Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 29
#29, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 15-Jun-11 at 09:20 PM
In response to message #0

ตอนที่ 21: ครั้งแรกที่ต้องจากกันนานๆ

ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้น ต้นก็ไม่ค่อยได้เจอกับสนบ่อยนัก ส่วนหนึ่งเพราะสนแต่งงานแล้วก็อาจจะยุ่งๆ กับการสร้างครอบครัวของเขา อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนั้นที่ทำให้ต้นกับสนมองหน้ากันได้ไม่สนิทใจนัก เพราะต่างก็คลางแคลงซึ่งกันและกัน สนเองก็สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ส่วนต้นก็ไม่เข้าใจว่าสนทำอย่างนั้นทำไม เวลาที่เจอหรือคุยโทรศัพท์กัน ต้นกับสนจะเลี่ยงไม่พูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเลย ทั้งๆ ที่ก็เป็นสิ่งที่ต่างคนต่างก็ติดค้างอยู่ในใจตลอดเวลา อย่างไรก็ดี เมื่อต้นจะต้องไปทำงานที่ประเทศลาวถึงสามเดือน เขาก็คงต้องบอกเพื่อนให้รู้เสียหน่อย ก่อนไปวันหนึ่งต้นจึงโทรไปหาสนเพื่อบอกเรื่องนี้

“ฮัลโหลต้น นายเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า” เสียงของสนตอบมาจากอีกปลายสาย ดูเหมือนเขาดีใจไม่น้อยที่ต้นโทรมา

“สบายดี แล้วนายล่ะ”

“ก็สบายดี...แต่...” สนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “ช่างมันเถอะ ได้ยินว่านายสบายดีก็ดีแล้ว เราคิดถึงแล้วก็เป็นห่วงนายรู้ไหมต้น ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย ให้เราว่างๆ ก่อนเดี๋ยวเราจะไปหานายให้บ่อยขึ้น”

ได้ยินอย่างนั้นก็พอทำให้ต้นใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าเพื่อนยังคงคิดถึงและเป็นห่วงเขาอยู่ “ขอบใจที่นายยังคิดถึงเราอยู่นะสน”

“นายไม่คิดถึงเราบ้างเหรอ”

ต้นถอนใจแล้วก็ตอบไปว่า “คิดถึงสิ แต่เราก็ไม่อยากรบกวนนายไง ช่วงนี้นายคงยุ่งๆ กับครอบครัวอยู่ เราก็เลยไม่ค่อยได้โทรไปหา”

สนสะดุดใจกับสิ่งที่ต้นพูดทีเดียว เขากลัวว่าเพื่อนจะหาว่าเขาแต่งงานแล้วก็ลืมเพื่อน “เอาเป็นว่าให้เราหายยุ่งๆ ก่อนละกันนะต้น ตอนนี้ก็ใกล้จะลงตัวแล้วล่ะ เดี๋ยวเราก็จะไปหานายบ่อยๆ เหมือนเดิม” สนเว้นจังหวะแล้วก็พูดต่อว่า “เราไม่ได้ลืมนายนะต้น เรานึกถึงนายทุกวัน”

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา” ต้นบอกพลางขำเบาๆ สนคงจะคิดมากเพราะเคยโดนเอกต่อว่าว่ามีแฟนแล้วลืมเพื่อนสมัยเรียนมัธยม “แต่เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกหลายเดือนเลยนะสน”

“ทำไมล่ะต้น นายจะไปไหน” สนถามกลับเกือบจะทันที

“คือ...เราจะไปคุมการก่อสร้างเขื่อนที่ลาว...สามเดือน จะไปอาทิตย์หน้านี้แล้ว”

สนรู้สึกใจหายวาบทันที “เพราะอะไรต้น ทำไมนายจะต้องไปนานขนาดนั้น เมื่อก่อนนายไม่เห็นรับงานที่ต้องไปไหนนานๆ แบบนี้เลย ทำไมคราวนี้นายถึงอยากไปล่ะต้น”

ต้นเงียบไปเช่นกัน

“เพราะเราหรือเปล่าต้น” สนตัดสินใจถามออกไป

“เรา...” ต้นไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไร เขากะพริบตาถี่ๆ เพราะน้ำตาเตรียมที่จะไหลออกมาแล้ว “บางที...มันอาจจะช่วยเราได้ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ต้น นายอย่าเพิ่งไปไหนนะ เราจะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ เราจะต้องคุยกันนะต้น” สนบอกแล้วก็รีบวางสาย เขาหยิบกุญแจรถที่เขาเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน แล้วก็หันไปบอกภรรยาซึ่งนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์ว่า “นา...พี่ไปหาต้นนะ เดี๋ยวพี่มา”

บอกแล้วสนก็ออกไปทันที ไม่ได้รอฟังเลยว่าภรรยาเขาจะว่าอย่างไรบ้าง
------------------------------------------------------------------------------------------------
ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ต้นรู้ว่าเพื่อนมาหาจึงเดินไปเปิดประตูให้ พอได้เจอหน้ากันเท่านั้น ความรู้สึกคิดถึงกันเพราะไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมาหลายวันก็ทำให้ทั้งคู่เกือบจะอดใจไม่ได้ สนอยากจะกอดเพื่อนให้หายคิดถึงแต่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงักไป ทำได้แค่ยิ้มให้กัน แต่ก็เหมือนมีอะไรที่ทำให้ทั้งคู่ยังไม่สามารถมองตากันได้อย่างสนิทใจนัก

“ยังไงเราก็ต้องไปนะสน เรารับงานมาแล้ว คงจะเปลี่ยนลำบากแล้วล่ะเพราะเวลามันกระชั้นชิดมาก ที่บริษัทเราคงหาคนไม่ทันหรอก” ต้นรีบชิงบอกเพื่อนทันทีขณะที่พาสนมานั่งที่โซฟารับแขก

สนนั่งลงบนโซฟาแล้วก็ขำเบาๆ “เรารู้ต้น เรารู้ว่ายังไงนายก็ต้องไป แต่ที่เราจะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องนั้น” สนอธิบาย เขารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียต้นก็คงต้องไป ที่เขามาไม่ใช่เพราะจะบอกต้นไม่ให้ไป แต่เขาอยากมาเจอเพื่อนก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกตั้งสามเดือน นับว่านานมากทีเดียวเพราะต้นกับสนไม่เคยห่างกันนานขนาดนั้น สนมองไปรอบๆ ห้องแล้วก็มาหยุดที่ต้น “ห้องนายยังสะอาดเหมือนเดิมนะ ไม่เหมือนห้องเราเลย...” แล้วสนก็หยุดพูดเมื่อรู้ว่าเกือบจะนำปัญหาบางอย่างในครอบครัวมาพูดให้เพื่อนฟังโดยไม่ตั้งใจ

“เดี๋ยวเราไปหาอะไรให้กินนะ” ต้นบอก สนจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว สักพักก็ออกมาพร้อมกับผลไม้กับน้ำดื่ม “ตามสบายนะ” ต้นบอกขณะที่วางถาดผลไม้ลงบนโต๊ะ เป็นของที่สนชอบกินทั้งนั้น

สนยิ้มดีใจที่รู้ว่าเพื่อนจำได้ว่าเขาชอบกินอะไรบ้าง เวลาที่เขามาหาต้นทีไรเขาก็สบายทุกที สบายทั้งกาย สบายทั้งใจ เรื่องเดียวที่ยากก็คืออาหาร เพราะต้นทำอาหารไม่ค่อยเป็น บางทีสนต้องเป็นคนทำให้เพื่อนกิน แต่สนก็ชอบและสนุกกับการทำอาหารให้เพื่อนกินเสมอ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไปหาอะไรกินกันข้างนอก พอเห็นบรรยากาศสบายๆ แบบนี้สนก็รู้สึกไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆ และอยากจะใช้เวลากับเพื่อนให้มากขึ้นจากเดิมที่ตั้งใจว่าจะมาคุยสักพักแล้วก็กลับ

“นายกินด้วยสิ” สนบอกขณะที่เขาหยิบนั่นหยิบนี่กินอย่างสบายอารมณ์

ต้นมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจ “ตามสบายเลย ของโปรดของนายทั้งนั้นเลยนะ” ต้นบอก “ไหนว่านายมีเรื่องจะคุยไง ไม่คุยแล้วเหรอ”

“ก็คุยแล้วนี่ไง” สนบอกพลางทำหน้าตาย เขาเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรจะพูดเรื่องนั้นตอนนี้ เขารู้สึกกลัวที่จะถามและค้นลึกลงไปในความรู้สึกบางอย่างของต้น เขากลัวว่ายิ่งรู้แล้วก็จะยิ่งสงสารเพื่อน เขาเองก็จะยิ่งทำใจลำบาก

“คุยอะไร ยังไม่ได้คุยเลย ก่อนจะวางโทรศัพท์นายพูดอะไรค้างไว้อยู่ แล้วก็บอกว่าจะมาคุยกับเราไง” ต้นทวนความจำให้เพื่อน

“เราไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกต้น เราแค่อยากจะมาคุยกับนายเฉยๆ คุยกันเหมือนที่เราเคยคุยกันไง” สนทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแล้วก็พูดสืบไปว่า “ก็นายจะไปตั้งสามเดือน เราใจหายรู้ไหมต้น เรากับนายไม่เคยจากกันนานขนาดนี้เลยนะ นายไม่กลัวเราเหงาบ้างเหรอ” สนทำเสียงอ้อน

“ก็นายมีคนดูแลแล้วยังเหงาอีกเหรอ” ต้นแย้ง

“ก็...เหงาสิ ไม่มีเพื่อนอย่างนายอยู่ใกล้ๆ เราก็เหงาเป็นธรรมดา นายเป็นเพื่อนที่พิเศษสำหรับเรานะต้น นายก็รู้นี่นา” สนพยายามเฉไฉ ความจริงนั้นเขาไม่อยากจะบอกเลยว่าหลังจากแต่งงานเขารู้สึกเหงามากทีเดียว ยิ่งรู้ว่าต้นจะไปอยู่ไกลนานถึงสามเดือนด้วยแล้วเขาก็คงยิ่งเหงามากขึ้น

ต้นยิ้มน้อยๆ แต่ในใจก็ยังรู้สึกว่าสนต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่ถ้าเพื่อนยังไม่พร้อมที่จะพูดตอนนี้ ต้นก็ไม่คิดที่จะบีบคั้นเพื่อน

ต้นกับสนคุยกันอยู่มากพอสมควรจนเย็น ต้นจึงต้องเตือนเพื่อนว่า “เราว่านายกลับก่อนดีไหมสน เดี๋ยวนาจะรอ”

สนหน้ามุ่ย มาอยู่กับเพื่อนแล้วเขาก็สบายใจจนไม่อยากกลับ แต่เขาก็รู้ว่ามันถึงเวลาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องทะเลาะกับนาได้ “กลับก็ได้” สนตัดใจ

“เดี๋ยวเราลงไปส่งที่รถนะ”

พอลงมาถึงลานจอดรถ สนก็ถอนหายใจหนัก ดูท่าทางเขาจะไม่อยากกลับเอาเสียเลย

“เราคงคิดถึงนายมากเลยต้น ไปตั้งสามเดือนแน่ะ” สนบอกด้วยน้ำเสียงละห้อย “ดูแลตัวเองดีนะ รักษาสุขภาพดีๆ มีอะไรก็โทรหาเราได้ตลอดเวลานะ”

“นายก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆ รักครอบครัวให้มากๆ อดทนหน่อยละกันนะสน สร้างครอบครัวใหม่ๆ อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เราก็เชื่อว่านายทำได้” ต้นบอกพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

ในที่สุดสนก็ห้ามความรู้สึกบางอย่างในใจไว้ไม่ได้ เขาดึงเพื่อนมากอดด้วยความรู้สึกใจหาย “นายรู้ไหมต้นว่าถ้านายไม่อยู่ชีวิตเราคงต้องลำบากแน่ๆ เลย แต่เราก็เข้าใจนายนะ เรารู้ว่าลำพังตัวเราคงช่วยนายไม่ได้ในเรื่องนี้ เราก็หวังว่าเวลาจะช่วยนายได้ เราจะรอนะต้น นายต้องกลับมาล่ะ อย่าหนีเราไปไหน”

ต้นกอดเพื่อนตอบเบาๆ เขาเองก็รู้สึกใจหาย แต่เขาก็ต้องไป เขาเจ็บเหลือเกินที่ต้องเห็นและรับรู้อะไรบางอย่างในตอนนี้ ขอไปทำใจสักพัก มันจะดีขึ้นแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงพอทำให้หายเจ็บได้บ้าง

“เราไม่หนีนายไปไหนหรอก ยังเราก็ต้องกลับมา แค่สามเดือนเอง ไม่นานหรอก”

สองหนุ่มมองหน้ากัน สนนึกถึงภาพตอนที่เขาจูบเพื่อนขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ เขาได้แต่ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ชีวิตของเขาลำบากขึ้นเพราะเขารู้สึกว่าโหยหารสจูบนั้นตลอดเวลา เขาไม่สามารถสลัดมันออกไปจากความคิดได้เลย

“กลับแล้วนะ” สนบอกแล้วก็เปิดประตูรถเข้าไป แต่สายตาเขาก็ยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ ต้นโบกมือให้เพื่อนเมื่อสนขับรถออกไป เขายืนดูสักพักแล้วก็กลับขึ้นห้องไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วต้นก็ได้ไปทำงานควบคุมการก่อสร้างเขื่อนที่ประเทศลาว เขื่อนที่ต้นจะต้องไปควบคุมการก่อสร้างนี้เป็นเขื่อนเจ้าปัญหาที่ได้รับการคัดค้านมาหลายสิบปี จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้จึงได้มีการตกลงที่จะก่อสร้าง เป็นโครงการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินลงทุนมากที่สุดของลาว หลังจากสร้างเสร็จแล้วไฟฟ้าส่วนหนึ่งจะส่งมาขายให้กับไทย ในแต่ละวันต้นต้องลงพื้นที่ทำงานอย่างหนัก ตากแดดตากลมทุกวันจนผิวเริ่มคล้ำ กว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ พอเสร็จงานก็ต้องนั่งรถกลับมาที่พักอีกไกลพอสมควรเนื่องจากพื้นที่สร้างเขื่อนอยู่ห่างจากชุมชนอย่างมาก ที่ที่ต้นพักมีลักษณะเป็นเกสต์เฮาส์หรือคนลาวเรียกว่า “เฮือนพัก” เล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมือง มีคนไทยระดับหัวหน้าและผู้คุมงานพักอยู่หลายคน ตกเย็นบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เหล่านี้ก็จะออกไปข้างนอก หาร้านนั่งกินเหล้าและคุยกัน บางทีก็ไปหาที่ระบายในเรื่องอย่างว่า ต้นก็ไปด้วยบ้างในบางครั้ง เพราะอยู่กับสังคมผู้ชายแท้แล้วก็คงเลี่ยงได้ยาก ไม่อย่างนั้นแล้วต้นก็จะถูกสงสัยว่าเป็นเกย์ได้ แต่ต้นก็ไม่กินเหล้า เขาสามารถคุยได้โดยที่ไม่ต้องกินเหล้า ไม่ว่าใครจะคะยั้นคะยออย่างไรเขาก็ไม่กินจนคนอื่นเลิกเซ้าซี้ไปในที่สุด ส่วนเรื่องอย่างว่านั้น ต้นหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด บางครั้งเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ต้นก็จะใช้วิธีจ่ายเงินค่าตัวแล้วก็แอบหนีกลับทุกครั้ง บางทีเขาก็รู้สึกอึดอัดกับชีวิตแบบนี้ เพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา ทำไมสังคมจึงต้องคาดหวังให้ผู้ชายต้องทำแบบนั้น ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็จะถูกมองว่าไม่เป็นผู้ชาย มันคือการเหมารวมที่ไม่ยุติธรรมเลยสำหรับต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้เป็นวันหยุดสบายๆ ของสน แต่แฟนของเขายังต้องทำงานวันเสาร์อยู่ เขาจึงอยู่ที่คอนโดคนเดียว โดยปกติแล้วถ้าหยุดแบบนี้สนจะไปหาต้นเพราะหยุดวันเสาร์อาทิตย์เช่นเดียวกับเขา แต่พอต้นไม่อยู่เขาก็ไม่รู้จะไปหาใคร เขามีเพื่อนสมัยเรียนอยู่บ้าง แต่พอเรียนจบแล้วก็ห่างๆ กันไปเกือบหมด

ช่วงนี้สนรับงานพิเศษจำพวกออกแบบเว็บไซต์ ฐานข้อมูล เขียนโปรแกรมสำหรับจัดการเว็บไซต์ด้วยเพราะเขาต้องหารายได้พิเศษมาใช้จ่ายในครอบครัว ตั้งแต่แต่งงาน สนต้องผ่อนรถเพิ่มขึ้นอีกอย่างจากการผ่อนคอนโด นอกจากนี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกหลายอย่างเพราะภรรยาของเขาค่อนข้างใช้เงินมือเติบและมักจะมาขอเงินเขาไปซื้อของฟุ่มเฟือยบ่อยๆ โดยเฉพาะเครื่องสำอางและเสื้อผ้าทั้งหลาย

ก่อนจะลงมือทำงาน สนเดินสำรวจห้องพักของเขาซึ่งมีส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นและห้องครัว สนก็พบว่ายังมีเสื้อผ้ากองอยู่และไม่ได้ซัก สนจึงต้องจัดการเอาไปใส่เครื่องซักผ้า ระหว่างที่รอ สนก็เดินไปดูในครัวก็ปรากฏว่ามีจานชามที่กองไว้และไม่ได้ล้างเช่นกัน สนจึงต้องจัดการ สุดท้ายแล้วสนก็ต้องกวาดบ้านถูบ้านเพิ่มอีกเพราะเริ่มมีฝุ่นมากขึ้น เวลาเดินด้วยเท้าเปล่าก็จะรู้สึกได้ สนเหนื่อยใจพอสมควรเพราะรู้สึกว่านาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาไม่ค่อยช่วยเขาทำงานบ้านเท่าไร สนเคยคุยเรื่องนี้ด้วยแล้วแต่ก็ดูจะไม่เป็นผล นามักจะอ้างว่าเธอเหนื่อยเพราะเธอต้องทำงานหกวัน เลิกก็ค่ำ แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน สนจึงต้องทำเองเกือบทุกครั้ง

คิดแล้วสนก็เริ่มเหนื่อยใจ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะอยู่กันลำบากแน่ๆ บางครั้งเขาก็รู้สึกเครียด แต่ก็ไม่รู้จะคุยกับใคร โทรไปหาต้นก็ไม่ค่อยติดเพราะบริเวณที่ต้นทำงานไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ บางทีต้นก็ไม่ค่อยว่างเพราะทำงานหนัก เขาจึงไม่ค่อยได้คุยกับต้นเลยช่วงนี้ ยิ่งทำให้ชีวิตของเขาเครียดมากขึ้น สนได้แต่นั่งนับวันรอที่เพื่อนจะกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ เขารู้สึกว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปช้าเหลือเกิน ป่านนี้ต้นจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ จะลืมเขาแล้วหรือยัง ไม่เจอกันเป็นเดือนแบบนี้ต้นจะทำใจได้แล้วหรือยัง ทำใจของต้นหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าต้นจะเลิกรักเขาแล้วหรือ คิดมาถึงตรงนี้แล้วสนก็ใจหาย เขาต้องการให้ต้นเลิกรักเขาจริงๆ หรือ ถ้าเกิดต้นทำใจได้จริงๆ แล้วลืมเขาไป สนจะทำอย่างไร ชีวิตจะเป็นอย่างไร แน่นอน สนก็ยังคงคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ เหตุการณ์นั้นยังฝังตรึงอยู่ในใจ รสจูบนั้นเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะแต่งงาน จนกระทั่งแต่งงานมาหลายเดือนแล้วเขาก็ยังไม่ลืม นึกถึงทีไรเขาก็ยิ่งสับสนตัวเอง บางทีก็สงสัยว่าระหว่างเขากับต้นมันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยคิดที่จะเข้าไปค้นหา จนกระทั่งวันนี้ บางทีช่วงที่ต้นไม่อยู่นี้เขาอาจจะได้พบความจริงบางอย่างก็ได้