We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: +.+.+. ทุ่ง...กาม...+.+.+."
Posted by Andrew on 24-Apr-14 at 11:39 PM
การปั่นจักรยานเก่าๆบนถนนลูกรังที่แสนขรุขระนั้นต้องใช้กำลังขาอยู่ไม่น้อย ยิ่งมีบอลซ้อนท้ายอยู่ด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ก้านไม่รู้สึกเหนื่อยเลยจนนิดเดียว เขากลับนึกอยากให้ทางกลับบ้านยืดยาวไปไม่สิ้นสุดจะได้อยู่กับบอลนานๆ
คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่เอามือเกาะเอวเขา คุยจ้อไม่หยุดปาก


“ตั้งแต่พี่ก้านซ้อมวิ่งทุกเย็นเนี่ย ไม่มีใครพาผมมาเล่นน้ำเลย มากับคนอื่นก็ไม่ได้ ก๋งไม่ไว้ใจ” บอลโอดครวญ ทำเอาคนที่กำลังปั่นจักรยานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“เหงาเหรอ งั้นพี่เลิกซ้อมวิ่งดีไหม จะได้กลับบ้านพร้อมเอ็งทุกวัน”

“ไม่หรอกพี่ ผมอยากให้พี่ก้านชนะ ไว้แข่งเสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปเที่ยวกัน ผมรอได้”


ก้านละมือข้างหนึ่งจากแฮนด์รถมาจับมือเล็กๆที่เกาะเอวเขาอยู่ รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แดดสีส้มยามเย็นดูเรื่อเรืองสว่างไสวขึ้นมาทันตา


“พี่อยากให้เอ็งไปดูพี่แข่งกีฬาจังหวัดด้วยจัง..”


ก้านครุ่นคิด จะเป็นไปได้ไหมนะถ้าเขาจะขอครูพงษ์ให้เอาบอลติดรถไปด้วยอีกหนึ่งคน

“ผมก็อยากไป เวลาพี่ไปแข่งที่จังหวัดทีก็ไปหลายวัน ผมคงเซ็งแย่เลย ไม่มีใครพามาเล่นน้ำ”

ก้านหัวเราะดังลั่น “พี่ก็นึกว่าเอ็งจะคิดถึงพี่ ที่แท้กลัวไม่มีคนพามาเล่นน้ำหรอกเหรอ?”


“คิดถึงซี ผมคิดถึงพี่ก้านทุกวันอยู่แล้ว ขนาดไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันผมยังคิดถึงเลย”

ก้านอมยิ้ม ไม่รู้ว่าบอลตั้งใจจะอ้อนเขาหรือเปล่า แต่คำพูดซื่อๆนั้นมัดหัวใจเขาไว้ทีละน้อย

“เรียนจบแล้วย้ายมาอยู่บ้านพี่ไหม จะได้เจอกันทุกวัน เอ็งจะได้ไม่ต้องคิดถึงพี่อีก..”


“ผมไปไหนไม่ได้หรอกพี่ ผมต้องดูแลก๋ง..”


บอลตอบประสาซื่อ เขานึกไม่ออกว่าชีวิตนี้จะไปอยู่ไหนได้ถ้าไม่มีก๋ง ก้านถอนใจยาว เพราะมันเป็นของมันแบบนี้เองเขาจึงได้รักมันนัก ก่อนนี้เขาเคยนึกรำคาญอยู่บ้างที่มันออกจะอยู่ในโอวาทก๋งมากเกินไปหน่อย จะชวนไปไหนทีก็ต้องรอขออนุญาตก๋งเสียก่อน แต่พอนานๆไปความว่านอนสอนง่ายของมันกลับกลายเป็นความน่ารักในสายตาเขา ก้านบีบมือนุ่มๆที่เกาะเอวเขาเบาๆ

“แล้วเอ็งไม่อยากมาดูแลพี่บ้างหรือไง..”

“อยากสิ จะมาอยู่ที่บ้านกับผมไหมล่ะ”


ก้านหัวเราะชอบใจ ไอ้อยากน่ะก็อยากอยู่หรอก แต่เขาจะไปอยู่บ้านมันในฐานะอะไรนี่สิปัญหา


ก้านปั่นจักรยานไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา แสงสีทองสุดท้ายของวันทอดจับรวงข้าวทำให้ทิวทัศน์สองข้างทางราวกับภาพวาด แม้กระทั่งก้านที่อยู่กับทุ่งนาตั้งแต่เล็กยังอดชื่นชมไม่ได้ ลมทุ่งที่พัดพลิ้วมายิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวสดชื่น แต่สิ่งที่ทำให้เขาชื่นใจจริงๆก็คือหนุ่มน้อยที่ซ้อนท้ายจักรยานคุยจ้ออยู่ข้างหลัง


“วันอาทิตย์นี้พี่ไม่มีซ้อม เราไปเที่ยวน้ำตกกันอีกดีไหม..”
“ไปสิพี่ ผมอยากไป ไปคราวนี้ห่อข้าวไปกินด้วยดีกว่าจะได้เล่นนานๆ”
ก้านหัวเราะอย่างเอ็นดู ถ้าเป็นเรื่องเล่นน้ำนี่มันถึงไหนถึงกันจริงๆ เขากุมมือที่กอดเอวเขาไว้ พูดยิ้มๆ

“ถ้าพี่ไม่ว่างพาเอ็งไปเล่นน้ำ ห้ามเอ็งไปกับคนอื่น เข้าใจไหม..”


