Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 34
#34, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 19-Jun-11 at 09:01 AM
In response to message #0

ตอนที่ 22: พี่มั่นคง

ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้วที่ต้นมาทำงานที่ลาว ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ต้นไม่ค่อยได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่านมากนักเพราะต้องทำงานค่อนข้างหนักและออกพื้นที่ทุกวัน กว่าหัวจะถึงหมอนก็เล่นเอาเหนื่อย พอไม่ได้คิดฟุ้งซ่าน จิตใจของต้นจึงดีขึ้นมาก ที่ต้นทำงานหนักนั้นก็เป็นความตั้งใจของเขาเอง เขาอยากให้ช่วงเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่นี่ช่วยให้เขาสามารถตัดใจและลืมความรักที่ไม่มีวันสมหวังไปเสีย เหลือแค่ความเป็นเพื่อนที่ไม่ต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่เวลาเพียงสามเดือนจะช่วยเขาได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อเขากลับไปแล้ว ได้เจอสนและซึมซาบความดีที่เพื่อนยังคงมีให้ ต้นก็อาจจะกลับมาเหมือนเดิมได้ เพราะฉะนั้น ต้นคงต้องทำอะไรมากกว่าแค่ทำงานเพื่อให้มีเวลาคิดเรื่องสนน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดใจรักใครสักคน

“คิดอะไรอยู่ล่ะต้น” เสียงพี่มั่นคงดังขึ้นทำลายอาการตกอยู่ในภวังค์ของต้นในทันทีทันใด แค่ช่วงเวลาที่พี่มั่นคงไปเข้าห้องน้ำไม่กี่นาที ต้นก็ดูจะใจลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ต้นหันมามองพี่มั่นคงแล้วก็ยิ้มแห้งๆ ตอบไปว่า “ก็...คิดถึงบ้านนิดหน่อยครับ คิดถึงพ่อกับแม่ ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง”

พี่มั่นคงหัวเราะเบาๆ พลางนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับต้น “เหรอ นอกจากพ่อกับแม่แล้วคิดถึงใครคนอื่นเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า”

“ไม่หรอกครับ ผมยังโสดอยู่ โสดสนิทเลยครับ” ต้นตอบพลางขำบ้าง “แล้วพี่ล่ะ”

“เหมือนกันครับ พี่ก็ยังโสดอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยอยากจะโสดละ” พี่มั่นคงบอกด้วยแววตามีเลศนัย

“แสดงว่าเจอคนถูกใจแล้ว สาวลาวหรือเปล่าครับ”

“เปล่า แต่อีกไม่นานต้นก็จะรู้เองแหละครับ” บอกพลางยิ้มแปลกๆ อีก “อาหารมาละ เชิญเลยครับ วันนี้พี่เลี้ยงเอง”

“ไม่เป็นหรอกครับพี่ เกรงใจ ผมช่วยออกด้วยดีกว่า” ต้นแย้ง

“ไม่ต้องเกรงใจ ไว้วันหลังต้นเลี้ยงพี่บ้างก็ได้ เรายังอยู่ด้วยกันที่นี่อีกตั้งเดือน กินอันนี้ไหมเดี๋ยวพี่ตักให้” พี่มั่นคงว่าพลางช่วยตักกับข้าวให้ต้น ต้นยิ้มและกล่าวขอบคูณ

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ต้นสนิทกับพี่มั่นคงพอสมควรเพราะมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายๆ กัน เช่น เขาไม่ชอบกินเหล้าและไปเที่ยวผู้หญิง ที่จริงตอนอยู่ประเทศไทยต้นก็รู้จักพี่มั่นคงอยู่บ้างแต่ไม่สนิทกัน แต่พอช่วงนี้ได้คุยกันมากขึ้น เจอกันบ่อยขึ้น จึงสนิทกันมากขึ้น หลังๆ ต้นจึงปลีกตัวมากับพี่มั่นคงบ่อยขึ้น แต่ตลอดเวลาที่ต้นอยู่ใกล้ๆ พี่มั่นคง เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แสดงว่าพี่มั่นคงต่างจากผู้ชายปกติทั่วไป

“ต้นไม่มีแฟนจริงๆ เหรอ พี่ว่าหน้าตาดีๆ อย่างต้นไม่น่าจะเหลือรอดมาถึงป่านนี้นะ” พี่มั่นคงถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่กินข้าวไปได้สักพัก

“ไม่มีจริงๆ ครับ ผมโสดจริงๆ พอดีผมทำแต่งาน เลยไม่ค่อยมีเวลาที่จะรู้จักกับใครเป็นพิเศษ ตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานอยู่ครับ”

สีหน้าพี่มั่นคงยังมีคำถามอยู่ เหมือนจะยังไม่เชื่อว่าต้นพูดจริง ต้นจึงย้ำอีกว่า “จริงครับพี่ ไม่มีจริงๆ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” แล้วพี่มั่นคงก็ขำ เขาเงียบไปสักพักแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ต้นรู้ตัวหรือเปล่าว่าต้นเป็นคนที่...น่ารักมากเลย”

ต้นชะงักและมองพี่มั่นคงอย่างสงสัยเพราะโดยทั่วไปผู้ชายมักจะไม่ค่อยชมผู้ชายด้วยกันแบบนี้ ทำให้ต้นยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะสายตาที่พี่มั่นคงมองมานั้นทำให้ต้นรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก

“พี่หมายถึง...พี่รู้สึกว่าต้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก แล้วก็มีน้ำใจกับเพื่อนๆ” พี่มั่นคงอธิบายเมื่อเห็นแววตาสงสัยของต้น “พี่ชอบคนแบบนี้”

ต้นสะดุดใจอีกแล้ว แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มเพียงเล็กน้อย “ขอบคุณครับ พี่มั่นก็อัธยาศัยดีนะครับ”

“แล้วชอบพี่หรือเปล่าล่ะ” พี่มั่นคงถามกลับแทบจะทันทีที่ต้นพูดจบ

ต้นอึ้งไปอีก เขาไม่เข้าใจนักว่าพี่มั่นคงหมายถึงอะไร “ก็...ชอบครับ...พี่ก็อัธยาศัยดีอย่างที่ผมบอกเมื่อกี้” ต้นรู้สึกว่าพี่มั่นคงจะแปลกเกินไปสำหรับต้นเสียแล้วตอนนี้

พี่มั่นคงยิ้มอย่างพอใจ เขาคงจะแหย่ต้นเล่นๆ เท่านี้ไปก่อนพอหอมปากหอมคอ เมื่อถึงจังหวะเวลาหนึ่งที่เหมาะสมแล้วจึงค่อยถือโอกาสจู่โจมเพื่อไม่ให้ต้นตื่นตระหนกหรือขวัญกระเจิงไปเสียก่อน

พอกินข้าวเสร็จแล้วพี่มั่นคงก็ขับรถมาส่งต้นที่เฮือนพัก รถที่พี่มั่นคงขับนี้เป็นรถที่บริษัทเช่าไว้ให้ไว้ให้คนที่มาประจำที่นี่ใช้ ต้นขับรถยนต์ไม่เป็นจึงต้องอาศัยพี่มั่นคงอยู่เรื่อยๆ รถที่พี่มั่นคงขับเป็นรถพวงมาลัยซ้ายแต่เขาก็ขับได้เป็นอย่างดี แถมยังมีใบขับขี่นานาชาติด้วย

พอมาส่งถึงที่แล้วพี่มั่นคงก็ขึ้นไปส่งต้นถึงห้องพัก หลายๆ ครั้ง ต้นรู้สึกได้ว่าพี่มั่นคงเข้าใกล้ในระยะประชิดและถึงเนื้อถึงตัวเขาอยู่บ่อยๆ จนสังเกตได้ บางทีก็จับมือ จับแขน บางทีก็โอบไหล่เหมือนคนสนิทกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างนี้อีกหลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น พี่มั่นคงมาส่งต้นที่ห้องเช่นเคย ต้นหาน้ำหาท่ามาให้พี่มั่งคงแล้วก็มานั่งคุยตรงโต๊ะเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับรับแขกหรือไว้นั่งคุยกันเล่นๆ ระหว่างที่คุยกันพี่มั่นคงก็เขยิบเก้าอี้เขามาใกล้ๆ ต้นจนชิด แล้วก็พูดขึ้นมาว่า

“ต้น...พี่ชอบต้นนะ”

“อะไรนะครับ” ต้นถามด้วยความไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือไม่

พี่มั่นคงยิ้มหวานทีเดียวแล้วก็พูดชัดๆ อีกครั้งว่า “พี่ชอบต้นครับ”

“ชอบผม...ชอบแบบไหนเหรอครับ” ต้นทำหน้าเหรอหราและตกใจ

“ก็ชอบแบบที่ผู้ชายผู้หญิงเขาชอบกันไง” พี่มั่นคงจ้องหน้าต้นด้วยสายตายิ้มกรุ้มกริ่ม “พี่รู้นะว่าต้น...ต้นก็เป็นเหมือนพี่ พี่ดูออก พี่สังเกตมานานแล้ว”

“พี่หมายความว่ายังไงครับ” ต้นถามด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ รู้สึกตกใจไม่น้อยที่เจอผู้ชายบอกรักเช่นนี้

“พี่บอกตามตรงก็ได้ว่า...พี่เป็นเกย์ แล้วพี่ก็ดูออกว่าต้นก็เป็นเหมือนพี่...ใช่ไหม” พีมั่นคงถามย้ำ

ต้นหน้าเสียเมื่อรู้ว่ามีคนที่สามารถจับสังเกตและรู้ได้ว่าเขาเป็นเกย์ ทำให้ต้นเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจมากขึ้นว่าแล้วคนอื่นๆ จะสังเกตรู้ด้วยหรือเปล่า ต้นไม่ตอบคำถามของพี่มั่นคงและเงียบอยู่

“แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกนะต้น ไม่ว่าต้นจะเป็นอะไรพี่ก็ชอบต้น ต้นจะเป็นผู้ชายจริงๆ หรือเป็นเหมือนพี่ พี่ก็ชอบต้น ถ้าต้นยังไม่มีแฟน พี่จะขอคบกับต้นได้ไหม” พี่มั่งคงพูดด้วยสายตาอ้อนวอน พอเห็นต้นเงียบ ประหม่าและไม่พูดอะไร พี่มั่นคงก็ถามย้ำอีก “ได้ไหมต้น”

“คือ...” ต้นไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ถึงไม่ได้คิดอะไรกับพี่มั่นคงเกินกว่าความเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่ถ้าเขาเองมัวแต่ปิดใจอยู่แบบนี้ ชีวิตของต้นก็คงต้องอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังและเจ็บปวดตลอดไป เขาจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน ถ้าต้นมีความรักใหม่ มีคนคอยดูแล บางทีสนอาจจะเป็นห่วงเขาน้อยลงก็ได้

“ค่อยๆ ดูกันไปดีไหมครับ ผม...ยังไม่ได้คิดอะไรกับพี่แบบนั้น” ต้นตอบไปในที่สุด ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“ได้...พี่ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วต้น พี่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าพอพี่บอกต้นแล้วต้นจะต้องคิดอย่างเดียวกับพี่ แต่ต้นไม่รังเกียจใช่ไหมถ้าพี่จะขอคบกับต้นแบบนั้น ถ้าต้นไม่มีใครตอนนี้ พี่ก็อยากจะลองคบกับต้นดู วันนี้ต้นยังไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่พี่ก็ขอแสดงเจตนาของพี่ ต้นจะให้โอกาสนี้กับพี่หรือเปล่า” พี่มั่นคงรุกอีก

ต้นครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก็ตอบไปว่า “ก็...ไม่รังเกียจครับ”

“ขอบคุณมากต้น” พี่มั่นคงบอกพลางยิ้มดีใจ แล้วจู่ๆ เขาก็ดึงต้นเข้าไปกอด ต้นตกใจมากทีเดียวแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใดเพียงแต่เขาไม่ยอมกอดตอบเท่านั้น ในขณะนั้นต้นรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่าเขาคิดดีหรือเปล่าที่ตัดสินใจทำสิ่งนี้

“เดี๋ยวพี่กลับก่อนละกัน ต้นจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ต้องลุยงานกันหนัก” พี่มั่นคงบอกแล้วก็ปล่อยต้นออกจากอ้อมแขน

ต้นเดินไปส่งพี่มั่นคงตรงประตู ต้นไม่ค่อยกล้าสบตาเขานัก บางครั้งก็หลบตาลงต่ำ

“พี่ไปแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ” พี่มั่นคงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ แล้วก็โน้มใบหน้าไปหอมแก้มต้น “กู๊ดไนท์ครับ” บอกพลางยิ้ม เห็นต้นทำหน้าประหม่าและตกใจเหมือนกับคาดไม่ถึงแล้วพี่มั่นคงก็ดูจะชอบใจ ไม่ว่าต้นจะทำอะไรก็ดูน่ารักสำหรับเขาเสมอ

เจอการรุกเข้าไปแบบนี้ต้นก็ดูจะตกใจไม่น้อย “ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ที่มาส่ง เดินทางปลอดภัยครับ” ต้นพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ

พอพี่มั่นคงไปแล้ว ต้นเดินกลับมานั่งที่เตียงด้วยความรู้สึกสับสนอีกหลายเท่าตัว ตอนนี้ต้นรู้สึกคิดถึงสนมากเหลือเกิน อยากคุยกับสน อย่างน้อยก็เพื่อให้มั่นใจว่าความรู้สึกที่เขามีต่อสนจะยังคงอยู่ต่อไปได้ ต้นยังหวงแหนความรู้สึกนั้นอยู่ พอคิดว่าจะต้องเสียมันไปแล้วก็ไม่อาจจะทำใจได้ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานานเหลือเกินจนต้นผูกพันกับมัน ถึงมันจะเจ็บปวดบ้างแต่ต้นก็พอใจที่ได้รัก ได้คอยดูแลในบางโอกาส ได้คุยกับสน ได้เห็นรอยยิ้มของสน ได้คอยให้กำลังใจ ได้เห็นความห่วงใยของสนที่มีให้เขา แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ไม่ใช่หรือ หรือต้นต้องการอะไรมากกว่านั้นอีก

ราวกับความรู้สึกจะสื่อสารถึงกันได้ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน สนโทรศัพท์มาพอดี ต้นรีบรับทันที

“ฮัลโหลสน ดีใจมากเลยที่นายโทรมา กำลังคิดถึงอยู่พอดี” ต้นบอกอย่างดีใจ

“เราก็คิดถึงนายเหมือนกัน เพื่อนรัก” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาก็ดูจะดีใจไม่น้อยเช่นกัน “ตอนนี้นายอยู่ไหน กลับที่พักหรือยัง ติดต่อนายยากมากเลย นายสบายดีหรือเปล่า แล้วอยู่ที่นั่นได้ไหม” สนถามเป็นชุด

ต้นขำเพราะไม่รู้จะตอบอันไหนก่อน “อยู่ที่พักแล้ว เราสบายดี อยู่ที่นี่สบายมากเลย อาหารก็อร่อย ผู้คนก็อัธยาศัยดี แล้วนายล่ะ สบายดีไหม นาเป็นไงบ้าง เมื่อไหร่จะมีข่าวดีล่ะ”

สนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกถามเรื่องครอบครัว “ก็สบายดี แต่ข่าวดีหมายความว่ายังไงเหรอ”

“อ๋อ...ก็เห็นแต่งงานกันมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีน้องเลย”

สนชะงักอีก เขาเคยคิดว่าพอแต่งงานแล้วก็อยากจะมีลูกเลย แต่ตอนนี้เขาเหมือนกับไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ถ้ามีลูกขึ้นมาอาจจะทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นอีกก็ได้ “อ๋อ...ยังหรอก เรายังไม่อยากมีตอนนี้ คงอีกสักพัก” แล้วสนก็เปลี่ยนเรื่อง “นายจะกลับวันไหนต้น เราจะได้ไปรับ นายรู้ไหมว่าเราดูปฏิทินทุกวันเลย รอแต่ว่าเมื่อไรนายจะกลับ รู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้เวลานายไม่อยู่ เราไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้เลยนะต้น”

“ยังไม่รู้เลย ถ้ารู้แล้วเราจะโทรไปบอกนะ” ต้นเว้นจังหวะไปแล้วก็ถามว่า “นายมีคนดูแลแล้วยังเหงาอีกเหรอ”

สนอึ้งไปสักพัก “เหงาสิ นายก็รู้ดีนี่นา นายเป็นเพื่อนที่พิเศษที่สุดของเรา นายไม่อยู่ เราก็เหงาเป็นธรรมดา นายไม่รู้สึกเหงาบ้างหรือต้นเวลาที่ไม่เจอเรา”

“ก็เหงาเหมือนกัน แต่เราไม่ค่อยว่าง ทำงานหนักตลอด ก็เลยไม่ค่อยได้มีเวลาเหงาเท่าไร” ตอบพลางหัวเราะ สนก็หัวเราะตาม

พอถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปสักพัก ต้นก็เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เขารู้ว่าเขาอยู่กับสนแล้วมีความสุข แต่อีกด้านหนึ่งก็มีความทุกข์ไม่แพ้กัน จะเป็นไปได้ไหมที่เขากับสนจะเหลือแค่เพียงความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เขาก็จะได้ไม่ต้องทุกข์ สนก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ที่สำคัญ ความรักของเขาที่มีต่อสนตอนนี้เป็นความรักต้องห้ามเสียแล้ว สนมีเจ้าของแล้ว ถ้าเกิดภรรยาของสนรู้เข้าว่าต้นชอบสนแบบนั้นมันจะไม่เป็นผลดีกับชีวิตครอบครัวของสนเลย ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับต้นเท่านั้นว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ ต้นจึงตัดสินใจ

“สน...นายจะว่าอะไรไหม ถ้าเรา...จะคบใครสักคน” น้ำเสียงของต้นดูประหม่าและไม่มั่นใจ

ได้ยินแล้วสนก็ใจหายวูบ รู้สึกเหมือนใครมากระชากเอาดวงใจไปจากตัว “นายหมายความว่าไงต้น คบใครคืออะไร คบแบบไหน”

พอสนถามแบบนั้นต้นก็เริ่มลังเล แต่เมื่อตัดสินใจแล้วต้นก็จะต้องไปต่อ “พอดี...มีพี่ที่ทำงานด้วยกันคนหนึ่งมาชอบเรา แล้วเราก็คิดว่าพี่เขาเป็นคนดี เราก็เลยอยากจะลอง...คบกับพี่เขาดู” ต้นพูดแต่ละคำออกไปอย่างยากเย็น

“พี่ที่นี่นายหมายถึงเป็นผู้ชายใช่ไหมต้น” สนถามเพื่อให้แน่ใจมากขึ้น

“ใช่...” ต้นเงียบไปสักพัก “นายคิดยังไงล่ะสน นายว่าดีไหม ถ้าเรามีคนดูแล นายก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเราด้วยไง”

คำถามนั้นดูเหมือนจะทำให้ทั้งโลกเงียบงัน สนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “ก็แล้วแต่นายละกันต้น ถ้านายมีความสุขเราก็ดีใจด้วย” สนพูดได้แค่นั้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แปลกใจตัวเองเหลือเกินว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ เพื่อนจะมีแฟนแล้วทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจ แถมยังรู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก