We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: นิยายที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง(กระทู้ 3 ครับ)"
Posted by someome on 28-Jun-13 at 01:14 PM
คืนนั้นไอ้โนโทรหาผม บอกว่าแอบไปดูบัตรประชาชนของพี่กร เลยเห็นว่าวันเกิดพี่กรใกล้จะถึงในวันอังคารหลังจากงานโรงเรียน

“โนว่าเราน่าจะทำอะไรเซอร์ไพรซ์พี่กรดีป่าวอะ” ไอ้โนถามผม

“ฮืมมม…..ก็ดีนะโน แล้วจะทำไรดีวะ” ผมถามไอ้โนกลับไป

“งั้นโนจะโทรหาพี่ตาลก่อนดีกว่า ได้เรื่องยังไงจะโทรบอกพี่เอกนะ” ไอ้โนบอกก่อนจะวางหู

ผมเลยบอกไอ้นัยถึงเรื่องนี้ ซึ่งไอ้นัยเองก็อยากร่วมเซอร์ไพรซ์พี่กรด้วยเหมือนกัน

“แกโคตรดีกับพวกเราเลยว่ะ มึงว่ามั้ย” ไอ้นัยพูดขึ้นอย่างเชื่อมั่นไม่เหมือนตอนแรกๆที่มันแอบไม่ไว้ใจพี่กร “งานนี้ต้องคิดกันดีๆนะ เอาให้แกอ้าปากค้างเลย ฮ่าๆ”

ไม่นานนักไอ้ตาลก็โทรหาผม ก่อนจะบอกแผนการที่มันคิดได้เป็นฉากๆ ทำเอาผมเบิกตาโตเพราะไม่คิดว่ามันจะมีอารมณ์นี้ด้วย

“เจ๋งว่ะตาล” ผมอดชมมันไม่ได้ “ควายๆแบบมึงไม่น่าคิดได้เลยนะ ฮ่าๆ”

“สาดดดด ชมหรือด่ากูวะเนี่ย” ไอ้ตาลด่าผมดังลั่น “ไงมึงลองไปคุยกับไอ้พวกนั้นดูก่อนนะ ว่ามันจะร่วมด้วยมั้ย”

“เออๆ พรุ่งนี้กูจะคุยเลย” ผมบอกมันก่อนวางหูแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

………………………….

รุ่งขึ้นอีกวัน ผมเลยคุยกับไอ้เบสต์ พี่อิทและนักร้องอีกสองคน เรื่องจะเซอร์ไพรซ์พี่กรในวันเกิดแก โดยบอกแผนที่ไอ้ตาลคิดให้ทุกคนฟัง

“กูเอาด้วยอยู่แล้วเอก แกให้ยืมตังค์มาช่วยชีวิตกูเอาไว้ขนาดนั้น” ไอ้เบสต์บอกอย่างฉะฉาน “บุญคุณพี่กรท่วมหัวเลย”

“กูก็เอา เพราะแกช่วยพวกเราเรื่องอัดเสียง แนะนำเรื่องการร้องเพลง แถมให้ยืมชุดใส่อีก” พี่อิทสมทบ ไอ้นักร้องอีกสองคนก็เห็นด้วย

“งั้นโอเคตามนี้ กูจะนัดแกบอกว่าพวกเราจะเอาของไปคืน” ผมบอกแผนคร่าวๆ

“บอมบ์ไปด้วยดิ” ไอ้บอมบ์โพล่งเข้ามา “บอมบ์ก็รู้จักพี่กรนะ ถึงจะเจอแค่ครั้งเดียวก็เถอะ”

“เออๆ ไปก็ไป” ผมบอกมัน “งั้นก็ต้องช่วยกันด้วยนะโว้ย” ผมบอกไปไอ้บอมบ์เลยยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกๆ

…………………………

วันนี้…..สิ่งที่ผมสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือ ไอ้เบสต์กับไอ้บอมบ์ดูสนิทสนมกันมากขึ้น ไอ้เบสต์ก็จะคอยแกล้งไอ้บอมบ์อยู่เรื่อยๆ บางทีก็จับก้น หอมแก้ม ไซร้ซอกคอ ซึ่งไอ้บอมบ์เองก็พยายามขัดขืนแบบยอมๆ(เอ๊ะ! ยังไง) บางทีก็วิ่งมาหลบด้านหลังผมบ้าง พี่อิทบ้าง