“ถ้าพี่ก้านไม่พาไปผมก็ไม่ไปหรอก เล่นกับคนอื่นไม่สนุก” มันรีบตอบอย่างเอาใจ ก้านหัวเราะลงลูกคอไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ววันนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต บอลแสดงออกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่ามันทั้งรักทั้งชื่นชมเขาราวกับเป็นวีรบุรุษในดวงใจก็ไม่ปาน เขาเสียอีกที่บางทีก็เล่นแกล้งมันแรงๆ แต่มันก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักครั้ง


“ไม่ใช่อะไรหรอก พี่กลัวเอ็งตกน้ำแล้วไม่มีใครช่วย..”


“โธ่ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกพี่ ผมเล่นน้ำมาตั้งแต่เด็ก ไม่ตกน้ำตายง่ายๆหรอก..”
ก้านขมวดคิ้วเข้ม ทำเสียงขึงขังใส่มัน


“คราวหลังอย่าพูดแบบนี้อีก เข้าใจไหม..”


บอลทำหน้าจ๋อย ไม่รู้ทำไมอยู่ๆก้านถึงได้ดูจริงจังขึ้นมา ก้านบีบมือขาวๆไว้แน่น ใจนึกถึงเรื่องที่เขาพึ่งคุยกับแม่เมื่อตอนเย็น

เขาไม่เคยรู้ว่าความทุกข์จากการสูญเสียมันหนักหนาขนาดไหน..แต่เท่าที่เห็นจากสายตาของแม่ เขาไม่นึกอยากให้มันมาถึงตัวเลยแม้แต่น้อย


เห็นก้านเงียบไปบอลก็รีบออกปากชวนคุย “พี่ก้านหิวหรือยังอ่ะ”

“ก็หิวหน่อยๆทำไมหรือ”

“กินข้าวที่บ้านผมไหม “

ก้านหัวเราะ “ถ้าพี่จะกิน เอ็งมีอะไรให้พี่กินล่ะ”

“พี่อยากกินอะไรล่ะ ผมทำเป็นหลายอย่างนะ อยู่บ้านผมก็ทำกับข้างให้ก๋งกิน..”


“งั้นตอนบ่ายวันอาทิตย์เอ็งก็ทำกับข้าวไปด้วยสิ พี่ จะได้ชิมฝีมือเอ็ง แต่ถ้ากินแล้วขี้แตก เอ็งโดนเตะแน่”


“โธ่พี่ ก๋งกินได้ใครๆก็กินได้แหละ ถ้ากินไม่ลง ผมให้เตะตูดทีนึงเลยเอ้า..”


ก้านหัวเราะหึหึ ใครจะไปเตะมันลงได้ลงคอ แค่เห็นใครเล่นกับมันแรงๆเขายังใจรอนๆด้วยความเป็นห่วง แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะไปเตะตูดมัน ก้านปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งยังกุมมือเล็กๆที่เกาะเอวเขา ทุ่งนาสองข้างทางค่อยมืดลงทีละน้อย

อีกไม่กี่อึดใจก็จะเข้าตัวหมู่บ้าน ชาวไร่ชาวนาพากันต้อนควายเข้าคอกอันเป็นภารกิจสุดท้ายแห่งวัน หอมกลิ่นควันไฟที่ชาวบ้านสุมไว้ไล่ยุงใต้ถุนบ้าน เป็นกลิ่นที่ก้านคุ้นชินมาแต่เด็ก แสงไฟวับแวมลอดจากในครัวบอกให้รู้ว่าหลายบ้านกำลังเตรียมอาหารมื้อเย็น เขาปั่นจักรยานผ่านแต่ละบ้านไปเรื่อยๆ หูแว่วเสียงพูดคุยหยอกเอินกันสลับกับเสียงด่าทอดังมาจากบ้านแต่ละหลัง ชั่ววูบนั้นเองที่ก้านปล่อยใจคิดไปเรื่อยเปื่อย เขานึกเห็นภาพตัวเองกับบอลอยู่บ้านหลังเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน นอนหลับแล้วตื่นมาพร้อมกัน เด็กหนุ่มปล่อยความคิดในหัวล่องลอยไปไกล รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้บอลสะกิดข้อศอกเบาๆ


“พี่ๆ ถึงบ้านแล้วครับ.”


“อ้าว! เออมัวแต่ ปั่นจักรยานเพลินจน เกือบเลยบ้านเอ็งแน่ะ..”


ก้านจอดจักรยานยังไม่ทันสนิทดีบอลก็กระโดดผลุงลงจากรถด้วยท่าทีทะมัดทะแมงแล้ววิ่งตื๋อไปหาก๋งที่ยืนคอยอยู่หน้าบ้าน ก้านจอดจักรยาน เขาเดินเข้าไปไหว้ก๋งอย่างนอบน้อม


ก๋งรับไหว้ ดวงตาขุ่นขาวด้วยวัยชราจับที่ใบหน้าเข้มของก้าน พูดด้วยเสียงเนิบๆตามเคย


“ขอบใจนะที่ช่วยดูไอ้เจ้าบอลให้ เห็นมันร่ำๆอยากจะไปเล่นน้ำหลายวันแล้ว จะให้ไปกับคนอื่นก๋งก็ไม่ไว้ใจ”


ก้านยิ้มอายๆ เขาอยากจะพูดอะไรกับไอ้บอลเสียหน่อยก่อนที่จะกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันสบโอกาส ก๋งก็หันไปบอกบอลเสียก่อนว่า “เข้าบ้านอาบน้ำได้แล้วไป ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบาย”


