราะปิดเทอมแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองเพื่อนที่นอนหลับอยู่ด้วยความเอ็นดู ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง แต่สำหรับตอนนี้ มันจะเป็นความรู้สึกอะไรก็ช่างเถอะ ทิวพอใจและมีความสุขที่ได้มีเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทิวรีบวิ่งไปเปิดก็เห็นว่าแม่แต่งตัวเหมือนเตรียมตัวจะออกไปทำงานแล้ว "พอดีแม่มีประชุมด่วนตอนเช้า วันนี้ทิวกับเพื่อนทำอะไรกินกันเองไปก่อนละกันนะลูก"

"ได้ครับแม่" ทิวพยักหน้ารับ แล้วแม่ก็เดินลงไป

ทิวปิดประตู หันหน้ากลับมา ก็เจอบูมที่ตื่นนอนพอดี เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็ยิ้ม

"ตื่นแล้วเหรอ นอนหลับสบายไหมเมื่อคืน" ทิวไม่ได้ถามตามมารยาท แต่เขาอยากรู้จริงๆ

บูมยิ้มกว้างขึ้นอีก "โอเค ก็หลับสบายดี" ใช่...เขาก็หลับสบายอย่างที่บอกจริงๆ

ทำไมรอยยิ้มของบูมมันดูมีเสน่ห์และแรงดึงดูดอย่างนั้นนะ นายจะต้องบ้าไปแล้วทิว อาการแบบนี้มันเป็นเหมือนตอนที่เขาเคยแอบชอบรุ่นน้อง ม. 2 คนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว แต่คราวนั้นเป็นผู้หญิง คราวนี้เป็นผู้ชาย...นี่เขากำลังรู้สึกอย่างนั้นกับเพื่อนตัวเองจริงๆ หรือนี่...ไม่นะ...เป็นไปไม่ได้...

---------------------------------------------------------------

สองหนุ่มลงมาช่วยกันทำอาหารเช้าเมื่อทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้ว บูมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย เขาจึงเป็นได้แค่ลูกมือ แต่เขาก็สนุกมากทีเดียวที่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ แบบนี้ พอผัดผักบุ้งไฟแดงเสร็จแล้ว ทิวก็จะทอดไข่ แต่บูมอยากลองทำก็เลยให้เพื่อนสอน นี่ถ้าบูมมีกระจกอยู่ข้างหน้า เขาคงขำสีหน้าตัวเองมากเวลาที่ทอดไข่แล้วกลัวน้ำมันกระเด็นใส่ แต่มันก็ผ่านไปได้แหละน่า อาหารเช้ามื้อนี้ที่บูมได้มีส่วนช่วยทำครั้งแรกในชีวิตก็ดูจะเป็นอาหารเช้าที่อร่อยที่สุดในโลกที่เขาเคยกินมาเลยทีเดียว

สายๆ ทิวก็พาบูมไปหาซื้อต้นไม้ที่ตลาดเทเวศร์ แม้ว่าพื้นที่บ้านจะไม่ได้มีมาก แต่ทิวก็ชอบปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ บริเวณหน้าบ้านของทิวจึงมีกระถางต้นไม้ ทั้งวาง ทั้งแขวนรวมทั้งไม้เลื้อยเยอะทีเดียว ถึงบูมจะไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้เท่าไรนัก แต่เขาก็สนุกกับการเลือกซื้อต้นไม้ไปกับเพื่อนด้วย

"ที่บ้านนายไม่โทรตามเหรอ" ทิวถามขณะเดินเลือกดูต้นหนวดฤาษี

"เราปิดเครื่อง" บูมหยุดไปสักพัก "เรายังไม่อยากคุย ไม่อยากเจอกับใครที่บ้านในตอนนี้เลย" แต่อีกใจบูมก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าที่บ้านจะเป็นยังไงที่เขาหายไปและติดต่อไม่ได้แบบนี้ "นายอยากให้เรากลับแล้วเหรอ" ถามเหมือนน้อยใจนิดๆ

"เปล่า...เราแค่ถามดูเฉยๆ" ทิวว่าแล้วก็หันไปสนใจต้นหนวดฤาษีต่อ

"ทิว...เราถามอะไรหน่อยสิ" ดูเหมือนบูมจะสงสัยอะไรบางอย่าง

"อะไรเหรอ" ทิวหันมามองอย่างสงสัย

"นายอยู่กับแม่สองคนเองเหรอ"

