Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 391
Message ID: 181
#181, RE: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
Posted by sarawatta on 01-May-12 at 08:26 AM
In response to message #0
ตอนที่ 38

บูมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงค่อยๆ ปล่อยทิวออกจากอ้อมกอด เห็นทิวเหมือนกำลังมองอะไรอยู่ บูมจึงหันไปมองตาม ก็เห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าบึ้งตึง เดาจากที่เห็นคาดว่าน่าจะอายุน้อยกว่าเขาสองคนอยู่ 2-3 ปี

"หมายความว่ายังไงครับพี่ทิว" แต๋งถามพลางพยายามสะกดกลั้นน้ำตาไว้ เขาจ้องหน้าทิวไม่วางตา

ทิวหน้าเสียเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่ากลัวหรอก แต่ไม่คิดว่าแต๋งจะตามมาเห็น

"อะไรเหรอทิว" บูมถามพลางมองหน้าทิวและแต๋งด้วยความสงสัย

"ผมขอคุยกับพี่ทิวสองคนได้ไหมครับ อ้อ...คุณคงไม่รู้สินะว่าผมกับพี่ทิวเป็นแฟนกัน เราคบกันมาได้เกือบปีแล้ว"

เสียงทุกอย่างเงียบลง เหลือแต่ท่าทางตกตะลึงของบูมกับทิว ทิวตกใจเพราะไม่คิดว่าแต๋งจะกล้าพูดแบบนั้นทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเขาไม่เคยยอมรับเลยว่าเป็นแฟนกับแต๋ง ส่วนบูมตกใจเพราะเขาไม่คาดคิดว่าทิวจะไม่รักษาสัญญา เขาคิดมาตลอดว่าทิวจะมั่นคง ที่ผ่านมาทิวก็มั่นคงมาตลอดแม้ว่าจะไม่เคยสัญญา แล้วทำไมตอนนี้ทิวถึงได้ทำแบบนี้

"ไหนว่านาย..." บูมกลืนก้อนที่วิ่งขึ้นมาจุกที่คอลงไปอย่างยากเย็น

"บูม...มันไม่ใช่แบบนั้นนะ เราไม่ได้" ทิวพยายามจะบอกความจริง

แต่แต๋งก็รีบขัดขึ้นมาก่อนว่า "พี่ก็บอกเขาไปสิครับว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน"

ทิวอ้าปากค้าง "แต๋ง...แต๋งพูดแบบนี้ได้ยังไง พี่ไม่เคย"

ยังไม่ทันได้พูดจบ บูมก็เดินแกมวิ่งออกไปแล้ว

"บูม เดี๋ยวก่อน นายกำลังเข้าใจเราผิดนะ บูม" ทิวร้องเรียกตาม แต่บูมก็ไม่หยุด ทิวจึงตัดสินใจวิ่งตามไป

แต๋งรีบคว้ามือทิวไว้ ทิวหันมามองแล้วก็พยายามดึงมือออก

"แต๋ง ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ" ทิวบอกเสียงดุ

"พี่ทิว เราต้องคุยกันนะครับ"

"ไว้ค่อยคุยกันได้ไหมแต๋ง พี่ไม่พร้อมจะคุยอะไรตอนนี้ทั้งนั้น" ทิวรู้สึกเหมือนใจจะขาด บูมเดินไปถึงรถแล้ว อีกไม่ช้าก็คงจะขับออกไป

"แต่เราต้องคุยกันนะครับ ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าพี่มีคนอื่นแล้ว ปล่อยให้ผมบ้าบออยู่ได้ตั้งนาน" แต๋งเริ่มโมโหบ้าง

เสียงสตาร์ทรถทำให้ทิวถึงกับเข่าอ่อน เขาทรุดลงไปนั่งกับผืนทรายแล้วก็ร้องไห้ บูมขับรถออกไปแล้ว บูมกำลังจากไปพร้อมความเข้าใจผิดนั้น

"บูม เราไม่ได้ผิดสัญญา นายกำลังเข้าใจผิด เราไม่ได้ผิดสัญญา"

แต๋งค่อยๆ ปล่อยมือทิวเมื่อเห็นทิวร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสารแบบนั้น ทิวคงจะรักผู้ชายคนนั้นมาก ตอนแรกแต๋งนึกว่าผู้ชายคนเมื่อกี้นี้คงเป็นแฟนใหม่ของทิว เขาก็เลยโมโหทิวที่ไม่ยอมบอกความจริงกับเขา แต่เมื่อคิดทบทวนจากสิ่งที่เห็น ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นคนที่ทิวเคยรักมากและรักกันมานานแล้ว