บอลหันมาส่งยิ้มให้ก้าน พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ผมไปก่อนนะพี่ พรุ่งนี้เจอกัน”


ก้านโบกมือให้ มันวิ่งตื๋อไปหลังบ้าน เด็กหนุ่มหันมายกมือไหว้ก๋งเตรียมจะลากลับ ทว่าก๋งร้องทักไว้เสียก่อน


“วันอาทิตย์นี้อาโกวของไอ้เจ้าบอลจะมาจากกรุงเทพ คงหิ้วขนมนมเนยมาฝากเหมือนเคย เอ็งว่างก็แวะมาที่บ้านแล้วกัน ก๋งจะแบ่งไว้ให้”


ก้านกระพริบตาปริบๆ อันที่จริงเขาก็ตั้งใจจะมารับไอ้บอลไปเที่ยวเล่นอยู่แล้ว เด็กหนุ่มพูดอ้อมแอ้มในลำคอ..


“ผม..เกรงใจครับก๋ง หมู่นี้ก็ไม่ได้แวะมาช่วยงานเหมือนเคย”

ก๋งส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงปราณี “ไม่ต้องใจ คนรักใคร่ชอบพอกันก็เหมือนญาติพี่น้องกัน ก๋งก็เห็นเอ็งเป็นเหมือนพี่ชายของไอ้เจ้าบอลมัน จะชวนกันไปเที่ยวเตร่ที่ไหนก๋งก็ไม่ห้าม แค่อย่าพากันไปทำอะไรนอกลู่นอกทางก็พอแล้ว”

ก้านกลืนน้ำลาย หน้าร้อนผ่าวไปหมด คำว่า ’พากันไปออกนอกลู่นอกทาง’ ที่ก๋งพูดทำให้เขารู้สึกร้อนตัวพิกล เขาไม่แน่ใจว่าก๋งพูดไปอย่างนั้นเองหรือมีนัยยะอื่นแฝงเร้น เขาสบตาก๋งแวบเดียวแล้วหลบตาลงต่ำอย่างคนมีชนักปักหลัง


เด็กหนุ่มพยายามตีสีหน้าเรียบเฉยไม่ให้มีพิรุธ แม้ว่ามันจะทำได้ยากเย็นเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าที่สายตาของก๋งนั้นราวกับอ่านใจเขาได้ทะลุปรุโปร่ง เขายืนเก้ๆกังๆอยู่สักพักก่อนจะ ยกมือไหว้ลาก๋งแล้วขอตัวกลับเงียบๆ

............................................................................


แม้จะพึ่งย้ายมาประจำที่สถานีอนามัยหมู่บ้านคำสมบูรณ์ได้เพียงเดือนเศษๆ แต่เอกพงษ์หรือที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากว่าหมอเอกกลับรู้สึกคุ้นเคยผูกพันกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ราวกับอยู่มาแรมปี อาจเป็นเพราะหมู่บ้านนี้ผู้คนรู้จักกันทั่วถึง และผู้เฒ่าผู้แก่ก็รักใคร่เขาเหมือนลูกหลาน ทำให้หมอเอกคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจมาประจำที่นี่แม้ครอบครัวและแฟนสาวของเขาจะคัดค้านหัวชนฝา

พ่อของเขาเสนอให้เรียนต่อโทให้จบแล้วค่อยหางานอื่นทำดีกว่าจะมาเป็นหมออนามัยตามบ้านนอก ส่วนแฟนสาวก็เกี่ยงว่าเงินเดือนข้าราชการน้อยนิดอีกกี่ปีจะเก็บได้พอค่าสินสอดที่พ่อหล่อนเรียก เอกพงษ์ไม่เดือดร้อนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก พอย้ายมาอยู่ที่นี่จริงๆเขากลับรู้สึกเป็นอิสระจากคำบงการของครอบครัวด้วยซ้ำไป ชายหนุ่มเหลือบมองรูปแฟนสาวบนโต๊ะทำงาน เขารักหล่อนก็จริงแต่ไม่นึกอยากรีบร้อนแต่งงานตอนนี้ เขายังไม่พร้อมจะมีพันธะและยังอยากจะใช้ชีวิตโสดหลังเรียนจบให้คุ้มเสียก่อน

เอกพงษ์เหลือบมองนาฬิกาบนผนัง บ่ายโมงครึ่งแล้วแต่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ไปออกหน่วยยังไม่กลับที่ทำงาน ทิ้งให้เขาเฝ้าสถานีอนามัยคนเดียวกับเอกสารกองโต ซ้ำเขายังต้องทำแผ่นพับให้ความรู้ชาวบ้านเกี่ยวกับการวิธีการคุมกำเนิดอีกด้วย อย่างเดียวที่เขารำคาญใจกับการทำงานที่นี่คือ การถูกเกี่ยงให้ทำงานจุกจิกน่าเบื่อเพียงคนเดียว แต่เมื่อคิดสะระตะแล้ว การทำงานที่นี่ก็ยังดีกว่าติดแหง็กอยู่กับครอบครัวเป็นลูกแหง่ไม่ยอมโต เอกพงษ์ก้มหน้างุดอยู่กับแผ่นพับกองโต กระทั่งรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งมายืนค้ำหัวอยู่หน้าโต๊ะ พอเงยหน้าขึ้นมามอง ก็พบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มยืนถือชะลอมอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


“หมอเอกใช่ไหมครับ แม่ผมให้เอาของมาาฝาก” เขาชูชะลอมใบใหญ่ในมือ ในนั้นมีมะพร้าว กล้วยหลายหวีแล้วยังมีผักผลไม้พื้นบ้านอีกหลายอย่าง


เอกพงษ์ยังทำหน้างุนงง นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน ชายหนุ่มตรงหน้าจึงรีบแนะนำตัว

“ผมชื่อเดช แม่ผมชื่อดวง วันก่อนแม่ถูกหนามไผ่เกี่ยวขาเป็นแผลลึก น้องชายผมไอ้ด้วงเลยพามาทำแผลที่อนามัยครับ หมอจำได้ไหมครับ?”


เอกพงษ์ทำหน้าเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ เพราะเขานัดนางดวงมาทำแผลหลายครั้ง และส่วนใหญ่ด้วงจะเป็นคนพามา


ไม่ยักรู้มาก่อนว่านางดวงมีลูกชายอีกคนซึ่งหน้าตาผิวพรรณผิดจากด้วงไกลโข ด้วงนั้นหน้าตาจืดชืดขี้แหย รูปร่างสันทัดค่อนไปทางอวบ ทว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขานั้นหล่อเหลาคมเข้มสมชายชาตรี ซ้ำยังสูงใหญ่กำยำ จนขนาดเขาเป็นผู้ชายด้วยกันยังอดชื่นชมไม่ได้


“เอ้อ..แล้วป้าดวงหายดีแล้วใช่ไหมครับ”


“หายดีแล้วครับ” เดชตอบ เขาวางชะลอมไว้ช้างโต๊ะอย่างเรียบร้อย “แม่ผมชมหมอใหญ่เลยครับ ว่าล้างแผลเบามือไม่เจ็บเลย แถมทั้งหล่อทั้งนิสัยดี”


แม้จะเคยได้รับคำชมมาไม่น้อย แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้เอกพงษ์รู้สึกแบบนี้มาก่อน จะว่าเขินก็ใช่ จะว่าปลื้มใจก็ใช่อีก น้ำเสียงของเดชห้าวลึกทว่าทุ้มนุ่มน่าฟัง ชวนให้เคลิบเคลิ้มอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกใจเต้นตึ่กจนต้องทำเป็นจัดเอกสารบนโต๊ะแก้เก้อ เดชหันรีหันขวางหาที่วางชะลอม เอกพงษ์รีบลุกจากโต๊ะทำงานไปรับของจากมือเดชแล้วเอาไปเก็บไว้ตรงมุมห้องอย่างเรียบร้อย ทำงานที่นี่ก็ดีอย่างนี้เอง ชาวบ้านมักจะมีของเล็กๆน้อยๆติดมือมาฝากเขาเสมอ


“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว..” เอกพงษ์ตอบอย่างถ่อมตัว ไม่รู้ทำไมพอเดชเข้ามาในที่ทำงาน บรรยากศชวนง่วงเหงาในยามบ่ายดูสดชื่นขึ้นมาทันตา


เดชปรายตามองไปทั่วผนังห้องทำงาน บนนั้นมีแผนภาพให้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพและกราฟเชิงสถิติทั้งหลายแหล่ที่เขาดูไม่รู้เรื่อง ทว่าเมื่อเขามองไปที่โต๊ะทำงานของเอกพงษ์เขาก็พบแผนภาพสาธิตวิธีใช้ถุงยางอนามัย คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นอย่างสนใจ

เดชนึกอะไรสนุกขึ้นมาได้ เขาทำสายตากรุ้มกริ่มแล้วพูดกับหมอหนุ่มเบาๆ

“อ้อ! ถุงยางเขาใส่กันแบบนี้หรือครับ ผมนึกว่าเขาให้ใส่บนหัวแม่มือเสียอีก..”

เอกพงษ์ทำตาปริบๆ มีเรื่องตลกในหมู่นักเรียนสาธาฯว่า เคยมีหมออนามัยสาธิตวิธีใช้ถุงยางโดยการสวมลงบนนิ้วโป้งให้ชาวบ้านดู และชาวบ้านก็พาซื่อสวมถุงยางบนนิ้วโป้งตอนมีเพศสัมพันธ์จริงๆ ทำให้คุมกำเนิดไม่ได้ผลเสียที แต่เขามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างงุนงง ไม่คิดว่าเดชจะพาซื่อขนาดนั้น

เดชหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นสีหน้าของหมอหนุ่ม นัยน์ตาคมกริบพราวเป็นประกาย


“ผมล้อเล่นน่าหมอ..ใครจะไปโง่ขนาดนั้น เพียงแต่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยได้ใช้ไอ้ถุงนี่เพราะเขาบ่นว่าใส่แล้วไม่ค่อยเสียวไงหมอ..”

เอกพงษ์รู้สึกเขินเล็กน้อยกับคำพูดตรงไปตรงมาของเดช เขาพยายามอธิบายให้ชายหนุ่มตรงหน้าฟัง

“ถุงยางอนามัยนี่ไม่ใช่แค่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์นะครับ แต่ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย เช่น หนองใน หูดหงอนไก่หรือเอดส์น่ะครับ”

เดชมองหน้าเอกพงษ์แล้วยิ้ม เขาไม่ได้ใส่ใจความรู้วิชาการอะไรที่หมอหนุ่มอธิบายให้ฟังเลยแม้แต่น้อย

“ปัญหาคือผมใส่แล้วมันไม่เสียวนี่สิ เย็ดทีไรก็ไม่เสร็จ ต้องถอดทิ้งแล้วเริ่มใหม่ทุกทีไม่งั้นไม่แตก”


