Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 277
Message ID: 131
#131, RE: คำสารภาพของเด็กขาย ของคุณดิน
Posted by ดิน on 15-Feb-12 at 09:53 AM
In response to message #0

บทส่งท้าย... คำสารภาพของเด็กขายฯ

จากวันนั้น... ผมหายหน้าไปจากร้านของพี่รัตน์ พี่ปิ๊ก ร่วมสองอาทิตย์... มีโทรศัพท์มาที่หอผมหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่รับสาย ส่วนของพี่ธีร์ ผมจะเป็นฝ่ายโทรไปหาเค้าเอง...

ผมเข้าไปหาไอ้ชลอีกสองสามหน... คุยกับมันตรงๆ

“กูดีใจกับมึงนะ... ดิน” ไอ้ชลบอกเศร้าๆ หลังจากที่ผมบอกว่าผมเลิกทำงานขายบริการแล้ว...

“แต่กูยังเป็นเพื่อนกับมึงนะ ชล...” ผมโอบใหล่มันไว้

“เวลาทำงานของมึงกะกู ไม่เหมือนกันหรอก... ดิน... ความแตกต่างจะทำให้มึงกะกูห่างกันไป...” ไอ้ชลมันพูดสิ่งที่เป็นความจริง “แต่ช่างเหอะ... มันก็ต้องมีวันนี้จนได้แหละ ไม่ช้าก็เร็ว” มันพูดปลงๆ

“ที่ร้านเป็นไงมั่ง...” ผมถาม

“ก็... วุ่นวายนิดหน่อย พี่ฟางมาตามมึง บอกว่า ป๋ามาแล้ว... ได้ข่าวว่าอารมณ์เสียไปพักนึง... พี่น้อยโทรไปที่หอมึงสองสามหน... พี่ปิ๊กอารมณ์เสียใส่พี่รัตน์... แต่ถูกพี่รัตน์ตวาดเอา... กูไม่เห็นหรอก แต่ไอ้เพชรมันเล่าให้ฟัง... มันว่า พี่ปิ๊กไปว่าพี่รัตน์ ว่าโอ๋มึงเกินเหตุ พี่รัตน์ ก็เลยอาละวาดบอกว่า ที่มึงออกก็เพราะพี่ปิ๊กนั่นแหละ คอยจิกตีอยู่ตลอด... ก็งอนกันไป...”

มันเล่ายาว... ผมหัวเราะหึๆ... “วันหลังกูจะเข้าไปขอโทษพี่รัตน์เอง...”

“อือ... ก็ควรหรอก... กูว่าพี่รัตน์เค้าหงอยๆ ไปเหมือนกัน เพราะทุกทีก็มีมึงนั่นแหละ คุยกับเค้า ถูกคอที่สุด...”

“ไอ้เพชรล่ะ เป็นไง...”

“มันก็เฉยๆ ตามแบบของมันแหละ... แต่กูว่า ไม่นานนี้แหละ มันคงออกตามมึงไปเหมือนกัน...”

ผมถอนหายใจน้อยๆ... เรื่องของผมที่ร้าน มันก็คงเรียบร้อยในเร็ววันนี้แหละ ผมไม่เชื่อหรอกว่า แค่ผมคนเดียวจะทำให้อะไรๆ มันเปลี่ยนแปลงไปได้มาก... มันเป็นมายังไงก่อนที่ผมจะก้าวเข้ามา... มันก็จะเป็นอย่างงั้นหลังจากที่ผมก้าวออกไป... มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ตามกระแสธรรมชาติของธุรกิจ และกลุ่มลูกค้า... ไม่ได้ขึ้นกับเด็กขายฯ คนไหนๆ ทั้งสิ้น...

.........................................................................................................

ผมหาเวลาไปไหว้ขอโทษพี่รัตน์ในช่วงบ่ายแก่ๆ ของอีกวันหนึ่ง หลังจากโทรไปเช็คจนแน่ใจว่า พี่ปิ๊กไม่อยู่ร้าน... ไม่ได้กลัว... แต่ไม่อยากเจอมากกว่า...