“โอ๊ย พี่เอกคัฟ ช่วยบอมบ์ด้วย พี่เบสต์แกล้งบอมบ์อีกแล้วอะ” ไอ้บอมบ์วิ่งมาหลบด้านหลังผม ซึ่งไอ้เบสต์ก็วิ่งตามมา ทำหน้าหื่นเหมือนที่มันเคยทำกับผมเมื่อก่อน

“มานี่เร็ว ไหนบอกพี่ไม่มีน้ำยาไง” ไอ้เบสต์เข้ามาดึงไอ้บอมบ์ส่วนไอ้บอมบ์เองก็กอดเอวผมไว้แน่น “มาดูถูกกันแบบนี้ได้ไงวะ”

สุดท้ายเลยกลายเป็นผมโดนทึ้งอยู่ตรงกลาง ทุกคนในห้องเลยพากันหัวเราะ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้นัยที่ยังคงมานั่งดูผมโดยใส่ชุดนักเรียนของผมเหมือนเดิม

ผมว่า ถ้าไอ้สองคนนี้จะคบกันมันก็คงไม่แปลกอะไร เพราะไอ้เบสต์ก็โสดสนิทและไอ้บอมบ์ก็ดูท่าจะชอบไอ้เบสต์…….มันก็เหมาะกันดีนะ…….แต่……ผมอดนึกถึงไอ้กันไม่ได้เลยครับ ผมรู้สึกเสียดายสุดๆที่ไอ้เบสต์กับไอ้กันไม่ได้กลับมาคบกันเหมือนเดิม

แต่ผมจะทำอะไรได้ละครับ เรื่องของหัวใจมันไม่มีใครไปบังคับใจใครได้หรอก ไอ้กันมันคงมีเหตุผลของมัน ส่วนไอ้เบสต์มันกำลังคิดอะไรอยู่ผมก็ยังไม่ได้ถาม มันจะคบไอ้บอมบ์อย่างจริงจัง หรือแค่แกล้งเล่นๆพอขำๆ…..ผมว่า อีกไม่นานมันก็ต้องบอกผม

พวกน้องๆแดนเซอร์จากชมรมการแสดงก็ตามเข้ามาซ้อมเต้นเพลงซ่าส์สั่นๆรวมกับพวกเราด้วย เลยทำให้บรรยากาศคึกคักกันใหญ่ ไอ้บอมบ์เองก็เหมือนเคยครับ เข้าไปคุยกับน้องแดนเซอร์จนสนิทสนมกันไปอีก……เฮ้อ…..ไอ้นี่มันนายงามมิตรภาพจริงๆเลย…..แต่ผมว่า มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ คนที่เข้ากับคนง่ายแบบนี้ ไปไหนก็ไม่น่าห่วง

…………………………….

ความสนิทสนมของไอ้เบสต์กับไอ้บอมบ์พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามันสองคนมีอะไรกันแล้วหรือยัง แต่ที่แน่ๆ ผมแอบเห็นไอ้เบสต์จูบปากไอ้บอมบ์ในห้องน้ำ แต่ไอ้เบสต์ก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลยละครับ ผมเองก็ยังไม่กล้าถามอะไร เพราะยังไงซะมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของมันสองคน ถ้ามันจะบอกมันก็คงบอกเอง

เย็นวันศุกร์ผมไปซ้อมที่ชมรมการแสดงเหมือนเดิม อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆครับ เพราะเหลือเวลาอีกแค่สามวันก็จะถึงวันงานแล้ว แต่ผมก็มั่นใจในการร้องและการเต้นของผมนะครับ ก็ซ้อมแทบจะทุกวันขนาดนี้ จะไม่มั่นใจได้ไงละวะ ฮี่ๆ

ขณะที่ผมและน้องๆแดนเซอร์กำลังซ้อมเต้นกันอยู่ ผมก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนนึง มายืนแอบมองพวกเราอยู่ตรงข้างประตู ทำเอาผมต้องหยุดเต้นแล้วจ้องมองเธอ พวกน้องๆแดนเซอร์ก็เลยหยุดตามผม

และในวินาทีนั้น หญิงคนนั้นก็เดินออกมายืนอยู่ตรงกลางช่องประตู เลยทำให้ผมเห็นว่าเธอแต่งตัวดี หน้าตาสวยสมวัย แต่ท่าทางเหมือนกำลังโกรธสุดๆ

“แม่!!!!” เสียงน้องแองจี้ดังลั่นห้อง ทำเอาพวกผมต้องเบิกตากว้าง……นี่คุณแม่น้องแองจี้เหรอเนี่ย

น้องแองจี้หน้าเสีย ยืนตัวสั่นอยู่กับที่ โดยมีหญิงคนนั้นที่เธอเรียกว่าแม่ กำลังเดินเข้ามาหาด้วยหน้าตาที่แข็งกร้าว จ้องมองน้องแองจี้เหมือนกำลงโกรธจัด

“ชั้นดูอยู่นานแล้ว ชั้นไม่คิดเลยนะ ว่าแกจะเป็นแบบนี้” เสียงแม่น้องแองจี้แข็งและเกรี้ยวกราดจนผมต้องยืนตัวลีบ น้องแองจี้เองก็ก้มหน้างุด ตัวเธอสั่นจนผมเห็นได้อย่างชัดเจน

“แล้วนี่อะไร ชั้นไปเจออยู่ในห้องแก” แม่พูดเสียงดังพร้อมโยนกล่องสีดำลงพื้น สุดท้ายกล่องก็เปิดออกด้วยแรงกระแทก พร้อมเครื่องสำอางและอุปกรณ์การแต่งหน้าก็ร่วงกราวลงกับพื้นระเนระนาด

“ผม….เอ่อ….ผม” น้องแองจี้พยายามพูดออกไปได้แค่นั้น แม่เธอก็ตวาดซ้ำอีก

“แกเป็นกะเทยแบบนี้ได้ยังไง บอกแม่มาซิ….หา!” คุณแม่เดินเข้าไปเขย่าตัวน้องแองจี้อย่างแรง “ชั้นเลี้ยงแกมาให้เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ให้มาเป็นกะเทยแร่ดๆแบบนี้”

“แม่…..ผมขอโทษ ฮือๆ” น้องแองจี้ละล่ำละลักตอบคุณแม่ พลันน้ำตาเธอก็ไหลออกมานองทั้งสองแก้ม ผมได้แต่ยืนกุมมือแน่น น้องๆแดนเซอร์คนอื่นๆ ก็พากันมายืนหลบอยู่ด้านหลังผม

“ขอโทษเหรอ ทำตัวแบบนี้แล้วจะมาแค่ขอโทษชั้นเหรอ” คุณแม่เสียงดังลั่นแล้วเอากำปั้นทุบไหล่น้องแองจี้หลายครั้ง ท่าทางคงโกรธจัด

“ชั้นอายคนเค้านะ ชั้นอายที่ต้องมีลูกเป็นกะเทยแบบแก ทำไมๆ บอกชั้นสิ” คุณแม่จับตัวน้องแองจี้เขย่าอย่างแรง น้องแองจี้ก็ร้องไห้ไม่หยุด……แล้วคุณแม่ก็ทุบๆๆๆ……เฮ้ย!......ผมทนไม่ไหวแล้วครับ เลยรีบเข้าไปดึงตัวน้องแองจี้ที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นออกมา แล้วเอาตัวบังไว้

“พอเถอะคับคุณแม่ คุณแม่ทำเกินไปแล้วคับ” ผมบอกออกไปเสียงดัง เวลานั้นจะว่าผมก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ผมก็ไม่สนแล้ว

“แกมายุ่งอะไรด้วย นั่นลูกชั้นนะ ชั้นจะทำอะไรกับมันก็ได้” คุณแม่ตวาดผมเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำคงโกรธผมไม่น้อย

“แล้วคุณแม่ไม่รักลูกเหรอคับ ไม่เห็นเหรอคับว่าน้องร้องไห้ขนาดนี้ คุณแม่ยังจะทำอะไรน้องอีก” ผมสวนกลับไปอย่างยั้งไม่อยู่

“แค่นี้มันยังน้อยไป ชั้นเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ชาย แล้วมาเต้นแร่ดๆเป็นกะเทยแบบนี้ ชั้นอายคนอื่นเค้ารู้มั้ย!” คุณแม่ยังคงเสียงดังใส่ผม

“แต่น้องเค้าก็เป็นคนดีนะคับ” ผมเถียงออกไป “ไม่ได้เหลวไหล ไม่ได้ติดยา ไม่ได้เป็นปัญหาของสังคม ทำไมคุณแม่ยอมรับน้องไม่ได้ละคับ”

“ไว้ให้แกมีลูกเองเมื่อไหร่ แกค่อยพูดใหม่ก็แล้วกัน” คุณแม่บอกผมปากคอสั่น

“ไปกลับบ้าน แล้วไม่ต้องมาร่วมไอ้กิจกรรมบ้าๆนี่อีก” คุณแม่เดินไปจับแขนน้องแองจี้ลากออกไปจากห้องทันที ท่ามกลางความตกใจของพวกเราทุกคน