เอกพงษ์ทำหน้าเหรอหรา ปรกติชาวบ้านก็พูดจาตรงๆซื่อๆกันอยู่แล้ว แต่ตรงเสียจนห่ามขนาดเดชเขายังไม่เคยเจอมาก่อน

“ใส่ถุงยางไม่ถูกขนาดหรือเปล่าครับ ถุงยางที่อนามัยแจกฟรีมันมีแค่สองขนาด ถ้ามันคับไปหรือหลวมไปอาจจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีขณะมีเพศสัมพันธ์”


เอกพงษ์อธิบายช้าๆ อยู่ๆเขาก็เกิดจินตนาการภาพเดชกำลังมีเซ็กส์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผู้หญิงคนไหนได้เอากับเดชคงจะมันส์น่าดู เอกพงษ์เผลอเอามือลูบหน้า พยายามสลัดความคิดทะลึ่งตึงตังออกไปจากหัว


“นั่นสิ หรือผมใส่ไม่ถูกวิธีก็ไม่รู้ หมอช่วยดูให้ทีสิว่าอย่างของผมควรใช้ขนาดไหน..”


เดชกระเซ้าหมอหนุ่มทีเล่นทีจริง เอกพงษ์ดูท่าจะเป็นไก่อ่อน แหย่นิดแหย่หน่อยก็อายจนหน้าแดง


“จะดีหรือครับ..” เอกพงษ์ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นน้อยๆ หลบสายตาคมกริบคู่นั้น ไม่รู้ทำไมเขาจึงตกประหม่ายามอยู่ต่อหน้าชายคนนี้ ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้นทีดึงดูดใจ กระทั่งน้ำเสียงห้าวลึกของเดชก็ยังสะกดคนฟังให้เคลิ้มเอาง่ายๆ


“โธ่..หมอ จะเป็นไรไปเล่า ผมก็ผู้ชาย หมอก็เป็นผู้ชาย กะอีแค่สอนผมใช้ถุงยางแค่นี้หมอจะอายทำไม”

เอกพงษ์รู้สึกเหมือนกำลังถูกต้อนให้จนมุม เขารู้สึกเหมือนเดชขุดหลุมพรางไว้ และเขากำลังจะเดินไปตกหลุมพรางโดยความสมัครใจ


เดชมองคนตรงหน้ายิ้มๆ หมออนามัยคนนี้หน้าตาเข้าทีไม่เลวทีเดียว ผิวหน้าขาวเกลี้ยงเกลาผิดกับคนท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด คิ้วเข้มรับกับดวงตาโตสวยได้รูป จมูกเชิดรั้นนิดๆ แต่ที่ดึงดูดที่สุดเห็นจะเป็นปากรูปกระจับสีชมพูนั่น มันทำให้โครงหน้าแบบผู้ชายดูจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูไปอีกแบบ เดชจ้องลึกเข้าไปในดวงตาฉ่ำวาวของเอกพงษ์ พูดช้าๆด้วยน้ำเสียงห้าวลึกทว่านุ่มนวล


“หมออายผมหรือครับ อายผู้ชายด้วยกันหรอกหรือ..”


น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นทั้งยั่วยวนละท้าทาย... เดชเคลื่อนตัวไปใกล้หมอหนุ่มช้าๆ... เอกพงษ์รู้สึกราวกับถูกคุกคามแต่แปลกที่เขากลับปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัว เขาทำหน้าพะว้าพะวง ชะเง้อข้ามไหล่เดชมองไปที่ประตูเหมือนกลัวใครจะเข้ามา ริมฝีปากหยักหนาของเดชคลีเป็นรอยยิ้มลึกลับ เขาจ้องลึกไปในดวงตาหมอหนุ่มอย่างเว้าวอน เอกพงษ์สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าแบบคนกำลังประหม่า


“ถะ..ถ้างั้น ตามผมไปทีห้องพยาบาลเลยครับ..”


เอกพงษ์เดินนำเดชไปยังห้องล้างแผลของอนามัยโดยไม่ลืมหยิบถุงยางสาธิตติดมือไปด้วย เขาเดินอ้อมหลังฉากบังตาไปที่เตียงล้างแผล เดชเลิกคิ้ว เขามองตามท่าทีงกๆเงิ่นๆของเอกพงษ์อย่างนึกขำ หมอหนุ่มผายมือให้เขาขึ้นไปนั่งบนเตียง ชายหนุ่มตัวโตทำตามอย่างว่าง่าย เดชนั่งห้อยขาบนเตียงพยาบาลด้วยท่าทีสบายๆ เอกพงษ์ถือซองถุงยางในมือ เขาพยายามข่มน้ำเสียงไม่ให้สั่น บอกตัวเองว่ากำลังให้ความรู้ตามหน้าที่อันควร


“ถุงยางนี้นะครับ ก่อนใช้ต้องตรวจดูซองว่าไม่มีรอยรั่วหรือฉีกขาด และตรวจดูวันหมดอายุด้วย พอแน่ใจว่าเรียบร้อยปลอดภัยดีแล้วก็ค่อยๆใช้มือฉีกซองถุงยาง อย่าใช้ฟันกัดนะครับถุงยางอาจจะแตกได้”


เดชมองเอกพงษ์ค่อยๆแกะถุงยางมาไว้ในมือ เขาเอนตัวลงนอนบนเตียงพยาบาลช้าๆ ทอดขาพาดไปตามความยาวของเตียง ตาจับอยู่ที่ใบหน้าแดงก่ำของหมอหนุ่ม แล้วพูดด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

“ผมถอดกางเกงได้ยังหมอ..”

