Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 377
Message ID: 20
#20, RE: รักลึกลึก ไม่กล้าทึกทัก
Posted by คนอยากลึกลับ on 09-Feb-12 at 09:43 PM
In response to message #19
ตอนที่ 7

ผมว่า ผมเห็นหลังเจ้าตั้นๆไวๆนะ ขณะคุยกับสันต์ผู้ซึ่งทำงานร้านกาแฟอีกคนหนึ่งที่ทำงานสลับวันกับผม ไปดูที่ประตู ใช่จริงๆด้วย กำลังขี่รถ(มอเตอร์ไซค์)ไปได้หน่อยหนึ่ง

“ฮัลโหลพี่ปั่น มีอะไรคับ” รีบจอดรถข้างทางทันที เมื่อผมโทรหา

“ก็ตั้นนั่นแหละ มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรนี่พี่”

“นี่ นี่ หันหน้ามาดูซะก่อน” ตั้นหันกลับมา เห็นผมโบกมือหยอยๆให้

“ก็เมื่อกี้พี่เห็นตั้นชะโงกดูกระจกที่ร้านนี่นา”

“อ๋อ ผมจะแวะมาถาม Eng หน่อยเท่านั้นเอง เห็นพี่มีแขกอยู่ ก็เลยไม่อยากกวน” ตั้นอธิบาย

“ตั้นไม่มีธุระไหนใช่ป่ะ ถ้าไม่มีก็เลี้ยวมาด่วน”

“ ’ ไม อ่ะพี่”

“เถอะน่า มา มา ช่วยฉลองให้พี่กับเพื่อนหน่อยละกัน”

“ฉลองอะไรเนี่ย........... เออ เออ ก็ได้ ก็ได้ เดี๋ยวผมไป”

ผมวางสาย ดุ๋งก็ออกจากห้องน้ำมาสมทบทันที
“ใครโทรมาเหรอ”

“เจ้าตั้น เมื่อกี๊โผล่มาแต่ไม่กล้าเข้า เห็นว่ามีแขก(ผมปิดร้าน แขวนป้ายไว้ แต่ไม่ได้เอาม่านลง) ก็เลยโทรให้มาฉลองด้วยกัน”

“ดี ดี ฉลองกันหน่อย ไหนๆก็ไหนๆแล้ววันนี้”

สมาชิกเป็นสี่คนทันทีที่ตั้นมาถึง ดุ๋งขอโทษขอโพยผมกับสันต์อีกรอบ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของมันเลย ลืมบอกไปครับว่า ดุ๋งมันรวยมาก ที่บ้านก็มีธุรกิจใหญ่โตแล้ว แต่ยังไม่อยากทำงานบริษัทตัวเองเท่าไร จบโทจากนอกต่างหาก เลยเลือกเรียนภาษาอังกฤษฆ่าเวลาไป ที่จริงฐานะอย่างเจ้าดุ๋งไม่ต้องมาเรียนด็อกเตอร์ก็ได้ มันบอก เรียนอังกฤษ เพราะถนัดที่สุด ฐานดีเป็นทุนเดิม จะจบเมื่อไรมันไม่ซีเรียส เพราะยิ่งยืดเวลาไปนั่งทำงานในบริษัทของตนมากเท่านั้น คนมันรวยซะอย่าง เห็นอย่างนี้ เก่งโคตร โคตร

แต่เพื่อไม่ให้ที่บ้านอิดหนาระอาใจกับตัวเองมาก ทั้งๆที่อายุก็ปูนนี้แล้ว ก็เลยเลือกเปิดร้านกาแฟ โดยให้ผมกับสันต์เป็นผู้จัดการร้าน(เรียกให้หรูหน่อยสิ) ทำงานคนละวันกัน โดยเอาตารางเรียนผมเป็นที่ตั้ง ส่วนสันต์นั้นเรียนจบแล้ว และก็มีกิจการขายก๋วยเตี๋ยวเป็นของตัวเอง รายได้ก็ดี แต่ต้องการหารายได้เพิ่ม เพราะภรรยาสาวกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง สันต์จึงไม่มีปัญหาที่ต้องทำวันเว้นวัน กลับดีเสียอีกที่ได้ดูแลที่บ้านสลับกับที่ร้านกาแฟโดยได้รับเงินเดือนแบบเต็มๆ

แต่เรื่องของเรื่องก็คือ แฟนสาวของดุ๋งที่ใกล้จะหมั้นกันเต็มที(ตามที่มันเคยบอก) มาขอบริหารงานที่ร้านกาแฟเอง เพราะเรียนจบแล้ว พ่อแม่ดุ๋งก็ยินดีปรีดาใหญ่ พวกท่านชอบคนที่ขยันทำมาหากินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดุ๋งก็ไม่กล้าขัดอะไร(เพราะขัดใจมามากแล้ว) จึงเป็นที่มาของการเลี้ยงส่งการทำงานวันสุดท้ายในร้านกาแฟนั่นเอง


“เฮ้ย บอกแล้วไง เราต่างหากที่ต้องขอบคุณนายนะเจ้าดุ๋ง”

“ใช่พี่ อย่าคิดมากน่า ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมก็ไปช่วยครอบครัวขายก๋วยเตี๋ยวต่อ อย่าลืมแวะมาอุดหนุนกันบ้างละกัน” สันต์เอ่ยขึ้นบ้าง

ดุ๋งกับสันต์ดื่มกันไม่มาก เพราะดุ๋งต้องขับรถกลับ ส่วนสันต์แทบจะไม่ดื่มเลย จิบๆเท่านั้น คนเป็นพ่อคนก็ยังงี้ สันต์บอกว่า ลูกขอเอาไว้ อยากเห็นพ่ออยู่กับผมไปนานๆ ฟังแล้วชื่นใจจริงๆ น้ำตาจะไหลเสียให้ได้

ดุ๋งกับสันต์กลับไปแล้วเพราะมาด้วยกัน เหลือผมกับตั้นที่ค่อยๆละเลียดเบียร์กันอยู่

“พี่จะทำไงต่อไปอ่ะ”

“พี่พอมีงานแปลอยู่บ้าง ตอนนี้คงมีเวลาเพิ่มงานเขียนขึ้น”

“ฮ้าาา..... ผมกำลังคุยกับนักเขียนอยู่หรือนี่ ทำให้แปลกใจอยู่เรื่อยเลย”

“ไม่เห็นแปลกตรงไหน ผมต้องทำมาหากินนะครับเพ่”

“เหอะน่า ผมแปลกใจก็แล้วกัน พี่ปั่นเริ่มเมายัง ตาหวานมากเลยนะเนี่ย”

“อย่างอื่นก็หวานด้วย”

“อารายยย....”

“น้ำตาล”

“เฮ้อ ขอไว้อาลัยให้กับมุกนี้หนึ่งจอก”

“ว่าแต่พี่ ตัวเองก็แก้มแดงเป็นตูดลิงเชียว”

“อะไร เคยได้ยินแต่แดงเป็นลูกตำลึงนะ เออ ผมไม่นึกว่าพี่ จะร้องเพลงมันขนาดนี้ เพราะอีกตะหาก นุกนิกยังเพ้อหาพี่เลย”

“เพ้อว่า อย่ามาให้เจออีกนะสิ ก็เห็นแต่ละคนกะลังป้อสาวกัน อยู่ไปก็เป็นเอ บี ซี ดี พี่เลยชิ่งมาร้องเพลงดีกว่า เผื่อใครแถวนั้นเป็นโมเดลลิ่ง เห็นแววให้ออกกูเกิ้ลบ้าง”

“ซิงเกิ้ล ซิงเกิ้ล ตลกอีกละ” ตั้นท่าทางเมาๆ

“จริงๆนะพี่ วันก่อนเจอกับนุกนิก ยังฝากความคิดถึงมาให้พี่เล้ย” ตั้นเล่าต่อ

“โหย อย่าหลอกคนแก่สิมันบาป ใครมาชอบพี่ แสดงว่าคนๆนั้นไม่เลือกคนเต็มทีแล้ว อีกอย่างพี่ก็มีลูกแล้วด้วย”

“ฮ้าาา.....จะทำให้ผมเซอร์ไพรส์ถึงไหนเนี่ย” เสียงดูตกใจจริงๆ

“เรื่องนี้ช่างมันเถอะ ไม่สำคัญนักหรอก ว่าแต่ตั้นเถอะฮอตจริงๆ ก็เห็นสาวๆ เค้า เหล่ๆตั้นอยู่น้า”

“ไม่ล่ะพี่ ผมก็คุยเป็นเพื่อนๆกันงั้นแหละ อย่าลืมว่า ผมเพิ่งโดนบอกเลิกมานะ ยังเจ็บไม่หายเลย” อ้าว เฮ้ย บรรยากาศเริ่มตึงๆซะแล้วสิ

“.........กับความรักและซื่อสัตย์ตั้งสองปี ผมยังโดนขนาดนี้ มันเจ็บมากรู้มั้ยครับ
เจ็บที่ใจนี่” เอานิ้วจิ้มอกตัวเองประกอบ

ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ ตั้นก็นั่งซึมคอตกไปซะแล้ว

“ผมหวังว่า ไม่นานมันคงหายทรมาน ......ซะที” เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งและเงียบไปในที่สุด ผมก็ได้แต่เอื้อมมือไปตบบ่าเบา.....เบา...

“อกหักได้........ก็หายได้ว่ะ........ไอ้น้องเอ๊ย........”