น้องๆคนอื่นพากันเดินมากอดผมแล้วร้องไห้ ผมเองก็อดไม่ไหวแล้วครับ น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้…..ทำไมนะ…..ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่เคยเข้าใจเด็ก พวกเราก็มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง ทำไมพวกเค้าไม่ยอมเข้าใจเราบ้างเลย

พวกเราไม่มีอารมณ์ที่จะซ้อมกันต่อแล้วครับ น้องๆคนอื่นคงเสียขวัญไม่น้อย พากันนั่งอยู่ที่พื้นห้อง มองตากันอย่างหมดอาลัย

“หนูไม่อยากเต้นแล้วค่ะพี่เอก” น้องเบลพูดขึ้นแล้วมองผมด้วยตาที่แดงก่ำ

“ไม่มีพี่แองจี้ หนูก็ไม่อยากเต้นเหมือนกันค่ะ” น้องนิกกี้พูดต่อแล้วก้มหน้าซบกับหัวเข่า

“หนูก็ไม่เต้น ถ้าไม่มีพี่แองจี้” น้องๆคนอื่นๆพากันบอกผมไปในทางเดียวกัน ผมเข้าใจพวกเธอดีครับว่ากำลังเสียขวัญ เลยทำให้หมดกำลังใจจะเต้นต่อ

“งั้น……เราไปบอกยกเลิกกับจารย์สุชาติกันมั้ย” ผมเองก็ใจฝ่อไปเหมือนกันครับ เมื่อทุกคนบอกว่าไม่อยากเต้น ผมเองก็คงฝืนไม่ได้ แค่การแสดงแค่ชุดเดียวคงไม่ทำให้งานล่มหรอกมั้ง

ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของผมก็สั่น ผมเลยรีบหยิบขึ้นมาดูก็เห็นข้อความจากน้องแองจี้

“แองจี้ส่งข้อความมา!” ผมร้องลั่นบอกน้องๆเลยทำให้ทุกคนมามุงดูข้อความที่ผมกำลังจะเปิด

“…..สู้ต่อนะคะ สู้แทนหนู ฝากบอกน้องๆทุกคนด้วยค่ะ….”

ผมเงยหน้ามองน้องๆ ก็เห็นแววตาของทุกคนเปลี่ยนไป…..จากที่เคยเสียกำลังใจ ตอนนี้ดวงตาของน้องๆต่างมีประกายออกมา….. ประกายที่บอกว่าพวกเราจะสู้ต่อ……เพื่อน้องแองจี้

“เราต้องไม่ทำให้แองจี้ผิดหวังนะ” ผมพูดเสียงเข้มเพราะได้กำลังใจจากข้อความนั้นเหมือนกัน

“ค่ะ หนูจะเต้นต่อเพื่อพี่แองจี้ จริงมั้ยพวกเรา” น้องเบลพูดเสียงดังพวกน้องคนอื่นๆเลยพากันพยักหน้าแล้วยิ้มออกมาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

ผมอดน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้ครับ......พวกเราสัญญาว่าจะโชว์ผลงานให้คนอื่นๆได้ทึ่งว่าน้องแองจี้เป็นคนคิดท่าเต้นและเป็นคนฝึกสอนพวกเราทั้งหมด ขอให้มั่นใจในพวกเรานะ

ผมหลับตาส่งกำลังใจไปให้น้องแองจี้……ขอให้เธอสู้ๆกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และพบทางออกที่ดีด้วยเถอะครับ

…………………………

พวกผมกำลังเดินกลับบ้านกันกลุ่มใหญ่หลังจากซ้อมร้องเพลงเสร็จ คือมีผม ไอ้นัย ไอ้เบสต์ ไอ้บอมบ์ พี่อิท รวมทั้งนักร้องคนอื่นของชมรมดนตรี รวมถึงน้องๆแดนเซอร์ทั้งหมด เพราะผมพาพวกเธอมาร่วมซ้อมเพลงซ่าส์สั่นๆด้วย

ตอนนั้นเองก็มีรถยนต์คันนึงขับเข้ามาในโรงเรียน พอเห็นพวกเรารถคันนั้นก็จอดลงทันที พร้อมประตูรถที่เปิดออกโดยหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาตื่น ตาแดงก่ำ วิ่งตรงมาหาพวกเรา แล้วก็มีเด็กผู้ชายวัยซักสิบขวบเปิดประตูรถอีกด้านแล้ววิ่งตามมา