"พี่ทิว...แต๋งขอโทษ" แต๋งบอกพลางย่อตัวนั่งลงข้างๆ สีหน้าบ่งบอกว่าเขารู้สึกผิด

ทิวเบือนหน้าหนี ตอนนี้เขาไม่อยากฟังอะไรจากแต๋งทั้งสิ้น ความรักที่เขาอุตส่าห์เฝ้ารอคอยมานานแสนนาน กำลังเข้าใจกันได้ดีอยู่แล้ว แต๋งก็มาทำเรื่องให้ต้องผิดใจกันอีก

"พี่เคยบอกแต๋งแล้วใช่ไหม...ว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับแต๋งมากกว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะพี่รักใครไม่ได้อีกแล้ว...นอกจากผู้ชายเมื่อกี้นี้ พี่กับเขารักกันมาตั้งนานแล้ว เขากลับมาหาพี่ตามที่เราสัญญากันไว้ แต่..." ทิวพูดไม่ออก เขายังคงสะอื้นไห้ สายตามองไปที่ถนนเพื่อมองหาบูม แต่บูมก็จากไปแล้ว

"พี่ทิว...แต๋งขอโทษ แต๋งไม่ได้ตั้งใจ แต๋งขอโทษนะครับพี่..." เสียงของแต๋งค่อยๆ หายไป ตอนนี้คำขอโทษของเขาคงไม่มีความหมายอะไรมากนัก มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น คนที่ทิวรักก็จากไปแล้ว ส่วนเขากับทิวก็คงบาดหมางใจกันพอสมควร

-------------------------------------------------------------

ทิวกลับมาที่ห้องพักแล้วก็พยายามโทรหาบูม แต่บูมก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา จนในที่สุดทิวก็เลิกความพยายามนั้น ตอนนี้บูมคงผิดหวังในตัวเขามาก จะว่าไปแล้วทิวก็ต้องโทษตัวเองเหมือนกันที่ไม่เด็ดขาดและปล่อยให้แต๋งเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตจนเกินขอบเขตแม้ว่าจะไม่ได้คิดอะไรกับแต๋งเลยก็ตาม เป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้กับทิวที่จะต้องเรียนรู้การใช้ชีวิต

เขาไม่ได้ผิดสัญญาหรอก ไม่ว่าจะทางใจหรือกาย บูมแค่เข้าใจเขาผิดเท่านั้น ทิวจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ เขารักบูมมากและก็รู้ว่าบูมรักเขามาก ทิวจะต้องขึ้นไปกรุงเทพ ไปหาบูมและปรับความเข้าใจกัน ถ้าไม่ติดว่าเขาทำงานอยู่ ทิวก็คงจะไปตอนนี้เลย แต่เขาจะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนลา ยกเว้นว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีธุระด่วนจำเป็นคอขาดบาดตายจริงๆ

แล้วเขาจะต้องรออีกกี่วัน จะปล่อยให้บูมเข้าใจผิดอยู่แบบนี้อีกกี่วัน ภายในไม่กี่วันที่เขารอนี้อะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เขาคงต้องเลือกแล้วล่ะว่าชีวิตของเขาตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด

--------------------------------------------------------

บูมกลับมาถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน คนในบ้านส่วนใหญ่ก็นอนหลับกันหมดแล้ว มาถึงบูมก็ไม่พูดไม่จาเดินดุ่มๆ ตรงขึ้นไปบนห้องนอนเขาทันที ก่อนจะเข้าไปในห้องก็มีเสียงทักขึ้นมาว่า

"อ้าวบูม กลับมาแล้วเหรอ ทิวล่ะ"

บีมนั่นเอง พอดีเขาได้ยินเสียงรถของบูมวิ่งเข้ามาในบ้าน รู้สึกสงสัยเลยออกมาดู

"เขาคงไม่อยากกลับมากับผมแล้วล่ะครับ" บูมบอกสั้นๆ แล้วก็เข้าไปในห้องทันที เขารู้ว่าเป็นมารยาทที่ไม่ดีนัก แต่ตอนนี้เขาไม่อยากพูดคุยกับใครเลย

บีมมองตามอย่างงงๆ และสงสัย บูมรักทิวมาก แล้วทำไมทิวถึงไม่ยอมกลับมาด้วย หรือว่า...ทิวจะไม่เหมือนเดิมแล้ว จะเป็นไปได้หรือ ทิวเคยรอบูมได้ตั้งสี่ปีกว่า แต่ก็อย่างว่า...อะไรก็คงเกิดขึ้นได้ แต่ดูท่าทางบูมคงไม่อยากจะบอกอะไรเขาตอนนี้ บีมจึงเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง พรุ่งนี้เขาก็น่าจะรู้แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าบูมไม่บอกเขาก็คงต้องโทรไปหาทิวเอง

--------------------------------------------------------

รุ่งเช้า คุณทิพย์นภาเห็นบูมลงมาพร้อมกับชุดทำงานก็แปลกใจเพราะคิดว่าบูมน่าจะยังไม่กลับไวขนาดนี้ ที่สำคัญ ทิวก็ไม่ได้มาด้วย เธอจึงร้องถามไปว่า

"อ้าวบูม กลับมาแล้วเหรอลูก แล้วทิวล่ะ ทิวไม่กลับมาด้วยเหรอ"

บูมมีสีหน้าเครียดมากขึ้นทันที เขานั่งลงที่โต๊ะอาหารแล้วก็ตอบไปว่า "เขาคงไม่อยากกลับมากับผมหรอกครับแม่"

"มีอะไรหรือเปล่าบูม แม่ถามทิวเขาก็บอกว่าเขายังรักบูมอยู่นะลูก หรือว่า..."

