Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 377
Message ID: 32
#32, RE: รักลึกลึก ไม่กล้าทึกทัก
Posted by คนอยากลึกลับ on 12-Feb-12 at 07:32 PM
In response to message #31
ตอนที่ 10

ผมพยายามคุมสติให้มั่น ค่อยๆผ่อนคลายไปกับปฏิกิริยาของตั้น

“เอาละนะ ผมจะถามคำถามแรกแล้ว จับเวลา” ตั้นเริ่มต้น

“ดะ...ดะ....เดี๋ยวก่อน จะสอบประวัติอะไรพี่” ผมผงกหัวขั้นแต่ตั้นรั้งไว้เบาๆ ผมโอนอ่อนผ่อนตาม สติ......ต้องตั้งสติให้ดีสิเรา

“ไม่ใช่หรอก ผมอยากรู้จักพี่ปั่นให้มากขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น เรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มีอะไรพี่ก็ถามผมได้ อาจจะรู้จักผมในอีกแง่มุมหนึ่งก็ได้ ใครจะรู้ อ่ะ..ตอนนี้ผมถามพี่ก่อน”
“ก็ได้ๆ ครับ” ผมเริ่มสงบลงแล้ว

“เมื่อกี้ได้ยินคุยกับแม่ว่า เป็นคนเหนือ จังหวัดอะไรเหรอพี่”

“ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงภาคเหนือ คนก็จะนึกถึงจังหวัดเชียงใหม่ตลอดเลยใช่ป๊ะ ซึ่งพี่ก็เป็นคนเชียงใหม่นั่นแหละ เอ๊ย........ ไม่ใช่....... เป็นหนุ่มเมืองรถม้าครับผม”

“อ๋อ ผมรู้ละ เมืองรถม้า สุรินทร์ใช่มั้ย”

“นี่ นี่ พังงาตะหาก”

“แหม ผมรู้หรอกน่า อ่อนๆ ผมแกล้งก็เท่านั้น”

“ทำไมพี่มาเรียนเอกได้ล่ะ”

“ก็เป็นความฝันเฟื่องของคนบ้านนอกคนหนึ่งนะครับ”
“อ้าว ต่างจังหวัดที่ใกล้ๆ ก็เปิดสอนนี่นา”

“แต่สาขานี้มีแต่ที่กรุงเทพฯที่ดียวครับ”

ตั้นส่งเสียงอือออในลำคอ

“แล้วก่อนมาเรียนเนี่ย พี่ทำอะไรมาก่อนล่ะ” ตั้นซักไม่หยุด

“อ้าว...เฮ้ย...ซักประวัติผู้ต้องหารึไง ยิ่งหนีคดีมาด้วย”

“เอาอีกละ เหอะน่าพี่ คุยต่อ คุยต่อ ผมอยากฟัง” มีการเขย่าตัวผมด้วย

“เอาจริงเหรอ”

“จริงดิ แล้วที่ถามทั้งหมดเนี่ย หลอกเหรอ” น้ำเสียงงอนๆ

“เอ๊า ไหน ไหน ก็หลวมตัวแล้ว บอกไปแล้วอย่าหัวเราะนะ” ผมปรามไว้ก่อน

“เออ น่า”

“เป็น.....เอ่อ...... อืม........เป็นครูครับ” ผมตอบอึกอัก

“ฮ้า เป็นครูหรือนี่ ผมละทึ่งเลย รัฐหรือเอกชนพี่” เห็นตั้นสนใจอย่างนี้ ผมก็ไม่คิดปิดบังอะไร บางทีการแบ่งปันเรื่องราวของตนให้คนอื่นฟัง ก็เหมือนกับว่า เราก็อาจเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเขาก็ได้

“โรงเรียนรัฐบาล สอนมาหมดทั้งอนุบาลยัน ม.3”

“แล้วหน้าตาจืดๆแบบนี้ นักเรียนจะกลัวหรือครับ” ถามด้วยหัวเราะด้วย

“นึกแล้ว ร้อยทั้งร้อยก็พูดแบบนี้ แม้แต่เพื่อนพี่ยังบอกเลยว่า ถ้าเป็นนักเรียนก็จะแกล้งครูแบบพี่นี่แหละ เพราะหน้าตาไม่ดุเลย แต่หารู้ไม่ ฉายาพี่คือ ใจดี ตีเจ็บ นะ
และหน้าตาแบบนี้นี่แหละที่มักจะเป็นฆาตกรโรคจิตซาดิสต์ซ้ำซ้อน เพราะใครๆก็คาดไม่ถึงกันทั้งน้าน”

“น่ากลัวมั่กมาก เอ๊ะ ! หรือว่าจะจริง แสดงว่าพี่ลามาเรียนใช่ป่ะ” ตั้นสนใจจริงๆแฮะ

“ครับ ลา มาเรียน แต่เป็น ลาออกเลย”

“ทำไมล่ะ ก็ลาเรียนได้ไม่ใช่เหรอ แถมเงินเดือนก็ได้อีก”

“พอดีเกิดคดีข่มขืนเด็กน่ะ อ้อ แรงไป เอาใหม่ พอดีพี่ย้ายมาสอนประถม โรงเรียนมีครูน้อย แค่ 5 คน ไม่ครบชั้นด้วยซ้ำ ถ้าพี่ลามาเรียนก็คงได้อยู่ แต่ก็จะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะต้องทิ้งภาระไว้กับครูที่เหลือ ซึ่งงานเดิมก็หนักอยู่แล้ว แต่ถ้าพี่ลาออก ก็จะได้ครูใหม่มาแทนตำแหน่งเลย แต่ก็ช้าเหมือนกันนะกว่าจะมาได้”

“โอ้โฮ พี่นี่ช่างแสนดีจริงๆเลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แค่สงสารครูกับนักเรียนก็เท่านั้น และอยากทำตามความฝันด้วย ไม่ได้นึกถึงความดงความดีอะไรเล้ย”

“แสดงว่าพี่ลาออกมาก็ต้องได้เงินตอบแทนเยอะนะสิ”
“เฮ้อ เท่าทุนต่างหาก เงินที่ได้ก็ใช้หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูไง เล่าแบบไม่อายเลยนะ แบบจนน่ะ กู้เยอะ พี่ก็เลยทำงานงกๆอย่างที่น้องๆประจักษ์ไงเล่า”

“ค่าเทอมราว 5 - 6 หมื่น ไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าเป็นปีก่อนๆก็ใช่ แต่ปีนี้ขึ้นเป็นเกือบ 80,000 บาท/เทอม ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย”
“แพงเหมือนกันเนอะ” ตั้นเห็นด้วย

“ทำไมเป็นครูอยู่ดีๆ ไม่ชอบหรือพี่ มีปิดเทอมด้วย”

“ก็ดีครับ เป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ โดยเฉพาะต่างจังหวัด นอกจากสอนให้เด็กมีความรู้แล้ว ก็ยังภาคภูมิใจที่ได้สอนให้คนเป็นคนดีอีกด้วย แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ เกิดมาเป็นคนทั้งที ก็อยากทำตามความฝันในชีวิตของตัวเองสักครั้งหนึ่งน่ะ”

“ซีเรียสเลยพี่เรา เห็นพี่ปั่นจริงจัง ก็ดูเท่ไปอีกแบบนะเนี่ย”

“จะทงจะเท่ยังไงก็ขอยอมแพ้ตั้นคนหนึ่งละกัน”

“แล้วเมียพี่ไม่ว่าอะไรบ้างเหรอ” อยากรู้จริงจริ๊งนะ ผมขำก๊ากขึ้นมา

“แค่แฟนเอง ก็โดนเค้าทิ้งซะเลย โชคดีนะที่เขาไหวตัวทัน เขาไม่อยากรอจนเหนียงยานกว่านี้”

“ก็ไหนบอกว่ามีลูกแล้วไง”

“อ๋อ จำได้อีก เป็นลูกของหลานสาวอีกที พ่อเขาทิ้งไป พี่สงสารก็เลยให้เรียกว่าพ่อ” ผมเล่าต่อ หน้าตาเฉย

“เหมือนผมเลย แต่ก็ช่างเถอะ เชื่อมั้ยผมยังไม่รู้อายุพี่เลย”

ผมรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงของตั้น แต่เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยได้ฉับไว
“จะรู้ไปทำไมเนี่ย เขินนะ” ผมพูดไปยังงั้นแหละ ไม่ได้อายอะไร ก็แค่อายุ
“ว่าแต่ตั้นล่ะ บอกก่อนดิ” ผมหยั่งเชิง
“22 ครับ” ผมนึกแล้วว่าเด็กปีสี่ส่วนใหญ่ต้องประมาณนี้ 21 - 23 ขวบ

“คิดว่าพี่ซักเท่าไรล่ะ”

“น่าจะซัก 29 - 30ได้ ใช่ป๊ะ”

“เฮ้อ เจ้าเด็กน้อย พี่ 37 แล้วครับ” ผมตอบยิ้มๆอย่างผู้มีชัย(ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีชัยไปทำไมกัน)

“ฮ้าาาา.........(มันจะแปลกใจไปถึงไหนเนี่ย) ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมหน้าอ่อนจัง จริงป่ะเนี่ย”

“ไม่ใช่หน้าอ่อนอย่างเดียว ปัญญาก็อ่อนด้วย แถมอย่างอื่นก็อ่อนๆอีกนิดหน่อย พี่หมายถึง............... ใจอ่อน ไง” ผมตอบ แต่ตั้นอดหัวเราะไม่ได้

“ผมว่าหน้าพี่ เหมือนดาราที่ชื่อ แตงโมนะ”

“หวานปานแตงโม ภัทรธิดา ดารา ช่อง7เหรอ”

“ใช่ซะที่ไหนเล่า พี่ปั่นนี่ แตงโมที่เป็นลูกของอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ปิยะพงษ์ ผิวอ่อนไง หน้าตาพี่ไม่คมเท่า แต่ตาหวานกว่า” เจ้าตั้นอธิบายเป็นต่อยหอย(เจ็บป่าววะ)

“รู้ได้ไงว่าตาหวาน มาแอบชิมตั้งแต่เมื่อไร”

“ของแบบนี้ไม่ชิมก็รู้ได้น่า”
“ชมกันขนาดนี้ พี่จะไม่ล้างหน้าซัก 3 วัน”

“เคลิ้มเลย พี่ตู”

“งั้นพอใจยัง”

“พอใจแล้วคร้าบ แต่ยังไม่หมดนะ เดี๋ยวเก็บไว้ถามต่อ ง่วงแระ ขอตัวไปนอนก่อนนะคร้าบ” ว่าแล้วก็ลุกไปเฉยเลย

อ้าว..... เฮ้ย......... เดี๋ยวก่อนยังไม่ทันได้ถามอะไรนายเลย ขึ้นไปนอนทำท่าหลับปุ๋ยซะแล้ว เออ หลับได้หลับไป

เดี๋ยวจะทำให้ตื่นอย่างที่คิด.........ซะเลย

ก็แค่.............................. จะเอาสำลีมาปั่นหูเจ้าตั้น ให้ตาสว่างซ้าหน่อย.....ก็เท่าน้านน.......................จริง.......จริ๊งงงงงง..........