Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 13
#13, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:31 PM
In response to message #0

ตอนที่ 13: คนดื้อ

เมื่อเดินทางมาถึง คืนแรก ทุกคนจะได้พักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้ๆ สถานที่ที่จะเดินทางไปพรุ่งนี้ ส่วนในคืนต่อๆ ไปจะพักในวัดในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการประหยัดงบ ในหนึ่งห้องก็จะต้องพักกันถึง 4 คน ทำให้ต้นต้องเหนื่อยพอสมควรเพราะกว่าทุกคนจะได้ห้องพักก็มีการถกเถียงและขอเปลี่ยนแปลงห้องกันวุ่นวาย สนคอยเป็นลูกมือให้เพื่อนได้เป็นอย่างดี กว่าจะได้นอนก็ดึกพอสมควร พอหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย

รุ่งเช้า หลังจากที่กินอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว รถก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่จะมีการสร้างบ้านดิน มีชาวบ้านและทีมวิทยากรสอนทำบ้านดินมารอต้อนรับอยู่ ในช่วงเช้าวิทยากรบรรยายเทคนิคการทำบ้านดินให้นักศึกษาฟังก่อนเพื่อจะได้เรียนรู้เทคนิคการทำก้อนดิน การก่อผนังและการฉาบ นักศึกษาได้เริ่มทำบ้านดินจริงๆ ในช่วงบ่าย ต้นสังเกตเห็นว่าสนดูจะสนุกกับกิจกรรมนี้มากทีเดียว เขาช่วยเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทำก้อนดินอย่างแข็งขัน ต้นเดินไปหยิบน้ำบรรจุขวด ตั้งใจจะเอาไปให้เพื่อนก็ต้องคอยเก้อเพราะน้องก้อยตัดหน้าเอาไปให้เสียก่อน ต้นเห็นสนยิ้มพลางรับขวดน้ำมา มีการแซวในกลุ่มด้วยว่าทำไมให้สนคนเดียวแล้วก็หัวเราะกัน ต่อจากนั้นก็ดูเหมือนว่าน้องก้อยจะคอยมาป้วนเปี้ยนข้างๆ สนตลอดทั้งวัน ดูจะมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ค่อยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก จริงๆ ก้อยเองก็ไม่ได้อยากมาร่วมกิจกรรมนี้สักเท่าไร เพื่อนชวนมาก็มากับเขาไปอย่างนั้นเอง

หลังจากเสร็จกิจกรรมวันแรก ต้นก็ให้เพื่อนนักศึกษาพักผ่อนตามอัธยาศัยและนัดมาเจอกันที่ลานในหมู่บ้านตอนหกโมงเย็นเพื่อกินข้าวเย็นและทำกิจกรรมภาคกลางคืน จนกระทั่งถึงเวลากินข้าวเย็น ชาวบ้านนำอาหารที่ช่วยกันทำมาให้นักศึกษากินหลายอย่าง มีทั้งแกง ทั้งลาบและของหวาน นักศึกษาที่เป็นอาสาสมัครนั่งกินกันเป็นกลุ่มๆ บนเสื่อ ไม่มีโต๊ะให้นั่ง พอต้นเห็นว่าเพื่อนๆ นั่งกินข้าวกันอย่างเรียบร้อยแล้ว ต้นจึงตักอาหารใส่จานมากินบ้าง ในระหว่างที่ต้นกินข้าวอยู่นั้นเขาก็พยายามมองหาสนเพราะรู้สึกว่าเขาไม่เห็นสนเลยในช่วงตั้งแต่ก่อนเริ่มกินข้าว ต้นลุกขึ้นไปเดินดูตามกลุ่มต่างๆ ก็ไม่เห็น ที่น่าแปลกคือไม่เห็นก้อยด้วย ไม่รู้ว่าหายไปไหนด้วยกันทั้งคู่ ต้นถามเพื่อนๆ ก็ได้ความว่าก่อนจะหายไปสนนั่งคุยกับก้อยอยู่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่งก่อน ต้นกับเพื่อนอีกสองสามคนจึงลองเดินไปตามหาที่บ้านหลังดังกล่าวก็ได้ทราบจากคนในบ้านว่าเห็นสนกับก้อยเดินเล่นตรงถนนดินของหมู่บ้านไปทางทุ่งนา ต้นเริ่มใจคอไม่ดีที่สนหายไปกับรุ่นน้องผู้หญิงซึ่งเพิ่งเข้ามาใหม่ เขารู้สึกโกรธเพื่อนมากทีเดียวที่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้