“อะ เอ้อ..จะให้หมอลองสวมให้จริงๆเหรอครับ” เอกพงษ์ถามอย่างว้าวุ่นใจ เขาคอยชำเลืองมองที่ฉากบังตาเป็นระยะเหมือนกลัวว่าจะมีคนโผล่เข้ามาในวินาทีใดก็ได้ แม้จะทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น แต่เขากลับไม่อาจจะถอนตัวจากสถานการณ์นี้
“อ้าวก็จริงสิครับ มาถึงขนาดนี้แล้ว ลองใส่ถุงยางแค่นี้จะเป็นไรไป” เดชพูดหน้าตาเฉย ยังไม่ทันที่เอกพงษ์จะพูดว่าอะไร เขาก็ถอดเสื้อโยนลงจากเตียงแล้วตามด้วยกางเกงไปติดๆ เพียงอึดใจเดียว ร่างสูงใหญ่ของเดชก็เปลือยเปล่าล่อนจ้อน อยู่บนเตียงพยาบาล

เอกพงษ์ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นตึ่กตั่กเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เขาอยากจะละสายตาจากร่างแกร่งงามนั้นแต่ไม่อาจทำได้ มันเหมือนถูกมนตร์สะกดจริงๆ ทุกสัดส่วนกล้ามเนื้อในร่างกายของเดชนั้นเหมาะเจาะราวกับรูปสลัก ผิวสีน้ำตาลเข้มนั้นยิ่งทำให้รูปเงากล้ามเนื้อเห็นชัดเจน กล้ามอกนูนแน่นจนเขานึกอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง เอกพงษ์เบือนหน้าหนีไม่กล้ามองไปที่หว่างขาที่มีขนรกเรื้อ เขากลืนน้ำลายลงคอ... พยายามสงบสติอารมณ์กับภาพตรงหน้า..


“เอ้า!ต่อสิครับหมอ ผมรอฟังอยู่..” เดชพูดกระตุ้นเร่งเร้า เอกพงษ์วางถุงยางลงบนมือฝืนทำสีหน้าเรียบเฉย


“ก่อนอื่น บีบกระเปาะบนปลายถุงยางเพื่อไล่ลมก่อน ถ้าไม่บีบถุงยางอาจจะแตกระหว่างร่วมเพศได้ บีบเสร็จก็เอาถุงยางไปครอบบนปลายอวัยวะเพศที่กำลังแข็งตัว..”


พูดถึงตรงนี้เอกพงษ์ก็หยุดชะงัก เขามองไปที่หว่างขาเดชอย่างละล้าละลัง ท่อนเนื้อใหญ่ยักษ์ผงาดอยู่ตรงหว่างขาเดช มันเป็นควยดุ้นใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็นทีเดียว ท่อนเนื้อดำมะเมื่อมวางทาบอยู่บนหน้าท้องแข็งเรียบเหมือนกำลังรอให้เขาเข้าหา

เอกพงษ์ยืนลังเลอยู่ชั่วอึดใจ มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ถอนตัวกลับก็คงสายเกินไป เดชมองตาหมอหนุ่ม.. ยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนตัวช้าๆมาชิดขอบเตียง เอกพงษ์ใช้มือข้างหนึ่งประคองท่อนเนื้อระอุอุ่นให้ตั้งลำ มือเขาสั่นเทาจนเดชรู้สึกได้ เดชเอนตัวลงนอนบนเตียงพยาบาลอย่างสบาย เขาเอาหัวหนุนแขนตัวเองไว้ ตามองหน้าขาวๆที่อยู่ห่างจากปลายควยเขาไม่ถึงคืบ เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดซึมเต็มหน้าผาก เห็นได้ชัดเลยว่าเอกพงษ์กำลังตื่นเต้นสุดขีด เขาวางถุงยางครอบหัวควยใหญ่บาน แล้วค่อยๆรูดขอบถุงยางลงทีละน้อย..

“ควยใหญ่มากเลย..มันต้องใส่ไม่เข้าแน่ๆ” เอกพูดเหมือนละเมอ เขาพยายามรูดถุงยางให้มันลงมาครอบท่อนลำของเดชแต่มันคับติ้วจนรูดไม่ลง ชายหนุ่มกำควยเดชไว้แน่น มันใหญ่จนดูเหมือนแขนเด็กแบบนี้คงต้องใช้ถุงยางไซส์ฝรั่งเท่านั้น
สุดท้ายหมอหนุ่มก็ละความพยายาม เขาโยนถุงยางลงบนเตียงทั้งที่มือข้างหนึ่งยังประคองดุ้นเนื้ออันนั้นไว้ เอกพงษ์เงยหน้าขึ้นมองเดช ดวงตาเขาร้อนผ่าวเหมือนคนจับไข้ สายตาของเดชที่มองมานั้เย้ายวนเกินห้ามใจ


“ใส่ไม่เข้าหรือหมอ” เดชพูดยิ้มๆ “ถ้างั้นผมเย็ดสดแบบเดิมน่ะดีแล้ว..”

‘มันควรจะจบแค่นี้’ เสียงเล็กๆในหัวกระซิบบอกเอกพงษ์ แต่สิ่งที่เขาทำคือวางมือบนท้องน้อยเรียบแบนที่มีไรขนเป็นแนว อีกมือหนึ่งยังกุมกำดุ้นเนื้อดำมะเมื่อมไว้แน่น เขาหอบหายใจเป็นห้วง ลูบไล้กล้ามท้องเป็นลอนของเดชด้วยมืออันสั่นเทา โดยไม่ทันรู้ตัว มืออีกข้างที่กุมควยเดชค่อยรูดขึ้นลงช้าๆ ท่อนเนื้ออุ่นอ้าวยิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้นอีก มันเหมือนสิ่งมีชีวิตทรงพลังในอุ้งมือเขา

เอกพงษ์จ้องมองหัวบานสลับกับหน้าเดชไปมา ไม่ต้องมีคำพูดแต่หมอหนุ่มก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาพินิจดูควยท่อนใหญ่น้ำเยิ้มอย่างตื่นตา ตอนนี้ปลายจมูกเขาอยู่ห่างควยเดชไม่กี่เซ็น ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กลิ่นคาวเนื้อหนุ่มมันกระตุ้นความเงี่ยนเขาอย่างประหลาด หมอหนุ่มรู้สึกปวดหนึบตรงหว่างขา ควยโด่ตุงกางเกงแสล็ค

เดชเอามือวางบนกระหม่อมหมอหนุ่ม ก่อนจะกดหัวลงไปหาควยเขาเบาๆ เอกพงษ์อยากจะขัดขืน แต่เขาไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาของตัวเองได้ เขาอ้าปากครอบหัวควยบานใหญ่ของเดชอย่างเต็มใจ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะกล้าทำแบบนี้ได้ เพียงแค่เจอกันไม่ถึงชั่วโมง แต่เขากลับทิ้งงานมาดูดควยให้ชายหนุ่มลึกลับในที่ทำงานของตัวเองด้วยซ้ำ ทว่ารสกามมันช่างเย้ายวนเกินทนไหว



อาห์...ควยอุ่นๆเต้นตุบๆอยู่ในปากมันให้ความรู้สึกดีอย่างนี้เอง สัญชาติญาณสั่งให้เอกพงษ์ใช้ปากรูดเข้ารูดออกปรนเปรอแท่งทวนนั้นอย่างสุดความสามารถ ชายหนุ่มดูดเลียหัวควยอย่างเอร็ดอร่อย สองมือฟอนเฟ้นไปตามมัดกล้ามหนั่นแน่นอย่างเมามันส์

เดชเอนหัวหนุนแขนตัวเองตามองหมอหนุ่มที่เอาปากสาวรูดลำควยของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เขาไม่ถึงกับเงี่ยนจนหน้ามืดไม่ดูตาม้าตาเรือ เพียงแต่นึกสนุกอยากลองยั่วเองพงษ์เฉยๆ ใครจะไปนึกว่าหมออนามัยคนใหม่ที่สาวๆทั้งหมู่บ้านหมายปองจะมาสยบอยู่ตรงหว่างขาเขาง่ายๆเพียงนี้ เอกพงษ์ละเลงลิ้นเลียหัวควยเดชจนแฉะ ไม่เหลือมาดภูมิฐานเลยแม้แต่น้อย


“ตกลงหมอยังจะให้ผมใส่ถุงยางอยู่อีกไหมครับ”


เดชพูดยิ้มๆ เขาดึงควยออกจากปากเอกพงษ์อย่างนิ่มนวล น้ำลายใสๆยืดตามหัวควยเป็นสาย เดชนึกสนุกเอาท่อนควยเปรอะน้ำลายดีดใส่หน้าเอกพงษ์เบาๆ
หมอหนุ่มหลับตาพริ้ม เป็นคนอื่นเอาควยมาฟาดหน้าเขาแบบนี้คงได้ตะบันปากกันไปนานแล้ว แต่เขากลับมาตกอยู่ใต้อำนาจควยดุ้นนี้อย่างง่ายดาย เดชยิ้มมุมปากแอ่นสะโพกขึ้นจากเตียงจับหัวชายหนุ่มตรงหน้ากดลงไปถูไถตรงหว่างขาเขาอย่างสะใจ

เอกพงษ์หน้าแดงก่ำ เหงื่อย้อยเป็นทาง เขาสูดกระไอเนื้อหนุ่มเข้าไปเต็มรัก แม้จะอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกก็ยินดีสำลักความสุขตายในหว่างขาเดช แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านั้นก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้าอนามัยมา
เอกพงษ์สะดุ้งเฮือก! หัวใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เขาผงะออกจากเตียงทำแผลโดยอัตโนมัติ รีบเอาหลังมือเช็ดปากป้อยๆด้วยท่าทางลุกรี้ลุกรน ทำหน้าตาตื่นเหมือนโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ

เดชมองใบหน้าซีดเผือดของเอกพงษ์แล้วก็หัวเราะ เขาลุกนั่งบนเตียงทำแผลด้วยท่าทีสบายๆ ไม่เดือดร้อนใจกับร่างเปล่าเปลือยของตนเอง หมอหนุ่มทำท่าบุ้ยใบ้ให้คนที่กำลังแก้ผ้าอยู่รีบแต่งตัว แต่เดชกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่งควยโด่อยู่บนเตียงอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เสียงฝีเท้าเดินขึ้นบรรไดหน้าอนามัยทำให้เอกพงษ์ยิ่งร้อนรน หน้าหล่อๆหดเหลือสองนิ้ว เขามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างอ้อนวอน แต่ควยมันปลาบที่ลุกอยู่หว่างขาเดชนั้นท้าทายสายตาราวกับจะเยาะเย้ยเขา


เสียงเจ้าหน้าที่อนามัยอีกคนเดินเข้ามาในสำนักงานพลางตะโกนถามไถ่นำหน้า

“เอก..พี่กลับมาแล้ว ตอนบ่ายๆงานยุ่งไหม มีคนไข้หรือเปล่า”


ชายหนุ่มยืนละล้าละลังมองเดชค่อยๆลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างแช่มช้า ยิ่งเขามีสีหน้ากังวลเท่าไหร่เดชก็เหมือนยิ่งแกล้ง เอกพงษ์ใจเต้นตึ่กๆตัดสินใจผลุนผลันออกจากห้องไปรับหน้าเจ้าหน้าที่ที่กำลังจะเข้าห้องมา


“อ้าว! พี่รัตกลับมาแล้วหรือครับ ไหนว่าจะออกหน่วยจนถึงบ่ายสาม..”

“อุ๊ย! บังเอิญวันนี้เสร็จเร็ว ให้ความรู้เรื่องสุขภาพนิดหน่อย แจกแผ่นพับแล้วก็กลับ ไม่ได้ตรวจสุขภาพ แล้วเราล่ะ ตอนบ่ายๆงานยุ่งไหม?” อีกฝ่ายย้อนถามกลับ


“เอ้อ..ก็ไม่ค่อยครับ พอดีบ่ายนี้มีคนมา..” เอกพงษ์พูดแล้วหยุดไปดื้อๆนึกไม่ออกว่าจะไปต่อยังไงดี


“ล้างแผลครับ” เดชพูดต่อจนจบ เขาเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาลด้วยสีหน้าแจ่มใส เขายกมือไหว้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกคนอย่างสุภาพเรียบร้อย


“สวัสดีครับพี่รัต”


ผู้อาวุโสกว่ารับไหว้ ถามไถ่กลับพอเป็นพิธี


“ว่าไงเดช วันก่อนเห็นแม่มาทำแผล เป็นไงบ้าง หายดีหรือยัง”


“หายดีแล้วครับ แกเลยให้ผมเอาผลไม้มาขอบคุณหมอเอก ผมก็เลยแวะมาทำแผลด้วย วันก่อนไปตัดหน่อไม้แล้วโดนหนามไผ่มันเกี่ยวเอา”


เดชแต่งเรื่องแก้ตัวหน้าตาเฉย ดวงตาคมคู่นั้นฉายแววใสซื่อไม่มีพิรุธเลยแม้แต่น้อย เอกพงษ์มองใบหน้าหล่อเหลาอย่างอัศจรรย์ใจ เดชยังคงท่าทีสบายๆไม่มีอาการตื่นเต้นราวกับเหตุการณ์ที่พึงเกิดขึ้นเป็นเรื่องปรกติสามัญสำหรับเขา
รัตพยักหน้าอือออไปตามเรื่อง หล่อนไม่แม้แต่จะมองสำรวจร่างกายของเดชเพื่อดูบาดแผล พูดเพียงสั้นๆ

“หายก็ดีแล้ว ฝากความคิดถึงไปให้แม่ด้วยแล้วกัน ว่างๆก็บอกแกมาตรวจความดันที่อนามัยบ้าง ” พูดจบก็ปลีกตัวไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เดชยักคิ้วให้หมอหนุ่มด้วยสีหน้าทะเล้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย


“ผมกลับแล้วนะหมอ ขอบคุณที่ล้างแผลให้ เอาไว้ว่างๆคงได้ตอบแทนหมอบ้าง”
พูดจบเขาก็เดินลงอนามัยไปอย่างสบายใจเฉิบ ทิ้งให้หมอหนุ่มมองตามหลังจนลับตา เอกพงษ์กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วนั่งจ้องเอกสารบนโต๊ะอย่างว้าวุ่น เขาเหลือบมองภาพสาวคนรักบนโต๊ะทำงานก่อนจะจับมันหันไปทางอื่น ชายหนุ่มนั่งกระสับกระส่ายจนอีกคนที่นั่งทำงานโต๊ะข้างๆรู้สึกได้ รัตหันมามองหมอหนุ่ม ออกปากถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย


“เป็นอะไรหรือเปล่าเอก หน้าซีดเชียว ไม่สบายหรือเปล่า”


“เอ่อ..ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับพี่” เขาว่าพลางผลุดลุกจากโต๊ะทำงานโดยไม่ลืมดึงชายเสื้อลงมาปิดเป้ากางเกงไว้

รัตเห็นเขาเดินตัวงอตรงไปห้องน้ำก็ตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วง


“เป็นอะไรหรือเปล่าเอก ท้องเสียหรือเปล่าจ้ะ”

เอกพงษ์ไม่ตอบ เขารีบเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูลงกลอนอย่างเรียบร้อย ภายในห้องน้ำเล็กๆที่อับทึบและอบอ้าว เขารีบปลดเข็มขัดรูดซิปกางเกงปลดปล่อยดุ้นเนื้อที่แข็งขึงให้เป็นอิสระ เอกพงษ์หน้าแดงก่ำ หงื่อไหลเป็นทางยาว เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงทำไมเขาจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปได้ถึงเพียงนี้ ภาพร่างกายเปล่าเปลือยของเดชผุดขึ้นมาในหัวยิ่งกระตุ้นให้แท่งทวนตรงหว่างขาเขาแข็งเกร็งจนปวดหนึบ ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะพิสวาทผู้ชายด้วยกัน แต่หลังจากควยดุ้นแรกทะลวงเข้าปาก เขาก็รู้ตัวดีว่าเขาจะโหยหามันไปตราบชั่วชีวิต เอกพงษ์หลับตาพริ้ม จินตนาการถึงใบหน้าหล่อเหลาของเดชพลางลงมือสำเร็จความใคร่เงียบๆ

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.