แดดยามบ่ายร้อนเปรี้ยงจนเห็นเป็นเปลวระยิบบนผืนนาสุดลูกหูลูกตา รถไถนาไถพลิกดินเป็นแนวเพื่อรอรับการเพาะปลูก งานในนาเป็นงานที่หนักเหนื่อยและไม่รู้จักจบสิ้น แต่กระนั้นทวนก็ทำมันอย่างไม่ย่อท้อ เขาเปลือยท่อนบน ขับรถไถพรวนในนาอยู่ค่อนวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คนงานที่จ้างมานั้นทำแล้วพักทำแล้วพักไปหลายรอบ แต่ทวนยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างไม่มีปริปากบ่น ทวนขับรถไถไปจนสุดแปลงนาด้านหนึ่ง แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นใครคนหนึ่งยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว..
เฮ้ย! ไอ้เดช ไปไงมาไงวะเนี่ย.. ไม่ได้เจอกันตั้งนาน กูนึกว่ามึงตายไปแล้วไอ้ห่า..
ทวนเดินตรงไปหาเพื่อนรัก ขนาดเขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ยังต้องแหงนหน้าคุยกับเดชจนคอตั้งบ่า
มึงสิไอ้ทวน ตั้งแต่มีเมียก็ไม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้าน เดชย้อน แม่มึงเค้าสงสัยว่าอีแต้วมันทำของใส่มึงหรือเปล่า ถึงได้ไม่ยอมกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นเดือนๆ
ทวนฟังแล้วหัวเราะลงลูกคออย่างชอบใจ ไอ้ห่า..มึงก็เห็นว่าที่นาบ้านแต้วมันใหญ่กว่าบ้านกูตั้งเท่าไหร่ ขนาดจ้างคนแล้วก็ยังไม่พอ กูจะเอาเวลาที่ไหนกลับไปเยี่ยมบ้านวะ..
เดชทอดตามองผืนนาเบื้องหลังทวน จะว่าทวนตกถังข้าวสารก็พูดไม่เต็มปาก เพราะได้กับแต้วก็ใช่ว่าจะสบายนั่งงอมืองอเท้าอยู่บ้านเฉยๆ ที่นากว้างขนาดนี้ เดชคำนวณคร่าวๆว่าอย่างน้อยก็น่าจะจ้างคนเพิ่มอีกสามสี่คน แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนทวนจะมุมานะที่จะทำเองทั้งหมด
กูก็นึกว่ามึงมัวแต่หลงผืนนาน้อยของอีแต้ว..
ทวนหัวเราะหึหึในลำคอแต่ไม่ว่ากระไร เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่มตัวล่ำสันให้มาทำงานต่อ ก่อนจะเดินนำหน้าเดชไปตามคันนาที่ร้อนระอุ
กินข้าวกินปลามาหรือยังวะ ทวนถาม สาวเท้าเดินมุ่งตรงไปที่เถียงนาอย่างรวดเร็ว
กูกินมาแล้ว .. เดชตอบ ไพล่นึกไปถึงหน้าแต้วตอนชวนกินข้าวที่บ้าน แต้วชวนกินข้าวนั้นไม่ต่างอะไรกับชวนเย็ด ขนาดแต่งงานแล้วหล่อนยังหูตาแพรวพราวไม่มีเปลี่ยน แต่จะว่าไปทวนเองก็คงไม่เดือดร้อนใจกับเรื่องนี้ เพราะรู้ๆกันดีอยู่แก่ใจ
แล้วมึงล่ะวะ เมื่อไหร่จะหาเมีย.. ทวนถามพลางเหยียบกระไดขึ้นไปยืนบนเถียงนา ที่ๆเขาพึ่งเผด็จศึกน้องเมียไปหมาดๆเมื่อเย็นวาน เขาหยิบเหล้าแบนหนึ่งที่วางแอบไว้มุมหนึ่งของเถียงนา มันเหลือติดอยู่เพียงครึ่งขวด ชายหนุ่มกระดกมันลงคอแล้วส่งมันให้เดช
กูอยู่ของกูแบบนี้ก็ดีแล้ว เดชพูดเปรยๆแล้วกระดกเหล้าลงคอ มึงสิ เมื่อไหร่จะมีลูก..
