Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 71
#71, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 08-Jul-11 at 09:36 PM
In response to message #0

ตอนที่ 28: รักต้องห้าม

ตอนแรกสนกะว่าพอไปถึงแล้วจะรอให้ต้นลงมาหาเขาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าที่ต้นไปโยนโบวลิ่งกับพี่มั่นคง แต่คิดไปคิดมาเขาก็ตัดสินใจขึ้นไปรับต้นที่ลานโบวลิ่งเสียเลยเพราะเขาต้องการให้พี่มั่นคงรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาจึงโทรบอกต้นว่าเขาใกล้ถึงแล้ว พอขึ้นมาถึงลานโบวลิ่ง สนหันซ้ายหันขวาสักพักก็เจอต้นกับพี่มั่นคงนั่งพักคุยกันอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้สนจึงหยุดยืนมองแล้วส่งเสียงเรียก

“ต้น”

ต้นกับพี่มั่นคงหันมามองทันที ทั้งคู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตาแสดงความแปลกใจทีเดียวที่เห็นสนมายืนอยู่ตรงนี้

“อ้าว ทำไมไม่โทรบอกเราก่อนล่ะ เราจะได้ลงไปหา” ต้นถาม

สนเดินเข้าไปหาเพื่อน เขายกมือสวัสดีพี่มั่นคงตามมารยาท “ไม่เป็นไร ก็เราอยากมารับนายถึงที่เลยไง ไปกันเลยไหม” สนจับไหล่เพื่อน สายตามองพี่มั่นคงคล้ายกับจะเย้ยหยัน

ต้นพยักหน้า แต่ในใจก็รู้สึกเกรงใจพี่มั่นคงไม่น้อยเลยทีเดียว พี่มั่นคงสีหน้าดูเศร้าลงไปถนัดใจเมื่อรู้ว่าเขาจะไม่ไปกินข้าวด้วย ยิ่งพอบอกว่าสนจะมารับแล้วพี่มั่นคงก็ยิ่งหน้าเสีย คิดแล้วก็รู้สึกผิด แต่จะทำไงได้ ต้นรักเพื่อนก็ต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนก่อน
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนพาต้นกลับมาถึงคอนโดราวทุ่มเศษๆ พอมาถึงก็พากันเข้าครัวทำอาหารกันเลยทันที ต้นก็เป็นลูกมืออีกตามเคย หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันพร้อมกับดูทีวีไปด้วย จากนั้นก็ผลัดกันอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัว เวลาอยู่ในที่ส่วนตัว สนชอบใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ต้นเห็นทีไรก็ใจคอหวิวๆ ส่วนต้นก็ใส่กางเกงขาสั้นแบบสบายๆ พร้อมกับเสื้อยืดสีขาวคอกลมกลางเก่ากลางใหม่

“เรามีอะไรจะให้นายดู มานี่สิ” สนชวนเพื่อนพลางหยิบนิตยสารสองสามเล่มเกี่ยวกับการตกแต่งสถานที่เดินนำเข้าไปในห้องนอน เขาเปิดไฟแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง วางหนังสือลง

ต้นตามลงไปนั่งข้างๆ แล้วก็ถามว่า “มีอะไรเหรอ”

สนเปิดหนังสือแล้วก็ชวนต้นดูภาพตัวอย่างการตกแต่งร้านอาหาร “จำได้ไหมที่นายชวนเราทำร้านอาหาร เราก็เลยไปหาตัวอย่างการตกแต่งร้านอาหารมาดู นี่ไง นายช่วยเราดูหน่อยสิว่าถ้าเรามีร้าน เราจะทำร้านสไตล์ไหนดี”

“นายสนใจจริงๆ เหรอสน” ต้นถามพลางยิ้ม รู้สึกดีใจที่เพื่อนมีความสนใจในเรื่องนี้จริงๆ

“จริงสิ เรามาคิดๆ ดูแล้ว เราว่าเราชอบจริงๆ นะต้น ทำแล้วมีความสุข ไม่เครียดดี ช่วยเราดูหน่อย” สนชวนเพื่อนมาสนใจกับภาพตัวอย่างการตกแต่งร้านต่อ “นายว่าแบบนี้น่าสนใจไหม”

ต้นพยักหน้า “นายจะทำร้านอาหารแบบไหนล่ะ อาหารไทยทั่วไป อาหารตามสั่งหรืออาหารฝรั่งล่ะ”

“นายว่าแบบไหนดีล่ะ แต่โดยส่วนตัวเราชอบทำอาหารไทยมากกว่า” สนยิ้มละไม

“อืม...เราว่านายทำอาหารไทยอร่อยที่สุดแล้วล่ะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตกแต่งแบบไทยๆ ก็ได้นะ อาจจะเป็นร้านแนวทันสมัยหน่อย แต่ขายอาหารไทย” ต้นเสนอแนะพลางมองหน้าเพื่อน อยู่ใกล้กันแบบนี้ทีไรต้นใจคอไม่ค่อยดี สนเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลามากจนเป็นพระเอกละครได้ ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด เวลาที่สนยิ้มทีไร โลกทั้งโลกจะสดใสขึ้นทันที

“ก็น่าสนใจนะ ถ้าอย่างนั้นแบบนี้น่าสนใจไหม” สนเปิดให้เพื่อนดูอีกแบบ

ต้นขมวดคิ้ว “อืม...อันนี้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร มันดูมืดไป มีแบบที่มันสว่างกว่านี้หรือเปล่าล่ะ”

“เหมือนจะเจออยู่ เดี๋ยวนะ” ว่าแล้วสนก็หยิบนิตยสารอีกเล่มมาเปิดหา พอเจอแล้วก็ชี้ให้ต้นดู “นี่ไง”

“นายวางแผนว่าจะมีร้านเป็นของตัวเองเมื่อไรล่ะสน”

สนเงยหน้าจากหนังสือแล้วมองเพื่อน “ก็...น่าจะภายในสี่ห้าปีนี้แหละ ตอนนี้ขอเก็บเงินแล้วก็พัฒนาฝีมือไปก่อน” สนบอกด้วยสายตาฉายแววความหวัง

“ดีมากเพื่อน เราภูมิใจในตัวนายมากที่นายค้นพบสิ่งที่นายชอบแล้ว เรายินดีช่วยนายทุกอย่างเลยนะสน ไม่ต้องห่วงเลย เรื่องนี้เราช่วยนายเต็มที หมดตัวก็ยอม” ต้นพูดติดตลกในตอนท้าย แต่เขาก็คงต้องยอมหมดตัวจริงๆ ถ้าสนอยากทำ

สนยิ้มให้เพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบใจมาก นายคือเพื่อนแท้ที่สมบูรณ์แบบของเราจริงๆ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เราก็นิสัยไม่ดีตั้งหลายอย่าง” ต้นแย้งพลางขำ

สนชวนต้นดูตัวอย่างการตกแต่งร้านสักพักก็หยุด แล้วเขาก็ขอให้ต้นช่วยเอาหนังสือไปเก็บให้ ต้นรู้สึกงงๆ เล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเพื่อนใช้เขาไม่ได้ แต่ปกติสนจะเป็นคนจัดการเอง ไม่เคยปล่อยให้ต้นหยิบจับอะไรเองเลยถ้าไม่จำเป็น

ต้นหยิบหนังสือออกไปวางไว้บนโต๊ะข้างนอกแล้วก็กลับเข้ามาในห้องนอน สนนั่งพิงหลังอยู่บนหัวเตียง เหยียดขายาวอย่างสบายๆ เขาปิดไฟในห้องจนเกือบหมด เหลือแต่ไฟที่หัวเตียงเพียงที่เดียว

“มาหาเราหน่อยสิต้น” สนเรียกเพื่อน สายตาดูเหมือนมีอะไรบางอย่างทีต้นอ่านและคาดเดาไม่ถูก

ต้นเดินอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของเตียงอย่างงงๆ แล้วสนก็ยื่นมือมาให้เมื่อต้นมายืนอยู่ใกล้ๆ

“อะไร” ต้นสงสัย

“จับมือเราสิ” สนบอก

ต้นค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือเพื่อนอย่างงงๆ พอมือสัมผัสกันแล้ว สนก็ทำในสิ่งที่ต้นไม่คาดคิดมาก่อน เขาฉุดต้นลงไปนั่งอยู่บนตักของเขาแล้วก็รวบตัวต้นไว้ทันที

“สน นายทำอะไร” ต้นถามด้วยความตกใจ พยายามจะดิ้นหนีแต่ก็สนก็รวบตัวเขาไว้เสียแน่น

“ก็กอดนายไง ไม่เห็นจะแปลกเลย เราก็กอดนายออกบ่อย จริงไหม” สนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ น้ำเสียงเขาดูตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย

“แต่นายไม่เคยกอดเราแบบนี้นี่” ต้นแย้ง เขาหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทั้งตัวของเขาอยู่ในอ้อมอกที่เปล่าเปลือยของสน ใจต้นเต้นไม่เป็นส่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“แล้วแบบนั้นกับแบบนี้มันต่างกันยังไงล่ะ”

ต้นไม่ตอบคำถามแต่พยายามที่จะดิ้นหนีเพราะจิตใจเขากระเจิดกระเจิงจนเกินกว่าจะคิดหาคำตอบอะไรได้ในตอนนี้

“อยู่เฉยๆ บ้างสิต้น นายหนีแบบนี้ทุกวันไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

ต้นหยุดดิ้นด้วยความสงสัย “นายหมายความว่าไง เราหนีอะไร”

“ก็...นายไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือไงที่วิ่งหนีหัวใจตัวเองแบบนี้ทุกวัน” สนตัดสินใจบอกไป

ต้นก็ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจดีนักแต่ก็พยายามคิดตาม

สนเอาคางมาเกยบนไหล่ของต้น “นายรักเราใช่ไหมต้น”

ต้นพยักหน้าน้อยๆ “ใช่”

“แล้วนายจะวิ่งหนีหัวใจของนายทำไมล่ะต้น นายรักเรา อยากเจอเรา อยากอยู่ใกล้ๆ เรา อยากคอยดูแลเราไม่ใช่เหรอ ยิ่งหนีนายก็ยิ่งเหนื่อยนะ” สนคลายอ้อมแขนลงเมื่อเห็นว่าต้นเริ่มสงบและไม่พยายามที่จะดิ้นหนีแล้ว “หนีแล้วเหนื่อยไหม”

ต้นอยากจะหันไปมองเพื่อน แต่สนเอาคางมาเกยบนไหล่เขาแบบนี้ ถ้าหันไปหน้าก็คงชนกันพอดี

“ตอบเรามาสิ เหนื่อยหรือเปล่า” สนรบเร้า

“เหนื่อย” ต้นตอบเสียงเบา

“แล้วเมื่อไรนายจะหยุดวิ่งหนีล่ะต้น เราหยุดแล้วนะ เราเหนื่อยที่จะหนีแล้ว นายก็น่าจะหยุดบ้าง” สนหยุดเกยคางบนไหล่เพื่อนเพราะอยากให้ต้นหันหน้ามามองเขา

ต้นหันมามองด้วยสายตามีคำถามและขมวดคิ้ว “นายหมายความว่าไง เรางงไปหมดแล้ว”

“ลองทายสิ” สนยิ้มมีเลศนัย “ที่เรากอดนายแบบนี้ มันใช่การกอดแบบเพื่อนหรือเปล่า”

“ไม่ใช่...” ต้นตอบได้ทันที เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่การกอดแบบเพื่อนแน่ๆ ไม่มีเพื่อนที่ไหนในโลกกอดกันแบบนี้หรอก

“ถ้างั้น ไหนนายลองบอกเรามาสิว่าเรากอดนายด้วยความรู้สึกแบบไหน”

“เราไม่รู้ เราไม่กล้าคาดเดาอะไรทั้งนั้น ถ้าเราคิดว่าใช่แล้วมันไม่ใช่ล่ะ สน...นายอย่าทำให้เรากลัวแบบนี้สิ” ต้นบอกด้วยเสียงวิงวอน เขารู้สึกไม่มั่นคงเลย ถ้าเขาจะตอบว่าที่สนทำแบบนี้เพราะสนรักเขามากกว่าเพื่อน เขาก็ไม่กล้าพูด เพราะถ้ามันเกิดไม่ใช่ขึ้นมาเขาก็ต้องเจ็บปวดอีก

“เรารักนาย” สนตัดสินใจบอกออกไป เขากอดกระชับต้นแน่นขึ้น

“อะไรนะ” ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “นายล้อเราเล่นหรือเปล่าสน” ต้นถามพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า

สนเกยคางบนไหล่เพื่อนอีกครั้ง “ต้น...นายคิดว่าเราจะเอาเรื่องนี้มาล้อนายเล่นอย่างนั้นเหรอ เราพูดจริงๆ นะ เรารักนาย รักตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รักมานานแล้ว รักหมดตัวและหัวใจ ชีวิตนี้เราจะสูญเสียนายไปไม่ได้อีกแล้ว”

ต้นตกตะลึงหนักเข้าไปอีก มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดฝันว่าสนจะมีความรู้สึกแบบนี้กับเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต้นได้แต่ทำใจว่าสนก็คงต้องมีชีวิตในแบบของเขา ส่วนเขาก็ต้องก้มหน้ารับกรรมต่อไป ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ไม่คาดคิดว่าเพื่อนที่เขารักและวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะบอกรักเขาในวันนี้ เขากำลังฝันไปหรือเปล่า

“ไม่เชื่อเราเหรอต้น” ว่าแล้วสนกระชับอ้อมกอดแล้วก็หอมแก้มเพื่อนเบาๆ หนึ่งครั้ง “เห็นไหมต้น ไม่มีเพื่อนที่ไหนหรอกจะทำแบบนี้ได้ นายเชื่อเราใช่ไหม” สนถามย้ำ

“เชื่อแล้ว” ต้นบอกเสียงเบา รู้สึกเขินระคนกังวล “แต่...”

“แต่อะไร” สนขยับตัวต้นให้สามารถหันมามองหน้าเขาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ต้นก้มหน้าหลบสายตาเพื่อน พอรู้ว่าสนคิดกับเขาแบบนี้แล้วต้นก็ทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย

“แต่อะไรล่ะต้น” สนถามย้ำเมื่อเห็นต้นยังเงียบอยู่

“มันไม่ดีหรอกสน นายแต่งงานแล้วนะ” ต้นตัดสินใจบอกไป เขาเงยหน้ามองเพื่อนก็เห็นว่าสนหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

สนเงียบและมีสีหน้าเครียด เขาเงยหน้ามองเพดานห้องแล้วก็ถอนหายใจ “เรารู้ แต่นายจะให้เราทำยังไงล่ะ เราเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าเรารักใคร เราไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานเลยนะต้น เรารู้สึกเหมือนติดอยู่ในคุก เราคิดถึงแต่นาย ยิ่งรู้ว่ามีคนมาชอบนาย จิตใจเราก็ยิ่งว้าวุ่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวแต่ว่าสักวันเราจะต้องเสียนายไป” น้ำเสียงของสนเศร้าลง

ต้นกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “เราดีใจนะที่นายก็รักเราเหมือนที่เรารักนาย แต่เราไม่อยากทำร้ายใคร นาเขายังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมสน”

สนส่ายหน้า สีหน้ายังคงเครียดอยู่ “ยังหรอก เราก็ไม่รู้จะบอกเขายังไง”

“สน นายคิดดีๆ นะ เราไม่อยากให้นายทำร้ายนา เขาไม่ได้ผิดอะไร ถึงเราสองคนจะรักกันแค่ไหน แต่นายก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเขา นายแต่งงานกับเขาแล้วนะสน นายมีครอบครัวของนายที่ต้องดูแล” ต้นพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรินไหล

สนรู้สึกสะเทือนใจจนอดที่จะร้องไห้ตามไม่ได้ เขาตั้งใจจะบอกเพราะคิดว่าต้นคงจะดีใจที่ได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเพื่อน แต่ก็กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้เพื่อนต้องเสียใจและเจ็บปวดอีกแล้ว ต้นเป็นคนดี เขาก็รู้อยู่แก่ใจ ต้นไม่มีทางที่จะทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน สนลืมคิดต่อไปว่าหลังจากที่เขาบอกต้นไปแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไป เขาจะเลิกกับนาอย่างนั้นหรือ เขาจะใจร้ายใจดำกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยหรือ สนดึงศีรษะต้นมาซบที่อกเขา ต้นกอดเพื่อน ต่างคนต่างก็ร้องให้ ไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอกับความรักที่หาทางออกไม่ได้แบบนี้ สนเองก็แต่งงานไปแล้ว มิหนำซ้ำยังจะต้องกังวลว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะครอบครัวจะรับได้หรือไม่ ความรักครั้งนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว

“ต้น” สนเรียกเพื่อนเสียงเบา

ต้นเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไร

สนใช้มือจับไหล่แล้วดันให้ต้นลุกขึ้นนั่ง เข้าจ้องตาเพื่อนเหมือนกับพยายามจะค้นหาอะไรบางอย่าง “เราไม่รู้ว่า วันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆ ไปชีวิตของเราจะเป็นยังไง เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้วเราอาจจะต้องเลือกเพียงอย่างเดียว เรารักนายนะต้น แต่ในชีวิตจริงเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเลือกทำอะไรได้ตามใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากเราจะไม่มีโอกาสอีกเลย วันนี้ เราขอทำอะไรบางอย่างที่เราอยากทำบ้างได้ไหมต้น”

“อะไรเหรอ” ต้นถามเสียงเบาหวิว

“นายจำวันนั้นได้ไหม ที่เราคุยเปิดใจกับนายก่อนที่เราจะแต่งงาน”

ต้นชะงัก เขานึกว่าสนจะลืมเหตุการณ์วันนั้นไปแล้วเสียอีก เขาเองไม่เคยลืมวันนั้นเลยและยังคงมีคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาว่าสนทำอย่างนั้นไปทำไม แต่วันนี้เขารู้แล้ว “จำได้”

“เพราะวันนั้นแหละที่ทำให้เราสับสน เราถามตัวเองทุกวันว่าทำไมเราถึง...จูบนาย” จะว่าไปแล้วสนเองก็เขินอายเหมือนกันเมื่อพูดคำนี้ออกไป “แต่หลังจากวันนั้น ในใจของเราเรียกร้องหาแต่...รสจูบในวันนั้น มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสงสัยตัวเองและเพิ่งได้คำตอบในวันนี้ด้วย”

ต้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่สนพูดมาทั้งหมดนี้เขาต้องการอะไรกันแน่ “แล้วนายจะทำอะไรล่ะสน”

สนไม่ตอบแต่กลับดึงต้นเข้ามาจูบ ต้นได้แต่ตะลึงงันและตัวแข็ง แต่สักพักเขาก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น สนพยายามที่จะดันลิ้นเข้ามาภายในปากของเขา แรกๆ ต้นก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไรนัก แต่สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย ปล่อยตามที่หัวใจตัวเองเรียกร้อง อย่างที่สนบอกไว้เมื่อสักครู่นี้ ชีวิตในวันข้างหน้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบนี้อีกแล้ว วันนี้ต้นจึงขอยอมผิดบาปและทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง จนกระทั่งทั้งคู่รู้สึกพอใจ สนค่อยๆ ถอนปากของเขาออก ปากต้นแดงอย่างเห็นได้ชัด ต้นหายใจหอบนิดๆ ด้วยความตื่นเต้นและตื่นตะลึง เมื่อพายุสงบแล้วเขากลับรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมากจึงก้มหน้างุดๆ และพยายามไม่สบตาสน สนยิ้มชอบใจเบาๆ ที่เห็นต้นเขินอายอย่างนั้น แม้จะรู้สึกเศร้าใจเพียงใดก็ตาม แต่สนกลับรู้สึกดีใจที่เขาสามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกต่อต้านในใจว่าเขาไม่น่าจะทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันได้ ตอนนี้เขาทำได้แล้ว ทำได้เพราะความรักอย่างเดียวเท่านั้นเอง แต่ต่อไปล่ะ เขาจะทำอย่างไร เขาเพิ่งบอกต้นไปไม่ใช่หรือว่าเขาจะไม่ยอมสูญเสียต้นไปอีกแล้ว ถ้าเขายังลังเลและไม่ตัดสินใจ ทุกอย่างก็อาจจะยิ่งสายจนเกินไป หรือว่าเขาควรจะต้องเลือกที่จะเป็นคนใจร้าย แล้วต้นล่ะ ต้นจะรับได้หรือถ้าเขาทำแบบนั้น

“นอนเถอะต้น ดึกแล้ว” สนบอกพลางยิ้มเศร้าๆ

ต้นทำตามอย่างว่าง่าย เขาค่อยๆ เขยิบตัวไปยังฝั่งที่นอนของตัวเองแล้วค่อยๆ นอนลง สนก็นอนลงเช่นกัน เขาปิดไฟที่หัวเตียงแล้วก็ขยับเข้าไปใกล้เพื่อน แล้วก็ดึงเพื่อนมากอดไว้ เขารู้สึกทรมานใจเหลือเกิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะผ่านพ้นสภาพความรักต้องห้ามนี้ไปได้อย่างไร ก็ได้แต่หวังว่าความรักจะช่วยนำทางและทำให้พบทางออกที่ดีกว่านี้