"ใช่...พ่อกับแม่เราแยกทางกันนานแล้วล่ะ เราไม่ได้เจอแล้วก็ไม่ได้ข่าวพ่อนานแล้ว แต่เราว่าชีวิตเราก็โอเคนะ แม่เราเก่ง เก่งมากๆ ด้วย" น้ำเสียงของทิวดูเหมือนจะภูมิใจกับแม่ของเขาเสียจริงๆ

บูมยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็หันไปสนใจกับการเลือกซื้อต้นไม้ช่วยเพื่อน

----------------------------------------------------------------------

บ่ายๆ ทิวกับบูมก็กลับมาถึงบ้าน ตอนแรกทิวจะขึ้นรถเมล์กลับ แต่บูมเห็นว่าทิวมีของต้องถือเยอะก็เลยให้กลับแท็กซี่ และบูมก็ขอให้เขาเป็นคนออกค่าแท็กซี่เอง พอลงจากแท็กซี่แล้วสองหนุ่มก็ช่วยกันเอาต้นไม้ที่ซื้อมาจัดให้เข้าที่ ในขณะที่กำลังทำเพลินๆ ก็มีรถมาจอดหน้าบ้านทิว สักพักชายคนหนึ่งก็เปิดประตูลงมา

"พี่บีม" บูมอุทานเมื่อเห็นพี่ชายลงมาจากรถ เขารู้สึกกลัวนิดๆ ว่าพ่อกับแม่คงให้พี่ชายมาตามเขากลับบ้าน

"นึกแล้วว่าบูมต้องมาที่นี่"

ทิวเดินไปสวัสดีพี่ชายของเพื่อนแล้วก็เปิดประตูให้พี่บีมเข้ามา

"พี่ไปจอดรถตรงไหนได้บ้าง" พี่บีมถามเรื่องนี้ก่อนเป็นอันดับแรก

"เอามาจอดในบ้านผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้"

พอจัดการเรื่องจอดรถแล้ว ทิวกับบูมก็พาพี่บีมมานั่งคุยกันข้างในบ้าน

"ไม่เป็นไร ทิวอยู่ฟังด้วยกันก็ได้" พี่บีมร้องบอกเมื่อเห็นทิวทำท่าทางเหมือนไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ฟังด้วยได้หรือไม่

"พ่อกับแม่ให้พี่มาตามผมหรือเปล่าครับ" บูมถามตามสิ่งที่เขาคิดกังวลอยู่

"อืม...พ่อกับแม่รู้แล้วล่ะว่าบูมหายไป แต่พี่ไม่ได้บอกหรอกว่าบูมอยู่ไหน ก็ดูเขาเป็นห่วงบูมอยู่นะ แต่ที่พี่มาที่นี่ไม่ใช่เพราะจะมาตามบูมกลับบ้านหรอก พี่ว่าบูมอยู่ที่นี่กับเพื่อนสักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะทำให้พ่อกับแม่คิดอะไรได้บ้าง"

เห็นน้องชายกับเพื่อนมองหน้าเขาอย่างเงียบๆ บีมก็เลยพูดต่อไปว่า "พี่ไม่รู้ว่าบูมตัดสินใจยังไง แต่พี่ก็อยากจะย้ำสิ่งที่พี่พูดเมื่อวานว่า บูมต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่บูมทำ รู้ไหมว่าเวลาที่พี่เห็นบูมร้องเพลง พี่เห็นบูมมีความสุขมาก แล้วบูมก็ทำได้เป็นอย่างดี พี่ภูมิใจนะที่บูมค้นพบความสามารถนี้และตั้งใจกับมัน พี่ไม่อยากให้บูมล้มเลิกมันง่ายๆ แบบนี้"

"แต่..." บูมเหมือนอยากจะแย้ง แต่ก็ไม่รู้จะแย้งว่าอย่างไร

"พี่เชื่อบูมนะ พี่เชื่อว่าบูมแบ่งเวลาได้ ผลการเรียนของบูมไม่ได้แย่ขนาดนั้น แล้วพี่ก็เชื่อว่าบูมจะทำได้ดีขึ้นถ้าบูมคุ้นเคยกับวิชาใหม่ๆ บูมไม่ต้องลาออกจากชมรมดนตรีนะ แล้วก็ไม่ต้องย้ายโรงเรียนหรอก"

"พี่บีม แล้วพ่อจะไม่..."