อีกนานว่ะ แต้วเองมันก็ไม่อยากมีตอนนี้ด้วย.ขี้เกียจอย่างมันอย่าว่าแต่เลี้ยงลูกเลย งานบ้านยังไม่ค่อยอยากจะทำ
เดชฟังเพื่อนบ่นเรื่องเมียแล้วหัวเราะลงลูกคออย่างชอบใจ
ไอ้ด้วงมันจะบวชเดือนหน้า กูเลยแวะมาบอกบุญ ว่างๆมึงก็ไปค้างบ้านกูบ้างสิ..เดือนมันก็บ่นถึงมึงอยู่บ่อย..
เดชพูดถึงน้องสาวและน้องชาย ก่อนจะกระดกเหล้าลงคอ
ว่าแต่ว่ามึงเถอะ คืนนี้ค้างบ้านกูแล้วกัน จะได้กินเหล้ากันสักหน่อย..
เฮ่ย..กูต้องรีบกลับ มาเป็นธุระงานบวชให้ไอ้ด้วงมันเฉยๆ.. ถ้ามึงมีน้องเมียสวยๆแจ่มๆค่อยน่าสนใจหน่อย..
ทวนหัวเราะเสียงทุ้มๆในลำคออย่างมีเลศนัย เขาหรี่ตามองเดช พูดเสียงต่ำๆ ถ้ามึงค้างบ้านกูมึงก็รู้เองแหละว่าน้องเมียกูเด็ดยังไง..
เดชเลิกคิ้วหนา สีหน้าทวนไม่ได้บอกสักนิดว่าพูดทีเล่นทีจริง มันทำให้เขาสนใจขึ้นมาตะหงิดๆ
ไอ้สองแฝดนั่นน่ะเหรอ? เด็ดยังไงวะ? เดชถามอย่างอยากรู้ เขาแน่ใจว่าทวนต้องมีทีเด็ดให้เขาประหลาดใจ รู้จักกันมาตั้งแต่เล็กจนโต เขาและทวนแทบไม่เคยมีความลับต่อกัน เพียงแต่เดชยังเดาไม่ออกว่าทวนมีทีเด็ดอะไรเตรียมไว้ให้เขา
เอาน่า..เดี๋ยวพอมันสองคนเลิกเรียนมันก็มาหากูที่นี่ ถึงตอนนั้นมึงสองคนก็รู้เอง..
ทวนว่าพลางกระตุ้นให้เดชกระดกเหล้าลงคออีก เขาอยากให้เดชเมาๆกึ่มๆตอนที่สองแฝดนั่นมาที่เถียงนา มันคงง่ายขึ้นถ้าจะหว่านล้อมให้เดชลิ้มลองรสชาติใหม่ๆตอนกำลังเมาๆ สองหนุ่มนั่งดวดเหล้ากันบนเถียงนาท่ามกลางอากาศร้อนระอุ เดชถอดเสื้อออก ทวนมองขนหน้าออกรุงรังบนแผงอกล่ำแล้วอดคิดในใจว่า ใครเย็ดกับเดชคงทั้งแสบทั้งมันส์ เพราะขนหน้าอกนั่นดูสากระคายพิกล ยิ่งตรงหน้าท้องไม่ต้องพูดถึง มันดกลามจากสะดือเป็นทรงสามเหลี่ยมหายเข้าไปในขอบกางเกง
ทวนนั่งพิจารณาสรีระของเดชอย่างเพลิดเพลินจนอดขนลุกตัวเองไม่ได้ ก่อนนี้เขาไม่เคยใส่ใจมองผู้ชายด้วยซ้ำ ใครจะสูงต่ำดำขาวอ้วนพุงพลุ้ยยังไงเขาไม่เคยสน แต่ตอนนี้เขากลับนั่งมองมัดกล้ามของเดชอย่างพึงพอใจ ทวนสาดเหล้าลงคอ อดหวั่นใจไม่ได้ว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้..
.............................
หลังจากเลิกเรียน พอถึงบ้านปั๊บโต้งก็วางกระเป๋ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วแทบจะถลาไปหาทวนที่เถียงนาด้วยความลิงโลด เขาแทบอดใจรอไม่ไหวให้ถึงเวลาเลิกเรียน ถ้าไม่ติดว่ากลัวต๋องจะกลับมาฟ้องพ่อ ใจโต้งอยากจะโดดเรียนมาหาทวนที่เถียงนาด้วยซ้ำ
ต๋องมองตามพี่ชายด้วยสีหน้าเอือมๆ เขารู้สึกว่าโต้งดูกะเหี้ยนกะหือรือกับการจะไปหาทวนมากจนเขาเกรงว่าคนในบ้านจะผิดสังเกต ต๋องผลัดผ้าหยิบเกงเกงบอลเก่าๆมาใส่อย่างไม่รีบร้อน เขาเป็นคนทำอะไรเรื่อยเฉื่อย ยังไม่ทันจะพ้นประตูบ้าน ตาเหงี่ยมก็ออกมาเรียกลูกชายฝาแฝด
มึงสองคนน่ะ..จะไปไหนวะ..
ก็ไปช่วยงานพี่ทวนที่นาไง โต้งหน้านิ่ว คิ้วขมวด
พ่อจะเข้าไปซื้อของที่ตลาดในเมือง พวกมึงสองคนไปเป็นเพื่อนกูหน่อยสิวะ..
แล้วทำไมพ่อไม่ไปกับพี่แต้วล่ะ. โต้งเกี่ยง
กูพาอีแต้วไปซื้อของทีไรมันก็คอยจะแอบไปซื้อเสื้อผ้าใหม่อยู่เรื่อยๆ ไม่ได้งานแล้วยังผลาญเงินกูอีก ตาเหงี่ยมบ่นอย่างระอา..ต๋องที่ยืนฟังอยู่นานก็พูดตัดบทแก้รำคาญ
โต้ง มึงไปช่วยงานพี่ทวนเถอะ กูจะไปตลาดกับพ่อเอง..
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ โต้งผลุนผลันลงกระไดบ้านไปอย่างลิงโลด ต๋องอาสาไปตลาดก็ดีเหมือนกันเขาจะได้ใช้เวลากับทวนสองคน ไม่มีต๋องอยู่ด้วย บางทีทวนอาจจะหันมาใส่ใจเขามากขึ้น เขาอยากได้การเล้าโลมจากทวนแบบที่ต๋องเคยได้บ้าง ทั้งที่เขากับต๋องก็มีอะไรเหมือนๆกัน แต่ทวนกลับปฏิบัติต่อเขาและต๋องต่างกันโดยสิ้นเชิง วันนี้คงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ทำอะไรกับทวนอย่างที่อยากเสียที
ตาเหงี่ยมมองตามพี่ชายที่วิ่งตื๋อออกจากบ้านไปอย่างแคลงใจ แกอดเปรยกับแฝดคนเล็กไม่ได้
ไอ้โต้งมันเป็นอะไรของมัน ปกติกูเห็นมันขี้เกียจจะตายชัก ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมันอยากจะไปช่วยงานที่นา
ไม่รู้เหมือนกันพ่อ ผีเข้ามั้ง.. ต๋องว่าพลางเดินตามพ่อลงกระไดบ้าน เข้าไปเที่ยวในเมืองก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้อ้อนพ่อให้ซื้อของที่อยากได้บ้าง โต้งไปด้วยจะซื้ออะไรก็ต้องซื้อสองชิ้น บางที่พ่อก็จะตัดใจไม่ซื้อให้ แต่พอพ่อไปกับเขาสองคน ความที่เป็นคนช่างอ้อน ต๋องมักจะได้ของที่ตัวเองอยากได้จากพ่อเสมอ
ต๋องเดินตามพ่อไปขึ้นรถกระบะเก่าๆที่จอดทิ้งไว้ใต้ถุนเรือน ไม่นึกเดือดร้อนใจสักนิดที่พี่ชายจะไปอยู่กับพี่เขยกันสองต่อสองที่เถียงนา..