บูมถอนหายใจอย่างหนักใจ เขาอุตส่าห์วาดฝันไว้อย่างดี เขาอุตส่าห์อดทนรอคอย เขาอุตส่าห์เก็บตัวเงียบ ตัดขาดจากสังคมภายนอกเพื่อที่จะให้แม่เห็นความมั่นคงในความรักของเขา จนกระทั่งแม่เข้าใจและยอมที่จะให้เขาพาทิวมาอยู่ด้วย ทิวไม่น่าทำแบบนี้เลย

"ทิว...เขามีแฟนใหม่แล้วครับแม่" บูมกัดฟันพูดออกไปพร้อมกับน้ำตาคลอ

คุณทิพย์นภาตกใจทีเดียวที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกับบีมว่าทำไมเมื่อก่อนทิวถึงรอได้ แต่คราวนี้กลับรอไม่ได้ ถ้ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ทิวก็คงไม่ผิดหรอก ทิวอาจจะคิดว่าบูมคงไม่กลับมาก็เลยตัดสินใจมีคนใหม่ คนที่ผิดก็น่าจะเป็นเธอเองที่กีดกันลูกจนทุกอย่างมันสายเกินไป

"แม่ขอโทษนะลูก มันเป็นความผิดของแม่เอง ถ้าแม่ไม่กีดกันบูม ป่านนี้ก็คง..."

"ไม่ใช่ความผิดของแม่หรอกครับ ใจคนก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ เปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทิวเขาก็ไม่ผิด...มันอาจจะนานเกินไปจนทิวเขาคิดว่าผมคงไม่กลับมา"

คุณทิพย์นภามองลูกชายด้วยความสงสารและเห็นใจ สภาพของบูมตอนนี้ดูอิดโรยมากจนเธอไม่คิดว่าบูมจะไปทำงานได้

"บูม...แม่ว่าสภาพบูมตอนนี้คงไปทำงานไม่ได้หรอกนะลูก แม่ว่าบูมกินข้าวเช้าแล้วก็ขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องของทิว...แม่จะจัดการให้"

บูมมองหน้าแม่ด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

"แม่เดาว่า...บางทีมันก็อาจจะเป็นการเข้าใจอะไรผิดกันก็ได้ ไม่รู้สิ...เท่าที่แม่คุยกับทิว แม่ไม่คิดว่าทิวจะเป็นแบบนั้น เขาอดทนรอบูมมาได้ตั้งหลายปีขนาดนั้น แม่ว่าทิวเขาก็มั่นคงกับความรักมากทีเดียว บูมแน่ใจนะลูกว่าไม่ได้เข้าใจอะไรทิวผิด ตอนนี้บูมกำลังโกรธอยู่ บางทีบูมอาจจะลืมตัวหรือลืมคิดอะไรบางอย่างไป แม่ว่าบูมคิดแล้วทบทวนดีๆ ก่อนดีไหมลูก วันนี้อย่าเพิ่งไปทำงานเลย ตอนนี้สภาพของบูมอิดโรยมาก แถมมีปัญหาแบบนี้บูมคงไม่มีสมาธิทำงานหรอกนะลูก"

"ครับแม่..." บูมรับคำ เขาก็รู้สึกว่าวันนี้เขาไม่ควรจะไปทำงานในสภาพนี้เลย แต่บางทีเขาก็คิดว่าการทำงานอาจจะช่วยให้เขาลืมอะไรหลายๆ อย่างได้ เขาทำแบบนี้จนเคยชินเสียแล้ว

บูมเงียบและครุ่นคิด นึกถึงตอนที่เขาได้ยินเสียงทิวตะโกนแว่วๆ มาว่าเขากำลังเข้าใจทิวผิด แต่ตอนนั้นเขามัวแต่โกรธอยู่ก็เลยไม่สนใจที่จะฟังอะไรทั้งนั้น ทิวหมดรักเขาแล้วหรือ... ตอนที่เขาแกล้งทิว ทิวเสียขวัญมาก เขายังรู้สึกผิดเลยที่แกล้งทิวแบบนั้น แต่เจ้าเด็กนั่นล่ะ เขาก็ประกาศชัดว่าทิวเป็นแฟนและคบกันมาเกือบปีแล้ว

ตอนนี้ภาพในหัวของบูมมีแต่ภาพที่ทิวกำลังเสียขวัญและกอดเขาแน่น และภาพที่เจ้าเด็กนั่นประกาศกร้าวว่าทิวเป็นแฟนเขา ตัดสลับไปสลับมา เมื่อได้คิดทบทวนแล้วบูมก็เริ่มรู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะเข้าใจอะไรผิดก็ได้ แววตาของทิวที่ดีใจอย่างล้นเหลือเวลาที่ได้เจอเขา ภาพที่ทิวกำลังเสียขวัญและกอดเขาแน่น ยามที่กายสัมผัสกันเขาก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น รับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดราวกับว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายหนีหายไปไหนได้ รับรู้ได้ถึงความโหยหาและคิดถึง ที่สำคัญ...รับรู้ได้ถึงความรักที่แสดงผ่านออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ทิวทำในตอนนั้น สิ่งที่เจ้าเด็กนั่นพูดช่างขัดแย้งกับสิ่งที่ได้เขาได้สัมผัสด้วยตัวเองมากทีเดียว ทิวอาจจะยังรักเขามากอยู่ก็ได้ แต่ทิว...ผิดสัญญาหรือเปล่า

---------------------------------------------------

พอบูมกินอาหารเช้าและกลับขึ้นไปบนห้องแล้วคุณทิพย์นภาก็ออกไปทำงาน ระหว่างขับรถเธอก็ตัดสินใจโทรหาทิวเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่นานนักทิวก็รับสาย

"ทิว นี่ฉันเองนะ แม่ของบูม"

"อ๋อครับ สวัสดีครับ"

"ทิวสะดวกคุยไหมตอนนี้ ฉัน...เอ่อ...แม่อยากถามอะไรหน่อย" คุณทิพย์นภาตัดสินใจที่จะเรียกแทนตัวเองว่าแม่เพื่อให้ทิวรู้สึกถึงความใกล้ชิดคุ้นเคยมากขึ้น

"สะดวกครับ ตอนนี้ผมกำลังอยู่บนรถตู้ เดินทางไปกรุงเทพครับ"

"อ๋อ...ทิวจะมาหาบูมหรือเปล่า"

"ครับ พอดี...บูมเขาเข้าใจอะไรผมผิดนิดหน่อยครับ บูมไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลย ผมก็เลยอยากจะมาอธิบายให้บูมฟังด้วยตัวเองครับ"

"ดีแล้วล่ะทิว วันนี้บูมไม่ได้ไปทำงานนะ เมื่อเช้าเขาลงมาแล้วล่ะแต่แม่เห็นสภาพแล้วคิดว่าเขาคงทำงานไม่ไหว ก็เลยให้กลับขึ้นไปนอน ถ้าทิวมาถึงก็ขึ้นไปหาบูมได้เลย แม่จะบอกคนที่บ้านไว้ให้ หรือไม่ก็บอกแพรวว่ามาหาบูม"

ได้ยินชื่อแพรวแล้วทิวก็ตกใจ ทำไมแพรวถึงไปอยู่ที่บ้านบูมล่ะ หรือว่าจะเป็นคนละแพรวกัน

"แพรวเหรอครับ...แพรวที่เคยเป็นคู่หมั้นบูมหรือเปล่าครับ" ทิวถามพลางรู้สึกใจหาย หรือว่าบูมจะเปลี่ยนใจกลับมาแต่งงานกับแพรวแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลย

"ใช่จ้ะ แพรวที่เคยเป็นคู่หมั้นของบูมนั่นแหละจ้ะ แต่ว่า...เขาไม่ได้แต่งงานกับบูมหรอกนะ เขาแต่งกับบีม"

"จริงเหรอครับ" ทิวถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่บีมจะแต่งงานกับแพรว สองคนนี้ไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน แต่ก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยแพรวก็ไม่ได้แต่งงานกับบูม เขาก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

"จ้ะ ถ้าทิวมาถึงแล้วก็ไม่ต้องเกรงใจนะ ขึ้นไปหาบูมได้เลย"

"ครับ...แม่" ทิวรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเรียกคุณทิพย์นภาว่า "แม่" แต่เห็นเธอเรียกแทนตัวเองแบบนั้น ทิวก็เลยเรียกตาม แต่เขาก็รู้สึกดีมากที่ได้เรียกแบบนั้น ทำให้เขานึกถึงแม่ที่จากไปนานแล้ว แต่ถึงจะนานแค่ไหนทิวก็ไม่เคยลืมแม่ ตอนนี้แม่ของเขาไม่อยู่แล้ว แต่ทิวอาจจะได้ "แม่สามี" มาทดแทนแม่จริงๆ ของเขาก็ได้