ต้นกับเพื่อนแยกกันไปตามหาสนและก้อย ฟ้าเริ่มมืดมากแล้ว สองคนนั้นหายไปทำอะไรกันที่ไหนหนอ ต้นเดินไปตามถนนดินไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เป็นสามแยก แยกหนึ่งไปถนนสายหลัก อีกทางหนึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านเรียกกันว่าทางเกวียนและมีทุ่งนา ต้นเห็นกองฟางอยู่กองหนึ่งไม่ไกลจากเขามากนักจึงเดินไปดู แล้วก็เขาก็ได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง สนกับก้อยนั่งซบและคุยกันอยู่ พอทั้งคู่เห็นสนก็ตกใจรีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน ต้นพยายามระงับอารมณ์อย่างที่สุดเพราะเขาทั้งโกรธจนมือไม้สั่นที่เพื่อนทำตัวเหลวไหลและทั้งเจ็บที่เห็นคนที่ตัวเองรักมานั่งอยู่กับผู้หญิงซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าจะว่าหัวใจโดนฟ้าผ่าก็อาจจะยังไม่เจ็บเท่านี้เลย

“ทุกคนเขารออยู่” ต้นกัดฟันพูด เขาต้องข่มใจอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องให้ให้ทั้งคู่เห็น แล้วก็ตัดสินใจเดินแกมวิ่งออกมา เมื่อพ้นสายตาของทั้งคู่แล้วต้นก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น สนวิ่งตามเพื่อนสุดชีวิตก่อนจะคว้าแขนต้นเอาไว้ได้

“ต้น เดี๋ยวก่อนสิ ฟังเราก่อน”

แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นต้นมีน้ำตาอยู่เต็มใบหน้า “ต้น นายเป็นอะไร” สนถามด้วยเสียงตกใจ เขาไม่เคยเห็นต้นร้องให้แบบนี้เลย ปกติต้นเป็นคนที่เข้มแข็งมากและเขาแทบไม่เคยเห็นต้นร้องให้เลยด้วยซ้ำ ทำไมต้นต้องเสียใจขนาดนั้น ความรู้สึกบางอย่างบอกสนว่าเขาไม่ควรรั้งเพื่อนไว้ตอนนี้จึงปล่อยข้อมือต้นอย่างช้าๆ

“นายทำตัวเหลวไหลมากนะสน” ต้นพูดเพียงเท่านี้ สายตาต้นดูเย็นชาอย่างที่สนไม่เคยเห็น เขาใช้มือปาดน้ำตาแล้วก็เดินไป สนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความงงงัน ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปเมื่อสักครู่นี้จะทำให้ต้นต้องเสียใจถึงขนาดต้องร้องให้

หลังจากนั้น ต้นก็ไม่พูดและไม่หันมาสนใจสนอีกเลย เหมือนกับไม่มีสนอยู่ตรงนั้น หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ต้นก็ไปเก็บกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระและเสื้อผ้าของตนเองออกไปจากเต็นท์ที่ตั้งใจว่าจะนอนด้วยกันกับสน ตอนนี้ต้นรู้สึกเสียขวัญและยังทำใจกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ โกรธอาจจะไม่เท่าไร แต่เจ็บที่หัวใจนี่สิยิ่งกว่า สนได้แต่ยืนมองเพื่อนนิ่งๆ ใจจริงเขาอยากจะเข้าไปขอโทษ แต่ดูท่าทางต้นจะโกรธเขามากจริงๆ จนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ จึงได้แต่ปล่อยให้ต้นเก็บของออกไป รู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี เพิ่งมีวันนี้วันแรกนี่แหละที่สนเห็นต้นโกรธเขามากขนาดนี้ สนจึงคิดในใจว่าคงต้องปล่อยให้ต้นใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยดีกว่า ความเป็นจริงนั้นเขาก็ไม่ได้อยากเหลวไหล แต่ก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นที่พยายามเข้ามาก้อร่อก้อติกกับเขาและทำท่าทางเชิญชวนจนเขาเผลอไผลหลงไป

ตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรม 3 วันนั้น ต้นทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เขาได้รับความร่วมมือและการยอมรับจากนักศึกษาคนอื่นๆ จึงทำให้งานประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะเป็นงานสร้างบ้านดินงานแรก ส่วนสนนั้นได้แต่ช่วยทำไปเงียบๆ ก้อยเองก็ยังคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขาตลอด สนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบเขา และถ้าเขาคิดจะทำอะไรมากกว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

รถบัสของมหาวิทยาลัยเดินทางมาถึงกรุงเทพราวๆ สามทุ่ม แต่ต้นก็ไม่ได้กลับเลยทันทีเพราะเขาต้องคอยให้คนอื่นกลับกันให้หมดก่อนในฐานะที่เขาเป็นผู้นำ สนยืนคอยเพื่อนอยู่เงียบๆ เมื่อคนกลับหมดเขาจึงเดินเข้าไปหาต้น

“กลับกันเถอะต้น ดึกแล้ว นายจะได้พักผ่อน เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” สนบอกด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ต้นพยักหน้าแต่ไม่ตอบอะไร ความรู้สึกโกรธหายไปเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากคุยอะไรด้วยตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเหนื่อยด้วย

“กลับแท็กซี่แล้วกันนะ เดินคงไม่ไหว” สนเสนอ ต้นก็ได้แต่พยักหน้า

พอได้แท็กซี่ ต้นก็นั่งที่นั่งด้านหน้า ให้สนนั่งด้านหลังคนเดียว พอมาถึงบ้าน ต้นจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วก็เข้าบ้านไปโดยที่ไม่รอสน แล้วก็ขึ้นไปบนห้อง ไม่ทักแม้กระทั่งนิกกับปั้นจั่นที่นั่งดูทีวีอยู่ สองคนได้แต่มองตามอย่างสงสัย สักพักสนก็เข้าในบ้าน เขามองหาต้น เมื่อไม่พบก็เลยเดาเอาว่าต้นน่าจะเข้าห้องไปแล้ว

“เป็นไรกันเนี่ยสองคนนี้ มาด้วยกันหรือเปล่าวะ” นิกถามด้วยความสงสัย

สนเดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนๆ แล้วถอนหายใจ “สงสัยต้นจะโกรธกูว่ะ โกรธมาหลายวันแล้วล่ะ” สนบอกเพื่อนสองคน

“แล้วมึงไปทำอะไรให้ต้นมันโกรธเอาล่ะ ปกติก็เห็นมันรักมึงจะตาย ไม่เคยเห็นมันโกรธมึงเลยนี่หว่า” ปั้นจั่นถาม

สนถอนหายใจแล้วก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจึงทำให้ต้นโกรธเขาขนาดนั้น นิกกับปั้นจั่นรู้ว่าต้นไม่ใช่แค่เสียใจที่สนทำตัวเหลวไหล แต่ต้นคงเสียใจด้วยที่เห็นคนที่ตัวเองรักอยู่กับคนอื่นอย่างไม่คาดฝันแบบนั้นด้วย

“สมควรแล้วล่ะที่มันโกรธ เป็นกูกูก็โกรธเหมือนกันแหละวะ คนอื่นเขาทำงานกัน นี่ไปนั่งจู๋จี๋กัน ตอนมึงหายไปไอ้ต้นมันคงเป็นห่วงมึงนั่นแหละ มันถึงได้โกรธไงเพราะมันอุตส่าห์เป็นห่วงไปเดินตามหา” นิกว่า

“ช่วยไม่ได้โว้ยเรื่องนี้ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้” ปั้นจั่นพูดอย่างรู้ทัน เขาจะไม่ยอมเป็นสะพานให้สนกับต้นในครั้งนี้แน่นอน

“แล้วมึงก็ควรต้องระวังด้วยนะเว้ย ผู้หญิงไวไฟแบบนั้น ง่ายก็จริง แต่อาจจะทำให้มึงมีเรื่องได้” นิกเตือนบ้าง

“กูขอตัวไปนอนก่อนละกัน เหนื่อย” สนบอกพลางลุกขึ้นแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้อง เขารู้ว่าสองคนคงไม่ช่วยเขาแน่ๆ พอเดินผ่านห้องของต้น สนหยุดยืนดู ช่างใจว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ แต่คิดอีกที ปล่อยให้ต้นอยู่เงียบๆ สักพักไปก่อนดีกว่า
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันต่อมา ทุกคนก็ไปเรียนกันตามเดิม ตอนพักเที่ยง ต้นลงมากินข้าวก็บังเอิญเจอสนนั่งกินข้าวกับก้อยอยู่ ดูเหมือนจะคุยกันถูกคอสนุกสนาน ต้นจึงเดินหนีไปนั่งกินข้าวกับเจนี่

“ต้นเป็นไรเหรอ หน้าตาไม่ค่อยดีเลย” เจนี่ถามขณะกินข้าวด้วยกัน เธอสังเกตว่าต้นดูเหม่อลอยชอบกล

“เปล่าหรอก สงสัยจะเหนื่อย” ตอบพลางยิ้มเนือยๆ

“แล้วสนเขาเป็นไงบ้าง ได้ยินว่ามีแฟนแบบสายฟ้าแลบเลย เตือนๆ เขาหน่อยนะ ยายคนชื่อก้อยอะไรเนี่ยได้ข่าวว่าไม่ใช่เล่นเลย” เจนี่บอกพลางขำ

“ก็คงแล้วแต่เขาจะเลือก ต้นเป็นแค่เพื่อนก็คงทำได้แค่บอก” ต้นบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายประชด

“ถามจริงๆ เถอะ ต้นโกรธสนหรือเปล่า” เจนี่ถามด้วยความสงสัยเพราะสังเกตเหมือนกันว่าต้นไม่คุยกับสนเลยตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวันนั้น ต้นถอนหายใจ

“ก็นิดหน่อย” ต้นยอมรับ ถ้าจะบอกว่าไม่โกรธเลยก็จะดูโกหกจนเกินไป

“เอาน่า ผู้ชายก็แบบนี้แหละต้น ก็มีเหลวไหลบ้าง ที่ห้องเจนี่นะ บางคนมันก็อยู่ด้วยกันเลย แต่ส่วนมากก็อยู่กันได้ไม่ค่อยนานหรอก เปลี่ยนคู่กันไปเปลี่ยนคู่กันมา ไม่ไหวเลย เจนี่ไม่ชอบ” พูดพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ สิ่งที่เจนี่พูดทำให้ต้นเกิดความกังวลเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
“เฮ้ยไอ้ต้น มึงรู้หรือเปล่าว่าไอ้สนน่ะมันเสร็จผู้หญิงที่ชื่อก้อยไปแล้ว มีคนเห็นมันไปหาเขาถึงที่หอพักเลยนะเว้ย”
ปั้นจั่นฟ้องต้นทันทีที่ต้นกลับมาถึงบ้าน พอได้ฟังแล้วต้นก็มีสีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ต้นพยักหน้าเข้าใจแต่ไม่พูดอะไร

“เดี๋ยวเกิดทำลูกสาวเขาท้องขึ้นมาแล้วจะเดือดร้อน” นิกว่าบ้าง พอต้นเงียบไม่พูดอะไร ทั้งสองคนจึงมองหน้ากันด้วยความสงสัย

“มึงได้คุยกันไอ้สนมั่งยังวะตั้งแต่วันนั้น” ปั้นจั่นถาม ต้นส่ายหน้าอีก

“สนคงไม่ฟังกูหรอก ตอนนี้สนกำลังหลงเขาอยู่” ต้นบอกพลางถอนหายใจ

“แล้วมึงไม่ห่วงมันบ้างหรือไงวะ ยังไงก็เตือนๆ มันหน่อยนะเว้ย เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วโดนไล่ออกเสียอนาคตเลยนะเว้ย” นิกเตือน

“แล้วนี่ไอ้สนยังไม่กลับอีกเหรอ หรือว่าไปหาแฟน” ปั้นจั่นถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะไปทำงานที่ร้านอาหารก็ได้” ต้นตอบอย่างเนือยๆ เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วตอนนี้ “ขอตัวก่อนละกัน” ต้นบอกแล้วก็ขอตัวขึ้นห้องไป วันนี้เขามีงานหลายอย่างต้องทำส่งอาจารย์
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในขณะที่ต้นนั่งทำงานส่งอาจารย์อยู่นั้น ประมาณห้าทุ่มก็มีคนเสียงคนเข้ามาในบ้าน คงเป็นสนนั่นเอง ต้นหยุดทำงานแล้วนั่งคิด จริงๆ เขาก็เป็นห่วงสนมาก ถ้าสนยังทำตัวแบบนี้อยู่ โอกาสที่จะเสียคนก็มีสูง ไหนๆ ต้นก็อุตส่าห์โน้มน้าวจนสนยอมเรียนหนังสือเพื่ออนาคตของเขา ต้นก็คงต้องช่วยเพื่อนให้ถึงที่สุด เหนื่อยแค่ไหนก็คงต้องลากถูกันไปให้ได้ ต้นจึงตัดสินใจเดินออกไปนอกห้องแล้วไปเคาะประตูห้องของสน สักพักสนก็เดินมาเปิดประตู พอรู้ว่าต้นมาหาเขาก็ยิ้มดีใจ

“ต้น เข้ามาสิ” สนบอกพลางเชื้อเชิญเพื่อนให้เข้ามาในห้อง ต้นยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน ทำให้สนใจชื้นขึ้นมากที่เห็นต้นยิ้มให้ ต้นเดินไปนั่งบนเตียงของเพื่อน สนก็เดินมานั่งข้างๆ ได้กลิ่นควันกับอาหารจากเสื้อของสนต้นก็พอจะเดาได้ว่าสนเพิ่งกลับมาจากทำงานที่ร้านอาหาร

“เราคิดถึงนายมากนะต้น ไม่ได้คุยกับนายตั้งหลายวัน” สนบอกพลางเอามือมาโอบไหล่เพื่อนไว้ “นายหายโกรธเราหรือยังต้น” สนถาม

ต้นถอนหายใจแล้วตอบว่า “เราเป็นห่วงนายมากกว่าสน”

“เป็นห่วงเราเรื่องอะไร หือ”

ต้นช่างใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอกไปว่า “มีคนมาบอกเราว่านายไปหาก้อยที่ห้องพักของเขา”

สนชะงักเล็กน้อย เขาปล่อยมือจากไหล่เพื่อนแล้วก็พูดราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญว่า “ก็แหมต้น ผู้หญิงเขาเสนอเรามา เราก็แค่สนองไปเท่านั้นแหละ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย นายไม่เคยเจออย่างนี้มั่งเหรอ”

“สน ทำไมนายถึงคิดง่ายอย่างนั้นล่ะ ถ้าเกิดเขาท้องขึ้นมา นายจะทำยังไง”

“เราโตแล้วน่าต้น เรารู้วิธีป้องกันน่า นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะต้น เพื่อนๆ ในห้องเราก็ทำแบบนี้กันทั้งแหละ บางคนก็พักห้องเดียวกันเป็นผัวเมียกันไปเลยด้วยซ้ำ แต่เราไม่ทำถึงขนาดนั้นหรอก” สนแก้ตัว

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ ทำไมสนถึงพูดได้ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก “สน เราไม่เคยพูดสักคำเลยว่านายเป็นเด็ก เรารู้ว่านายโตและมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราโตมากพอที่จะรู้ทุกอย่าง”

ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ

“เราก็แค่เตือนนายเพราะว่าเราหวังดีนะสน ถ้าเราไม่รักนาย ไม่ห่วงนาย เราก็ไม่มาเตือนหรอก เราไม่ได้คิดว่านายเป็นเด็ก ไม่ได้คิดว่านายดูแลตัวเองไม่เป็น แค่เป็นห่วงเท่านั้น ที่สำคัญ เราเป็นคนที่ขอให้นายมาเรียนหนังสือ เราก็แค่อยากเห็นนายเรียนให้จบเพื่ออนาคตของนาย ถ้าหากเราเห็นอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือเห็นว่ามันจะปัญหา เราก็มาเตือนมาบอกเท่านั้น แต่ถ้านายคิดว่าสิ่งที่เราเตือนไม่มีประโยชน์อะไร เราก็จะหยุดและจะไม่เตือนนายเรื่องนี้อีก”

“ต้น เราไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่นายเตือนไม่มีประโยชน์ แต่เราไม่อยากให้นายกังวลกับเรามากไป เราดูแลตัวเองได้ต้น นายไม่เชื่อใจเราเหรอ” สนอธิบายแล้วย้อนถาม

“เราเชื่อใจนายเสมอนะสน แต่เราขอพูดตรงๆ ว่าเราไม่เชื่อใจผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้านายคิดว่าเขาเป็นคนดีสำหรับนายเราก็ไม่ว่าอะไร เราเป็นแค่เพื่อนนาย อยู่กับนายได้แค่ระยะเวลาหนึ่ง คนที่จะอยู่กับนายก็คงเป็นแฟนของนาย ครอบครัวของนาย ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น เราก็คงขอพูดแค่นี้ละกัน ตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยทะเลาะกัน เราก็ไม่อยากมาชวนทะเลาะ แต่เราอยากบอกนายว่า เราเป็นห่วงนายนะสน เราคงจะไม่ห้ามนายหรอกถ้านายอยากทำอย่างนั้นจริงๆ แต่เราก็คือเพื่อนคนหนึ่งที่จะคอยดูและเป็นห่วงนายเสมอนะสน”

สนดูเงียบไปหลังจากที่ต้นพูดจบ

“ดึกแล้ว เราขอตัวไปทำงานต่อก่อนละกัน ขอให้นายผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดีนะสน อย่าลืมละกันว่าเราจะคอยเฝ้าดู เรายังเป็นห่วงนายเสมอและพร้อมที่จะช่วยหากนายต้องการ”

ต้นบอกเสร็จแล้วก็ลุกเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนเลย สนเดินไปปิดประตูแล้วก็กลับมานั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เพื่อนพูดเมื่อสักครู่นี้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอย่างไรต่อไป รู้แต่ว่าชีวิตของเขาจะขาดเพื่อนคนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน เวลาต้นไม่คุยกับเขาแล้วเขารู้สึกทรมานใจ ไม่มีความสุขในชีวิตเอาเสียเลย แต่ต้นก็ดูจะเป็นห่วงเขามากเกินไป สนยังมองไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เขาอยู่นี้จะทำให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้าง ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป