Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 7
#7, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 14-Jun-11 at 10:22 PM
In response to message #0

ตอนที่ 7: เพื่อนแท้หรือแค่เหงา

"สน มานี่หน่อยสิ กูอยากคุยอะไรด้วย" เสียงใครคนหนึ่งเรียกสนขณะที่เขากำลังจะเอากระเป๋าเรียนไปเก็บในห้องเรียน วันนี้สนมาโรงเรียนคนเดียวเช่นเคย เป็นอย่างนี้มาสองสามเดือนแล้ว เขาแทบจะได้มาโรงเรียนกับต้นเลยเพราะต้นคอยหลบหน้าเขาตลอดเวลา

"อ้าว! เอก มีอะไร เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อนได้ไหม" สนมองเพื่อนของต้นด้วยความแปลกใจ ปกติเขาก็ไม่คุยได้กับเอกเท่าไรนัก

เอกพยักหน้า พอสนเก็บกระเป่าเสร็จแล้วเอกก็พาต้นไปนั่งที่ม้าหินอ่อนซึ่งยังไม่มีใครนั่ง ตอนนี้เพิ่ง 7 โมงเช้า คนยังน้อยอยู่จึงไม่มีใครมากวน

"สน กูไม่ว่าเลยนะเว้ยถ้ามึงจะมีแฟน แต่มึงก็ต้องให้เวลากับไอ้ต้นมันบ้างสิวะ" พอนั่งลงแล้ว เอกก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เข้าประเด็นทันที เล่นเอาสนอึ้งไปอีกรอบหลังจากที่เมื่อวานโดนเอกต่อว่ามาหยกๆ

"ไอ้ต้นมันเหงานะเว้ย กูสังเกตดูมาหลายวันละ ตอนกลางวันมันก็นั่งกินข้าวคนเดียว กลับบ้านมันก็กลับคนเดียว แถมเมื่อวานมึงก็ไม่มาช่วยมันทำงาน มันก็ทำไม่ค่อยจะเป็น มึงไม่สงสารมันบ้างหรือไงวะ ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักของมันเหมือนกับมึง กูยังสงสารมันเลย"

สนถึงกับจุกในลำคอ เขาไม่เคยรู้เลยว่าการที่เขาห่างเหินไปจะทำให้ชีวิตของต้นเป็นแบบนั้นได้

"ไม่ได้พูดเล่นนะเว้ยไอ้สน ที่กูมาบอกมึงเนี่ยเพราะกูทนสงสารมันไม่ได้ มันเป็นเพื่อนกับมึงมานาน ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น ที่จริงกูก็ไม่ต้องบอกมึงก็ได้ มึงก็รู้ดีอยู่แก่ใจเพราะมึงสนิทกับมันมากที่สุด มึงก็น่าจะรู้ดีว่าไอ้ต้นมันติดมึงมากแค่ไหน แต่นี่มึงเล่นทำตัวห่างเหินไปซะอย่างนั้น ไอ้ต้นมันปรับตัวไม่ได้นะเว้ย มึงต้องให้เวลามันบ้าง มีแฟนแล้วก็อย่าทิ้งเพื่อนสิวะ" ตอนท้ายเอกพูดเชิงตำหนิ

"กูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะเอก กูจะทิ้งต้นทำไม ต้นมันเป็นเพื่อนรักของกูนะเว้ย" สนแก้ตัว แต่ใจก็รู้สึกผิดไปแล้ว

"ไม่รู้เว้ย แต่สิ่งที่มึงทำเนี่ย ถ้ากูเป็นเพื่อนมึงกูก็คงน้อยใจเหมือนกันแหละวะ ระวังนะเว้ย ถ้านายไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ ไป ก็ดูแลจิตใจมันบ้าง ไม่งั้นนายจะต้องมาเสียใจทีหลัง ไอ้ต้นมันเป็นคนดี มึงก็รู้จักมันดีกว่ากูเสียอีก หาไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะเว้ยเพื่อนอย่างไอ้ต้นน่ะ"

สนเงียบ ไม่เถียงเอกแม้แต่คำเดียว เพราะมันเป็นความจริงที่เขาเผลอมองข้ามไปโดยไม่รู้ แต่เขาไม่มีเจตนาอย่างนั้นเลย

