Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 377
Message ID: 6
#6, RE: รักลึกลึก ไม่กล้าทึกทัก
Posted by คนอยากลึกลับ on 05-Feb-12 at 09:29 PM
In response to message #5
ตอนที่ 3

ผมลงจากตึกเรียนมาอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมกับเพื่อนอีก 2 – 3 คน ก่อนที่จะแยกกันไปคนละทิศคนละทาง ตามภารกิจและเป้าหมายของตนเอง อาจารย์โหด
เอาการ หลังจากที่แต่ละคน Present งาน ก็โดนจวกกันซะพรุนเลย เอ้า ถือซะว่ายังเป็นปีแรกอยู่ เดี๋ยวคงปรับตัวได้ เอาละน่า นี่โชคดีนะที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน แต่ก็ต้องเตรียมข้อมูลเพื่อรายงานในวันพุธอยู่ดี

“พี่ พี่ครับ มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย หน้ามันแผล็บเลย ดูซิหิ้วของพะรุงพะรัง ขายประกันอ๊ะป่าวเนี่ย” ใครวะ

อ๋อ ไอ้น้องคนนั้นนั่นเอง ก็คนที่หลับคาร้านเราคืนวันศุกร์ที่แล้วนะสิ ผมปรับสติสตังอยู่ครู่หนึ่ง และนึกสนุกขึ้นมาตามที่เขาทัก

“อ๋อ น้องนี่เอง แหม เดาเก่งจัง ถูกต้องละครับ มาขายประกัน ยังขายไม่ได้เลย ช่วยซื้อหน่อยสิ”

“พูดเป็นเล่นไปพี่ ผมยังเป็นนิสิตอยู่ ยังไม่มีรายด้ายย...” เขายานคางตอบ

“แล้าเรามาทำอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่ามาขายประกันเหมียนกัลล์”

“แหมพี่ ขายปีปฟารีนต่างหาก............ ม่ายช่าย มาเอาใบสมัครทุนครับผม”

“ดี ๆ แสดงว่าเรียนเก่งนะเรา” ผมชมเขา

“ไม่เท่าไรหรอกพี่ แค่เอาตัวรอดเท่าั้นั้น เออ เรื่องวันนั้นขอขอบคุณพี่อีกครั้งนะครับ แต่พี่รู้มั้ยผมลืมอะไร” ผมเลิกคิ้วขึ้น ตาโต ทำหน้าสงสัยเต็มที่ เขาจึงอธิบายต่อ

“ก็ลืมค่ากาแฟนะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เขาหัวเราะแก้เขิน

“อ๋อ ไม่เป็นไร แค่ 30 บาทเอง เรื่องจิ๊บจ๊อย ถือว่าเลี้ยงละกัน” ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ เอ๊ะ แต่ถ้าได้ก็ดี อ้าว ยังไงเนี่ย

“ไม่เอาจริงหรือพี่” เขาถามมา ผมก็พยักหน้า

“งั้นก็ขอบคุณพี่อีกครั้งนะครับ แล้วพี่กำลังจะไปไหนเนี่ย”

“พี่ว่าจะไปกินข้าวก่อน หิวเต็มทีแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับหอ” ผมตั้งใจไว้แล้วจะกินข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยก่อนเพราะถูกดี อิ๊ อิ๊

“งั้นดีเลยพี่ ผมว่าเสร็จแล้วก็จะไปกินข้าวเหมือนกัน เดี๋ยวรอเพื่อนผมแป๊บนึงนะ งั้นมื้อนี้ผมเลี้ยงพี่เอง ตอบแทนค่ากาแฟ ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร” เขาพูดเองเออเอง

“เฮ้ย ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก ไม่ต้องเลี้ยงหรอก เพราะกับข้าวในโรงอาหารมันถูกไป อยากให้เลี้ยงที่มันแพงกว่านี้หน่อยไง” ผมพูดยิ้มๆ

“แป่วววว... เออ........... เพื่อนผมมาพอดี......................... เจ๋ง เจ๋ง ทางนี้”

เพื่อนเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งพร้อมกับเอกสารในมือปึกหนึ่ง

“พร้อมแล้วๆ” เสียงอีกคนหนึ่งตอบกลับมา

“ป๊ะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน แต่ เออ...... แนะนำให้รู้จักกันก่อน นี่เจ๋งเพื่อนผมครับ” คนที่ถูกแนะนำตัวยกมือสวัสดีผม

“แล้วนี่ พี่ที่เราไปนอนร้านเค้าเมื่อวันก่อนที่เล่าให้ฟังน่ะ พี่.......พี่ชื่ออะไรคับ”
“เฮ้ย อะไรวะ คุยกันตั้งนาน ยังไม่รู้ว่าพี่เขาชื่ออะไรอีก นายนี่ใช้ไม่ได้เลยว่ะ ไอ้ตั้น ” คนที่ชื่อ เจ๋งเป็นฝ่ายพูดขึ้น

“ชื่อปั่น ครับ” ผมตอบ

“ส่วนผม ก็...... ตั้น.....คร้าบ” เขาตอบแล้วเอามือเกาหัวตัวเอง

“ไปกินข้าวในนี้ใช่มั้ย เดี๋ยวไปรถผมกันเลย ยินดีบริการครับผม” เจ๋งเสนอตัวเองเสร็จสรรพ

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะหิวเต็มที พลางเดินตามหลังสองหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว พร้อมแอบสังเกตบุคลิกของทั้งสองคนไปในตัว ความสูงของทั้งสองไล่เลี่ยกัน คือค่อนข้างสูงด้วยกันทั้งคู่ คงจะเกิน 175 ขึ้นไป ไอ้เด็กสมัยนี้มันช่างสูงกันจริงๆ พ่อแม่คงบำรุงนมกันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนเด็กรุ่นผม รุ่นนี้ยังไม่ทันได้ดื่มนมโรงเรียนเลย

เจ๋งนั้นใส่แว่น กรอบแว่นดูทันสมัย หน้าตาคมคาย ผิวออกแทนๆ ไม่ดำ ไม่คล้ำ ส่วนตั้นนั้นออกแนวขาวใส จะติดผ่องๆ ด้วยซ้ำ ตามแนวพิมพ์นิยม หน้าตาตี๋ๆ แต่ไม่จ๋าจนเกินไป เพราะมีคิ้วที่เข้ม และตาโตพอควร ที่เหมือนกันคือ ทั้งคู่สดใส สมวัย

รถของเจ๋งเป็นรถเก๋งสีดำ เรียบและหรูทีเดียว ส่วนผมก็พยายามนั่งเงียบๆไปตลอดทาง เมื่อถึงโรงอาหารคนไม่มากอย่างที่คิด ผมปล่อยให้เขาทั้งสองเดินเป็นผู้นำ สายตาก็มองหาโต๊ะที่ว่าง

“เฮ้ย ปั่น ไหนว่าจะกลับหอไง” เพื่อนผมนั่นเอง เจ้าดุ๋งที่เรียนสาขาเดียวกันกับเพื่อนอีกสองสามคนเอ่ยทักขึ้น

“ก็ว่าจะกลับหอไปกินมาม่า พอดีมีคนเลี้ยงก็เลยตามเขามานี่ไง” ผมพูดพยักหน้าว่า กำลังเดินตามคนเลี้ยงอยู่

“เออๆ ตามบายๆ”

“เจอกันวันพุธ see you see you” ผมตอบแล้วรีบเดินต่อ

เราสามคนเลือกอาหารคนละอย่าง แต่ตั้นยังไม่หนำใจไปเลือกของหวาน และเครื่องดื่มมาอีกอย่างละสาม เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้นคงจะฮอตในหมู่สาวๆไม่น้อยเหมือนกัน เพราะโต๊ะที่ตั้นเดินผ่าน จะต้องมีสาวทักทายบ้างไม่มากก็น้อย ขณะที่อยู่กันสองคน เจ๋งเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อน

“เพื่อนผมมันมีเสน่ห์ สาวๆชอบเยอะ แต่ผมสิมีแต่เสนียด” เจ๋งพูดไปยิ้มไปด้วย

“งั้นก็แสดงว่าพันธุ์เดียวกันนะสิ นอกจากพี่จะมีเสนียดแล้ว พี่ยังกาลีบ้านกาลีเมืองอีกต่างหาก” ผมพลอยผสมโรงด้วยเช่นกัน

“โหยพี่ หนักกว่าผมอีก” แล้วก็หัวเราะกันครื้นเครง

เมื่อตั้นมาสมทบ เราจึงคุยกันอย่างออกรสออกชาติ มิน่าล่ะ เขาถึงว่า อยู่กับเด็กเรามักจะสดชื่นไปด้วย คุยกันไปมาจึงรู้ว่า ตั้นและเจ๋งเรียนวิศวะ ปี 4 กันแล้ว
เมื่อได้เวลาพอสมควร เราก็แยกย้ายกัน ผมตรงดิ่งกลับหอพักทันที

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

“เออ ตั้น คุยกันตั้งนาน พี่ปั่นเขาเรียนอะไรวะ” เจ๋งเป็นฝ่ายถามตั้น

“ไม่เรียนแล้วมั้ง เจอพี่แกเมื่อกี้ก็บอกว่ามาขายประกันนี่นา”

“ขายประกันอะไรวะ นายไม่เห็นเหรอที่เขาทักเพื่อนก่อนกินข้าว ดูแต่ละคนเหมือนผู้ใหญ่เนิร์ดกันทั้งนั้นนะโว้ย เมื่อกี้เราสังเกตกระเป๋าพี่แก หนังสือมันโผล่ออกมามีแต่ชื่อภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย เราว่านะ มันไม่ใช่หนังสือระดับปริญญาตรีแน่ๆเลย” เจ๋งไซร้และตั้งข้อสังเกต

“เหรอ พ่อนักสืบ” ตั้นอึ้งๆขึ้นมาบ้าง “ไม่เป็นไร ถ้าเจออีกก็รู้....” ตั้นรู้สึกว่า ตัวเองรั่วๆไปหรือเปล่าว้า ไปทักพี่แก ขายประกงประกัน แต่แกก็ยิ้มๆดีนี่นา อดตำหนิตัวเองไม่ได้ ไมช่างสังเกตเลยนิเรา.........