“คุณแม่” ผมและน้องๆแดนเซอร์พากันร้องออกมาพร้อมๆกัน เพราะจำได้แม่นว่าเธอคือคุณแม่ของน้องแองจี้

“ยุทธมาที่นี่รึเปล่าลูก” เธอละล่ำละลักถามพวกผม

“เปล่านี่คับ มีอะไรเหรอคับคุณแม่” ผมตอบไปแล้วก็อดใจหายไม่ได้…..นี่ต้องเกิดเรื่องอะไรแน่เลย

“ฮือๆ ยุทธ….ลูกยุทธหนีออกจากบ้าน….ฮือๆๆ…” เธอพูดจบก็กอดผมร้องไห้ตัวสั่น…..เวรแระ……นี่เรื่องปลายไปกันใหญ่แล้ว

“อย่าโกหกแม่นะ ยุทธไม่ได้มาที่นี่จริงๆเหรอลูก ฮือๆๆ” เธอพูดไปร้องไห้ไป

“คับแม่ เรื่องจริงคับ” ผมบอกไปด้วยใจที่เป็นห่วงน้องแองจี้สุดๆ “คุณแม่ทำอะไรน้องคับ ทำไมถึงทำแบบนี้”

“ก็คุณแม่ตบหน้าพี่ยุทธนี่คัฟ เป็นหนู หนูก็หนี” น้องผู้ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความไร้เดียงสา……หา…..นี่คุณแม่ถึงขั้นลงไม่ลงมือกับน้องแองจี้เลยเหรอเนี่ย

“ใจเย็นๆ คับคุณแม่” พี่อิทพูดขึ้นแล้วเดินเข้ามาหา “พวกเราพอจะรู้จักเพื่อนๆน้องแองจี้บ้างมั้ย” พี่อิทหันไปถามน้องแดนเซอร์ทุกคน

พวกเราเลยพยายามโทรหาเพื่อนน้องแองจี้ที่สามารถติดต่อได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเห็นน้องแองจี้หรือได้รับโทรศัพท์จากน้องแองจี้เลยสักคนเดียว

“แต่….น้องแองจี้….เอ๊ย…..ยุทธนาเค้าส่งข้อความมาหาผมเมื่อตอนเย็นคับคุณแม่” ผมบอกไปพลางเปิดข้อความให้เธอดู พอเธออ่านเสร็จเธอก็ร้องไห้โฮออกมาอีก

“ไปแจ้งความไว้ก่อนดีกว่าคับคุณแม่” พี่อิทแนะนำ “ส่วนพวกเราจะพยายามช่วยกันอย่างเต็มที่คับ”

“ใช่คับคุณแม่ พวกผมก็เป็นห่วงน้องเหมือนกัน” ผมบอกคุณแม่ไป “น้องเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก ใครๆก็รักน้องแองจี้กันทั้งนั้น” ผมอดเหน็บคุณแม่ไปไม่ได้ ก็เพราะคุณแม่เองนั่นแหละ ที่ทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้

ผมกลับมานอนเครียดอยู่ในห้อง พยายามโทรหาน้องแองจี้ก็โทรไม่ติด เลยได้แต่รอว่าเพื่อนของเธอจะมีข่าวอะไรเพิ่มเติมบ้าง…..เฮ้อ…..เป็นห่วงเธอจริงๆ

“มึงว่า ถ้าพ่อแม่ของเรารู้เรื่องที่เรากำลังคบกันแบบนี้ พวกเค้าจะเป็นยังไงวะ” ไอ้นัยเอ่ยถามผมขึ้น ทำเอาผมต้องขมวดคิ้วมองหน้ามัน

“เออ…..จริงด้วยว่ะ” ผมบอกมันไปพลางคิดไปถึงพ่อกับแม่ของผม……เค้าจะยอมรับได้มั้ย ถ้ารู้ว่าผมเป็นแบบนี้

“กูว่า คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกเป็นเกย์หรอกว่ะ” ไอ้นัยพูดต่อ

ฮืม……ผมว่า….ผมพอเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่น้องแองจี้ขึ้นมาบ้างแล้ว ผมก็อดสงสารเธอไม่ได้เหมือนกันครับ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็คงตั้งความหวังกับลูกเอาไว้…..และถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็คงต้องเสียใจเป็นธรรมดา…….เฮ้อ…….นี่แหละน้อชีวิต!!!!


Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.