“มาสมัครงานครับ” ผมยกมือไว้พี่รัตน์ เหมือนวันแรกที่ผมมาสมัครงาน

เจ๊รัตน์หันมา... พอเห็นว่าเป็นใครก็ค้อนผมวงใหญ่... แต่สายตาเป็นประกายเห็นได้ชัด... “ไปเทสต์ก่อน... ไม่ใหญ่จริง ไม่ยาวจริง ไม่ฝังมุก... ไม่รับ...”

ผมหัวเราะก๊าก... ยกมือไหว้อีกที... “สบายดีเหรอครับ พี่”

พี่รัตน์พยักหน้า นั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง “ก็เรื่อยๆ น่ะดิน... แล้วเราล่ะ ได้งานแล้วเหรอ”

“ครับ... เริ่มเดือนหน้า” ผมบอกตามความจริง...

“พี่ดีใจด้วยนะ... ในที่สุด เราก็ทำอย่างที่หวังไว้ได้สำเร็จ” เสียงพี่รัตน์กล่าวชื่นชมจากใจจริง...

“ครับพี่...”

“อะไรที่มันไม่ดีๆ ก็ลืมๆ มันไปก็ได้นะ... ดิน... เก็บเนื้อเก็บตัว เงียบๆ สักพัก คนก็ลืมๆ ไปเอง... พี่เข้าใจ... ชีวิตที่ร้านพี่มันไม่น่าจดจำนักหรอก... ลืมๆ มันไปเถอะ...”

“ผมคงไม่ลืมหรอกครับ พี่... อย่างน้อย... ผมก็คิดว่า ผมได้อะไรๆ มามากเหมือนกัน สำหรับ ปีนึงที่ผมทำงานอยู่ที่นี่” ผมบอกตรงๆ “เป็นปีนึง ที่ผมจะไม่ลืมเลย อย่างน้อยผมก็คิดว่า ยังมีคนที่จริงใจกับผมอยู่บ้าง... อย่างพี่... พี่ป้อม..และอีกหลายคน”

พี่รัตน์พยักหน้า... “ตามใจ... พี่ขออวยพรให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต... ได้เจอในสิ่งที่เราหวังว่าจะเจอ... นะ ดิน... ว่างๆ ถ้าผ่านมาแถวนี้ก็แวะมาคุยกับพี่บ้างนะ...”

“ครับ...” ผมรับปากพี่รัตน์ ก่อนจะขอตัวออกมา...

.........................................................................................................

แต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันนะครับ ว่า... หลังจากทำงานกลางคืนมาแล้ว... การที่จะเปลี่ยนมาทำงานกลางวันมันก็ยากพอสมควร กว่าจะหลุดจากความรู้สึกเดิมๆ ที่ต้องแต่งตัวออกไปทำงานตอนเย็นได้...ทั้งความสนุกสนาน เร้าใจ... เพื่อนฝูง... บรรยากาศ... แรกๆ ผมถึงกับนอนไม่หลับไปพักนึง... เพราะไม่ชิน... ร่างกายต้องปรับสภาพ ปรับเวลาใหม่...

ผมเริ่มทำงานกับพี่ธีร์ในเดือนถัดมา... โดยทำหน้าที่เป็นเสมียนในร้านขายของ... ทำทุกอย่าง... จัดของ ทำบัญชี...ขายด้วย... ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ... ทำให้ผมต้องหันกลับไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม...

แต่คราวนี้... การเรียนภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของภาษาแท้ๆ... ทำให้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผมดีวันดีคืน...

มีคนบอกว่า “อายครู บ่ รู้วิชา... อายภรรยา บ่ มีบุตร... หากได้ครูมาเป็นภรรยา... ก็จะได้ทั้งวิชาและบุตร...”

ครับ... ก็ต้องสารภาพกันอีกเรื่องว่า ที่ความสามารถในด้านภาษาอังกฤษของผมดีขึ้น... ส่วนหนึ่งมาจากอาจารย์หญิงสาวเจ้าของภาษาที่อายุใกล้เคียงกัน... หลังจากเรียนกันไปได้สักสองสามครั้ง... เราก็นัดไปเที่ยวเกาะเสม็ดในวันหยุดด้วยกัน...

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย... สามวันสองคืน... ที่ผมเอาไอ้ดินน้อย ฝากรักอาจารย์จนครางระงมไปหลายยก... แทบจะไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเล...

กลับมากรุงเทพฯ แม้จนกระทั่งผมเรียนจบแล้ว... ก็ยังคงติดต่อกันอยู่ จนกระทั่งอาจารย์หมดสัญญา กลับเกาะอังกฤษไป...

.........................................................................................................

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ธีร์....

แรกๆ... ก็ยังวางตัวกันอยู่ในฐานะ ลูกจ้างกับนายจ้าง... นอกจากบางวันที่พี่ธีร์ชวน แล้ว ผมไม่ติดอะไร... ผมก็จะไปค้างที่บ้านพี่ธีร์บ้าง... ช่วงใหม่ๆ ก็ประมาณเดือนละ สองสาม ครั้ง...

จนกระทั่ง เวลาผ่านไปเกือบสองปี... ผมได้งานใหม่... แต่ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ธีร์ก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน จากช่วงแรกๆ ที่เข้ามาค้างบ้านพี่ธีร์เดือนละสองสามครั้ง ครั้งละวันสองวัน กลายเป็นอยู่ทีละสอง-สามวันบ้าง สี่-ห้าวันบ้าง... ในที่สุด... พี่ธีร์ก็ขอร้องให้ผมย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ธีร์เป็นการถาวร... ในฐานะ... “แฟน” ของพี่ธีร์

แต่ถึงจะเรียกว่า เป็นแฟน (ตามที่พี่ธีร์บอก) แต่ผมก็ไม่เคยรับเงินจากพี่ธีร์... ในความรู้สึกของผม... ผมคิดว่า ผมรักพี่ธีร์แบบ “พี่” มากกว่าที่จะเรียกว่า... “แฟน”

แล้วชีวิตเซ็กซ์ของผม... ก็ยังมีเหมือนเดิม เพียงแต่แตกต่างออกไปตรงที่ การมีเซ็กซ์ ของผมเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ปล่อยอารมณ์ให้เหนือการควบคุม... ผมป้องกันตัวเองทุกครั้ง... ไม่ว่าจะมีเซ็กซ์กับใครก็ตาม... หญิงหรือชาย... ยกเว้น... พี่ธีร์

ในชีวิตด้านอื่น... บางครั้ง ที่ผมออกงานสังคมกับพี่ธีร์... หลายต่อหลายครั้งที่ผมได้เจอกับลูกค้าเก่าๆ... โดยเฉพาะในกลุ่มของลูกค้าเกรด A ที่ผมเคยมีอะไรด้วย... บางคนก็จำได้ ยิ้มแย้มทักทายเป็นอันดี... แต่บางคนก็หลบหน้าตา... ซุบซิบอยู่ในกลุ่มของตัวเอง... แต่ผมก็ต้องทำเฉยๆไป

ชีวิตคู่... (ที่พี่ธีร์เรียก) ระหว่างผมกับพี่ธีร์ในแง่ของเราสองคน... ยอมรับครับ ว่าอึดอัดพอสมควร... แม้ว่าพี่ธีร์จะไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องราวแต่หนหลังของผมมาพูด... แต่พี่ธีร์เป็นคนที่อารมณ์หึงหวงรุนแรง... และค่อนข้างจะชอบใช้วาจาเข้ามาเชือดเฉือนให้เจ็บปวดอยู่เป็นประจำ...

ในความคิดของผมเริ่มไขว่คว้าหาอิสระภาพอีกครั้ง และ ครั้งนี้ผมจะไม่ทำผิดอีก แต่ละก้าวเดินในชีวิต ผมต้องทำอย่างมั่นคงที่สุด... เพราะ ตอนนี้ผมให้ป๊ากับม๊าเลิกทำงานแล้ว... ภาระที่บ้าน ผมรับมาใส่บ่าของผมเอง...

ระหว่างนั้น... ผมเปลี่ยนงานอีกสองงาน... แต่ละที่ก็ประมาณ ปีครึ่ง ถึงสองปี... จนกระทั่ง ผมมีโอกาสได้พบกับ ลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่ไปตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกา... และอาคนนั้นชักชวนให้ผมไปทำงานที่อเมริกา พร้อมกับเรียนต่อปริญญาโท...

ครับ... เมื่อโอกาสมาถึง... ผมจึงไม่รอช้าที่จะยึดมันไว้...

ในปีที่ผมอายุย่าง 28 ผมก็ได้บินไปอเมริกา เพื่อทำงานและเรียนต่อ.... หลังจากใช้เวลาอยู่กับพี่ธีร์นานถึง เกือบเจ็ดปี...

สามปีเต็มในอเมริกา... สร้างผมให้แกร่ง ทั้งความรู้ ความคิด การใช้ชีวิต และการมองโลก... จากการเรียนภาษาเพิ่มเติมอยู่ปีกว่าๆ... แต่ผมกลับใช้เวลาเรียนปริญญาโทแค่ หนึ่งปีกับอีก ห้าเดือนเท่านั้น... ที่เหลือเป็นการทำงานไป... เที่ยวไป อีกเกือบ 6 เดือน... จนวันที่ผมคิดว่าผมพร้อมแล้ว... ผมจึงกลับมาเมืองไทย หลังจากไปถึง 3 ปีเต็ม...

ช่วงเวลาที่อยู่ที่อเมริกา... ไอ้เพชรเป็นคนเดียวที่ ยังติดต่อกับผม หลังจากที่ผมฝากที่อยู่ที่บ้านกับไอ้ชลเอาไว้... ไอ้ชลเองเสียอีก ที่กลับหายไปจากการติดต่อ...

หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทย... สิบกว่าปีที่ทำงานอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนงานไม่น้อยกว่า 3 ที่ ในที่สุด ผมก็มีวันนี้... วันที่ผมมานั่งอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง ของบริษัทข้ามชาติ

ชีวิตยังไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป... ทุกวันนี้... เวลาผมไปเดินเล่นแถวพัฒน์พงษ์ หรือ ย่านที่ร้านพี่รัตน์กับพี่ปิ๊กตั้งอยู่... หรือแม้กระทั่ง แหล่งเก่าแก่อย่างแถวสนามหลวง ผมมองเด็กรุ่นหลังๆ อย่างห่วงใย... จะมีสักกี่คนที่จะดิ้นหลุดจากสิ่งที่ทำอยู่หรือสิ่งที่เป็นอยู่... จะมีสักกี่คน ที่เข้าใจและไขว่คว้าหาความสำเร็จในชีวิต... ผมภาวนาให้พวกเขาประสบกับความสำเร็จในสิ่งที่หวังและตั้งใจ...

ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ครับ....

.........................................................................................................

ขอบคุณครับ เพื่อนๆ คนอ่านคนดีของผม... แล้วก็มาถึงวันนี้ วันที่ผมเขียนเรื่องนี้มาจนจบ... ตั้งแต่วันแรก วันที่ 12 กรกฎาคม 2008 ถึงวันนี้... วันที่ 26 ธันวาคม 2008 เป็นเวลา 5 เดือน กว่า ที่ผมเขียนเรื่องนี้ เขียนไปโพสไป พร้อมกับงานประจำ ไปด้วย... ทั้งเรื่องเรียน และเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ ทำให้ผมมีความรู้สึกผูกพันธ์กับคนอ่าน... อย่างบอกไม่ถูกเลยครับ... ติดใจ อยากจะกลับมาเขียนอีก แต่ ขอผมพักสักนิด... แล้วผมจะกลับมาเขียนอีกครับ ผมสัญญา...


จบบริบูรณ์