"พิสูจน์ให้พ่อเห็นสิบูมว่าบูมทำได้ บูมไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ใช่ดินน้ำมันที่ใครจะสั่งให้ทำอะไรหรือปั้นให้เป็นอะไรก็ได้ พี่ไม่อยากให้บูมเหนื่อยกับการต้องทำตามพ่อกับแม่อย่างเดียว แต่ไม่ได้ฟังหัวใจของบูมเอง พ่อกับแม่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจบูมบ้าง พี่อยู่ทั้งคน บูมไม่ต้องกลัวนะ ทิวก็อยู่ อย่างน้อยบูมก็จะมีสองคน มีพี่ มีทิว ที่จะคอยช่วย ใช่ไหมทิว" บีมหันไปถามเพื่อนของน้องชาย แม้จะมีสังเกตแค่วันเดียว แต่บีมก็พอดูออกว่าทิวเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของน้องชาย

"ครับพี่บีม ผมเต็มที่อยู่แล้วครับ ผมก็คิดคล้ายๆ กับพี่ครับว่าบูมทำได้ดีมากในเรื่องการร้องเพลง ผมก็ยังแอบเสียดายเลยที่บูมจะเลิก"

เมื่อพี่ชายและเพื่อนรักต่างก็เห็นดีไปในทางนั้น บูมก็ไม่รู้จะค้านยังไง บูมอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและมีจุดยืนมากขึ้น ที่ผ่านมาเขาทำไม่ได้ เพราะไม่มีที่พึ่งทางใจเลย แต่วันนี้ทั้งพี่ชายและเพื่อนต่างก็พร้อมที่จะร่วมเป็นกำลังใจและเป็นแรงสนับสนุนให้ บูมก็ควรจะต้องสู้ต่อไปสิ

"สู้นะบูม" พี่บีมบอกพลางเดินมาตบไหล่น้องชาย บูมเงยหน้ามองพี่ชายด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วก็กอดพี่ชายแน่น ดูเหมือนสองพี่น้องจะเริ่มร้องให้แล้วล่ะ

"พี่รู้นะบูมว่าเราเคยโกรธพี่ แต่พี่อยากให้บูมรู้ว่าพี่รักและเป็นห่วงบูมมาก เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ที่ผ่านมาพี่ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรบูมเลย ปล่อยให้บูมต่อสู้อยู่ลำพัง แต่ว่าต่อไปพี่จะไม่ปล่อยให้บูมต่อสู้อย่างเดียวดายอีก เชื่อพี่นะบูม"

"ผมขอโทษนะครับพี่บีม" บูมพูดได้แค่นั้นเพราะเวลาร้องให้แล้วมันก็พูดอะไรได้ยากเหมือนกัน

"พี่ดีใจนะที่วันนี้บูมไม่โกรธพี่ พี่ดีใจที่เราจะกลับมาเป็นพี่น้องที่รักกันอย่างสนิทใจอีกครั้งหนึ่ง พี่เองก็ต้องขอโทษบูมด้วยที่พี่ห่างเหินไป"

ทิวเห็นสองพี่น้องกอดกันร้องให้แบบนั้น เขาก็อดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้

สักพักสองพี่น้องก็กลับมานั่งตามที่เดิม

"พี่ก็ว่าจะไปอยู่กับเพื่อนสักพักเหมือนกันช่วงนี้ ถ้าบูมกลับบ้านโทรบอกพี่ด้วยละกันนะ พี่จะได้มารับแล้วก็กลับพร้อมกับบูม"

บูมคิดว่าพี่ชายเขาคงมีแผนการอะไรบางอย่าง พ่อกับแม่ก็คงเหงาเหมือนกันที่จู่ๆ ลูกชายสองคนก็หายไปจากบ้าน แต่บางทีก็อาจจะช่วยให้พ่อกับแม่เข้าใจอะไรมากขึ้นก็ได้

"เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้วล่ะ มีนัดกับเพื่อน พี่ฝากบูมหน่อยนะทิว มีอะไรก็โทรไปหาพี่ วันไหนว่างๆ จะพาไปเที่ยว" บีมหันไปบอกเพื่อนของน้องชาย

"ไม่ต้องห่วงครับพี่ ผมจะช่วยดูแลบูมเป็นอย่างดีครับ" ทิวรับคำเป็นมั่นเหมาะ แล้วก็หันไปยิ้มกับเพื่อน เห็นสีหน้าคลายกังวลของเพื่อนแล้วเขาก็โล่งใจขึ้นมาได้บ้าง บูมคงรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเพราะอย่างน้อยเขาก็มีทั้งพี่ชายและเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเขาในทุกเรื่อง

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.