Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 287
Message ID: 16
#16, RE: เก็บหัวใจใส่กุญแจ
Posted by โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ on 10-Jul-11 at 10:31 PM
In response to message #15
Action 15 : HEART BREAKER

“มีอะไรเหรอครับคุณหมอ” คุณวิชัยถาม

“คือมีคนรู้จักของผมเค้าอยู่ข้างในร้านน่ะ ผมไม่อยากเจอเค้าเท่าไหร่”

“คนไหนเหรอครับ อ้าว นั่นรุ่นพี่ที่มาส่งคุณหมอเมื่อเช้านี่นา ทำไมล่ะ” ผมลากตัวคุณวิชัยมาที่รถ

“นั่นแหละ เอาเป็นว่าผมไม่อยากเจอเค้า”

“อ๋อ สงสัยคุณหมอคงยังโกรธที่เค้าเบี้ยวไม่มารับแน่ๆเลย”

“ใช่ครับ แหะๆ”

“งั้นไปทานซิสเล่อร์ที่เซ็นทรัลแอร์พอร์ตมั้ยล่ะครับ ใกล้ๆดี”

“ดีครับ”

ผมซึ่งกำลังจะบอกความจริงอยู่แล้วว่ารุ่นพี่คนนั้นน่ะแฟนผมเอง กลัวเค้าเข้าใจผิดถ้าผมเข้าไปในร้านกับคุณวิชัย แต่แล้วคุณวิชัยกลับคิดไปอีกแง่นึง
ผมเลยรอดตัวไป สุดท้ายก็มาทานซิสเล่อร์ ได้นั่งที่ริมกระจกด้วยจะได้มองคนน่ารักๆที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ถนัดหน่อย
คุณวิชัยก็พูดถึงกิจการสปาของแกว่าเป็นยังไงบ้าง ผมก็เออออไปตามมารยาทไม่สนใจเท่าไหร่หรอกเพราะตอนนี้หิวมาก
หลังจากทานเสร็จคุณวิชัยก็ขับรถมาส่งที่หน้าปากซอย ผมบอกคุณวิชัยว่าผมอยากแวะไปร้านหนังสือหน่อย จริงๆแล้วผมไม่ได้อยากไปหรอก
แค่ไม่อยากให้คุณวิชัยตามไปส่งถึงหอกลัวว่าคุณวิชัยจะตามมารังควาญถึงห้อง

ผมยืนส่งคุณวิชัยจนแกขับรถไปไกลจากสายตาผมได้ไกลพอสมควรแล้ว ผมเลยเดินจากปากซอยเข้าไปที่หอ แต่แล้วผมก็เจอตาเบสยืนอยู่หน้าหอผม
หน้าตาน่ากลัวชะมัด แล้วตาเบสก็เดินมาบีบข้อมือผมอย่างแรงพร้อมกระชากตัว ผมเจ็บมากเลยโมโห สะบัดมือจนหลุด

“ขึ้นห้องไปคุยกันหน่อยสิครับมิค” ตาเบสพูดเสียงแข็ง

“อะไรล่ะ เป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย เจ็บนะ” ผมว่าผมหนีออกมาจากซูซูรันก่อนตาเบสจะเห็นผมนะ

“ไปคุยกันบนห้อง เดี๋ยวนี้”

“เออ”

ระหว่างทางจนถึงห้อง ผมครุ่นคิดอยู่ว่าตาเบสมันจะเห็นผมกับคุณวิชัยตอนไหน ตาเบสก็มองผมตาขวางตลอดเวลา ผมก็มองตาขวางกลับไปเหมือนกัน
จ้องแบบจะฆ่ากันตาย พอไขกุญแจเข้ามาในห้องได้ ตาเบสก็ล็อกประตูแต่ไม่ยอมถอดรองเท้า ไม่เดินเข้ามาในห้อง

“มิคไปไหนมาครับ ทำไมเพิ่งกลับ”

“ไปทานข้าวกับคนไข้ที่เคยรักษาให้เค้าน่ะ”

“แน่ใจเหรอ ไม่ใช่เพราะผมไม่ไปรับคุณ คุณก็เลยไปกับคนอื่นหรอกเหรอ”

“คนไข้จริงๆ ไม่เชื่อก็ตามใจ คนที่เคยส่งช่อดอกไม้มาให้นั่นแหละ”

“แต่เห็นทานข้าวกัน คุยกันเหมือนสนิทกันมานานแล้วขนาดนั้น”

“อ้าว แล้วไปเห็นที่ไหนเนี่ย”

“ผมเห็นคุณนั่งทานข้าวกับเค้าที่ซิสเล่อร์ ผมไปเดินเล่นหลังจากทานข้าวกับเพื่อนเสร็จ” นั่นไงตอนนี้นี่เอง

“ก็แล้วทำไมไม่เดินมาทักล่ะ จะได้ไม่เข้าใจผิด”

“มิคครับ มิคมีคนอื่นนอกจากพี่ก็บอกมาเถอะ พี่ดูท่าทางของมิคกับเค้าแล้ว มันไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกันอะ”

“ตามใจละกัน ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพราะที่ผมพูดไปคือความจริงทั้งหมด”

“มิครู้มั้ยว่าผมรักมิคขนาดไหน มิคทำอย่างนี้กับผมทำไม” โอ๊ย มันจะงี่เง่าไปถึงไหนเนี่ย

“ไม่เชื่อก็ตามใจ เบื่อ รำคาญ ขี้เกียจเถียงด้วยแล้ว กลับไปซะเถอะไป ผมเหนื่อย อยากพักผ่อน”

“ก็ได้ครับ แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก ลาก่อนครับ”

ผมรำคาญตาเบสที่มันไม่ยอมฟังอะไรเลยจึงไล่กลับหอไป ตาเบสออกจากห้องลงลิฟต์ไป ผมปิดประตูแล้วเข้ามานั่งที่ฟูกหน้าทีวี คิดอยู่ว่าผมทำอะไรผิด
ไม่ได้โกหก ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้าง เลิกๆไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อีกหน่อยก็คงมีเรื่องแบบนี้ให้ปวดหัวอีกแน่นอน

ผมเดินไปเปิดคอมนั่งเล่นไฮ5ก็มีข้อความมาจากรุ่นพี่คณะที่ผมขอแอดเค้าไปก่อนหน้านี้ เค้ารับแอดผมแล้วส่งข้อความมาว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องชื่ออะไรครับ เห็นคอมเม้นต์ในไฮ5ของคณะบ่อยๆ”

ผมจึงส่งข้อความที่บอกชื่อ บอกชั้นปี บอกรหัสกลับไป ผมตอบกลับไปไม่ถึงนาที พี่แกก็ส่งข้อความแนะนำตัวเองกลับมา
แล้วเราก็แลกข้อมูลซึ่งกันและกันผ่านทางข้อความไปเรื่อยๆจนดึกดื่น รวมๆแล้วก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับพี่เค้าได้ดังนี้

พี่แกชื่อ ต่อ มาจากคำว่า ต่อไป เพราะเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายชื่อ ต้น กับน้องสาวอีกคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ อายุ 27 ปี แก่กว่าผม 5 ปี
กำลังเรียนเฉพาะทางอายุรกรรมทางเดินอาหารในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย มิน่าล่ะถึงว่าหน้าคุ้นๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ใส่แว่น ไม่ตี๋มาก ไม่ขาวมาก
ความสูงและหุ่นก็พอๆกับตาเบส ผมกับพี่ต่อแลกอีเมลกับเบอร์โทรศัพท์ไว้คุยกันด้วย แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่แกเลยแม้แต่นิดเดียว

30 มกราคม 2549 วันนี้ทั้งวันผมคิดถึงแต่ตาเบส ผมอยากจะโทรไปง้อ แต่ก็ทำใจไม่ลง เพราะเค้าเป็นฝ่ายงี่เง่าขอเลิกเราไปเอง
สุดท้ายผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหวโทรไปหาตาเบสตอน 2 ทุ่มชวนไปทานข้าว แต่ตาเบสก็ตัดสายผมทิ้งไป 7 ครั้ง พอครั้งที่8 ก็ไม่ตัดสายแต่ไม่รับสาย
ผมไม่ละความพยายามโทรไปอีก 47 ครั้งจนในที่สุดตาเบสก็ปิดมือถือหนี ผมไม่รู้ว่าจะไปหาตาเบสที่ไหน เพราะผมไม่เคยไปหอตาเบสเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สุดท้ายวันนี้ผมก็ต้องทานข้าวเย็นคนเดียว แถมพี่ต่อก็หายไปเลย ข้อความก็ไม่มี เอ็มก็ไม่ออน แต่ฟ้ายังเป็นใจให้ไอ้โก๋โทรมาหาผมตอน 3 ทุ่มครึ่ง
ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้โก๋ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไอ้โก๋ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกันเพราะไม่ได้รู้จักกับตาเบสมากนัก
คุยกันอยู่ครึ่งชั่วโมงผมก็ขอตัวไปอาบน้ำอ่านหนังสือ จนเที่ยงคืนก็เข้านอน

ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ใครมาเคาะประตูวะ ดึกๆดื่นๆ กรูจะนอน ผมหยิบมือถือมาดูเวลา โอ้ว ตี 2 แล้ว แล้วผมก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงเพราะคิดว่าตาเบสคงมาแหงๆ
ผมเดินไปที่ประตูด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องสะดุดกึกกับเสียงเคาะประตูซึ่งการเคาะประตูแบบนี้ไม่ใช่ตาเบส
เสียงเคาะประตูจังหวะแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้โก๋ ผมรีบเปิดประตูให้ไอ้โก๋เข้ามาในห้อง แล้วก็กอดมันแน่นเพราะเซอร์ไพรซ์มากที่มันขับรถมาหาจากเชียงราย

“ไอ้โก๋ มึงจะมาทำไมดึกดื่นๆเนี่ย ไอ้บ้า”

“กูฟังเสียงมึงจากโทรศัพท์กูก็รู้แล้วว่ามึงเหงา”

“ใช่กูเหงา แต่มึงนึกบ้างสิว่า มึงมาดึกขนาดนี้กูก็คงหลับไปไม่ได้คิดอะไรแล้ว”

ไอ้โก๋ดันผมออกมาจากที่กอดกันอยู่ มือของมันมาวางไว้บนไหล่ผม พร้อมจ้องตาผมด้วยรอยยิ้มบนหน้ากระรอกป่วยของมัน ซักพักมันหัวเราะคิกๆ
ผมก็ไม่รู้ว่ามันหัวเราะอะไร แต่ผมคิดว่ามันคงเยาะเย้ยผมอยู่นั่นแหละ ผมจับมือมันออกจากไหล่ด้วยอารมณ์โมโหมันนิดๆผสมปวดฉี่ด้วย
ผมเลยหันหลังเดินไปเปิดสวิตช์ไฟห้องน้ำ ไอ้โก๋ก็รีบถอดรองเท้าแล้ววิ่งมากอดผมจากข้างหลัง

“อย่าโกรธดิ กูแค่เห็นหน้าตาซึมๆเหมือนคนอกหักของมึงแล้วกูอดหัวเราะไม่ได้”

“เออ ปล่อยกูก่อน กูจะเข้าไปฉี่” ผมหันหน้าไปพูดกับมัน

“คิดถึงมึงว่ะ” พอพูดจบ ไอ้โก๋ก็จับหน้าผมพร้อมกับหอมแก้มผมหนึ่งฟอดเบาๆ

Tony Tony Chopper