Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 291
Message ID: 88
#88, RE: ต้นสน - Repost และตอนพิเศษ
Posted by sarawatta on 14-Jul-11 at 11:32 PM
In response to message #0

ตอนที่ 30: ไม่เป็นไรเพื่อนรัก

เกือบสี่ทุ่มแล้ว สนยังไม่กลับมา ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงต้นจึงลองโทรไปถาม “สน เสร็จธุระหรือยัง”

“วันนี้เราไม่กลับนะ นายไม่ต้องรอเราหรอก ขอโทษที่ลืมโทรไปบอก” สนตอบกลับมา

“เหรอ...นายจะกลับคอนโดของนายเหรอ” ต้นถามด้วยความแปลกใจ

“อืม...” สนตอบสั้นๆ

“โอเค ไม่มีอะไรหรอก เราแค่เป็นห่วงก็เลยโทรมาถาม ถ้างั้นเราไม่รบกวนนายละกัน” ต้นบอก รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างอยู่เหมือนกัน

“เดี๋ยวก่อนต้น” สนเหมือนจะนึกอะไรได้ “เรารักนายนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็รักนาย” แล้วสนก็รีบวางสายไปก่อนที่เขาจะแสดงอารมณ์สะเทือนใจออกมา

ต้นได้แต่นั่งงงสงสัย เขารู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ต้นครุ่นคิดอยู่สักพักก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปให้เพื่อนว่า “ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเป็นห่วง มีอะไรก็บอกเราได้นะ”

พอสนได้เห็นข้อความจากเพื่อน เขาก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก็ตัดสินใจใหม่ สนเรียกพนักงานมาเก็บเงิน จ่ายเงินแล้วก็เดินออกมาจากร้าน...ร้านที่เขาไม่เคยว่าชีวิตนี้จะต้องเข้ามาอีก แต่วันนี้เขากลับผิดสัญญาที่เคยบอกตัวเองไว้ อย่างไรก็ตาม สนก็ยังสามารถประคองสติขับรถมาได้จนถึงคอนโดที่พักของต้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ต้นแปลกใจเล็กน้อย เขาหยุดกินข้าวแล้วก็เดินไปที่ประตู พอส่งดูตรงช่องตาแมวก็เห็นสนยืนอยู่ ต้นรีบเปิดประตูทันทีด้วยความดีใจ

“อ้าว นายไม่ได้กลับคอนโดหรอกเหรอ แล้วเอางานไปส่งเป็นไงมั่ง เขาโอเคไหม” ต้นยิ้ม แต่พอเห็นสีหน้าและท่าทางของสนแล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจและสงสัย นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเหล้าติดตัวมาด้วย แต่ต้นก็เดาเอาว่าลูกค้าอาจจะชวนให้เขากินก็ได้ จึงไม่ได้ติดใจเรื่องนี้มากนัก

สนพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าเขาดูเศร้าและเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด

ต้นเดินนำเพื่อนเข้ามาข้างใน สนปิดประตูแล้วก็เดินตามต้นมา พอเขาเห็นว่ามีจานข้าววางอยู่บนโต๊ะ สนก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าต้นคงรอกินข้าวพร้อมกับเขา พอเขาบอกว่าจะไม่กลับต้นถึงได้กินข้าว

“อ๋อ...พอดีเรามัวแต่ทำงานเพลิน ก็เลยลืมกินข้าว ไม่มีอะไรหรอก” ต้นเห็นเพื่อนมองไปที่โต๊ะที่เขานั่งกินข้าวแล้วจึงรีบแก้ตัว

แต่มีหรือที่สนจะไม่รู้ เขารู้จักต้นมาสิบเจ็ดปีจึงรู้สึกนิสัยใจคอเพื่อนของเขาดี “นายกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวเราจะไปอาบน้ำก่อน” สนพูดเสียงแผ่วเบา แล้วก็เดินตรงไปยังห้องนอน ต้นรักและดีกับเขาเหลือเกิน ดีจนเขาเองก็รู้สึกละอายใจไม่กล้ามองหน้าเพื่อน อีกอย่าง เขาทำไม่ได้จริงๆ ที่ความฝันทุกอย่างพังทลายลงจนหมดสิ้น

“นายเป็นอะไรหรือเปล่าสน เกิดอะไรขึ้นเหรอ หน้าตานายดูเศร้ามากเลย” ต้นตัดสินใจถาม

สนหันมามองแล้วหยุดยืน สนกะพริบตาถี่ๆ เพราะเขาจะร้องให้อีกแล้ว เขารู้สึกเบื่อที่ตัวเองเป็นคนเจ้าน้ำตาในช่วงนี้เหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สนเงยหน้าขึ้นมองเพดาน สุดท้ายเขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้

ต้นตกใจมากทีเดียว เขารีบเดินเข้าไปหาเพื่อนทันที “สน นายเป็นอะไร” ต้นถามอย่างเป็นห่วง

สนมองหน้าเพื่อน กัดริมฝีปาก แล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อนไว้ “ทำไมนายดีกับเราอย่างนี้ล่ะต้น ทำไมนายไม่เกลียดเรา ทำไมนายไม่โกรธเราบ้าง เราไม่ใช่คนดีอะไรเลย มีแต่ทำให้นายเสียใจ...ซ้ำแล้ว...ซ้ำอีก เราละอายใจเหลือเกินต้น ละอายใจจนไม่รู้ว่าเราจะสู้หน้านายยังไง” สนพูดด้วยความสะเทือนอารมณ์

ต้นได้แต่นิ่งตะลึงงันด้วยความตกใจและมึนงง สนเป็นอะไรถึงได้เสียใจมากขนาดนี้ จะว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนก่อนที่เขาเตือนให้สนคิดถึงครอบครัวของเขาก่อนก็ไม่น่าจะทำให้สนเสียใจได้ขนาดนั้น “เราไม่เกลียดนายหรอกสน นายเป็นเพื่อนเรา เป็นคนที่เรารัก เราจะเกลียดนายได้ยังไง” ต้นพูดพลางลูบหลังปลอบใจเพื่อน

“เราเคยบอกนายว่า...ถ้าเราทำให้นายเสียใจอีก เราก็จะขอเป็นคนไปเอง ต้น...เราไม่อยากทำอย่างนั้นเลย เราไม่อยากไปไหน แต่ถ้าเราอยู่แล้วทำให้นายเสียใจอยู่แบบนี้ เราก็คงต้องไป”

“สน...นายจะไปไหน เราไม่เห็นว่านายจะทำอะไรให้เราเสียใจเลย เราไม่เป็นอะไร นายอย่าคิดมากสิสน”

“เราไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้วต้น เราไม่มีโอกาสอีกแล้ว สิ่งที่เราฝันไว้ทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย” สนสะอื้นหนักขึ้น

ต้นได้แต่กอดเพื่อนไว้ เขาหยุดถามคำถามทุกอย่าง ปล่อยให้เพื่อนร้องให้และพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากพูด

“เราหวังว่าจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด หวังว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่กับนาย แต่...สุดท้ายทุกอย่างก็สายเกินไป เราทำอย่างนั้นไม่ได้แล้วต้น เราเสียใจ...เสียใจมาก เราขอโทษนายจริงๆ นะต้น เราไม่อยากให้นายเสียใจกับเรา เราอยากให้นายหายเศร้า อยากให้นายได้สมหวังกับความรัก เพราะเราเองก็รักนาย แต่เราก็ทำไม่ได้ เราผิดเองที่ไม่ไตร่ตรองให้ดี ด่วนแต่งงาน พอรู้ตัวอีกครั้งว่าหัวใจอยู่ที่ไหน มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เราขอโทษ...ต้น” สนรำพัน

ต้นฟังอย่างตั้งใจ แม้จะไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าสนหมายถึงอะไร แต่เขาก็เห็นใจเพื่อน เขาพร้อมที่จะเข้าใจทุกอย่างไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ต้นปล่อยให้เพื่อนกอดเขาอยู่อย่างนั้น จนสนค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง

“สน...ถ้านายพร้อม นายบอกเรานะว่าเกิดอะไรขึ้น เรารับได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะดีจะร้าย เราจะอยู่ข้างนายเสมอ”

สนค่อยๆ ปล่อยเพื่อนออกจากอ้อมแขน เห็นหน้าต้นแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด สงสารเพื่อนที่ไม่รู้จะต้องรอคอยอีกนานแค่ไหน แต่เมื่อทุกอย่างเป็นอย่างนี้แล้ว ก็อาจไม่มีวันนั้นอีกเลย

สนเงียบไปสักพัก ถอนใจแล้วจึงเปิดปากเล่าให้ต้นฟังว่า “นาเขาบอกว่า...เขาท้องแล้ว” สนกลืนน้ำลาย “เรากำลังจะมีลูก”

ต้นไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือแปลกใจมากนัก แต่นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้สนเสียใจมากขนาดนั้น นอกจากจะไม่ตกใจแล้วต้นกลับยิ้มให้เพื่อนด้วย “นายจะเป็นพ่อคนแล้วนะสน นายไม่ดีใจเหรอ เรายังดีใจแทนนายเลยนะ”

สนดูจะแปลกใจทีเดียวที่ต้นไม่ได้แสดงอาการเสียใจหรือตกใจเหมือนกับเขา “แต่เราจะไม่มีโอกาส...”

“ไม่เป็นไรหรอกสน” ต้นรีบสวนกลับไป “เราไม่เป็นไรเลย นายไม่ต้องห่วงเรา ตั้งแต่ที่เรารู้ตัวว่าเรารักนายเมื่อตอนอายุ 13 เราก็ทำใจมาตลอด เรารู้ว่าจะจัดการชีวิตของเรายังไงเพื่อให้เราเป็นเพื่อนกับนายได้ เราไม่เคยคาดหวังว่าจะมีวันหนึ่งที่นายก็บอกว่ารักเรา...เหมือนที่เรารักนาย เราเตรียมใจมาแล้วว่าสักวันนายก็ต้องมีแฟน มีลูกและต่อไปก็อาจจะมีหลาน เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่เราก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เราบอกได้เลยว่า เราไม่เสียใจ เราไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ นายสบายใจได้เลย” ต้นอธิบาย

“แต่เรารักนายนะต้น เราอยากใช้ชีวิตอยู่กับนาย เราไม่ได้รักนา เราจะอยู่กับเขายังไง นายคิดถึงใจเราบ้างสิต้น”

ต้นสะอึกไปเล็กน้อย จริงสิ เขาลืมที่จะคิดถึงความรู้สึกของเพื่อนไป ถึงเขาจะไม่เป็นไร แต่สนล่ะ สนก็รักเขาเหมือนกัน “เราเข้าใจและซาบซึ้งกับความรักของนายนะสน” ต้นเงียบไปสักพักเหมือนพยายามครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “แต่นายก็ต้องอยู่เพื่อลูก เขาเกิดมาแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบ ลูกของนายสำคัญกว่าเรานะสน”

สนมองต้นอย่างสนใจเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่ต้นพูด นั่นคือความจริงที่จะผูกมัดเขาไว้ตลอดไป ความจริงที่เขาไม่อาจจะปัดความรับผิดชอบไปให้ใครได้เลย

“สำหรับเราแล้ว ความรักที่เรามีให้นายไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่านายจะมีแฟน ไม่ว่านายจะพบเจอใคร ไม่ว่าจะแต่งงาน หรือวันนี้ที่นายจะมีลูก เราก็ยังรักนายอยู่เหมือนเดิม และจะรักนายต่อไป” ต้นสบตาเพื่อนด้วยแววตาจริงจัง “ถ้าใจเรารักกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน อยู่ที่ไหน เราก็รักกันได้ ทำสิ่งดีๆ ให้กันได้ ดูแลกันได้...เท่าที่โอกาสจะอำนวย ถ้านายรักเรา นายจะทำเหมือนที่เราทำก็ได้ อาจจะไม่ได้สมหวังไปทุกอย่าง แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้รักกัน ได้พบกัน เราจะไม่หนีไปไหน จะอยู่ให้นายรัก เท่าที่นายจะทำได้ แต่นายต้องอยู่กับลูกนะสน รับปากเรานะ” ต้นถามเป็นเชิงกำชับ

สนมองหน้าเพื่อนราวกับต้องคำสาป “นายเป็นคนดีมาก...ต้น” สนถอนหายใจอีก “เราไม่มีทางเลือกอะไรเหลือแล้ว ถ้าเขาเกิดมา เราก็จะรับผิดชอบ แต่เราก็จะรักนายต่อไปเหมือนกัน และเราก็หวังว่า เมื่อถึงเวลาที่สมควร เราจะได้มีโอกาสนั้น เราจะรอนะต้น นานแค่ไหนเราก็จะรอ”

เหมือนสนจะได้คำตอบอะไรบางอย่างแล้วจากสิ่งที่ต้นพูด แต่ประโยคที่เขาพูดตอนท้ายๆ ก็ทำให้ต้นอดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า “โอกาสนั้น” คืออะไร เวลาที่สมควรคือเวลาไหน

ต้นจับมือเพื่อนมากุมไว้แล้วก็บอกไปว่า “ดีมากสน เราเชื่อว่านายจะเป็นพ่อที่ดีของลูก และถ้านายอยากจะรอโอกาสนั้น เราก็ยินดีที่จะรอไปพร้อมกับนาย”

สองหนุ่มยิ้มให้กัน ต้นยิ้มด้วยความเข้าใจ แต่สนยิ้มด้วยแววตาเศร้าสร้อย อย่างไรก็ตาม นี่คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเวลานี้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็คงต้องยอมไปทางนี้ก่อน จนกว่าจะพบหนทางอื่นที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
------------------------------------------------------------------------------------------------
สนดูจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเขากลับมาถึงคอนโดในตอนเย็นแล้วก็พบว่านามาถึงก่อนแล้ว เธอนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์ พอเห็นสามีเปิดประตูเข้ามาเธอก็หันมามองแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปสนใจทีวีต่อโดยไม่พูดอะไร

สนเดินมายืนใกล้ๆ แล้วถามว่า “กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่จะได้ไปรับ”

นาเงยหน้าขึ้นมองสามีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ถ้าคนมันเป็นห่วงกันจริงๆ ก็คงจะโทรถามแล้วล่ะว่าจะกลับวันไหน เมื่อไร ยังไง” นาประชดประชันเช่นเคย “เป็นไงคะ รู้ข่าวว่าเมียตัวเองท้องนี่ถึงกับหน้าตาเศร้าสร้อยขนาดนี้เลยเหรอ มีผัวที่ไหนในโลกเขาทำหน้าตาแบบนี้ เขามีแต่จะดีใจที่จะมีลูก”

“นา...พอเถอะ หยุดประชดประชันพี่ได้แล้ว” สนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ เขาต้องคอยเตือนตัวเองให้สงบสติอารมณ์เวลาที่คุยกับนาเสมอเพราะเธอชอบประชดประชัน

นาค้อนขวับแล้วก็เงียบเสียงลง

“นาท้องกี่เดือนแล้ว พี่ว่านาไปฝากท้องเลยดีไหม” สนพยายามถามอย่างนุ่มนวล

“ห่วงด้วยเหรอคะ” นาอดกระแนะกระแหนอีกไม่ได้ พอเห็นสนหน้าเจื่อนลงก็รีบเปลี่ยนท่าทีใหม่ “ยังไม่ต้องรีบหรอกค่ะ เพิ่งท้องได้แค่เดือนเดียวเอง”

“แล้ว...จะต้องทำยังไงบ้างล่ะ พี่ก็ไม่ค่อยรู้ว่าเราจะต้องเตรียมตัวยังไง” สนพยายามถามเอาใจพลางนั่งลงข้างๆ ภรรยา

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกค่ะ ถึงเวลาก็จะรู้เองแหละ” นาทำเสียงเหมือนรำคาญ

“นา” สนเริ่มเสียงดัง “นาไม่ควรพูดแบบนี้นะ นาท้องแล้ว เราก็ต้องเตรียมตัวสิ มีลูกไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะนา” สนพูดเชิงตำหนิ

“ก็บอกว่าไม่ต้องตื่นเต้นไงคะ” นาเสียงเขียวบ้าง “นึกยังไงล่ะคะถึงมาห่วงตอนนี้”

จะว่าไปแล้วนาก็คือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ขี้งอนและเอาแต่ใจ บางครั้งก็แค่ต้องการให้มีคนงอนง้อ โกรธนิดหน่อยพอเป็นพิธีก็หาย สนเองก็คงรู้ แต่เขาไม่มีกะจิตกะใจจะงอนง้ออะไรอีกแล้ว ถ้าจะให้ทำ ก็ต้องฝืนใจ

“นา...นาเลิกประชดประชันพี่เสียทีได้ไหม” สนพยายามควบคุมอารมณ์

“ทำไมคะ ตั้งแต่พี่ต้นกลับมาเนี่ย นาทำอะไรก็ผิดไปหมดเลยนะคะ”

สนตกใจทีเดียวที่ได้ยินเช่นนั้น “อะไรกันนา ต้นมาเกี่ยวอะไรด้วย” สนถามเสียงดัง

“แล้วเกี่ยวไหมล่ะคะ”

สนถึงกับสะอึกเมื่อนาย้อนมาแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนว่านาคงจะรู้อะไรบางอย่างระหว่างเขากับต้นเสียแล้ว “นา...เราอย่าเพิ่งดึงใครมาเกี่ยวข้องเลย ทุกวันนี้ที่เราทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ได้เกี่ยวกับใครทั้งนั้น แต่มันเป็นเพราะเราสองคนไม่ฟังอะไรกันเลย ไม่เคยเข้าใจกัน เอาแต่เหตุผลมาเถียงเพื่อเอาชนะกัน ที่พี่เป็นแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับต้น แต่เป็นปัญหาของพี่กับนา”

“เหรอคะ จะให้เชื่อดีไหมคะ”

“นาหมายความว่าไง นาบอกพี่มาตรงๆ ได้ไหม” สนชักจะทนไม่ไหว

“ถามตัวเองสิคะ" นาย้อนอีก "เป็นไงคะ สามวันนี้ คงไปขลุกอยู่คอนโดพี่ต้นจนเพลิน คงจะมีความสุขมากจนลืมแม้กระทั่งเมียของตัวเองเลยใช่ไหมคะ”

สนถอนหายใจ เขารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะคุยอะไรต่อไปจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำ “พี่ว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ อย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลย พี่จะไปอาบน้ำละ”

“อยากรู้ไหมล่ะคะว่าทำไมนาถึงต้องดึงพี่ต้นมาเกี่ยว” นาเรียกความสนใจ

ได้ผล สนหยุดยืนแล้วหันมามองภรรยาทันที

“เพราะนากำลังสงสัยว่า...พี่กับพี่ต้นมีความสัมพันธ์บางอย่างที่มากกว่าเป็นเพื่อนกัน”

สนตกใจมากทีเดียว แต่เขาก็พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้มีพิรุธมากนัก

“นาสังเกตมานานละ ตอนที่พี่ต้นไม่อยู่ พี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลับมาถึงห้องก็เอาแต่โทรหาพี่ต้น พอโทรไม่ได้ก็หงุดหงิด พอได้คุยก็ยิ้มหน้าระรื่นไปเป็นวัน พอพี่ต้นกลับมาก็ไปขลุกอยู่แต่กับพี่ต้น ไม่สนใจใยดีเมียของตัวเอง ยิ่งตอนที่กลับบ้านไปคราวนั้นยิ่งสังเกตเห็นได้ชัด นาไม่อยากพูดถึง แต่ทำอะไรกันบ้างก็คงไม่ยากที่จะคิดเอาเอง แล้วตอนนี้เป็นไงคะ พอนาบอกว่านาท้อง พี่สนกลับตกใจ ไม่มีอะไรเลยที่จะบอกว่าพี่ดีใจที่จะได้เป็นพ่อคน” นาพูดด้วยน้ำเสียงหวานอมขมกลืน เธอเองก็เสียใจไม่น้อยเหมือนกัน “ตกใจใช่ไหมคะ” นาทำเสียงประชดประชันอีก “แล้วนาล่ะ พี่สนคิดว่านารู้สึกยังไง คิดว่านาเสียใจไหม แต่งงานได้ไม่เท่าไรสามีก็...” นาหยุดไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากปรักปรำเขาเร็วเกินไป “ถ้าพี่มีเมียน้อยหรือมีกิ๊กเหมือนผู้ชายทั่วไป นาอาจจะไม่เสียใจเท่านี้ แต่...มีสามีเป็นเกย์มันน่าเสียใจยิ่งกว่า” นาพูดเสียงดังใส่หน้าสนในตอนท้าย

สนหน้าชา พูดไม่ออก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะอธิบายหรือแก้ตัวอย่างไร หรือว่าเขาไม่ควรจะต้องอธิบายอะไร ปล่อยให้นาเข้าใจไปเลยว่าเขาเป็นเกย์ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากจะมีสามีเป็นเกย์อย่างแน่นอน เขาก็จะได้หลุดจากพันธนาการนี้เสียที แต่...ก็ติดที่นากำลังจะมีลูกกับเขาเท่านั้น พอคิดไปคิดมา สนก็เริ่มสงสัย นาจะท้องได้อย่างไรกัน เขาป้องกันมาตลอดเพราะตกลงกับนาไว้ว่าจะยังไม่มีลูกในช่วงนี้ ทำไมนาถึงท้องล่ะ หรือว่าเขาจะเผลอพลาดไป???