Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 391
Message ID: 172
#172, RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
Posted by sarawatta on 28-Apr-12 at 10:12 PM
In response to message #0
ตอนหน้าคาดว่าน่าจะจบแล้ว ใจหายเหมือนกัน...รู้สึกรักตัวละครสองตัวนี้ยังไงไม่รู้

------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 37

"สวัสดีครับ คุณทิวใช่ไหมครับ"

"ครับ พูดสายอยู่ครับ จากไหนครับ"

"อ๋อ...ผมเป็นลูกค้าของโรงแรมครับ วันนี้ว่าจะเข้าไปพักที่นั่น วันนี้คุณทิวอยู่ที่โรงแรมหรือเปล่าครับ"

"อ๋อ...อยู่ครับ จองไว้แล้วใช่ไหมครับ" ทิวถามพร้อมกับความรู้สึกสงสัยบางอย่าง ปกติไม่เคยมีลูกค้าคนไหนโทรเข้ามือถือเขาด้วยเรื่องนี้เลยเพราะเขาไม่ได้มีหน้าที่จองห้องพักเสียหน่อย

"ยังหรอกครับ จะให้คุณทิวช่วยจองให้หน่อยน่ะครับ"

"อ๋อ...พอดีผมไม่ได้อยู่ตรงส่วนจองห้องพักน่ะครับ รอสักครู่นะครับเดี๋ยวให้คุยกับ..."

"เดี๋ยวๆๆๆ ผมจะคุยกับคุณนั่นแหละ คุณช่วยจองให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ ผมเป็นลูกค้าพิเศษคนสำคัญของคุณเลยนะครับ"

เอ...ลูกค้าคนนี้เป็นใคร เขาก็บอกแล้วนี่นาว่าเขาไม่ได้มีหน้าที่จองห้องแล้วจะมารบเร้าให้เขาจองห้องให้ได้ยังไงล่ะ เสียงก็บี้ๆ แบนๆ จะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ไม่คุ้น

"ขอโทษนะครับ ผมรบกวนขอทราบชื่อลูกค้าได้หรือเปล่าครับ"

"อ๋อ...เดี๋ยวคุณเจอผมก็จะรู้จักเองแหละครับ เนี่ย...ผมใกล้จะถึงแล้ว"

ทิวชักเริ่มจะหงุดหงิดเพราะดูเหมือนลูกค้าคนนี้ชักจะคุยไม่รู้เรื่อง "คุณครับ ผมจองห้องพักให้คุณไม่ได้จริงๆ ครับ ถ้าคุณอยากจองห้องพักต้องคุยกับฟร้อนท์นะครับ"

"ก็ผมจะคุยกับคุณ ทำไมต้องคุยกับฟร้อนท์ด้วยล่ะครับ คุณจองห้องให้ผมไม่ได้เหรอ ไม่เห็นจะยากเลยนี่ครับ"

ทิวชักจะเริ่มโมโห ท่าทางลูกค้าคนนี้จะพูดไม่รู้เรื่องเสียด้วย เขาก็ยิ่งมีงานเยอะอยู่ จะมัวแต่คุยเล่นแบบนี้ไม่ได้ "เอาอย่างงี้ละกันครับ คุณก็วอล์กอินเข้ามาเลยละกัน ตอนนี้ยังพอมีห้องพักเหลืออยู่"

"ก็ได้...แต่ผมอยากเจอคุณทิว คุณทิวออกมาเจอผมที่นอกโรงแรมหน่อยได้ไหมครับ"

ทิวชักงงไปกันใหญ่ คนโทรมานี่นึกสนุกอะไรของเขาถึงได้กวนประสาทแบบนี้ "คุณครับ ผมทำงานอยู่นะครับ คงออกไปพบคุณนอกโรงแรมไม่ได้หรอกครับ" ทิวตอบเสียงดุ

"ดุจัง...ถ้างั้นก็ให้เลิกงานก่อนสิครับ เดี๋ยวผมจะรอ"

ทิวอยากจะบอกไปเหลือเกินว่ามันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปพบคุณ รู้จักก็ไม่รู้จัก "คุณเป็นใครผมยังไม่รู้เลย แล้วผมจะออกไปพบคุณได้ยังไงครับ" ทิวพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพที่สุด แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนกลั้นหัวเราะ

"คุณทิว...ผมเป็นลูกค้าคนสำคัญของคุณนะครับ ถ้าคุณไม่ออกมาพบผม คุณอาจจะต้องหางานทำใหม่ ผมไม่ได้ขู่นะครับ แต่ผมพูดจริงๆ ผมรู้จักกับเจ้านายของคุณดีเชียวล่ะ เดี๋ยวผมจะรออยู่ที่ชายหาดหน้าโรงแรมคุณนี่แหละ ผมใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า อย่าให้ผมต้องรอนานนะครับ เลิกงานแล้วก็รีบออกมาหาผมทันที ไม่อย่างนั้น...คุณอาจจะตกงานได้"

ทิวนิ่งอึ้งและงุนงง นายคนนี้เป็นใครกันบังอาจมาสั่งเขาแบบนี้ แถมยังขู่อีกด้วยว่าถ้าไม่ออกไปพบเขาอาจจะถูกไล่ออกได้ ประสาทหรือเปล่า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว "ขอโทษนะครับ ผมกำลังทำงานอยู่ คงไม่มีเวลาคุยเล่นสนุกแบบนี้"

แล้วทิวก็ตัดสินใจวางสายไปอย่างอารมณ์เสีย สงสัยจะเป็นคนโรคจิตโทรมาแน่ๆ เลย แต่อีกใจก็รู้สึกหวั่นๆ อยู่เหมือนกันเพราะเขาก็ยังไม่อยากตกงานตอนนี้ ไม่รู้ว่าหมอนั่นพูดจริงหรือพูดเล่น

ส่วนฝ่ายคนที่โทรมานั้น หลังจากทิววางสายไปแล้วเขาก็เอามือที่บีบจมูกออก แล้วก็นั่งยิ้มด้วยความชอบใจอยู่ริมชายหาด ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปหาทิวแบบธรรมดานั่นแหละ แต่ถ้าทำให้ทิวเซอร์ไพรส์ก็น่าจะดี บูมอยากรู้ว่าเวลาที่ทิวเจอเขาโดยไม่คาดฝัน ทิวจะดีใจมากแค่ไหน อดทนอีกนิดนะบูม ใจเย็นๆ ก่อน ยังไงก็ได้เจอกันแน่

พอใกล้เวลาเลิกงาน บูมก็โทรไปหาทิวอีก เขาเพิ่งไปซื้อซิมมาใหม่เพราะรู้ว่าทิวจำเบอร์โทรศัพท์เขาได้ เขายังไม่อยากให้ทิวรู้ตอนนี้

"คุณทิว อย่าลืมนะครับว่าเรานัดกันไว้ ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมมีเบอร์เจ้านายคุณด้วย จะให้ผมบอกเบอร์ก็ได้ 08-1xxx-xxx เขาชื่อคุณจอห์น ใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่ออกมาพบผม ผมจะสายตรงถึงเขาแล้วบอกว่าคุณน่ะเป็นพนักงานที่ไม่ดี ไม่รู้จักบริการลูกค้า"

ทิวได้ฟังแล้วก็ชักจะโมโห แต่เบอร์และชื่อที่เขาพูดนั้นก็ทำให้ทิวรู้ว่าเขาคงไม่ได้ขู่เพราะเจ้านายเขาชื่อจอห์นจริงๆ ส่วนเบอร์นั้น ถึงทิวจะจำไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็คล้ายๆ อย่างที่หมอนั่นบอกมานั่นแหละ

