We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: กึ่งอีโรติกเรื่องที่สาม... เรื่องของพี่น้อง"
Posted by อิ๊ก on 08-May-12 at 01:30 AM

บทที่ 6


.
หากไม่นับเหตุการณ์กระอักกระอ่วนในคืนนั้นแล้วก็นับว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดีกับการแสดงครั้งแรกของวงของผม แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงจะปฏิเสธพี่น้ำและไม่เอาวงมาเล่น เพราะพี่ของผมดูแปลกไปหลังจากคืนนั้น
.
พี่น้ำเริ่มคุยโทรศัพท์ครั้งละนานๆ เมื่อผมถามพี่น้ำบอกว่าคุยกับเพื่อน จากอาทิตย์ละสองสามครั้งก็กลายเป็นเกือบทุกวัน ผมแอบกดดูโทรศัพท์ของพี่น้ำก็จะเห็นว่าพี่เขาลบเบอร์ที่เพิ่งคุยออกทุกครั้ง นอกจากนั้นแล้วพี่น้ำดูเหมือนจะให้เวลากับผม สนใจผมน้อยลง และในวันพฤหัสวันหนึ่งพี่น้ำก็บอกกับผมว่ามีนัดกับเพื่อนในวันเสาร์และยังบอกให้ผมกลับบ้านต่างจังหวัดบ้าง
.
ที่ผ่านมาถึงจะมีนัดกับเพื่อน แต่พี่น้ำก็จะพาผมไปด้วยเสมอ ยกเว้นตอนออกไปเที่ยวกลางคืนในบางครั้ง นอกจากนั้นทั้งที่พี่น้ำไม่ชอบขับรถ แต่พี่น้ำกลับขับรถไปส่งผมถึงที่บ้านทุกครั้งแม้ระยะทางไปกลับจะร่วมร้อยกว่ากิโลก็ตาม แต่ครั้งนี้ พี่น้ำจะไปส่งผมที่ท่ารถและให้ผมขึ้นรถกลับบ้านเอง
.
ในวันศุกร์รุ่งขึ้นที่โรงเรียนตอนพักกลางวัน ผมถามโดมว่า
.
“พรุ่งนี้มึงทำอะไร ไปเดินบ้านหม้อกับกูหน่อยได้ป่าว”
.
ไอ้โดมอ้ำอึ้งก่อนที่จะตอบผมว่าอะไรสักอย่างเป็นนัยว่ามันไม่ว่าง ผมฟังไม่ถนัดนักเพราะรู้สึกหูอื้อขึ้นมาเสียอย่างนั้น
.
“เออ กูไปคนเดียวก็ได้...” ผมตอบกลับไปอย่างเรียบๆ ก่อนจะพูดต่อ “ยืมโทรศัพท์มึงหน่อยดิ ของกูตังค์หมด”
.
เมื่อไอ้โดมยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมก็เดินแยกออกมา เงินในโทรศัพท์ของผมหมดแล้วจริงๆ และผมต้องการจะโทรกลับไปบอกแม่ว่าผมจะกลับบ้านพรุ่งนี้ แต่สิ่งที่ผมต้องทำก่อนหน้านั้นคือเช็คประวัติการโทรของมัน
.
อย่างที่ผมบอกแล้วว่า เพื่อนคนนี้บางทีมันก็ไม่ได้ดังใจเอาเสียเลย ความติงต๊องของมันทำให้มันป้ำๆ เป๋อๆ ในหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น ความป้ำเป๋อของมันคงทำให้มันลืมไปว่าตัวเองไม่ได้ลบเบอร์คนที่มันคุยด้วยเมื่อคืนเป็นเวลาเกือบสี่สิบนาทีออกไปจากรายการประวัติก่อนที่มันจะส่งโทรศัพท์ให้กับน้องชายของเขา
.
ผมเคยเห็นหนังโป๊ผู้ชายอยู่ในเครื่องพี่ชายครั้งหนึ่ง อันที่จริงผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าพี่ผมดูหนังนั้นจริงๆ พี่อาจจะโหลดมั่วมาไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่พี่ชายผมก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่ ดังนั้นการที่เขายังไม่มีแฟนก็ทำให้ผมไม่สามารถตัดประเด็นที่ว่าเขาชอบผู้ชายออกไปได้ ซึ่งที่ผ่านมานั้นผมไม่ได้แคร์เลยเพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม แต่ถ้าในเวลานี้คนที่พี่ชายชอบคือเพื่อนรักของผม ความคิดนี้กลับทำให้ผมรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ
.
อีกประเด็นหนึ่งคือโดมกำลังจีบน้องม.2 อยู่คนหนึ่ง หรือจริงๆ ต้องบอกว่าน้องมาจีบมันมากกว่า แต่ไอ้โดมก็เลือกน้องคนนี้ในบรรดาสาวๆ อีกหลายคนเพราะเธอ “ใจใหญ่” มากๆ แต่ทั้งยังงี้แล้ว มันก็ยังจะโทรคุยกับพี่ผมอีก ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนเพื่อนรักแย่งพี่ชายไปอย่างช้าๆ ไม่ว่าพวกเขาจะคบกันแบบไหน แต่ที่แน่ๆ คือพี่ชายให้เวลากับผมน้อยลงและให้เวลากับมันมากขึ้น
.
อยู่ดีๆ ผมก็นึกครึ้มกดโทรหาพี่ชายจากเครื่องไอ้โดม
.
“ว่าไง” พี่น้ำรับสายด้วยน้ำเสียงปกติ เมื่อผมไม่พูดพี่จึงถามมาอีก “เฮ้ย... โทรมาแล้วไม่พูด มีไรวะ”
.
ผมกดวางสาย น้ำเสียงของพี่ชายผมไม่ได้โมโหหรือรำคาญ แต่ภาษาที่ใช้ก็เหมือนคุยกับเพื่อนธรรมดาๆ หรือผมจะคิดมากไปเองกันแน่นะ
.
.
ในอาทิตย์ถัดมาหลังจากกลับบ้านสองวัน ความรู้สึกขุ่นมัวของผมก็เริ่มสดใสขึ้น แต่เมื่อกลับมาที่บ้านพี่น้ำ พี่ก็คุยโทรศัพท์บ่อยๆ เป็นเวลานานๆ อีกและทำให้ผมเริ่มไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ผมคงจะหวงพี่ชายของผมละมั้ง
.
ประมาณเกือบหนึ่งสัปดาห์ถัดมาในเย็นวันหนึ่ง ผมกลับถึงบ้านแล้วแต่ป้าบอกว่าพี่น้ำออกไปข้างนอก และเมื่อพี่น้ำกลับเข้ามาตอนประมาณสามทุ่มผมก็เห็นพี่น้ำถือของพะรุงพะรังซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก แต่ผมก็เห็นอีกด้วยว่าพี่น้ำถือถุงใบหนึ่งขึ้นห้องไป
.
จากนั้นพี่น้ำก็ลงมาทานข้าว ผมทานอิ่มแล้วจึงบอกว่ามีการบ้านและขึ้นห้องไปก่อน เมื่อถึงห้องผมก็มองหาถุงใบนั้นแต่ก็ไม่เจอ ผมเปิดตู้เก็บของของพี่น้ำก็ไม่เจอ สุดท้ายผมหาเจออยู่ในตู้เสื้อผ้า ที่มุมลึกที่สุดของลิ้นชักถุงเท้า เมื่อผมเปิดถุงออกมาสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นคือตุ๊กตาวู๊ดดี้ทำจากผ้ายัดนุ่นขนาดประมาณหนึ่งไม้บรรทัด มีห่วงเชือกอยู่ด้านหลังสำหรับห้อยกระเป๋าด้วย ที่ห่วงเชือกนั้นมีตุ๊กตาบัซ ไลท์เยียร์ตัวเล็กๆ เท่านิ้วโป้งแขวนอยู่
.
อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของผม ผมไม่ได้ตื่นเต้นมากนักเมื่อเห็นของในถุงใบนั้น แต่รู้สึกโล่งใจมากกว่า ดีใจเล็กๆ แค่พอให้มุมปากมีรอยยิ้มและถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้ผมคงหน้าเครียดคิ้วขมวดอยู่ทีเดียว แต่ที่สำคัญคือผมรู้สึกว่าหัวใจผมมันพองขึ้น ผมยังคงเป็นคนสำคัญของพี่ชายอยู่เหมือนเดิม
.
.
ในวันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียนผมกลับมาบ้านแล้วก็ไม่เจอพี่น้ำ เมื่อโทรหาพี่น้ำบอกว่าไปทำธุระ กำลังจะกลับแล้ว ผมแอบสงสัยอยู่ลึกๆ แต่ก็พยายามไม่นึกถึง
.
ในวันถัดมาที่โรงเรียนตอนพักกลางวัน ผมอยากจะยืมโทรศัพท์ไอ้โดมมาเช็คเบอร์พี่น้ำอีก แต่เมื่อผมหันไปหามัน ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจ โทรศัพท์ของไอ้โดมห้อยตุ๊กตาบัซ ไลท์เยียร์ที่ผมเห็นในถุงของพี่น้ำเมื่อคืนก่อน....
.
ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกในตอนนั้นของผมจะเรียกว่าช็อคหรือเสียใจหรืออะไรอย่างอื่น แต่ตลอดทั้งวันนั้นผมไม่พูดกับไอ้โดมอีกเลย
.
ขณะนั่งรถกลับบ้านในเย็นวันนั้น ผมนึกถึงเวลาก่อนหน้านี้ ที่พี่น้ำจะชอบแหย่ผมและชวนผมเล่น พี่น้ำที่ยอมให้ผมเกือบทุกอย่าง พาผมไปเลี้ยงหนัง เดินเที่ยว แต่ตอนนี้เหมือนพี่น้ำจะมีแต่ไอ้โดม น้ำตาผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่... ผมเป็นเด็กขี้แยอย่างนี้แหละ
.
นอกจากเป็นเด็กขี้แยแล้วผมยังฝังใจและโมโหร้าย ย้อนกลับไปสักปีกว่าๆ มาแล้วก่อนที่ผมกับพี่น้ำจะสนิทกัน ผมสังเกตได้ว่าแม่และป้าคอยคุมเชิงให้ผมอยู่ห่างพี่น้ำอยู่เหมือนกัน นอกจากนิสัยของผมที่ค่อนข้างจะล้นอยู่แล้วนั้น ผมยังรู้ดีว่าคงเป็นเพราะอีกสาเหตุหนึ่งที่แม่เคยเล่าให้ผมฟังตอนผมยังเด็กกว่านี้ถึงวีรกรรมของพี่น้ำในขณะยังเป็นวัยรุ่นว่าพี่น้ำโมโหร้ายมาก ครั้งหนึ่งพี่น้ำเคยโยนจานชามกระเบื้องทั้งกองจากชั้นบนลงมาชั้นล่างด้วยสาเหตุที่ผมจำไม่ได้แล้ว เคราะห์ดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นไม่งั้นพี่น้ำอาจจะโดนข้อหาฆ่าคนโดยไม่เจตนาก็ได้ แต่ตั้งแต่ผมรู้จักกับพี่น้ำมาผมก็ไม่เคยเห็นวี่แววแบบนั้นอยู่เลย จนกระทั่งผมลืมตัวและเผลอทำในสิ่งที่ผมต้องเสียใจทีหลัง
.
เมื่อกลับถึงบ้าน พี่น้ำต้อนรับทักทายผมตามปกติ แต่ผมไม่พูดด้วยและขึ้นไปอาบน้ำ พี่น้ำคงเห็นผิดสังเกตจึงตามขึ้นมาบนห้อง ผมอาบน้ำเสร็จออกมาพี่น้ำก็ชวนผมคุย แต่ผมไม่คุยด้วย ถามคำตอบคำเท่านั้น ผมอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว
.
“เป็นไรเนี่ย” พี่น้ำถาม
.
“เปล่า” ผมตอบห้วนๆ ยืนหันหลังเช็ดตัวให้เขา
.
“ทะเลาะกับเพื่อนเหรอ”
.
“หึ” ผมพันผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปหาเสื้อผ้าผมในตู้
.
“มีการบ้านรึเปล่า” พี่น้ำถามอีก แต่ผมยังไม่ทันตอบเสียงโทรศัพท์ของพี่น้ำที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็ดังขึ้น ผมหันไปเห็นพอดีว่ามันเป็นเบอร์ของไอ้โดม พี่น้ำไม่ได้เมมชื่อมันไว้ แต่ผมจำเบอร์ของเพื่อนผมได้ดี ผมหยิบโทรศัพท์ของพี่น้ำขึ้น เมื่อหันไปก็เห็นพี่น้ำหน้าซีด เขาคงลืมว่าวางโทรศัพท์เอาไว้ตรงนี้หรือไม่ก็ไม่คิดว่าไอ้โดมจะดันทะลึ่งโทรมาเวลานี้
.
“มีธุระอะไรกัน” เสียงผมไม่เป็นมิตรเลย แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะทำให้มันฟังดูดีกว่านี้
.
“ไม่รู้ดิ” พี่น้ำตอบ พยายามทำหน้าเรียบเฉย
.
“รับให้มั้ย” ผมยังถามด้วยเสียงไม่เป็นมิตรเหมือนเดิม สีหน้าพี่น้ำเริ่มเปลี่ยน
.
“เสียมารยาท โทรศัพท์คนอื่น” น้ำเสียงพี่น้ำก็เปลี่ยนไปด้วย ยิ่งทำให้ผมไม่พอใจใหญ่
.
“แล้วมีเรื่องอะไร” ผมไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้ พี่น้ำลุกขึ้นมาแล้วพยายามหยิบโทรศัพท์ไปจากมือผม แต่ผมเอามันหลบ
.
“แล้วยุ่งอะไรเนี่ย เอามานี่” พี่น้ำดุผมเสียงดังทำให้ผมโมโหมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่เมื่อตอบพี่น้ำไปว่า
.
“ไม่ให้ ไม่ได้คุยกันสักวันจะตายมั้ย” พี่น้ำชะงักกับคำพูดก้าวร้าวของผม สายตาเจ็บช้ำที่มองมาที่ผมนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรทำให้ผมรู้สึกโกรธ ในใจตอนนั้นผมหวิดจะเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือทิ้งอยู่รอมร่อแล้ว
.
อยู่ดีๆ พี่น้ำก็กระตุกผ้าขนหนูที่พันเอวของผมหลุดออก ผมยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าเขาและผมรู้สึกอายมาก... ทั้งอายและโมโห ผมเอาสองมือมาตะครุบผ้าไว้แต่ก็ไม่ทันที่มันจะปลิวติดมือพี่น้ำไปก่อนจะถูกโยนไปข้างๆ พี่น้ำรีบแย่งโทรศัพท์ไปจากผมตอนที่ผมมัวพะวงอยู่กับผ้าเช็ดตัวและอวัยวะส่วนสำคัญของผมที่คอยจะหลุดออกจากอุ้งมือมาแกว่งไกวอวดสายตาของพี่ชาย
.
เสียงโทรศัพท์เงียบลงแล้วเมื่อพี่น้ำหยิบโทรศัพท์ไปได้ในที่สุด พี่น้ำหันหลังให้ผมและกำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมกับกดโทรศัพท์ไปด้วย ผมรีบหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันเอวไว้อย่างเดิม จากนั้นผมโถมทั้งตัวเข้าใส่พี่น้ำแล้วแย่งโทรศัพท์เขากลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่รอช้าอีก เขวี้ยงมันลงกับพื้นจนแตกกระจาย
.
ทันทีนั้นผมรู้สึกเสียใจ พี่น้ำยืนมองโทรศัพท์ราคาหลักหมื่นแตกกระจายเป็นชิ้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ใจหนึ่งผมอยากจะบอกว่าขอโทษ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกโกรธที่พี่น้ำยั่วให้ผมโมโหถึงขนาดนี้ แล้วนี่ผมก็ยิ่งเสียใจเข้าไปอีกแล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากโมโหพี่น้ำที่ยืนมองโทรศัพท์ของตัวเองนิ่งๆ อยู่อย่างนี้ขึ้นไปอีก
.
พี่น้ำเดินหันหลังออกจากห้องไปและไม่กลับเข้ามาอีกเลย...
.
.
คืนนั้นผมนอนแทบไม่หลับ ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ โกรธทั้งพี่น้ำและโกรธตัวเอง แล้วผมก็ยังกลัวว่าพี่น้ำจะบอกป้าและแม่ การโดนพ่อแม่ดุเรื่องทำลายของก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือผมจะบอกพ่อกับแม่ยังไงถึงสาเหตุที่ผมทำแบบนั้นในเมื่อผมเองก็ไม่รู้
.
วันรุ่งขึ้นผมตื่นและไปโรงเรียน แต่ไม่ลืมเก็บชิ้นส่วนโทรศัพท์ของพี่น้ำไปด้วยทิ้งแต่ซิมของเขาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหลับไปเมื่อคืนผมคิดว่าผมคงจะไม่อยู่ที่บ้านนี้อีกแล้วเพราะพี่น้ำคงจะไม่ยอมคุยกับผมอีกแน่ๆ แล้วผมก็ขอโทษไม่เป็นเสียด้วย แต่เช้านี้ผมกลับหวังให้พี่น้ำยกโทษให้ผมและให้ผมอยู่ที่บ้านนี้ต่อ ต่อให้พี่น้ำไล่ให้ผมไปนอนอีกห้องหนึ่งก็ยังดี
.
ผมพาลไม่คุยกับไอ้โดมไปด้วย มันจะงงหรือมันจะรู้ผมก็ไม่สน อันที่จริงผมแทบไม่คุยกับใครเลยในวันนั้น เมื่อกลับบ้านไปในตอนเย็นพี่น้ำยังคุยกับผม แต่ด้วยน้ำเสียงห่างเหินที่ทำให้ผมรู้สึกโมโห แต่ผมก็ได้เพียงแต่พูดคุยกับเขาตอบด้วยน้ำเสียงเดียวกันเท่านั้น
.
“ต้นเอาโทรศัพท์พี่ไปไว้ไหน”
.
“เอาไปซ่อมอยู่”
.
“มีตังค์หรอ”
.
“พอมี”
.
แต่พี่น้ำไม่ได้บอกลุงกับป้าเรื่องที่เกิดขึ้นเลยและนั่นทำให้ผมรู้สึกขอบคุณเขา
.
.
สองวันถัดมาเป็นวันเกิดของผมและตรงกับวันเสาร์ ลุงกับป้าปลุกให้ผมลุกขึ้นมาช่วยเตรียมของใส่บาตรตั้งแต่ตีห้า พี่น้ำที่นอนดึกและไม่เคยตื่นเช้าเลยก็ลุกขึ้นมาใส่บาตรด้วยกัน แม้พี่น้ำจะไม่มีของขวัญอะไรให้ผม แต่ผมก็รู้สึกดีใจแล้ว ถึงเขากับไอ้โดมจะคุยกันอย่างไร แต่ผมคือคนที่พี่น้ำอยู่ด้วยตรงนี้
.
ผมเอาโทรศัพท์มาคืนให้พี่น้ำ ค่าซ่อมทำให้ผมต้องแคะกระปุกตัวเองทีเดียวแต่ผมก็ไม่บ่นหรอก พี่น้ำรับโทรศัพท์ไปแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะพูดว่า
.
“พี่ไม่ได้คุยกับโดมแล้วนะ” ผมได้ยินใจหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ผมตอบไปแค่ว่า
.
“หรอ”
.
“เห็นมันกำลังจีบน้องม.สองนี่”
.
“ใช่ นมใหญ่ด้วย” ผมตอบ พี่น้ำหัวเราะขึ้นมา จากนั้นเราต่างคนต่างเงียบไปสักพัก ก่อนพี่น้ำจะถามว่า
.
“ค่าซ่อมเท่าไหร่”
.
“เยอะ” ผมตอบด้วยเสียงกวนๆ “ของกากๆ งี้ ซ่อมโคตรแพง” พี่น้ำมองหน้าผมนิ่งๆ พักหนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นกอดคอผมไว้แล้วตุ๊ยท้องเบาๆ หลายๆ ที ผมชกตอบอุตลุด ปากก็ตะโกนฟ้องป้าว่าพี่น้ำแกล้ง จนสุดท้ายก็ล้มลงกับพื้นทั้งคู่ พี่น้ำทับผมไว้ ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของพี่น้ำที่เป่ารดหน้าผม แต่ผมก็ไม่ได้โวยวายเหมือนอย่างเคย
.
“หายโกรธพี่แล้วนะ” พี่น้ำถาม ผมค่อนข้างงง เพราะนึกว่าพี่น้ำเป็นฝ่ายโกรธผมอยู่ซะอีก แต่ก็ตอบไปว่า
.
“อื้อ” พี่น้ำโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ อีก ผมใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว สงสัยว่าพี่น้ำกำลังจะหอมแก้มผมหรือยังไง แต่พี่น้ำกลับลุกขึ้นแล้วดึงผมยืนขึ้นตาม จากนั้นพี่น้ำพูดว่า
.
“อย่าทำลายของพี่อีกล่ะ”
.
ผมได้แต่ตุ๊ยท้องพี่น้ำเบาๆ แทนคำตอบ...

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.