Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 294
Message ID: 0
#0, เรื่องเล่าของเด็กขาย อยากเอามาแบ่งปันครับ
Posted by Teetee on 10-Oct-11 at 07:43 PM
“โลกใบนี้สีอะไร?” บางคนคิดว่าเป็นสีขาวบริสุทธิ์, บ้างก็ว่าเป็นสีชมพู, บ้างก็ว่าสีเขียว, สีฟ้า แล้วแต่มุมมองของใคร โลกทัศน์กว้างหรือแคบแค่ไหน

แต่ในโลกที่ดูสว่างสดใสด้วยแสงตะวันที่เราเห็น ๆ อยู่ทุกวันนี้ยังมีมุมอีกมุมนึง มุมที่มืดมิด, อับชื้นและเงียบงัน มืดจนไม่แน่ใจว่าพวกเขาที่อาศัยอยู่ในหลืบมุมนี้จะสามารถมองเห็นแสงสว่างของวันพรุ่งนี้ได้อีกหรือไม่

มืดมนเสียจนบางคนยังต้องแอบสงสัยว่าพวกเขาต้องทนอยู่กับมันอีกนานแค่ไหน? และจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างไรโดยไม่แตกสลายไปเสียก่อน?

ผมเจอกับทีในคืนเดือนแรม ที่ซอยหนึ่ง ณ ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นซอยเปลี่ยวไม่ค่อยจะมีรถราผ่านไปมาซักเท่าไร ทีเป็นเด็กชายอายุ 16 ผิวเข้มรูปร่างสันทัด นั่งสัปหงกหลังพิงต้นไม้อยู่ริมถนน ผมถามทีไปแม้จะคิดว่ารู้คำตอบอยู่แล้ว ว่า “น้องครับ! มานั่งทำอะไรตรงนี้เหรอ” เราจึงได้เริ่มคุยกัน

ทีบอกว่าเป็นเด็กขาย ที่มานั่งในซอยเปลี่ยวเพราะยังไม่มีบัตรประชาชน ถ้าตำรวจเห็นก็ต้องไปโรงพักเดือดร้อนอีก ถ้อยคำแต่ละคำของทีดูใสซื่อจริงใจ การพูดจาดูไม่เหมือนคนกร้านโลกแต่อย่างใด

ทีเล่าว่าเริ่มทำมาตั้งแต่อายุ 15 คนที่เคยซื้อบริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย มีทั้ง ไทย ฝรั่ง ไปจนถึงแขก ทีเกิดที่ต่างจังหวัด พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก เหลือแค่ตนกับน้องสาว ญาติก็ไม่อยากรับไปเป็นภาระ ต่อมามีพ่อบุญธรรมอยู่ที่มหาสารคาม แล้วจึงเดินทางมากรุงเทพกับน้องสาว

เรื่องราวที่ทีเล่าน่าฟังอย่างประหลาด แต่ก็มีบางเรื่องที่เหลือเชื่อจนดูเหมือนเป็นแค่จินตนาการ แต่ผมอยากแชร์ทั้งหมดเท่าที่จำได้ให้ทุก ๆ คนฟัง เพราะอย่างน้อยแม้ว่าผมจะช่วยอะไรทีไม่ได้มาก แต่หากใครได้อ่านแล้วคิดอยากเปลี่ยนตัวเอง หรือเปลี่ยนโลกนี้และคนรอบตัวให้ดีขึ้นแม้เพียงสักนิด ก็น่าจะถือว่าได้ช่วยที และเด็กอีกมากมายที่มีชะตากรรมแบบทีแล้ว

ทีเล่าว่าเมื่อก่อนตอนมากรุงเทพฯใหม่ ๆ เคยมีลุงแก่ ๆ ท่าทางใจดีมาพาตัวน้องสาวไป บอกว่าจะพาไปอุปการะ ทีกับน้องเป็นพวกเชื่อคนง่าย ก็ดีใจคิดว่าน้องสาวคงไปได้ดิบได้ดี แต่ตอนหลังน้องสาวหนีกลับมาร้องให้ไม่พูดไม่จา ถามว่าเจออะไรมาก็ไม่ตอบ

ทีเลยไปบ้านพ่อบุญธรรมคว้าปืนกับมีดไปหาลุงคนนั้น กระหน่ำยิงและใช้มีดตัด****ของลุงคนนั้น ซึ่งทำให้ทีต้องติดคุก ส่วนอีกฝ่ายพิการตลอดชีวิต ทีโดนตำรวจและญาติ ๆ ลุงรุมกระทืบหลายหน เคราะห์ดีที่มีคนช่วยเป็นพยานว่าเห็นลุงคนนั้นทำอนาจารน้องสาวของทีจริง เขาเลยรอดจากคุกมาได้

ทีบอกเมื่อก่อนเคยมีมอเตอร์ไซค์ เคยขี่ไปแล้วโดนรถเฉี่ยวก็หลายครั้ง ไปหาหมอแล้วหมอก็บอกว่าเส้นประสาทอาจมีปัญหา อาจจะพิการได้ภายใน 6 เดือน แต่นี่ก็อยู่มาสองปีแล้วก็ยังปกติดี แต่บางครั้งเวลาบิดขี้เกียจหรือเกร็งตัวก็จะมีอาการปวดแปร๊บไปทั่วตัว

พอถามทีว่าแล้วปกติอยู่ที่ไหน ทีก็บอกว่าเช่าห้องอยู่ที่บางกะปิ ห้องละ 2500 “อยากอยู่ห้องแพง ๆ อยากรู้ว่าห้องดี ๆ มันเป็นยังไง” "แล้วทำไมไม่นอนห้องล่ะ" "ค้างค่าเช่าเขาเป็นเดือนแล้ว นอนไปเจ้าของมันก็มาเคาะทวงเงินตลอด"

ทีเคยได้เข้าเฝ้าในหลวงครั้งนึงเมื่อตอน 3-4 ขวบ ตอนนั้นยังอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ในหลวงทรงถามไถ่ญาติว่า “นี่ลูกเหรอ” ญาติบอก “หลานครับ พ่อแม่มันตายแล้วครับ” จึงทรงรับสั่งกับทีว่า “ไปอยู่ในความดูแลของเราไหม” ทีอึ่งอยู่นานมากแล้วส่ายมือซ้ายขวา ในหลวงจึงยิ้มแล้วบอกว่า “โตขึ้นเปลี่ยนใจก็มาหาเรานะ” ทีบอกว่าในชีวิตจนถึงทุกวันนี้เขาไม่เคยไหว้ใคร แต่ทีไหว้ในหลวงคนเดียว

ทีรักน้องสาวมาก เมื่อพูดถึงน้องสาวทีไรทีแววตาของทีจะสว่างไสวแต่ก็แฝงแววเศร้าที่หางคิ้ว “แล้วตอนนี้น้องสาวอยู่ไหน” “ก็มีคนเอาไปดูแลแล้ว เป็นครอบครัว ลูกคนเดียว”

ทีเคยไปเยี่ยมน้องสาวสองสามหน มีหนนึงทีเห็นลูกแท้ ๆ ของครอบครัวเอาเศษกระดาษกำเป็นก้อน ๆ ขว้างใส่น้องสาว ทีเข้าไปดุและใช้ถ้อยคำรุนแรง แถมยังขู่ว่า “ถ้าเห็นทำกับน้องกรูอย่างนี้อีกมรึงตายแน่” โชคร้ายที่พ่อเด็กเดินออกมาพอดี ครอบครัวนี้จึงค่อนข้างไม่ค่อยชอบทีเท่าไรนัก

สมัยทีอยู่กับญาติ เคยมีคนเอาเด็กทารกเพิ่งคลอดสด ๆ มาทิ้งหน้าบ้านที เขาเลยเอาเด็กไปล้างตัวด้วยน้ำอุ่น เอานมให้กิน แต่แล้วทารกก็เสียชีวิต จากนั้นทีมักจะเห็นภาพหลอนว่ามีบ้านอยู่หลังหนึ่งเป็นเรือนไม้ ทีเดินเข้าไปในบ้านเจอยายแก่คนนึงมาถามว่าจะเอาเด็กคนนี้ไปอยู่ด้วยไหม ทีตอบว่าเอา ยายก็ให้เด็กมาอยู่ด้านขวาของที เขาบอกว่าร่างกายซีกขวาเขาจะทำงานไม่เหมือนซีกซ้าย เหมือนมีสมองคนละอันกัน ทีบอกว่ายายแก่คนนี้คอยดูแลช่วยเหลือทีอยู่

“ผมเป็นคนไม่ยอมคน ไม่เคยก้มหัวให้ใคร เมื่อก่อนเคยมีกะเทยมากระทืบน้องสาวผมครั้งนึง ผมชกมันเกือบตาย มันไปพาพวกมาถือมีดเล่มเบ้อเริ่ม ถามว่ามรึงกลัวตายไหม” ทีเล่า “ผมบอกว่า ’ก็กลัว! แต่แมร่งไม่ยอมตายซักทีว่ะ!!’”

ผมฟังประโยคนี้แล้วก็เหลือบมองเห็นแผลที่แขนเหมือนรอยกรีดแขนตัวเองสามรอยเรียงกัน เลยถามว่า “กรีดแขนตัวเองเหรอ?” “กรีดเล่น ๆ เผื่อมันจะตาย!” ทีเล่าว่ามีพวกมากมาย รู้จักคนตั้งแต่สะพานพุทธยันสนามหลวง “มีฝรั่งคนนึงมาหาผมที่ห้องประจำ บอกว่าถ้าอายุยี่สิบจะเปิดร้านเกมให้ดูแล” “อยากอายุ 20 ไว ๆ อยากคุมร้านเกม อยากเล่นเกม” พูดไปตาเป็นประกายน่าเอ็นดู

คุยกันถึงเรื่องอนาคต ทีบอกว่ากลัวว่าโตขึ้นหน้าจะขี้เหร่ และจะทำงานแบบนี้ไม่ได้แล้ว กลัวไม่มีเงินกินข้าว เลยถามทีว่าทำอย่างงี้ไม่กลัวเป็นเอดส์เหรอ ทีบอกเป็นก็ดีจะได้ตายซะที แต่ไปตรวจมาแล้วไม่ได้เป็น เป็นแค่หนองใน (โกโนเรีย) พูดไปทีก็เปิดให้ดู กางเกงของทีนั้นคับเอามาก ๆ คงเป็นเพราะทีโตขึ้นแต่ไม่มีตังค์ซื้อกางเกงตัวใหม่

“แล้วตอนกลางวันทำอะไร” “ก็ไปช่วยอู่ ช่วยแบกเครื่องยนต์ แต่แมร่งโคตรหนักเลย เรายังเด็กตัวแค่นี้แบกทีปวดกระดูกไปหมด” “อยากเปลี่ยนงาน แต่ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน...” ผมชวนทีไปนั่งกินข้าว ทีกินน้อยมากบอกว่า “ชินแล้ว! กินนิดเดียวก็อยู่ได้ทั้งวัน” ระหว่างนั้นผมพยายามแนะนำปนสอนเท่าที่คนอายุย่าง 30 จะสอนเด็ก 16 ได้ ซึ่งทีก็รับฟังอย่างดี มีโต้แย้งบ้างตามสมควร ให้ตังค์ทีเอาไว้ใช้แล้วจึงแยกย้ายจากกันไป

ณ พื้นที่สีหม่นของโลกใบนี้ ที่ ๆ ใคร ๆ พากันขยะแขยง และทำเป็นมองไม่เห็นราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตน เหมือนเด็กเอาเท้าเขี่ยสิ่งสกปรกซุกไว้ใต้พรมปูพื้น เหมือนผู้ใหญ่จอมปลอมบางคนที่พยายามขับไล่ให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพียงเพื่อที่จะบอกลูกบอกหลานได้ว่า “โลกนี้ -ประเทศนี้สีขาวนะลูกนะ”

แต่ไม่ว่าอย่างไร ความจริงก็จะมาปรากฏชัดตรงหน้าท่านไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม ทางที่ดีเราควรนำเขาออกมาจากซอกหลืบมาสู่แสงสว่าง ช่วยเหลือยอมรับและหยิบยื่นโอกาสให้แก่เขา เพราะทั้งเราทั้งเขาก็ล้วนเป็นคนเท่าเทียมกัน แตกต่างกันที่เรามี ”โอกาสที่จะช่วย” แต่ไม่ได้ทำ ส่วนพวกเขานั้นไม่มีแม้แต่แค่ “โอกาสให้ได้เลือก” เท่านั้นเอง...

เครดิต "รบชนะ" ครับผม