"อีก 20 นาทีเดี๋ยวผมออกไป" ทิวบอกอย่างหัวเสียแล้วเขาก็เดินไปบอกแต๋งที่กำลังเตรียมตัวจะกลับว่า

"แต๋ง...พอดีพี่มีธุระนิดหน่อย พี่จะกลับเองนะ แต๋งไม่ต้องไปส่งพี่หรอก"

"อ๋อ...ครับ" แต๋งรับคำอย่างงงๆ ไม่เห็นทิวจะบอกเขาเลยว่ามีธุระ หรือว่าจะเพิ่งมีตอนนี้ แต่ทำไมดูท่าทางอารมณ์ไม่ดี ปกติเขาไม่ค่อยเห็นทิวอารมณ์เสียแบบนี้นัก

-------------------------------------------------------

หกโมงเย็นแล้วทิวก็ออกมาจากโรงแรม เขาเดินมาที่ชายหาดด้านหน้าโรงแรมแล้วก็พยายามเมียงมองหาผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า เดินหาอยู่สักพัก ทิวก็เจอชายคนหนึ่งยืนกอดอกมองดูทะเลอยู่เงียบๆ คนเดียว เขาใส่เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า ก็น่าจะเป็นคนนี้แหละ ทิวจึงเดินเข้าไปหาด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดพอสมควร พอใกล้ถึงตัวทิวก็ถามไปว่า

"โทษนะครับ ใช่คุณหรือเปล่าครับที่บอกให้ผมมาหา"

บูมหันหน้ามามองแล้วก็ตอบพลางยิ้มว่า "ใช่ครับ ผมนี่แหละ จำผมได้หรือเปล่า"

แม้ว่าท้องฟ้าจะเริ่มมืดไปบ้าง แต่ทิวก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร คนที่เขาเฝ้ารอคอยและคิดถึงมาตลอดระยะเวลาสามปี คนที่เขาต้องยอมตัดขาดการติดต่อทั้งที่ยังรักเพราะครอบครัวของเขาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าบูมจะมาที่นี่ได้ยังไง แต่ทิวก็บอกตัวเองได้ว่าเขาดีใจที่สุดในชีวิตแล้ว ที่แท้เจ้าหมอนั่นที่กวนประสาททิวมาทั้งวันก็คือบูมนี่เอง

"บูม"

"ทิว"

สองหนุ่มโฟเข้ากอดกันแน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ นึกว่าชาตินี้จะต้องตายจากกันไปเสียแล้ว ความรักและผูกพันตลอดหลายปีที่ผ่านมา บวกกับการเคยได้ใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างกันเหมือนคู่สามีภรรยา ทำให้สายสัมพันธ์นั้นเหนียวแน่นมาก ยากที่จะตัดขาดออกจากกันไปได้ง่ายๆ จะว่าไปแล้ว ทิวกับบูมก็คือคู่ชีวิตกัน ไม่ได้เป็นเพียงคนรักกันธรรมดา แม้ว่าจะต้องพรากจากกันไปจนตายก็คงไม่สามารถลืมกันและกันได้ง่ายๆ

ทิวกับบูมผละออกจากกันเล็กน้อยแต่ก็ยังประคองกันไว้อยู่เพื่อที่จะได้มองหน้ากันได้ชัดๆ ต่างคนต่างยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มที่บ่งบอกว่ารู้สึกดีใจมากเพียงใดที่ได้เจอคนรักที่ตามหามานาน ยิ้มที่ดูเศร้ากับชะตาชีวิตและการพลัดพราก ยิ้มให้กับความอดทนและมั่นคงในความรักของเขาทั้งสองคน และยิ้มให้กับความหวังว่าต่อไปนี้คงจะไม่มีสิ่งใดมาพลัดพรากเขาสองคนให้ต้องจากกันอีกแล้ว

แต่ยังหรอก...บูมยังอยากให้ทิวเซอร์ไพรส์มากกว่านี้อีก

"ทิว...เราดีใจเหลือเกินที่เราได้เจอนายอีกครั้ง"

"เราก็เหมือนกัน นึกว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้วชาตินี้"

ดูเหมือนว่าคำพูดที่พูดออกมาก็ฟังดูธรรมดาเหลือเกิน เพราะบางทีคำพูดก็ไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกในใจได้ทั้งหมดหรอก แต่น้ำเสียง สีหน้าและท่าทางนั้นบ่งบอกความรู้สึกต่างๆ ทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

"ที่เรากลับมาครั้งนี้...เพราะเรา...อยากจะมายกเลิกคำสัญญานั้น นายจำได้ใช่ไหมว่าเราสัญญาอะไรกันไว้ที่นี่"

จากที่ยิ้มๆ ทิวก็เริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี "จำได้สิ" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

"นั่นแหละ เราจะมายกเลิกสัญญานั้น"

"นายเจอคนที่นายรักแล้วเหรอ" ทิวถามด้วยเสียงเศร้า

บูมพยักหน้า เห็นทิวทำหน้าเศร้าแล้วเขาก็สงสารเหมือนกัน แต่เพื่อให้ทิวประหลาดใจเขาก็ต้องทำต่อไป

"ใช่...เราเจอแล้ว แล้วเราก็รักเขามากเสียด้วย เราก็เลยว่าจะ...ขอยกเลิกสัญญา แล้วเราก็จะได้กลับไปหาคนที่เรารักเสียที"

ทิวหน้าเสีย จากที่เมื่อสักครู่นี้เขาดีใจแทบเป็นแทบตาย แต่พอได้ยินแบบนี้แล้ว ทิวก็อึ้งไปเหมือนกัน นี่สรุปว่าบูมหมดรักเขาแล้วหรือ เขานึกว่าบูมจะจริงจังกับความรักครั้งนั้นเสียอีก

"ได้ไหมทิว...เรายกเลิกสัญญานั้นกันดีไหม"

ทิวเริ่มมีน้ำตามาคลออีกครั้ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบูมจะลืมเขาแล้ว "นายคงจะ...คงจะรักคนๆ นั้นมากเลยสินะ"

"ใช่สิ...รักมากๆ เลย เรารักเขามาก เราก็เลยต้องมาหานายถึงที่นี่เพื่อยกเลิกสัญญาไงล่ะ" บูมรีบตอบทันควัน

อ๋อ...ที่แท้ที่มาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ไม่ได้มาเพราะรักหรือคิดถึงอะไรหรอก เสียแรงที่อุตส่าห์รอคอย "ก็...แล้วแต่นายละกัน เราไม่มีปัญหาหรอก ถ้านายอยากยกเลิก เราก็ยินดียกเลิก"

"ขอบคุณมากทิว เราจะได้กลับไปหาคนๆ นั้นเสียที เดี๋ยวเรากลับก่อนนะ เราต้องรีบไป"

ทิวได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เขาคิดถึงบูมมากแค่ไหนรู้ไหม แต่บูมกลับมาเพื่อยกเลิกสัญญาแล้วก็จะรีบไป อย่างน้อยถึงไม่รักกันแล้ว จะอยู่คุยกันสักหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมใจดำแบบนี้ล่ะบูม นายไม่คิดจะถามไถ่อะไรเราบ้างหรือ

"จะกลับเลยเหรอ"

"อืมๆ...มันมืดแล้วด้วย เดี๋ยวเขาจะรอเราแย่เลย เรารู้ว่าเขารออยู่ รอนานมากแล้วด้วย" บูมบอกหน้าตาย แม้จะสงสารทิวแค่ไหนแต่เขาก็พยายามที่จะแข็งใจทำต่อให้จบ อีกไม่นานนายก็จะรู้ว่าคนๆ นั้นที่เราพูดหมายถึงใคร

