Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 14
#14, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:32 PM
In response to message #0


ตอนที่ 14 <1>: บทเรียนของคนดื้อ

สรุปแล้วสนก็ยังคงคบกับก้อยอยู่ บางทีก็ไปหาก้อยที่ห้อง บางทีก็พาก้อยไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากนัก ช่วงนี้สนไม่ค่อยได้คุยกับต้นมากนักเพราะต้นดูจะทำตัวห่างๆ เขาไป แต่สนก็เชื่อใจต้นเสมอว่าต้นเป็นห่วงเขา

วันหนึ่ง ก้อยชวนสนไปงานสังสรรค์ที่บ้านของเพื่อนก้อย สนไม่อยากไปนักแต่ก้อยก็รบเร้าจนเขายอมไปด้วย พอไปถึงสนก็พบว่ามันเป็นบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่ เจ้าของบ้านเป็นชายอายุราวๆ 30 เป็นเพื่อนของเพื่อนก้อยอีกที วันดีคืนดีก็จะเปิดบ้านให้ก้อยและเพื่อนๆ มาสังสรรค์กัน วันนี้ก็เช่นกัน บนบ้านมีทั้งชายทั้งหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสนหลายคนนั่งล้อมวงกินเหล้ากัน

“พี่สนต้องหัดมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอย่างนี้บ้างนะคะ ไม่ใช่เอาแต่เรียนหนังสือ น่าเบื่อจะตาย” ก้อยบอกเขา

สนได้แต่เงียบ ก้อยแนะนำเขาให้รู้จักกับคนอื่นๆ แต่สนก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขาไม่อยากกินเหล้าเลยเพราะต้นเป็นห่วงเขาในเรื่องนี้มาก แม้ว่าต้นไม่ได้ขอให้เขาเลิกแต่เขาก็อดคิดถึงสิ่งที่เพื่อนบอกไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ บวกกับแรงคะยั้นคะยอ สุดท้ายสนก็ต้องดื่มจนได้ พอดื่มได้แก้วหนึ่ง แก้วต่อๆ ไปก็ตามมา เขาเริ่มเมาและสนุก บางคนลุกขึ้นมาเต้น มีเพื่อนคนอื่นๆ คอยเคาะขวดเหล้าให้จังหวะ สนก็เต้นกับเขาบ้าง เขาร้องเพลงอะไรสนก็ร้องตามเขา ถ้าต้นมาเห็นสภาพเขาในตอนนี้ก็คงเสียใจไม่น้อย จนกระทั่งทุกคนเริ่มหมดแรงแล้วก็ค่อยๆ แยกไปนอนกันทีละคนสองคน บางคู่สนพอดูออกว่าเป็นแฟนกันก็หายไปด้วยกัน บางคนก็นอนกลิ้งไปมาใกล้ๆ บริเวณที่นั่งกินเหล้ากัน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนตื่นขึ้นมาเมื่อเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า โชคดีที่ว่าเป็นวันหยุดจึงไม่ต้องไปเรียนหนังสือ เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ จึงใช้มือทุบศีรษะเบาๆ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องแล้วเขาก็ต้องแปลกใจเพราะสภาพแวดล้อมไม่เหมือนห้องนอนของเขาเลย เขามานอนในห้องของใครก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อหันไปมองข้างๆ ก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนอยู่ข้างๆ เขาในลักษณะเปลือยเปล่า ตัวสนเองก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ผู้หญิงคนนี้เขาก็ไม่รู้จักด้วย มันเกิดอะไรขึ้น เขามีอะไรกับผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าหนอ แล้วเขาก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ความกลัวจะติดโรคแวบเข้ามาในหัว แถมผู้หญิงคนนี้เป็นลูกเขาเมียใครก็ไม่รู้ ถ้าเป็นเมียคนอื่นเขาก็คงบาปหนักเข้าไปใหญ่ สนรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าของเขาซึ่งถูกวางกระจัดกระจายแล้วรีบออกมาจากห้อง ข้างนอกห้องมีคนนอนอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างในสภาพที่สนรู้สึกว่า “น่าสมเพช” ส่วนก้อยนั้นก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่เขาไม่สนใจแล้ว เขาต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด รู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก สนสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ทั้งกินเหล้าทั้งมั่วเพศ สนได้แต่ด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักคิดให้ดี เขานึกถึงคำพูดของต้นที่เตือนเขาไว้ จริงๆ มันก็ยังไม่ได้มีอะไรร้ายแรงขนาดนั้นหรอก แต่สนชักเริ่มกลัวแล้วว่าถ้าเขายังใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร

สนพาตัวเองกลับมาถึงบ้านในสภาพที่เรียกว่า “ดูไม่ได้” เลยทีเดียว เพราะเมื่อเขาโผล่เข้ามาในบ้าน นิกกับปั้นจั่นและต้นซึ่งนั่งทำงานอยู่ข้างล่างทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเขา

“ไอ้สน มึงไปไหนมา ทำไมเสื้อผ้า เผ้าผมถึงได้ดูทุเรศอย่างนั้นวะ” ปั้นจั่นร้องถามก่อน

สนไม่สนใจว่าใครจะว่าเขาอย่าง แต่ตอนนี้เขาต้องคุยกับต้นเท่านั้น สนจึงเดินเข้าไปหาต้นเพื่อจะขอคุยด้วย

“โห กลิ่นเหล้าหึ่งเลย เดี๋ยวนี้มึงชักเอาใหญ่แล้วนะไอ้สน ไปไกลๆ เลยเหม็น” นิกว่าพลางทำสีหน้ารังเกียจ

“พวกมึงสองคนเงียบไปเลย กูจะคุยกับต้น” สนหันไปว่าว่าเพื่อน นิกกับปั้นจั่นก็เงียบ ต้นมองดูเขาด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“ต้นเราขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม ตอนนี้” สนบอกเพื่อนด้วยสีหน้าอ้อนวอน แต่ต้นยังคงมองดูเขาด้วยสายตามีคำถามหลายอย่าง

“นะต้น เราขอร้อง เราอยากคุยกับนาย” สนย้ำอีกครั้ง ต้นจึงพยักหน้าตกลง

“พวกมึงรอก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมาสอนให้” สนบอกนิกกับปั้นจั่น

สนพาต้นเข้ามาในห้องของเขาแล้วก็ปิดประตู ก่อนที่จะคุยกัน ต้นบอกเพื่อนว่า “นายไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนดีไหมสน นายตัวเหม็นมากเลย เราเหม็นเหล้าด้วย เราไม่ไปไหนหรอก เดี๋ยวเรารอ”

สนยิ้มและทำตามอย่างว่าง่าย ถ้าจะคุยกับต้นแล้วมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้ต้นคงไม่ยอมคุยด้วยเป็นแน่ สนใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักก็ออกมา รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบมาหาต้นทันที ต้นรู้สึกขำนิดๆ ที่เพื่อนดูลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย” ต้นร้องบอก สนหันมายิ้ม เขาเดินมานั่งข้างๆ ต้นบนเตียง สีหน้าเหมือนเด็กทำอะไรผิดแล้วอยากขอความเห็นใจ

“ต้น เราขอโทษนะ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเรายังไม่ได้ขอโทษนายเลย เราเป็นเพื่อนที่แย่จริงๆ ทำตัวเหลวไหลแล้วยังไม่รู้จักขอโทษ นายหายโกรธเราหรือยังล่ะ”

“หายแล้ว” ต้นบอก แต่สนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด

“ไม่จริงหรอก นายยังโกรธเราอยู่ เพราะนายไม่พูดกับเรามาหลายวันแล้ว” สนแย้ง

“เราไม่ค่อยว่างไง” ต้นแก้ตัวบ้าง จริงๆ ส่วนหนึ่งเขาก็หลบหน้าเพื่อนเองแหละเพราะบางทีก็รู้สึกเจ็บที่เพื่อนไม่ฟังเขาบ้างเลย

“ไม่เชื่อ นายหลบหน้าเรา นายยังโกรธเราอยู่ใช่ไหมต้น”

“ก็...ไม่รู้สิ ก็เห็นนายมีแฟนแล้ว ก็เลยเข้าใจว่านายคงอยากคุยกับแฟนมากกว่าเรา เราก็เลยไม่อยากไปกวนเวลาของนายไง ไม่ดีเหรอ” ต้นอดที่จะน้อยใจไม่ได้

“ดีอะไรล่ะ เราจะบ้าตายรู้ไหมต้น เรารู้สึกไม่ดีทุกวันเลย” สนบอกพลางทำหน้าเศร้า แล้วพูดต่อไปว่า “ต้น นายไม่รู้อะไรหรอก ชีวิตเราขาดนายไม่ได้หรอกนะ นายไม่คุยกับเรา เราก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร เพราะไม่มีใครเข้าใจเราเหมือนนายเลย คุยกับใครก็ไม่เหมือนคุยกับนาย เวลาอยู่กับนาย เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวของตัวเอง เรารู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่ามีคนรับฟังและเข้าใจ รู้สึกอุ่นใจที่โลกนี้ไม่ได้เหลือแค่เราเพียงคนเดียว” สนหยุดพูด ต่างคนต่างมองหน้ากัน

“เราไม่ได้พูดเล่นนะต้น เราพูดจริงๆ” สนย้ำ “เพราะฉะนั้น นายหายโกรธเราเสียทีนะต้น เราเห็นนายทำเฉยๆ เหมือนไม่มีเราอยู่ในโลกนี้แล้วเราทนไม่ได้หรอก นายไม่คุยกับเรา นายหลบหน้าเรา เราไม่มีความสุขเลย นะต้น นายอย่าโกรธเราเลย ที่ผ่านมาที่เราทำตัวเหลวไหล ไม่เชื่อฟังนาย เราก็ยอมรับผิดแต่โดยดี” สนเขยิบมาใกล้ๆ แล้วกอดเพื่อนไว้เบาๆ

“นะต้น นายเลิกทำตัวห่างเหินกับเราเสียที ชีวิตนี้เราอยู่ไม่ได้หรอกถ้านายไม่คุยด้วย ถ้านายไม่เป็นเพื่อนเรา ตอนนี้ ให้เราทำอะไรเราก็ยอม ขอแค่นายยอมพูดคุยกับเราเหมือนเดิม ถ้านายคุยกับเรา เราก็ไม่ไปไหนหรอกต้น” สนพูดด้วยเสียงอ้อนวอน

“เราก็มาคุยกับนายแล้วไงสน” ต้นบอก แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะยังไม่ทำให้สนพอใจได้

“ตกลงนายจะไม่ยกโทษให้เรา นายจะไม่เป็นเพื่อนกับเราแล้วใช่ไหมต้น” สนทำเสียงจริงจังพลางปล่อยมือออกจากเพื่อน

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” ต้นรีบแย้ง เขาพอจะรู้ว่าสนอยากให้เขาพูดอะไร “โอเค เรายกโทษให้นาย เราไม่โกรธนาย เราจะกลับมาคุยกับนายเหมือนเดิม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สนจึงยิ้มด้วยความพอใจ “ขอบใจมากเพื่อน ขอกอดให้ชื่นใจหน่อย” ว่าแล้วสนก็กอดเพื่อนเสียแน่น

“เราหายใจไม่ออกนะสน” ต้นบอกเพื่อนด้วยเสียงที่ไม่จริงจังนัก แต่สนก็ยอมหยุดแต่โดยดี

“อีกเรื่องหนึ่งนะต้น ที่เราต้องขอโทษนาย นายเข้าใจเราหน่อยนะต้น เราอาจจะไม่ใช่คนที่ดีอะไรมากนัก มีเรื่องให้นายต้องปวดหัว และก็ต้องขอโทษนายบ่อยๆ” สนเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “เราขอโทษที่ดื้อกับนาย ไม่ฟังนาย ไม่รู้ว่านายจะเสียใจหรือเปล่าที่เราทำเหมือนความหวังดีของนายไม่มีค่า แต่วันนี้ เราเชื่อในสิ่งที่นายบอกเราทุกอย่าง เราจะหยุดอะไรที่ไม่ดีตอนนี้ทุกอย่างก่อนที่เราจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ เมื่อวานเราถูกชวนไปกินเหล้า เราไม่ได้อยากกินหรอกนะต้น พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา เราก็นอนอยู่กับใครก็ไม่รู้ เราไม่ชอบชีวิตแบบนี้เลยต้น เรารู้สึกไม่ดีเลย เราจะไม่กลับไปทำอย่างนั้นอีกแล้ว เราจะไม่ให้นายผิดหวังกับเราอีก เราจะตั้งใจเรียนให้จบอย่างที่นายขอไว้”

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความดีใจ ดีใจที่เพื่อนคิดได้ น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ร้องให้ทำไมต้น” สนถามอย่างเป็นห่วง เขาพาลกังวลไปว่าคงทำอะไรให้เพื่อนไม่พอใจเป็นแน่

“ไม่ได้เสียใจ แต่ดีใจต่างหากที่นายคิดได้” ต้นบอก สนจึงรู้สึกสบายใจขึ้น ต้นพูดต่อว่า “เพื่อนอย่างเรา ไม่ขออะไรมากหรอก ขอแค่ให้นายเรียนจบ มีงานทำ เลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัวได้ก็พอแล้ว เราไม่อยากได้อะไรอีก ถึงตอนนั้น นายจะเกลียดเรา ไม่เป็นเพื่อนกับเราเหมือนเก่า ไม่มาหาเราหรือยังไงก็แล้วแต่ เราก็ไม่ว่าอะไร เราจะไม่ห่วงอะไรแล้ว”

“ไม่มีวันนั้นหรอกต้น เราจะเกลียดนายได้ยังไงล่ะ นายเป็นเพื่อนที่ดีของเราขนาดนี้ รู้ไหมว่ายิ่งคบกัน ยิ่งรู้จักกัน เราก็ยิ่งรักเพื่อนของเราคนนี้มากขึ้น” สนแย้ง ต้นยิ้มให้เพื่อน แต่ก็แอบคิดในใจว่าบางทีนายอาจจะเกลียดเราก็ได้ถ้าวันหนึ่งนายได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง แต่นายคงไม่ได้รู้และมันก็คงจะตายไปพร้อมกับเรา

เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว มิตรภาพที่สวยงามก็กลับมาเช่นเดิม ถึงสนจะรักเขาได้แค่เพื่อนต้นก็มีความสุขและพอใจแล้ว เขาจะไม่เรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้ เพราะนั่นยิ่งจะทำให้สนลำบากใจและถอยห่างออกไปในที่สุด เขาไม่อยากเสียเพื่อนไปเพียงเพราะเขาเห็นแก่ตัวที่อยากได้จากเพื่อนมากกว่าสิ่งที่เพื่อนสามารถให้ได้
------------------------------------------------------------------------------------------------
บทเรียนของสนยังคงไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในความเป็นจริงนั้น ก้อยมีแฟนอยู่แล้วและอยู่กินฉันท์สามีภรรยามาพักหนึ่ง แต่ก้อยเองก็ยังชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่วและแอบคบชู้สู่ชายเป็นประจำ แน่นอน เรื่องที่สนไปยุ่งกับก้อยก็รู้ถึงหูแฟนตัวจริงของก้อยด้วย

ตอนดึกๆ วันหนึ่ง ต้นและสนกลับจากทำกิจกรรมอาสาสมัครข้างนอกด้วยกัน พอแท็กซี่ออกไปไม่ทันไรและยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าไปในรั้วบ้าน อะไรบางอย่างก็ฟาดลงที่หลังของสนอย่างแรงสองสามครั้งจนร้องโอ๊ยและทรุดลง จากนั้นต้นก็โดนด้วยอีกคน ทั้งสองหนุ่มทรุดกองกับพื้นตรงหน้าบ้าน
“นี่แค่สั่งสอน ทีหลังมึงอย่าได้มายุ่งกับเมียกูอีก ไม่งั้นแล้วกูจะไม่ให้พวกมึงได้กลับไปเห็นหน้าพ่อแม่พวกมึงอีก” ชายหนึ่งในสามคนบอกอย่างเคียดแค้น “ไปเว้ย”

สิ้นเสียงชายสามคนนั้นก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงนั้นออกไป พร้อมกับโยนไม้หน้าสามทิ้งไว้แถวๆ นั้น นิกกับปั้นจั่นวิ่งออกมาดูเพราะได้ยินเสียงคนร้องโอ๊ยและเสียงคนโวยวาย เมื่อเจอเพื่อนสองคนถูกทำร้ายก็ตกใจกันยกใหญ่

“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ ใครทำพวกมึงเนี่ย”

ต้นกับสนส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าชายสามคนนั้นเป็นใคร แต่สนพอจะเดาออกว่าน่าจะเกี่ยวกับก้อยอย่างแน่นอน เขารู้สึกสงสารเพื่อนที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร

นิกกับปั้นจั่นช่วยกันพยุงต้นและสนเข้ามาในบ้าน พอได้ฟังจากที่สนเล่าแล้ว นิกก็รีบต่อว่าทันที “กูว่าแล้ว เดี๋ยวก็ต้องมีเรื่อง ผู้หญิงที่ชื่อก้อย ที่กูรู้มาน่ะไม่ใช่เล่นๆ มันมีผัวอยู่แล้ว เป็นไง ไปยุ่งกับเมียเขา ผิดศีลไม่พอยังเจ็บตัวอีก แล้วไอ้ต้นก็พลอยมาโดนด้วยทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำผิดอะไร”

ต้นขึงตาใส่เพื่อนทันทีที่พูดจบ เขาไม่อยากซ้ำเติมเพื่อนอีก แค่นี้เขาก็รู้ว่าสนเสียใจมากพอแล้ว

“ต้น เราขอโทษที่เราหาเรื่องเดือดร้อนมาให้นาย จนนายต้องมาเจ็บตัวเพราะเรา” สนพูดพลางจับมือเพื่อนไว้ เขาเสียใจเหลือเกินที่เกิดเรื่องแบบนี้

“ไม่เป็นไรสน นายอย่าคิดอย่างนั้นสิ ไม่ใช่ความผิดของนาย” ต้นแก้ตัวให้เพื่อน

“นายอย่าดีกับเราขนาดนี้สิต้น นายด่าเราบ้างก็ได้” สนทำหน้าเหมือนจะร้องให้

“เราไม่ด่า จะให้เราด่านายทำไมล่ะสน” ต้นบอก แล้วก็หันมาว่าเพื่อนอีกสองคน “พวกมึงหยุดว่าสนเสียทีเถอะ แค่นี้สนก็เสียใจมากพอแล้ว”

นิกกับปั้นจั่นจึงหยุด

“จะไปโรงพยาบาลไหม เผื่อช้ำใน” ปั้นจั่นถาม

“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะต้น ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา เราจะไม่ให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดเลย” สนเป็นคนเสนอเอง

“งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกแท็กซี่ให้ รอก่อนนะ” นิกบอกแล้วก็รีบวิ่งออกไป

บทเรียนคราวนี้สนคงจำไปอีกนาน ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่พอเพื่อนต้องมาเจ็บตัวด้วย มันเป็นสิ่งที่สนทนเห็นไม่ได้และเขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก