Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 375
Message ID: 44
#44, RE: ร.ด.หฤโหด ไตรภาค
Posted by หนุ่ม น.ศ. on 25-Apr-12 at 08:53 AM
In response to message #0
ตอนที่ 10

ตี 5
จ๊อก..จ๊อกกก..
" เฮ้ย นี่มึงเทน้ำราดหน้ากูทำไมวะ "
ผมโวยวายพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้น ไอ้ธีระนั่งจ้องหน้าผมอยู่ ในมือของมันถือขวดน้ำที่เทไปแล้วไม่มากนัก ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในเต็นท์ แต่งชุดครึ่งท่อน หน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ แถมรู้สึกปวดกบาลอีกด้วย ไอ้ธีระยิ้มแล้วพูดกับผมเบาๆ
" รู้สึกตัวแล้วเหรอมึง มึงรู้มั๊ยเมื่อคืนน่ะ มึงเมาไม่รู้เรื่องเลย นี่ถ้ากูไม่เอาน้ำราดหน้ามึงแบบนี้เนี่ย มึงก็คงยังไม่ตื่นหรอก กูกะว่าถ้ามึงยังไม่ตื่น กูจะลากมึงออกไปนอกเต็นท์ แล้วเอาน้ำเป็นถังๆ มาสาดใส่มึงแน่ๆ คราวนี้รับรองตื่นชัวร์ "
" ไม่ต้องเลยมึง กูตื่นแล้ว เออใช่ กูจำได้ เมื่อคืนกูเมามากเลย กูโดนไอ้โต้งกับไอ้ป้อมอมเหล้า แล้วไอ้ป้อแม่งก็ดูดควยกู แล้วก็จะเล่นตูดกู แต่กูก็หนีมาได้ แล้วก็มีคนพากูมาที่เต็นท์นี้ มึงเป็นคนพากูมาใช่มั๊ยวะ "
" หา!! มึงพูดจริงเหรอวะ มัน 2 ตัวจะทำแบบนั้นกับมึงจริงๆ เหรอ ไอ้เหี้ยแม่งระยำจริงๆ ดีนะที่กูไปเจอมึงก่อน ไม่งั้นมึงตูดบานแน่ ! เออ ใช่ คนที่พามึงมาก็กูเองแหละ กว่าจะพามาถึงเต็นท์ได้ก็แทบแย่ มึงรู้มั๊ย ตัวมึงหนักชิบหายเลย "
" กูต้องขอบใจ ขอบใจมึงจริงๆ ว่ะเพื่อน "
ผมพูดด้วยความดีใจแล้วเอามือบีบไหล่ตบหลังไอ้ธีระด้วยความรู้สึกขอบคุณ ก่อนจะหยิบแว่นที่วางอยู่ข้างๆ ตัวมาใส่ แต่แล้วผมก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในร่างกายของผม ก็เลยขมวดคิ้ว ไอ้ธีระมองหน้าผมแล้วถามช้าๆ
" เป็นอะไรอีกวะ คิ้วผูกโบว์เชียว มึงยังมึนกบาลอยู่เหรอหรือยังไม่สร่างเมา แดกน้ำหน่อยมั๊ย จะได้ดีขึ้น "
ผมรับน้ำของไอ้ธีระมาดื่ม แล้วพูดต่อ
" กูสร่างเมาแล้ว แต่ยังปวดกบาลอยู่ว่ะ เอ ทำไมกูรู้สึกเหนื่อยแล้วก็เพลียๆ วะ มัน...มันไม่ค่อยจะมีแรงเลย โคตรอ่อนเพลียเลยว่ะ ยังไงไม่รู้ว่ะ กูอธิบายไม่ถูก "
" คิดมากน่า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์เหล้ามั๊ง ก็มึงเล่นแดกไปซะขนาดนั้น มันก็ต้องเพลียแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็หาย "
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดเรียกรวมดังขึ้นอีกครั้ง ผมกับไอ้ธีระรีบมุดออกจากเต็นท์แล้ววิ่งไปเข้าแถวทันที ขณะวิ่งผมก็นึกในใจไปตลอดว่า อาการที่ผมเป็นอยู่ในขณะนี้มันไม่น่าจะเกิดจากฤทธิ์เหล้านะ แต่มันน่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น อาการเหมือนเพิ่งหลั่งน้ำกามออกไปเลย ! เหนื่อยๆ เพลียๆ แบบนี้ล่ะใช่เลย แต่เท่าที่ผมจำได้ เมื่อคืนนี้ผมไม่ได้หลั่งน้ำกามออกไปนี่หว่า แล้วอาการแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ไงวะ ?
...............

พอทุกคนเข้าแถวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกออกกำลังกายเหมือนเมื่อวาน แล้วจึงแยกย้ายกันไปตักน้ำมารดที่หน้ากองพันจนชุ่ม แล้วรีบไปทำกิจวัตรส่วนตัว ล้างหน้า แปรงฟัน เยี่ยว ไม่นานครูฝึกก็เป่านกหวีดเรียกรวมอีกครั้ง เพื่อแดกข้าวเช้า ก่อนจะให้พักแป๊ปนึงเพื่อเตรียมตัวรับการฝึกในภาคเช้า
เช้านี้เราต้องฝึก " การลงทางดิ่ง " คือการไต่เชือก 35 ฟุตจากด้านบนลงมาด้านล่าง มีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกคือ " ไต่เชือก " มีแต่เชือกเส้นเดียวให้เราไต่ลงมา ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ " ไต่หอ " แบบนี้มีกำแพงอยู่ด้านหลังให้เรากระโดดถีบกำแพงไต่เหยงๆ ลงมา ( เหมือนการไต่หน้าผาน่ะแหละครับ ) ครูฝึกในฐานนี้ชื่อ ครูไหว โหดมากๆ และที่สำคัญเขาเป็นผู้คุมกองร้อยอินทรีย์ที่พวกเราอยู่นี่เอง ภายหลังผมและเพื่อนๆ แอบขนานนามเขาว่า " เจ้าพ่ออินทรีย์จอมโหด "
" ห้ามคุย !!!!!! ใครคุยโดนมิดหัวแน่ๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคุย นั่งดูการสาธิตการลงทางดิ่งให้เข้าใจว่าต้องทำยังไง เดี๋ยวพวกเอ็งต้องทำแบบนี้ให้ได้นะ ใครเงอะงะ ชักช้า มิดหัวแน่ๆ "
ผมได้ยินคำว่า " มิดหัว " ก็เกิดความสงสัยว่าคืออะไร แต่ผมก็ไม่ต้องสงสัยนาน เพราะว่าครูไหวหันหน้ามาทางหมวดของผม แล้วแผดเสียงลั่น
" เฮ้ย ไอ้ 2 คนนั่นน่ะ คุยอะไรกันวะ ลุกเลยเอ็ง ลุกมานี่เลย มาโชว์มิดหัวให้เพื่อนดูเลย ท้าทายดีนัก ข้าบอกแล้วใช่มั๊ยว่าห้ามคุย เวร แท้.แท้ "
ไอ้ 2 คนนั้นลุกขึ้นเดินไปหาครูไหว ครูไหวพูดกับทั้งคู่อยู่ไม่กี่คำ ผมสังเกตุเห็นสีหน้าของมันทั้ง 2 คนซีดลงเล็กน้อย เสร็จแล้วมันก็ออกวิ่งไปยังบึงใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลัง ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั้นมองตามหลังมัน พอทั้งคู่วิ่งไปถึงบึงก็กระโดดลงไปแล้วมุดหัวลงไปในน้ำ ไม่กี่อึดใจมันทั้ง 2 คนก็โผล่หัวขึ้นมา แล้วพ่นน้ำออกทางปากเป็นสายยาว หัวหูเปียกโชก ทำหน้าเหยเก
" ดูไว้ซะ นี่คือการมิดหัว โดดน้ำให้หัวจม ใครขัดคำสั่งข้าอีก จะโดนไม่ใช่น้อยเลย ถ้าไม่อยากตัวเปียกแบบนั้น ก็อย่ากวนใจกัน ตั้งใจฝึกให้ดี ทราบ !!!!!!! "
" ทราบ !!!!!!!!!! "
ทุกคนขานรับพร้อมกัน และคิดในใจว่า ครูไหวนี่โหดมากจริงๆ และการมิดหัวนี่ก็เป็นการทำโทษที่ไม่น่าสนุกเอาซะเลย นอกจากตัวจะเปียกแล้ว น้ำยังเข้าไปในเสื้อผ้าและรองเท้าอีก ต้องรอให้เสื้อผ้าแห้งอีก จะฝึกอะไรต่อก็ไม่สะดวก แย่จริงๆ !
...............
พอหัวหน้าหมวดสาธิตการลงทางดิ่งจบแล้ว ก็เริ่มฝึก ครูไหวให้เลือกว่าจะไต่แบบไหน ผมและเพื่อนๆ หลายคนสมัครใจจะ " ไต่หอ " มากกว่าเพราะอย่างน้อยก็ยังมีกำแพงให้เตะลงมาได้เรื่อยๆ ผิดกับไต่เชือกที่ไม่มีอะไรให้เตะเลยมีแค่เชือกอย่างเดียว อาจจะเสี่ยงต่อการไต่แล้วตก ตุ้บ ! ลงมาก็ได้ หลายคนที่เป็นผู้ชายแท้ๆ เลือกที่จะไต่เชือก ผมมองหน้าพวกเขา หน้าตาแต่ละคนถึกๆ โหดๆ กันทั้งนั้น สมแล้วที่เลือกไต่อันที่มันเสี่ยงและอันตรายมากกว่า ช่างกล้าหาญกันเหลือเกิน นี่แหละลูกผู้ชายที่แท้จริง ต้องกล้าหาญและบ้าบิ่นแบบนี้ ผมนึกในใจด้วยความชื่นชม พอถึงตาผมไต่ ผมรีบมัดเชือกที่เป้ากางเกงจนแน่นและติดอุปกรณ์ที่ใช้ในการไต่หอเข้ากับตัว จนเสร็จ ผมไม่ลืมที่จะสวมถุงมือเพื่อกันมือถลอก เสร็จแล้วก็ขึ้นไปยืนด้านบน จับเชือกให้แน่น ถ่างขาออก แล้วค่อยๆ โรยตัวลงมา ก่อนจะเอาตีนถีบกำแพงอย่างแรงให้ตัวลอยออกมา พร้อมๆ กับคลายมือที่กำเชือกเอาไว้โรยตัวลงมาด้วย แล้วจึงค่อยถีบกำแพงใหม่ โรยตัวลงมา ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงพื้น ตอนแรกผมตื่นเต้นมากไปนิด กลัวครูไหวด่า ก็เลยถีบกำแพงซะเต็มตีนเลย ทำให้ตัวลอยวืดออกห่างจากกำแพงเป็นโยชน์ จนครูไหวที่ยืนมองอยู่จากด้านล่างร้องลั่น
" เฮ้ย ไอ้แว่น ถีบเบาๆ ก็ได้ ไม่ต้องถีบแรงขนาดนั้น เวรแท้..แท้..ไอ้ห่า บ้า ..บ้าที่สุดเลย "
ผมไม่ได้สนใจฟังครูไหว รีบคลายมือโรยตัวลงมาแล้วเอาตีนถีบกำแพงไปเรื่อยๆ ไอ้ธีระที่ยืนมองผมอยู่ด้านล่างเหมือนกับครูไหว มองครูไหวด้วยความแปลกใจ แล้วกระซิบถามไอ้บอมเบาๆ
" มึงได้ยินครูไหวมันพูดมั๊ยวะ "
ไอ้บอมพยักหน้าช้าๆ
" เต็ม 2 รูหูเลยว่ะ ไอ้เหี้ย ชัดๆ เลย ตุ๊ด ตุ๊ดเก๊กแมนแน่ๆ ผู้ชายที่ไหนจะพูดสำเนียงแบบนั้นวะ "
ไอ้ธีระเบ้ปาก แล้วหันไปมองครูไหวอีกครั้ง ครูไหวยืนอยู่ตรงฐานกำแพงทางด้านหน้าของคนไต่ ในขณะที่นักศึกษาวิชาทหารทุกคนยืนอยู่ด้านหลังคนไต่ สายตาของครูไหวกำลังจับจ้องอยู่ที่เป้ากางเกงนูนๆ ของผมพอดิบพอดี พร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย ไอ้ธีระถึงกับอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง นี่ก็หมายความว่า ครูไหวแม่งถือโอกาสมองหุ่นและเป้ากางเกงของคนที่ไต่หอลงมาทุกคนเลยเหรอวะเนี่ย ทุเรศจังเลยว่ะ !!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ผมรวบรวมพละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดแหกขาออก แล้วถีบกำแพงครั้งสุดท้ายจนตัวลอยห่างจากกำแพง พร้อมๆ กับคลายมือที่จับเชือกแล้วโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ตัวผมลื่นพรึดๆ ลงมาจนตีนเกือบแตะพื้น ผมรีบปล่อยมือจากเชือกแล้วยืนตรงทันที ครูไหวมองหน้าผมยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือมาบีบไหล่ผมเบาๆ
" เจ๋งดี แรงเหลือเฟือนะเอ็ง ถีบซะแรงเลย แมนดีว่ะ เอาล่ะ ไปพักได้ "
ผมรีบวิ่งออกไปทันที ครูไหวหันมาทางคนที่รอไต่อยู่ แล้วตะโกนลั่น
" คนต่อไป !!!!!! "
.................
ผมไต่หอเสร็จแล้วค่อยสบายใจขึ้น ที่จริงก็ไม่ยากเท่าไหร่ สนุกดี หันไปมองพวกผู้ชายแท้ๆ ที่ไต่เชือกกันอยู่ ทุกคนไต่อย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ละคนใช้เวลาไต่นานเหมือนกันเพราะไต่ยากกว่าไต่หอ ผมทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงพิกล พร้อมกับครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ผมยังคงติดใจสงสัยอยู่ว่า ทำไมผมถึงได้รู้สึกอ่อนเพลียราวกับหลั่งน้ำกามออกไปแบบนี้นะ ไม่เข้าใจจริงๆ
" แดกซะ กูซื้อมาให้ "
ผมลืมตาขึ้น ไอ้ธีระยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าผม ในมือของมันถือนมไวตามิลด์แบบขวดที่เหลืออยู่ครึ่งขวด ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ
" มาให้กูทำไมวะ เงินมึงนี่หว่า มึงซื้อมามึงก็แดกเองสิ กูเกรงใจ กูก็กำลังจะไปซื้อพอดี "
" เอาไปเถอะน่า กูไม่อยากแดกแล้วเลยเอามาให้มึง แดกซะจะได้มีเรี่ยวมีแรง "
" จะดีเหรอวะ มึงไม่แดกอีกจริงเหรอเนี่ย ครึ่งขวดเลยนะเว้ย กูเกรงใจมึงจริงๆ ว่ะ "
" เพื่อนกันต้องเกรงใจอะไรวะ แดกๆ ไปซะเหอะ "
ผมรับนมไวตามิลด์จากไอ้ธีะอย่างอายๆ ก่อนจะก้มลงดูดนมอย่างหิวโหย ในเมื่อมันอยากให้ผมแดก ผมก็แดกล่ะครับ ไอ้ธีระมองผมดูดนมอย่างพอใจ แล้วมันก็ทรุดตัวลงนั่งตรงนั้น ไม่นานผมก็ดูดจนเกลี้ยงขวด รู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวมีแรงขึ้น เพราะร่างกายได้รับโปรตีนมาชดเชยส่วนที่หลั่งออกไปเมื่อวาน ผมวางขวดไวตามิลด์ลงแล้วพูดอย่างสบายใจ
" อา...กูรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ขอบใจมึงมากนะที่เอามาให้ หายอ่อนเพลียเป็นปลิดทิ้งเลยว่ะ "
ไอ้ธีระยิ้มแล้วโอบไหล่ผมไว้แน่น พร้อมกับกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ
" กูรู้ดี...มึงต้องเพลียแน่ๆ กูถึงเอามาให้ไง "
ผมหันขวับไปจ้องหน้ามัน
" มึงรู้ได้ไงว่ากูเพลีย "
ไอ้ธีระจ้องหน้าผมตอบ มือของมันคลำเบาๆ ที่หัวไหล่ของผม แล้วพูดช้าๆ
" เราเพื่อนกัน ก็ต้องรู้ใจกันสิวะ ใช่มั๊ย "
...............

ไม่นาน นักศึกษาวิชาทหารทุกคนก็ไต่เชือกและไต่หอกันเสร็จ ครูไหวเป่านกหวีดรวมพลอีกครั้ง แล้วให้เข้าแถวเดินกลับกองพันเพื่อไปแดกข้าวกลางวัน มื้อนี้มีผัดเผ็ดหมู และกล้วยบวชชี อร่อยมากๆ ผมจับคู่แดกกับไอ้สันติ ส่วนไอ้ธีระขอไปจับคู่แดกกับคนอื่นบ้าง ตอนนี้ทุกคนแดกข้าวด้วยมือกันชำนาญแล้วจึงแดกได้เร็ว และไม่เลอะมือเหมือนมื้อแรกๆ ผมเองก็เริ่มเปิบข้าวเป็นกับเขาบ้างแล้ว คาดว่าวันต่อๆ ไปคงจะเปิบได้คล่องกว่านี้ ครูฝึกปล่อยให้พวกเราแดกกันตามสบาย ไม่เร่งรีบ พอทุกคนแดกและล้างหม้อเสร็จแล้วก็ได้พักแป๊ปนึง ผมก็เลยนั่งจับกลุ่มคุยกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานใต้ต้นไม้ใหญ่แถวนั้น มีไอ้โต้งคนเดียวที่หลบหน้าผมและไม่มาคุยด้วย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้ทุกคนกำลังรอเวลาฝึกในภาคบ่าย ซึ่งได้ข่าวมาว่าภาคบ่ายนี้ สนุกกว่าในภาคเช้ามากนัก