"ก็...แล้วแต่นายละกัน...โชคดีนะ" ทิวพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มันจุกในอกไปหมด คิดไม่ถึงว่าคนที่เคยรักกันจะทำเหมือนไม่มีเยื่อใยแบบนี้เลย

"โชคดีนะทิว อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน เราไปก่อนนะ"

บูมพูดจบก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลาแล้วแกล้งทำเป็นเดินจากไป ทิวได้แต่มองตามตาละห้อย บูมรู้สึกว่าทิวคงกำลังมองเขาอยู่เขากลัวว่าจะเสียแผนก็เลยหันไปบอกทิวว่า

"ทิว...นายอย่ามองเราสิ เราไม่อยากให้นายมองเราด้วยสีหน้าแบบนั้น นายมองไปที่อื่นได้ไหม"

เอากับเขาสิ แม้แต่จะมองก็ไม่ได้ นี่บูมเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยหรือนี่ ทิวจึงหันไปทางอื่นแล้วก็ปล่อยให้บูมเดินจากไป เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ รู้อย่างนี้...อย่าเจอกันเสียเลยดีกว่า มันเจ็บมากรู้ไหมบูมที่นายทำกับเราแบบนี้ ตายจากกันไปยังไม่เจ็บเท่านี้เลย

ในขณะที่ทิวกำลังคิดน้อยใจอยู่นั้น เสียงที่คุ้นหูก็ดังมาจากข้างหลัง

"ทิว...นายรู้แล้วเหรอว่าคนที่เราพูดหมายถึงใคร"

ทิวหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็ต้องตกใจ บูมนั่นเอง บูมกลับมาทำไมอีก จะทำให้เขาเจ็บอีกสักแค่ไหนถึงจะพอใจ

"ไม่รู้...เราจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่ได้ติดต่อกันทั้งสามปี" ทิวพูดพลางสะอื้น

"ก็นายไง คนที่เราพูดถึงก็คือนายนั่นแหละ" บูมบอกพลางยิ้ม

"ไอ้คนบ้า ทำไมแกล้งเราแบบนี้" ทิวว่าแล้วก็เดินมาทุบอกบูมใหญ่ด้วยความโมโห ปกติเขาไม่เคยเรียกบูมว่า "ไอ้" เลย แต่ครั้งนี้ทิวโมโหจริงๆ

"โอ๊ย" บูมร้อง แต่ก็ไม่ได้ห้ามจริงจัง เขาตัดสินใจดึงทิวเข้ามากอดไว้ ทิวทุบเขาอยู่พักหนึ่งแล้วก็หยุด ทิวกอดเขาตอบแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลย

"คนบ้า...ทำไมแกล้งเราแบบนี้ รู้ไหมว่าเราเสียใจแค่ไหน ฮือๆๆ ไม่สนุกเลยนะ ฮือๆๆ"

บูมลูบหลังแล้วก็คอยโอ๋

"ทิว เราขอโทษ เราขอโทษนะ เราจะไม่แกล้งนายแบบนี้อีกแล้ว ขวัญเอ๋ยขวัญมา อย่าร้องไห้นะ คนดีของบูม อย่าร้องไห้ เรากลับมาหานายแล้ว เราจะไม่จากไปไหนอีก" ทิวคงจะเสียขวัญมากทีเดียว จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่น่าแกล้งทิวถึงขนาดนี้เลย บูมรู้สึกสงสารทิวจนน้ำตาซึม

"คนดีของบูม" ทิวไม่ได้ยินคำนี้มานานเหลือเกิน เป็นคำพูดเพียงคำเดียวสั้นๆ ที่บอกทุกความรู้สึกทั้งหมดที่บูมมีให้เขา ทิวจึงกอดบูมแน่นอีกครั้ง เนิ่นนานจนเสียงสะอื้นค่อยๆ เงียบหายไป อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้นช่วยปลอบประโลมใจทิวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะวันนี้ วันที่ผ่านมาหรือวันข้างหน้า

บูมค่อยๆ คลายอ้อมแขนแล้วกอดทิวไว้อย่างหลวมๆ ใช้มือเกลี่ยผมบนหน้าผากทิวออกเพื่อที่จะได้เห็นหน้าทิวได้ชัดๆ

"กลับไปอยู่กับเรานะทิว เรามาที่นี่วันนี้ก็เพราะว่าเราจะมารับนายกลับไปอยู่กับเรา ที่บ้านของเรา"

"แล้วแม่ของนาย..."

"ก็แม่นี่แหละที่บอกให้เรามารับนายไปอยู่ด้วย"

"จริงเหรอบูม...นายไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม" ทิวทำสีหน้าไม่เชื่อ วันนี้บูมแกล้งเขาหลายอย่างจนเขาไม่อยากจะเชื่อแล้ว

"จริงสิ เราจะโกหกนายทำไม เราบอกแล้วไงว่าเราไม่แกล้งนายแล้ว" บูมบอกพลางยิ้มและขำเล็กน้อย "จะเรียกสินสอดเท่าไร เราก็ยอมหมดตัวเลยนะ ขอแค่ให้นายกลับไปอยู่กับเรา" บูมพูดติดตลกในตอนท้าย

ทิวขำไปด้วยแต่ก็ดีใจที่แม่ของบูมเข้าใจเขาสองคนแล้ว ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ คงจะไม่มีแม่ดีๆ คนไหนที่จะทนเห็นลูกมีชีวิตที่มีความทุกข์ได้ตลอดไปหรอก แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานหลายปี แต่คุณทิพย์นภาก็ยอมลดทิฐิของตัวเองลงเพื่อที่จะไม่ให้ลูกชายคนเล็กต้องซึมเศร้าไปมากกว่านี้

แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่บูมได้คิดวางแผนไว้แล้ว เขาให้ทิวสัญญากับเขาไว้ก่อนจากกันไปเพื่อเขาจะพอมั่นใจได้ว่าทิวจะรอเขาอยู่ และเขาก็พยายามอดทนที่จะมีชีวิตอยู่แบบนั้นเพื่อให้แม่ได้เห็นความมั่นคงในความรักของเขา ได้เห็นตัวตนของเขาที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ โชคดีที่แม่ได้เห็นและยอมรับได้แล้วแม้ว่าจะใช้เวลานานไปหน่อย ส่วนทิวนั้น บูมก็อยากให้ทิวได้เห็นว่า...เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องว่า แต่เขา...พร้อมที่จะอดทนและทำทุกอย่างเพื่อความรักของเขาทั้งสองคนได้เสมอ...เพื่อที่จะให้มีวันนี้

"นายรู้ไหมว่า...ที่ความรักของเรามีอุปสรรคตลอด มันอาจจะเป็นเพราะว่า...เรายังทำอะไรบางอย่างไม่ครบนะ" บูมเกริ่นขึ้นมาเมื่อต่างคนต่างเงียบกันไปสักพัก

"อะไรเหรอ" ทิวถามด้วยท่าทางอยากรู้

"รอเราแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเรามา" บูมบอกแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป ทิวรีบคว้ามือเขาไว้ทันที

"นายไม่ได้แกล้งเราอีกใช่ไหม"

บูมเห็นแล้วก็ขำ ทิวคงประสาทเสียที่ถูกเขาแกล้งก็เลยยังหวาดระแวงอยู่นั่นเอง

"ไม่แกล้งหรอก เชื่อเรานะทิว เราไม่แกล้งให้นายเสียขวัญแบบนั้นอีกแล้วล่ะ รู้ไหมว่าเราก็เสียใจเหมือนกันที่แกล้งนายแบบนั้น" บูมบอกด้วยสีหน้าเศร้า

ทิวจึงยอมปล่อยมือ

"เดี๋ยวเรามานะ"

บูมบอกแล้วก็เดินแกมวิ่งขึ้นไปบนชายหาด เขาจอดรถไว้ใกล้ๆ แถวนี้ บูมเข้าไปในรถสักพักก็เดินกลับมาด้วยเสื้อสีขาวแขนสั้นคล้ายๆ ชุดนักเรียนมัธยม เมื่อทิวเพ่งมองดีๆ ก็เห็นว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนมัธยมจริงๆ ด้วย แต่เหมือนจะมีอะไรเขียนไว้เต็มไปหมดเลย

พอบูมเดินเข้ามาใกล้ทิวจึงได้เห็นว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนของบูมที่ใส่สำหรับให้เพื่อนเขียนเฟรนด์ชิปในวันสุดท้ายก่อนจบนั่นเอง

"เหลือนายคนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เราเหมือนกัน เขียนให้เราด้วย" บูมบอกพลางส่งปากกาสำหรับเขียนให้ด้วย

"นายยังใส่ได้อีกเหรอ" ทิวถามพลางขำแล้วรับปากกามา

"เราไม่ได้อ้วนขนาดนั้นเสียหน่อย ก็ยังพอใส่ได้อยู่" บูมบอกแล้วก็ขำเล็กน้อย

ทิวนึกอยู่ไม่นานนักก็ค่อยๆ เขียนข้อความลงไปบนเสื้อนักเรียนของบูม พอเขียนเสร็จแล้วบูมก็ถาม

"นายเขียนว่าไง อ่านให้เราฟังด้วยสิ"

"อ่านเองสิ" ทิวบอกด้วยท่าทางเขินๆ

"ทำไมล่ะ คราวที่แล้วเรายังอ่านให้นายฟังเลย คราวนี้นายต้องอ่านให้เราฟังด้วยสิ นะ...ผลัดกัน"

ทิวมองบูมแล้วก็ยังลังเลเพราะรู้สึกเขินที่จะอ่านข้อความที่เขียนนั้น แต่เห็นบูมรอยู่ ทำให้ทิวรู้สึกกดดันจนสุดท้ายก็ต้องยอมอ่าน

"อุ่นใจเสมอถ้าโลกนี้...ยังมี...บูม"

ได้ฟังแค่รอบเดียวบูมก็น้ำตารื้นแล้ว อดที่จะกอดทิวไว้ด้วยความรักสุดหัวใจอีกไม่ได้ เขาจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของทิวต้องอ้างว้างและเหน็บหนาวอีกต่อไป เราอยู่ตรงนี้แล้ว เราจะดูแลนาย เราจะดูแลกันและกัน ความรักของเราได้ผ่านพ้นกาลเวลาและอุปสรรคต่างๆ ไปหมดแล้ว เราจะอยู่เพื่อให้ความอบอุ่นกับนายไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ทิวกอดบูมตอบ อ้อมกอดของบูมยังคงอบอุ่นเสมอ กลิ่นหอมอุ่นๆ จากผิวกายของบูมก็ยังเหมือนเดิม แม้ว่าจะจากกันไปตั้งสองครั้งสองครา แต่ความรักก็ได้นำพาให้ผู้ชายที่แสนอบอุ่นคนนี้กลับมาหาเขาอีกครั้ง ชีวิตที่ไม่เหลือใครของทิวก็มีแต่บูมนี่แหละที่ยังคงเป็นที่พึ่งทางกายและใจให้เขามาตลอด

เมื่อทิวเพ่งมองดีๆ ก็พบว่ามีใครบางคนกำลังยืนมองเขากับบูมอยู่ เมื่อพิจารณาจากรูปร่างและเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทิวก็เริ่มจำได้ แต๋งนั่นเอง แต๋งกำลังยืนมองดูเขากับบูมกอดกันอยู่!!!