Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 16
#16, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:40 PM
In response to message #0

ตอนที่ 14 <2>: เมื่อสนไม่สบาย

วันนี้เป็นวันหยุดสบายๆ ของทั้งสี่หนุ่ม วันนี้ไม่มีใครออกไปไหน พอเช้ามานิกกับปั้นจั่นก็ลุกขึ้นมาดูทีวีก่อนใคร สองคนนี้เป็นคนที่ติดทีวีมากพอดู ว่างเป็นไม่ได้ต้องคอยดูทีวีตลอด ต้นลงมาชงโอวัลติลในห้องครัว แล้วก็มานั่งดูทีวีกับเพื่อน ดูไปจิบโอวัลติลไปอย่างสบายอารมณ์

“แล้วเพื่อนรักมึงยังไม่ตื่นอีกเหรอ สายจนป่านนี้แล้ว” นิกหันมาถาม

“เมื่อคืนสนกลับจากงานดึก คงนอนอยู่มั้ง” ต้นบอกแล้วก็หันมาจิบโอวัลติลเหมือนเดิม ต้นไม่ค่อยชอบดูทีวีนัก สนก็เหมือนกัน จะว่าไปแล้วทั้งเขาและสนก็มีนิสัยหลายๆ อย่างที่เหมือนกันอยู่พอสมควร

“เหรอ แต่ปกติมันก็ไม่นอนตื่นสายขนาดนี้นี่หว่า มึงไม่ลองไปดูมันหน่อยล่ะ” นิกเสนอ

ต้นวางแก้วโอวัลติลลงแล้วก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องสน นานพอดูทีเดียวกว่าสนจะมาเปิดประตูให้เขา พอเห็นสภาพของเพื่อนแล้วต้นก็ตกใจ

“สน เป็นไร ไม่สบายหรือเปล่า” ต้นถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

สนพยักหน้าน้อยๆ “สงสัยจะใช่ รู้สึกปวดหัว มีไข้”

“ไปหาหมอไหม”

“ยังดีกว่า เราขอนอนพักสักหน่อยก่อนละกัน” สนปฏิเสธ ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบไปหาหมอนัก เวลาไม่สบายก็มักจะซื้อยามากินเองจนต้นต้องคอยเตือนบ่อยๆ

“งั้นเดี๋ยวเราไปเอายามาให้นะ นายจะกินอะไรหรือเปล่า ข้าวต้มไหม เดี๋ยวเราทำให้” ต้นอาสา

ถึงจะปวดหัวแค่ไหนแต่สนก็อดยิ้มและขำไม่ได้ เขาสัพยอกไปว่า “นายน่ะเหรอจะทำข้าวต้มให้เรากิน สงสัยกว่าเราจะได้กินก็คงบ่าย”

“นายก็...” ต้นว่าเพื่อนพลางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย อันที่จริงนั้นต้นไม่มีฝีมือในการทำอาหารเอาเสียเลย อาหารที่ว่าง่ายๆ ต้นก็อาจจะใช้เวลาทำนานกว่าคนทั่วไปได้ ส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง “เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้ก็ได้”

“เราล้อเล่น” สนว่าพลางหัวเราะ “เราอยากกินโจ๊กหมู ใส่ไข่ ไม่อยากกินข้าวต้ม” สนเริ่มอ้อน เวลาเขาไม่สบายเขามักจะอ้อนแบบนี้เสมอ ต้นพอรู้นิสัยเพื่อนอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับเต็มใจทำให้เสียอีก

“งั้นรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวเรามา” ว่าแล้วต้นก็เดินไป แล้วก็วิ่งปรื๊ดออกไปจากบ้าน นิกกับปั้นจั่นเรียกตามแทบไม่ทัน

สักพักต้นก็กลับมาพร้อมกับโจ๊กหมูใส่ไข่อย่างที่เพื่อนอยากกิน เขาจัดแจงเอาใส่ถ้วยแล้วยกใส่ถาด พอเดินออกมาจากครัวปั้นจั่นก็ถามว่า

“ไอ้สนมันขี้เกียจถึงขนาดที่มึงต้องเอาไปประเคนให้ถึงห้องเลยเหรอวะ”

“เปล่า สนเป็นไข้ ไม่สบาย” ต้นรีบแก้ตัวให้เพื่อน

“อ้าวเหรอ แล้วมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” นิกถามบ้าง

“ไม่มากหรอก” ต้นบอกแล้วก็รีบขอตัวเอาอาหารขึ้นมาให้เพื่อนบนห้อง

สนไม่ได้ล็อกห้องไว้ ต้นจึงสามารถเข้าไปได้เลย

“สนกินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยกินยา” ต้นว่าพลางยกชามโจ๊กหมูมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียงให้กับเพื่อน สนลืมตามองด้วยสีหน้าเหยเกเพราะเริ่มรู้สึกปวดหัวมากขึ้น เป็นสัญญาณว่าเขาควรต้องรีบกินข้าวและกินยาเสียที

สนค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน “ป้อนเราด้วยสิ” สนอ้อนอีกแล้ว จริงๆ เขากินเองได้ แต่เวลาไม่สบายแล้วเขาชอบให้เพื่อนดูแล สนรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แม้ว่าจะไม่สบายแต่พอมีคนมาดูแลแล้วก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้น อย่างน้อยเขาก็รู้ว่ายามตกทุกข์ได้ยากหรือเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังคงมีคนคอยเป็นห่วงและอยู่เคียงข้างเสมอ ที่ผ่านมาก็มีแต่ต้นนี่แหละ ยกเว้นเวลาที่ต้นไม่ค่อยว่างหรือเวลาที่ต้นไปเรียนซึ่งอาจทำให้ต้นไม่ค่อยมีเวลามากนัก แต่ต้นก็จะทำเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่เสมอ

ต้นยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่เขาก็เต็มใจที่จะทำตามที่เพื่อนขอ ต้นค่อยๆ ตักข้าวแล้วก็ส่งเข้าปากเพื่อน สนกินไปก็ยิ้มไปด้วยความชอบใจ

“โห...ไอ้สน มึงนี่เว่อร์จริงๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อยทำสำออยให้ไอ้ต้นมาป้อนข้าว” เสียงของปั้นจั่นดังมาจากประตู นิกก็มาด้วย

“ทำไม เพื่อนกู พวกมึงยุ่งอะไรด้วยล่ะ”สนว่า

นิกกับปั้นจั่นก็พากันหัวเราะ แล้วก็เดินเข้ามายืนดูสนข้างๆ เตียง “ไม่สบายแล้วยังปากเก่งอีกนะมึง ไอ้ต้นก็เหมือนกัน ตามใจเพื่อนจนเคยตัว” ปั้นจั่นหันไปแซวต้นบ้าง ต้นได้แต่นั่งยิ้ม

“ก็ต้นเป็นเพื่อนรักกูนี่หว่า เวลาต้นไม่สบายกูก็ดูแลต้นเหมือนกัน” สนเถียง

“เอาเหอะๆ ปากดีแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ด้วย งั้นพวกกูไม่กวนพวกมึงละกัน” ปั้นจั่นตัดบท แล้วก็พานิกเดินออกไป

พอกินข้าวเสร็จแล้ว ต้นก็เอายาพาราเซตามอลให้เพื่อนกินสองเม็ด พลางกำชับว่า “เราว่าตอนบ่ายนายไปหาหมอดีกว่านะสน เดี๋ยวเราพาไป”

สนพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายจนต้นแปลกใจ ปกติสนจะดื้อมากเรื่องไปหาหมอ บอกให้ไปก็มักจะไม่ค่อยยอมไป

“ทำไมยอมไปง่ายจัง” ต้นถามอย่างสงสัย

“ก็...เราไม่อยากดื้อกับนายแล้วไง เรารู้ว่านายเป็นเพื่อนที่หวังดีกับเรา เราก็เชื่อนายไง นายว่าไงก็ว่างั้น”

ฟังแล้วต้นก็อดยิ้มดีใจไม่ได้ “นายนอนพักก่อนนะ ให้เหงื่อออกก่อน เดี๋ยวเราจะมาเช็ดตัวให้” ต้นบอก

สนค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน ก่อนจะนอน สนบอกต้นเบาๆ ว่า “ขอบใจนะต้น” แล้วสนก็นอนหลับไป

พอใกล้เที่ยงต้นก็เข้ามาดูสนอีกรอบ เห็นเพื่อนนอนหลับอยู่ต้นจึงนั่งรออยู่เงียบๆ ไม่นานนักสนก็รู้สึกตัวเพราะเหงื่อเริ่มผุดเต็มใบหน้า

“เช็ดตัวหน่อยนะสน จะได้สบายตัวขึ้น เดี๋ยวจะได้ไปหาหมอ” ต้นเดินมาบอกเพื่อนใกล้ๆ สนพยักหน้าเห็นด้วย

ต้นหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ในตู้เสื้อผ้าของสนออกมา จากนั้นก็ไปตักน้ำใส่ภาชนะขนาดเท่าๆ ขันออกมาเตรียมไว้ สนยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็ถอดเสื้อกับกางเกงออกเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว ต้นรับเสื้อผ้าของเพื่อนที่เปียกชุมด้วยเหงื่อมาแล้วก็เอาไปทิ้งใส่ตะกร้าให้ จากนั้นก็ไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พอจะใส่ไปข้างนอกได้มาเตรียมไว้ จากนั้นก็จัดการเช็ดตัวให้สน ในขณะที่กำลังเช็ดตัวให้เพื่อนอยู่นั้น ต้นก็รู้สึกเหมือนสนคอยมองเขาและยิ้มอยู่ตลอด บางทีต้นก็หันไปยิ้มด้วยแก้เขิน ต้นไม่รู้หรอกว่าในขณะนั้นสนคิดอะไรบ้าง สนรู้สึกว่ามีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างระหว่างเขากับต้นเกิดขึ้น เป็นความรู้สึกที่สนเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร

“เป็นไง สบายตัวขึ้นหรือยัง” ต้นถามหลังจากที่เช็ดตัวให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สนเหมือนจะได้สติ เขายิ้มและพยักหน้า “ขอบใจมากต้นที่ดูแลเราเป็นอย่างดี”

“ไม่เป็นไรหรอก เวลาเราไม่สบาย นายก็ดูแลเราดีเหมือนกัน” ต้นบอก “เดี๋ยวไปหาหมอกันนะ” ต้นว่าพลางหยิบเสื้อผ้าส่งให้เพื่อน สนรับแล้วก็เอามาใส่โดยมีต้นคอยช่วย

ก่อนจะลุกจากเตียง สนก็หลุดคำพูดออกมาว่า “ต้น...ทำไมนายต้องดีกับเราขนาดนี้ล่ะ”

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจที่ถามคำถามนี้ “ก็...นายเป็นเพื่อนรักของเราไง เราก็ต้องช่วยดูแลนายสิ มันดูแปลกเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” ต้นถามกลับ

“เปล่า” สนรีบปฏิเสธ “เราแค่ดีใจที่มีคนที่รักและเป็นห่วงเราขนาดนี้ เราไม่เคยเจอใครที่ดีกับเราขนาดนี้เลยนะต้น”

“นายก็ดีกับเราเหมือนกัน” ต้นบอกพลางยิ้ม “ไปกันเถอะ” ต้นตัดบท

สนพยักหน้าแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีสายตาของต้นที่มองอย่างเป็นห่วง

“ไหวหรือเปล่า” ต้นถาม

“ไหว” สนตอบพลางยิ้มเพื่อยืนยัน แต่เวลาที่เขาเดินต้นก็จะคอยมองตลอดเผื่อจะช่วยอะไรได้ตอนไหนบ้าง