"เอางี้ เที่ยงนี้มึงไปกินข้าวกับมันหน่อย ไม่ได้กินข้าวกับแฟนวันเดียวคงไม่ตายหรอกใช่ไหม ได้ไหม" เอกเสนอทางออกให้ สนพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ

"ให้มันได้อย่างนี้สิ ให้สมกับที่ไอ้ต้นมันรักมันห่วงมึงหน่อย อย่าลืมสัญญานะเว้ย ถ้าเที่ยงนี้มึงไม่ไปกินข้าวกับมัน กูจะแย่งไอ้ต้นมันมาเป็นเพื่อนรักกูเอง แล้วอย่ามาขอคืนนะเว้ย" เอกแซว ทำให้สนพอขำได้บ้าง
------------------------------------------------------------------------------------------------พอถึงเวลาเที่ยง สนก็มาตามที่สัญญาไว้กับเอก ใจจริงเขาก็ตั้งใจจะมาอยู่แล้วเพราะเขาเองก็คิดถึงต้นเหมือนกัน ไม่ได้คุยกับต้นหลายวันเขาก็รู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไป แต่ปัญหาก็คือวันนี้เขายังไม่เจอดาเลย ยังไม่ได้บอกแฟนเลยว่าจะมากินข้าวกับต้น แต่คิดไปคิดมาสนก็เห็นว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ทำไมเขาจะกินข้าวกับเพื่อนเขาบ้างไม่ได้

พอมาถึงโรงอาหาร ก็เห็นต้นนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวเหงาๆ อย่างที่เอกบอกจริงๆ สนรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ทำร้ายจิตใจเพื่อนเขาได้ขนาดนี้ เขาเดินเข้าไปหาเพื่อนซึ่งนั่งหันหลังให้เขาอยู่ วันนี้ดูท่าทางอากาศจะร้อนเพราะต้นถกแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยปากเรียกเพื่อน สนก็เหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นที่ต้นแขนของต้นซึ่งโผล่พ้นแขนเสื้อมาเล็กน้อย รอยแผลนั้นเขาจำได้ดี มันเกิดขึ้นตอนที่ต้นเสี่ยงชีวิตไปช่วยเขาให้พ้นจากการถูกชายโรคจิตข่มขืน สนถึงกับจุกในลำคอและพูดไม่ออก คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือเพื่อนที่รักเขามาก ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตไปช่วยเขา แต่พอเขามีแฟนเขากลับปล่อยให้เพื่อนนั่งเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้ สนรู้สึกผิดและสำนึกอย่างแท้จริงในเวลานี้ เขาได้แต่ขอโทษเพื่อนในใจ สนรู้ว่าต้นติดเขามาก มีอะไรก็จะถามหาหรือนึกถึงเขาตลอด เขารู้ว่าต้นคิดถึงเขาแต่เขากลับไม่ค่อยได้มาหาเพื่อนเลย สนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ถือจานข้าวเดินไปนั่งลงข้างๆ ต้น

"เรานั่งด้วยได้ไหม" สนถามเพื่อน ต้นเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ แต่เขาคิดว่าสนคงแค่มาทักแล้วก็คงจะไปนั่งกินข้าวกับแฟนตามเดิม ต้นพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบๆ

"ไม่ไปกินข้าวกับแฟนเหรอวันนี้" ต้นถาม สนสะอึกเล็กน้อย เขาเขยิบไปนั่งชิดๆ แล้วกอดคอต้นไว้

"ก็เรามาหานาย จะไปถามถึงคนอื่นทำไม" สนใช้คำว่า "คนอื่น" กับแฟนของเขาเอง ทำให้ต้นแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"ไม่อยากให้เรามากินข้าวด้วยหรือไง" สนถามด้วยเสียงคล้ายน้อยใจก่อนปล่อยมือออกจากเพื่อน

ต้นรีบปฏิเสธทันที "เปล่านี่ ก็แค่เห็นนายมีแฟนแล้ว ก็เลยสงสัยว่าทำไมไม่ไปกินข้าวกับแฟนแค่นั้นแหละ" ต้นบอก น้ำเสียงเขาฟังดูเหมือนน้อยใจอยู่หน่อยๆ

"ก็เราคิดถึงนายนี่นา ก็เลยอยากมาคุยด้วย อยากมากินข้าวกับเพื่อนรักของเรา มีแฟนแล้วก็มากินข้าวกับเพื่อนได้ไม่ใช่เหรอ" สนบอกเชิงสัพยอก

ต้นรู้ตัวว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเพื่อนอีก เพราะเดี๋ยวจะกระทบใจกันเสียเปล่าๆ ก็เลยเงียบ

"เราขอกินอันนี้ของนายหน่อยนะ เดี๋ยวเราแบ่งอันนี้ให้" สนไม่พูดเปล่า แต่ตักเอาอาหารจากจานข้าวของเพื่อนมาใส่ของตัวเอง แล้วก็ตักของเขาแบ่งให้ต้นไป

"นายกินข้าวคนเดียวทุกวันหรือเปล่า" สนถามเมื่อกินข้าวไปได้สักพัก

ต้นหยุดมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย "ก็ไม่ทุกวันหรอก บางวันเอกก็มากินเป็นเพื่อน" ต้นตอบไปตามความจริง

"เหรอ...เหงาไหม" สนถามพลางมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกสงสาร

ต้นเงียบไปพักหนึ่งแล้วก็ตอบไปตามตรงว่า "ก็มีบ้าง... แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เราก็ยังมีเพื่อนๆ อยู่ตั้งหลายคน"

สนมองเพื่อนด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ ต้นคงเหงาและคอยที่จะคุยกับเขามาหลายวันแล้วสินะ "นายว่า... เอกเป็นเพื่อนที่ดีไหม" สนถามคำถามที่ชวนสงสัยอีก

"ก็ดีนี่ มันก็ดีกับเราจะตาย มีอะไรเหรอ" ต้นถามพลางขมวดคิ้ว

สนจึงขำที่เห็นเพื่อนสงสัย "เปล่า... แค่อยากรู้ว่านายสนิทกับเอกแค่ไหนแค่นั้นแหละ" สนแก้ตัว แม้จะรู้ว่าเอกพูดเล่น แต่ถ้าต้นหันไปสนิทกับเอกมากกว่าที่สนิทกับเขา สนก็คงแย่เหมือนกัน

"เย็นนี้ เราอยากจะคุยอะไรกับนายหน่อยได้ไหม" สนถาม ต้นเลิกคิ้ว วันนี้สนดูแปลกๆ ทำให้เขาสงสัยหลายอย่าง

"ได้สิ" ต้นรับคำ

สนยิ้ม ต้นเป็นคนดีตรงที่ไม่เคยต่อว่าอะไรเขาเลย แม้ว่าเขาจะทำผิดแต่ต้นก็ไม่เคยพูดซ้ำเติมหรือกระแนะกระแหนให้เจ็บใจ อาจจะมีงอนนิดๆ หน่อยๆ บ้างบางครั้ง ถ้าไม่สังเกตหรือเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก็จะดูไม่ออกเลยว่าต้นน้อยใจ เขาจึงรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่คุยกับเพื่อนคนนี้ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงไม่เคยทะเลาะกับต้นเลย ต่างจากเพื่อนทั่วๆ ไปที่มักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------
ดาดูจะไม่พอใจเท่าไรนักที่วันนี้สนไม่ยอมมากินข้าวด้วย แถมยังไม่บอกอีกว่าไปไหน ทำให้เธออายเพื่อนมากเพราะเพื่อนๆ เข้ามาถามด้วยความสงสัยว่าเป็นแฟนกันประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าแฟนตัวเองไปไหน ดาจึงมาดักรอสนตรงบริเวณบันไดที่สนจะต้องเดินขึ้นห้องเรียน พอเห็นสนมา ดาก็รีบปรี่เข้าไปถามทันที

"พี่สนไปไหนมา ทำไมวันนี้ไม่มากินข้าวกับดาล่ะคะ" ดาทำเสียงกระเง้ากระงอด

"อ๋อ พี่ไปกินข้าวกับต้นมา" สนตอบด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา แต่ดากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น

"แล้วทำไมพี่ไม่บอกดาล่ะคะ ปล่อยให้ดาตามหาอยู่ได้ แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกับพี่ต้นด้วย พี่ต้นเขากินข้าวเองไม่ได้หรือไง" ดาต่อว่า

สนเริ่มขมวดคิ้ว ถ้าเกิดว่าเป็นเพื่อนผู้ชายแล้วมาว่าต้นแบบนี้ สนคงเอาเรื่องแน่ๆ คนที่เดินผ่านไปมาก็เริ่มมอง

"ดา...ต้นเป็นเพื่อนพี่ พี่ก็ต้องให้เวลากับเพื่อนพี่บ้างสิ" สนอธิบาย แต่สีหน้าดาก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี

"ไม่รู้ล่ะ ถ้ายังคิดจะเป็นแฟนกับดาอยู่ ก็ต้องมากินข้าวกับดาทุกวัน ดาอายเพื่อนรู้ไหมเวลาที่พวกมันถามว่าพี่สนไปไหนถึงไม่มากินข้าวกับดา" ดาไม่ยอมลดละ

สนถึงกับอึ้งไปไม่คิดว่าแฟนเขาจะตั้งเงื่อนไขอะไรมากถึงขนาดนี้ เขารีบตอบกลับทันทีว่า พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกดา พี่ทิ้งเพื่อนพี่ไม่ได้ ดาต้องเข้าใจพี่บ้างสิ" สนพูดเชิงขอความเห็นใจ

แต่ดากลับทำเสียงเขียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก "โอ๊ย ก็แค่เพื่อนคนเดียวจะอะไรกันนักกันหนา พี่ก็คิดดูเอาละกันว่าจะเลือกเพื่อนหรือจะเลือกแฟน" ดาพูดทิ้งท้ายก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับห้องเรียนของตัวเองไป เธอค่อนข้างมั่นใจว่าวิธีนี้จะต้องได้ผลเพราะผู้ชายส่วนมากก็ต้องเลือกแฟนอยู่แล้ว

สนถอนหายใจด้วยความหนักใจ มองดูแฟนที่เดินสะบัดหน้าหนีไปด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาจะต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน เพื่อนก็คือเพื่อน แฟนก็คือแฟน ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้
------------------------------------------------------------------------------------------------
เลิกเรียน สนก็กลับบ้านพร้อมกับต้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เขาดูมีความสุขมากทีเดียวที่ได้มีโอกาสทำแบบนี้อีกครั้ง ส่วนแฟนเขานั้น ตอนนี้งอนตุ๊บป่องไปแล้ว ยิ่งเขาไม่ไปส่งที่บ้านวันนี้เธอก็คงจะงอนหนักเข้าไปอีก แต่สนก็ต้องตัดใจ เขาคิดว่าเขาน่าจะจัดการกับแฟนเขาได้อยู่ แต่วันนี้เขาอยากมีเวลาให้เพื่อนเขาบ้าง อีกอย่างหนึ่ง เขาก็ยอมรับว่าเขาคิดถึงเพื่อน อยากกลับบ้านกับเพื่อนเหมือนเคย ถ้าเกิดเขาไม่มาหาต้นวันนี้แล้วเกิดเสียเพื่อนไป เขาจะต้องเสียใจยิ่งกว่าเลิกกับแฟนเป็นแน่

พอถึงบ้าน สนก็ชวนต้นมานั่งคุยกันตรงสะพานเล็กๆ ที่พาดข้ามคลองส่งน้ำหน้าบ้านของต้น หกปีแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เขารู้สึกผูกพันกับมันมากทีเดียว ตะวันยามเย็นกำลังตกดิน ดวงอาทิตย์ดูกลมโตกว่าเดิมหลายเท่ากว่าตอนที่มันอยู่กลางท้องฟ้า รอบๆ บริเวณนี้มีหมู่บ้าน ทุ่งนาและไร่ส้มโอเห็นอยู่ทั่วไป ความสวยงามตามธรรมชาติเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ต้องซื้อหามาเลย

"ต้น... เราขอโทษนะ" สนเริ่มต้นด้วยการขอโทษ

"เฮ้ย ขอโทษเรื่องอะไรกัน" ต้นหันมาถามด้วยความสงสัยพร้อมกับหยุดเอาขาตีน้ำ

"ก็..." สนถอนหายใจยาวก่อนพูดต่อว่า "ก็ที่เรามีแฟนแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาให้นายไง เรามาคิดๆ ดูแล้ว เราเป็นคนที่ห่างเหินไปเอง ไม่ค่อยมาคุยกับนาย ไม่มากินข้าวเที่ยงกับนาย ไม่กลับบ้านกับนาย ปล่อยให้นายเหงาอยู่คนเดียว"

"ไม่ต้องขอโทษเราหรอกสน เราเข้าใจ เราก็ยอมรับว่าเราอาจจะมีน้อยใจบ้าง แต่พ่อเราบอกว่า มันก็เป็นธรรมดาที่เราต้องให้ความสำคัญกับแฟน เพราะแฟนคือคนที่จะอยู่เป็นคู่ชีวิตของเรา เราต้องเรียนรู้ ต้องศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกันให้มากที่สุด ที่นายทำอย่างนั้นก็ไม่ผิดอะไรหรอก เราเข้าใจนะสน เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ" ต้นอธิบาย แล้วก็พูดต่อว่า "สนไม่ต้องกังวลกับเราหรอก เราก็อาจจะเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งทีผ่านมา แล้วก็อาจจะผ่านไป แต่คนที่จะอยู่กับนายตลอดไปจริงๆ ก็คือแฟนของนายนั่นแหละ ถ้านายจะใช้เวลากับแฟนมากกว่าเรา เราก็เข้าใจ"

สิ่งที่เพื่อนเขาอธิบายมาแต่ละอย่าง ล้วนแต่ทำให้สนมั่นใจมากขึ้นว่าเขาเลือกคบเพื่อนไม่ผิดคนจริงๆ ต้นเข้าใจเขาและไม่ต่อว่าเขาแม้แต่คำเดียว

“แต่เราก็ทำให้นายน้อยใจใช่ไหมล่ะ” สนถามกลับ

“ช่างเถอะสน มันผ่านไปแล้ว” ต้นรีบตัดบท

“แต่เรารู้สึกผิดไงต้น เราสนิทกัน เจอกัน คุยกันทุกวัน แต่อยู่ๆ เราก็หายไป เรารู้ว่านายต้องคิดถึงเรามาก ใช่ไหมต้น แต่เรากลับทำเหมือนไม่สนใจใยดี” สนพูดได้แค่นั้นเพราะต้นก็ตัดบทอีกครั้ง

“ไม่เอาสน อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิ เราบอกว่าเราเข้าใจแล้วไง เราจะเหงาบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก นายต้องให้เวลากับแฟนมากหน่อยเป็นธรรมดา แต่เราก็รู้อยู่ว่านายไม่เคยคิดที่จะทิ้งเราหรอก”

สนเงียบ มองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ แม้เขาจะยอมรับผิดแต่ต้นกลับบอกเขาตลอดว่าเข้าใจ "ต้น นายรู้ไหมว่าทำไมเราถึงได้เป็นเพื่อนกับนายมาได้นานจนถึงหกปี" สนถามด้วยสีหน้ายิ้มละไม "เพราะนายเข้าใจเราไงต้น เราอยู่กับนายแล้วเราสบายใจ จริงๆ นายจะด่าเราก็ได้ แต่นายก็ไม่ทำอย่างนั้น เราขอดูรอยแผลที่ต้นแขนนายหน่อยสิต้น" สนบอกพลางใช้มือเขาถกเขนเสื้อต้นขึ้นโดยไม่รอให้เพื่อนตอบรับเสียก่อน

"รอยแผลที่อยู่บนแขนของนาย จะเป็นเครื่องเตือนใจเราเสมอว่านายคือคนที่ให้ชีวิตเรา เรามีข้าวกินก็เพราะนาย เราเรียนหนังสือเก่งขึ้นก็เพราะนาย เรารอดพ้นจากคนโรคจิตบ้ากามก็เพราะนาย เรามีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ก็เพราะนาย เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไปก็เพราะนาย นายจำไว้นะต้น เรามาถึงวันนี้ได้ นอกจากพ่อกับแม่เราแล้ว ก็มีนายอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเรา นายคือคนที่มีบุญคุณกับเรามากรู้ไหม"

ต้นส่ายหน้าแล้วรีบบอกเพื่อนว่า "อย่าคิดอย่างนั้นสิสน นายก็ช่วยเหลือเราทุกอย่างเหมือนกันนะ นายก็มีบุญคุณกับเราเหมือนกัน"

"นั่นแหละ ที่เราอธิบายยืดยาวนี่ก็เพราะอยากให้นายรู้ว่าทำไมเราถึงต้องขอโทษนายไง นายอาจจะไม่โกรธก็ช่าง แต่เรารู้ว่าเราทำไม่ดีกับนายเราก็ต้องขอโทษ เราไม่ได้รู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีตรงไหนเลย ถ้านายไม่ถือโทษโกรธเคืองก็แล้วไป แต่ถ้านายโกรธ เราก็อยากจะให้นายอภัยให้เรา เราสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เราจะมีเวลาให้นายมากขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้มากแค่ไหนนะ แต่ก็จะพยายามมาหานายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ละกัน" สนบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"ขอบใจนะสนสำหรับความตั้งใจของนาย เราจะไม่บังคับอะไรนายหรอก ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น เราก็จะพยายามเข้าใจนาย วันหนึ่งถ้าเรามีแฟนเราก็อาจจะเป็นเหมือนนายก็ได้ ใครจะรู้" ต้นบอกพลางขำ

"จะเอาคืนเหรอ" สนถามพลางขำ "ขอบใจสำหรับความเข้าใจของนาย จะให้พูดอีกกี่ครั้งเราก็พูดได้เสมอว่านายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา" สนหยุดแล้วพูดต่อ "บางทีเราก็ใจหายนะต้น เรายังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะได้เรียนต่อไหม หรือจะไปอยู่ที่ไหนหลังจากจบ ม.6 แล้ว"

"ทำไมล่ะสน นายจะไม่เรียนต่อเหรอ หรือว่านายจะย้ายไปอยู่ที่อื่น" ต้นถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วก็ตาม

"ตอนนี้เราก็ยังบอกอะไรไม่ค่อยได้ พ่อกับแม่เราไม่รู้ว่าจะหาเงินให้เราเรียนต่อมหาลัยได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เรียนหนังสือก็อาจจะต้องออกมาหางานทำช่วยพ่อกับแม่ อาจจะทำที่นี่หรือไม่ก็อาจจะย้ายไปอยู่ที่อื่น เราไม่รู้อนาคตของเราเลย แต่นายไม่ต้องกังวลหรอกนะต้น เราลำบากมาเยอะแล้ว จะลำบากอีกสักแค่ไหนเราก็ไม่กลัวหรอก เรากลัวแค่อย่างเดียวเท่านั้นตอนนี้" สนหยุดไว้แค่นั้น

"อะไรล่ะ" ต้นถามด้วยความอยากรู้

"ก็...กลัวว่าเราจะต้องไปจากนายแล้วไม่ได้เจอกันอีกไงล่ะ" สนบอกด้วยเสียงเศร้า

"นายก็มาหาเราได้ตลอดเวลานะ เรายินดีต้อนรับนายอยู่แล้ว จะให้เราช่วยอะไรนายก็บอกเราได้ ถ้าทำได้เราก็ทำ เหมือนที่ผ่านมาไง นายจะไปอยู่ที่ไหนนายก็มาหาเราได้เสมอ" ต้นปลอบเพื่อน

สนยิ้มด้วยความรู้สึกอุ่นใจ คิดแล้วก็นึกโมโหตัวเองที่เขามัวแต่ให้เวลากับแฟนมากไปจนลืมเพื่อนของตัวเอง เพื่อนดีๆ แบบนี้จะไปหาที่ไหนอีก ดีนะที่ต้นมันไม่น้อยใจแล้วก็เลิกคบกับเขาไปเลย ถึงตอนนั้นมีแฟนสิบคนก็คงทดแทนเพื่อนคนนี้ของเขาไม่ได้

"ไปกินข้าวกันเถอะ แม่ออกมาเรียกแล้ว" ต้นบอกเพื่อน แล้วเด็กหนุ่มสองคนก็เดินกอดคอกันเข้าไปในบ้าน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้าย ดากับสนก็คบกันไปไม่ได้นานเพราะสนไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของดาได้ ไม่ว่าจะอธิบายอย่าไรดาก็ไม่ฟัง แต่สิ่งที่ทำให้สนไม่พอใจมากก็คือการที่ดาไประรานต้นเพื่อนของเขา เธอไปต่อว่าต้นว่า "พี่ต้นกินข้าวเองไม่ได้หรือไงคะ ทำไมจะต้องให้พี่สนมากินข้าวด้วยบ่อยๆ คนเขาเป็นแฟนกันก็อยากจะมีเวลากินข้าวด้วยกันบ้าง" ต้นได้แต่งงงันไม่ได้ตอบโต้อะไร เขารู้สึกอายมากเพราะดามาว่าเขาต่อหน้าเพื่อนๆ อีกหลายคน ดาไม่รู้ว่านี่คือสิ่งที่ผิดมหันต์สำหรับสน เพราะคนทั้งโรงเรียนนี้นอกจากจะรู้ว่าสนไม่ชอบกะเทยแล้ว ทุกคนก็จะรู้อีกว่าต้นคือ "เพื่อนสน ใครอย่าแตะ"

พอต้นรู้ข่าวเข้าก็เริ่มไม่สบายใจเพราะคิดว่าตัวเขาเองเป็นเหตุให้สนกับแฟนต้องเลิกกัน ตอนเลิกเรียนก่อนที่สนจะลงซ้อมกีฬาในสนาม ต้นก็รีบเข้าไปคุยกับเพื่อนเรื่องนี้ทันที

"สน เราได้ยินเพื่อนๆ มันพูดกันว่านายเลิกกับดาเหรอ"

สนเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังผูกรองเท้าผ้าใบอยู่ข้างสนามหญ้าหน้าโรงเรียน เขาพยักหน้าและตอบสั้นๆ ว่า "อือ"

ต้นออกจะงงหน่อยๆ ตรงที่สนไม่ได้แสดงท่าทางเสียใจอะไรเลย "ทำไมล่ะสน เพราะเราหรือเปล่าล่ะ" ต้นถามด้วยความกังวลใจ เขารู้สึกไม่ดีเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเหตุทำให้เพื่อนเลิกกับแฟน สนทำท่าครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่ตอบคำถามทันที

"เราขอโทษนะสนถ้าเราเป็นต้นเหตุ แต่เราไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้นายต้องเลิกกับแฟนเลยนะสน" ต้นอธิบาย

สนยิ้มน้อยๆ แล้วบอกเพื่อนไปว่า "นายไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้หรอกต้น เรารู้ว่านายไม่เคยมีเจตนาที่ไม่ดีกับเราอยู่แล้ว" สนเว้นจังหวะไปแล้วพูดต่อว่า "ที่เราเลิกกับดาเพราะดาไม่เข้าใจเราเลยต่างหาก เราต้องมีเวลาให้กับเพื่อนบ้าง เราจะทิ้งนายไปได้อย่างไรล่ะต้น เราไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน คนที่จะเป็นแฟนกับเราก็ต้องเข้าใจเราบ้าง ที่ผ่านมา เรารู้สึกผิดมากที่ทอดทิ้งนายให้เหงาอยู่คนเดียว แต่วันนี้ เรารู้แล้วว่า คนที่สำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือนาย” สนหยุดเว้นจังหวะ “เราไม่รู้หรอกว่าหลังจากจบ ม. 6 แล้วเรายังจะได้เจอกันอีกไหม ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้เราอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในโรงเรียนนี้ ในหมู่บ้านนี้ อยู่เป็นเพื่อนที่ดีกับนายให้มากที่สุดนะต้น"

สนลุกขึ้นมากอดคอเพื่อน ต้นกอดคอเพื่อนตอบพร้อมกับรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความเข้าใจ ‘เพื่อนรัก นายจะรู้ไหมว่า ยิ่งนายดีกับเรามากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เรารักนายมากขึ้นเท่านั้น’