We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: เรื่องเล่าคาวน้ำกาม"
Posted by romanrome on 17-Dec-12 at 05:52 AM
วันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะว่าได้กลับมาเรียนที่มหาลัยของผม กลับมาหาสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย (หลังจากที่ภาคเรียนที่ 1 ไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ที่มหาลัยอื่น)

ในภาคเรียนที่ 2 นี้ สิ่งที่แปลกใหม่ในชีวิตนักศึกษาของผมคือ ผมไม่ได้พักอยู่หอพักในมหาลัยอีกต่อไป เนื่องจากไม่ได้มาลงชื่อจองหอพักตั้งแต่ภาคเรียนที่แล้ว ผมเช่าคอนโดอยู่ตรงหลังมหาลัย และทางบ้านอนุญาตให้ผมเอารถจี๊บมาใช้ได้ (ไม่ใช่ว่าดัดจริต ไม่อยากขี่รถมอเตอร์ไซด์ หรืออยากโก้เก๋อะไรหรอก เรื่องของเรื่องคือ มีคนเอารถจี๊บมาจำนำไว้ ทางบ้านของผมต้องรับจำนำ เพราะว่าเจ้าของรถเป็นญาติสนิท จะไม่ช่วยก็ดูกระไรอยู่ บริเวณบ้านของผมค่อนข้างจะคับแคบไม่มีที่ว่างพอสำหรับจอดรถ แค่จอดรถเก๋งคันเล็กๆคันเดียวก็จะเต็มหน้าบ้านแล้ว อีกอย่างทางบ้านของผมค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าของรถคงไม่มาไถ่คืนอย่างแน่นอน ชาวบ้านแถวนั้นลือกันให้หนาหูว่า เจ้าของรถกำลังเตรียมชิ่งหนีเจ้าหนี้หลายราย)

ก่อนที่จะเข้าสู่สาระสำคัญ ผมขอเม้าท์ให้หายอยาก เพราะคันปากมากๆ (หมายถึงคันปากอยากเม้าท์นะครับ ไม่ได้คันปากอยากอมกระจู๋)

เรื่องมีอยู่ว่า มันเป็นความบังเอิญที่ควรจะเรียกว่า “โชคดี” หรือ “โชคร้าย” กันแน่ คอนโดที่ผมอยู่นั้น ห้องของผมอยู่ตรงข้ามกับห้องของพี่บาส (ยังจำพี่บาสได้ไหม? พี่บาสรุ่นพี่สาขาวิชาของผม และพี่บาสยังเป็นคู่ขาของพี่ทีอีกด้วย) ชนิดที่ประตูหน้าห้องหันหน้าชนกันเลยก็ว่าได้ ถ้าเปิดประตูออกมาพร้อมๆกัน มีสิทธิ์จ๊ะเอ๋เบบี้ ทุกเวลา

ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยถูกชะตากับพี่บาสเท่าไหร่ เวลาที่เห็นหน้าและได้ฟังคำพูดทีไรรู้สึกหมั่นใส้มากๆ คนอะไรเก๊กได้ทั้งวัน แถมบุคลิกท่าทางยังดูจิตๆอีกต่างหาก เวลาพูดกับผม พี่แกจะพยายามทำท่าทางข่มๆ ทับถมผม (ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร?) บางครั้งผมสุดจะทน ผมก็พูดกัดจิกพี่แกแบบเนียนๆ ชนิดที่แอบด่าแบบแฝงแง่คิด

พี่บาสเล่าให้ผมฟังว่า พี่ต่อมีแฟนแล้ว แฟนของพี่ต่อ ไม่ใช่ใครที่ไหน ใกล้ตัวพวกเรามากๆ(หมายถึงผมกับพี่บาส) เป็นรุ่นน้องสาขาวิชาของพี่บาส และเป็นเพื่อนร่วมสาขาวิชาของผม แถมยังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมในสาขาวิชา อีกด้วย ชื่อ “นพ” นพเป็นเกย์แบบอ้อยเรืองแสง หรือพูดให้เข้าใจคือ เกย์แบบเปิดเผยตุ้งติ้ง (ไม่ใช่กระเทยแต่งหญิงนะ อย่าสับสน) มอง 500 เมตรก็รู้ว่าเป็นเกย์ พี่ต่อนี่ก็ช่างมีรสนิยมที่แปลกพิลึกพิลั่นจริงๆ ระหว่างพี่ต่อกับนพ ใครเป็นฝ่ายรุกฝ่ายรับกันแน่? (ตรูก็คันปากแอบเม้าท์พวกเขาจนได้นะ)
พี่ต่อกับนพ ได้พบรักกันเมื่อเทอมที่แล้ว ตอนไปออกภาคสนามวิชามัคคุเทศน์ที่พิษณุโลกและสุโขทัย ทั้งสองพักห้องเดียวกัน ในคืนวันนั้น ฝนตกหนักมากๆ ต่างอารมณ์เปลี่ยวด้วยกันทั้งคู่ เมื่อบรรยากาศเป็นใจ ความเงี่ยนจึงไม่เข้าใครออกใคร (พี่บาสบรรยายรายละเอียดได้เห็นภาพสุดๆ ชนิดที่ว่าไปมุดอยู่ใต้เตียงแอบดูพี่ต่อและนพ เล่นเกมส์เอางูลงรู) นับแต่นั้นมา ทั้งสองติดอกติดใจในรสสวาทของกันและกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา รวมถึงอุปนิสัยเข้ากันได้ดีมากๆ เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัว “ความรัก” จึงบังเกิดขึ้น

พอเล่าจบ พี่บาสทำหน้าทำตาเห็นอกเห็นใจปนเวทนาใส่ผม (ตรูละหมั่นใส้อยากจะตบอีเจ๊บาสจริงๆ แต่เย็นไว้ก่อน ตรูยังมีไพ่เด็ดในมือ ถ้าทิ้งไพ่เมื่อไหร่ละก็ อีเจ๊บาสมีหนาวแน่ๆ)

“ผมก็มีเรื่องอยากจะเล่าให้พี่บาสฟังอยู่พอดี ตอนไปกรุงเทพ ผมได้ไปเจอใครและได้ทำอะไรกันมาบ้าง อยากจะรู้เหมือนกันว่า ระหว่างเรื่องที่พี่บาสเล่าให้ผมฟัง กับ เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้พี่บาสฟัง เรื่องของใครจะแสบๆคันๆจนทำให้อีกฝ่าย อึ้ง ทึ่ง เสียว มากกว่ากัน” ผมพูดดังๆอยู่ในใจ(แค่พูดดังๆในใจเท่านั้น แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว) พร้อมกับหันไปมองรูปถ่ายใส่กรอบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือของพี่บาส (รูปถ่ายนี้เป็นรูปของพี่บาสถ่ายคู่กับพี่ทีตอนไปเที่ยวแม่สาย) ผมส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ ให้แก่พี่บาส (ตรูอุตส่าห์ใบ้ให้ขนาดนี้แล้ว ถ้ามรึงฉลาดจริงคงเดาไม่ยากหรอก)

พี่บาสทำหน้างงๆ (คงจะคิดว่า ไอ้บ้านี่มันยิ้มอะไรของมัน)

ผมรู้ว่าพี่บาสหลงพี่ทีมากๆ หลงชนิดที่หัวปักหัวปำเลย ทุกครั้งที่พี่ทีขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่ พี่บาสจะต้องคอยไปส่งส่วยสนองความใคร่ให้กับพี่ที อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ขนาดพี่ทีขึ้นมาเชียงใหม่ตอนช่วงสอบไล่ (เรื่องนี้พี่ต่อเคยเม้าท์ให้ฟัง) พี่บาสยังทุ่มทุนสร้างถึงขนาดที่รีบๆอ่านหนังสือแบบผ่านๆให้จบแต่หัววัน ส่วนกลางคืนนั้นก็ติวภาษาอังกฤษกับพี่ทีทั้งคืน Oh! Yes! Yes! Ah! Ah! Baby! Yes! Yes! F……k me!!!

ผมอยากรู้ว่า ถ้าอีเจ๊บาสรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่ที อีเจ๊บาสจะทำหน้าอย่างไร? ยังจะกล้าทำหน้าเชิ่ดใส่ผมอยู่หรือเปล่า?

.................................................................

พูดออกทะเลไปเยอะแล้ว (ออกไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิกข้ามไปแอตแลนติกโน่น) คราวนี้ถึงเวลากลับเข้าฝั่งซะที......

เช้าวันนี้ นอกจากจะเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 แล้ว ยังเป็นวันแรกที่ผมจะได้เจอน้องรหัส(ทั้งที่คนอื่นได้เจอกับน้องรหัสของตัวเองตั้งแต่เทอมก่อน) ผมได้เตรียมขนมนมเนย รวมทั้งพวกหนังสือและสมุดแล็กเชอร์วิชาต่างๆเอาไว้มากมาย เพื่อรับขวัญน้องรหัส (พูดแล้วก็อดนึกถึงตอนที่ผมอยู่ปี1 พี่รหัสของผมได้ให้ขนมนมเนย พร้อมทั้งหนังสือและสมุดจดแล็กเชอร์วิชาต่างๆ ให้ผม แถมยังพาผมไปเลี้ยงที่ร้านอาหารที่ขึ้นชื่ออีกด้วย)

เพื่อนๆที่สาขาวิชาบอกผมว่า น้องรหัสของผมเป็นผู้ชาย ชื่อ “ก้อง” มาจากกรุงเทพ และได้เป็นเดือนของสาขาวิชาด้วย (เชื้อรหัสไม่ทิ้งแถวจริงๆ) นอกจากนั้นเพื่อนๆของผมยังเล่าถึงวีรกรรมต่างๆของน้องก้องให้ผมฟัง (ต้องเรียกว่า น้องก้อง ตามคุณวุฒิ ส่วนวัยวุฒินั้น คงต้องเรียก พี่ก้อง เพราะแก่กว่าผม) ต่างๆนานาว่า น้องก้องคนนี้อารมณ์รุนแรงมากๆ ติสแตกหน่อยๆ และเป็นคนที่พูดโผงผาง พูดตรงมาก ตรงจนไม่รู้จักคำว่า “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” ตอนที่รับน้องใหม่ รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าว๊าก ได้ถามน้องก้องว่า... “เอ็งเป็นเกย์หรือเปล่า?”
“ไม่เป็นครับ แต่ผมเอาได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แล้วแต่ว่าจะหน้าตาน่าเอามากน้อยแค่ไหน” คำตอบที่ออกจากปากของน้องก้องนั้น ทำเอาบรรดารุ่นพี่และทุกคนถึงกับอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว

ผมขับรถจากคอนโดมามหาลัย บนถนนคลองชลประทานรถติดมากๆ จนต้องเลี่ยงขับเข้าซอยเล็กๆที่ทะลุหากันได้หลายๆซอย และสามารถเชื่อมมาโผล่ตรงหลังมหาลัยได้ (ถ้าใครเคยเรียนอยู่มหาลัยแห่งนี้คงจะเคยใช้หรือนึกภาพเส้นทางสายนี้ออกนะครับ ส่วนใครที่ยังไม่เคยมาที่มหาลัยนี้ ก็นึกภาพกันเอาเองแล้วกัน ตามแต่จินตนาการของแต่ละคน) ระหว่างทาง ผมจะต้องผ่านหน้าบ้านพี่ต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ผ่านหน้าบ้านพี่ต่อ ผมเห็นนพกำลังเปิดประตูรั้วบ้านและพี่ต่อก็กำลังจูงมอเตอร์ไซด์ออกมา

เมื่อเห็นผม นพโบกไม้โบกมือทักทาย และผมบีบแตรรถทักทายตอบกลับไป ส่วนพี่ต่อหลบหน้าหลบตาผม ไม่ทักทายผมเลย (เวลาเปลี่ยน คนบางคนก็เปลี่ยนไปตามเวลา)

ขณะที่ขับรถผ่านบริเวณอ่างเก็บน้ำของมหาลัย ผมค่อยๆชะลอความเร็วของรถลงเพื่อมองหาที่จอด ทันใดนั้นก็มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่ง ขี่ปาดหน้ารถผมอย่างรวดเร็วฉวัดเฉวียนจนผมเหยีบเบรคเกือบไม่ทัน

“ขับรถประสาอะไรของมันว่ะ ไฟเลี้ยวก็ไม่เปิด บีบแตรก็ไม่บีบ โชคดีนะที่เบรคทัน ถ้าเบรคไม่ทันละก็....” ผมบ่นอยู่คนเดียวในรถ

ซักพักหนึ่งรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นเสียหลักล้มคว่ำลงไม่ไกลจากรถของผมมากนัก ระยะห่างไม่ถึง 10 เมตร ผมตกใจมาก รีบเปิดประตูรถวิ่งเข้าไปดูว่า คนขี่รถมอเตอร์ไซด์ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

ผมไม่แน่ใจว่ารถมอเตอร์ไซด์คันนั้นล้มคว่ำเอง หรือว่าเฉี่ยวกับรถของผม (ถ้าเฉี่ยวก็คงไม่ใช่ เพราะว่าผมเบรครถได้ทันก่อนที่มอเตอร์ไซด์คันนั้นจะคว่ำ)

เมื่อผมวิ่งไปถึงตรงที่รถมอเตอร์คว่ำ ก็เห็นร่างของหนุ่มน้อย รูปร่างผอมสูง ผิวขาว ใส่แว่นตา(สมัยนี้คงเรียกว่า เด็กเนิร์ด) หน้าตาดีมาก (สไตล์ตี๋หล่อ) กำลังประคับประคองตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นดิน หนุ่มน้อยคนนี้ใส่ชุดนักศึกษาโดยผูกเน็กไทด์อย่างเต็มยศ ลักษณะการแต่งกายแบบนี้ ฟันธงได้ 100% เลยว่า ต้องเป็นนักศึกษาปี 1 แน่นอน

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้าง?” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“ผมไม่เป็นไรครับ ผมผิดเองที่ขี่รถเร็วมาก และเบรครถก็ไม่ดีด้วย รถเลยแฉลบ” หนุ่มน้อยกำลังใช้มือปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากขอบกางเกง

“ไปเรียนไหวไหม? ไม่ไหวบอกนะ เดี๋ยวจะพาไปหาหมอ” ผมถามหนุ่มน้อยคนนั้นเพื่อความแน่ใจ

“แค่ข้อศอกถลอก เลือดซิบๆนิดหน่อย สบายมาก” หนุ่มน้อยโชว์รอยถลอกที่ข้อศอกให้ผมดู

“เราค่อยโล่งใจ ที่นายไม่เป็นอะไรมาก ตอนแรกเราคิดว่ารถของเราเฉี่ยวนาย ทำเอาตกใจหมดเลย คราวหน้านายก็อย่าซิ่งมอเตอร์ไซด์เร็วอีกนะ นายอาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ก็ได้ ถ้าเกิดว่าเกิดเจ็บตรงไหนขึ้นมาทีหลัง ก็รีบไปหาหมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้ เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่าเดิม” ผมเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณมาก ผมต้องขอก่อนตัวนะครับ จะรีบไปเรียน” หนุ่มน้อยคนนั้นยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร พร้อมกับสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ทันที

“อย่าซิ่งให้มาก ค่อยๆขี่ไปช้าๆ” ผมพูดตบท้าย

ผมจอดรถไว้แถวๆบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ จากนั้นก็เดินไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหารของคณะ (โรงอาหารของคณะ ใกล้กับอ่างเก็บน้ำ ถ้าใครเคยเรียนหรือเคยผ่านไปมาที่มหาลัยแห่งนี้ คงเดาได้นะครับว่า ผมเรียนอยู่คณะอะไร? ร้านขายขนมหวานที่โรงอาหารแห่งนี้ขึ้นชื่อมากๆ ชนิดที่เป็นที่รู้จักทั้งมหาลัยเลยก็ว่าได้)

ในช่วงเช้า โรงอาหารของคณะจะมีคนมากินข้าวไม่ค่อยเยอะ (ไม่เหมือนโรงอาหารหลักของมหาลัย ซึ่งคนล้นทะลักตั้งแต่เช้ายันบ่ายแก่ๆ) ก่อนที่จะไปซื้ออาหาร ผมได้แวะเข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำในโรงอาหาร (มือเปื้อนเศษดินเศษฝุ่นเพราะช่วยเก็บข้าวของและพยุงรถมอเตอร์ไซด์ให้หนุ่มน้อยคนนั้น)

ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำ สายตาของผมได้ไปสะดุดกับหนุ่มมาดเซอร์คนหนึ่งกำลังยืนฉี่อยู่ตรงโถฉี่ หนุ่มคนนี้ผิวสองสี ใส่เสื้อนักศึกษา กางเกงยีนส์ และสวมรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาว ไว้ผมยาวเกือบประบ่า แสกข้าง เท่าที่ดูรัศมีความหล่อจากโครงหน้าในมุมหันข้าง จัดได้ว่า เป็นคนที่ค่อนข้างหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว

หนุ่มมาดเซอร์หันหน้ามามองผมด้วยใบหน้าที่อมยิ้มนิดๆ ผมรู้สึกเขินๆเลยไม่กล้ามองมาก (ทั้งเขินและไม่แน่ใจด้วยว่า เขามีรสนิยมเดียวกับผมหรือเปล่า? ถ้าขืนไปจ้องหรือทำอะไรบุ่มบ่ามสุ่มสี่สุ่มห้าไป อาจจะได้กินยำบาทาเป็นอาหารเช้า แถมอายขายขี้หน้าคนทั้งคณะเลยก็ว่าได้)

ผมค่อยๆล้างมืออย่างช้าๆ (อ่อยอย่างมีกึ๋น) เพื่อรอดูปฎิกริยาของฝ่ายตรงข้าม จากเงาสะท้อนของกระจกบานใหญ่ตรงหน้า ซักพักหนุ่มมาดเซอร์คนนั้น ค่อยๆยืนห่างจากโถฉี่มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมมองเห็นลำกล้องกระบอกปืนหุ้มหนังสีคล้ำๆ (ตรงหนังหุ้มยังมีเส้นเอ็นสีเขียวปูดโปนจนเห็นได้ชัด)

เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนั้นแล้ว ผมจะรอช้าอยู่ใย ผมเดินไปยืนที่โถฉี่ข้างๆ จัดการปลดเข็มขัด แกะตะขอกางเกงและรูปซิป พร้อมกับงัดเอาแท่งตอปิโดของผมที่แข็งโด่ออกมาโชว์ ผมใช้มือค่อยๆถอกหนังหุ้มที่หัวตอปิโดออกมาทีละนิดๆ หนุ่มมาดเซอร์คนนั้นชะโงกหน้ามาดูแท่งตอปิโดของผม จากนั้นผมก็ชะโงกหน้าไปดูกระบอกปืนของเขาดูบ้าง กระบอกปืนของเจ้าหนุ่มมาดเซอร์ ยาวตรงสวยได้รูป ไม่เล็กและไม่ใหญ่ (แต่ใหญ่กว่าของไอ้พัฒน์นิดหนึ่ง) ตรงหัวเปิดบานถอกเป็นดอกเห็ด สีคล้ำนิดๆ ส่วนบริเวณหัวหน่าวปกคลุมด้วยขนหะมอยหยิกหยองดกดำ

เจ้าหนุ่มมาดเซอร์ใช้นิ้วหัวแม่โป้งชี้ไปที่ประตูห้องน้ำส่วนตัวห้องหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้ผมตามเขาเข้าไปในห้องนั้น ผมเดินตามเข้าไปอย่างไม่ลังเล เมื่อลงกลอนประตูเรียบร้อยแล้ว เราทั้งสองก็ถลกกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า

เจ้าหนุ่มมาดเซอร์ยื่นมือมาจับแท่งตอปิโดของผม และชักไปมา ส่วนผมก็จับกระบอกปืนของเขาเล่นอย่างสนุกมือ ด้วยสถานที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวย และเวลาที่รีบเร่ง ทำให้เราทั้งสองแค่ชักว่าวให้กันจนน้ำอสุจิแตกอย่างเดียว

“นายค่อยๆเปิดประตูออกไปก่อนนะ ดูด้วยว่าคนเยอะหรือเปล่า ถ้าคนเยอะก็รีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างเร็วโดยไม่ต้องสนใจอะไร ห้ามให้ใครจับพิรุณได้ แล้วเราค่อยออกไปทีหลังนาย” เจ้าหนุ่มมาดเซอร์กระซิบบอกผม

“ได้ ” ผมพยักหน้า

โชคดีที่ยังไม่มีคนเข้าห้องน้ำ ผมเลยเดินออกมาอย่างสบายใจ ได้เอาน้ำกำหนัดออกตั้งแต่เช้า รู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งตัวเบาขึ้นเยอะ

ผมนั่งกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่สนใจมองไปรอบๆตัวเลย ทันใดนั้นก็มีจานข้าวมาวางอยู่ตรงข้างๆ ผมเงยหน้ามองดูว่าเป็นใคร.... (ยังแอบคิดนิดๆว่า อาจจะเป็นหนุ่มมาดเซอร์ในห้องน้ำคนนั้น)

“นั่งกินข้าวคนเดียวเหรอ?” พี่ต่อถามขึ้นมา

“ก็เห็นๆอยู่ว่ามาคนเดียว ไม่น่าถามเลย แล้วนพไม่มากินด้วยหรือ?” ผมถามกลับไป (แค่เห็นหน้าพี่ต่อ ตรูหมดอารมณ์ทันที อุตส่าห์จิ้นถึงอีกคน แต่ดันเจออีกคน)

“นพกำลังเข้าเรียนอยู่ กันต์ไม่มีเรียนเหรอ?”

“มีตอน 11 โมง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเนิบๆ

“ทำไมรีบมาแต่เช้า? น่าจะนอนเล่นสบายๆอยู่บนเตียง” พี่ต่อทำหน้าสงสัย

“มาดักเจอน้องรหัส เอาของและขนมมาให้” ผมตอบอย่างสั้นๆได้ใจความ

“เย็นนี้ว่างไหม?” พี่ต่อถามขึ้นมา

“ทำไมหรือ?”

“จะชวนไปเที่ยวบ้าน กันต์ไม่ได้มาที่บ้านพี่นานแล้วนะ แบบว่า คิดถึง” พี่ต่อแสดงสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“มาคิดถึงผมทำไม พี่ต่อก็มีคนให้คิดถึง มีคนให้เป็นห่วงเป็นใย มีคนให้กอด และมีคนนอนเป็นเพื่อนแล้ว ระวังนะ ถ้านพรู้ นพจะเสียใจ” ผมพูดประชดประชันนิดๆ

“พูดแบบนี้แสดงว่า กันต์หึงพี่ใช่ไหม? แม้ว่าพี่กับนพจะเป็นแฟนกัน แต่พี่ก็ยังอยากจะมีความสัมพันธ์กับกันต์เหมือนเมื่อก่อน ที่เราเคยเป็นของกันและกันอยู่บ่อยๆ” พี่ต่อส่งสายตาหวานซึ้งให้ผม

“พี่พูดอะไร? พี่ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ? พี่มีนพอยู่แล้วทั้งคน ยังอยากจะหาเศษหาเลยกับผมอีก พี่เห็นผมเป็นอะไร? ผมไม่ได้เครื่องมือแก้เงี่ยนของพี่ นึกอยากจะเอาก็เรียกมาหาอย่างง่ายๆ อีกอย่างผมกับนพต่างเป็นเพื่อนสนิท ผมไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับนพ ไม่อยากทำร้ายนพ” อารมณ์ของผมเริ่มเดือดปุดๆ อย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ (ถึงตรูจะร่านสวาทแค่ไหน แต่ยังมีคุณธรรมอยู่นะ กรณีของพี่ที ไม่ถือว่า ตรูแย่งอีเจ๊บาสนะ เพราะทั้งสองคนไม่ได้ประกาศตัวเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เป็นแค่คู่ขาเท่านั้น หรือว่าตรูเข้าข้างตัวเองมากเกินไป? ยิ่งพูดยิ่งงง)

“ไม่เห็นจะต้องซีเรียสจริงจังอะไรเลย แค่เอากันเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไร น้ำแตกแล้วแยกทาง กันต์พูดอย่างกับว่าตัวเองสะอาด บริสุทธิ์ อย่างนั้น พี่รู้นะว่า กันต์ไปเอากับใครต่อใครมาบ้าง ทำมาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้มันก็หงี่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ”

“หยุดพูดเลยนะพี่ต่อ ผมรู้สึกขยะแขยงพี่มาก สงสารตัวเองที่เมื่อก่อนยอมเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนความคิดสกปรกอย่างพี่ ผมขอตัวนะครับ ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับพี่ มันสะอิดสะเอียน เดี๋ยวจะกินข้าวไม่ลง ข้าวจานนี้มันมีประโยชน์กับผมมากกว่าน้ำอสุจิของพี่” ผมยกจานข้าวเดินออกไปนั่งที่โต๊ะตัวอื่นอย่างไม่รอช้า ผมรู้สึกสับสนกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว แต่ทำไมผมถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นมากมายขนาดนี้ จนทำให้ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปในชั่วพริบตา ถ้าผมรู้จักใช้สติและเหตุผลมากกว่านี้ เรื่องมันคงไม่ลงเอยแบบนี้แน่

"ทำเป็นพูดดีไป นึกหรือว่าตัวแกวิเศษวิโสมาจากไหน" พี่ต่อพูดตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธ


ผมแยกตัวมานั่งกินข้าวที่อีกโต๊ะหนึ่ง ปากเคี้ยวข้าวอย่างช้าๆ มือขวาถือช้อน มือซ้ายถือส้อมเขี่ยข้าวไปเรื่อยๆ

“นั่งด้วยคนได้ไหม?” เจ้าของเสียงเอ่ยถามผม

ผมเงยหน้าขึ้นมาดู ปรากฎว่าเป็นเจ้าหนุ่มมาดเซอร์ที่เล่นว่าวกับผมในห้องน้ำเมื่อครู่ที่ผ่านมา

“ตามสบาย เพิ่งออกจากห้องน้ำมาหรือ?” ผมส่งยิ้มทักทาย

“ออกมาหลังนายไม่กี่วินาทีเอง มัวแต่นั่งจัดแฟ้มรายงานและเลือกกับข้าวนานไปหน่อย เราชื่อ ป้อง อยู่คณะวิจิตรฯ ปี 2 นายชื่ออะไร? อยู่ปีไหน คณะอะไร สาขาอะไร?” เจ้าหนุ่มมาดเซอร์แนะนำตัว พร้อมทั้งซักถามผม

“เราชื่อ กันต์ อยู่ปี 2 เหมือนนาย เราอยู่คณะ...... สาขาวิชา...... ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแนะนำตัวเอง

“นายมาทำอะไรที่โรงอาหารคณะเรา? โรงอาหารคณะนายก็มีไม่ใช่หรือ?” ผมยังคงซักถามป้อง

“เรามาวาดรูปอ่างแก้ว บังเอิญปวดฉี่และหิวข้าวด้วย เลยแวะมาที่นี่” ป้องตอบอย่างตรงไปตรงมา

“จริงหรือ? แค่ปวดฉี่กับหิวข้าวแค่นั้นนะ? แล้วอย่างอื่นละ?” ผมแซวป้อง

“ถือว่าเป็นผลพลอยได้ บังเอิญมาเจอนาย ช่วยไม่ได้ นายดันน่ารักและค...ย ใหญ่อีกต่างหาก ว่าแต่นายพักอยู่หอในหรือหอนอก?” ป้องถามผม

“หอนอก นายละ?” ผมย้อนถาม

“หอนอกเหมือนกัน หน้ามอหรือหลังมอ? นายอยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับใคร?” ป้องยิงคำถามใส่ผมเป็นชุดๆ

“หลังมอ อยู่คนเดียว แล้วนายหน้ามอหรือหลังมอ? อยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับแฟน หรือว่าอยู่กับเพื่อน?” ผมแกล้งถามกลับไปบ้าง

“หลังมอเหมือนกัน เราอยู่ตรงหลังตลาดต้นพยอม อยู่กับเพื่อนอีก 2 คน ว่างๆเราไปเที่ยวที่หอนายได้หรือเปล่า? จะได้ทำอะไรที่อยากทำมากกว่านี้” ป้องถามผมอย่างมีเลศนัย

“บอกเรามาก่อนว่า นายอยากจะทำอะไร? เราถึงจะอนุญาตให้นายมาที่ห้องเราได้” ผมเริ่มเปิดประเด็น แบบหมาหยอกไก่

“อยากจะเล่นค...ยนาย อยากจะเอานาย และอยากให้นายดูดค...ยเรา เราเอานายได้ไหม?” ป้องถามผมอย่างดื้อๆ

“เออ... ต้องดูก่อนว่าลีลาของนายดุเด็ดเผ็ดร้อนแค่ไหน?” ผมตอบแบบไว้เชิง (เจอรุกอีกแล้วตรู แล้วเมื่อไหร่ตรูจะได้เป็นฝ่ายรุกบ้างนะ เสียดุลการค้าทางทวารหนักมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว)

ป้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

......................................................................


Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.