จอมกระบี่เหินบุรุษ ตอน จักจั่นบนหอน้อย 2
หนานเฟยสิงผลักประตูบางเบาที่บุด้วยกระดาษสาสีชมพูเข้าไปสู่ด้านใน ห้องภายในดูเรียบง่ายกว่าที่คิดมากนักใจกลางห้องยังไว้ด้วยโต๊ะกลมขนาดใหญ่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวละเอียด พร้อมด้วยเก้าอี้กลมทำด้วยหินอย่างเดียวกันอีกสองตัว นอกจากนั้นยังมีเตียงนอนอยู่ติดผนังข้างหนึ่งซึ่งมีม่านเป็นแพรโปร่งบางสีขาวห้อยระย้าอยู่สองข้างของเตียง
สายตาของมันกวาดมองไปทั่วห้องต้องร้องว่าห้องนี้ถูกจัดแต่งไว้ได้อย่างลงตัวเรียบง่ายอย่างยิ่ง สายตาของมันเมื่อกวาดผ่านโดยรอบต้องสะดุดลงที่แผ่นหลังแผ่นหนึ่งที่นอกระเบียงของห้อง
ชายรูปร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งใส่ไว้ด้วยกางเกงแพรสีแดงสดพร้อมกับเหน็บขลุ่ยหยกสีขาวเลาเชื่องเลาหนึ่งไว้ที่เอว แต่เปลือยกายท่อนบนให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนละเอียดกว่าหินอ่อนที่ใช้สลักเสลาเป็นโต๊ะตัวที่วางอยู่กลางห้องเสียอีก
แผ่นหลังอันงามยิ่ง มันคิดในใจ ก่อนจะกระแอมเบาๆขึ้นคราหนึ่งจากนั้นใช้สายตาอันกรุ้มกริ่มของมัมเพ่งพิศไปยังช่วงคอที่ยาวระหงทว่าดูแข็งแกร่ง มันค่อยไล่สายตาจากสูงลงต่ำมายังช่วงเอวที่ขาวเนียนคอดรับกับช่วงไหล่จนดูรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม ยังทำให้มันรู้สึกวาบหวามขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้ง
จักจั่นแดงอันลือเลื่อง เพียงมองแผ่นหลังของเจ้าก็นับว่าคุ้มแล้วกับการมาถึงสถานที่แห่งนี้
ท่านมักน้อยยิ่งนัก ผู้คนล้วนชมชอบข้ามากกว่านั้น เสียงนุ่มนวลทุ้มกังวานของชายหนุ่มผู้หันหลังยืนอยู่ตรงระเบียงของห้องตอบกลับมันอย่างยอกย้อนโดยมิได้หันหน้ากลับมามองแม้แต่น้อย
หากเจ้ารู้จักข้าหนานเฟยสิงดีกว่านี้ เจ้าย่อมรู้ว่าข้าไม่ใช่คนมักน้อยดั่งเจ้าว่า หนานเฟยสิงยิ้มลี้ลับวูบหนึ่งก่อนกล่าวออกไปด้วยท่าทียอกย้อนดุจเดียวกัน
เจ้าของแผ่นหลังงามแกร่งยิ้มเล็กน้อย ค่อยๆเบือนหน้ามายังผู้มาเยือน ใบหน้าที่ค่อยๆหันมานั้นกลมรีได้รูป ผมเผ้าของมันสีดำขลับไม่ได้ยาวมากนักดวงตาคมคายของมันลับกับคิ้วที่เข้มเชิดขึ้นจมูกสวยได้รูปโด่งเป็นสัน ริมฝีปากของมันหนาหยักเป็นสีชมพูสดใส ดูไปคล้ายปาติมากรรมหินอ่อนทิ่จิตกรมือหนึ่งปั้นแต่งขึ้นมากกว่าจะเป็นผู้คนมีชีวิต
หล่อเหลายิ่ง...สมแล้วที่ผู้คนต้องการเจ้ามากกว่าเห็นแผ่นหลัง หนานเฟยสิงต้องตะลึงกับภาพเด็กหนุ่มที่เห็นตรงหน้า ร่างกายของมันร้อนผะผ่าวขึ้นด้วยอารมณ์กำหนัดจนต้องสะกดข่มไว้
ข้าน้อย หงฉาน คารวะท่านหนานเฟยสิง มือปราบจากกรมเมืองผู้โด่งดัง เชิญท่านนั่งลงก่อนหงฉานจะรินสุราขับกล่อมดนตรีให้ท่านได้ฟัง หงฉานยิ้มน้อยๆที่มุมปากคราหนึ่งก่อนจะเคลื่อนตัวของมันผ่านประตูระเบียงของห้องเข้ามาสู่โต๊ะหินอ่อนกลมภายใน
หนานเฟยสิงนั่งลงตามคำร้องเชิญของหงฉานแต่สายตายังไม่อาจจะละจากใบหน้าหล่อเหลาได้รูปนั้นได้จนเกือบลืมจุดประสงค์ในการมาสืบคดีในครั้งนี้
ใบหน้าท่านแดงยิ่งหนานเฮีย เป็นท่านเมาสุราที่หนิงเหมิงรินมาให้แต่ข้างล่างกระนั้นหรือ หงฉานสังเกตเห็นสายตาเจ้าชู้มากรักของหนานเฟยสิงยังแอบร้องคำ บุรุษอันร้ายกาจในใจคราหนึ่งก่อนกล่าวเป็นเชิงเรียกสติกลับมาให้แก่หนานเฟยสิง
หาได้ไม่ๆ ข้ามิได้เมามายสุรามากขนาดนั้น หากแต่เมามายรูปโฉมของเจ้าตรงหน้ามากกว่าแล้ว หนานเฟยสิงไม่เพียงไม่รู้สึกขวยเขินหลบตายังซ้ำจ้องสายตาอันเจ้าชู้มากรักนั้นกลับไปหาหงฉานเพื่อเป็นการไม่ให้เสียเชิง
ถ้าเช่นนั้นท่านควรเมาสุรามากกว่า ให้ข้ารินสุราในกานี้ให้ท่านเป็นการคารวะก่อนสักจอกหนึ่งในการที่เราได้พบกันในครั้งนี้
หงฉานกล่าวพลางหยิบจอกสุราหยกขาวล้ำค่าสองใบที่คว่ำอยู่กลางโต๊ะขยับตัวเข้าใกล้มันมากขึ้นกว่าเก่าจากนั้นจึงใช้มือขาวเนียนทว่าแข็งแกร่งหยิบกาสุราขึ้นเพื่อรินเหล้าให้แก่แขกผู้มาเยือน หงฉานขยับเบียดกายเข้าใกล้หนานเฟยสิงอย่างตั้งใจจนมันได้กลิ่นกายหอมฟุ้งของหงฉานแตะจมูกจนรู้สึกยากทานทน
หนานเฟยสิงครู่หนึ่งเหมือนมันไม่สามารถควบคุมตัวเองอยู่ได้ใช้แขนอันแข็งแกร่งของมันโอบรอบเอวของหงฉานในขณะที่อีกฝ่ายรินสุราลงในจอกทั้งสอง มันพยายามขยับใบหน้าผะผ่าวเหมือนอยากให้แนบชิดแผ่นอกแข็งแกร่งตรงหน้ามากขึ้น
หงฉานยิ้มเจื่อนคราหนึ่งสัมผัสได้ถึงความคุกคามจากบุรุษหนุ่มหล่อคมตรงหน้าค่อยกล่าวเตือนสติมันอีกครา หนิงเหมิงคงแจ้งกฎให้ท่านทราบอย่างปรุโปร่งแล้ว ขอหนานเฮียละเว้นหงฉานด้วย
หนานเฟยสิงสะดุ้งคราหนึ่งร่ำร้องในใจ กฎอันร้ายกาจก่อนจะดึงสติของตนกลับมาจากความเมามายได้ มันดึงมือที่กำลังโอบเอวหงฉานกลับอย่างเสียดาย ในระหว่างนั้นเองมือของมันอีกข้างก็ปัดจอกสุราของมันที่อยู่บนโต๊ะตกลงสู่เบื้องล่าง แต่ชั่วพริบตาเดียวเหมือนหงฉานจะใช้ปลายเท้าของตนช้อนรับจอกสุรานั้นไว้ได้อย่างไม่ตั้งใจ
ความบังเอิญที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาอันเฉียบคมของหนานเฟยสิง หงฉานเหมือนรู้ตัวดึงกำลังกลับจากปลายเท้าปล่อยให้จอกสุราตกลงสู่พื้นดุจที่ควรจะเป็น
เป็นหงฉานไม่ดีทำหนานเฮียตกใจ เดี๋ยวข้าน้อยจะเปลี่ยนจอกสุราให้ท่านใหม่ หงฉานร่วมรวมสติกลับสู่สภาวะปรกติก่อนจะก้มลงเก็บจอกสุราที่ใต้โต๊ะจากนั้นจึงประคองตัวนั่งลงข้างหนานเฟยสิง
หนานเฟยสิงยิ้มให้แก่หงฉานคราหนึ่งเหมือนไม่ใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นค่อยกล่าว นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเจ้าไม่ต้องใส่ใจนักหงตี่ตี๋ ได้ยินว่าเจ้าผิวขลุ่ยได้ไพเราะยิ่งนัก ข้าอยากจะได้ยินดูสักครา
หงฉานยิ้มพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับให้แก่มันจากนั้นจึงค่อยหยิบขลุ่ยหยกสีขาวที่เหน็บอยู่ข้างเอวของตนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
หนานเฮียอยากฟังเพลงใดเป็นพิเศษหรือไม่ ดนตรีเก่าใหม่หงฉานล้วนบรรเลงได้
ข้าอยากฟังเพลงที่เจ้าถนัดที่สุด จริงๆแล้วด้วยอาชีพของข้าไม่ค่อยมีหูฟังดนตรีมากนักหากแนะนำเจ้าคงเหมือนดูถูกฝีมือเจ้าแล้ว หนานเฟยสิงพูดพลางจ้องมองดวงตาสุกใสเป็นประกายของหงฉานไม่วางตาก่อนจะยกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอก
ถ้าเช่นนั้นยังคงเป็นเพลง จักจั่นคืนจันทร์ ที่หงฉานถนัดเป็นที่สุด หงฉานยิ้มพลางจ้องตาหนานเฟยสิงไม่วางกัน มันก็คงต้องยอมรับว่าก็รู้สึกถูกใจชายหนุ่มรูปงามผิวสีแทนผู้มาเยือนผู้นี้เป็นพิเศษมากกว่าผู้อื่นที่ผ่านมาในรอบหลายเดือนที่หอหมื่นอาชาพันลี้แห่งนี้ถูกเปิดขึ้นใจกลางตลาดแห่งเมืองลั่วหยาง
หงฉานนำขลุ่ยขึ้นแตะริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะบรรเลงเพลงที่ตนถนัดขับกล่อมให้แก่หนานเฟยสิงได้ฟัง เสียงดนตรีนั้นออกจะเศร้าสร้อยไปสักหน่อย บทเพลงกล่าวถึงจักจั่นตัวน้อยตัวหนึ่งที่เฝ้าฝันมองปองดวงจันทราบนฟากฟ้าแต่พยายามจะบินไปให้สูงเพียงไรก็มิอาจบินไปได้ถึง บทเพลงที่บรรเลงนั้นเคลิบเคลิ้มเมามายผสมกับฤทธิ์สุราชั้นดียิ่งทำให้หนานเฟยสิงรู้สึกวาบหวามขึ้นอย่างไม่อาจสะกดข่มได้อีกต่อไป
เพลงจากขลุ่ยบรรเลงไปได้สักพัก หงฉานค่อยหมุนตัวหันแผ่นหลังแข็งแกร่งให้แก่มันจากนั้นเหม่อมองออกไปนอกระเบียง หนานเฟยสิงไม่อาจสะกดข่มความใคร่ของมันได้อีกต่อไป มันรู้สึกจ่อมจมอยู่ในห้วงกำหนัดลึกล้ำ
ขอให้ข้าได้กอดเจ้าสักคราเถิด หงตี่ตี๋รับรองว่านี่ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด หนานเฟยสิงพูดเสียงเบาบางก่อนใช้แขนทั้งสองข้างโอบรัดรอบแผ่นหลังขาวเนียนนั้นในขณะที่หงฉานกำลังบรรเลงเพลง
หงฉานหลับตาพริ้มต้องร่ำร้องในใจว่าบุรุษผู้นี้พิเศษยิ่ง รุ่มร้อน และเร่งเร้ายิ่งตัวมันเองก็เกือบจะตกอยู่ในห้วงกำหนัดลึกล้ำเช่นเดียวกันกับมัน
หนานเฟยสิงกอดหงฉานพร้อมกันกับใช้ใบหน้าแนบชิดกับแผ่นหลังนั้นหลับตาลงหายใจรดแผ่นหลังนั้นหลายคราก่อนจะจุมพิตแผ่นหลังนวลเนียนนั้นด้วยริมฝีปาก ดื่มด่ำทั้งรสจากสุรา เสียงดนตรี และความอบอุ่นจากกายเด็กหนุ่มตรงหน้า
นี่จึงเป็นสวรรค์สำหรับหนานเฮียแล้ว หนานเฟยสิงเห็นหงฉานไม่ปฏิเสธการกระทำรุกล้ำของมันกลับยิ่งย่ามใจมันลุกไล่ริมฝีปากจากแผ่นหลังของหงฉานขึ้นไปยังลำคอขาวละเอียดก่อนจุมพิตที่ซอกคอมันคราหนึ่งจากนั้นลืมตาขึ้น...
ทันใดนั้นเองภาพที่มันเห็นกลับทำให้มันเรียกสติกลับคืนมาได้อย่างจังเมื่อสายตาของมันบังเอิญพอดีกับที่หันไปนอกระเบียงและเห็นหลังคาบ้านที่ดูคุ้นตายิ่งหลังหนึ่ง หลังคาบ้านของสกุลหม่าที่ถูกฆาตกรรมยกครัวไปเมื่อสองเดือนก่อน สาเหตุที่มันต้องมาที่นี่เพื่อสืบหาข้อมูลนั่นเอง
หนานเฮียควรละเว้นหงฉานแล้ว คราวเดียวกันหงฉานก็ดึงสติกลับมา มันต้องโอดครวญในใจถึงเสน่ห์อันยั่วยวนอย่างยิ่งของหนานเฟยสิงที่ทำให้มันเกือบจะต้องผิดกฏที่ถูกตั้งขึ้นเช่นกัน
นี่เย็นมากแล้วข้าเกือบจะลืมเวลา ข้ามีงานจักต้องทำที่กลมเมืองเล็กน้อยขอหงตี่ตี๋โปรดอภัยที่ข้าได้กร้ำกรายเจ้าในวันนี้
หงฉานยิ้มอย่างเอียงอายคราหนึ่งก่อนทำทีรินสุราอีกจอกให้แก่หนานเฟยสิง
หาได้ไม่ หนานเฮียท่านมิได้ทำผิดกฎอันใดหงฉานมิอาจตำหนิท่านได้
หนานเฟยสิงล้วงเงินสามก้อนในผ้าคาดเอวก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ จ้องสบตาสอดประสานกับหงฉานคราหนึ่งอย่างอาลัยที่จะต้องจากไปรวดเร็วเช่นนี้ จากนั้นจึงดื่มสุราบนโต๊ะคราหนึ่งสะกดข่มอารมณ์แล้วหันหลังเปิดประตูจากไป...