Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 123
#123, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by LING on 10-Aug-11 at 06:57 PM
In response to message #0
นั่งอ่านทั้งวันรวดเดียวจบ!!!

บางตอนก็เคลิบเคลิ้มไปกับทั้งคู่ รู้สึกผูกพันกับตัวละคร
บางตอนก็ดูมันนิยายมากเกินความเป็นจริงไปหน่อย แต่โดยรวมก็ชอบบบบทีเดียว

ผมจินตนาการภาพสนเป็นหน้าพี่โป๊บได้อย่างไม่ขัดเขิน เหมาะสมลงตัว
แต่ให้ต้นเป็นนัทนี่...ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกว่ามันไม่เหมาะอย่างไรก็ไม่รู้
พอจะพยายามจินตนาการให้เป็นใครสักคน ก็ยังนึกไม่ออก ;P

จุดนึงที่สังเกตเห็นคือ ผมรู้สึกว่าผู้เขียนโยนความเกลียดชังทั้งหมดไปลงที่ตัวละครผู้หญิง
กรณีน้องนาก็ให้นางร้าย นางวีน กราดเกรี้ยว จนดูเป็นนางอิจฉาในละครไทยเกินไป
(แต่ลึกๆ ก็แอบสงสารนางนะ จริงอย่างที่นางว่า "ให้สามีไปมีเมียน้อยเสียยังดีกว่าไปมีแฟนเป็นผู้ชาย")
หรืออย่างน้องก้อย น้องดา ตอนต้นเรื่องก็มาแบบร้ายๆ ถอดแบบมาจากตัวอิจฉาำไทยเป๊ะ
ในขณะที่ฝ่ายพี่มั่นคงมาแบบนิ่มๆ ยุแบบนิ่งๆ แต่แล้วก็หายตัวไปตอนท้ายเรื่องเสียอย่างนั้น
พี่ปิ๊กผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็เหมือนกัน มาเงียบๆ จากไปแบบเงียบๆ ความร้ายไปลงที่ผู้หญิงหมดเลย

จุดที่ผมชอบผู้เขียนคือ การใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตจริงลงไปในนิยาย
เช่น สนชอบใส่บ๊อกเซอร์ทับกับกางเกงในเพราะมันรู้สึกไม่โล่งเกินไป (ซึ่งผมก็ใส่แบบนั้นเหมือนกัน)
อีกจุดคือภาษาเขียนที่ไม่นิยายมาก, แต่กินใจมาก (นายหยุดดิ้นเสียทีเถอะต้น นายไม่เหนื่อยเหรอ >.< )
และอีกหลายๆ ตอนที่พอผมอ่านเจอก็อมยิ้มแก้มปริกันไป

ตัวละครที่อดพูดถึงเสียไม่ได้คือ เอก กับ ปั้นจั่น
ผมว่าตัวละครสองตัวนี้มีความ Y แอบอยู่ในตัวเองอยู่พอตัว
เพราะถ้าเป็นผู้ชายแมนๆ ทั้งแท่งจะไม่มาเป็นห่วงเพื่อนขนาดโกรธแทน (ต้น) อะไรกันขนาดนี้
ผู้ชายเป็นเพศที่ไม่มีนิสัยละเอียดอ่อนอยู่ในตัวเลย ถึงมีก็น้อยมากประมาณสมองมด
ผมเลยรู้สึกว่า ตัวละครสองตัวนี้ ต้องแอบ Y และมีแนวโน้มที่จะเป็นเหมือนสนได้ในอนาคต
(แต่ส่วนตัวชอบปั้นจั่นมากกกกกกกก รักมากกกกกกกกกก ปลื้มมมมมมม 55)

ที่สุดแล้วพอเรื่องมันจบแบบนี้ผมก็โล่งใจปนทุกข์ใจ
โล่งใจที่ต้นกับสนหาตัวเองเจอเสียทีหลังจากที่หนีใจตัวเองมานานทั้งคู่ (ได้พี่ปั้นจั่นช่วยไว้แท้ๆ)
ฝั่งทุกข์ใจ ก็สงสารน้องนาที่ต้องเจ็บตัวโดยไม่มีความผิด (ถึงนางจะขี้เหวี่ยงก็ตามเถอะ)
อีกอย่างบ้านนางเองก็มีปัญหาการหย่าร้างทั้งครอบครัวอยู่แล้ว ทั้งแม่ ทั้งพี่ชาย (ตรงนี้ผู้เขียนน่าจะตั้งใจให้เป็นแบบนั้น)
ทำให้รู้สึกว่า ครอบครัวของนางคงจะทุกข์ใจไม่น้อยเมื่อนางกลับไปอยู่บ้านด้วยเหตุผลเลิกรากับสามี
ด้านแม่ของสนเองที่ต้องแบกรับความลับของลูกชายไว้คนเดียวโดยไม่ได้ระบายก็ทุกข์พอกัน (นางต้องจุกอกมากแน่ๆ)
ผมจึงโล่งใจบนความทุกข์ใจที่ว่า ความรักต้นกับสนสร้างบาดแผลให้คนข้างหลังไว้มากทีเดียว
นี่ยังไม่นับถึงคนในอนาคตที่จะต้องได้รับรู้อีก

แต่ที่สุดผมก็คิดว่า ใช่แล้ว, นี่แหละชีวิต เราไม่มีทางเดินไปเก็บดอกไม้ในสวนได้โดยไม่เหยียบต้นหญ้าบนทางเดินเลยสักต้นหรอก
การดำเนินชีวิตของเราทุกวันนี้ก็ต้องมีการเหยียบย่ำไปบนคนอื่นบ้างทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ, รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
นับประสาอะไรกับความรักของผู้ชา่ยหนึ่งคู่ ที่ซึ่งมันก็ยากอยู่แล้วในสังคมใบนี้ มันก็ต้องมีการฝากรอยแผลให้คนข้างหลังหรือรอบข้างบ้างแหละ
มันเหมือนเป็นการแบ่งเบาบาดแผลในใจตัวเองไปให้คนอื่นบ้าง มันเป็นกลไกในการดำเนินชีวิต
ไม่งั้นเราคงเจ็บคนเดียวตายเลย ใครจะัไปทนได้ล่ะ

อ่านจบก็เฮ้อ, ไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะมีเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้บ้างมั้ย
ความรักที่เกิดจากความผูกพัน รักที่ไม่ต้องพยายาม รักที่ปราศจากเหตุผลใดๆ

ถ้ามีจริง, ผมว่ามันจะเป็นความรักที่สวยงามโคตร และน่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยครับ