Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 77
#77, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 11-Jul-11 at 08:05 AM
In response to message #0
ขอโพสต์ตอนนี้ใหม่นะครับ ตอนที่เขียนมึนงงนิดหน่อย พอดีก่อนจะมาเขียนต้องใช้หมองค่อนข้างหนัก
ตอนนี้ดูน่าตกใจพอสมควรครับ เหมือนเป็นจุดหักเหของเรื่อง แต่ก็อาจจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันได้ครับ
-----------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 29: สายเสียแล้ว

เช้าแล้ว วันนี้บรรยากาศข้างนอกดูสดใสมากทีเดียวเพราะท้องฟ้าไม่มีเมฆบังเลย แต่ทว่าสนกลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง เขาลุกขึ้นนั่ง มองดูต้นที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แล้วก็ทอดถอนใจ ความรู้สึกหลายๆ อย่างประดังประเดเข้ามาในความคิด ใจหนึ่งก็อยากทำตามหัวใจและความต้องการของตัวเอง ใจหนึ่งก็คิดถึงความผิดชอบชั่วดี ใจหนึ่งก็นึกประหวั่นพรั่นพรึงกับทัศนคติของคนรอบข้าง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เถอะ บางทีเขาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะทำใจรับว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เพราะเขาหลงรักเพื่อนของตัวเองที่เป็นผู้ชายด้วยกัน เขาจะทำอย่างไรดีกับชีวิตในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ เขารู้ว่าชีวิตครอบครัวของเขากับนาไม่มีทางที่จะไปได้ดีกว่านี้แล้ว อาจจะดูโหดร้ายถ้าเขาจะบอกว่าเขาไม่ได้รักนาและอาจจะไม่ได้รักมานานแล้ว แต่ติดที่เขาคือคนที่เลือกและตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเธอเอง เขาก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าชีวิตเดินไปทางนั้นตั้งหลายปีได้อย่างไร คนที่หนีความจริงมากๆ บางทีสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่รู้เหตุผลลึกๆ ของตัวเองเหมือนกัน

“ต้น ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน” สนเรียกพลางเขย่าแขนเพื่อนเบาๆ

ต้นค่อยๆ ลืมตางัวเงียตื่น พอเห็นสนลุกขึ้นนั่ง เขาก็บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นมานั่งตาม เห็นสีหน้าของสนแล้วต้นก็ได้แต่สงสารเพื่อน สนยังคงดูเครียดและไม่แจ่มใส

“นายไปอาบน้ำก่อนก็ได้” สนบอกเพื่อน เขาพยายามยิ้มแต่ก็ยังคงมีแววตาเศร้าอยู่

ต้นทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จทั้งสองคนแล้ว ต้นก็มาช่วยดูแลเสื้อผ้าและการแต่งตัวให้เพื่อนเช่นเคย ระหว่างที่ต้นช่วยติดกระดุมแขนเสื้อให้สนอยู่นั้น สนก็พูดขึ้นมาว่า

“รู้ไหมต้น นายทำให้เราเข้าใจความรักมากขึ้นนะ”

ต้นเงยหน้ามองเพื่อนอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาหันมาใส่ใจกับการติดกระดุมเช่นเดิม

“บางที่เรามักจะรักคนอื่นด้วยความพยายาม พยายามทำดี พยายามเอาใจและพยายามอีกหลายอย่าง แต่สำหรับนาย เราไม่เคยเห็นว่าความรักของนายที่มีให้เราเกิดจากความพยายามเลย” สนเว้นจังหวะ ต้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัยอีกครั้ง “นายไม่เคยพยายามรักเรา เพราะนายรักเราอยู่แล้ว นายไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อเรา เพราะนายทำทุกอย่างด้วยความรู้สึกจากใจของนาย ใช่ไหมต้น”

ต้นสบตากับเพื่อน ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้า

“นี่แหละ ที่ทำให้เรารักนายโดยที่เราก็ไม่ต้องพยายาม ถ้าจะพยายาม...ก็คงพยายามหนีความจริงมากกว่า...หนีจนเหนื่อย” สนหยุดไปสักพักแล้วก็พูดต่อว่า “ตรงข้ามกับความรักที่เรามีให้คนอื่น มันเหมือนกับต้องพยายาม พยายามที่จะรัก พยายามที่จะทำอะไรต่อมิอะไรมากมายอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็พบว่า เราพยายามที่จะรักสิ่งที่เราไม่ได้รักไม่ได้” สนถอนหายใจยาว “เป็นการเหนื่อยที่สูญเปล่า”

ต้นพอจะเดาออกแล้วล่ะว่าสนหมายถึงอะไร เขาติดกระดุมเสร็จแล้วก็หยุดยืนมองเพื่อน “สน...เราขอโทษนะ ถึงแม้เราจะรักนายแค่ไหน แต่ก็มีหลายเหตุผลเหลือเกินที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามหัวใจของเราได้ นายอยากฟังไหมว่ามีอะไรบ้าง” น้ำเสียงของต้นดูเครียด

พอสนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งเครียดมากขึ้นจากเดิมที่ก็เครียดอยู่แล้ว เขาพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้ต้นพูดต่อได้

“หนึ่ง...นายแต่งงานแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดหรืออะไร นาก็เป็นผู้หญิงที่นายเลือกและนายก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเขา เขาไม่ได้ผิดอะไร เขาไม่ควรเป็นคนที่ต้องเสียใจ” ต้นหยุดแล้วก็พูดต่อ “สอง...ความรักของผู้ชายกับผู้ชายไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวของนาย ครอบครัวของเรา เพื่อนๆ และคนรอบข้างจะคิดยังไง จะรับได้ไหม แล้วตัวเราล่ะ เราพร้อมหรือยัง เราพร้อมที่จะเผชิญกับสายตาและปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ได้มากน้อยแค่ไหน มันกดดันมากนะสน หรือไม่อย่างนั้นเราก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เราจะอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหนล่ะ เราจะมีความสุขไหม...และเหตุผลสุดท้าย” ต้นมีสีหน้าเศร้าลง “เราไม่อยากเป็นคนที่ทำลายอนาคตของนายเสียเอง เราไม่ใช่ผู้หญิงนะสน เราไม่สามารถที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้เพื่อนาย เรามีลูกให้นายไม่ได้ เราอาจจะไม่ใช่คนที่นายจะควงคู่ไปไหนด้วยได้อย่างภาคภูมิ อาจไม่ใช่สิ่งที่พ่อกับแม่ของนายคาดหวังจะได้เห็นจากนาย เราไม่อยากให้ความรักของเราทำให้ชีวิตนายยากลำบาก เรายินดีที่จะเจ็บปวดและเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวเรา ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร แต่เราจะไม่ทำร้ายใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชีวิตและอนาคตที่ดีๆ ของนาย คิดให้ดีๆ นะสน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีผลกระทบไม่ใช่แค่เราสองคน”

สนกะพริบตาถี่ๆ เพราะน้ำตาเริ่มมาคลอที่เบ้าตาอีกแล้ว เขาไม่ชอบตัวเองที่อ่อนแอแบบนี้เลย แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาได้ตระหนักแล้วว่าต้นรักเขามากจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ความรักที่ไม่ลืมหูลืมตา ตรงกันข้าม เป็นความรักที่มีสติ มีความปรารถนาดี ไม่คิดหวังที่จะครอบครองเป็นเจ้าของเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง “แล้วนายจะให้เราทำยังไงล่ะต้น เรารักนายนะ เราอยู่กับคนอื่นเราก็ไม่มีความสุข เราจะฝืนใจตัวเองได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ เราเหนื่อยที่จะพยายามแล้ว นายรู้ไหมว่า...ทุกครั้งที่เห็นนายเจ็บ เราก็เจ็บไม่แพ้กัน เราไม่อยากทำร้ายจิตใจนายอีก นายเข้าใจเราหรือเปล่า” สนรำพัน

“เราเข้าใจนาย เพราะเราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่คนเราก็อาจจะมีทางเลือกไม่มากนัก บางทีเราก็ต้องรับผิดชอบมากกว่าที่จะคิดถึงตัวเราเอง โดยเฉพาะถ้ามันจะทำลายชีวิตคนอื่น บางทีเราก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ อีกมากมายที่คาดหวังกับเรา ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ สิ่งที่เราพอจะบอกได้ตอนนี้ก็คือ เราต้องคิดให้มาก คิดให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวพันกับหลายชีวิตที่อยู่รายรอบตัวเรา ถ้าเป็นแค่เรื่องของเราสองคน เราจะไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลย แต่เรื่องนี้ เราอยากให้เราสองคนทบทวนอีกครั้งและคิดให้ดี...ได้ไหมสน เชื่อเรานะ...คิดให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว...เราอาจจะต้องเสียใจมากกว่าเดิม”

สนถอนหายใจหนัก เขาสับสนอย่างยิ่งในตอนนี้ จะรักก็เหมือนจะรักไม่ได้ ครั้นจะกลับไปจุดเดิมเขาก็รู้ว่าเขามาไกลเกินไปแล้ว เขาไม่มีความรักแบบนั้นเหลือให้นาแล้ว ถ้าจะมีก็คงมีแต่ความสงสาร...สงสารที่เธอต้องเป็นเหยื่อจากความไม่รู้ของเขาเอง เธอไม่ผิดอย่างที่ต้นว่า แต่เขาไม่ได้รักเธอแล้ว แล้วจะอยู่กันต่อไปอย่างไร “ได้...” สนพูดออกมาอย่างยากเย็น “เราเชื่อนาย”

“สน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่านายจะเข้าใจสิ่งที่เราพยายามสื่อสารมากน้อยแค่ไหน นายจำเอาไว้อย่างเดียวนะ” ต้นเว้นจังหวะ สนมองเขาอย่างสนใจ “เรารักนายเสมอ” ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อน มีไม่กี่ครั้งหรอกที่ต้นจะเป็นฝ่ายกอดเพื่อนก่อน น้อยครั้งมาก แต่วันนี้เขาอยากทำให้สนรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่เครียดมาตั้งแต่เมื่อคืน

“เรารู้ต้น...เราจะจำไว้” สนกอดตอบเพื่อนที่เขารักปานแก้วตาดวงใจเบาๆ พร้อมกับลูบหลังไปด้วย “ไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย เย็นนี้เราอาจจะกลับดึกๆ นะ จะเอางานไปส่งลูกค้า ถ้านายหิวก็กินข้าวไปก่อนละกัน”

ต้นละจากเพื่อน เขาพยักหน้าแล้วยิ้ม
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนพักเที่ยง มั่นคงเดินมาชวนต้นลงไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารชั้นใต้ดินของตึกที่ทำงาน หลังจากกลับจากลาวก็ดูเหมือนว่ามั่นคงจะสนิทกับต้นมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนเพียงแค่ทักทายกันตามประสาเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“เมื่อวานสนพาไปกินข้าวที่ไหนล่ะ” มั่นคงถามขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกัน เขากับต้นนั่งตรงข้ามกัน

“ไม่ได้ไปไหนครับ พอดีสนเขาชอบทำอาหาร ก็เลยทำอาหารกินกันเองครับ ประหยัดดี” ต้นตอบพลางยิ้ม

“สนเขาชอบทำอาหารเหรอ แปลกจัง ดูท่าทางไม่น่าจะชอบอะไรพวกนี้”

“ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะชอบเหมือนกันครับ แต่เขาเพิ่งชอบจริงๆ จังๆ เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ผมว่าฝีมือเขาเยี่ยมมากเลยครับ ใครกินก็ติดใจ ผมก็เลยยุให้เขาเปิดร้านอาหาร ดูเหมือนเขาก็สนใจอยู่ครับ” ต้นเล่าด้วยสีหน้ามีความสุข

“อ๋อเหรอ” มั่นคงพูดเสียงเรียบ เห็นสีหน้าที่มีความสุขของต้นเวลาพูดถึงเพื่อนแล้วเขาก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก “ดูท่าทางต้นจะรักเพื่อนคนนี้มากเลยนะ”

ต้นชะงัก มองหน้ามั่นคงอย่างสงสัย เริ่มรู้สึกตะขิดตะขวงใจในท่าทีของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“ต้น...ต้นไม่รู้สึกเหนื่อยล้าบ้างเหรอที่รักคนที่เขาไม่ได้รักเรา” มั่นคงตัดสินใจถามออกไป “เมื่อไรต้นถึงจะเปิดใจให้โอกาสตัวเองเสียที ต้นอยู่แบบนี้ต้นไม่เหงาเหรอ”

สิ่งที่มั่นคงถามทำให้ต้นรู้สึกพะอืดพะอมพอสมควร ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นคงรู้สึกเศร้าใจ แต่วันนี้ต้นไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว “ก็...ไม่นี่ครับ ถ้าจะเหนื่อยก็คงเลิกรักไปนานแล้ว ผมรักเขามาตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่ จนตอนนี้ยี่สิบแปดแล้ว ผมชินแล้วล่ะครับ อย่างน้อยสนก็ไม่รังเกียจผม อย่างน้อยผมก็ได้ดูแลเขาบ้าง ได้เป็นเพื่อนที่รักกันอย่างเดิม ผมว่ามันก็โอเคแล้วล่ะครับ”

มั่นคงได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อึ้งไป คำตอบของต้นผิดไปจากที่เขาคาดไว้มากทีเดียว “แล้วต้นไม่กลัวแฟนของสนเขาระแคะระคายบ้างเหรอ”

“ไม่หรอกครับ...ผมไม่ได้คิดจะแย่งชิงสนมาเป็นของผม ผมพอใจที่จะรักเขาแบบนี้ อาจจะเจ็บบ้าง แต่ผมก็ต้องรักเขาต่อไป”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าแฟนสนรู้ว่าต้นคิดยังไงกับสามีเขา เขาก็ต้องไม่พอใจ แล้วมันจะเกิดปัญหานะต้น”

ต้นครุ่นคิด มันต้องเกิดปัญหาแน่ๆ ถ้านาเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็จะกลายเป็นคนไม่ดีที่สร้างความร้าวฉานให้แก่ครอบครัวของคนอื่น

พอเห็นต้นเริ่มเครียด มั่นคงก็รีบสำทับต่อว่า “ไม่มีความลับในโลกนี้หรอกนะต้น สักวันเขาก็ต้องรู้ ถึงต้นไม่ได้คิดจะแย่งของเขามา แต่ต้นก็อาจจะกลายเป็นคนไม่ดี ครอบครัวของสนก็อาจจะมีปัญหาได้ มันเป็นเรื่องใหญ่นะต้น เชื่อพี่ ต้นต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ปัญหามันจะเกิด”

ต้นเริ่มคล้อยตามและหวั่นไหว เขากลัวจริงๆ ที่จะเป็นคนสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเพื่อนร้าวฉาน แต่ก่อนที่ต้นจะได้พูดอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์ของต้นก็ดังเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา ต้นหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็กดดูข้อความใหม่ สนส่งมานั่นเอง ข้อความก็มีอยู่ว่า “คิดถึงจังเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดถึง อย่าลืมคิดถึงเราบ้างนะ”

พออ่านแล้วต้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ สนกำลังทำเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มจีบสาว แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

“มีอะไรหรือเปล่าต้น อ่านไปยิ้มไป” มั่นคงถามด้วยความแปลกใจ

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองมั่นคงแล้วก็รีบตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพื่อนส่งข้อความมาน่ะครับ”

“สนหรือเปล่า”

ต้นชะงักที่มั่นคงรู้ทัน แต่สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี มาถึงวันนี้แล้ว ต้นก็ได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าเขาจะปิดหัวใจของเขาต่อไปหลังจากที่คิดจะเปิดบ้างปิดบ้างมาระยะหนึ่ง เขาจำคำที่สนพูดเมื่อเช้าได้ดีว่าเราไม่สามารถพยายามรักคนที่เราไม่ได้รักได้ เพราะฉะนั้น ต้นก็จะไม่พยายามแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะรักสนต่อไป ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนก็ตาม เขาจะต้องบอกพี่มั่นคงเสียทีว่าไม่ต้องรอเขา ไม่ต้องเสียเวลากับเขา เพราะเขารักใครไม่ได้อีกแล้ว แต่เนื่องด้วยสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย ต้นจึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน แต่เขาจะต้องบอกอย่างแน่นอน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

มั่นคงเงียบและมีท่าทีเครียดอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้ถามอะไรต้นต่อและต่างก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวกันไป
------------------------------------------------------------------------------------------------
“พี่สนคะ นี่ใจคอพี่จะไม่ถามอะไรนาเลยสักคำใช่ไหมคะว่านาเป็นยังไงบ้าง” เสียงเขียวไม่พอใจของนาดังมาจากอีกปลายสาย หลังจากที่เธอกลับบ้านไปตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ สนก็ไม่ได้โทรมาถามอะไรเธออีกเลย จนในที่สุดนาก็ทนไม่ได้ต้องโทรมาเอง

“คือ...พอดีพี่มัวแต่ทำงานยุ่งๆ อยู่ ขอโทษด้วยจริงๆ แล้วตอนนี้นาเป็นไงบ้าง พี่ยศอาการดีขึ้นไหม” สนพยายามแก้ตัว

แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยทำให้อาการพลุ่งพล่านของนาลดลงเลย “ถ้านาไม่โทรมาหาเอง พี่สนจะโทรหานาไหมคะ อย่าอ้างเลยว่าไม่ว่าง ถ้าคนมันห่วงกันจริงๆ ก็หาเวลาโทรมาถามได้ทั้งนั้นแหละ ถามสักคำสองคำก็ยังดี”

สนได้แต่เงียบ เขาขับรถไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเอางานที่ทำเสร็จแล้วไปส่งที่บ้านลูกค้าหลังจากที่เลิกงาน

“ถามจริงๆ เถอะนะคะ พี่สนรักนาบ้างหรือเปล่า เป็นห่วงนาบ้างไหม” นาเริ่มเสียงดัง

“ทำไมถามพี่อย่างนั้นล่ะนา”

“พี่สนก็ถามตัวเองสิคะ แต่งงานกันมาไม่กี่เดือน พี่สนเปลี่ยนไปเยอะเลยรู้ไหมคะ พี่สนเป็นอะไรเหรอ อย่าคิดว่านาไม่สังเกตนะ นารู้นะว่าพี่สนไม่เหมือนเดิม”

สนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น สิ่งที่เขากลัวที่สุดเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เขาจะตอบนาอย่างไรดี ถ้าเขาบอกไปตามตรงนาคงจะเสียใจมาก เขาเลือกเธอมาเอง อยู่ดีๆ จะผลักไสไล่ส่งเธอไปก็คงจะดูใจร้ายและไม่ยุติธรรมอย่างมาก

“นา...พี่ว่านาใจเย็นๆ ก่อนดีไหม กลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน” สนพยายามเบี่ยงประเด็นและถ่วงเวลา

ได้ผลพอสมควรเพราะนาเริ่มลดอาการกระฟัดกระเฟียดลงเล็กน้อย “ค่ะ เราต้องคุยกัน นาปล่อยให้ชีวิตแต่งงานของเราเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ” แล้วนาก็นึกอะไรบางอย่างได้ “อ้อ...แม่ถามถึงพี่ด้วย แล้วก็ถามด้วยว่าเมื่อไรเราจะมีลูก” เสียงของนาดูเย็นชาทีเดียว

สนสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเรื่อง “มีลูก” เพราะขณะนี้มันเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด เพราะถ้าเกิดเขามีลูกขึ้นมาแล้วก็หมายความว่าความรักของเขากับต้นจะถึงทางตันทันที

“เหรอ...แล้วนาตอบแม่ว่าไงครับ” สนถามพลางกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

“ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ ไม่ต้องรอแล้ว เพราะนาท้องแล้ว”

“อะไรนะนา นาพูดว่าอะไรนะ” สนตกใจจนแทบสิ้นสติ เขารีบหักเลี้ยวรถแล้วจอดข้างทางทันทีเพราะเขารู้สึกช็อคจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงขับรถต่อไป

“ตกใจเหรอคะที่เมียตัวเองท้อง ทำไมต้องตกใจคะ คนอื่นเขามีแต่จะดีใจ มีอะไรน่าตกใจขนาดนั้นเหรอคะ” น้ำเสียงของนายังคงไม่พอใจอยู่เช่นเดิม

สนตะลึงงันเมื่อภรรยาเขาย้ำชัดเจนว่าเธอตั้งท้อง หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตนี้เขาไปไหนไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่วาดหวังไว้ทั้งหมดเป็นอันจบสิ้นลงนับตั้งแต่วันนี้ เขามีอีกชีวิตทีต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ แต่นั่นก็คือลูกของเขา สนซบหน้ากับพวงมาลัยแล้วก็ร้องให้ วางโทรศัพท์ลงข้างๆ เบาะรถโดยไม่ปิดการสนทนา สงสารตัวเอง สงสารเด็กที่จะเกิดมาเป็นลูก สงสารต้น ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว เขาจะทำอย่างไรดี