We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: ขอร้องพี่ๆครับ ใครมีนิยายเรื่องหนึ่งใจหลายรักของพี่เอ๋CT บ้างครับ อยากอ่านต่อจนนอนไม่หลัยเลย"
Posted by popo on 21-Mar-19 at 04:54 PM
248….
“โม เรากลัวนะ” เราขยับตัวออกห่างจากเขา สายตายังคงระแวดระวัง
“หึ หึ” โมหัวเราะในลำคอ “กลัวเหรอ” เขายกเบียร์ขึ้นซดอึกใหญ่ แล้วมองมาที่เรา ตาขวาง “กลัวอะไร”
“ก็ โมชอบทำให้เราตกใจ”
“อย่างนี้มันน้อยไป” เขาวางกระป๋องเบียร์ที่หมดแล้ว ในขณะที่เรายังไม่ได้ลิ้มรสมันด้วยซ้ำ
“งั้นเรากลับก่อนนะ โมคงจะอารมณ์ไม่ค่อยดี” เราวางกระป๋องเบียร์ไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาพร้อมมองเขาด้วยสายตาหวาดๆ
“อยู่ด้วยได้มั๊ยวันนี้” เขาถามเราโดยไม่มองหน้าเมื่อเราขยับตัวลุกขึ้น
“เอาไว้วันหลังนะ”
“อ๋อ นัดไอ้อั้นไว้สิ” โมหันมาตะคอก
“ไม่ได้นัด เขาไม่อยู่แล้ว”
“ไม่อยู่หรือยังไม่กลับ เห็นเราเป็นอะไร พอไม่มีใครก็กลับมาหางั้นเหรอ เราไม่ใช่ควายนะโว๊ย”
“โม เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวห้องข้างๆได้ยิน”
“หน้าบาง” เรานั่งเหยียดหลังตรงเมื่อเขากวาดมืออ้อมมาด้านหลัง โมเห็นเราแสดงออกยิ่งฉุนกว่าเดิม
“เป็นอะไร” เขายังถามแกมบังคับด้วยการดันตัวเราเข้าไปหาจนแนบกับด้านข้างลำตัวเขา
“ไม่ได้เป็นอะไร ไม่เอาแล้วโม อารมณ์เสียแบบนี้ เรากลับแหล่ะดีที่สุด”
“ไม่ให้กลับ”
“แล้วจะให้อยู่ทำไม ตัวเองพูดไม่รู้เรื่อง” โมถลึงตาใส่เรา
“ใครพูดไม่รู้เรื่อง ผิดคนรึเปล่า”เราเบือนหน้าไปมองอีกฝั่ง แล้วโมก็ลุก
“จะไปส่ง” เขาเปลี่ยนอารมณ์โดยเร็วจนเราตามไม่ทัน พร้อมกับดึงมือเราลุกขึ้น โมปิดห้องพร้อมกับเดินมาหาเราที่รอลิฟต์ ห้องข้างๆก็กำลังจะลงลิฟต์เหมือนกัน เรารีบเข้าไปแล้วยืนชิดกับปุ่มเปิดปิดโมต้องขยับไปชิดด้านในเพราะคนเข้ามาพร้อมกันหลายคน เราทำหน้าที่เป็นพนักงานเปิดลิฟต์จนโมเดินผ่านออกไป เราไม่กล้าหันกลับไปมองเขาตลอดเวลาสั้นที่อยู่ในลิฟต์
โมขับรถเร็วเหมือนวันที่มีเรื่องเรากลัวว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุ บ่อยครั้งที่เขาเหยียบเบรคกระทันหันที่ไฟแดง เราทั้งคู่นั่งเงียบ รถขับไปคนละเส้นทาง มันค่อยๆห่างกรุงเทพฯออกไปเรื่อยๆ
“โม เรามาไกลเกินไปรึเปล่า โมจะไปไหนเหรอ” โมลดความเร็ว
“ไม่รู้” เขาขับช้าลง “เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกแบบนี้ เราเจ็บนะที่เอ๋ทำกับเราแบบนี้”
“เราขอโทษ” เสียงเราอ่อย น้ำเสียงของโมดังก้อง
“แต่เราไม่รู้ว่าเอ๋คิดอะไรอยู่ เราไม่แน่ใจว่าเราชอบผู้ชายด้วยกันได้ไง ตอนเด็กๆมันก็แค่สนุก แม้ว่าเราจะมีอะไรกับผู้หญิง เราก็ยังไม่เลิกความชอบแบบนี้อีก” โมจอดรถที่ข้างทางแล้วลงไปเดินบนถนนตัดใหม่ที่ยังปิดการจราจรไว้อยู่ ลมแรงจากทุ่งโล่งพัดมา เขาเดินล้วงกระเป๋าไปข้างหน้าเรื่อยๆ คืนเดือนมืดไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้ชัดเจนนัก เราเดินตามโมไปโดยไม่ได้ถามอะไร จนเขาหยุดแล้วหันหลังกลับมาหาเรา
“เราจะเลิกกันจริงๆเหรอ เอ๋” เรากลัวแววตาที่มองมา
“ไม่ได้เลิก” เราตอบเขา
“แต่ที่เอ๋ มีคนอื่นแบบนี้ เราก็คงไม่คิดที่จะคบกับเอ๋ต่อหรอกนะ เราไม่รู้ว่า เราจะเติมเอ๋ยังไงให้เต็ม เราอาจจะไม่มีเวลาให้ เรื่องนั้นก็คงไม่ค่อยมีให้ แต่เราก็พยายามที่จะทำให้เอ๋มีความสุขมากที่สุด เอ๋คงไม่รู้หรอกว่าบางครั้งเราก็ถามตัวเองว่าจะมาเอากะเอ๋ทำไม ผู้หญิงตั้งเยอะตั้งแยะ กระเทยสวยๆ ก็เยอะ แล้วทำไมต้องเป็นเอ๋” เราคิดตามคำพูดของโม มันก็จริงนะ หน้าตาอย่างโม หน้าที่การงานแบบนี้ มันไม่ยากที่เขาจะหา แม้แต่ตอนที่เราแต่งหญิงเขายังเฉยๆ แต่กลับบอกว่าชอบแบบปกติ
“เราอยู่กับเอ๋ เรารู้สึกดีนะ ตอนที่เราอาละวาด เราก็รู้ว่าเอ๋ห่วงเรา เราทำเอ๋เจ็บโดยที่ไม่ได้ขอโทษ แต่ตอนที่เราเจ็บเอ๋กลับเป็นฝ่ายดูแลเราจนหาย”
“โมอย่าพูดเรื่องพวกนั้นเลย มันผ่านไปแล้ว เราไม่อยากให้โมไปจำมันหรอก”
“คงเพราะเรื่องพวกนั้นใช่มั๊ยที่ทำให้เอ๋ไม่ไว้ใจเรา”
“ไม่ใช่”
“เรื่องที่เรามั่วกับผู้หญิงเหรอ”
“ก็ไม่ใช่”
“แล้วอะไร”
“ไม่ใช่อะไรสักอย่าง เราตอบตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วเราจะตอบโมได้ไง”
“งั้นเอ๋คิดอะไรอยู่”
“เราจีบโมไม่ติดแต่แรก โมหลอกล่อเราแล้วโมก็ทิ้งให้เราเก้อ นึกขึ้นได้ก็มา พออ่อนไหวโมก็หาย โมเป็นแบบนี้ เราเลยกลัว กลัวว่าถ้าเรารักโมเหมือนกับที่เคยรักคนอื่น แล้วสุดท้ายมันก็คงอีหรอบเดิม เราถึงหยุดความคิดแล้วหาอะไรทำ ไขว้คว้าหาทุกอย่างที่มันจะทดแทนความรู้สึกที่จะรักใคร เราคิดว่ายิ่งมีหลายๆคน เรายิ่งจะเข้มแข็งอยู่คนเดียวได้มากกว่า”
“ไม่ใช่หรอก เอ๋ไม่รู้จักความรักมากกว่า เอ๋รู้จักแต่คำว่าเอาชนะ พอเอ๋ได้คนไหน เอ๋ก็จะมั่นใจตัวเองมากขึ้น ยิ่งได้มาง่ายๆ เอ๋ยิ่งหลงระเริง คิดหาไปเรื่อยๆมากกว่ามั๊ง”โมล้วงกระเป๋า แล้วเดินย้อนกลับไปที่รถ เขายังไม่เปิดประตูรถทันทีหากแต่ยืนรอเราอยู่
“เรา ไม่ได้พูดอะไรกันยาวๆแบบนี้เลยนะ” โมกอดอกพิงที่ประตู
“ที่ผ่านมามีแต่เรื่องเดียว เราถึงไม่รู้จักกัน” เขายังกล่าวต่อไป
“คงมีเรื่องเดียว อยู่ในหัวเรา” เราตอบเขา เราคิดแค่ว่าจะเอาเขาเท่านั้นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
“บางที ผู้ชายไม่พูดก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คิดนะ”
“ส่วนใหญ่ที่คิดคงคิดว่าจะเลิกกับมันเมื่อไหร่มากกว่า” เราตอบ
“ไม่ใช่เรา” โมตอบ
“แล้วทำไม ตอนที่เราพยายามเข้าใกล้โม แต่โมกลับห่างออกไป”
“เราก็อยากศึกษาเอ๋มั่งสิ ใครมันจะรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ รู้งี้เราไม่ยุ่งกับเอ๋ก็ดีหรอก” โมเหมือนจะฉุนขึ้นมาอีก เขาหันไปเปิดประตูแล้วนั่งติดเครื่องรอให้เราอ้อมไปขึ้นอีกด้านนึง ความเงียบของถนนเหมือนกับความเงียบในใจของเราทั้งคู่ชั่วขณะ ได้แต่มองหน้ากันไปพลางแล้วหันไปมองนอกรถซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้าหากโมจะทิ้งเรา เพราะเราเป็นคนแบบนี้ เราก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเองเท่านั้น มีคนที่มีน้ำใจขนาดนี้เข้ามายังไม่รู้จักรักษาเอาไว้ ครั้นเขาจะไปกลับนึกเสียดาย เราตัดโมออกไปจากใจไม่ได้หรอก ยิ่งโมเฉยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เรายิ่งบังคับให้ตัวเองนิ่ง ทั้งกลัว ทั้งกังวล จนเรามาถึงห้องโม โดยที่ไม่รู้ว่าจะมาเพื่ออะไร”
“คิดได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
“.....” เราพยักหน้า “น้ำเน่า ผู้ชายทีไหนจะมาสนใจอย่างพวกเรา จริงมั๊ย ได้ขนาดนี้ก็บุญแล้ว” โมติดเครื่องเขาจับที่เกียร์ เราเอื้อมมือไปกุมที่มือของเขาไว้ ความเสียดายความหวงแหนเหมือนว่าตัวเองจะถูกทอดทิ้งมันทับทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เราอึดอัดกับความรู้สึกนี้จนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ขอบตามันเหมือนรื้นขึ้นมา เราเศร้าใจเรื่องอะไรกัน เพียงแค่จะพูดอะไรต่อมันกลับเหมือนปริ่มว่าน้ำตามันจะไหลออกมา แน่นหน้าอก เราหลบสายตาของโมที่มองมือของเขาแล้วเบือนหน้าหลบซ่อนน้ำตาเอาไว้ เราเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าสิ่งที่ต่อบอกนั้นเป็นความจริง
“เวลามันจะทำให้หล่อนได้เรียนรู้ ถ้าหากโชคดี มีวาสนาในเรื่องคู่ ทำยังไงก็ไม่มีทางอ้างว้าง สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวหล่อนเอง หล่อนจับไพ่ได้แบบนี้ มันบอกว่าหล่อนเป็นคนชอบเอาชนะบนความเจ็บปวดของตัวเอง ถ้าหล่อนลดความมั่นใจในตัวเองลงบ้าง มองคนอื่นอย่างที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ เข้าใจเขาให้มากเท่ากับเข้าใจตัวเอง ตอนนั้นหล่อนก็จะมีความสุข อย่าเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ที่หล่อนพลาดมาหลายครั้งเพราะหล่อนไม่เข้าใจความรักดีพอ หล่อนยังรักคนอื่นไม่เป็น ประสบการณ์ความรักของหล่อนมันลงท้ายด้วยเรื่องอย่างว่าหล่อนยังขาดประสบการณ์ของจิตใจ และถ้าหากไม่รีบแก้ หล่อนจะต้องทนอ้างว้างไปจนตาย ค-ยเข้ามาหาเยอะก็จริง แต่สุดท้ายก็ไม่เหลือใครสักคน”
เราหันหน้าไปมองโมหลังจากที่กลั้นความรู้สึกอาดูรนั้นเอาไว้ได้
“โม” เราเรียกเขา
เขาไม่ตอบแต่มองไปข้างหน้า ถนนที่ว่างเปล่า ยิ่งทำให้ใจเงียบสงัดยิ่งนัก
“เราขอโอกาสอีกครั้งได้มั๊ย”
โมก็ยังไม่ตอบเขาเหมือนกับไม่ได้ยิน เราทั้งคู่เงียบไปจนรถมาจอดที่หน้าอพาร์ทเม้นท์เรา เขาไม่พูดอะไรเลย ได้แต่โบกมืออำลา ไม่มีรอยยิ้มจากใบหน้าที่เรียบเฉยนั้น จนรถออกไปพ้นปากซอยเราถึงรวบรวมเรี่ยวแรงเดินขึ้นห้องตัวเอง ทันทีที่เปิดห้องเข้าไป เราก็พบว่ากระเป๋าของอั้นได้หายไปแล้วพร้อมกับการรื้อค้นของในตู้เสื้อผ้า โน๊ตเล็กๆอยู่บนโต๊ะวางอยู่บนกล่องใส่ทองสองบาทที่แม่ให้ไว้เราเก็บไว้ในซอกอย่างดี รวมกับแหวนที่เราซื้อไว้หลายวง มันอันตรธานหายไปพร้อมกับโน๊ตจากลายมือแบบรีบๆ
“ขอยืมก่อนนะ แล้วจะใช้คืน” ขาเราชา สร้อยที่แม่เพิ่งเปลี่ยนให้ตอนกลับบ้านคราวที่แล้ว ยิ่งทำให้เราเศร้าใจหนักกว่าเดิม เราทรุดนั่งลงข้างที่นอน อ่านประโยคนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำตาที่กลั้นไว้มันไหลออกมาอย่างไม่รู้เรื่อง เราเจ็บใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆพอกับการเสียความรู้สึกที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ กุญแจห้องไม่ได้คืนให้ ยิ่งคิดตอนที่แม่ใส่ตะขอให้ยิ่งรวดร้าวหนัก เราไม่ได้ใส่ไปทำงานเพราะไม่ชอบแต่เก็บไว้ว่าอย่างน้อยยังมีไว้ใส่เล่นตอนที่ไปไหนบ้างเท่านั้น จะคืนแม่หลายครั้งแม่ก็ให้เก็บเอาไว้ ซ้ำยังบอกให้ซื้อให้มากกว่าเดิมไว้เป็นสมบัติส่วนตัว
“เป็นอะไร เรียกทำไมไม่ยอมเปิด แล้วทำไมห้องถึงเป็นแบบนี้หล่ะ” ต่อมองหน้าเรา
“เอ๋ ร้องไห้ทำไม” ต่อปิดประตูตู้เสื้อผ้า มองที่โต๊ะวางของก็เข้าใจ กล่องใส่ทองวางอยู่กับโน๊ต วันก่อนต่อยังมานับแหวนของเราอยู่เลยว่ามีกี่วง พร้อมนัดกันจะเอาไปเปลี่ยนเป็นสร้อยข้อมือ
“ทั้งหมดกี่บาท” ต่อระล่ำระลักถาม เราพูดไม่ออก
“ไป ไปแจ้งความ รู้ชื่อรู้แซ่มันนี่”
“ไหนหล่ะ หลักฐาน”
“ก็นี่ไง มันฝึกงานที่โรงแรมหล่อนนี่ ไปจัดการมันเลย”
“ชั้นเพิ่งโทรไป เพื่อนมันบอกว่า มันกลับบ้านไปแล้วเลิกฝึก”
“งั้นก็แจ้งไปที่มหาลัยมัน ทำยังงี้ได้ไงนี่”ต่อเป็นเดือดเป็นแค้น
“ช่างมันเถอะ” เราสลัดน้ำตา เรารู้ว่าต่อให้ตามไปยังไงก็ไม่มีทางได้คืนหรอก เขาคงหาโอกาสที่จะเอาไปอยู่แล้ว
“เอ๋ อย่ายอมอะไรง่ายๆสิ มันเอาของเราไปนะ”
“แล้วจะไปตามที่ไหน” ต่อกระชากแขนเราลุกขึ้น ปิดห้องแล้วกึ่งลากกึ่งจูงไปจนจะเรียกแท็กซี่ เราถึงแกะมือต่อออก
“อย่าเลย เราผิดเองแหล่ะ ที่ไว้ใจคนง่าย ช่างมันเถอะ เราระวังตัวน้อยเกินไป” เราหันหลังกลับห้อง
“งั้นพรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนกุญแจ”
“หล่อนไม่มีที่ติดต่อมันได้เลยเหรอ”
“มี”
“แล้วนั่งเป็นเบื้ออะไรหล่ะ” ต่อถามเบอร์โทรศัพท์ที่เราขออั้นไว้
“ขอสายอั้นฮะ” ต่อพูดเสร็จก็ยื่นให้เราพร้อมกับบอกว่าอั้นรับสาย
“อั้นเหรอ”
“พี่เอ๋ เหรอ”
“อั้นเอาของพี่ไปทำไม”
“ผมมีเรื่องต้องใช้เงิน แล้วผมจะหาไปคืนให้นะพี่เอ๋”
“อั้น เอามาคืนเลยไม่ได้เหรอ”
“ขายไปหมดแล้ว”
“แล้วเอาเงินไปทำอะไร”
“มีธุระจะใช้ แล้วผมจะแวะไปหานะพี่ ผมขอโทษแต่ผมต้องใช้เงินจริงๆ” เขาวางหูพร้อมดึงสายโทรศัพท์ออก เราพยายามจะกดแต่ไม่มีสัญญาณแล้ว
“เลวจริงๆ มันพูดยังงี้ได้ไง หล่อนต้องบอกหัวหน้ามันนะเอ๋ ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” เราได้ยินเสียงต่อพูดนั่นพูดนี้เหมือนมันดังแว่วมาไกลๆ สองสิ่งที่คาดหวังกลับมาแตกหักพร้อมกันหากแต่คนละรูปแบบ หนึ่งคือความไว้ใจที่กัดกร่อนทำลายความรู้สึกเรา พร้อมๆกับ ความเสียใจที่สูญเสีย ถาโถมเข้ามาประดัง เรา ปล่อยให้ต่อนอนหลับอยู่ในห้องในขณะที่เรานั่งมองฟ้ามืดที่ระเบียงอยู่อย่างนั้นด้วยสมองที่ว่างเปล่า เราไม่ได้คิดอะไรเลย มีแต่ความเงียบงัน รู้แค่ว่าเสียใจ เพียงอย่างเดียว มีแค่คำว่าเสียใจเพียงคำเดียว แล้วเราก็หมดสติ จนรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบสายน้ำเกลือระโยงระยาง นี่เราอ่อนแอขนาดนี้เทียวหรือ ต่อชะโงกหน้ามองเรา
“เอ๋ หล่อนช็อกไปนะ ชั้นเรียกเท่าไหร่หล่อนก็ไม่ยิน นี่หล่อนรู้สึกตัวรึยัง” เรากระพริบตาถี่ให้คุ้นกับแสงสว่าง
“ทำไมต้องถึงโรงพยาบาลด้วย”
“นี่ไม่ตายก็บุญแล้วนะ หล่อนรู้มั๊ยว่าหล่อน หมดสติไปนานแค่ไหน”
“คงง่วง”
“อีเก่ง” ต่อขยับมาดูหน้าเราชัดๆ “หมอเขาบอกว่าช็อก เพราะไม่ได้นอนปนกับความเครียด”
“แล้วหล่อนแบกชั้นลงมาจากอพาร์ตเม้นท์ได้ไง”
“ชั้นโทรตามโม ให้มันมาดูหล่อน”
“งั้นเขาก็รู้เรื่องหมดนะสิ”
“อ้าวก็ต้องบอกสิ” ยิ่งทำให้เรารู้สึกละอายใจกว่าเดิม เลือกนักมักได้แร่
“ทำไมต้องอาย ถือว่าซวยไปเถอะนะ ชั้นกลับไปเปลี่ยนกุญแจห้องให้หล่อนแล้วนะ ไม่รู้สิสังหรณ์ยังไงก็ไม่รู้ ชั้นเพิ่งนึกออกว่าตอนที่หล่อนไปหาโม มันเหมือนมีคนเข้าห้องหล่อนตอนที่ชั้นเปิดห้องนอนเล่นแต่เห็นรองเท้ามันถอดไว้คิดว่ากลับมาด้วยกัน ถ้ารู้ว่าจะเป็บแแบบนี้”
“ไม่ต้องพูดแล้วต่อ”
“เสียดายของหรือเสียดายคนหล่ะ” ต่อพูดเหมือนย้ำ “คนนิสัยเหี้ยๆแบบนี้ก็มีด้วย”
เหมือนต่อจะพูดอยู่คนเดียวจนเรารำคาญ เราหลับไปเพราะฤทธิ์ยา ตื่นขึ้นมาก็พบว่าอยู่คนเดียวได้นอนเต็มตามันก็ดีขึ้นมาบ้างขาดแค่ความเสียใจเท่านั้นที่ยังไม่บรรเทา เรื่องของอั้นเราทำใจได้แล้ว เรื่องของอั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราคิดว่าเราจะต้องได้ของเราคืน เหลือแต่เรื่องของโมเท่านั้นที่ยังติดค้างอยู่ในใจ เรามองน้ำเกลือที่หยดลงทีละหยด หมดกระบอกนี้เราก็กลับได้แล้ว ต่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมของกินและเสียงหัวเราะอย่างร่าเริง
“เข้ามาสิ โม” ต่อเรียกเขาให้ตามเข้ามา เหมือนกับโมยังยืนอยู่ที่ประตูไม่เข้ามาง่ายๆ
...........

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.