Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 0
#0, ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:11 PM
ตามสัญญาครับ ตอนที่ผมเอามาโพสต์ใหม่นี้มีการแก้คำผิด ปรับการเขียนให้สละสลวยขึ้น รวมทั้งปรับบทใหม่ด้วยครับ ตั้งแต่ตอนที่ 20 เป็นต้นไป ซึ่งก็หมายความว่าผมอาจจะต้องเขียนใหม่เกือบทั้งหมดหลังจากนั้นอีกครับ 555 ต้องลำบากอีกแล้วเรา แต่ก็เต็มใจครับ อยากทำให้เรื่องแรกที่เขียนนี้เป็นเรื่องที่ดีและพอใจที่สุดครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TRAILER - ต้นสน - มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่?


ต้นกับสนคือเพื่อนรักกัน เขาทั้งสองบังเอิญมาพบกันเมื่อตอนเรียนชั้นประถมเพราะสนย้ายจากจังหวัดหนึ่งมาอยู่หมู่บ้านเดียวกับต้น ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดี ทำให้สนประสบปัญหาชีวิตหลายอย่าง ต้นคือคนที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ แม้กระทั่งยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยสนซึ่งครั้งหนึ่งถูกกะเทยล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายจนเป็นเหตุให้สนเกลียดกะเทยหรือเกย์มานับแต่นั้นมา และด้วยความรักที่จริงใจของเพื่อนก็ทำให้เกิดเป็นมิตรภาพและความผูกพันที่ยากจะตัดให้ขาดได้ ต้นกับสนจึงกลายเป็นเพื่อนที่รักกัน ไปไหนไปด้วยกัน เรียนชั้นมัธยมด้วยกันตลอดทั้ง 6 ปี

จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้นพยายามอย่างยิ่งที่จะให้สนได้เรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกับเขา จนกระทั่งได้มาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ ต้นกับสนเช่าบ้านพักอยู่ด้วยกันพร้อมกับเพื่อนใหม่อีกสองคนคือ นิกกับปั้นจั่น เพื่อนใหม่ร่วมชายคาสองคนนี้เองที่ได้สังเกตเห็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของต้นกับสน ภายหลังนิกกับปั้นจั่นจึงได้รู้ว่าต้นไม่ได้รักสนอย่างเพื่อนเท่านั้น ความรักของต้นที่มีให้เพื่อนรักนั้นเกิดขึ้นโดยที่ต้นเองไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้ตัวก็รู้ว่าไม่มีทางจะเลิกรักเพื่อนคนนี้ได้อย่างแน่นอน เขาเสียสละและทำเพื่อเพื่อนเสมอทั้งต่อหน้าหรือแม้จะต้องปิดทองหลังพระ ใช่แต่ต้นเท่านั้นที่รักเพื่อนมาก สนเองก็รักเพื่อนของเขาไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาสำนึกเสมอว่าต้นคือคนที่ช่วยให้เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นมากเพียงใด ต้นคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่เขาจะหาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว แต่เขาก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีความรักและความต้องการเหมือนผู้ชายทั่วไป

สนเองมีความฝันที่จะมีภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดีของลูก แต่เขาก็รู้สึกเสมอว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน รักใครหรือทำอะไร ต้นคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาบังเอิญได้รู้ว่าต้นเป็นเกย์และไม่ได้รักเขาแค่เพื่อนเพียงอย่างเดียว บวกกับเหตุการณ์ที่เคยสนถูกกะเทยล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายตอนเด็ก จึงทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ความรักและความผูกพันกับเพื่อนที่มีมาตลอดสิบกว่าปีนั้นจะช่วยให้เขาเข้าใจต้นได้หรือไม่ แล้วสุดท้ายต้นและสนจะลงเอยอย่างไร จะตัดขาดจากกันไปเลย จะเป็นเพียงเพื่อนที่ยังคงรักกันมากเช่นเดิม หรือแปรเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นอย่างอื่น โปรดติดตาม
------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1: เพื่อนใหม่ของต้น

วันนี้เป็นวันแรกที่โรงเรียนเริ่มเปิดเทอม พอกินข้าวเช้าเสร็จ ต้นก็วิ่งไปสวัสดีพ่อกับแม่แล้วก็รีบฉวยจักรยานคู่ใจปั่นออกไป เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้ขึ้นชั้นเรียนใหม่แม้ว่าเพื่อนๆ ในห้องก็คงจะมีแต่หน้าเดิมๆ เช่นเคย เมื่อปั่นจักรยานมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ต้นก็รู้สึกแปลกใจเพราะเห็นมีคนกำลังขนย้ายข้าวของเข้าไปในบ้านเหมือนเพิ่งจะย้ายมาอยู่ใหม่ แต่บ้านหลังนี้ต้นปั่นจักรยานผ่านทุกวันจึงรู้ดีว่ามันถูกปิดตายมานานแล้วเพราะเจ้าของไปอยู่เมืองนอก หรือว่าเจ้าของเขาจะกลับมาแล้ว ต้นสงสัยในใจแต่ก็ปั่นจักรยานผ่านเลยไป อีกไม่นานทุกคนก็จะรู้เองเพราะในชุมชนแห่งนี้ข่าวสารรู้ทั่วถึงกันหมดภายในไม่กี่วัน

โรงเรียนที่ต้นเรียนนั้นก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก อยู่ในระยะกิโลเมตรเศษๆ ตลอดระยะทางจนถึงโรงเรียนจะมีคลองส่งน้ำที่ผันน้ำมาจากแม่น้ำนครไชยศรีเพื่อใช้ทำเกษตรกรรม ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนั้นต้นกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านมักจะมากระโดดเล่นน้ำคลายร้อนกันในคลองส่งน้ำนี้เป็นประจำ เขารู้สึกผูกพันกับคลองส่งน้ำนี้มากเพราะเป็นสถานที่ที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาสนุกมากทีเดียว

เปิดเรียนวันแรกก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนักเพราะต้องเริ่มตารางการเรียนใหม่ ครูที่สอนก็ใหม่ จึงต้องมีการแนะนำแผนการเรียนการสอนกันก่อน หลังจากนั้นอีกสองสามวัน ครูประจำชั้นก็ได้พาเพื่อนใหม่คนหนึ่งมาให้ทุกคนรู้จัก เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่และจะมาเรียนห้องเดียวกับต้น เขาแนะนำตัวว่าชื่อ "สน" ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดน่าน สนมีผิวขาวแบบคนเหนือ แต่ดูจากชุดนักเรียนที่ใส่แล้วเหมือนจะมอมแมมเล็กน้อย จึงพอจะเดาได้ว่าทางบ้านอาจจะมีฐานะไม่ดีนัก สนได้ที่นั่งคนละกลุ่มกับต้น เขาดูเงียบๆ ไม่ค่อยพุดค่อยจากับเพื่อนนัก แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งมาใหม่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ก็ดูจะให้ความสนใจเขาพอสมควรเพราะเข้าไปถามนั่นถามนี่กันใหญ่

ถึงเวลาพักเที่ยง เด็กๆ ก็ปรี่ลงไปที่โรงอาหารกัน บางคนที่ห่อข้าวมากินเองก็จะเอาห่อข้าวลงไปด้วย วันนี้ต้นก็ห่อข้าวมากินเหมือนกัน เขาวิ่งตามเพื่อนๆ ไปแล้วสักพักก็หยุดเมื่อนึกได้ว่าลืมเอาช้อนที่เก็บไว้ใต้โต๊ะเรียนลงมาด้วย ต้นจึงต้องวิ่งกลับขึ้นมาเอา แต่แล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าสนนั่งอยู่ในห้องอยู่คนเดียว ไม่ลงไปกินข้าวกับเพื่อน ด้วยความสงสัยต้นจึงเข้าไปถาม

"นายไม่ไปกินข้าวเหรอ" ต้นเรียกเขาว่า "นาย" เนื่องจากยังไม่สนิทกันนั่นเอง แต่ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ ก็จะเรียกมึง-กู

สนหันมามองหน้าเพื่อนใหม่ เขายิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า "ไม่หรอก เราไม่ค่อยหิว" สนตอบ ต้นรู้สึกว่าน้ำเสียงเขาดูน่าสงสารชอบกล

"แล้วนายไม่ได้ห่อข้าวมาด้วยเหรอ" ต้นถามอีกด้วยความสงสัย พลางชำเลืองดูว่าเขามีกล่องข้าววางไว้ตรงไหนหรือเปล่า

"เราไม่ได้เอามา แต่ไม่เป็นไรหรอก เราไม่หิว นายไปกินข้าวเถอะ" สนตอบอึกๆ อักๆ เหมือนกลัวว่าต้นจะรู้ความจริงว่าเขาไม่มีเงินซื้อข้าวกิน

"เราว่าไปกินข้าวดีกว่านะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะหิว เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ห่อข้าวมาก็ซื้อที่โรงอาหารได้ ไม่แพงหรอก" ต้นบอกด้วยความเป็นห่วง แต่สนก็ยังดูอึกอักและสายตามีพิรุธ

"นายไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินเหรอ" ต้นถามไปตามประสาเด็ก แต่ก็ทำให้สนหน้าเจื่อนลงทันที

"ไม่เป็นไร เราไม่หิวหรอก เราไม่ค่อยชอบกินข้าวกลางวัน" สนแก้ตัว แม้ว่าความจริงจะรู้สึกหิวข้าวมากพอสมควรก็ตาม

"เดี๋ยวเราแบ่งข้าวให้นายกินด้วย เอาไหม วันนี้แม่เราตักข้าวให้เยอะเลย เรากินไม่ค่อยหมดหรอก" ต้นเสนอ เขารู้สึกถูกชะตากับเพื่อนใหม่คนนี้อย่างบอกไม่ถูก สนมองหน้าเขาด้วยความไม่แน่ใจ จะปฏิเสธก็หิว จะตอบรับก็รู้สึกอายที่ตัวเองไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน

"นะ เดี๋ยวเราแบ่งข้าวให้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก" ต้นคะยั้นคะยอพลางส่งยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตรและความจริงใจ โดยนิสัยแล้วต้นเป็นคนที่มีน้ำใจกับเพื่อนๆ มากเพราะพ่อกับแม่สอนต้นเสมอว่าให้รู้จักช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า เขาถูกปลูกฝังแบบนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก สุดท้ายสนก็ยิ้มตอบรับไมตรีจิตจากเพื่อนใหม่

"นายมีช้อนมาด้วยหรือเปล่า" ต้นถาม สนส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหาเอาที่โรงอาหารก็ได้ ไปกันเถอะ" ต้นบอกพลางขยับเท้านำ สนลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามต้นไป

พอมาถึงโรงอาหาร ต้นเลือกที่จะแยกมานั่งต่างหากจากเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ เพราะคิดว่าสนอาจจะอายถ้าเขาแบ่งข้าวให้แล้วมีคนอื่นมอง เขาบอกให้สนนั่งรอก่อนแล้วก็เดินไปขอจานกับช้อนมาจากแม่ครัวที่เขาค่อนข้างรู้จักและสนิทสนมดีมาให้สน จากนั้นก็แบ่งข้าวจากกล่องใส่ข้าวของตัวเองให้เพื่อน วันนี้แม่ทำหมูทอดกับกุนเชียงให้ซึ่งเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ และต้นก็ชอบกิน

"วันหลังนายมากินข้าวกับเราได้นะ เดี๋ยวเราจะให้แม่เราทำมาเผื่อนายทุกวันเลย" ต้นบอกขณะที่แบ่งข้าวให้เพื่อน เขารู้สึกว่าสนดูเป็นมิตรและเขาก็ถูกชะตาด้วย สนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนใหม่อย่างบอกไม่ถูก จริงๆ สนเป็นคนขี้เกรงใจ เขาสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้เขาเรียนหนังสือและกินอยู่ ที่บ้านเขาไม่ได้ฐานะดีนัก สนจึงไม่ค่อยกล้าขอเงินพ่อกับแม่ เขามักจะอดข้าวตอนกลางวันเสมอ ยกเว้นว่าพ่อกับแม่จะนึกได้ก็จะให้เงินสนไว้ใช้บ้างแต่ก็ไม่มากนัก แต่วันนี้เขาไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว

"ขอบใจมาก" สนบอกพลางยิ้มด้วยความตื้นตันใน เขาสัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ลืมบุญคุณเพื่อนใหม่ของเขาครั้งนี้เลย ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องตอบแทน

"ไม่เป็นไร หิวแย่ละ กินดีกว่า วันนี้แม่เราทำหมูทอดกับกุนเชียง นายคงกินได้นะ แม่เราทำอร่อย" ต้นบอกเพื่อนอย่างภูมิใจ สนยิ้มตอบ เขารู้สึกผ่อนคลายและคุยได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเช้าที่เขาเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เลิกเรียนแล้ว พอจะกลับบ้านต้นก็นึกถึงเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักกันวันนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ สนกำลังจะเดินออกไปจากห้องพอดี ต้นจึงรีบวิ่งไปถามว่า "นายกลับยังไงล่ะ"

สนหันมายิ้มให้แล้วตอบสั้นๆ ว่า "เดิน"

"เดินเหรอ” ต้นทำสีหน้าตกใจ “บ้านนายอยู่ตรงไหน ไกลหรือเปล่า เดี๋ยวเราไปส่ง"

"อยู่ใกล้ๆ สระบัว เป็นบ้านญาติเราเอง แต่เขาไปอยู่เมืองนอกนานแล้ว"

"อ๋อ...เรารู้ละ บ้านที่ไม่มีคนอยู่ ที่ปิดไว้หลายๆ ปีใช่ไหม"

สนพยักหน้า

"นายเดินไหวเหรอ เป็นกิโลเลยนะ" ต้นถามด้วยความเป็นห่วง สนพยักหน้ายืนยัน

"เราชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนที่เราอยู่น่าน เราเดินไกลกว่านี้อีก"

"ไปกับเราไหม เดี๋ยวเราไปส่ง เราขี่จักรยานผ่านบ้านหลังนั้นทุกวันเลย" ต้นเสนอ

สนมีท่าทางลังเลเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมเพื่อนใหม่คนนี้จึงมีน้ำใจแม้กระทั่งกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่เขาก็ตกลงในที่สุด เขาเดินตามต้นลงไปที่บริเวณด้านหลังโรงเรียนซึ่งทำแนวจอดรถจักรยานของนักเรียนไว้ ดูเพื่อนๆ ในห้องของเขาแปลกใจทีเดียวที่เห็นต้นสนิทกับเพื่อนใหม่ได้เร็วขนาดนั้น

ระหว่างทางกลับบ้าน ต้นก็ชวนสนคุยไปตลอดทางเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น "ญาตินายเขาไปอยู่ที่ไหนเหรอ เราเห็นบ้านหลังนั้นปิดตายมานานมาก ตั้งแต่เรายังเด็กๆ แน่ะ"

"อ๋อ... เขาเป็นน้าเราเองแหละ พอดีเขาแต่งงานใหม่กับฝรั่ง ก็เลยพากันย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่เขาก็ไม่ได้ขายบ้านเพราะเขาบอกว่าอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่อีก"

"เหรอ แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ แล้วถ้าน้านายกลับมา นายจะไปอยู่ไหนล่ะ"

"ก็...เรื่องมันยาว... พอดีบ้านของเราที่น่านถูกธนาคารยึด น้าก็เลยให้พ่อกับแม่เรามาอยู่ที่นี่แทน ถ้าน้ากลับมา เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปอยู่ที่ไหน" สนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนต้นสามารถสัมผัสได้

"เหรอ... แล้วทำไมน้าของนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ละ"

"พอดีน้าเขยเราคนก่อนเป็นคนนครปฐม พอแต่งงานแล้วน้าเราก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีน้าเขยเราก็ถูกรถชนตาย น้าก็เป็นหม้าย ตอนหลังก็แต่งงานกับฝรั่งแล้วก็ย้ายไปอยู่เมืองนอก"

ต้นพยักหน้าเข้าใจ เขาเคยได้ยินคนในหมู่บ้านพูดอยู่เหมือนกันว่าเจ้าของบ้านคนก่อนถูกรถชนตาย ต่อมาเมียก็แต่งงานใหม่กับฝรั่งแล้วก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ญาติๆ เจ้าของบ้านฝ่ายชายก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่กัน ก็เลยไม่มีใครมาอยู่ บ้านหลังนั้นจึงถูกปิดไว้นับตั้งแต่นั้น ต้นกับคนในหมู่บ้านไม่ค่อยกล้าเข้าไปเล่นในบ้านหลังนั้นเท่าไรนักเพราะกลัวผีเจ้าของบ้านที่ตายไปแล้ว

"พรุ่งนี้เรามาจะมารับนายนะ" ต้นบอกเมื่อมาส่งสนถึงบ้านแล้ว ต้นพยามมองเข้าไปในบ้านก็ไม่เห็นพ่อกับแม่สนเลยเพราะออกไปรับจ้างดายหญ้าในสวนมะม่วงอีกหมู่บ้านหนึ่งตั้งแต่เช้าแล้ว เย็นกว่านี้อีกสักหน่อยจึงจะกลับ

"ขอบใจมากนะเพื่อน" สนบอกด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพื่อนใหม่ของเขาคนนี้ช่างเป็นคนดีมีน้ำใจ แม้ว่าเพิ่งรู้จักกันแต่เขาก็สัมผัสความจริงใจได้

ต้นหันมายิ้มแล้วก็ปั่นจักรยานกลับบ้านไป บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านสนมากนัก สามารถเดินถึงกันได้